สามเกลอผจญภัย ใน USA ตอน6 .WOW..KRAPRAO KUNCHAING N SALT EGGS
สามเกลอผจญภัยในUSA พอล อาร์ชี่
ตอน : ตอน6. WOW..KRAPRAO KUNCHAING N SALT EGGS
เดอะปุ๊ตอบผมอย่างนี้ ไม่ใช่กวนทีนนนน....ผมนะครับ เป็นคำพูดติดปากท่านตั้งนานแล้ว....อย่างที่ผมเคยบอกนั่นแหละว่าท่านปากหวานไม่ต้องเติมน้ำตาล กับเพื่อนยังแค่นี้....สตรีหรือจะรอด!!!
ด่ากันพักหนึ่ง ก็จับความได้ว่า ที่LAKE TAHOE ไม่มีสัญญาณมือถือ ท่านเองก็พยายามต่อหาผมตลอดเวลา
เดอะปุ๊บอกว่าแล้วเจอกันเมื่อไหร่จะเล่าเรื่องขับOFF ROAD ให้ฟัง แต่ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อยคือมีน้องสองคน อยากไปจอยเที่ยวกับเราสามคนด้วย....นี่แหละเดอะปุ๊ ท่านหว่านไปทั่วอย่างงี้
ผมบอกว่า จะนั่งกันได้ไงวะ รถก็เช่าคันนิดเดียว (จินจินนั่งได้ อึดอัดนิหน่อย) เอาอย่างนี้แล้วกัน ไปเปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ขึ้น แล้วเพิ่มเงินละกัน แต่มีข้อแม้ให้น้องช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย อย่างนี้ตกลงมั้ย
น้องๆ โอเค ผ่านเดอะปุ๊มา...ซึ่งถือว่าว่าดีสำหรับเราทุกคน เพราะผมก็คิดที่จะเปลี่ยนรถอยู่แล้ว อีกอย่างการเดินทางในช่วงต่อไปหลังจากรับเดอะปุ๊เป็นการเดินทางไกลกว่านี้มาก (ยังไม่บอกครับ จะได้ติดตามผมไปทุกตอน)
เวลาในตอนนั้นเพิ่งบ่ายสามโมง ผมนั้นใกล้ซานฟรานเข้าไปทุกที แต่เดอะปุ๊ถึงซานฟรานเวลาประมาณสองทุ่ม เรานัดพบกันที่โรงแรมที่คณะลูกค้าของเดอะปุ๊พัก
ผมกับเสี่ยแด๋เลยตัดสินใจว่ายังมีเวลาเหลืออยู่มาก เสี่ยแด๋เลยอยากไปเยี่ยมหลานชายที่มาอยู่ซานฟรานตั้งแต่เด็ก โดยที่เสี่ยแด๋ไม่ได้พบหลานเกือบสิบปีแล้ว....ผมตกลงตามนั้น
แต่ก่อนที่ไป ผมขอเอารถไปเปลี่ยนที่สนามบินก่อน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ซานฟรานก็เหมือนกับกรุงเทพฯบ้านเรา ในตอนย็นๆวันอาทิตย์รถที่เข้าเมืองมีมากจริงๆ เพราะวันหยุดที่ไหนๆก็ออกไปเที่ยวนอกเมืองและจะกลับบ้านก็เย็นวันอาทิตย์
ผมขับได้ช้ามาก ระหว่างทางเสี่ยแด๋พยายามโทรติดต่อหลาน เพื่อถามเส้นทางที่จะไปบ้านพักของเขา ปรากฏว่าอยู่ทางฝั่ง OAKLAND เมืองแฝดของซานฟรานที่มีทีมอเมริกันฟุตบอล ซึ่งเป็นทีมโปรดทีมหนึ่งของผม
อยากจะบอกคุณที่ไม่เคยไปเมกาว่า เมกาเป็นประเทศใหญ่ เมืองใหญ่ๆมีถนนมากสายก็จริง แต่ระบบการจัดการเขายอดเยี่ยมมาก ไม่ได้ชมแต่มันเป็นเรื่องจริง ถึงรถจะติดอย่างไร ทุกคนก็พยายามรักษากฎจราจร ไม่เหมือนบ้านเราที่พยายามเบียดซ้ายแทรกขวาให้วุ่นวายไปหมด
สำหรับผมขับรถในเมกาง่ายกว่าเยอะ....เพราะเพียงคุณขับตามกฎ วิ่งบนเลนที่คุณต้องการ และหมั่นสังเกตุป้ายบอกทาง และแซงอย่างมีมารยาทแล้ว เชื่อผมเถอะว่า....คุณขับได้
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากบอกคือคุณจะต้องเป็นคนดูแผนที่เป็น หลักการดูแผนที่มีหลักง่ายนิดเดียวคือดูทิศให้ถูกว่าตอนนี้คุณอยู่ทิศไหน และสถานที่ที่คุณต้องการไปอยู่ทิศใด จากนั้นก็เอามาเทียบดูในแผนที่ จากนั้นดูป้ายที่เขาติดอยู่ตลอดทางเป็นระยะ (บ้านเราติดเหมือนกัน แต่ขับตามป้ายทีไรหลงทุกทีสิน่า...)
เผลอแป็บเดียวผมก็มาถึงสนามบิน ขับไปที่ CAR RENTAL CENTER จัดแจงเปลี่ยนรถเป็นแบบ MINIVAN (รุ่นนี้ไม่มีในบ้านเรา) เพิ่มเงินไปอีก 290 เหรียญ
เจ้ารถคันนี้นั่งได้ 7 คนรวมคนขับ มีอุปกรณ์ครบรวมทั้งระบบ CRUISE CONTROL ซึ่งเป็นระบบตั้งความเร็วในการขับให้คงที่ มีเข็มทิศดิจิตอลที่ปรับเปลี่ยนทิศตามความเป็นจริง มีเครื่องคำนวณความเร็ว ที่สัมพันธ์กับน้ำมันที่เหลืออยู่( ติดตามตอนต่อๆไปมีเรื่องลุ้นระทึกเกี่ยวกับน้ำมันครับ) ทุกอย่างที่มีในรถช่วยในการขับเที่ยวทางไกลของเราได้ทั้งสิ้น
จากนั้น ผมก็ขับไปตามเส้นทางที่หลานเสี่ยแด๋บอก ไม่หลงหรอกครับ( โม้นิน่อย)
บ้านที่หลานเสี่ยแด๋บอกอยู๋บนถนน INDUSTRAIL PKY. เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ มีห้องนอนรวม6 ห้อง ห้องน้ำอีก3ห้อง ราคาประมาณ เจ็ดแสนเหรียญ เพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงปี ยังต้องผ่อนต่ออีก 30 ปี( เหมียนบ้านเราเปี๊ยบเลย)
หลานเสี่ยแด๋ฉลาดครับ แบ่งห้องให้คนอื่นเช่าซะ 4 ห้อง เก็บไว้อยู่เอง 2 ห้อง (ลืมบอกไปว่ามีหลาน2 คน) เก็บค่าเช่าห้องละ 700 เหรียญ แค่นี้ก็พอค่าผ่อนแล้ว แถมได้อยู่ฟรีอีกต่างหาก
ใครจะส่งลูกหลานไปเรียนเมกาจะใช้วิธีนี้ก็ได้ ไม่ผิดกติกาใดๆ แถมตอนกลับ หากเศรษฐกิจดี ขายทิ้งซะก็ได้ อาจได้ราคา แล้วเหลือเงินกลับมา....รวยอย่างเดียว
เสี่ยแด๋แนะนำให้รู้จักหลานซักพัก ทักทายกันพอประมาณ ผมก็บ่นว่าหิว หลานเสี่ยแด๋บอกว่าจะพาไปทานข้างนอก แต่ผมบอกว่า เวลาไม่มี เพราะเดี๋ยวต้องไปรับเพื่อนที่DOWN TOWN อีก ฉะนั้นขอให้กินที่บ้านแล้วกัน
หลานเสี่ยแด๋หัวเราะแหะๆ..... ไม่มีเสบียงสำรองในตู้เย็นเลย ผมก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร มีอะไรก็กินอย่างนั้นแล้วกัน...เดี๋ยวจะแสดงการทำอาหารแบบกระเหรี่ยงให้ทานกัน จากนั้นผมก็ให้เสี่ยแด๋อยู่คุยกับหลานต่อที่ห้องรับแขก
ส่วนผม ไม่พูดพร่ำ (เพราะหิว) เดินเข้าครัวค้นตู้เย็นว่าพอเหลืออะไรบ้าง ผมค้นพบว่าในตู้เย็นมีของสด ดังนี้
1. ต้นกระเพราเหี่ยวๆหนึ่งขยุ้ม 2.พริกขี้หนูแฟบๆ เม็ดใหญ่ๆหลายเม็ดอยู่ (พริกที่เมกาไม่เผ็ดหรอกครับ ว่ากันว่าเป็นพริกเม็กซิโก) 3.กุนเชียงสีซีดๆหนึ่งพวง (หลายดุ้น) 4.ไข่เค็ม(ไม่ใช่ไชยา)อีก 6 ฟอง
อันดับแรก ผมหุงข้าวก่อน (ข้าวสารต้องมีทุกบ้านอยู่แล้ว) จากนั้น ก็เอาอาหารสดตามรายการมาล้างมาหั่นมาแกะ จากนั้นก็เอากระทะมาตั้งไฟใส่น้ำมัน พอน้ำมันเดือด ผมก็เอาทุกอย่างใส่ลงไปพร้อมๆกัน
ควันไฟขึ้นฟุ้งเต็มครัวเลย ยังดีที่มีเครื่องดูดควัน พักเดียวก็เรียบร้อย แต่...เสี่ยแด๋เอย หลานเสี่ยแด๋เอย น้ำหูน้ำตา ไหลพรากเลยครับ ผมแกล้งแซวเสี่ยแด๋ว่า ... เฮ้ย...มึงไม่ต้องซึ้งขนาดนั้นหรอก กูทำให้กินเพราะกูหิวโว้ย
เสี่ยแด๋ป้ายน้ำตาป้อยๆ ถามผมอย่างเกรงใจว่าผมทำอะไรให้กิน
ผมเลยตอบอย่างภูมิใจด้วยสำเนียงกระเหรี่ยงดัดจริตผสมอังกฤษว่า
FRIED KRAPRAO KUNCHIANG AND SALT EGGS โว้ย
ดินเนอร์มื้อประทับใจที่ทุกคนต้องกินข้าวผัดกระเพรากุนเชียงใส่ไข่เค็มเคล้าน้ำตาจึงเริ่มขึ้น!!!!!
ใส่ภาพประกอบเรื่องได้แย๊ว...ไชโย
ภาพบ้านหลานเสี่ยแด๋มองจากด้านนอก
Create Date : 13 มีนาคม 2548 | | |
Last Update : 13 มีนาคม 2548 19:45:47 น. |
Counter : 283 Pageviews. |
| |
|
|
|