Group Blog
 
All Blogs
 

สามเกลอผจญภัย ใน USA ตอน6 .WOW..KRAPRAO KUNCHAING N SALT EGGS

สามเกลอผจญภัยในUSA

พอล อาร์ชี่



ตอน : ตอน6. WOW..KRAPRAO KUNCHAING N SALT EGGS

เดอะปุ๊ตอบผมอย่างนี้ ไม่ใช่กวนทีนนนน....ผมนะครับ เป็นคำพูดติดปากท่านตั้งนานแล้ว....อย่างที่ผมเคยบอกนั่นแหละว่าท่านปากหวานไม่ต้องเติมน้ำตาล กับเพื่อนยังแค่นี้....สตรีหรือจะรอด!!!

ด่ากันพักหนึ่ง ก็จับความได้ว่า ที่LAKE TAHOE ไม่มีสัญญาณมือถือ ท่านเองก็พยายามต่อหาผมตลอดเวลา

เดอะปุ๊บอกว่าแล้วเจอกันเมื่อไหร่จะเล่าเรื่องขับOFF ROAD ให้ฟัง แต่ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อยคือมีน้องสองคน อยากไปจอยเที่ยวกับเราสามคนด้วย....นี่แหละเดอะปุ๊ ท่านหว่านไปทั่วอย่างงี้

ผมบอกว่า จะนั่งกันได้ไงวะ รถก็เช่าคันนิดเดียว (จินจินนั่งได้ อึดอัดนิหน่อย) เอาอย่างนี้แล้วกัน ไปเปลี่ยนเป็นรถคันใหญ่ขึ้น แล้วเพิ่มเงินละกัน แต่มีข้อแม้ให้น้องช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย อย่างนี้ตกลงมั้ย

น้องๆ โอเค ผ่านเดอะปุ๊มา...ซึ่งถือว่าว่าดีสำหรับเราทุกคน เพราะผมก็คิดที่จะเปลี่ยนรถอยู่แล้ว อีกอย่างการเดินทางในช่วงต่อไปหลังจากรับเดอะปุ๊เป็นการเดินทางไกลกว่านี้มาก (ยังไม่บอกครับ จะได้ติดตามผมไปทุกตอน)

เวลาในตอนนั้นเพิ่งบ่ายสามโมง ผมนั้นใกล้ซานฟรานเข้าไปทุกที แต่เดอะปุ๊ถึงซานฟรานเวลาประมาณสองทุ่ม เรานัดพบกันที่โรงแรมที่คณะลูกค้าของเดอะปุ๊พัก

ผมกับเสี่ยแด๋เลยตัดสินใจว่ายังมีเวลาเหลืออยู่มาก เสี่ยแด๋เลยอยากไปเยี่ยมหลานชายที่มาอยู่ซานฟรานตั้งแต่เด็ก โดยที่เสี่ยแด๋ไม่ได้พบหลานเกือบสิบปีแล้ว....ผมตกลงตามนั้น

แต่ก่อนที่ไป ผมขอเอารถไปเปลี่ยนที่สนามบินก่อน

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ซานฟรานก็เหมือนกับกรุงเทพฯบ้านเรา ในตอนย็นๆวันอาทิตย์รถที่เข้าเมืองมีมากจริงๆ เพราะวันหยุดที่ไหนๆก็ออกไปเที่ยวนอกเมืองและจะกลับบ้านก็เย็นวันอาทิตย์

ผมขับได้ช้ามาก ระหว่างทางเสี่ยแด๋พยายามโทรติดต่อหลาน เพื่อถามเส้นทางที่จะไปบ้านพักของเขา ปรากฏว่าอยู่ทางฝั่ง OAKLAND เมืองแฝดของซานฟรานที่มีทีมอเมริกันฟุตบอล ซึ่งเป็นทีมโปรดทีมหนึ่งของผม

อยากจะบอกคุณที่ไม่เคยไปเมกาว่า เมกาเป็นประเทศใหญ่ เมืองใหญ่ๆมีถนนมากสายก็จริง แต่ระบบการจัดการเขายอดเยี่ยมมาก ไม่ได้ชมแต่มันเป็นเรื่องจริง ถึงรถจะติดอย่างไร ทุกคนก็พยายามรักษากฎจราจร ไม่เหมือนบ้านเราที่พยายามเบียดซ้ายแทรกขวาให้วุ่นวายไปหมด

สำหรับผมขับรถในเมกาง่ายกว่าเยอะ....เพราะเพียงคุณขับตามกฎ วิ่งบนเลนที่คุณต้องการ และหมั่นสังเกตุป้ายบอกทาง และแซงอย่างมีมารยาทแล้ว เชื่อผมเถอะว่า....คุณขับได้

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากบอกคือคุณจะต้องเป็นคนดูแผนที่เป็น หลักการดูแผนที่มีหลักง่ายนิดเดียวคือดูทิศให้ถูกว่าตอนนี้คุณอยู่ทิศไหน และสถานที่ที่คุณต้องการไปอยู่ทิศใด จากนั้นก็เอามาเทียบดูในแผนที่ จากนั้นดูป้ายที่เขาติดอยู่ตลอดทางเป็นระยะ (บ้านเราติดเหมือนกัน แต่ขับตามป้ายทีไรหลงทุกทีสิน่า...)

เผลอแป็บเดียวผมก็มาถึงสนามบิน ขับไปที่ CAR RENTAL CENTER จัดแจงเปลี่ยนรถเป็นแบบ MINIVAN (รุ่นนี้ไม่มีในบ้านเรา) เพิ่มเงินไปอีก 290 เหรียญ

เจ้ารถคันนี้นั่งได้ 7 คนรวมคนขับ มีอุปกรณ์ครบรวมทั้งระบบ CRUISE CONTROL ซึ่งเป็นระบบตั้งความเร็วในการขับให้คงที่ มีเข็มทิศดิจิตอลที่ปรับเปลี่ยนทิศตามความเป็นจริง มีเครื่องคำนวณความเร็ว ที่สัมพันธ์กับน้ำมันที่เหลืออยู่( ติดตามตอนต่อๆไปมีเรื่องลุ้นระทึกเกี่ยวกับน้ำมันครับ) ทุกอย่างที่มีในรถช่วยในการขับเที่ยวทางไกลของเราได้ทั้งสิ้น

จากนั้น ผมก็ขับไปตามเส้นทางที่หลานเสี่ยแด๋บอก ไม่หลงหรอกครับ( โม้นิน่อย)

บ้านที่หลานเสี่ยแด๋บอกอยู๋บนถนน INDUSTRAIL PKY. เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ มีห้องนอนรวม6 ห้อง ห้องน้ำอีก3ห้อง ราคาประมาณ เจ็ดแสนเหรียญ เพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงปี ยังต้องผ่อนต่ออีก 30 ปี( เหมียนบ้านเราเปี๊ยบเลย)

หลานเสี่ยแด๋ฉลาดครับ แบ่งห้องให้คนอื่นเช่าซะ 4 ห้อง เก็บไว้อยู่เอง 2 ห้อง (ลืมบอกไปว่ามีหลาน2 คน) เก็บค่าเช่าห้องละ 700 เหรียญ แค่นี้ก็พอค่าผ่อนแล้ว แถมได้อยู่ฟรีอีกต่างหาก

ใครจะส่งลูกหลานไปเรียนเมกาจะใช้วิธีนี้ก็ได้ ไม่ผิดกติกาใดๆ แถมตอนกลับ หากเศรษฐกิจดี ขายทิ้งซะก็ได้ อาจได้ราคา แล้วเหลือเงินกลับมา....รวยอย่างเดียว

เสี่ยแด๋แนะนำให้รู้จักหลานซักพัก ทักทายกันพอประมาณ ผมก็บ่นว่าหิว หลานเสี่ยแด๋บอกว่าจะพาไปทานข้างนอก แต่ผมบอกว่า เวลาไม่มี เพราะเดี๋ยวต้องไปรับเพื่อนที่DOWN TOWN อีก ฉะนั้นขอให้กินที่บ้านแล้วกัน

หลานเสี่ยแด๋หัวเราะแหะๆ..... ไม่มีเสบียงสำรองในตู้เย็นเลย ผมก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร มีอะไรก็กินอย่างนั้นแล้วกัน...เดี๋ยวจะแสดงการทำอาหารแบบกระเหรี่ยงให้ทานกัน จากนั้นผมก็ให้เสี่ยแด๋อยู่คุยกับหลานต่อที่ห้องรับแขก

ส่วนผม ไม่พูดพร่ำ (เพราะหิว) เดินเข้าครัวค้นตู้เย็นว่าพอเหลืออะไรบ้าง ผมค้นพบว่าในตู้เย็นมีของสด ดังนี้

1. ต้นกระเพราเหี่ยวๆหนึ่งขยุ้ม
2.พริกขี้หนูแฟบๆ เม็ดใหญ่ๆหลายเม็ดอยู่ (พริกที่เมกาไม่เผ็ดหรอกครับ ว่ากันว่าเป็นพริกเม็กซิโก)
3.กุนเชียงสีซีดๆหนึ่งพวง (หลายดุ้น)
4.ไข่เค็ม(ไม่ใช่ไชยา)อีก 6 ฟอง

อันดับแรก ผมหุงข้าวก่อน (ข้าวสารต้องมีทุกบ้านอยู่แล้ว) จากนั้น ก็เอาอาหารสดตามรายการมาล้างมาหั่นมาแกะ จากนั้นก็เอากระทะมาตั้งไฟใส่น้ำมัน พอน้ำมันเดือด ผมก็เอาทุกอย่างใส่ลงไปพร้อมๆกัน

ควันไฟขึ้นฟุ้งเต็มครัวเลย ยังดีที่มีเครื่องดูดควัน พักเดียวก็เรียบร้อย แต่...เสี่ยแด๋เอย หลานเสี่ยแด๋เอย น้ำหูน้ำตา ไหลพรากเลยครับ ผมแกล้งแซวเสี่ยแด๋ว่า
... เฮ้ย...มึงไม่ต้องซึ้งขนาดนั้นหรอก กูทำให้กินเพราะกูหิวโว้ย

เสี่ยแด๋ป้ายน้ำตาป้อยๆ ถามผมอย่างเกรงใจว่าผมทำอะไรให้กิน

ผมเลยตอบอย่างภูมิใจด้วยสำเนียงกระเหรี่ยงดัดจริตผสมอังกฤษว่า

“ FRIED KRAPRAO KUNCHIANG AND SALT EGGS โว้ย “

ดินเนอร์มื้อประทับใจที่ทุกคนต้องกินข้าวผัดกระเพรากุนเชียงใส่ไข่เค็มเคล้าน้ำตาจึงเริ่มขึ้น!!!!!



ใส่ภาพประกอบเรื่องได้แย๊ว...ไชโย


ภาพบ้านหลานเสี่ยแด๋มองจากด้านนอก










 

Create Date : 13 มีนาคม 2548    
Last Update : 13 มีนาคม 2548 19:45:47 น.
Counter : 283 Pageviews.  

สามเกลอผจญภัย ใน USA ตอน5 เดะปุ๊..A MAN FOR ALL SEASON

สามเกลอผจญภัยในUSA

พอล อาร์ชี่

ตอน : 5. เดอะปุ๊..A MAN FOR ALL SEASONS


เราวิ่งกันสุดชีวิต ผมตะโกนบอกเสี่ยแด๋ให้วิ่งไปที่รถ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง แต่ไปไหนไม่ได้หรอกครับ คนวิ่งตามออกมาเต็มไปหมด......

แหม ...นึกว่ามีแต่บ้านเราที่ดูคอนเสิร์ตแล้ววัยรุ่นชอบยกพวกตีกัน เมกาก็เหมียนกันแหละ

แสดงว่าวัยรุ่นบ้านเราพัฒนาการเท่าประเทศมหาอำนาจแล้ว

เมื่อคนเริ่มซา เราก็เริ่มออกเดินทางต่อ เวลาขณะนั้นตีหนึ่งกว่าๆแล้ว ขับออกมาได้ครึ่งชั่วโมง เราก็หาที่พักได้

ผมไม่อาบน้ำตามเคย (หนาวอะ) หัวถึงหมอนก็หลับอย่างระทึกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ

ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ยังเหมือนเคยอีก เสี่ยแด๋ไปเอากาแฟพร้อมโดนัทของโรงแรมมาให้ผมทาน (ปรนนิบัติเพื่อนมากกว่าเมียอิ๊) ผมถามว่าเมื่อคืนนอนดึกไหม ท่านตอบว่า กูก็อ่านพระคัมภีร์ถึงตีสี่แล้วถึงนอน....เยี่ยมมั้ยล่ะ

อย่างที่ผมเคยบอกว่า รถที่เช่าเป็นรถขนาดคอมแพ็ค แถมยังเป็นรถตระกูลเกาหลีอีกต่างหาก อ๊อพช่งอ๊อฟชั่นอะไรมันก็ไม่มี (เหมือนรถบ้านเรารุ่นโบราณ) ขับแล้วเหนื่อยมากไม่เหมาะสำหรับเดินทางไกลเลย ผมบ่นให้เสี่ยแด๋ฟัง บอกท่านว่า หากถึงซานฟรานผมจะไปขอเปลี่ยนที่บริษัทรถเช่า

คุณคงแปลกใจว่า ทำไมผมไม่ให้เสี่ยแด๋ขับรถ...ผมคะยั้นคะยอหลายครั้ง ท่านก็ไม่ยอม ท่านอ้างว่า กูจะถ่ายวีดีโอ อย่างเดียว....แต่ผมคิดว่า ท่านคงกลัวความดันขึ้นมากกว่า ก็ท่านเล่นทานยาทุกเช้า

เราออกเดินทางอย่างไม่โอ้เอ้ เพราะเสี่ยแด๋เป็นห่วงว่าจะไม่ถึงซานฟราน อีกอย่างมาเมกาสามวันแล้วยังติดต่อเดอะปุ๊ไม่ได้เลย โทรมือถือเท่าไหร่ก็ไม่ติด ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ผมก็ตะหงิดๆเหมือนกัน เราเลยตกลงกันว่า เราจะผลัดกันโทรทุกๆครึ่งชั่วโมง

คุณคงอยากรู้จักเดอะปุ๊ของผมแล้วใช่มั้ยครับ

สมัยเรียนหาลัยเดอะปุ๊เป็นบุรษร่างผอมสูงชาวสงขลา ผิวดำ(ซึ่งตัวท่านไม่ยอมรับ) ผมดำ พูดเสียงทองแดง (ท่านก็ว่าไม่ทองแดง) ปากหวาน ก้นแบน แต่งตัวเนี้ยบมาก นำแฟชั่นเสมอ หากเทียบสมัยนี้ก็น้องๆป้าเบิร์ดน่ะแหละ...

ปัจจุบัน เดอะปุ๊ก็ยังสูง แต่ไม่ผอมแล้ว ตัวยังดำ (ท่านก็ว่าสีฮันนี่..ก็น้ำผึ้งน่ะ) ผมไม่ดำแล้ว พูดยังเสียงทองแดง (ท่านก็ว่าเสียงคลาสสิค) ปากยังหวานเหมือนเดิม แต่งตัวนำแฟชั่นเหมือนเดิมแถมใช้ของไทยไม่เป็น ต้องแพงสุดๆแบรนด์เนมสุดๆถึงจะเหมาะกับท่าน.....

ถึงไม่หล่อขนาดป้าเบิร์ด เดอะปุ๊ของผมก็บุคลิกดูดีไปเสียทุกอย่าง รวมทั้งโทนเสียงพูดของท่าน หวาน ทุ้ม นุ่มลึก ไพเราะเสนาะหูตลอดเวลาจริงๆ

เอาเป็นว่า สาวหรือไม่สาว หนุ่มหรือแก่....ก็หลงเสน่ห์เดอะปุ๊หัวปักหัวตำง่ายๆจิ๊

เดอะปุ๊มาเมกาเที่ยวนี้ด้วยธุรกิจครึ่งหนึ่ง อยากให้ผมพาเที่ยวครึ่งหนึ่ง

อย่างที่ผมเคยบอกว่าเดอะปุ๊เป็น บก.หนังสือรถยนต์ฉบับหนึ่ง ซึ่งหนังสือรถยนต์ฉบับดังกล่าว ได้จัดกิจกรรมแก่ลูกค้าที่รักการขับรถอ๊อฟโร้ดได้มาขับรถอ๊อฟโร้ดที่เมกาทีLAKE TAHOEรัฐแคลิฟอร์เนีย

โดยเป็นการขับอ๊อฟโร้ดที่เขาเรียกว่า JUMBOREE OFF ROAD ซึ่งเป็นขับรถไต่ภูเขาที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในโลกรายการหนึ่ง....เดอะปุ๊บอกผมอย่างนี้

หากคุณสนใจรายการนี้ว่าสนุกยังไง ก็ลองไปหาอ่านได้จาก GM CAR MAGAZINE ฉบับเดือนพ.ยหรือ ธค 47 นี่แหละ เดอะปุ๊ของผมเขียนเรื่องลงในนั้น....ว่าจะไม่โปรโมทเพื่อนผมแล้วนะแต่อดไม่ได้

เล่าเรื่องเดอะปุ๊ให้อ่านกัน เพราะวันนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมธรรมชาติเลย ขับเร็วเกิน SPEED LIMITตลอดทาง(นิสัยไม่ดี) ใจเป็นห่วงว่าเดอะปุ๊อยู่ที่ไหนแล้ว....เสี่ยแด๋ก็กดโทรจนมือจะหงิก

จนมาถึงเมือง SACRAMENTO เมืองหลวงของรัฐแคลิฟอร์เนีย ผมก็แวะเข้าไปเที่ยว DOWN TOWN เราจอดรถที่ศาลากลางเมือง และเดินถ่ายรูปกันพร้อมทั้งทานมื้อเที่ยงที่เป็นแด็กด่วน

ผมเอาLAPTOP มาเปิดเครื่องเพื่อจะใช้ GPRS ROAMING กับเบอร์มือถือของเครือข่าย AIS ปรากฏว่าใช้ไม่ได้ ที่ผมลองใช้เพื่อส่งSMS ให้เดอะปุ๊....จะบ้าตาย AISไปแก้ไขด่วนด้วย

เมื่อใช้ไม่ได้ ผมก็เลยเอาSIM มาใส่มือถือเหมือนเดิม แล้วลองกดโทรถึงเดอะปุ๊อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้โทรติดครับ ผมดีใจปนโล่งใจ ผมบอกเสี่ยแด๋ว่าติดแล้วโว้ย

ผมรอสายนานมาก กะว่าเดอะปุ๊รับสายเมื่อไหร่จะด่าเสียให้เข็ด.....ท่านรับแล้ว ผมไม่รอช้าใส่ก่อนเลย

“ ไอ้อิ...บหาย กูโทรหามึงสองวันแล้ว แม่...งไม่ยอมติดซะที แล้วนี่มึงอยู่ไหนวะ”

“อยู่ในใจ....ใครบางคนครับ” ท่านตอบหน้าตาเฉย เหมือนตอบโต้กับสาวๆเยย

อ้วก.....สิครับ.แม่...งะ.....หวานจนอยากอ้วกจินจิน !!!



โปรตติดตามตอนต่อไปในครั้งหน้า




 

Create Date : 12 มีนาคม 2548    
Last Update : 12 มีนาคม 2548 11:29:01 น.
Counter : 234 Pageviews.  

สามเกลอผจญภัยในUSAตอน4.BEEF'S SATE-THAI B.B.Q...หลวงพ่อโกย



สามเกลอผจญภัยในUSA

พอล อาร์ชี่




เสี่ยแด๋แกล้งทำตาหยี เอ๋อเหรอใส่ผม แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ.....ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเป็นคอนเสิร์ตเพื่อพระเจ้า


เราฟังเพลงอีกสามสี่เพลง ผมก็ชวนออกมา ตอนเดินออกมา มีแหม่มแก่ๆถือกล่องบริจาค

เสี่ยแด๋บริจาคไปสิบเหรียญ ผมก็บริจาค ตาม เดินมาอีกหน่อย ก็มีแหม่มมาขอชุดครุยขาวคืน เสี่ยแด๋ก็ถอดคืน ส่วนผมก็อิดออด โธ่....เงินก็บริจาคแล้ว ยังจะเอาชุดคืนอีก เสี่ยแด๋คงเยาะเย้ยตลอดทางแน่ๆ... แล้วผมก็ต้องถอดคืนให้อย่างกล้ำกลืน...นึกว่าได้ฟรีแล้วเชียว

ได้เวลาร่ำลาPORTLAND แล้ว มันเวลาบ่ายสามโมง เราตกลงกันว่าจะขับไปให้ระยะทางมากที่สุด และพักค้างคืนระหว่างทาง โดยเรามีจุดหมายที่ซานฟราน...ซึ่งต้องใช้เวลาขับอย่างต่ำ 11 ชั่วโมง

เราเลือกเส้น INTERSTATE 5 SOUTH เพราะเป็นทางหลวงที่กว้างกว่า ตรงกว่าเส้นhighway101 ผ่ากลางรัฐโอเรกอนเหนือลงทางใต้

ทางหลวงเส้นนี้มีภูมิประเทศเป็นป่าไม้ ต้นไม้เขียวครึ้มสวยงามมากมีทั้งป่าสงวนแห่งชาติ มีป่าที่ปลูกเพื่อการพาณิชย์และ การจะตัดไม้เพื่อการพาณิชย์จะต้องมีการปลูกทดแทนตลอดเวลา และการปลูกทดแทนจะแบ่งเป็นโซนๆตามอายุที่ปลูกและที่จะตัด(มีป้ายบอกแก่สาธารณะ)....เป็นระบบเยี่ยมมาก

ฟาร์มวัวก็มีให้เห็นเป็นระยะ โรงแปรไม้สำเร็จรูปก็มี

เสี่ยแด๋ชวนผมคุยเรื่องป่าไม้ เรื่องการเกษตรต่างๆ ทั้งของเมกาและบ้านเรา เราถกปัญหากันอย่างเมามันด้วยต่างคนต่างร้อนวิชา....คนมันรักประเทศไทยก็ต้องห่วงประเทศไทย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมขับรถระยะทางยาวตลอด จะมีแวะREST AREAเพื่อเข้าห้องน้ำ และแวะเติมน้ำมันเท่านั้น เผลอพักเดียว ท้องฟ้าก็มืดแล้ว

ท้องมันร้องแล้ว ทั้งวันเล่นกินขนมปังดุ้นยักษ์ (ที่เสี่ยแด๋ซื้อจากตลาดนัด) บลูเบอร์รี่แยม กล้วย องุ่น ...มังสวิรัติดีๆนี่เอง

เห็นไกลๆแสงไฟกระพริบเหมือนงานวัด ผมเลยบอกเสี่ยแด๋ว่า เราแวะเที่ยวงานวัด ทานอาหารค่ำ แล้วพักแถวนี้ดีกว่า เพราะไหนๆก็ขับไม่ถึงซานฟราน …งานวัดอย่างนี้เราไม่มีโอกาสบ่อยๆนะโว้ย....มาเที่ยวกับบริษัททัวร์ไม่มีทางได้เห็นนะมึง ...ผมพยายามยกแม่น้ำทั้งห้ารวมทั้งแม่น้ำโคโลราโดด้วย...กล่อมจนเสี่ยแด๋โอเค

ปรากฏว่า งานวัดที่ว่าเป็นงานประกวดโคประจำปีของเมืองเล็กๆ อย่าเห็นว่าเล็กนะครับ คนมาเที่ยวจนรถติด กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็เกือบครึ่งชั่วโมง จะเข้างานก็ต้องเสียค่าผ่านประตูคนละ 2 เหรียญ

เราเดินเข้างานอย่างภาคภูมิใจว่า...เราเป็นคนไทยเพียงสองคนเท่านั้นที่มีโอกาสเที่ยวงานวัดแบบฝาหรั่ง

เวทีแรกที่เห็นเป็นเวทีการแสดงแต่ยังไม่ได้เล่น เราเดินวนหาสถานที่ทานอาหารเป็นอันดับแรก เห็นคนยืนเข้าคิวเป็นแถวยาวบ้าง สั้นบ้าง เราก็ตรงรี่เข้าไปทันที...แน่แล้วโรงอาหารที่จัดเหมือนFOOD COURT

แต่ละร้านก็ขึ้นป้ายโชว์เมนูเด็ดของตนเอง เราเดินเข้าไปต่อคิวที่ร้านหนึ่งที่ขึ้นป้ายตัวโตๆว่า

BEEF’S SATE THAI B.B.Q

ด้านล่างมีภาษาไทยกำกับว่า

เนื้อสะเต๊ะ

ผมอยากบอกคุณว่า ผมภูมิใจมาก เพราะแม้แต่เมืองเล็กๆอย่างนี้ งานวัดอย่างนี้....อาหารไทยยังมาอวดโฉมและรสชาติให้ไอ้กันทานเลย และยิ่งกว่านั้นจำนวนคนต่อคิวสั่งอาหารยังมากกว่าทุกร้านที่มีประมาณยี่สิบร้านค้าต่างหาก

เมื่อถึงคิวเราไปยืนด้านหน้า เราก็พบ พ่อ แม่ ลูกสาวที่เป็นคนไทยกำลังช่วยกันปิ้งเนื้อสะเต๊ะอย่างขะมักเขม้น มีฝาหรั่งเป็นลูกมือคอยรับออเดอร์ซะด้วย (ฝาหรั่งเป็นขี้ข้าคนไทย..เท่มั้ยล่ะ) เราสัมภาษณ์แล้วว่าเป็นคนไทย อยู่เมืองนี้แหละ (เสียดายที่จำชื่อเมืองไม่ได้) เปิดร้านอาหารไทยอยู่หลายปีแล้ว เขาบอกว่าขายดีมาก

เสี่ยแด๋ยิ้มปลื้มอีกคน เราสั่งสิบไม้ เจ้าของร้านคนไทยใจดีแถมข้าวผัดมาให้อีกหนึ่งจานใหญ่ (รวมหมดตั้ง20เหรียญแน่ะ...แพงจินๆอาหารไทย)

เสร็จจากอาหารมื้อพิเศษ (อร่อยมากที่สุดตั้งแต่มาเลย) เรานั่งให้อาหารเรียงเม็ดสักพัก คุยเรื่องเนื้อสะเต๊ะ และวิจารณ์อาหารร้านอื่นๆ...สรุปว่า อาหารไทยดีที่สุดในโลกครับ

เราเริ่มออกเดินถ่ายวีดีโอซะทั่วงาน เครื่องเล่นต่างๆมากมาย ฝรั่งชอบถ่ายรูปครับ พี่แกชอบมาทำยักคิ้วหลิ่วตาหน้ากล้อง พวกเขาคงแปลกใจเหมือนกันว่า กระเหรี่ยงจากไหนวะ มาเที่ยวงานวัดแท้ๆยังจะมาถ่ายรูปอีก

เราไปดูคอกวัวที่เขาเอามาประกวด มีทั้งพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ รวมทั้งลูกพันธุ์ ซึ่งวัวประกวดนี้ เจ้าของคอกจะนอนเฝ้าอยู่หน้าคอกเลย และยังก่อกองไฟให้ไออุ่น...มันคงแพงน่าดูเนอะ

เวลาผ่านไปจนใกล้เที่ยงคืน ผมก็ชวนเสี่ยแด๋ว่ากลับเหอะ เรายังไม่ได้หาที่พักเลย
เราเดินออกมาว่าจะกลับ แต่ก็ต้องผ่านเวทีคอนเสิร์ตก่อนถึงประตู เสี่ยแด๋ปกติเป็นคนเคร่งศาสนาคึกอะไรขึ้นมาไม่รู้อยากดูคอนเสิร์ตร็อคซะงั้น

ดูก็ดูวะ....มันส์ส์มักๆๆ นักดนตรีดูเหมือนจะเป็นแค่นักเรียนไฮสคูล3คน มีเจ้าผมยาว หน้าแก่เพียงคนเดียว คนดูก็ดีดดิ้นตามจังหวะเพลงที่เร้าอารมณ์

ผมถ่ายวีดีโอเพื่อเก็บบรรยากาศแห่งความสนุก ยิ่งถ่ายยิ่งสนุกเพราะฝาหรั่งสู้กล้องอยู่แล้ว รวมทั้งตัวผมด้วยที่ถ่ายไปดิ้นเป็นขี้เถ้าลวก ( ทำตัวให้กลมกลืมงะ) เสี่ยแด๋เหมือนกัน หลับตาพริ้มส่ายหัวด๊อกแด๊กๆ

“หนุกดีโว้ยไอ้แก้ว...อย่าเพิ่งกลับเลย” เสี่ยแด๋ตะโกนเสียงลั่น

สิ้นเสียงเสี่ยแด๋ เสียงเพล้งของขวดเบียร์ก็ตามมา จากนั้นวัยรุ่นหน้าเวทีก็จับคู่ชกกันนัวเนียไปหมด เสี่ยแด๋กับผมอยู่ใกล้ๆเหตุการณ์....


.คุณว่า ผมกับเสี่ยแด๋จะทำยังไง.....แล้ว.... ใครจะช่วย

โธ่..ถามได้ งานนี้พระเจ้าและพระโพธิสัตว์ช่วยไม่ได้หรอกครับ

หลวงพ่อโกยสิครับ......แน่นอนที่สุด


โปรดติดตามตอนต่อไปในครั้งหน้า




 

Create Date : 12 มีนาคม 2548    
Last Update : 12 มีนาคม 2548 11:18:59 น.
Counter : 188 Pageviews.  

ตอน3. PORTLAND...HOLY THE LORD





ผมนึกว่าเสี่ยแด๋แกล้งหลับตาเล่นๆ ที่ไหนได้ ท่านหลับจริงๆ ....คงเพราะฤทธิ์ยานอนหลับที่ทานไปตอนตีสี่

เหงาอะ....ไม่น่าแกล้งมันเลย ผมด่าตัวเอง สมน้ำหน้า ไม่มีเพื่อนชวนคุย แล้วยิ่งฟังเพลงสวดมนต์พระโพธิ์สัตว์ยิ่งไปกันใหญ่

ผมขับต่อไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ตาก็เริ่มปรือบ้าง( เมื่อคืนนอนไม่พอ) แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

ขับรถคนเดียวเลียบชายทะเลสุดลูกหูลูกตาอย่างนี้ไม่หนุกเลย.....อย่ากระนั้นเลย จอดนอนดีกว่า

คิดได้ดังนั้น ผมก็หักเลี้ยวจอด REST AREA ริมทะเลทันที


เสี่ยแด๋งัวเงียตื่นขึ้น ผมเลยบอกว่า ไม่ต้องตื่น กูจะจอดรถนอน

โว้ย......ผมเอาเสื้อแจ็คเก็ตปิดหน้า เปิดประตูรถให้ลมโกรกเข้ามาทั้งๆที่อากาศประมาณ15 องศาFแต่เริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ

ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้... ตื่นขึ้นมาเสี่ยแด๋ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมลุกขึ้นและก้าวออกจากรถเพื่อไปเข้าห้องน้ำ

โน่นไง เสี่ยแด๋เดินอยู่ที่ชายหาดพร้อมกล้องวีดีโอและกล้องดิจิตอล เก็บภาพต่างๆ

เสี่ยแด๋เป็นชายร่างอ้วน หากนึกไม่ออกก็คิดภาพเป็นหมีแล้วกัน สมัยเด็กๆเสี่ยแด๋แข็งแรงมาก เพื่อนๆตั้งฉายาว่า ไอ้หมีควาย ปัจจุบันนี้ หมีควายของผมอมโรคเสียแล้ว....

ท่านเป็นโรคความดันโลหิตสูงทั้งๆที่ยังหนุ่ม จะไม่ให้เป็นได้ไง ท่านเล่นเป็นนักบริโภคนิยม ทุกวันนี้ต้องทานยาคุมความดันทุกวัน....

และด้วยความโรคมากนี่เอง ท่านจึงรักษาสุขภาพมาก หากอยู่เมืองไทยก็จะตีกอล์ฟกับผมทุกอาทิตย์ (มาเมกาก็อยากตีแต่ไม่ได้เอาอุปกรณ์มา) แต่มาที่นี่ ท่านใส่เสื้อทีเดียวสี่ชั้นเลย คือ เสื้อกล้าม เสื้อยืดลำลอง เสื้อแจ็คเก็ต แถมด้วยเสื้อโค้ดตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว

ส่วนกางเกงท่านก็ใส่ทั้งกางเกงใน กางเกงLONG JOHN และกางเกงยีนส์
พรรณนามายืดยาวเพื่อให้คุณนึกภาพเพื่อนผมออกว่ามีบุคลิกเช่นไร

ผมเดินไปหาเสี่ยแด๋พร้อมกล้องวีดีโอ เราผลัดกันถ่ายภาพทะเลและวิวอื่นๆ (เราดีกันแล้วอะ)

จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ



เป้าหมายเราคือเมือง PORTLAND เมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ

OREGON ซึ่งมีเมืองหลวงชื่อ SALEM
ผมขับมาได้ไม่นาน รถก็เริ่มติด ติดจริงๆยาวไปหลายไมล์เลย ไม่น่าเชื่อว่าHIGHTWAY101รถจะติดได้ ผมค่อยๆขยับอยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมง เห็นลิบๆ บอกชื่อเมืองว่า NEWPORT

เมื่อขยับเข้าไปใกล้จึงรู้ว่าที่เมืองเล็กๆแห่งนี้มีงานวัด เหมือนงานวัดบ้านเราน่ะแหละ รู้สึกว่าจะเป็นงานประจำปีอะไรซักอย่าง สองข้างไฮเวย์มีการกางเต้นท์นอนเต็มไปหมด

กว่าจะหลุดออกมาได้ เวลาก็ตก 6 โมงเย็น ผมยังขับขึ้นเหลือไปเรื่อยๆ แวะทานอาหารกลางวันควบมื้อเย็นที่เมืองตากอากาศเล็กๆ เป็นซีฟู้ดง่ายๆ

เสร็จจากอาหารผมตั้งใจที่จะไปเที่ยว SEA LION CAVE ถ้ำสิงโตที่ขึ้นชื่อของโอเรกอน เมื่อขับไปถึงอากาศยังไม่มืดค่ำเลยทั้งๆที่เวลาตอนนั้นคือ2ทุ่มกว่าแล้ว

ผมจอดรถที่ลานจอดรถซึ่งดูวังเวงชอบกล ลมเริ่มแรง หมอกเริ่มลง อากาศเริ่มหนาวมากขึ้น เดินข้ามถนนไปที่ประตูทางเข้า เราก็พบกับความผิดหวังเพราะปรากฏว่าเขาปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็นแล้ว

ผมยังอาลัยอาวรณ์ จึงไปชะโงกหน้าผา เห็นสิงโตทะเลลิบๆริมปากถ้ำ เสี่ยแด๋เอากล้องวีดีโอมาซูมภาพระยะไกล

อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แป๊บเดียวหมอกก็ลงหนักจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย

เราปรึกษากันว่า หากถึงเมืองข้างหน้า เราควรจะพักดีกว่า เพราะยังไงเราก็ไม่สามารถไปถึงPORTLANDได้ เพราะหากขับในสภาพอากาศดีก็ใช้เวลา 4 ชั่วโมงแล้ว

เราพักเมืองใกล้ๆ SEA LION CAVE นั่นเอง ซึ่งค่าที่พักแพงมาก 73 เหรียญต่อคืน เพราะเป็นเมืองตากอากาศ

คืนนี้ เสี่ยแด๋และผมนอนหลับกันเร็วมาก คงเริ่มปรับสภาพร่างกายได้แล้ว แต่ก็เหมือนคืนแรก เสี่ยแด๋ตื่นขึ้นมาตีสี่ อ่านพระคัมภีร์เช่นเคย ส่วนผมไม่สนใจแล้ว นอนต่อดีกว่า

เช้าแล้ว ผมลุกขึ้นมาก็เห็นเสี่ยแด๋ไปนำอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้มา กลิ่นกาแฟหอมฉุยเลย อาหารเช้าที่นี่ง่ายๆเป็นโดนัท คอนเฟล็ค นมสดและกาแฟ ผมรีบจัดการก่อนไปอาบน้ำ

ออกมาเช็ครถ ตรวจหม้อน้ำ น้ำมันเครื่อง แล้วขนสัมภาระมาเก็บ ตรวจทุกอย่างเรียบร้อยก็เริ่มออกเดินทาง

วันนี้เราสดชื่นกว่าเมื่อวานมาก ขับเข้าสำรวจเมืองที่พักเมื่อคืน ไปพบตลาดนัดพื้นเมือง



เราลงไปเดินเที่ยวตลาดนัด เสี่ยแด๋ซื้อขนมปังโฮมเมดดุ้นเบ้อเริ่มพร้อมทั้งแยมบลูเบอร์รี่ ส่วนผมซื้อองุ่นกับกล้วยหอม กะกันว่าจะไม่ทานอาหารกลางวันแล้ว

จากนั้น เราก็เริ่มออกเดินทางมุ่งตรงเข้า PORTLAND ถนนช่วงนี้เป็นการวกเข้าแผ่นดินใหญ่ไม่เลียบชายฝั่งแล้ว

เมืองบริวารรอบๆPORTLANDมีหลายเมือง แปลกอย่างหนึ่งว่าไฮเวย์ผ่ากลางเมือง ทำให้ต้องติดไฟแดงตามสี่แยกไปตลอดทาง

เราขับวนไปรอบๆเมืองซึ่งไม่ใหญ่มาก และจอดลงบริเวณศาลากลางเมือง(แบบเดียวกับWHITE HOUSEแต่เล็กกว่ามาก) หยอดเหรียญค่าจอดไปสองเหรียญ

เราเอาอุปกรณ์การถ่ายรูปติดตัวและแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เดินไปจนเห็นป้ายชี้ไป SHOPPING MALL ที่อยู่กลางเมือง

เรามองไปถนนฝั่งตรงข้าม มีชายกลุ่มประมาณเกือบยี่สิบคนแต่งชุดดำรวมทั้งหมวกดำ ยืนถือป้ายร้องตะโกนดังลั่น ได้ความว่า

“หากไม่ไปหาพระเจ้า จงมาอยู่กับซาตาน !!!”

อ้อ...ชุดดำหมายถึงซาตานน่ะเอง

เราสองคนทำหน้างงๆ แต่ก็ถ่ายภาพเก็บไว้

แล้วเดินต่อไป SHOPPING MALL ซึ่งบริเวณลานด้านหน้าจัดชั้นเหมือนที่นั่งดูคอนเสิร์ต แล้วก็มีคอนเสิร์ตจริงๆ เราสองคนเดินไปหาที่นั่ง โดยนั่งด้านหน้าใกล้เวที

บนเวทีมีนักดนตรี ทั้งเด็ก วัยรุ่น และรุ่นชรายืนอยู่เป็นแถวยาว ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีขาวเหมือนเสื้อครุยล้วน กำลังเตรียมตัวเล่นคอนเสิร์ต

สักพัก ก็มีฝรั่งชุดขาวเดินเอาชุดขาวมาแจกท่านผ้ชมทั้งหลาย ด้วยความงกเราก็รับอย่างมีมารยาท

“ ของฟรีโว้ย เก็บไว้เป็นที่ระลึก ” ผมว่าไปนั่น

เราเห็นคนอื่นรีบเอามาใส่ เราก็ใส่มั่ง

แล้วคอนเสิร์ตก็เริ่มขึ้นด้วยเพลงช้า ผมเห็นผู้ชมทุกคนลุกขึ้นยืน เราสองคนก็ยืนบ้าง

บางคนหยิบเนื้อร้องที่เตรียมมา พร้อมตะโกนร้อง ปรบมือและส่ายร่างกายตามนักร้องบนเวที

ผมเหลือบมองเสี่ยแด๋ ท่านก็ทั้งร้องทั้งส่ายทั้งปรบมือตามได้ทุกอย่าง เมื่อเพลงแรกจบเสี่ยแด๋ก็ปรบมือตามคนอื่นพร้อมทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ผมทนไม่ได้ จึงถามว่าเพลงอะไรวะ

เสี่ยแด๋คงรอผมถามนานแล้ว ท่านรีบสวนตอบว่า

“เพลงขอบคุณพระเจ้า HOLY THE LORD โว้ย....กูร้องประจำตอนเข้าโบสถ์ที่เมืองไทยโว้ย”

เพล้ง+++ๆๆๆๆๆ........หน้าผมแตกหมอไม่รับเย็บเลยอะ....ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ






 

Create Date : 06 มีนาคม 2548    
Last Update : 12 มีนาคม 2548 10:39:03 น.
Counter : 346 Pageviews.  

สามเกลอผจญภัยใน USA ตอน2.REDWOOD ..พระเจ้าและพระโพธิสัตว์





เสี่ยแด๋สะดุ้งตื่น หน้าตาเลิกลั่ก มือปาดน้ำลายที่ไหลย้อยที่ริมฝีปาก ต่อว่าผมด้วยภาษาพ่อขุนราม

ผมหัวเราะชอบใจ ทักทายกันพอเป็นพิธี จากนั้นผมก็ไปต่อคิวเพื่อรับรถที่จอง ....

คนมาจากไหนนักก็ไม่รู้ ทำไมคิวมันยาวจัง


เมี่อถึงคิวผม ปรากฏว่า รถเกือบหมด เหลือเพียงสองคันเท่านั้น แถมยังเป็นรถเกาหลีอีกต่างหาก (บอกชื่อไม่ได้ เดี๋ยวโดนฟ้อง)

ลืมบอกว่า ตอนผมจองผ่านเน็ตนั้น ผมเลือกรถขนาดคอมแพ็ค เพราะถูกดี ประมาณ 129 เหรียญต่อสัปดาห์(ราคาถูกสุดแล้วสำหรับ HIGHT SEASON)

ผมกับเสี่ยแด๋ หอบสัมภาระ ไปที่รถซึ่งจอดอยู่ในลานจอด จากนั้นก็ตรวจความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งน้ำมันว่าเต็มถังอยู่หรือไม่ กางแผนที่ที่หาได้จากเน็ต...... ไม่รอช้า ผมก็ขับออกจากสนามบินทันที

เป้าหมายแรกที่อยู่ในหมายกำหนดการคือ OREGON

OREGON เป็นรัฐหนึ่งที่ผมไม่เคยไปเลย ได้แต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาซะหลายทริป ...ว่ากันว่า รัฐนี้สวยงามมาก และเงียบสงบกว่าทางแคลิฟอร์เนียที่ติดกัน รัฐนี้มีจุดขายที่ธรรมชาติล้วน

ออกจากสนามบินได้ ผมก็มองหาป้ายที่จะขึ้น INTERSTATE 101 NORTH...เส้นทางช่วงแรกที่จะต้องผ่านคือสะพานGOLDEN GATE ซึ่งเป็นสะพานในฝันและสัญลักษณ์ของมหานครซานฟราน....

เมื่อผ่านสะพานที่มีน้ำใสแจ๋วอยู่ด้านล่างแล้ว ก็จะเป็นแนวเทือกเขายาวเหยียดประมาณว่าขับรถสองชั่วโมงก่อนที่จะเรียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค

ไฮเวย์ช่วงนี้รู้จักกันในนาม PACIFIC HIGHTWAY นั่นเอง

ผมหยุดแวะทานอาหารเย็นที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง เมื่อใกล้หนึ่งทุ่ม ก็อาศัยไก่ทอดผู้พันแซนเดอร์แหละครับ ผมสั่งไก่ชุดครอบครัวสิบชิ้นโดยลืมไปว่า ไก่ในเมกาชิ้นใหญ่กว่าบ้านเรา แถมพวกเครื่องเคียงในชุดก็มากกว่า พวกซอฟท์ดริ้งค์ก็เติมฟรีได้ตลอด

แต่ถึงอย่างไรเสี่ยแด๋ก็ซัดไก่ไปถึงห้าชิ้น สำหรับผมสามชิ้นก็อืดแล้ว ก่อนออกจากร้านเรายังเติมเจ้าซอฟท์ดริ้งค์จนเต็มแก้วอีกต่างหาก

เวลาทุ่มเศษๆ ท้องฟ้ายังไม่มืดเลย.....ผมขับต่อไปเรื่อยๆ ชมธรรมชาติริมทางเพื่อเก็บภาพประทับใจไว้ในความทรงจำ หันกลับมาอีกที ปรากฏว่าเสี่ยแด๋กรนสนั่นหวั่นไหวอีกแล้ว

ผมตัดสินใจที่จะพักหลังจากขับต่อไปได้สองชั่วโมง คืนนี้กะว่าจะนอนให้เต็มอิ่มเพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ทัน

MOTEL6 คือโรงแรมที่ผมเลือกที่จะพัก เพราะค่าเช่าคืนหนึ่งเพียง 39 เหรียญเท่านั้น แถมยังสะอาด โอ่โถงและมีอาหารเช้าให้อีกต่างหาก

เช็คอินเสร็จเรียบร้อย ผมก็หิ้วกระเป๋าใบเล็กที่ใส่เสื้อผ้าประมาณ 3ชุดเข้าห้องนอนทันที เกือบลืมบอกว่า การมาเที่ยวแบบเช่ารถเที่ยวนั้น การจัดกระเป๋าเดินทางควรจัดเป็นกระเป๋าใบใหญ่ไว้ในรถและกระเป๋าสะพายที่ใส่เสื้อผ้าซักสองสามชุดแยกต่างหาก เวลาไปพักที่ไหนจะได้ไม่ต้องลำบากขนขึ้นขนลงให้เหนื่อย

ผมไม่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จ ก็นอนหลับเลย......

มาสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังลั่น หันไปเห็นเสี่ยแด๋กำลังง่วนอยู่กับโทรศัพท์ ไม่ใช่อะไรหรอก ท่านนอนไม่หลับอะเลยเอาโทรศัพท์มานั่งเล่นเกม..... เวลาตอนนั้นเพิ่งจะตีสี่เอง ทำไงดี .....ผมเลยต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำ

สดชื่นขึ้นมาบ้าง เสี่ยแด๋เอาหนังสือพระคัมภีร์คริสต์มาอ่าน (เสี่ยแด๋นับถือพระเยซู) ผมไม่มีอะไรทำจึงเปิดทีวีเพื่อดูช่อง WEATHER CHANNEL ซึ่งรายงานสภาพอากาศตลอด 24 ชั่วโมง

อากาศที่เมกาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างช่วงที่ผมมานั้น

อากาศกำลังสบาย 70 องศาFกว่าๆ แต่วันนี้อากาศลดลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 10 องศาFเท่านั้น ซึ่งสาเหตุเกิดจาก COOL WAVE คลื่นความหนาวพัดมาจากขั้วโลกเหนือนั่นเอง

เสี่ยแด๋นอนไม่หลับ กินยานอนหลับไปสองเม็ดก็ยังไม่หลับ อ่านพระคัมภีร์ก็แล้ว เล่นเกมมือถือก็แล้ว

ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกว่าเช็คเอ้าท์ดีกว่าเพราะใกล้ 6 โมงเช้าแล้ว

อากาศยามเช้าสดชื่นแต่ หนาวจับใจ ผมไม่คิดว่าจะหนาวเลยมีแค่แจ็คเก็ตบางๆมาเท่านั้น เมื่อออกรถได้ก็ค่อยยังชั่วหน่อยเพราะในรถเปิดฮีทเตอร์ได้

ช่วงนี้ผมวิ่งบนไฮเวย์101มุ่งขึ้นเหนือตลอด ถนนช่วงนี้เริ่มเลียบชายฝั่ง ด้านซ้ายเป็นมหาสมุทรแปซิฟิค ด้านขวาเป็นป่าRED WOOD ...

ใช่แล้ว ผมกำลังแล่นใน RED WOOD NATIONAL PARK

ถนนช่วงนี้เขาก็เลยเรียกว่า RED WOOD HIGHTWAY




ผมชื่นชมต้นRED WOODของรัฐโอเรกอน ที่รักษาไว้อย่างดี บางต้นมีอายุยืนยาวเป็นร้อยๆปี ต้นสูงใหญ่มาก การท่องเที่ยวที่นี่จึงเป็นการท่องเที่ยวเดินป่าตั้งแคมป์เป็นส่วนใหญ่....

.ผมมองเห็นรถเป็นขบวนยาวเหยียดที่มุ่งหน้าเข้าป่า แทบทุกคันบรรทุกอุปกรณ์เดินป่าทั้งนั้นเลย....



ผมอิจฉาคนเมกาที่รักธรรมชาติและหวงแหนทรัพยากรของเขา.....


ยังไม่ทันไร เสี่ยแด๋ก็หยิบแผ่นซีดีมาเปิด....คุณรู้มั้ยว่าเพลงอะไร.....

เพลงสวดในโบสถ์คริสต์น่ะ...เสี่ยแด๋เปิดไปร้องไปอย่างมีความสุข

ผมฟังแล้วง่วงนอน....นึกในใจว่า..เดี๋ยวเถอะจะแก้เผ็ดให้สะใจซักหน่อย

เมื่อเสี่ยแด๋เปิดแผ่นไปได้2แผ่น ผมเลยบอกเสี่ยแด๋ว่า ตากูฟังเพลงของกูมั่ง...มึงช่วยหยิบให้หน่อย....

เสี่ยแด๋หยิบแผ่นของผมใส่เข้าไปในเครื่องเสียง

“ เฮ้ย..เพลงอะไรวะ” เสี่ยแด๋ตะโกนลั่น

“เพลงสวดพระโพธิสัตว์ของธิเบตโว้ย!!!...” ผมตอบอย่างสะใจ

เสี่ยแด๋อึ้งและค่อยๆหลับตานอนหลับตาทันที...ฮิฮิ....

โปรดติดตามตอน3. PORTLAND...HOLY THE LORD ในครั้งหน้า




กดที่นี่ตอน3







 

Create Date : 05 มีนาคม 2548    
Last Update : 9 มีนาคม 2548 12:00:10 น.
Counter : 477 Pageviews.  

1  2  


pollawat88
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add pollawat88's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.