Group Blog
 
All Blogs
 

ทบทวนสามก๊ก (๑๔)

คุณป้ากุ๊กไก่ ขอดู เล่ม ๑ หน้า ๑๐๐





สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ

อุบายขุนนางเฒ่า

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อประมาณหนึ่งพันแปดร้อยกว่าปีมาแล้ว ในยุคของสามก๊ก ได้มีวีรสตรีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เป็นที่เล่าขานกันตลอดมา แม้ว่าจะมีผู้รู้บางท่านบอกว่า ไม่มีตัวจริงอยู่ในประวัติศาสตร์เลยก็ตาม เราก็สามารถจะทราบ พฤติกรรมของเธอผู้นี้ ได้จากวรรณคดีไทยซึ่งแปลมาจากภาษาจีน ฉบับของ ท่านเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เธอผู้นี้คือ นางเตียวเสียน

สมัยนั้น ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองบ้านนอกได้เข้ามายึดการปกครอง เมืองลกเอี๋ยง ราชธานีของราชวงศ์ฮั่น โดยตั้งตนเป็นมหาอุปราชเชิด พระเจ้าเหี้ยนเต้ ฮ่องเต้ผู้มีอายุเพียงเก้าขวบไว้เป็นหุ่น แล้วก็ทำการกดขี่ข่มเหงอาณาประชาราษฎร ให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ นานา จนมีผู้รวบรวมกำลัง จากหัวเมืองอีกสิบเจ็ดเมือง ยกมาปราบปรามก็พ่ายแพ้ไป เพราะมีทหารเอกคนหนึ่งชื่อ ลิโป้ เดิมเป็นลูกเลี้ยงของ เต๊งหงวน เจ้าเมืองเต๊งจิ๋ว แต่ตั๋งโต๊ะติดสินบนให้ฆ่าพ่อเลี้ยง แล้วมาอยู่กับตน

ตั๋งโต๊ะจึงพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ย้ายเมืองหลวง มาอยู่ที่เมืองเตียงฮัน แล้วก็ไปสร้างเมืองใหม่เป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง มีบ้านเรือนน้อยใหญ่เทียมพระราชวัง มีนางสนมปรนนิบัติถึงแปดร้อยคน นาน ๆ จึงจะมาเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่เมืองเตียงฮันสักครั้งหนึ่ง เมื่อมาถึงก็ต้องแสดงอำนาจบาตรใหญ่ แกล้งหาเรื่องฆ่าขุนนางที่ไม่ชอบหน้าอยู่เนือง ๆ เพื่อมิให้มีผู้คิดกระด้างกระเดื่อง

นางเตียวเสียนนั้นเป็นข้ารับใช้ของ อ้องอุ้น ขุนนางผู้ใหญ่มาตั้งแต่เป็นเด็กหญิง ตัวน้อย จนอายุได้สิบหกปี มีรูปงามขับร้องเพลงเสียงไพเราะ อ้องอุ้นมีความเอ็นดู จึงอุปการะไว้เป็นบุตรเลี้ยง

วันหนึ่งเวลาดึกสงัด นางเห็นอ้องอุ้นถือไม้เท้าเดินลงไปในสวนดอกไม้ นางจึงเดินตามมาข้างหลัง นางก็เห็นอ้องอุ้นยืนพิงต้นไม้ แหงนหน้าขึ้นแลดูบนอากาศแล้วก็ร้องไห้ นางจึงทอดถอนใจใหญ่ ด้วยความสงสารผู้เป็นบิดาเลี้ยง

อ้องอุ้นเหลียวมาพบเข้า จึงเดินเข้ามาใกล้แล้วถามว่า

".....เวลาดึกสงัดถึงเพียงนี้ยังมินอน ลงมาเที่ยวอยู่ในสวนดอกไม้ แล้วทอดใจใหญ่ ทุกข์ด้วยไม่เห็นชู้มาหรือ....."

นางก็ตกใจคุกเข่าลงคำนับแล้วจึงบอกความในใจว่า

"....ข้าพเจ้าจะได้มีชู้มาคอยกันหามิได้ ตัวข้าพเจ้าเป็นทาสี ซึ่งท่านเลี้ยงข้าพเจ้าเป็นบุตรมาแต่น้อยนั้นพระคุณหาที่สุดมิได้ ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่า ถ้าท่านมีทุกข์สิ่งใด ข้าพเจ้าจะสนองพระคุณท่าน ถึงมาตรว่าชีวิตจะตาย แลกระดูกจะแหลกเป็นผงก็ดี ข้าพเจ้ามิได้เสียดายแก่ชีวิต เมื่อเวลากลางวันนั้น ตั๋งโต๊ะเชิญท่านไปกินโต๊ะแล้วกลับมา ข้าพเจ้าเห็นหน้าท่านนั้นเศร้าหมองยิ่งกว่าแต่ก่อน ข้าพเจ้าเห็นว่าจะมีทุกข์สิ่งใดใหญ่หลวงอยู่ ท่านจึงเป็นดังนี้ ข้าพเจ้าจึงตามลงมาหวังจะใคร่รู้เหตุ แล้วจะได้คิดอ่านสนองคุณท่าน ไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต....."

อ้องอุ้นจึงพานางเตียวเสียนขึ้นบนตึก เข้าไปในห้องดูหนังสืออันเป็นที่สงัด เมื่อให้นางเตียวเสียนนั่งบนเก้าอี้แล้ว อ้องอุ้นก็ลงคุกเข่าคำนับ นางก็ตกใจลงจากเก้าอี้คำนับ แล้วกอดเท้าอ้องอุ้นไว้ และห้ามว่า

".....ท่านอย่าคำนับข้าพเจ้าผู้บุตรนี้ไม่สมควร....."

อ้องอุ้นก็ตอบว่า

".....เราได้ยินเจ้าว่าทั้งนี้ ก็มีความยินดีนัก เราจึงคำนับเจ้า เจ้าจงมีใจเมตตาแก่พระมหากษัตริย์ แลอาณาประชาราษฎรด้วยเถิด....."

แล้วอ้องอุ้นก็ร้องไห้อีก นางเตียวเสียนจึงว่า

".....ข้าพเจ้าได้ออกปากว่าจะเอาชีวิตแทนคุณท่าน เป็นไฉนท่านมิบอกเหตุ ซึ่งจะมาร้องไห้อยู่ฉะนี้ ทุกข์ของท่านจะสำเร็จแล้วหรือ....."

อ้องอุ้นจึงเล่าความว่า

".....ทุกวันนี้แผ่นดินร้อนทุกเส้นหญ้า เจ้าก็แจ้งอยู่แล้ว พระเจ้าเหี้ยนเต้อุปมาดังฟองไก่ อันวางอยู่เหนือหน้าศิลา ขุนนางกับอาณาประชาราษฎรอุปมาดังหยากเยื่อใกล้กองเพลิง มิได้รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อใด ตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้ากำเริบขึ้น จะชิงเอาราชสมบัติ หาผู้ใดจะคิดล้างตั๋งโต๊ะไม่ แลตั๋งโต๊ะนั้นมีบุตรเลี้ยงคนหนึ่งชื่อลิโป้ มีฝีมือกล้าหาญ แลน้ำใจตั๋งโต๊ะกับลิโป้นั้น มากยินดีด้วยสตรีรูปงาม ถ้าเจ้าจะช่วยกู้แผ่นดินแล้ว พ่อจะคิดเป็นกลอุบาย....."

แล้วอ้องอุ้นก็บอกเล่าแผนที่จะดำเนินการ ให้นางเตียวเสียนฟังโดยละเอียดทุกประการ แล้วย้ำว่า

"....เมื่อศัตรูราชสมบัติตายแล้ว บ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป ตัวเจ้าซึ่งได้อาสากู้แผ่นดินก็จะมีชื่อปรากฎไปชั่วฟ้าชั่วดิน ซึ่งพ่อคิดทั้งนี้เจ้าจะยอมด้วยหรือประการใด....."

นางเตียวเสียนจึงตอบว่า

".....ข้าพเจ้าได้ออกปากไว้ว่า จะสนองคุณท่าน อย่าว่าแต่จะเสียตัวเพียงนี้เลยถึงจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต ซึ่งท่านจะคิดประการใดก็เร่งคิดเถิด ถ้าข้าพเจ้าได้ไปอยู่ด้วยตั๋งโต๊ะแล้ว ข้าพเจ้าจะคิดกลมารยา ให้ลิโป้ฆ่าตั๋งโต๊ะเสียจงได้....."

อ้องอุ้นก็ว่า

".....ถ้าเจ้าจะอาสาแผ่นดินแทนคุณพ่อแล้ว จะคิดการสิ่งใดให้ปิดป้องให้จงดี ถ้าเผื่อความแพร่งพราย ตัวเจ้ากับบิดาแลญาติ ก็จะพากันตายเสียสิ้น....."

นางเตียวเสียนก็สาบานว่า ถ้าแพร่งพรายความนี้แก่ผู้ใด ขอให้ตายด้วยอาวุธ ต่าง ๆ เถิด อ้องอุ้นก็มีความยินดีนัก

รุ่งเช้าอ้องอุ้นจึงจัดของกำนัลอย่างดีมากมาย แอบเอาไปให้ลิโป้ แล้วเชิญลิโป้มากินเลี้ยงที่บ้านในเวลาเย็น เมื่อเลิกจากการติดตามตั๋งโต๊ะเข้าเฝ้าแล้ว

เมื่อลิโป้มาถึงบ้าน อ้องอุ้นก็ต้อนรับอย่างดี ลิโป้ก็ว่าอ้องอุ้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ใน พระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นไฉนจึงมานับถือตน ซึ่งเป็นนายทหารผู้น้อยไม่สมควร อ้องอุ้นก็ว่าที่นับถือนั้น ก็เพราะรักฝีมือในการทหารของลิโป้ แล้วก็พูดจายกยอสรรเสริญตั๋งโต๊ะ กับลิโป้เป็นอันมาก

ต่อมาก็ขับคนใช้ผู้ชายออกไปเสียสิ้น และให้หญิงรับใช้สี่คน ไปเชิญนางเตียวเสียน ออกมา แล้วแนะนำว่า

"....นางเตียวเสียนนี้เป็นบุตรของเรา ทุกวันนี้เราได้อยู่เย็นเป็นสุข ก็เพราะบุญของ มหาอุปราชกับท่าน ท่านก็มีความเมตตาแก่เราดังญาติพี่น้อง เราจึงให้หาออกมาหวังจะให้ท่านรู้จักไว้....."

แล้วอ้องอุ้นก็ให้นางเตียวเสียนรินสุราให้ลิโป้ เมื่อนางรินสุราส่งให้แก่ลิโป้ครั้งใด ก็ ชม้ายชายตาสบสายตาลิโป้ทุกครั้ง อ้องอุ้นจึงทำเป็นเมา แล้วบอกนางว่า

".....พ่อนี้ชราแล้วกำลังน้อย เสพสุราก็เมา เจ้าคำนับแทนพ่อเถิด...."

ลิโป้จึงเชิญให้นางเตียวเสียนนั่ง นางก็แกล้งทำเป็นอายมิได้นั่งลง ขยับจะคำนับบิดาลาเข้าข้างใน อ้องอุ้นจึงว่า

".....ลูกเอ๋ยอย่าอายเลย ลิโป้มีความเมตตาแก่เราดังญาติ จงนั่งลงคำนับรินสุราให้เถิด...."

นางเตียวเสียนจึงนั่งลงข้างบิดา แล้วก็รินสุราคำนับกับลิโป้แทนบิดาต่อไป ลิโป้นั้นเมื่อรับจอกสุราทีไร ชำเลืองไปก็สบสายตาของนางเตียวเสียนทุกครั้ง ใจก็เคลิบเคลิ้มไปกับความงามของนาง อ้องอุ้นเห็นกิริยาลิโป้ว่าพอใจนางเตียวเสียนอยู่ จึงออกปากว่า

"....ตัวเรานี้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ก็จริง แต่ชราแล้วอุปมาเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง บุตรของเราคนนี้จะยกให้เป็นภรรยาน้อยท่าน จะได้ฝากผีแก่ท่านสืบไป...."

ลิโป้ก็ยินดีนัก ลุกขึ้นคุกเข่าคำนับอ้องอุ้นแล้วว่า

".....ซึ่งท่านเมตตาข้าพเจ้าทั้งนี้นั้น คุณหาที่สุดมิได้ ถึงจะเป็นประการใดข้าพเจ้าจะสนองคุณท่านสืบไป..."

อ้องอุ้นก็ว่าได้ยกบุตรให้เป็นสิทธิ์แก่ลิโป้แล้ว แต่ขอให้รอหาวันดีเมื่อใด ก็จะส่งตัวให้เมื่อนั้น ลิโป้ก็ไม่ขัดข้องและขอลากลับไป

รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง อ้องอุ้นเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ มิได้เห็นลิโป้มากับตั๋งโต๊ะ จึงเชิญตั๋งโต๊ะไปกินเลี้ยงที่บ้านในเวลาเที่ยง เมื่อออกจากที่เฝ้าแล้ว ตั๋งโต๊ะก็ยกขบวนแห่แหนไปที่บ้าน อ้องอุ้น ซึ่งได้เตรียมการต้อนรับไว้อย่างใหญ่โต แล้วอ้องอุ้นก็คุกเข่ารินสุราส่งให้ตั๋งโต๊ะกิน ตั๋งโต๊ะก็ว่าอย่าต้องคุกเข่าคำนับเลย จงนั่งให้เป็นสุขเถิด

อ้องอุ้นก็นั่งคุยสรรเสริญเยินยอตั๋งโต๊ะเป็นอันมาก ตั้งโต๊ะกินเลี้ยงอยู่จนเวลาเย็น อ้องอุ้นจึงเชิญเข้าไปนั่งเล่นที่ห้องในเป็นการเฉพาะ แล้วว่า

".....เมื่ออายุข้าพเจ้าได้ยี่สิบห้าปีนั้น ข้าพเจ้าได้เรียนดูดาวสำหรับพระมหากษัตริย์ แลดาวประจำเมืองกับดาวบริวารทั้งปวงนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นดาวสำหรับพระมหากษัตริย์นั้นเศร้าหมอง แลดาวมหาอุปราชนั้นมีรัศมีรุ่งเรือง ข้าพเจ้าพิจารณาดูเห็นว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้นี้จะดับสูญ ราชสมบัตินั้นจะได้แก่ท่านเป็นมั่นคง....."

ตั๋งโต๊ะได้ฟังก็ยินดี ถามว่าเรานี้จะถึงเศวตฉัตรเจียวหรือ อ้องอุ้นก็ยืนยันว่า

".....อันอย่างธรรมเนียมโบราณ ถ้าผู้ใดหาบุญแลสติปัญญามิได้ ก็ย่อมแพ้แก่ ผู้มีบุญแลปัญญาความคิด ข้าพเจ้าเห็นดังนี้....."

ตั๋งโต๊ะก็ชักจะเคลิ้มบอกว่า

"...ถ้าเราได้ราชสมบัติเหมือนคำท่าน เราจะตั้งท่านให้เป็นมหาอุปราช เป็นบำเหน็จปากซึ่งท่านทำนายนั้น....."

อ้องอุ้นก็ทำเป็นยินดี พอพลบค่ำลงอ้องอุ้นก็ให้จุดเทียนชวาลาสว่างไสว แล้วสั่งให้มโหรีและนางรำออกมาบำเรอตั๋งโต๊ะ โดยให้นางเตียวเสียนเป็นหัวหน้า ตั๋งโต๊ะก็ถามว่านางนี้ ชื่อไร อ้องอุ้นก็บอกว่าชื่อนางเตียวเสียน แล้วก็ให้ขับร้องให้ตั๋งโต๊ะฟัง นางเตียวเสียนก็ขับเพลงพลางทำกิริยายั่วยวน จนตั๋งโต๊ะมีใจหลงเล่ห์เสน่หา อ้องอุ้นจึงคุกเข่าคำนับตั๋งโต๊ะ แล้วกล่าวว่า

".....ทุกวันนี้ข้าพเจ้ามีความสุขเพราะบุญท่าน ข้าพเจ้าหาสิ่งใดจะสนองคุณมิได้ แลนางเตียวเสียนนี้ ข้าพเจ้าได้เลี้ยงมาแต่น้อย ข้าพเจ้าจะยกให้แก่ท่านเป็นสิทธิ์....."

ตั๋งโต๊ะก็มีความยินดียิ่งนัก อ้องอุ้นจึงให้จัดแจงเสื้อผ้าอย่างดี ให้นางเตียวเสียน เป็นอันมาก แล้วให้นางนั่งเกี้ยวมีขบวนไปส่งตัว ที่บ้านพักของตั๋งโต๊ะในคืนนั้นเอง

นางเตียวเสียนก็ตกเป็นภรรยาของตั๋งโต๊ะในคืนนั้น ด้วยความเต็มใจของนางเอง ที่จะล่อให้ตั๋งโต๊ะลุ่มหลง ตามแผนการขั้นแรกของอ้องอุ้นผู้มีคุณ ส่วนขั้นต่อไปจะทำอย่างไรให้สำเร็จ สมความปรารถนาที่จะกำจัดมหาอุปราชผู้ชั่วร้ายนี้ น่าจะรอให้ถึงรุ่งเช้าเสียก่อน.

###############




 

Create Date : 20 เมษายน 2559    
Last Update : 20 เมษายน 2559 9:14:26 น.
Counter : 734 Pageviews.  

ทบทวนสามก๊ก (๑๓)

ทบทวนสามก๊ก (๑๓)


๒.เงียมหงัน ครั้งสุดท้ายได้ข่าวว่า ไปเป็นเจ้าเมืองปาเส

แต่ไม่ได้ข่าวว่าตายยังไงครับ.

๓. แฮหัวตุ้น


สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

สิงห์สิ้นลาย
"เล่าเซี่ยงชุน"

ทหารเอกของ โจโฉ นั้นได้เล่ามาแล้วว่ามีมากมายก่ายกองนับแทบจะไม่ถ้วน เฉพาะที่ได้กล่าวชื่อเอาไว้ เมื่อสองสามตอนก่อน ก็กว่าสิบคนเข้าไปแล้ว คนเก่าแก่ที่น่า สนใจอีกคนหนึ่งก็คือ แฮหัวตุ้น ซึ่งเป็นพี่ชายของ แฮหัวเอี๋ยน ทั้งสองพี่น้องได้มาสมัคร เข้าเป็นทหารของโจโฉตั้งแต่เริ่มแรก ที่จะจัดตั้งกองทัพประชาชนไปรบกับตั๋งโต๊ะ แล้วก็เป็นกำลังสำคัญของโจโฉ ในการรบพุ่งปราบปรามฝ่ายที่มีความคิดไม่ตรงกัน มาตลอดระยะเวลาหลายปี จนกระทั่งโจโฉได้เป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ถือรับสั่งไปปราบขบถภายในภายนอก ได้ชัยชนะหลายครั้งหลายหน

และหลังจากจัดการกับ อ้วนเสี้ยว เจ้าเมืองกิจิ๋ว ผู้เป็นใหญ่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ จนพ่ายแพ้อย่างยับเยินถึงแก่ความตาย แล้วก็ไล่ล่าลูกชายของอ้วนเสี้ยวอีกสามคน จนสิ้นเสี้ยนหนามไปหมดทั้งตระกูล จากนั้นก็หันมาเพ่งเล็ง เล่าปี่ คู่แค้นเก่า ซึ่งขณะนั้นตั้งตัวอยู่ที่เมืองซินเอี๋ย มีทหารอยู่เพียงหมื่นเศษ แต่ได้ตัว ขงเบ้ง วัยหนุ่มอายุเพิ่งยี่สิบหกปีเศษมาเป็นที่ปรึกษาใหม่ ยังไม่ทันได้แสดงฝีไม้ลายมือ

โจโฉก็เกณฑ์ทหารได้สิบหมื่นให้ แฮหัวตุ้น เป็นแม่ทัพใหญ่ ยกไปตีเมืองซินเอี๋ย ที่ปรึกษาก็เตือนว่าอย่าประมาทแก่เล่าปี่ เพราะขณะนี้มีขงเบ้งเป็นที่ปรึกษา โจโฉไม่รู้จักก็ถามว่าเจ้าคนนี้คือใคร ที่ปรึกษาบอกว่าคือ จูกัดเหลียง หรือฉายาว่า ฮกหลง เป็นคนมีสติปัญญา การในอากาศและแผ่นดินก็รู้ดูชำนาญสิ้น เสมอเทพยดาเข้าดลใจ
โจโฉถามว่า ถ้าเปรียบกับตัวที่ปรึกษาเอง ใครจะมีภาษีกว่ากัน ที่ปรึกษายอมถ่อมตัวว่า

"......อันความคิดข้าพเจ้านี้ อุปมาเหมือนหนึ่งหิ่งห้อย อันสติปัญญา ขงเบ้งเป็นดังหนึ่งรัศมีจันทร์.........”

แฮหัวตุ้นก็หัวเราะแล้วว่า ข้าพเจ้ายกไปครั้งนี้จะจับตัว เล่าปี่ ขงเบ้ง มาให้จงได้ ถ้าไม่ได้สมดังปากว่า ก็จงตัดศีรษะข้าพเจ้าแทนเถิด
โจโฉก็กำชับว่าไปราชการสงครามคราวนี้ ได้ทีประการใดให้ส่งข่าวมาบอกทุกระยะ แฮหัวตุ้นก็รับคำแล้วยกทัพออกจากเมืองฮูโต๋ ไปตั้งอยู่ที่ตำบลพกบ๋อง

การที่แฮหัวตุ้นคุยเขื่องว่าจะเอาชนะเล่าปี่ขงเบ้ง ให้ได้นั้น ก็เพราะถือตัวว่า เป็นทหารชำนาญสงครามมามาก จนเป็นทหารเอกของโจโฉ เคยฝ่าฟันอันตรายในสนามรบมาอย่างโชกโชน

เมื่อครั้งที่โจโฉใช้ให้ยกกองทัพ ไปปราบ ลิโป้ ที่เมืองเสียวพ่าย ก็เข้าปะทะกับ โกซุ่น ทหารเอกของลิโป้ รบกันได้ห้าสิบเพลง โกซุ่นเห็นท่าจะไปไม่รอดก็ชักม้าหนีกลับเข้าค่าย แฮหัวตุ้นเห็นได้ทีก็รีบควบม้าไล่ตาม โจเสง เพื่อนของโกซุ่น จึงเอาเกาทัณฑ์ยิงสกัดถูกตาซ้ายของ
แฮหัวตุ้นปักคาอยู่ แฮหัวตุ้นร้องว้ากแล้วก็ชักลูกเกาทัณฑ์ออก ปรากฎว่าลูกตาติดปลายเกาทัณฑ์มาด้วย แฮหัวตุ้นเสียดายแก้วตาของตน จึงดูดกลืนกินเสียเลย

ฝ่ายโจเสงนั้นเห็นแฮหัวตุ้นถูกเกาทัณฑ์อย่างจังแล้วก็นึกว่าคงเสร็จแน่ จึงเข้าไปจะซ้ำเติม เลยถูกแฮหัวตุ้นแทงด้วยทวนตกม้าตายคาที่ ส่วนการรบครั้งนี้แม้ว่าในที่สุด แฮหัวตุ้นจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ทหารที่อยู่ในสนามรบทั้งสองฝ่าย ต่างก็สรรเสริญแฮหัวตุ้นจอมทรหด ว่าเป็นผู้มีฝีมือหาผู้เสมอมิได้

ข้างฝ่ายเล่าปี่ปรึกษากับขงเบ้งว่า จะรับมือกับผู้รุกรานอย่างไรดี ขงเบ้งบอกว่า กองทัพที่ยกมานี้ พอจะคิดอ่านเอาชัยชนะได้แต่ กวนอู เตียวหุย น้องของท่านทั้งสองคนคงจะไม่นับถือข้าพเจ้า ถ้าจะให้เป็นแม่ทัพก็ขอให้มอบกระบี่และตราอาญาสิทธิ์ให้บังคับบัญชาทหารทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เล่าปี่ก็มอบให้ตามคำขอและสั่งสำทับว่าบรรดาทหารผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งหลาย ให้อยู่ในปกครองของขงเบ้งทั้งสิ้น ผู้ใดขัดขืนไม่เชื่อฟังคำสั่งให้ตัดศีรษะเสีย

ขงเบ้งจึงแจ้งแผนการรบให้แก่ทหารทราบว่า ตำบลทุ่งพกบ๋องนี้ มีเขาอีสันอยู่ทางขวา ป่าอันหลิมอยู่ข้างซ้าย ชัยภูมิชอบกลอยู่ ให้ จูล่ง คุมทหารยกไปเป็นกองหน้า กวนอู คุมทหารพันคนไปซุ่มอยู่ทางเขาอีสัน เตียวหุย คุมทหารพันคนไปซุ่มอยู่ในป่าอันหลิม ให้ กวนเป๋ง ลูกเลี้ยงของกวนอูกับ เล่าฮอง ลูกเลี้ยงของเล่าปี่ คุมทหารห้าร้อยคนมีคบเพลิงครบมือไปซุ่มอยู่ที่ชายทุ่งพกบ๋อง แล้วก็กำหนดหน้าที่ของทุกกอง ตามแผนที่ได้วางไว้ พร้อมทั้งกำชับว่าอย่าให้ ผู้ใดละเมิดคำสั่งนี้ จงกระทำตามถ้อยคำที่สั่งทุกประการ แล้วก็ให้เล่าปี่คุมทหารยกตามไปเป็นกองหนุนของจูล่ง

กวนอูหมั่นใส้ความใหญ่โตของขงเบ้งเต็มที จึงถามว่าท่านใช้ให้ใครต่อใครไปรบ แล้วตัวท่านเองจะอยู่ตรงไหน ขงเบ้งก็ว่าเราจะอยู่รักษาเมือง เตียวหุยปากโป้งอยู่แล้วก็ตบมือหัวเราะเยาะว่า

".....ซึ่งท่านว่ากล่าวทั้งนี้ ก็เห็นว่าท่านมีสติปัญญาจริง คิดเอาความสบายแต่ตัว อันเราทั้งปวงนี้จะออกไปสู้ความตาย ท่านจะอยู่รักษาเมือง จงแต่งโต๊ะกินเลี้ยงให้สบายใจเถิด...."

ขงเบ้งก็ไม่โกรธตอบแต่ยืนยันว่า เล่าปี่ให้กระบี่อาญาสิทธิ์อยู่กับมือเรา ใครจะลองขัดคำสั่งดูก็ได้ กวนอูเตียวหุยเกรงใจพี่ใหญ่ ก็เลยเงียบเสียงไปด้วยกัน

แฮหัวตุ้นนั้น จัดแจงยกพลมาอย่างรวดเร็ว ถึงทุ่งพกบ๋องตอนพลบค่ำ มองไปข้างหน้า เห็นผงคลีฟุ้งตลบเป็นควันอยู่ ก็ให้ทหารหยุดสงบเงียบไว้ ตนเองชักม้าขึ้นไปดู เห็นจูล่งคุมทหารกองหน้ามาแต่น้อยก็หัวเราะว่า ขงเบ้งแต่งกองทัพมาดังหนึ่งทารก หาปัญญามิได้ ประดุจไล่ฝูงเนื้อเข้ามาสู่ปากเสือ

จูล่งก็ขับม้าขึ้นมาข้างหน้าบ้าง แฮหัวตุ้นก็ด่าก่อนว่า

"....นี้โฉดเขลาหาปัญญามิได้ มาอยู่เป็นทหารเล่าปี่ ดังหนึ่งผีท้องเลวเที่ยวตามกินเครื่องเซ่น....."

จูล่ง ไม่ตอบว่ากระไรชักม้าเข้าประอาวุธทันที รบกันได้เพียงห้าเพลงก็แกล้งทำเป็นถอยหนี แฮหัวตุ้นก็พาทหารไล่ติดตามไปประมาณห้าร้อยเส้น นายทหารรองก็ขับม้าตามมาท้วงว่า จูล่งคนนี้ฝีมือเข้มแข็งมาก สู้กับท่านยังไม่ทันจะเหนื่อย ก็ทำเป็นถอยเห็นท่าจะไม่ดี ขอท่านจงยับยั้งก่อนอย่าเพิ่งตามไปเดี๋ยวจะถูกอุบาย

แฮหัวตุ้นทนงว่า ถึงจะซุ่มทหารไว้สักสิบตำบลเราก็ไม่กลัว แล้วก็ตามจูล่งต่อไปอีกประมาณห้าสิบเส้น เล่าปี่ซึ่งเป็นกองหนุนของจูล่ง ก็จุดประทัดส่งสัญญาณให้กองอื่น ที่ซุ่มอยู่รอบทุ่งรู้ แล้วก็พากันถอยต่อไปอีก แฮหัวตุ้นก็ยิ่งกำเริบใหญ่ ว่าวันนี้เราจะเหยียบเมืองซินเอี๋ยให้ได้ ถ้าไม่ยังงั้นเราจะไม่ขอกลับไปให้มหาอุปราชเห็นหน้าอีกเลย

อิกิ๋ม กับ ลิเตียน ที่คุมเสบียงอาหารตามหลังแฮหัวตุ้นมานั้นมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล จึงให้ลิเตียนคุมกองเสบียงหยุดอยู่ก่อน อิกิ๋มรีบขับม้าขึ้นไปจนทันแฮหัวตุ้นร้องห้ามว่า เราไล่ข้าศึกมาจนมืดค่ำถึงยามเศษแล้ว หนทางก็เดินยากข้างหนึ่งเป็นภูเขา อีกข้างหนึ่งเป็นป่าแขม ถ้าข้าศึกแอบมาจุดเพลิงขึ้นเราจะเสียที ขอให้หยุดเสียก่อนดีกว่า

แฮหัวตุ้นก็ได้สติสั่งให้ทหารหยุด แต่ข้าศึกที่ซุ่มอยู่ก็จุดไฟขึ้นทั้งสี่ด้านพร้อมกัน และลมพายุก็พัดแรงขึ้นอีก เพลิงจึงลุกโชติช่วงสว่างไสวไปทั่วบริเวณ

กวนอูก็คุมทหารเข้าโอบหลัง จูล่งก็หันกลับเข้าตีกระทบเข้ามา ทหารของ แฮหัวตุ้นตกใจวิ่งแตกตื่น เหยียบกันตายบ้างหนีไฟไม่ทันถูกคลอกตายไปเป็นอันมาก แฮหัวตุ้น อิกิ๋ม และ ลิเตียน ต่างก็ทิ้งทหารขับม้าฝ่าเพลิงไป ทหารรองอีกสองคนซึ่งอยู่ในกองหน้า รีบเข้ามาช่วยป้องกันรักษาเสบียง ก็ถูกเตียวหุยแทงตายไปคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งขับม้าหนีรอดไปได้ ทหารของเล่าปี่ก็ลุยเข้าฆ่าฟันทหารของแฮหัวตุ้น ตายเกลื่อนทุ่งโลหิตแดงไปทั้งป่า ศพดาดดังขอนไม้

พอรุ่งเช้า แฮหัวตุ้นจึงพาทหารที่เหลือตาย ยกกลับไปเมืองฮูโต๋ พอถึงเมืองก็มัดมือตนเองเข้าไปคำนับโจโฉแล้วสารภาพว่า

"......บัดนี้โทษข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิตแล้ว ด้วยข้าพเจ้ามีความประมาท มิได้รู้เท่ากลขงเบ้ง จึงเสียทหารล้มตายเป็นอันมาก เมื่อข้าพเจ้าจะไปนั้นก็ได้สัญญาว่า ถ้าไม่ได้ตัวเล่าปี่ขงเบ้งมา ก็ให้ตัดศีรษะข้าพเจ้าเสีย ซึ่งโทษข้าพเจ้าผิดนี้ตามแต่ท่านจะทำโทษ....."

โจโฉเห็นแฮหัวตุ้นสำนึกในความผิดของตน และยินยอมรับโทษแต่โดยดี ก็เกิดเมตตาจึงให้แก้มัดเสีย แล้วว่าที่ไปทำสงครามเสียทีแก่ข้าศึกมา โทษท่านนี้ก็ถึงตาย แต่ตัวท่านก็มีความชอบในสงครามครั้งก่อน ๆ มาเป็นอันมาก จึงจะยกโทษให้ครั้งหนึ่ง แล้วปลอบขวัญว่าธรรมดาชาติทหาร ทำสงครามก็ต้องมีชนะและแพ้ด้วยกันทุกคน

แฮหัวตุ้นรอดตายก็ยินดี รีบคำนับแล้วรายงานว่า อิกิ๋ม และลิเตียน ก็ตักเตือนให้สติอยู่ แต่ตนดื้อดึงไปเอง จึงเสียทีเพราะประมาท โจโฉจึงปูนบำเหน็จรางวัลให้แก่สองคนนั้น ตามสมควรแก่ความชอบ

แฮหัวตุ้น นี้ได้เป็นกำลังอันสำคัญในการศึกสงครามของ โจโฉ ต่อมาอีกหลายครั้งหลายคราว และก็รอดมาได้ทุกที จนกระทั่งแก่เฒ่าเจ็บป่วยตายไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมดา ภายหลังที่โจโฉได้เสียชีวิตไป ไม่นานเท่าใดนัก.

##########




 

Create Date : 19 เมษายน 2559    
Last Update : 19 เมษายน 2559 10:08:44 น.
Counter : 605 Pageviews.  

ทบทวนสามก๊ก (๑๒)

ทบทวนสามก๊ก (๑๒)


แล้วเรื่องราวตอนเหล่านี้ละครับ

- เลียวฮัวมาสวามิภักดิ์
- เงียมหงันตาย
- แฮหัวตุ้นตาย
- สุมาอี้เข้ามาอยู่กับโจโฉ
- เตียวเลี้ยวป้องกันหับป๋า
ตอบกลับ
0 0
zodiac28
วันอาทิตย์ เวลา 20:03 น.







 

Create Date : 18 เมษายน 2559    
Last Update : 19 เมษายน 2559 8:18:28 น.
Counter : 690 Pageviews.  

ทบทวนสามก๊ก (๑๑)

ทบทวนสามก๊ก (๑๑)

ทดลองเปิด เล่ม ๑ หน้เา ๒๓๔





อยู่ใน สามก๊กฉบับลิ่วล้อ เล่ม ๑ ชุด อ้วนสุด...ผู้แพ้ตราหยกมหาภัย















 

Create Date : 17 เมษายน 2559    
Last Update : 17 เมษายน 2559 17:55:05 น.
Counter : 457 Pageviews.  

ทบทวนสามก๊ก (๑๐)

ทบทวนสามก๊ก (๑๐)

เรามาเริ่มทบทวนสามก๊กกันต่อนะครับ หลังจากที่ได้หยุดมานาน
คราวนี้ขอความกรุณาท่านผู้สนใจ หาข้อความตอนไหนก็ได้ ในสามก๊ก
ฉบับท่านเจ้าพระยาพระคลัง(หน) เอามาวาง แล้วผมจะเอาเรื่องสามก๊ก
ที่ผมเรียบเรียง มาเฉลย ว่าเรื่องนั้นคือตอนไหน มีความว่าอย่างไรครับ

ถ้าไม่ต้องพลิกหาให้ยุ่งยาก ลองเปิดหน้าใดหน้าหนึ่ง แล้วบอกมาว่าเล่มที่เท่าไหร่ ๑-๒-๓
หน้าอะไร ผมจะไปหาเองก็ได้ครับ.

ขอเชิญร่วมสนุกครับ.

ทดลองหาเองก่อนครับ

เล่ม ๒





 

Create Date : 17 เมษายน 2559    
Last Update : 17 เมษายน 2559 10:16:51 น.
Counter : 421 Pageviews.  

1  2  3  4  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.