Group Blog
 
All Blogs
 

ศึกชิงเกงจิ๋ว (๓)

คุ้ยสามก๊ก

ชุด ศึกชิงเกงจิ๋ว

ตอนที่ ๓ ซุนกวนตีเกงจิ๋ว

“เล่าเซี่ยงชุน”

เมื่อ ลกซุน ไปอยู่ที่ด่านลกเค้าแล้ว วันหนึ่งก็ให้คนถือเครื่องบรรณาการไปถึงกวนอ โดยมีหนังสือกำกับไปว่า “ บัดนี้ ซุนกวน ให้ข้าพเจ้าออกมารักษาตำบลลกเค้าแทน ลิบอง ข้าพเจ้าขัดมิได้ก็ออกมาอยู่ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้าด้วย “

กวนอู จึงถามผู้ถือหนังสือว่า ลิบองซึ่งรักษาอยู่ก่อนนั้นไปไหนเสียเล่า ผู้ถือหนังสือก็บอกว่า ลิบอง นั้นป่วยอยู่ จึงให้ ลกซุน ออกมารักษาแทน กวนอูก็ว่า

“ ซุนกวน นั้นก็เป็นคนดี เหตุไฉนจึงใช้ให้ลูกเด็กออกมาอยู่ดังนี้ “

ผู้ถือหนังสือก็ว่า ลกซุน ให้ตนถือหนังสือกับสิ่งของทั้งปวงมาคำนับ กวนอู จะให้ทั้งสองฝ่ายเป็นไมตรีแก่กัน ขอท่านได้รับเอาสิ่งของทั้งนี้ไว้เถิด

กวนอูก็รู้ว่า ลกซุน ถ่อมตัว ก็หัวเราะแล้วให้ทหารรับเอาสิ่งของทั้งปวงไว้ ผู้ถือหนังสือก็กลับไปบอกแก่ ลกซุน ว่ากวนอูมีความยินดีนัก เห็นจะไว้ใจหาเกรงซึ่งเมืองกังตั๋งจะมาตีไม่

ลกซุน ก็ดีใจจึงแต่งทหารไปสอดแนมดูก็รู้ว่า ในเมืองเกงจิ๋วหาตระเตรียมการไม่ แลยกทหารเตรียมไปรบในเมืองอ้วนเซีย แล้วเห็น กวนอู จะยับยี้งให้แผลจากเกาทัณฑ์หายสนิท จึงจะยกทัพไปตีเอาเมืองอ้วนเซีย ลกซุน จึงเอาเนื้อความนั้นไปแจ้งแก่ ซุนกวน ทราบ

ซุนกวน จึงปรึกษากับ ลิบองว่า จะให้ ลิบอง กับ ซุนเกียว บุตรของตนยกไปตีเมืองเกงจิ๋ว แต่ ลิบอง แย้งว่า

“ ซึ่งท่านจะให้ ซุนเกียว กับ ข้าพเจ้าไปทำการด้วยกันนั้น ข้าพเจ้าเห็นขัดข้องอยู่ แม้ท่านจะให้ ซุนเกียว ไป ก๋ให้ไปแต่ผู้เดียวเถิด ท่านจำไม่ได้หรือ เมื่อครั้งท่านตั้ง จิวยี่ กับ เทียเภา ซึ่งเป็นคนเก่าของท่าน เป็นแม่ทัพว้ายขวาทำการด้วยกัน แลฝ่ายจิวยี่มีสติปัญญาจะว่าสิ่งใด เทียเภา ซึ่งเป็นแม่ทัพซ้าย ก็ประนอมด้วยปัญญาของ จิวยี่ จึงทำการด้วยกันได้ และบัดนี้ท่านจะให้ข้าพเจ้าไปกับ ซุนกียว นั้น ปัญญาข้าพเจ้าหาเหมือนหนึ่ง จิวยี่ ไม่ สิ่งใดที่จะว่ากล่าวกันนั้นเห็นจะขัดสน แล ซุนเกียว นั้น มีสติปัญญากล้าแข็งอยู่ ขอท่านจงใช้ให้ ซุนเกียว ไปแต่ผู้เดียวเถิด ก็จะทำได้ไม่ขัดสน “

ซุนกวนก็เห็นด้วย จึงตั้งให้ ลิบอง เป็นแม่ทัพหลวง เป็นใหญ่กว่าทหารในแว่นแคว้นกังตั๋ง สำหรับคิดการศึกทั้งปวง และตั้งให้ ซุนเกียว เป็นนายทหารกองเสบียง อยู่ในบังคับบัญชาของ ลิบอง

ลิบองจึงจัดแจงทหารลงไปซ่อนตัวในเรือแปดสิบลำ แตให้คนควบคุมเรือแต่งกายเป็นพ่อค้าธรรมดา และให้ ฮันต๋ง นิวท่าย เจียวขิม จูเหียน พัวเจี้ยง ชีเซ่ง เตงฮอง เป็นนายทหารควบคุม ตระเตรียมไว้ จะได้ยกไปเมืองเกงจิ๋ว และทหารที่ไม่ได้ไปกับกองทัพเรือนั้น ให้เป็นทัพหนุนไปกับ ซุนกวน เมื่อจัดแจงเรียบร้อยแล้ว ก็มีหนังสือไปถึง โจโฉ ให้เร่งยกกองทัพ ไปตีกวนอู ซึ่งอยู่ ณ เมืองอ้วนเซียนั้นให้ได้ แล้วจึงให้ทหารไปบอก ลกซุนว่า บัดนี้การซึ่งคิดกันไว้นั้น ได้เตรียมกองทัพไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็ยกกองทัพเรือ ไปตามแม่น้ำซินเอี๋ยง ที่ร้านไฟตำบลแฮเค้า

ทหารที่รักษาด่านร้านไฟ ถามว่ามาจากไหน คนบนเรือก็บอกว่า เรือถูกพายุพัดหลงมา แล้วก็เอาข้าวของขึ้นไปให้ทหารที่รักษาร้านไฟ และขออาศัยจอดเรือพักอยู่ชั่วคราว พอตกค่ำ ทหารที่แอบอยู่ในเรือ ก็ขึ้นไปล้อมจับทหารที่รักษาการณ์นั้นลงมาหมด และทำดังนั้นทุกร้าน จนถึงเมืองเกงจิ๋ว ลิบองก็ปลอบเอาใจทหารเชลยให้ยอมเป็นพวกด้วย แล้วก็ให้เรียกชาวเมืองผู้รักษาประตู ให้เปิดประตูเมืองรับ นายประตูก็เข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกัน จึงเปิดประตูรับ ลิบองจึงพาทหารเข้ายึดเมืองเกงจิ๋วไว้ได้อย่างง่ายดาย ไม่มีผู้ใดต่อสู้เลย

ลิบองก็ประกาศแกทหารทั้งปวง ว่า ถ้าผู้ใดบังอาจฆ่าฟัน แลริบทรัพย์สินชาวเมือง ให้ได้ความเดือดร้อน จะลงโทษผู้นั้นถึงตาย บรรดาขุนนางทั้งปวงในเมืองเกงจิ๋ว ก็ให้คงอยู่ตามตำแหน่ง แลบุตรภรรยาของ กวนอู ก็ให้พิทักษ์รักษาไว้ หามีผู้ใดทำอันตรายไม่ แล้วลิบองจึงมีหนังสือแจ้งให้ซุนกวนยกทหารที่เหลือ เข้าเมืองเกงจิ๋วได้

จากนั้น จีหลวน เพื่อนเก่าของ เปาสูหยิน ซึ่งอยู่รักษาเมืองกังอั๋น ก็อาสาไปเกลี้ยกล่อม เปาสูหยิน ให้ยอมอ่อนน้อม ต่อ ซุนกวน เปาสูหยิน เกรงกลัวจะถูก กวนอู ลงโทษคดีไฟไหม้อยู่แล้ว จึงยอมเข้าเป็นพวก ซุนกวน และเลยไปชักชวน บิฮอง ที่อยู่เมืองลำกุ๋น ให้ย้ายก๊กด้วย แต่ บิฮอง จงรักภักดีต่อพระเจ้าเล่าปี่ จึงลังเลอยู่ พอดีมีทหารถือคำสั่งจากกวนอู ให้จัดเสบียง หกร้อยเกวียน ไปส่งโดยด่วน ทั้งสองนายก็ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร เมืองเกงจิ๋วก็ถูก ซุนกวน ยึดได้แล้ว จะเอาเสบียงที่ไหนได้ตามคำสั่ง เปาสูหยิน จึงชักกระบี่ออก ฟันทหารที่ถือคำสั่งกวนอูถึงแก่ความตาย แล้วพากันยอมอ่อนน้อมให้ ซุนกวนเข้ายึดครองเมืองทั้งสองแต่โดยดี

ฝ่ายพระเจ้าวุยอ๋อง เมื่อได้รับหนังสือจาก ซุนกวน ว่ายึดเมืองเกงจิ๋วได้แล้ว ขอให้เร่งตีทัพของกวนอูให้สำเร็จ จึงให้ ซิหลง คุมทหารเข้าตีค่ายของ กวนเป๋ง และ เลียวฮัว ได้รบกันหลายยก แต่พอ กวนอูได้รับข่าวว่า เมืองเกงจิ๋วเสียแก่ ซุนกวน แล้ว และ เปาสูหยิน กับ บิฮอง ก็ยอมอ่อนน้อมกับข้าศึกแล้ว ก็เสียกำลังใจ ทั้งทหารที่เป็นชาวเมืองเกงจิ๋ว ก็พลอยขวัญเสียไปด้วย ต้องถอยไปจากเมืองอ้วนเซีย

เมื่อยกพลมาถึงกลางทางที่จะไปเมืองเกงจิ๋ว ก็หารือกับ เตียวลุย ซึ่งเป็นที่ปรึกษา ว่า

“ บัดนี้ทหาร ซุนกวน ตั้งสกัดอยู่ข้างหลัง เหล่าทหาร โจโฉ ก็คอยเราอยู่ เรามาตั้งในหว่างข้าศึก กองทัพซึ่งเราให้ไปขอก็ยังไม่มา เราจะคิดอ่านประการใดดี “

เตียวลุย จึงว่า

“ เมื่อครั้ง ลิบองมาตั้งอยู่ที่ลกเค้านั้น ก็ให้หนังสือมาถึงท่านว่า จะให้ เล่าปี่ กับ ซุนกวน ปรองดองกันจะไปกำจัด โจโฉ เสีย บัดนี้ ลิบองกลับเข้าด้วยกับ โจโฉ ขอท่านแต่งทหารไปต่อว่า ลิบอง จะว่าประการใด “

เมื่อ ลิบอง ได้รับหนังสือต่อว่าจาก กวนอู แล้ว ก็นึกว่าตนเองก็เคยชอบพอกัยกวนอูอยู่ แต่ตนไม่ได้เป็นใหญ่ ต้องทำตามที่นายสั่ง จึงไม่รู้ที่จะตอบประการใด ฝ่ายบุตรภรรยาทหารทั้งปวงแลภรรยา กวนอู ต่างคนต่างก็มาถามข่าวทหารซึ่งไปในกองทัพนั้น และต่างก็ฝากข้าวของไปถึงทหารญาติของตน และวานให้ผู้นำสารไปบอกว่า ครอบครัวอยู่สุขสบายดี ลิบองสั่งมิให้ผู้ใดทำอันตราย เมื่อผู้นำสารกลับไปยอกแก่ กวนอู ก็โกรธ ร้องว่า

“ ซึ่ง ลิบองทำเป็นมิตรมาแต่ก่อนนั้น เป็นอุบายสิ้นทั้งนั้น ถ้าเราตายเสียแล้วก็แล้วไป ถ้ายังมิตายจะคิด ฆ่าลิบอง เสียให้ได้ “

เมื่อทหารในกองทัพของ กวนอู ได้รู้ข่าวว่าครอบครัวของพวกตน สบายดื ต่างก็ไม่เต็มใจที่ กวนอู จะไปรบเอาเมืองเกงจิ๋วคืน ต่างก็พากันหลบหนีกลับเข้าเมืองเป็นส่วนมาก ก็พาทหารที่เหลือจะเข้าตีเมืองเกงจิ๋ว ก็ถูก เจียวขิม ฮันต๋ง และ เจียวท่าย คุมทหารรุมล้อมเข้าสกัด พอกวนอูพาทหารหนีไปทางทิศใต้ ก็เจอทหารเกงจิ๋ว มาดักรอชักชวนทหารที่เป็นชาวเกงจิ๋วด้วยกัน ให้หนีออกมาเสีย กวนอูก็โกรธ ชักม้าจะเข้าไปตีพวกนั้น ชีเซ่ง กับ เตงฮอง พร้อมทหารก็ออกมาจากซอกเขาเข้าขัดขวางไว้ ทั้งห้านายก็รุมล้อมหน้าล้อมหลัง เข้ากระหนาบ กวนอู พอตกค่ำ ทหารของกวนอูก็หลบหนีไปอีกจนเหลืออยู่เพียงสามร้อยเศษ กวนอูรบป้องกันตัวอยู่จนสองยาม เลียวฮัว กับ กวนเป๋ง ซึ่งเป็นกองหลังตามมาทัน จึงเข้าช่วยแก้กวนอู ออกจากที่ล้อม แล้วพากันหนีไปอยู่ที่เมืองเป๊กเสีย ซึ่งเป็นเมืองเล็ก แต่พอจะป้องกันข้าศึกไว้ได้

ซุนกวน ก็ยกทหารเมืองกังตั๋งล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน เลียวฮัว จึงขออาสาถือหนังสือไปขอทหารจากเมืองที่ เล่าฮอง กับเบ้งตัด ยึดครองอยู่ ให้มาช่วย กวนอู ก็ให้กวนเป๋งช่วยตีฝ่าข้าศึกที่ล้อมอยู่ ออกไปส่งเลียวฮัวได้ แล้วกวนเป๋งก็กลับเข้าเมืองมาอยู่กับบิดา แต่ เลียวฮัว ไปแล้วก็หายเงียบไปเลย เพราะ เล่าฮองกับ เบ้งตัด ไม่ยอมยกทหารมาช่วย

กวนอู รอไม่ไหว สองคนกับกวนเป๋ง ก็ฝ่ากองทัพที่ล้อมจะหนีไปเมืองเสฉวน แต่ในที่สุดก็สู้ข้าศึกที่มีทหารมากมายไม่ไหว ถูกจับตัวได้ทั้งพ่อลูก

พัวเจี้ยง กับจูเหียน ก็คุมตัว กวนอูกับ กวนเป๋ง ไปหา ซุนกวน ต่อหน้าขุนนางฝ่ายกังตั๋งทั้งปวง ซุนกวนจึงว่า

“ แต่ก่อนเราได้ยินข่าวว่า ท่านเป็นคนกล้าหาญ เข้มแข็ง ร้ำใจซื่อสัตย์นัก เราก็มีใจรัก จะใคร่ได้ท่านมาไว้เป็นเพื่อนตัว ท่านทำราชการอยู่กับนายท่าน เราก็หาได้ท่านไม่ บัดนี้ท่านแพ้แก่ทหารเรา ท่านจงอยู่กับเราเถิด เราจะไว้ชีวิต จะเลี้ยงท่านให้ถึงขนาด “

กวนอู ได้ฟังดังนั้นก็โกรธนัก จึงด่าว่า

“ อ้ายเด็กน้อย ตัวกูหายอมเป็นบ่าวไม่ อนึ่งก็ได้ถือน้ำพิพัฒน์สัจจา ไว้ต่อเล่าปี่ จะช่วยเอาราชสมบัติ ให้เล่าปี่อันเป็นเชื้อพระวงศ์ ซึ่งกูจะอยู่ด้วย อันเป็นศัตรูราชสมบัติ นั้น ไม่อยู่แล้ว ครั้งนี้กูแพ้ความคิด จับตัวกูได้ อย่าพักพูดเกลี้ยกล่อมเลย ใฟห้ป่วยการปาก กูเป็นชาติทหารจะกินข้าวแดงเป็นสองเจ้านั้น หามิได้ จะสู้ตาย “

ซุนกวนจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า อัน กวนอูเป็นคนสัตย์ซื่อน้ำใจเดียว เราคิดจะใคร่เลี้ยงไว้ จะเห็นประการใด ที่ปรึกษาจึงว่า

“..................โจโฉ จับกวนอูได้ งให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ให้เครื่องอุปโภคเป็นอันมาก สามวันเลี้ยงโต๊ะทีหนึ่ง ห้าวันเลี้ยงโต๊ะทีหนึ่ง บำรุงเลี้ยงถึงเพียงนี้ จะเอาตัวกวนอูไว้ กวนอู มิได้อยู่ยังหนีไปหา เล่าปี่ ผู้พี่ ฆ่านายด่านเสียถึงห้าตำบล แลซึ่งท่านจะเลี้ยงไว้ นานไปข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นอันตรายดังนั้น “

ซุนกวนก็นิ่งตรึกตรองอยู่เป็นครู่แล้วว่า ท่านว่านี้เราเห็นชอบด้วย แล้วสั่งให้ทหาร เอาตัวกวนอูพ่อลูก ไปประหารเสีย

เมื่อกวนอู ตายนั้นเดือนสิบสอง อายุพอครบห้าสิบแปดปี เป็น พ.ศ.๗๖๒ ก็เป็นอันสิ้นสุดชีวิตของขุนพลผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ในยุทธจักรสามก๊ก มาตลอดเวลาสามกว่าปีลงเพียงนี้

และยังเป็นต้นเหตุให้ เตียวหุย น้องรอง และ เล่าปี่ พี่ใหญ่ ต้องเสียชีวิตตามไปด้วย ในเวลาไล่เรื่ยกัน ตามคำสาบานในสวนท้อ หลังบ้านของ เตียวหุย ณ เมืองตุ้นก้วนในอดีตโน้น อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้จนหมดสิ้น

และผู้เรียบเรียง สามก๊กฉบับลิ่วล้อ ก็คงจะพักงานเขียนลงด้วย เช่นกัน.

###########




 

Create Date : 22 เมษายน 2559    
Last Update : 22 เมษายน 2559 16:24:41 น.
Counter : 504 Pageviews.  

ศึกชิงเกงจิ๋ว (๒)

คุ้ยสามก๊ก

ชุด ศึกชิงเกงจิ๋ว

“เล่าเซี่ยงชุน”

ตอนที่ ๒ กวนอูตีเมืองซงหยง

ฝ่าย โจหยินผู้รักษาเมืองอ้วนเซีย ครั้งได้ข่าวว่า กวนอู ยกพลมาจะตีเมืองซงหยงก็ครั่นคร้าม จึงเกณฑ์ทหารให้รักษาบ้านเมืองโดยหวดขัน เต๊กหงวน นายทหารรองก็ว่า

“ พระเจ้าวุยอ๋อง มีรับสั่งให้ท่านไปชวน ซุนกวน ยกทหารเมืองกังตั๋ง บรรจบกันไปตีเมืองเกงจิ๋ว บัดนี้กวนอู ยกทัพมาตีเมืองเรา เหมือนหนึ่งเอาชีวิตมาให้เรา เราจะย่อท้ออยู่ว่าไร ควรจะยกออกต่อสู้กวนอู เถิด “

บ้วนทง ผู้เป็นที่ปรึกษาได้ยินดังนั้นจึงห้าม โจหยินว่า

“ อันกวนอูนี้ มีกำลังสติปัญญาความคิดเป็นอันมาก ซึ่งท่านจะต่อสู้ด้สยเขานั้น เห็นขัดสม เราจงรักษามั่นไว้แต่ในเมืองเถิด “

แฮหัวจุ้น ก็ว่า

“ บ้วนทงนี้ เป็นแต่คนรู้หนังสือ หารู้การสงครามไม่ เราก็เป็นชาติทหาร หรือจะกลัวตาย เขายกมาแต่ทางไกล ทหารก็เหน้ดเหนื่อยมาก เห็นหาชนะเราไม่ “

โจหยิน ก็เห็นชอบด้วย จึงให้ บ้วนทง ไปรักษาเมือง อ้วนเซีย ตนเองก็ยกทหารออกไปรบกับกวนอู ฝ่าย กวนอู เห็น โจหยินยกมา ก็สั่ง กวนเป๋ง กับ เลียวฮัว ว่าเมื่อเข้ารบกับโจหยินแล้ว ให้แกล้งทำเป็นแพ้หนีมาเถิด

เมื่อกวนเป๋ง กับ เลียวฮัว ยกออกไป โจหยิน ก็ให้ เต๊กหงวนออกมาต่อสู้ด้วย ทั้งสองนายก็ขับม้าหนีไปตั้งค่ายอยู่ห่างประมาณสองร้อยเส้น แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น กวนเป๋งกับเลียวฮัว ก็ยกออกมารบกับ โจหยิน แฮหัวจุ้น และ เต๊กหงวนอีก แล้วก็ทำเป็นแตกหนีอีก โจหยินกับพวก ก็ไล่ตามไปประมาณสองร้อยเส้น ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องขึ้นเบื้องหลัง จึงปรับขบวนหนีมาทางเมืองซงหยง ก็พบ กวนอูถือง้าวรออยู่ โจหยินสะดุ้งตกใจกลัวมิอาจต่อสู้ รีบหาทางลัดหนีไปเมืองอ้วนเซีย ปล่อยให้นายรองสู้กับฝ่ายกวนอู แฮหัวจุ้นจึงถูกกวนอูฆ่าตาย และเต๊กหงวนก็ถูกกวนเป๋งฟันตัวขาดครึ่งท่อนตายตามไปด้วย ทหารฝ่ายกวนอูก็ไล่ฆ่าฟันทหารฝ่ายโจหยินตายไปเป็นอันมาก และกวนอูก็ยึดเมืองซงหยงได้อย่างง่ายดาย

ครั้นเกลี้ยกล่อมชาวเมืองซงหยงให้เป็นปกติแล้ว กวนอูก็ปรึกษากับฮองฮู ถึงการศึกขั้นต่อไป ฮองฮูก็ว่า

“ ท่านทำศึกครั้งนี้สะดวกนัก แต่พริบตาเดียวก็ได้ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่า ซุนกวนอยู่เมืองกังตั๋งนั้น ให้ ลิบอง คุมทหารมาตั้งอยู่ที่ด่านลกเค้า เป็นแดนต่อแดนจะมาตีเมืองเกงจิ๋ว ถ้าเขายกมาท่านจะคิดประการใด “

กวนอูก็ว่า เราได้คิดเห็นอยู่แล้ว และให้ฮองฮู ไปตระเตรียมทหารให้ปลูกร้านเพลิง รายตามริมน้ำ ที่สูงนั้นแต่ด่านแฮเค้า จนถึงเมืองเกงจิ๋ว ให้ห่างกันสองร้อยเส้นบ้าง สามร้อยเส้นบ้าง ให้ทหารอยู่รักษาแห่งละห้าสิบคน ถ้า ซุนกวนข้ามมาแล้ว เวลากลางคืนให้จุดไฟให้สว่าง ถ้ากลางวันให้สุมเป็นควันขึ้น จะได้เห็นเป็นสำคัญ เราจะได้ยกทหารไปช่วยกันรบ

ฮองฮู จึงว่า

“ บิฮอง กับ เปาสูหยิน ซึ่งไปรักษาปากอ่าวสองหัวเมืองนั้น เลือกว่าน้ำใจจะมิคิดโดยสุจริตท่านจงให้ซ้ำไปตรวจตราดูเมืองเกงจิ๋วก่อน “

กวนอูจึงว่า

“ เราก็ให้ พัวโยย ไปอยู่รักษาแล้ว ท่านอย่าวิตกเลย “

ฮองฮู กลับแย้งว่า

“ พัวโยย คนนี้ประกอบไปด้วยโลภเห็นแก่ลาภ ข้าพเจ้าเห็นหาไว้ใจได้ไม่ ขอท่านจงใช้ เตียวลุย นาย กองเสบียงเป็นคนซื่อสัตย์ มั่นคง ไปอยู่เถิดเห็นไม่เป็นอันตราย ถึงจะทำการยิ่งกว่านี้สักหมื่นเท่าก็หามีความย่อท้อไม่ ”

กวนอูก็ว่า

“ อัน พัวโยย นี้ ชั่วดีมาอย่างไรเราย่อมรู้อยู่แล้ว ซึ่งจะให้ เตียวลุย ไปอยู่แทนที่นั้น อย่าให้ไปเลย อันตัว เตียวลุย สำหรับคุมเสบียงก็เป็นใหญ่อยู่ ท่านอย่าสงสัยเลย จงไปทำตามคำเราเถิด “

ฮองอูก็ลา กวนอู ไปตามคำสั่ง กวนอูจึงสั่ง กวนเป๋ง ให้จัดแจงเรือรบ จะข้ามแม่น้ำซงกั๋งไปตีเมือง อ้วนเซีย เมื่อ โจหยิน ซึ่งรักษาเมืองอ้วนเซียรู้ข่าวแล้ว ก็ปรึกษากับบ้วนทง ลิเสียน ก็ขออาสายกทหารสามพัน ออกไปตี กวนอู ตั้งแต่ยังเดินทางอยู่กลางแม่น้ำ แต่เมื่อไปถึง ริมแม่น้ำก็เจอ กวนอูนั่งบนหลังม้าถือง้าวอยู่ ทหารทั้งหลาย ก็ตกใจกลัวพากันหนี นายห้ามก็ไม่อยู่ กวนอู จึงพาทหารเข้าไล่ฆ่าฟันข้าศึก แตกกระจายตัว ลิเสียน ก็กลับเข้าเมืองอ้วนเซียไป

โจหยินจึงมีหนังสือไปทูล วุยอ๋อง ที่เมืองเตียงฮัน ว่ากวนอูยกทหารมาล้อมเมืองอ้วนเซียไว้แล้ว ขอให้ยกกำลังมาช่วยโดยด่วน

โจโฉ ก็ห้ อิกิ๋ม เป็นแม่ทัพยกทหารมารบกวนอู ที่เมืองอ้วนเซีย โดยมี บังเต๊กเป็นแม่ทัพหน้า แม่ทัพทั้งสองขัดกันเองเพราะ อิกิ๋ม อิจฉาบังเต๊ก กลัวจะมีความชอบมากกว่า เพราะกล้าเอาโลงผีไปในกองทัพว่าจะใส่ศีรษะกวนอู เอามาให้ วุยอ๋อง ในการสู้รบ กวนอูถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ บาดเจ็บ แต่ก็ให้ทหาร ทดน้ำจากแม่น้ำซงกั๋ง ท่วมกองทัพอิกิ๋ม จนสู้ไม่ไหว และแม่ทัพก็ถูกจับตัวได้ทั้งสองคน

อิกิ๋ม ยอมอ่อนน้อม กวนอู จึงไม่ประหารแต่ให้ขังไว้จะส่งตัวให้ โจโฉทีหลัง แต่ บังเต๊กไม่ยอมอ่อนน้อม แม้กวนอูจะเกลี้ยกล่อมว่า ม้าเฉียว นายเก่าก็อยู่กับ เล่าปี่ บังเต๊กก็ไม่สนใจ จึงต้องถูกเอาตัวไปประหาร

เมื่อ พระเจ้าวุยอ๋อง ได้ทราบข่าวว่า กองทัพของ อิกิ๋มที่ยกไปช่วยเมืองอ้วนเซียนั้น ได้พ่ายแพ้แก่ กวนอู โดยสิ้นเชิง อิกิ๋ม ถูกจับเป็นเชลย และ บังเต๊ก ถูกประหารชีวิต ก็ตกใจ ปรึกษากับขุนางทั้งปวงว่าจะทำประการใดต่อไป

สุมาอี้ จึงทูลว่า

“ ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าซึ่ง อิกิ๋มเสียแก่กวนอูนั้น ใช่จะแพ้ในชบงนรบนั้นหามิได้ แพ้เพราะน้ำมากหารู้ที่จะทำการไม่ บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่า ซุนกวน ซึ่งอยู่ ณ เมืองกังตั๋ง ก็หาชอบกันกับ เล่าปี่ ไม่ ซุนกวน ก็จะไม่มีความสบาย กลัว กวนอู จะยกไปตีเอาเมือง ขอพระองค์แต่งทหารไปยุยง ซุนกวนท ให้มีความโกรธ ให้ยกไปรบเอาเมืองเกงจิ๋ว ถ้า ซุนกวนได้เมืองเกงจิ๋วแล้ว เราก็จะยกที่กังหลำ ทิศใต้ให้แก่ ซุนกวน เห็นว่าเมืองอ้วนเซียจะพลอยรอดด้วย “

ฝ่าย เจียวเจ้ สมุห์บัญชี ก็ทูลว่า

“ ซึ่งถ้อยคำที่ สุมาอี้ ว่า ควรอยู่แล้วขอท่านจงกระทำตามเถิด แลซึ่งท่านคิดว่าจะยักย้ายไปเมืองอื่นนั้นไม่ชอบ ไพร่บ้านพลเมืองจะเอิกเกริกเสียน้ำใจ “

โจโฉ พิเคราะห์ดูแล้วก้เห็นชอบด้วย และรำพึงว่า

“ อิกิ๋ม นี้แต่ทำการศึกมาด้วยเราก็ช้านานถึงสามสิบปีแล้วควรหรือมาแพ้ข้าศึกโดยง่ายฉะนี้เล่า อัน บังเต๊ก เป็นแต่ทหารมาอยู่ใหม่ ก็มานะทำสงครามจนตัวตาย เรานี้คิดชอบใจเขานัก “

แล้วก็ให้ทหารร่างหนังสอไปหา ซุนกวน ที่เมืองกังตั๋งตาม สุมาอี้ ว่าทุกประการ แล้วจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดยังจะอาสาไปรบศึกกับ กวนอู ได้บ้าง ซิหลงก็ขออาสา จะไปรบกับกวนอูแทน โจโฉ ก็จัดทหารให้ห้าหมื่น ให้ลิเตียนเป็นปลัดทัพ แล้วยกไปตั้งที่ทุ่งเอียงลกโผ รอว่า ซุนกวน จะแจ้งข่าวมาว่ากระไร

ซุนกวนครั้นได้รับหนังสือแล้วก็ดีใจ รับปากว่าจะไปตีเมืองเกงจิ๋วตามคำ แล้วก็ปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่าจะเห็นประการใด เตียวเจียว จึงว่า โจโฉ ยกพลมาช่วยเมืองอ้วนเซีย แต่กลับสียอิกิ๋ม และ บังเต๊ก ไปครั้งนี้น่าจะท้อใจอยู่ และที่ให้เราไปตีเมืองเกงจิ๋วแล้วจะให้เมืองกังหลำแก่เรานั้น เห็นจะไม่จริง พอดีขณะนั้น ลิบองกลับมาจากด่านลกเค้า จึงถามว่ากลับมาทำไม

ลิบอง ก็บอกว่า

“ กวนอู ละเมืองเกงจิ๋วไว้ ยกกองทัพไปตั้งล้อมเมืองอ้วนเซีย ซึ่งเป็นทางไกล ควรเราเร่งยกทหารไปตีเอาเมืองเกงจิ๋ว เห็นจะได้โดยง่าย”

ซุนกวน จึงแกล้งลองใจลิบองว่า ตนใคร่จะไปตีเอาเมืองชีจิ๋วของโจโฉก่อน จะเห็นประการใด ลิบองก็บอกว่า

“ ซึ่งท่านจะไปตีเมืองชีจิ๋ว ทางทิศเหนืออันเป็นของโจโฉนั้น ผู้คนก็น้อยเห็นจะได้อยู่ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าซึ่งจะยกกองทัพไปนั้น เป็นทางกันดารเดินบก ก็จะลำบากแก่ทหารทั้งปวง ถึงได้แล้วก็จะตั้งอยู่ไม่ได้ ถ้ายกไปตีเอาเมืองเกงจิ๋ว เห็นจะดีกว่า ถ้าได้แล้วเราจึงค่อยคิดการต่อไป
ซุนกวน ก็เห็นชอบด้วย แล้วให้ลิบองกลับไปเตรียมการไว้ก่อน ตนจะยกไปทีหลัง

ลิบองก็กลับไปด่านลกเค้า ก็ได้รับรายงานว่า ทางเมืองเกงจิ๋วได้ทำการตั้งร้านไฟ รายไปตามริมแม่น้ำ ห่างกัน สองร้อย สามร้อยเส้น มีคนรักษาอยู่มิได้ขาดทั้งทหารในเมืองก็เตรียมไว้เป็นกวดขัน ลิบองก็ตกใจรำพึงว่า ที่รับกับ ซุนกวน ว่าจะไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วนั้น เห็นจะไม่สำเร็จ จำจะต้องหาเหตุแก้ตัวให้พ้นผิด จึงอุบายให้ทหารไปแจ้งแก่ ซุนกวน ว่าตนป่วย ยังทำการมิได้

ซุนกวน ไม่เชื่อว่าลิบองจะป่วยจริง จึงให้ ลกซุน ไปเยี่ยมดูอาการให้ชัดแจ้งก่อน ลกซุนก็ไปหา ลิบอง ที่ด่านลกเค้าแล้วว่า ซุนกวน ให้มาเยี่ยมดูอาการ ลิบองก็บอกว่าป่วยครั้งนี้ไม่หนักนัก ลกซนจึงหไวเราะแล้วว่า

“ ซึ่งความเจ็บป่วยของท่านนั้น ด้วยเหตุว่า เมืองเกงจิ๋วเขาตระเตรียมทหารแล้วปลูกร้านไปรายตามแม่น้ำ ป้องกันบ้านเมืองมั่นคงอยู่ ท่านจึงิดวิตกนักด้วยการสิ่งนี้ ข้าพเจ้ามีอุบายสิ่งหนึ่ง อาจจะให้ทหารเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งทำการรักษาเมืองนั้น ให้มาประนอมด้วยท่านมิให้ลำบากเลยท่านจะเห็นประการใด “

ลิบองได้ยินลกซุนว่าล่วงรู้ในความคิดก็ตกใจ จึงถามว่าอุบายนั้นเป็นประการใด ลกซุนจึงบอกว่า

“ ซึ่งเมืองเกงจิ๋วตระเตรียมทหารและจัดแจงเมืองไว้ทั้งนี้ ก็เพราะ กวนอู คิดวิตกอยู่ด้วนท่านมาตั้งอยู่ที่นี่ จึงไม่ไว้ใจ ถ้าท่านรู้อุบายทำเป็นป่วยไปเสียจากที่นี่ แล้วจัดให้ผู้อื่นมาอยู่แทน แล้วให้พูดสรรเสริญ กวนอู กวนอูก็จะทะนงใจ จะอยู่รบเอาเมืองอ้วนเซียให้ได้ ไม่คิดระวังหลัง เราจึงคิดวกไปตีเมืองเกงจิ๋ว ก็จะได้โดยง่าย “

ลิบองได้ยินดังนั้นก็ดีใจ จึงว่าแก่ลกซุนว่า อุบายของท่านนี้ดีหนักหนา แล่วก็แกล้งทำป่วยอยู่ต่อไป และให้หนังสือ ลกซุน ถือไปแจ้งแก่ ซุนกวน ว่าตนป่วยขอลาออกจากหน้าที่ ซุนกวน จึงให้ ลิบอง กลับมารักษาตัวที่เมืองกังตั๋ง ซุนกวนก็บอกว่า

“ แต่ก่อนจิวยี่มาว่าให้เราตั้ง โลศก ออกไปอยู่ที่ด่านลกเค้า ครั้นอยู่มา โลศก๗งมาว่า ให้ตั้งตัวท่านนี้ออกไปอยู่ แลตอรรี้ท่านก็ป่วยอยู่ ก็ควรเราจะให้คนดีมีสติปัญญาออกไปอยู่แทนตัวท่าน “

ลิบองก็บอกว่า

“ ซึ่งท่านจะให้คนดีไปนั้น ฝ่ายกวนอูจะไม่ไว้ใจ จะให้รักษาเมืองมั่นคงไว้ อันลกซุน นี้ยังหาปรากฏชื่อลือนามไม่ ท่านจงให้ออกไปอยู่เถิด เห็นว่า กวนอู จะไว้ใจ ไม่ระวังหลัง ก้เห็นจะได้เมืองเกงจิ๋ว ดังปรารถนา

ซุนกวนก็ห็นชอบด้วย จึงตั้ง ลกซุน เป็นทหารแม่ทัพซ้าย ไปรักษาด้านลกเค้าแทน ลิบอง ลิซุนก็ว่า

“ ข้าพเจ้าเป็นเด็กหนุ่มยังหามีความรู้วิชาการสิ่งใดไม่ ซึ่งจะให้ข้าพเจ้าไปอยู่รักษาด่านลกเค้านั้น เห็นมิบังควร “

ซุนกวนจึงว่า ลิบอง บอกว่าเจ้ามีความคิดลึกซึ้งเห็นจะได้ราชการอยู่ อย่าได้บิดพลิ้วไปเลย

ลกซุน ขัดมิได้ก็รับเอาตราออกไปรักษาด่านลกเค้า ด้วยความจนใจ เพราะตนเองเป็นผู้คิดอุบายให้ลิบอง ก็เลยโดนโยนหน้าที่กลับมาให้ทำเสียเอง

แล้ว ลกซุน จะมีสติปัญญา แก้ไขปัญหาที่เห็นอยู่ชัดเจนอย่างไรต่อไป ต้องรอดูตอนหน้า..

###########




 

Create Date : 20 เมษายน 2559    
Last Update : 20 เมษายน 2559 13:55:06 น.
Counter : 821 Pageviews.  

ศึกชิงเกงจิ๋ว (๑)

คุ้ยสามก๊ก

ชุด ศึกชิงเกงจิ๋ว

“เล่าเซี่ยงชุน”

ตอนที่ ๑ กวนอูดูหมิ่นซุนกวน

เมื่อ ขงเบ้ง และชาวเมืองยก เล่าปี่ ขึ้นป็นฮันต๋งอ๋อง แล้วมีหนังสือไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ หนังสือนั้นผ่านมาถึง โจโฉ หรือ วุยอ๋อง อ่านได้ความว่า เล่าปี่ตั้งตัวเป็นอ๋อง ก็โกรธมาก ด่าว่า

“ อ้ายชาติทอเสื่อขาย ตั้งตัวเองเป็นเจ้า กูจะกำจัดเสียให้ได้ “

แล้วก็เก็บหนังสือนั้นไว้เสีย ไม่นำขึ้นถวายฮ่องเต้ และตระเตรียมทหาร จะไปรบกับ เล่าปี่ สุมาอี้จึงทูล ว่า

“ อย่าเพ่อออกไปให้ทหารลำบากก่อน ข้าพเจ้ามีอุบายสิ่งหนึ่ง มิพักให้ไปรบเลย จะให้ เล่าปี่ มีภัยขึ้นในเมืองเสฉวนต่าง ๆ ได้ ถ้าเห็นอิดโรยแล้ว จึงค่อยยกไปให้มีชัยชนะโดยง่าย “

โจโฉ ได้ฟังดังนั้น จึงถามสุมาอี้ว่าจะทำประการใด สุมาอี้ก็บรรยายว่า

“ ซึ่งเมืองกังตั๋ง ซุนกวนยกน้องสาวให้ เล่าปี่ นั้น ควรเราจะยุยงให้ ซุนกวน มีความโกรธ ไปคืนเอาเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่ก็จะมิให้โดยง่าย ทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นอริแก่กัน แล้วจึงใช้คนดีมีฝีปาก ไปเกลี้ยกล่อม ซุนกวน ให้ยกไปตีเมืองเกงจิ๋ว ครั้น เล่าปี่ รู้แล้วก็จะยกทหารจากเมืองเสฉวน แลเมืองฮันต๋งมาช่วยเมืองเกงจิ๋ว ภายหลังท่านจึงยกทหารไปตีเมืองฮันต๋งและเมืองเสฉวน เล่าปี่ก็เป็นธุระทั้งสองฝ่ายมิให้ช่วยกันได้ เราก็จะได้ชัยชนะโดยง่าย “

โจโฉ ก็เห็นชอบด้วย จึงให้ บ้วนทง เป็นผู้ถือหนังสือไปเจรจากับ ซุนกวน ที่เมืองกังตั๋ง ซุนกวน ได้รับหนังสือ อ่านดู มีใจความว่า

“ เรามิได้ไปมาหากันช้านาน ก็เพราะ เล่าปี่ ตั้งตัวเป็นเจ้าที่เมืองเสฉวน แลเมืองฮันต๋ง จึงขาดไมตรีกัน ถ้ากระไรขอให้ท่านไปรบเอาเมืองเกงจิ๋วเถิด ฝ่ายเราก็จะยกไปรบเมืองฮันต๋งแลเมืองเสฉวน เล่าปี่ก็จะพะว้าพะวังสองฝ่าย เห็นจะสู้เราไม่ได้ ภายหลังเราจึงค่อยแบ่งปันกัน แล้วเราก็จะตั้งความสัตย์ มิได้คิดเบียดเบียนกันเลย “

ซุนกวน จึงเอาหนังสือนั้นไปปรึกษากับ เตียวเจียว แลขุนนางทั้งปวง ต่างก็เห็นชอบตามที่ โจโฉ ขอความร่วมมือมา แต่ จูกัดกิ๋น บอกว่า

“ ข้าพเจ้ารู้ว่า กวนอู ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเกงจิ๋วนั้น เล่าปี่ก็ขอเมียให้จนเกิดบุตรสองคน เป็นหญิงคนหนึ่ง เป็นชายคนหนึ่ง บุตรหญิงนั้นยังหาผัวมิได้ ข้าพเจ้าขออาสาเป็นพ่อสื่อ ไปขอให้แก่บุตรท่าน ถ้ากวนอูยอมให้แล้ว เราจึงคิดการกับ กวนอู ไปกำจัด โจโฉ เสีย ถ้ากวนอูมิยอมให้ เราก็จะไปช่วยโจโฉ รบเอาเมืองเกงจิ๋ว “

ซุนกวนก็เห็นชอบตาม จูกัดกิ๋น แนะนำ จึงส่งตัว บ้วนทง คืนกลับเมืองฮูโต๋ แล้วส่ง จูกัดกิ๋น ไปเมือง เกงจิ๋ว จูกัดกิ๋นก็ไปหา กวนอู เอ่ยปากขอลูกสาวให้แต่งงานกับลูกชาย ซุนกวน แต่กวนอู ปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจว่า

“อันบุตรของเรานี้เป็นชาติเชื้อเหล่าเสือ ไม่สมควรจะให้แก่สุนัข..........”

เมื่อ จูกัดกิ๋นกลับมาเล่าให้ ซุนกวนฟัง ซุนกวนก็โกรธ จะยกพลไปตีเมืองเกงจิ๋ว ที่ปรึกษาก็ว่า

“ อัน โจโฉ นี้คิดจะใคร่ชิงเอาราชสมบัติพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็นานอยู่แล้ว แต่ทว่าเกรงเล่าปี่อยูจึงมิอาจทำการได้ แลบัดนี้ให้คนถือหนังสือมา จะให้เราไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วนั้น ก็เหมือนหนึ่งจะแกล้งเอาภัยมาให้เรา “

ซุนกวน ก็ว่า เล่าปี่ หลอกลวงว่าจะคืนเกงจิ๋วให้ตั้งนานแล้ว ก็ไม่ให้ ที่ปรึกษาก็แย้งว่า

“ บัดนี้ โจหยิน คุมทหารอยู่รักษาเมืองอ้วนเซีย แฮหัวตุ้น อยู่รักษาเมืองซงหยง ก็เป็นทางบก หามีแม่น้ำกั้นหน้าไม่ เหตุใดจึงไม่ไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วเล่า ซึ่งจะให้เราไปตีนี้ ท่านยังไม่คิดเห็นประหลาดหรือ ท่านจงใช้ให้ทหารไปหา โจโฉว่าให้ใช้ โจหยิน ไปรบเอาเมืองเกงจิ๋วเถิด ถ้ากวนอู รู้ ก็จะยกไปตีเมืองอ้วนเซีย แล้วท่านจึงวกไปตีเมืองเมืองเกงจิ๋ว ก็จะได้ไม่ขัดสน “

เมื่อ ซุนกวน ส่งหนังสือแจ้งให้โจโฉรับทราบ โจโฉ ก็ตกลงและให้ ซุนกวน ยกทัพเรือไปตีเมืองเกงจิ๋ว ตามสะดวก

ฝ่ายเล่าปี่ที่เมืองเสฉวน ก็ให้สร้างวังแลจัดแจงบ้านเมืองบริบูรณ์แล้ว ให้นามว่าเมืองเซ็งโต๋ และให้ตระเตรียมทแกล้วทหารแลเครื่องศัตราวุธไว้ให้พร้อมที่จะทำสงครามทุกประการ

ครั้นแจ้งจากกองสอดแนมว่า โจโฉ ได้ร่วมมิกับ ซุนกวน จะมาตีเมืองเกงจิ๋ว ก็ปรึกษาขงเบ้ง ว่าจะคิดประการใด ขงเบงก็ว่า

“ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่า โจโฉจะยกมาจริง ด้วยเดี๋ยวนี้ ซุนกวน เป็นพวกเดียวกัน แล้วก็มีครดีที่ปรึกษามาก จะให้ โจโฉ ใช้ โจหยิน มาตีเมืองเกงจิ๋วมั่นคงอยู่ “

เล่าปี่ถามว่าเราจะทำประการใด ขงเบ้งก็ว่า

“ ควรเราจะให้ทหารถือหนังสือไป ตั้งกวนอูให้เป็นทหารเสือที่เอก แล้วเร่งให้ไปตีเอาเมืองอ้วนเซียให้ได้ก่อน เห็นว่าข้าศึกเสียที จะย่อท้อใจ “

เล่าปี่จึงให้ บิสี ถือหนังสือไปให้ กวนอู ตามคำขงเบ้ง กวนอู ได้รับหนังสือรับสั่งพระเจ้าเล่าปี่ ให้ยกทหารไปเอาเมืองอ้วนเซียให้ได้ จึงให้ เปาสูหยิน และ บิฮอง คุมทหารเป็นทัพหน้า ไปตั้งอยู่นอกเมืองเกงจิ๋ว ทั้งนายก็จัดแจงยกไปตามคำสั่ง แต่พอถึงสองยาม ก็มีทหารมาแจ้งแก่ กวนอู ว่า เกิดไฟไหม้ขี้นที่ทัพหน้านั้น

กวนอูก็ตกใจใส่เสื้อเกราะขึ้นม้าคุมทหารออกไปดีบเพลิง และได้ทราบว่า นายทัพทั้งสองนาย สาละวนแต่เสพสุรามิได้เอาใจใส่ราชการ จึงเกิดเพลิงไหม้ขึ้น จึงให้ตามตัวเปาสูหยินกัลป์บิฮองเข้ามาแล้วว่า

“ เราใช้ให้ท่านยกออกไปตั้งค่ายอยู่นอกเมือง ยังมิทันจะได้ยกไป ท่านทำให้เพลิงไหม้เสบียง แลเครื่องคัตราวุธ ผู้คนเจ็บป่วยเป็นอันมาก ให้เสียราชการไปทั้งนี้ เราจะยกโทษเสียก็มิได้ “

แล้วก็สั่งให้เอาตัวทั้งสองนายไปประหารเสีย ก็ บิสี ก็ทัดทานว่า

“ ยังจะยกทัพไปทำสงครามเป็นการใหญ่อยู่ อันจะมาฆ่าทหารเสียดังนี้ไม่บังควร จะเสียฤกษ์ไป “

กวนอู ยังไม่หายโกรธ จึงตวาดเอาแก่นายทัพทั้งสองว่า

“ ถ้าเราไม่เห็นแก่ บิสี ผู้ห้าม เราก็จะตัดศีรษะท่านทั้งสองเสีย “

แล้วจึงสั่งให้เอาตัวทั้งสองไปโบยเสียคนละสี่สิบที แล้วให้ถอดพออกจากตำแหน่งแม่ทัพหน้า ให้บิฮองไปรักษาเมืองลำกุ๋น เปาสูหยิน ไปอยู่เมืองกังอั๋น แล้วสำทับว่า

“ บัดนี้เรางดโทษท่านไว้ครั้งหนึ่ง แลเราไปทำสงครามมีชัยกลับมา ภายหลังถ้าทำความผิด เราจะให้ประหารชีวิตท่านเสีย ทั้งสองนายทัพก็ด้ความอัปยศแก่ทหารทั้งปวงเป็นอันมาก

กวนอู จึงตั้งให้ เลียวหัว เป็นแม่ทัพหน้า กวนเป๋ง เป็นแม่ทัพหลัง ม้าเลี้ยง อีเจี้ย เป็นที่ปรึกษาไปกับกวนอูในทัพหลวง ให้เตรียมทหารให้พร้อม ได้ฤกษ์เมื่อไรจะยกไป และบอกแก่ งอปั้น ผู้เป็นบุตร งอหัวว่า

“ ท่านมีคุณ เมื่อเรายกออกจากด่าน โจโฉ ท่านได้ช่วยชีวิตเราไว้ครั้งหนึ่ง เราก็คิดถึงคุณอยู่ บัดนี้สิ เราจะยกทัพไปแล้ว ท่านจงไปเมืองเสฉวนกับบิสี ไปอยู่ด้วยพระเจ้าฮันต๋งเถิด “

ทั้งสองก็กลับไปเมืองเสฉวน และงอปั้นก็รับราชการอยู่กับพระเจ้าเล่าปี่ต่อไป

คืนนั้นเมื่อ กวนอู บูชาเทพดาผู้รักษาธงชัยแล้วก็เข้านอน จนหลับได้ฝันเห็น สุกรตัวหนึ่ง ดำใหญ่เท่าโค เข้ามากัดเท้า กวนอู ก็คว้ากระบี่ฟัน สุกรนั้นก็หายไป กวนอูตกใจตื่น จึงให้หา กวนเป๋ง บุตรเลี้ยง เข้ามาเล่าความฝันให้ฟัง

กวนเป๋งจึงทำนายว่า ซึ่งสุกรกัดเอาเท้าท่านนั้น ใช่อื่นไกลได้แก่มังกร ท่านจะได้ดี เป็นที่สูงศักดิ์ประเสริฐกว่าคนทั้งปวง ถึงเวลาเช้ากวนอูก็ประชุมทหารทั้งปวง มาพร้อมกัน แล้วเล่าความฝันนั้นให้ฟัง และว่า

“ อายุเราก็ถึงห้าสิบเศษแล้ว จะเป็นประการใดก็ตามเถิด อันเกิดมาเป็นชาย จะกลัวความตาย ก็หา ควรไม่ “

พอดีมีคนถือหนังสือมาจากเมืองเสฉวน แจ้งว่า บัดนี้เล่าปี่ ซึ่งเป็นเจ้าฮันต๋งนั้น มีรับสั่งซ้ำมาตั้งให้ กวนอู เป็นทหารเอกฝ่ายหน้า ถืออาญาสิทธิ์เป็นใหญ่ในหัวเมืองทั้งเก้า ซึ่งขึ้นแก่เมืองเกงจิ๋ว กวนอู ก็รับตามรับสั่ง ทหารทั้งปวงก็ว่า ซึ่งท่านฝันนั้น ก็ได้แก่รับสั่งนี้แล้ว กวนอูก็มีความยินดี ยกทหารไปโดยทางใหญ่เมืองซงหยง ตรงไปเมืองอ้วนเซียเพื่อทำสงครามครั้งสำคัญตามแผนต่อไป.

#########




 

Create Date : 16 เมษายน 2559    
Last Update : 16 เมษายน 2559 8:31:48 น.
Counter : 441 Pageviews.  

ศึกชิงฮันต๋ง (๓)

คุ้ยสามก๊ก

ชุด ศึกชิงฮันต๋ง

“เล่าเซี่ยงชุน”

ตอนที่ ๓ เล่าปี่ตีฮันต๋ง

เล่าปี่แจ้งตามหนังสือของ ฮองตง แล้วก็มีความยินดี หวดเจ้งจึงบอกว่า

“ ครั้ง โจโฉ ยกมาตีเมืองฮันต๋งนั้น ก็คิดจะมาตีเอาเมืองเสฉวน บัดนี้ โจโฉ ให้ แฮหัวเอี๋ยน กับ เตียวคับ อยู่รักษาเมืองฮันต๋ง ตัว โจโฉ ยกกลับไปนั้น เหมือนหนึ่งมิใช่ความคิด โจโฉ แล้ว เตียวคับ ก็แตกยับเยิน ทั้งเสียเสบียง ณ เขา เทียนตองสัน ครั้งนี้เห็นได้ทีอยู่แล้ว ขอให้ยกกองทัพหลวงไปตีเอาเมืองฮันต๋งไว้ให้ได้ แล้วแม้จะยกไปกำจัดศัตรูราชสมบัติเสีย ก็เห็นจะได้โดยง่าย ถ้ามิฉะนั้นก็ให้แต่งผู้รักษาเมืองฮันต๋งไว้เป็นเมืองหน้าด่าน ท่านจงยกกลับมารักษาเมือง เสฉวนไว้ ให้เป็นที่มั่นคง ก็จะมีความสุขสืบไป “

เล่าปี่กับขงเบ้ง ได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงได้มีหนังสือออกไปกำชับนายด่านเมืองเสฉวน แลหัวเมืองขึ้นทั้งปวง ให้รักษาด่านไว้ให้มั่นคง แล้วให้ จูล่ง คุมทหารเป็นทัพหน้า เล่าปี่กับขงเบ้งนั้นคุมทหารสิบหมื่นเป็นกองหลวง ยกพลมาถึงด่านแฮบังก๋วน ก็ให้หาตัว ฮองตง กับ เงียมหงัน มาปูนบำเหน็จเป็นอันมาก แล้วว่า

“ ทหารทั้งปวงดูหมิ่นว่าท่านเป็นคนชราจะทำการศึกไม่ได้ แต่เรากับขงเบ้งรู้อยู่ว่าท่านจะทำสงครามได้ จึงได้ให้อาสามาทำการ ได้ชัยชนะแก่เตียวคับ บัดนี้ท่านก็ได้เสบียงข้างเขาเทียนตองสันแล้ว ยังแต่เสบียงข้างเขาเตงกุนสันซึ่งแฮหัวเอี๋ยนรักษาอยู่นั้น ถ้าเราได้เสบียงตำบลนี้อีก เมืองฮันต๋งก็จะอยู่ในเงื้อมมือเรา “

ฮองตงจึงว่า

“ ข้าพเจ้าขออาสาไปทำลายเสบียง ณ เขาเตงกุนสันให้ได้ “

ขงเบ้งจึงว่า

“ ท่านผู้เฒ่านี้มีแต่ฝีมือ กำลังนั้นน้อยอยู่แล้ว อันแฮหัวเอี๋ยนคนนี้มีฝีมือยิ่งกว่าเตียวคับ โจโฉ นับถือไว้ใจ จึงให้มารักษาเมืองฮันต๋ง ซึ่งท่านจะไปหักหาญเอานั้นเห็นจะไม่ได้ จำจะจัดทหารไปรักษาเมืองเกงจิ๋วแทนกวนอู ให้กวนอูมาทำการกับแฮหัวเอี๋ยน จึงจะได้ “

ฮองตงก็โกรธแล้วว่า

“............แลตัวข้าพเจ้านี้อายุแต่เจ็ดสิบปี จะขอแต่ทหารเลวไปด้วยสามพัน จะตัดเอาศีรษะ แฮหัวเอี๋ยนมาให้ได้ “

ขงเบ้งก็ว่ากล่าวห้ามปรามถึงสามครั้ง ฮองตงก็ไม่ฟังอ้อนวอนจะขออาสาไปให้ได้ ขงเบ้งจึงว่า

“ ท่านจะไปก็ตามเถิด เราจะให้หวดเจ้งไปด้วย ตัวเราอยู่ภายหลังจึงจะจัดแจงทหารยกหนุนไปช่วย”

ฮองตงก็จัดแจงทหาร ของตัว กับทหารของหวดเจ้งบรรจบกัน แล้วก็คำนับลาขงเบ้งรีบไป ณ เขาเตงกุนสัน ขงเบ้งจึงบอกเล่าปี่ว่า

“ข้าพเจ้ายุให้ฮองตงทหารเฒ่าไปทำการครั้งนี้ จะไว้ใจมิได้ ด้วยฮองตงชราอยู่แล้ว จำเราจะให้ทหารยกหนุนไปอีก”

แล้วขงเบ้งก็สั่ง จูล่ง ว่า

“ท่านจงยกทหารกองหนึ่ง รีบไปทางน้อย ถ้าเห็นฮองตงเพลี่ยงพล้ำก็ให้ยกออกไปช่วย ถ้าเห็นได้ท่วงทีแล้ว ให้สงบอยู่ในป่า”

แล้วสั่ง เล่าฮอง กับ เบ้งตัด ว่า

“ ให้ท่านคุมทหารสามพัน ยกไปทางหนึ่งถ้าถึงเขาเตงกุนสัน เห็นที่ใดเปลี่ยวให้หยุดกองทัพ ให้ทหารปักธงแลโฮ่ร้องจงหนัก”

จูล่ง เล่าฮอง เบ้งตัด ก็คำนับลาขงเบ้งไป ต่างคนต่างก็ยกทหารไปทำตามขงเบ้งสั่ง แล้วขงเบ้งจึงให้ เงียมหงันอยู่รักษาเมืองปาเส และให้ตาม เตียวหุย กับอุยเอี๋ยน มาจากด่านแฮบังก๋วน คิดอ่านการยกไปตีเมืองฮันต๋ง

ในการรบครั้งนี้ฮองตง กับหวดเจ้ง ร่วมมือกันใช้กลศึกจัดการกับแฮหัวเอี๋ยน จนได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด และยึดกองเสบียงที่เขาเตงกุนสันได้ จึงตัดศีรษะแฮหัวเอี๋ยนมาให้เล่าปี่ ที่ด่านแฮบังก๋วน

เล่าปี่ก็ดีใจมาก จึงตั้งให้ฮองตงเป็น เตงไล้ไตจงกุ๋น แปลว่า นายทหารปราบศัตรูฝ่ายตะวันตก พอดีมีข่าวว่า โจโฉ ให้ เตียวคับ ขนเสบียงจากเขาบิซองสัน มาไว้ในค่ายหันซุยเป็นอันมาก และยกทหารสี่สิบหมื่นเศษ ถึงเขาเตงกุนสัน จะทำศึกแก้แค้นแทน แฮหัวเอี๋ยน

ขงเบ้งจึงให้ ฮองตง กับ จูล่ง ยกทหารไปตีค่าย โจโฉ ให้ เตียวคี คุมทหารไปเป็นกองหนุน การรบครางนี้ โจโฉ พ่ายแพ้แก จูล่ง และเสบียงที่เขาบิซองสันก็ถูเผาเรียบ จึงหนีกลับไปเมืองลำเต๋ง เตียวคับ กับ ซิหลงที่ตั้งค่ายอยู่ที่ทุ่งหันซุยก็พลอยทิ้งค่ายถอยตามโจโฉ ไปด้วย จูล่ง กับ ฮองตง ก็ติดตามมา เก็บเสบียงและเครื่องสัตราวุธได้เป็นอันมาก

เล่าปี่ กับขงเบ้ง ก็ยกพลมาสมทบกับ จูล่ง ที่ทุ่งหันซุยโดยด่วน และเลี้ยงฉลองชัยชนะกันเป็นงานใหญ่ หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่า โจโฉ ให้ ซิหลง กับ อองเป๋ง เป็นทัพหน้า ยกมาตีทุ่งหันซุยคืน ซิหลงก็ข้ามแม่น้ำหันซุยมาตั้งค่าย ในฝั่งตรงข้าม จูล่ง กับ ฮองตง ก็ยกพลมาโจมตีจนแตกพ่ายไม่เป็นขบวน ส่วน อองเป๋ง นั้นเข้ามอบตัวกับ จูล่ง

เมื่อ จูล่งนำตัว อองเป๋ง ไปรายงาน เล่าปี่ ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายทหารนำทางในการทำศึกต่อไป โจโฉ ได้รับรายงานจาก ซิหลงแล้ว ก็ยกทหารข้ามแม่น้ำหันซุยมาจะรบกับ จูล่ง ซึ่งถอยออกจากค่าย ให้โจโฉ เข้ายึดไว้ได้ แต่ตกกลางคืนเวลาดึก เที่ยงคืน ขงเบ้งก็ให้ทหารจูล่งเป่าแตรตีฆ้องอื้ออึงอยู่ที่เชิงเขาใกล้ค่าย ทำเช่นนั้นอยู่สามสี่คืน ทหารของ โจโฉ มิเป็นอันหลับอันนอน โจโฉ เกิดความครั่นคร้าม ก็พาทหารล่าถอยไปประมาณสามร้อยเส้น ตั้งค่ายอยู่ในที่ราบไกลภูเขา

เล่าปี่ก็ยกทหารตามไปเผชิญหน้ากับกองทัพโจโฉ เมื่อ เห็นหน้า เล่าปี่ โจโฉ ก็ร้องว่า

“ อ้ายคนอกตัญญูเสียสัตย์ กลับมาทรยศเป็นศัตรูกับเจ้าแผ่นดิน “

เล่าปี่ ก็ตอบว่า

“ ท่านมาดูหมิ่นเราฉะนี้ไม่ชอบ เราเป็นเชื้อพระวงศ์ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ถือรับสั่งมาปราบปรามศัตรูราชสมบัติ ตัวทำผิดฆ่าพระอัครมเหสีพระเจ้าเหี้ยนเต้เสีย ตั้งตัวเป็นเจ้า จะเบียดเบียนเอาราชสมบัติ ให้เกินศักดิ์ ตัวยังถือว่าไม่เป็นขบถอีกหรือ “

โจโฉจึงให้ ซิหลงออกรบกับ เล่าฮอง ปะทะกันด้วยเพลงทวน สักพักหนึ่งเล่าฮองสู้ซิหลงไม่ได้ เล่าปี่ก็พาทหารถอย โจโฉก็พาทหารโห่ร้องไล่ตามเล่าปี่ไป โจโฉ ตามมาถึงค่ายที่หันซุย ก็หยุดอยู่ และสงสัยว่าทำไม เล่าปี่ จึงถอยง่ายนัก คิดแล้วก็ไม่ติดตามต่อไป เล่าปี่ก็หันกลับพาทหารเข้าตีกองทัพโจโฉ แตกกลับไปเมืองลำเต๋ง แต่ เตียวหุยกับอุยเอี๋ยน ได้ยึดเมืองไว้เสียแล้ว โจโฉจึงถอยต่อไปถึงด่านเองเปงก๋วน เล่าปี่กับขงเบ้ง ก็ตามมายึดเมืองลำเต๋งไว้ในครอบครอง เป็นอันว่า เล่าปี่ ยึดได้จนสุดเขตแดนของแคว้นฮันต๋ง

แล้วก็ให้ เตียวหุย กับ อุยเอี๋ยน ไปสกัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของ โจโฉ เมื่อรู้ข่าว เคาทู ก็ขออาสาไปควบคุมขบวนเสบียง และได้ต่อสู้กับเตียวหุยทั้งกำลังเมาสุรา จึงถูกเตียวหุยแทงตกจากหลังม้า ทหารกองเกวียนจึงเข้าต่อสู้ป้องกันเคาทู ให้พ้นมือข้าศึก ปล่อยให้เตียวหุยยึดเสบียงไปได้หมด

โจโฉให้หมอรักษาเคาทู แล้วตนเองก็ยกพลกลับไปรบกับเล่าปี่อีก เล่าปี่ก็ให้เล่าฮองออกรบ โจโฉก็รุกไล่ เล่าฮองให้ถอยกลับไป เล่าปี่ ก็ยกพลตามมาช่วย เล่าฮอง ไล่ โจโฉ ถอยไปจนถึงด่านเองเปงก๋วน ก็เข้าด่านไม่ได้ ต้องถอยไปจนถึงหุบเขาเสียดก๊ก จึงพบกับกองทหารของโจเจียง บุตรชายตนรองจาก โจผี ยกพลมาช่วย และตั้งค่ายอยูที่เขาเสียดก๊กนั้นเอง

โจโฉ ตั้งหลักอยูที่ค่ายนี้เป็นเวลานานไม่อาจจะเอาชนะเล่าปี่ได้ จึงคิดจะถอย แต่พอไปตรวจดูค่ายในคืนวันหนึ่ง เห็นทหารเตรียมตัวจะเดินทาง จึงเรียก แฮหัวตุ้น มาถามว่าใครสั่งให้ทหารเก็บข้าวของ แฮหัวตุ้น ก็บอกว่า เอี้ยวสิ้ว ซึ่งเป็นที่ปรึกษา บอกว่า โจโฉ จะถอยทัพแล้ว โจโฉ จึงว่า เอี้ยวสิ้ว อวดรู้ดี ทำให้ทหารเสียขวัญ จึงให้เอาไปประหาร และตัดศีรษะเสียบประจานไว้ แล้วไม่สั่งให้ถอย

วันต่อมา ได้ยกออกไปสู้รบกับอุยเอี๋ยน ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ ถึงฟันหน้าหักไปสองซี่ ตกลงจากหลังม้า ทหารจึงช่วยป้องกันพากลับเข้าค่าย โจโฉ จึงนึกได้ว่าควรจะถอยไปตามคำของเอี้ยวสิ้ว ก็จะไม่เจ็บตัวถึงเพียงนี้ แล้วก็สั่งให้ถอยทัพไปจนถึงเมืองเกงเตียว โดยนอนมาในเกวียน เล่าปี่ก็เข้ายึดค่าย และเผาทิ้งเสีย

แล้วเล่าปี่ ก็ให้เล่าฮอง กับ อองเป๋ง คุมทหารไปตีเอาเมืองซงหยงได้อีก แคว้นฮันต๋งจึงตกอยู่ในความยึดครองของเล่าปี่ โดยสิ้นเชิง.




 

Create Date : 13 เมษายน 2559    
Last Update : 13 เมษายน 2559 15:51:15 น.
Counter : 428 Pageviews.  

ศึกชิงฮันต๋ง (๒)

ศึกชิงฮันต๋ง

"เล่าเซี่ยงชุน"

ตอนที่ ๒ การศึกแปรเปลี่ยน

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อ โจโฉ ยึดครองเมืองฮันต๋งได้แล้ว สุมาอี้ซึ่งเพิ่งมาอยู่กับ โจโฉ ได้ไม่นานนัก ก็มาเสนอว่า

“ครั้งนี้ท่านยกมาตี ก็ได้เมืองฮันต๋งแล้ว ข้าพเจ้าแจ้งกิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ ได้ดมืองเสฉวน แล้วชับ เล่าเจี้ยง ออกจากเมือง อาณาประชาราษฎรทั้งปวงที่อยู่ในเมืองเสฉวนนั้น ยังไม่ปกติต่อ เล่าปี่ ท่านยกกองทัพมาถึงนี้ก็เป็นทางกันดารอยู่ ซึ่งจะเลิกกองทัพกลับไปนั้นไม่ควร เมื่อไรจึงจะได้ยกมาอีกเล่า ขอให้ไปตีเมืองเสฉวนให้ได้ในครั้งนี้ทีเดียว ขึงค่อยยกทัพกลับไป”

โจโฉ ก็ทอดใจใหญ่ บอกว่า

“อันธรรมดาคนนี้ เดิมคิดว่าจะหาแต่หนึ่ง ครั้นได้หนึ่งแล้วก็คิดกำเริบ จะหาสองต่อขึ้นไป เพราะความโลภ แต่ได้เมืองฮันต๋งแล้วมิหนำ จะซ้ำไปตีเอาเมืองเสฉวน ซึ่งเป็นทางกันดารอีกเล่า”

เล่าหัวก็ว่า

“สุมาอี้ว่านี้ชอบอยู่ แม้ท่านจะละไว้ช้า ขงเบ้ง ก็มีสติปัญญา จะคิดอ่านเกลี้ยกล่อมราษฎรเมืองเสฉวนให้มีใจปกติด้วย ทั้ง กวนอู เตียวหุย จูล่ง ทหารเอกทั้งปวงก็มีเป็นอันมาก ซึ่งท่านจะยกไปตีเมืองเสฉวนนั้นเห็นจะขัดสน”

โจโฉก็ตอบว่า

“เรายกทัพมานี่ทางก็กันดารนัก ประการหนึ่งได้เมืองฮันต๋งนี้ ทแกล้วทหารก็ยังอิดโรยอยู่ ซึ่งจะยกไปตีเอาเมืองเสฉวนนั้น เรายังไม่เห็นด้วย “

แล้วโจโฉ ก็ให้รวมพลอยู่ที่เมืองปาต๋ง มิได้ทำตามคำเสนอแนะนั้น

ส่วนราษฎรชาวเมืองเสฉวน และเมืองขึ้นนั้น รู้ข่าวว่า โจโฉ ยกทัพมาตีเมืองฮันต๋งได้แล้ว ต่างก็พากันตกใจสะดุ้งสะเทือน กลัวว่ากองทัพของ โจโฉ จะยกล่วงแดนเข้ามาตีแดนเมืองเสฉวน เล่าปี่ แจ้งว่าราษฎรหวาดหวั่นดังนั้น จึงปรึกษาขงเบ้งว่า ท่านจะคิดประการใด

ชงเบ้ง ก็ว่า

“ ข้อนี้ท่านอย่าได้วิตกเลยข้าพเจ้าจะคิดอุบาย มิให้โจโฉยกมาทำอันตรายถึงเมืองเรา “

เล่าปี่จึงถามต่อไปว่า ท่านจะทำประการใด ขงเบ้งตอบว่า

“ โจโฉ นั้นเกรง ซุนกวน อยู่ จึงให้ แฮหัวตุ้น กับ เตียวเลี้ยว อยู่รักษ่าเมืองหับป๋า เมื่อ โจโฉ ยกมาตีเมือง ฮันต๋งครั้งนี้ ก็เอา แฮหัวตุ๋น มาด้วย ขอให้แต่งผู้มีสติปัญญาไปว่ากล่าวแก่ ซุนกวน ว่า ท่านจะให้เมืองกังแฮ เมืองเตียงสา เมืองฮุยเอี๋ยง แล้วยุยงให้ ซุนกวนไปตีเมืองหับป๋า โจโฉรู้ก็จะกังวลหลัง เลิกทัพไปช่วยกันเป็นมั่นคง “

เล่าปี่ จึงถามว่าท่านจะเห็นผู้ใดสมควรถือหนังสือ ไปว่ากล่าวกับ ซุนกวน ได้ อีเจี้ย จึงว่ ข้าพเจ้าจะขออาสาไปเอง เล่าปี่ จึงแต่งหนังสือให้เอียจี้ แล้วสั่งว่า

“ ท่านจงไปบอกเนื้อความแก่ กวนอู ให้แจ้งก่อน “

อีเจี้ยรับหนังสือแล้วก็รีบไปเมืองเกงจิ๋ว บอกเนื้อความทั้งปวงให้ กวนอูทราบ แล้วก็ลา กวนอูไปเมืองกังตั๋ง แล้วให้ทหารพาตัวไปพบ ซุนกวน แล้วเอาหนังสือนั้นให้ ซุนกวน แต่บอกกล่าวไว้ก่อนว่า

“ เมื่อจูกัดกิ๋น ไปว่าด้วยเมืองเกงจิ๋วนั้น เล่าปี่ก็ว่าจะให้สามเมืองนั้นเป็นเท็จไปแล้ว บัดนี้ เล่าปี่ จะคืนเมืองกังแฮ เมืองฮุยเอี๋ยน เมืองเตียงสา ให้ก่อน จึงให้หนังสือมาแก่ท่านเป็นสำคัญ อันเมืองเกงจิ๋ว เมื่องเล่งเหลง เมืองลำกุ๋น ก็จะคืนให้ท่านด้วย แต่ติดขัดด้วย โจโฉ ยกกองทัพมามาตีเมืองฮันต๋ง กวนอู ไม่มีที่จะอาศัย จะยืมไว้ก่อน อันเมืองหับป๋าซึ่ง โจโฉแต่งคนมารักษาอยู่นั้นทหารเบาบาง ขอให้ท่านบกกองทัพไปตีเอาเมืองหับป๋า โจโฉ ก็จะเลิกทัพมาช่วยเมืองหับป๋า เล่าปี่จึงจะยกมาตีเมืองฮันต๋ง แม้ได้แล้ว ก็จะให้กวนอูไปอยู่เมืองฮันต๋ง แลเมืองเกงจิ๋ว เมืองเลงเหลง เมืองลำกุ๋น นั้นก็จะให้ท่านด้วย “

ซุนกวน จึงเปิดหนังสือดูเห็นเป็นเนื้อความตรงตามนั้น จึงเอาหนังสือไปปรึกษา เตียวเจียว แลขุนนางทั้งปวง เตียวเจียวให้ความเห็นว่า

“ ซึ่งเล่าปี่ ให้หนังสือมานี้ เป็นกลอุบาย เพราะกลัว โจโฉ จะยกไปตีเมืองเสฉวน แต่เป็นประโยชน์แก่เราสองประการ ประการหนึ่งจะได้เมืองสามตำบล ประการหนึ่งจะได้เมืองหับป๋าด้วย ถึงมาตรว่า เล่าปี่ มีใจกำเริบลวงเรา ก็ตามเถิด จำจะต้องทำตามหนังสือนี้จงได้ “
ซุนกวน เห็นชอบด้วยจึงสั่งอีเจี้ย ให้ไปบอกเล่าปี่ว่าตกลงตามหนังสือนั้น อีเจี้ยรับคำแล้วก็ลากลับไป ซุนกวนก็ปรึกษ่าเหล่าแม่ทัพนายกองเรื่องจะไปตีเมืองหับป๋า ลิบองแนะให่ไป่ตีเมืองอ้วนเซียซึ่งสะสมเสบียงไว้เสียก่อน แล้วจึงไปตีเมืองหับป๋า

ซุนกวนก็เห็นชอบด้วยจึงยกองทัพสิบหมื่นไป โดยมี กำเหลง ลิบองเป็นทัพหน้า เจียวขิม กับ พัวเจี้ยง เป็นทัพหลัง เอาเจียวท่าย ตันบู ตังสิด ชีเซ่ง ไปในทัพหลวงกับตน ยกทัพข้ามฟาก ไปขึ้นที่เมืองไฮจิ๋ว แล้วจัดทัพเดินบกต่อไป ตั้งค่ายใกล้เมืองอ้วนเซีย

ส่วนทางเมืองอ้วนเซีย ก็ได้ เตียวเลี้ยว จากเมืองหับป๋า มาช่วยตั้งรับ การศึกคราวนี้ดำเนินไปยาวนาน แต่ผลของการรบไม่เป็นไปตามความคาดหมายของกุนซือทั้งสองฝ่าย เพราะ โจโฉ ได้ยกไปช่วย เตียวเลี้ยว รบกับ ซุนกวน อยู่เป็นแรมเดือน แต่แล้ว ซุนกวน กลับยอมอ่อนน้อมต่อ โจโฉ และแยกกันกลับเมือง โจโฉ มีความดีความชอบ ได้เลื่อนเป็น วุย อ๋อง แล้วก็วุ่นวายอยู่กับการปราบขบถในเมืองฮูโต๋ จนไม่มีเวลาหันมาสนใจเมืองฮันต๋ง คงให้ โจหอง ไปช่วย แฮหัวคุ้น กับ เตียวคับ ดูแลต่อไปตามลำพัง

ระหว่างนี้ได้เกิดการรบระหว่างฝ่ายที่ยึดครองฮันต๋ง กับฝ่ายที่ยึดครองเสฉวน หลายครั้ง คราวแรก เตียวคับ ยกทหารไปที่ตำบลแฮเปียน ใกล้กับเมืองปาเสที่ ม้าเฉียว กับ เตียวหุย รักษาอยู่ ก็โดน เตียวหุย ตีแตก ต้องหนีไปอยู่ที่ด่านอวนเทาก๋วน แล้วก็ยกทหารออกมารบกับ เตียวหุยอีก คราวนี้ฆ่า ลุยต๋อง ทหารรองของเตียวหุยตาย

เตียวหุยจึงปรึกษากับ อุยเอี๋ยน วางอุบายเข้าตี เตียวคับ ถึงค่ายอวนเทา ก๋วน แตก เตียวคับเหลือทหารสิบเอ็ดสิบสองคนหนีรอดไปถึงเมืองฮันต๋งได้

โจหองก็สั่งประหารเตียวคับ แต่ โกฉุยชอโทษไว้ โจหองจึงให้เตียวคับ แก้ตัว โดยคุมทหารไปตีด่านแฮบังกษวนของเสฉวนบ้าง เบ้งตัด กับ ฮักจุ้นผู้รักษาด่านเห็นท่าว่าจะสู้ไม่ได้ จึงแจ้งให้เล่าปี่ ที่เมืองเสฉวนทราบ เล่าปี่ปรักษากับ ขงเบ้งแล้ว ก็ให้ ฮองตงกับเงียมหงัน ออกไปช่วยป้องกันด่านแฮบังก๋วน ทั้งสองผู้เฒ่าก็รุมรบเตียวคับจนแตกพ่ายไปอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อโจหองรู้ข่าวก็จะสั่งฆ่าเสียอีก โกฉุยก็แนะให้ส่ง แฮหัวซง กับ ฮันโฮ ไปช่วยเตียวคับหรือกำกับไว้ ไม่ให้เตียวคับแปรพักตร์ ทั้งสองนายก็ออกไปรบกับฮองตงด้วยความประมาทว่าชราแล้ว ฮองตงก็สู้เพียงห้าเพลงสิบเพลง แล้วก็ถอยไปทีละร้อยเส้น สองร้อยเส้น จนเข้าไปในด่านแฮบังก๋วน แฮหัวซง กับฮันโฮก็ตามไปตั้งค่ายประชิดไว้

ทั้งสองนายไม่เห็นฮองตงออกมาสู้รบด้วย ถึงสามวัน ก็ไม่เคร่งครัดรักษาค่าย จึงถูก ฮองตง พาทหารลอบโจมตีเวลาสองยามเศษ จนแตกหนีกันอลหม่าน ฮองตงก็ยกทหารตามไปจนถึงค่ายเตียวคับ ทำให้เตียวคับพลอยแตกหนีไปด้วย จนถึงแม่น้ำฮันซุย เตียวคับไปเจอสองหนุ่ม ก็ชวนกันไป ค่ายของแฮหัวเต๊กที่เขาเตียนทองสัน

ฮองตงกับเงียมหงันก็ตามไปตีอีกหลังจากการปะทะ ไม่เท่าไร ทั้งสองผู้เฒ่าก็ฆ่า ฮันโอและแฮหัวเต๊กตาย เตียวคับ กับแฮหัวซง ก็หนีไปหา แฮหัวเอี๋ยน ที่ค่ายเขา เตงกุนสัน รอดไปได้อีกครั้ง

ฮองตงก็มีหนังสือแจ้งให้เล่าปี่ที่เมืองเสฉวนทราบทุกประการ.




 

Create Date : 09 เมษายน 2559    
Last Update : 12 เมษายน 2559 13:53:33 น.
Counter : 492 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.