Group Blog
 
All Blogs
 

ตอนที่ ๑๓ สิ้นศัตรู (จบบริบูรณ์)

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๑๓ สิ้นศัตรู

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อเนียบฮวบเสงมาถึงประตูค่ายของคุดตงเสง เห็นทหารรักษาค่ายอยู่แน่นหนา ที่ประตูค่ายมีหนังสือปิดไว้ฉบับหนึ่ง เมื่ออ่านดูรู้ความแล้วก็ฉีกทิ้งเสีย ทหารก็เข้าไปแจ้งแก่คุดตง เสง และเฮงหยง ทั้งสองก็ออกมาเชิญเข้าไปในค่าย เห็นเนียบฮวบเสงหน้าดำหนวดแดงตาโต ใส่เสื้อลายเหมือนดวงตราโปยซ่วย มือถือแซ่ม้าใส่รองเท้าฟาง รูปร่างประหลาดกว่าคนทั้งปวง จึงเชิญให้นั่งในที่สมควรแล้วถามว่ามีธุระสิ่งใด เนียบฮวบเสงก็บอกชื่อให้และว่าเป็นเพื่อนรักกับ พกเตาอัน ได้ทราบว่าทั้งสองทำศึกกับยวดซิมอ๋อง ก็รีบมาปรารถนาจะช่วยท่าน และแก้แค้นแทนพกเตาอันด้วย ทั้งสองก็ซักถามการซึ่งจะเอาชนะข้าศึก เนียบฮวบเสงก็ว่าการศึกสงครามตนได้เล่าเรียนรู้ชำนิชำนาญมากกว่าพกเตาอัน คงจะคิดเอาชัยชนะได้ อย่ามีความวิตกเลย

ทั้งสองก็มีความยินดียิ่งนัก ให้คนใช้ยกโต๊ะสุราอาหารมาต้อนรับ เมื่อสนทนาปรึกษากันด้วยการทัพศึกเป็นที่สบายแล้ว คุดตงเสงกับเฮงหยงก็มอบอาญาสิทธิ์ให้เนียบฮวบเสง เป็นแม่ทัพ และเรียกนายทหารและทหารเลวมาพร้อมกัน ให้คุกเข่าคำนับรับการบังคับบัญชาต่อไป

ครั้นถึงวันขึ้นหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ด ซึ่งเป็นฤกษ์ดี เนียบฮวบเสงแม่ทัพใหญ่ของ กองทัพขบถ ก็เรียกประชุมนายทัพ นายกองและทหารเลวทั้งปวง และได้ออกประกาศกฎหมายอาญาศึกสิบเอ็ดข้อให้ทราบ ถ้าผู้ใดไม่เชื่อฟังกระทำให้ผิดแต่ข้อใดข้อหนึ่งก็ดี พิจารณาเป็นสัตย์แล้ว จะทำโทษถึงประหารชีวิต รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็สั่งให้นายทหาร ซ้อมหัดเพลงอาวุธให้ทหารเลวจนชำนิชำนาญ เพื่อเป็นกำลังในการทำศึกสงครามต่อไป

ครั้นยวดซิมอ๋องได้ทราบความ ก็ทำหนังสือบอกข้อราชการ ให้คักหลินถือไปกราบทูลฮ่องเต้ที่เมืองหลวง คักหลินกับบ่าวไพร่สองสามคนก็เดินทางไปเมืองเซียงอานโดยด่วน เมื่อคำนับส่งหนังสือให้ลิวบ๋ายแล้ว ก็ลาไปหาคักฮุนเหลงผู้บิดา ลิวบ๋ายก็นำหนังสือขึ้นถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรหนังสือนั้นมีความว่า

ข้าพเจ้ายวดซิมอ๋องขอกราบบังคมทูลให้ทราบ ด้วยโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นแม่ทัพยกไปปราบปรามคุดตงเสงที่เขาตังเพาซัวนั้นมีชัยชนะ ได้ฆ่าฟันบุตรภรรยาครอบครัวคุดตงเสงสิ้น บัดนี้คุดตงเสงหนีไปอยู่กับเฮงหยง ณ เขาเชียชองหลิมข้าพเจ้าก็ยกทหารไปตั้งประชิดอยู่ แต่ คุดตงเสง ได้ทหารเอกคนหนึ่งชื่อเนียบฮวบเสงมีฝีมือเข้มแข็งนัก กลัวจะพลาดพลั้งลงอย่างไรก็จะเสื่อมพระเกียรติยศ ข้าพเจ้าขอรับประทานกองทัพหลวงให้ยกเพิ่มเติมไปช่วยอีก จะได้คิดปราบปรามเสี้ยนศัตรูแผ่นดินเสียให้ราบคาบ

ฮ่องเต้ทรงอ่านหนังสือสิ้นข้อความแล้ว จึงตรัสปรึกษาขุนนางว่าจะเห็นผู้ใดมี สติปัญญา ควรจะเป็นแม่ทัพยกไปช่วยยวดซิมอ๋องได้บ้าง ซือแบ๊เซียงหยูขุนนางผู้ใหญ่กราบทูลว่า

“………การสงครามครั้งนี้เป็นศึกใหญ่ ต้องจัดหาขุนนางนายทหารที่มีสติปัญญาและฝีมือ ให้คุมทหารยกไปสักห้าหมื่นจึงจะควร…….”

ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย แล้วตรัสถามว่าจะให้ผู้ใดออกไปดี ลิวบ๋ายจึงกราบทูลว่า

“…….เอียป้าซึ่งเป็นที่ตินตงเจียงกุน ไปอยู่รักษาเมืองตินตงนั้น มีสติปัญญาฝีมือก็เข้มแข็ง แล้วก็เป็นญาติของยวดซิมอ๋อง ควรจะเป็นแม่ทัพออกไปได้…….”

ฮ่องเต้ก็ไม่ขัดข้อง จึงมีรับสั่งให้แจ้งเจ้าตัวเข้ามาเฝ้าที่เมืองหลวง แล้วก็มีรับสั่งให้ยกกองทัพพลห้าหมื่นไปช่วยยวดซิมอ๋อง ที่เขาเชียชองหลิมเป็นการด่วน

ฝ่ายยวดซิมอ๋องคิดจะนัดรบกับคุดตงเสง ให้รู้แพ้ชนะกันโดยไม่ต้องเปลืองไพร่พล จึงให้ม้าใช้ไปบอกนางแบ๊ลวนเองและลิวซูให้ยกกองทัพจากเขาตังเพาซัว มาช่วยอีกแรงหนึ่ง เมื่อพร้อมแล้วก็นัดให้คุดตงเสงยกทหารลงจากเขามารบสู้กันให้เด็ดขาดไป

ในการรบครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธวิเศษ เข้าทำร้ายกันหลายชนิด จนฬ่อเสง ต้องได้รับบาดเจ็บ พอดีกองทัพของตินตงเจียงกุนเดินทางมาถึง จึงรวมกันเข้าเป็นทัพใหญ่ แล้วก็รบกันอีกหลายครั้ง ฝ่ายยวดซิมอ๋องมีทหารเอกมากกว่า จึงสามารถเอาชนะได้ โดยฆ่าทหารเอกของคุดตงเสงตายหมดสิ้น และทหารเลวยอมแพ้วางอาวุธเป็นจำนวนมาก ส่วนเนียบฮวบเสง หนีเอาตัวรอดไป ทิ้งให้คุดตงเสง กับขันทีคนสนิทคือ มีหงวนกับกีก้ำถูกจับไปจำขังไว้ การศึกสงครามก็เสร็จสิ้นลง ยวดซิมอ๋องก็สั่งให้เก็บรวบรวมทรัพย์สิน และเสบียงอาหารของคุดตงเสงไว้ แล้วเผาค่ายที่ชุมนุมบนเขาเชียชองหลิมเสียให้สิ้น จากนั้นก็สั่งให้เลิกทัพ ยกกลับไปเมืองหลวง

ระหว่างทางเมื่อผ่านเมืองใด ก็เขียนหนังสือประกาศให้เจ้าเมืองกรมการ ตรวจตราระวังรักษาอย่าให้เกิดโจรผู้ร้ายขึ้นได้ เมื่อถึงเขาตังเพาซัวก็ตั้งค่ายพัก ตรวจดูทหารที่ล้มตายไปประมาณสองพัน ก็เอาเงินทองสิ่งของแจกจ่ายเป็นบำเหน็จรางวัลแก่นายและพลทหาร ตามสมควรแก่ความชอบมากน้อย

ขณะที่พักอยู่นั้นก็มีหญิงแก่ พาบุตรสาวคนหนึ่งมาหายวดซิมอ๋อง นายทหารก็พาเข้ามาคุกเข่าลงคำนับ ยวดซิมอ๋องถามว่ามาหาด้วยธุระอะไร หญิงแก่ผู้นั้นก็บอกว่า

“………ท่านลืมข้าพเจ้าเสียแล้วหรือ บุตรข้าพเจ้าคนนี้ชื่อนางเองหงอ ที่ท่านได้อุปถัมภ์แย่งชิงจากเตงกวางไว้เมื่อครั้งก่อน จึงได้มีความสุขต่อมา ข้าพเจ้าได้ทำสัตย์สาบานไว้ว่า นางเองหงอนี้จะยกให้เป็นสิทธิ์แก่ท่าน จึงได้เที่ยวติดตามมาหา ขอท่านจงรับไว้ใช้สอยเถิดจะได้สิ้นห่วงในข้าพเจ้า……..”

ยวดซิมอ๋องก็ระลึกได้ว่า เมื่อครั้งที่ยังชื่อแบ๊จุ้นอยู่เมืองลกเอียงกุ้ย ซึ่งขึ้นกับเมืองฮุนหนำ ได้เคยวิวาทกับเตงกวางบุตรของเตงป้าซึ่งเป็นคนพาล ช่วยเอานางเองหงอบุตรของนางเฮงสีซึ่งถูกฉุดคร่าไปให้พ้นภัย โดยชกเตงกวางถึงแก่ความตาย ต้องหนีไปอยู่ที่เขาตงหงซัวแดนเมืองฮู่ก๊วง และสาบานเป็นพี่น้องกับเจียะยุโฮ ส่วนนางเฮงสีกับบุตรสาวก็พากันหนีไปอีกทางหนึ่ง เป็นเวลานานเพิ่งจะมาพบกันวันนี้

ยวดซิมอ๋องก็นึกว่าหญิงคนนี้มีความสัตย์สุจริต อุตส่าห์รักษาตัวคอยท่าตนอยู่ได้ถึงเพียงนี้ จึงว่าท่านมีเมตตายกบุตรสาวให้นั้นขอรับไว้ แล้วจึงพานางเฮงสีกับนางหงอเองไปมอบให้นางแบ๊ลวนเองดูแล บอกว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใดจะได้แต่งงาน อยู่กินด้วยกันตามประเพณี นางแบ๊ลวนเองก็รับสองแม่ลูกไว้ในกองทัพ เมื่อเดินทางต่อมาได้อีกหนึ่งเดือนก็ถึงเมืองเซียงอาน

ยวดซิมอ๋องก็ให้หยุดทัพ ตั้งค่ายพักอยู่ห่างเมืองประมาณยี่สิบลี้ แล้วให้ลิวซูทำหนังสือบอกข้อราชการ ซึ่งมีชัยชนะแก่ข้าศึกจับคุดตงเสงกับสองขันทีคู่ใจได้นั้น ให้คักหลินถือไปมอบให้ลิวบ๋ายนำขึ้นถวายฮ่องเต้ พระเจ้าบู๊ฮั่นได้ทราบความก็ดีพระทัย รับสั่งให้คักฮุนเหลงกับซือแบ๊เซียงหยู คุมเงินทองสิ่งของออกไปรับยวดซิมอ๋องและพรรคพวกเข้ามาในเมือง ยวดซิมอ๋องก็มีความยินดี รับเงินทองสิ่งของแจกจ่ายให้แก่ทหารเอกทหารเลวถ้วนหน้า แล้วก็พาลิวซูนางแบ๊ลวนเอง กับเชลยทั้งสามคนเข้าเฝ้าฮ่องเต้

พระเจ้าบู๊ฮั่นฮ่องเต้ก็ตรัสไต่ถามถึงข้อราชการ ศึกสงครามตามธรรมเนียม แล้วรับสั่งว่า

“……….ท่านยังกำลังเหน็ดเหนื่อยอยู่ จงไปหยุดพักให้สบายก่อนเถิด ได้ฤกษ์ดีเมื่อไรจึงจะแต่งการให้ลิวซูกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน แต่คุดตงเสงมีหงวนกีก้ำนั้น ให้เอาไปจำขังไว้ ณ คุกก่อน…….”

ลิวซูก็กลับไปบ้านลิวบ๋ายผู้บิดา ยวดซิมอ๋องกับนางแบ๊ลวนเองกลับมาถึงค่าย ก็สั่งให้บรรดาทหารที่มาจากหัวเมืองนั้น แยกย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าตามเดิม แล้วยวดซิมอ๋องกับพรรคพวกก็พากันเข้าไปพักอยู่ที่กงก๊วน ในเมืองหลวง

รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งทั้งหมดก็เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกัน ฮ่องเต้จึงตรัสถามยวดซิมอ๋องว่า การศึกสงครามครั้งนี้ ผู้ใดมีความชอบบ้าง ยวดซิมอ๋องก็เอาบัญชีถวายให้ทอดพระเนตร ฮ่องเต้มีรับสั่งให้หาตัวนายทหารที่มีความชอบเหล่านั้น แล้วแต่งตั้งให้มียศศักดิ์สูงขึ้นตามความชอบ แล้วตรัสกับยวดซิมอ๋องว่า

“…….ท่านมีความชอบแก่แผ่นดินมาก การบ้านเมืองและทหารนั้น มอบให้อยู่ในอำนาจท่านตามแต่จะบังคับบัญชาว่ากล่าว ช่วยทำนุบำรุงให้ราษฎรไพร่บ้านพลเมืองมีความสุขสบายด้วยเถิด……..”

ยวดซิมอ๋องก็คุกเข่าลงกราบถวายบังคมทูลว่า

“…….ข้าพเจ้าจะสนองพระเดชพระคุณ ไปตามกำลังและสติปัญญา กว่าจะหาชีวิตไม่……”

ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี รับสั่งตั้งให้นางเองหงอเป็นที่ อิดปินฮูหยิน ตั้งนางลิวเอ๋งภรรยาน้อยลิวซูเป็นที่ งีเลียดฮูหยิน แล้วตรัสแก่ลิวซูว่า ให้แต่งการอยู่กินกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ ราชธิดาเสียก่อน แล้วจึงค่อยอยู่กับนางลิวเอ๋ง ลิวซูก็คุกเข่าลงกราบถวายบังคมรับตามรับสั่ง

แล้วฮ่องเต้ก็ตั้งให้คักหลินเป็นที่ ไซเพงเฮาขุนนางนายทหารเอก ซือแบ๊เซียงหยูจึงกราบทูลขึ้นว่า ตนมีบุตรหญิงคนหนึ่งชื่อนางเชงหลัน จะยกให้เป็นภรรยาคักหลิน ฮ่องเต้ก็เห็นชอบด้วยจึงรับสั่งตั้งนางเชงหลินเป็นที่ อิดปินฮูหยิน ส่วนทหารเอกคู่ใจของยวดซิมอ๋องนั้น ทรงตั้งเปากังเป็นที่ ตังเพงเฮา ตั้งให้ภรรยาเปากังเป็นที่ อิดปินฮูหยิน ตั้งคิมทิโฮเป็นที่ ปักเพงเฮา ให้นางแบ๊ลวนเองเป็นที่เตงก๊กอ๋องโก๊ว ให้เตียวเตียน ลีหง เตียวเหา แบ๊หยง ฬ่อเซง เจียะยุโฮ ทั้งหกนายเป็นที่ ไต้เจียงกุน ขุนนางนายทหาร ทั้งหมดก็คุกเข่าลงกราบถวายบังคม รับเครื่องยศและตราตั้งพร้อมกัน

ฮ่องเต้จึงตรัสต่อไปอีกว่า แต่บรรดาขุนนางนายทหารที่ไปตายในกลางศึกสงครามครั้งนี้ ถ้าผู้ใดมีบุตรชายอายุสมควรจะทำราชการได้ ก็ให้มารับหน้าที่แทนบิดาต่อไป ถ้ามีแต่บุตรหญิงหรือบุตรชายยังเยาว์อยู่ ก็ให้ได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนตามที่บิดาได้รับมาแต่ก่อน

อวยหยงบุตรอวยแซให้เป็นที่ไต้เจียงกุน ขุนนางนายทหารแทนบิดา ยวดซิมอ๋องก็กราบทูลว่าแปะป้าผู้รักษาการเจ้าเมืองเตงฮงกุ้ย ซึ่งช่วยทำศึกมีความชอบตายในที่รบ ฮ่องเต้ก็เลื่อนให้เป็นอ๋อง และให้อาลักษณ์ทำป้ายปักไว้ที่ฝังศพแปะป้า

ซือแบ๊เซียงหยูก็กราบทูลว่า พวกขุนนางกังฉินซึ่งยวดซิมอ๋องจับมาได้นั้น จะโปรดประการใด ฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้พนักงานเอาไปประจานรอบเมือง แล้วให้ตัดศรีษะเสีย พนักงานก็คุมนักโทษทั้งสามไปทำตามรับสั่ง

ครั้นถึงวันขึ้นห้าค่ำเดือนเจ็ด เป็นวันฤกษ์ดี พระเจ้าบู๊ฮั่นฮ่องเต้ก็รับสั่งให้จัดการ แต่งงานพระราชทานแก่ทหารเอกทั้งสี่นาย คือ ลิวซูกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ภรรยาใหญ่และนางลิวเอ๋งภรรยาน้อย ยวดซิมอ๋องกับนางเองหงอ คักหลินกับนางเชงหลัน คิมทิโฮกับนางแบ๊ลวนเอง เป็นพิธีหลวง และมีรับสั่งให้พนักงานชาวคลังจัดเงินทองสิ่งของที่มีราคา มาพระราชทานให้ตามสมควรทุกคน แล้วตรัสให้พรว่า

“…..ท่านจงสามัคคีรส รักใคร่ถนอมน้ำใจอย่าให้แตกร้าว จะได้ช่วยป้องกันระงับภัยอันตรายซึ่งจะเกิดขึ้นในแผ่นดิน ขอให้มีความสุขสวัสดีเจริญเถิด “

ทหารกล้าทั้งสี่นายคือ แบ๊จุ้น ลิวซู คักหลิน และเปากัง ก็รับราชการในแผ่นดินฮั่นต่อไปอีกนาน จนพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ.๔๔๖ หลังจากที่ครองราชสมบัติมาได้ ห้าสิบสี่ปี

เรื่องราวของสี่สหายแห่งฮ่อหนำ จากเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่องไต้ฮั่นจึงยุติลงแต่เพียงเท่านี้.

##########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
กันยายน ๒๕๕๑




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 19:04:43 น.
Counter : 366 Pageviews.  

ตอนที่ ๑๒ ศึกล้างแค้น

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๑๒ ศึกล้างแค้น

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ได้รับใบบอก จากเจ้าเมืองกุยเต๊กเรื่องคุดตงเสงคิดขบถแล้ว ก็ปรึกษาขุนนางว่าคุดตงเสงคิดกำเริบตั้งตัวขึ้นเป็นอ๋อง จะยกมาทำร้ายแก่บ้านเมืองเราดังนี้ ก็เห็นอยู่แต่ยวดซิมอ๋องควรจะยกไปปราบปรามได้ ท่านทั้งหลายจะเห็นอย่างไร

อ้วยแซซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ จึงกราบทูลขึ้นว่า

“……..การเล็กน้อยเท่านี้ ไม่ควรจะให้ยวดซิมอ๋องได้ความลำบาก ข้าพเจ้าจะขออาสาคุมทหารสักสามหมื่น ยกไปจับคุดตงเสงมาถวายให้จงได้……..”

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

“…..ตัวท่านแก่ชรามีอายุมาก กำลังน้อยไม่เหมือนแต่ก่อน หากว่าพลาดพลั้งลงอย่างไรจะเสียราชการ……..”

อ้วยแซได้ฟังก็นึกโกรธ จึงทูลว่า

“…….ถ้าโปรดให้ข้าพเจ้าไปครั้งนี้ แม้นมิได้คุดตงเสงมาถวาย ไม่ขอกลับมาให้ผู้ใดเห็นหน้าเลย……”

ฮ่องเต้เห็นว่าอ้วยแซพูดจาแข็งแรงดังนั้น จึงไม่ขัดข้องแต่ให้หาผู้ใดไปด้วยสักคนหนึ่ง จะได้ปรึกษาหารือกัน คักฮุนเหลงเฝ้าอยู่ที่นั้นด้วย จึงทูลว่าจะให้คักหลินบุตรของตนไปด้วย เพราะได้ฝึกหัดเพลงอาวุธมาช้านาน พอจะทำราชการสนองพระเดชพระคุณได้ ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดีรับสั่งให้หาคักหลินมาเฝ้า แล้วตั้งให้เป็นแม่ทัพหน้า อ้วยแซเป็นแม่ทัพหลวง ทั้งสองก็กราบถวายบังคมลา ออกมาเกณฑ์ทหารสามหมื่น พร้อมสรรพด้วยเครื่องสาตราวุธและเสบียงอาหาร พอถึงวันฤกษ์ดีก็ยกกองทัพออกจากเมืองหลวงตรงไปทางเขาตังเพาซัว

ฝ่ายลิวบ๋ายออกจากที่เฝ้ากลับมาถึงบ้าน จึงสั่งให้ลิวอันผู้บุตรน้องของลิวซู รีบไปบอกกับยวดซิมอ๋อง เรื่องที่คุดตงเสงตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เขาตังเพาซัว และคิดการขบถขึ้น ฮ่องเต้ได้รับสั่งให้อ้วยแซกับคักหลิน คุมทหารสามหมื่นไปปราบปราม แต่อ้วยแซก็แก่ชรากำลังน้อย คักหลินก็อ่อนสติปัญญายังไม่เคยทำศึกสงคราม ขอให้ยวดซิมอ๋องเห็นแก่ราชการแผ่นดิน ยกทหารไปช่วยอ้วยแซกับคักหลินจับคุดตงเสงฆ่าเสียให้จงได้ ลิวอันก็ขึ้นม้าออกจากเมืองเซียงอานเดินทางตรงไปเขาปวยง่อเหนีย

ขณะนั้นยวดซิมอ๋องตั้งลุยไถได้สิบห้าวันแล้ว ยังไม่มีผู้ใดสู้ฝีมือนางแบ๊ลวนเองได้ พอดีลิวอันถือหนังสือของลิวบ๋ายมาถึง ยวดซิมอ๋องแจ้งความแล้วก็ให้ลิวซูอยู่ดูแลการลุยไถ ส่วนตนเองกับเพื่อนอีกห้าคน ยกทหารสามหมื่นไปช่วยอ้วยแซ ที่เขาตังเพาซัวโดยเร็ว
เมื่อกองทัพของคักหลินกับอ้วยแซเดินทางไปถึงเขาตังเพาซัว ก็หยุดตั้งค่ายลงไว้มั่นคงแล้ว ก็ให้นายทหารขี่ม้าออกไปท้าให้คุดตงเสงออกมารบ คุดตงเสงจึงให้คุดตงลิบผู้น้องกับพกเตาอัน คุมทหารลงจากเขามาประจันหน้ากับทหารหลวง อ้วยแซก็ขับม้าเข้าไปใกล้ ร้องว่า

“…….คุดตงเสงและตัวเจ้านั้น พระเจ้าแผ่นดินชุบเลี้ยงตั้งแต่งให้มีอำนาจวาสนามาก ก็คิดทำลายล้างยศศักดิ์ของตัวเสียเอง จนทำราชการอยู่ไม่ได้ บัดนี้มาตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คนไว้ จะคิดขบถแย่งชิงเอาสมบัติบ้านเมืองหรือ ถ้ารู้สึกตัวกลัวผิด และยังคิดถึงบุตรภรรยาอยู่ ก็ให้ลงจากหลังม้าเข้าอ่อนน้อมคำนับเสียโดยดี จึงจะรอดจากความตาย……..”

คุดตงลิบก็ร้องตอบมาว่า

“……..พระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม พระพฤติการผิดอย่างธรรมเนียมไปต่าง ๆ เราพี่น้องจึงได้หลีกเลี่ยงมา หมายจะคิดกำจัดผู้ซึ่งเป็นอสัตย์นั้นเสีย ราษฎรจะได้ทำมาหากินเป็นสุขสบาย…….”

แล้วคักหลินก็ถือกระบองทองแดงสองมือ เข้ารบกับคุดตงลิบได้สามสิบเพลง ก็ตีคุดตงลิบตกม้าตาย พกเตาอันก็เข้ารบกับอ้วยแซเป็นสามารถ อ้วนแซอ่อนกำลังลงทำท่าจะเสียที คักหลินขับม้าเข้าช่วยแต่ไม่ทัน จึงถูกพกเตาอันฟันตัวขาดตาย ต้องเลิกทัพกลับเข้าค่าย แล้วคักหลินก็ทำหนังสือบอกข้อราชการให้ม้าเร็วรีบถือไปเมืองเซียงอาน ขอให้จัดกองทัพเพิ่มเติมมาช่วย

วันต่อมายวดซิมอ๋องก็ยกมาถึง คักหลินก็เล่าความตามที่ได้สู้รบกับคุดตงลิบ และพกเตาอันฆ่าอ้วยแซตาย ยวดซิมอ๋องจึงคุมทหารออกไปท้าคุดตงเสงกับพกเตาอันออกมารบ พกเตาอันกับมกหยงก็คุมทหารลงมาจากเขา ยวดซิมอ๋องก็ขับม้าเข้ารบกับมกหยงได้ไม่กี่เพลง ยวด ซิมอ๋องก็เอาง้าวฟันมกหยงตัวขาดตาย พกเตาอันจึงเข้ามาสู้กับยวดซิมอ๋องแทน ยวดซิมอ๋องสู้กำลังของพกเตาอันไม่ได้ ต้องถอยทัพกลับเข้าค่าย บอกกับคักหลินว่าพกเตาอันมีฝีมือเข้มแข็งนัก จะต้องให้นางแบ๊ลวนเองมาช่วยจึงจะเอาชนะได้ แล้วก็เขียนหนังสือมอบให้ม้าใช้นำไปส่งแก่ลิวซู

ฝ่ายนางแบ๊ลวนเองขึ้นลองฝีมืออยู่บนลุยไถได้เจ็ดสิบสองวัน ไม่มีผู้จะสู้ฝีมือได้ จนนายโจรชื่อเฮงหยงอยู่ที่เขาเชียชองหลิม มาขึ้นลุยไถแต่สู้นางแบ๊ลวนเองไม่ได้ ต้องกลับไปที่อยู่ด้วยความแค้นใจยิ่งนัก

แต่ในวันเดียวกันก็มีชายหนุ่มอีกผู้หนึ่งชื่อคิมทิโฮ เป็นนายทหารอยู่ที่เมืองเซงโต่ขึ้นกับเมืองเสฉวน มาลองฝีมือกับนางแบ๊ลวนเอง ต่อสู้กันประมาณเจ็ดเพลง นางมีความชอบใจจึง ทำเป็นเสียทีถอยหนี คิมทิโฮก็รุกกระชั้นเข้าไป ลิวซูรู้ใจนางแบ๊ลวนเองจึงเข้าไปห้ามไว้ และว่าฝีมือท่านเข้มแข็งนัก นางแบ๊ลวนเองเห็นจะสู้ไม่ได้ คงเป็นสิทธิ์แก่ท่านแน่แล้ว จงหยุดพักเสียให้สบายเถิด แล้วลิวซูก็จะยกนางแบ๊ลวนเองให้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน แต่คิมทิโฮขอร้องว่า

“……..ซึ่งท่านเมตตาจะให้ข้าพเจ้าแต่งการอยู่กินกับนางแบ๊ลวนเองนั้น พระคุณหาที่เปรียบมิได้ แต่ข้าพเจ้ายังมีธุระเดือดร้อนอยู่ข้อหนึ่ง ด้วยคุดตงเสงกราบทูลยุยงให้บิดาข้าพเจ้าไปราชการทัพ แต่ครั้งแผ่นดินพระเจ้าฮั่นบุนเต้ คุดตงเสงเป็นกองลำเลียงแกล้งกักขังเสบียงไว้มิให้ส่งกองทัพ จนทหารได้ความอดอยากแตกกระจัดพลัดพรากไป บิดาข้าพเจ้าก็ถึงแก่ชีวิตเป็นอันตรายในกลางศึก แต่ครั้งนั้นอายุข้าพเจ้าได้เก้าขวบ ครั้นภายหลังมารดาเล่าให้ฟัง ข้าพเจ้าจึงได้ไปเที่ยวหาอาจารย์ฝึกหัดเพลงอาวุธ ปรารถนาจะแก้แค้นแทนบิดาให้จงได้ ขอท่านจงงดการมงคลไว้ก่อน ถ้ากำจัดคุดตงเสงได้แล้ว ข้าพเจ้าจึงจะกลับมาแต่งการอยู่กินด้วยนางแบ๊ลวนเอง……..”

ขณะนั้นม้าใช้ของยวดซิมอ๋องมาถึงก็เอาหนังสือเข้าไปส่งให้ ลิวซุเปิดผนึกออกอ่านทราบความทั้งหมดแล้ว จึงให้นางแบ๊ลวนเองดู นางแบ๊ลวนเองก็ว่าการแต่เพียงนี้อย่ามีความวิตก ตนจะไปจับพกเตาอันกับคุดตงเสงฆ่าเสียให้จงได้ ลิวซูได้ฟังก็ยินดีจัดเตรียมไพร่พล และเสบียงอาหารไว้พร้อม ครั้นเวลาดึกประมาณสองยามเดือนหงายแจ่มสว่าง นางแบ๊ลวนเองก็ยกโต๊ะไปตั้งที่กลางแจ้ง เอาธูปมาจุดบูชาหลวงชีอาจารย์ของตน จนเวลารุ่งเช้าลิวซูก็ยกทหารออกจากค่ายเขาปวยง่อเหนียแบ่งเป็นสามกองทัพ ให้คิมทิโฮเป็นนายทัพหน้า ตัวลิวซูกับนางแบ๊ลวนเองเป็นทัพที่สอง ให้แบ๊หยงและเตียวเหากับนางลิวเอ๋ง คุมสิ่งของเสบียงอาหารตามไปภายหลัง เดินทางตรงไปยังเขาตังเพาซัว

เมื่อกองทัพทั้งสามมาถึงที่หมายยวดซิมอ๋องก็ออกมารับ พาตัวนายเข้าไปในค่ายคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว ลิวซูก็เล่าความที่ได้ตั้งลุยไถ จนได้คิมทิโอมาเป็นพวกด้วย ยวดซิม อ๋องก็ให้คิมทิโฮคำนับญาติพี่น้องเพื่อนพ้องทั้งปวง ให้รู้จักกันไว้ แล้วยวดซิมอ๋องก็มอบตราแม่ทัพให้นางแบ๊ลวนเองบังคับบัญชากองทัพทั้งหมด

นางแบ๊ลวนเองจึงสั่งให้นายทัพทั้งหลาย ยกพลไปล้อมภูเขาของข้าศึกไว้ทั้งสี่ด้าน เมื่อรบกันยกแรกนางแบ๊ลวนเองก็ฆ่าพกเตาอันตาย คุดตงเสงจึงต้องตั้งมั่นอยู่บนเขา ไม่ยกลงมารบอีกเลย

ฝ่ายเฮงหยงอยู่ที่เขาเชียงชองหลิม คิดจะแก้แค้นนางแบ๊ลวนเอง จึงให้โห้เซียงน้องชายร่วมสาบาน ลอบเข้ามาติดต่อกับคุดตงเสง จะยกทัพเข้ามากระหนาบกองทัพยวดซิมอ๋อง คุดตงเสงก็ดีใจ ให้โห้เซียงลอบกลับไปแจ้งเฮงหยงให้รีบทำการ

เฮงหยงก็ยกกองทัพมาตั้งค่าย ห่างค่ายของยวดซิมอ๋องประมาณสิบลี้ แล้วก็ยกเข้าโจมตีค่ายของยวดซิมอ๋องในเวลาประมาณสองยามเศษ คุดตงเสงก็ยกทหารลงจากเขาเข้าตีกระหนาบ สู้รบกันอยู่จนรุ่งสว่าง แต่คุดตงเสงกับเฮงหยงเสียทีจึงพากันหนี กลับไปอยู่ที่เขาเชียชองหลิม ทิ้งครอบครัวบุตรภรรยาและลิ่วล้อจำนวนมาก ไว้ข้างหลังจึงถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น

ยวดซิมอ๋องกับพวกก็ติดตามไปตั้งอยู่ห่าง ประมาณยี่สิบลี้ แต่เขาเชียชองหลิมมีชัยภูมิดี มีเขาใหญ่อยู่สองข้าง และมีห้วยลึกกว้างใหญ่โดยรอบ จึงยังไม่เข้าตี และให้ม้าใช้ไปบอกนางแบ๊ลวนเองและลิวซูให้รักษาค่ายของตนไว้ให้มั่นคง อย่าให้เป็นอันตรายได้

ฝ่ายเฮงหยงกับคุดตงเสงปรึกษากันว่า ยังมีลิ่วล้อเหลืออยู่ประมาณสองพันคน ข้าวที่เป็นเสบียงก็พอจะเลี้ยงกันได้สักสองปี จึงตั้งมั่นอยู่ไม่ออกไปรบ แต่ให้ลูกน้องเขียนหนังสือประกาศหาผู้มีฝีมือและสติปัญญา ที่มาซุ่มซ่อนอยู่ตามป่าเขา ให้มาช่วยกันทำศึกกับพวก ยวดซิมอ๋อง ปิดไว้ตามทางเชิงเขาหลายแห่ง

ทหารกองตระเวนของยวดซิมอ๋องเห็นประกาศนั้น ก็เอาความมาแจ้งแก่ ยวดซิมอ๋องให้ทราบ ยวดซิมอ๋องก็หัวเราะแล้วว่า คุดตงเสงกับเฮงหยงสิ้นความคิดแล้ว ถึงจะมีปีกบินได้ก็คงไม่พ้นมือเราเป็นแน่ แต่ต้องงดรออยู่อีกสี่ห้าวันก่อน จึงจะคิดการได้ คิมทิโฮก็ว่า

“……..ซึ่งท่านจะงดรอให้ช้าวันไป ก็จะเปลืองเสบียงอาหารเสียเปล่า ข้าพเจ้าเห็นว่าบัดนี้คุดตงเสงเฮงหยงเข้าที่อับจน สิ้นปัญญาอยู่แล้ว จงเร่งยกเข้าตีหักหาญเอา ก็คงจะได้ชัยชนะโดยง่าย……..”

ยวดซิมอ๋องก็บอกว่า

“……..ซึ่งจะทำใจเร็วด่วนได้นั้นไม่ควร ด้วยเขานี้เป็นที่ชัยภูมิดี ทางเข้าออกก็เป็นช่องแคบคับขันมั่นคงนัก เราตั้งรักษามั่นไว้ไม่ช้าพวกคุดตงเสงเฮงหยงขัดเสบียงอาหารเข้า ก็จะแตกระส่ำระสายไปเอง เราก็คงจับตัวคุดตงเสงเฮงหยงได้โดยง่าย ไม่ต้องลำบากแก่ไพร่พลทหาร…”

คิมทิโฮได้ฟังก็นิ่งอยู่ มิได้โต้แย้งแต่ประการใด

ฝ่ายเนียบฮวบเสงศิษย์ร่วมสำนักกับพกเตาอัน ซึ่งตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เขาจงน่ำซัว เป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเรียนรู้วิชาการต่าง ๆ ชำนิชำนาญการศึกสงครามมาก วันหนึ่งมีความคิดถึงพกเตาอัน จึงพิเคราะห์ดูฤกษ์ยามตามตำรา ก็รู้ว่านางแบ๊ลวนเองฆ่าพกเตาอันเสียแล้ว ให้คิดโทมนัสน้อยใจเสียดายพกเตาอันยิ่งนัก จึงไปหาหลวงจีนฮุนฮงเหลาผู้เป็นอาจารย์ แล้วบอกว่า นางแบ๊ลวนเองฆ่าพกเตาอันศิษย์ท่านตายแล้ว จะคิดอ่านประการใด หลวงจีนฮุนเฮงเหลาก็ว่า

“……..เราได้ว่ากล่าวห้ามปรามพกเตาอันแต่เดิม เขาไม่เชื่อดื้อดึงไปจนถึงชีวิตดับสูญ เป็นเวรกรรมของเขา เคยล้างผลาญกันเองเจ้าอย่าเป็นธุระเลย ด้วยพกเตาอันเป็นคนไม่ตั้ง้ อยู่ในสัตย์สุจริต เจ้าจงกลับไปรักษาศีลสวดมนต์ไหว้พระอยู่ตามเดิมเถิด จะได้มีความสุขต่อไป……”

เนียบฮวบเสงได้ฟังก็คำนับลากลับมาที่อยู่ คิดเสียใจว่าเพื่อนรักร่วมชีวิตของเรา ไม่ควรจะตายด้วยฝีมือผู้หญิง ครั้นรู้แล้วจะนิ่งเสียก็ไม่ควร จึงนึกขึ้นได้ว่าคุดตงเสงกับเฮงหยงกำลังทำศึก รบพุ่งอยู่กับยวดซิมอ๋องผู้พี่นางแบ๊ลวนเอง จึงจัดแจงแต่งตัวออกจากเขาจงน่ำซัว ตรงไปเขาเชียชองหลิม เพื่อช่วยกำจัดยวดซิมอ๋อง แก้แค้นแทนพกเตาอันให้จงได้.

##########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
กรกฎาคม ๒๕๕๑




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 18:56:42 น.
Counter : 402 Pageviews.  

ตอนที่ ๑๑ สงครามตั้งเค้า

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๑๑ สงครามตั้งเค้า “

เล่าเซี่ยงชุน “

ชายคนที่ทหารบอกว่าเป็นผู้ฉีกประกาศ ตามหาตัวนางแบ๊ลวนเองน้องสาวของยวดซิมอ๋อง ก็บอกกับยวดซิมอ๋องว่า ตนแซ่แบ๊ชื่อหยง เดิมบิดามารดาตั้งบ้านเรือนค้าขายหากิน อยู่ในเขตแดนเมืองเซียงอาน ครั้นภายหลังบิดามารดาตายตนเองยากจนลง จึงได้มาอาศัยอยู่กับอา ที่มาทั้งนี้ก็หมายจะขอเอาบุญบารมียวดซิมอ๋องเป็นที่พึ่งต่อไป ขออย่าได้ถือโทษที่ฉีกประกาศเสียเลย

แล้วก็เล่าเรื่องที่ตนเข้าไปล่าสัตว์ในป่า แล้วพบนางแบ๊ลวนเองนอนสลบเพราะกัดลิ้นตัวเอง อยู่ที่เชิงเขาใต้ต้นไม้ใหญ่ จึงเอากลับไปรักษาพยาบาลที่บ้าน ซึ่งอยู่กับนางเกียงสีผู้ภรรยา และมีหลวงชีคนหนึ่งมียารักษาจนหายเป็นปกติ และฝึกหัดเพลงอาวุธให้นางแบ๊ลวนเอง จนชำนิชำนาญ วันนี้มาเที่ยวยิงเนื้อในป่า พบหนังสือประกาศที่ปิดไว้ริมทาง รู้ว่ายวดซิมอ๋องตามหาตัวนางแบ๊ลวนเอง จึงกลับบ้านไปบอกให้รู้ และพานางมารออยู่ที่หน้าค่าย

ยวดซิมอ๋องก็มีความยินดียิ่งนัก รีบพาแบ๊หยงกับนายทหารออกไป รับน้องสาวเข้ามาในค่าย นางก็คำนับยวดซิมอ๋องแล้วก็ร้องไห้ เล่าความที่ตกทุกข์ได้ยากมาแต่เดิม จนแบ๊หยงพาไปเลี้ยงไว้ให้ฟังถ้วนถี่แล้วก็บอกว่า แบ๊หยงกับภรรยามีคุณแก่ตนมากนัก ยวดซิมอ๋องก็บอกว่า ที่นางได้ความทุกข์ครั้งนี้เป็นความผิดของตนเอง และต้องสู้รบกับหลวงจีนกิวเลงถึงสองครั้งทแกล้วทหารล้มตายเสียหนักหนา ภายหลังลิวซูคิดอุบายปลอมเข้าไปฆ่าหลวงจีนกิวเลงเสียได้ บุญคุณของลิวซูก็มีแก่เราเป็นอันมาก

ลิวซูกับนายทหารทั้งปวงก็เข้ามาคำนับนางแบ๊ลวนเอง พูดจาไต่ถามถึงความทุกข์สุขกันตามธรรมเนียม แล้วยวดซิมอ๋องจึงสั่งให้แบ๊หยงไปรับนางเกียวสีภรรยา เข้ามาอยู่เสียด้วยกัน แบ๊หยงก็เก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของ พาภรรยามาอยู่กับนางแบ๊ลวนเองในค่ายบนเขาปวยง่อเหนีย

ยวดซิมอ๋องก็สั่งนายทัพนายกอง ให้เตรียมการที่จะเลิกทัพกลับเมืองหลวง แต่นางแบ๊ลวนเองขอร้องว่าให้ตนตั้งลุยไถลองฝีมือเพลงอาวุธก่อน ยวดซิมอ๋องก็ไม่เห็นด้วย ว่าเป็นผู้หญิงจะตั้งลุยไถเป็นการผิดธรรมเนียม แบ๊หยงก็กล่าวว่าการตั้งลุยไถนั้นจะประสงค์ผลประโยชน์สิ่งใดก็หามิได้ แต่อาจารย์ของนางแบ๊ลวนเองสั่งไว้ ให้ลองเพลงอาวุธผู้มีฝีมือในแผ่นดิน และจะได้รู้ว่าผู้ใดเป็นคู่สร้างของนาง

ลิวซูก็ไม่เห็นด้วยพูดว่า

“…….ท่านกล่าวดังนี้ไม่ถูก ชอบแต่จะกลับไปเมืองเซียงอาน สืบหาบุตรเจ้านายและขุนนางที่มีสติปัญญาและฝีมือ ตกแต่งการงานตามประเพณีจึงจะควร……….”

นางแบ๊ลวนเองและแบ๊หยงก็ยืนยันจะตั้งลุยไถตามคำอาจารย์ให้ได้ ยวดซิมอ๋องก็ไม่เชื่อว่านางแบ๊ลวนเองจะมีฝีมือเพลงอาวุธ ที่จะเอาชนะผู้ที่มาขึ้นลุยไถได้ ลิวซูก็ว่า

“……..เวลาค่ำวันนี้เดือนหงายแจ่มสว่าง ขอท่านจงให้นางแบ๊ลวนเองรำเพลงอาวุธให้ดู ถ้าเห็นว่าคล่องแคล่วว่องไวจริงจึงให้ตั้งลุยไถ ถ้าเห็นไม่ควรก็เลิกกลับไปเสีย…….”

ยวดซิมอ๋องก็เห็นด้วย จึงให้คนใช้ยกโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกันเป็นที่สบาย แล้วคืนนั้นนางแบ๊ลวนเองก็รำเพลงอาวุธให้ทุกคนดู นางก็รำได้คล่องแคล่วว่องไว ดุจดังสิงโตฝึกหัดให้ลูก บรรดาขุนนางนายทหารที่ดูอยู่นั้นพร้อมกันสรรเสริญว่า ฝีมือเพลงอาวุธนี้ดีหนัหนา ถึงหากว่าอาจารย์ที่ฝึกสอนมาแต่ก่อน ๆ นั้นก็สู้ไม่ได้ เห็นทีเทพยดาจะฝึกหัดให้เป็นแน่

ครั้นเวลารุ่งเช้ายวดซิมอ๋องจึงเขียนหนังสือใบบอกให้เปากัง ถือไปถึงลิวบ๋ายบิดาของลิวซูที่เมืองเซียงอาน แล้วก็ให้ลีหงไปเบิกข้าวเสบียงตามหัวเมืองขึ้น มาเลี้ยงดูทหารทั้งสามกองทัพ และขอยืมเงินจากโซบู๊เจ้าเมืองมาซื้อหญิงสาวใช้ ซึ่งบิดามารดายอมขายโดยสุจริต มาให้นางแบ๊ลวนเองยี่สิบคน นางถามหญิงเหล่านั้นว่าสมัครใจจะอยู่ด้วยหรือ นางเหล่านั้นก็ว่าพวกตนเป็นคนอดอยากขัดสน ซึ่งได้มาอยู่กับท่านครั้งนี้ เปรียบเหมือนทารกกำลังหิวอ่อน ได้มาพบรส น้ำนมของมารดา จึงมีความยินดีนัก ยอมสมัครอยู่ให้ท่านใช้ไปกว่าจะหาชีวิตไม่ นางแบ๊ลวนเองก็ดีใจ ฝึกหัดเพลงอาวุธให้หญิงคนใช้เหล่านั้น จนชำนิชำนาญคล่องแคล่วทุกคน

ฝ่ายพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้วันหนึ่งเสด็จออกว่าราชการ ลิวบ๋ายได้นำใบบอกของยวดซิมอ๋องให้เปากังนำมาให้นั้นขึ้นถวาย ฮ่องเต้ทรงรับมาเปิดทอดพระเนตรมีความว่า

ข้าพเจ้ายวดซิมอ๋องขอกราบทูลให้ทราบ ด้วยมีรับสั่งโปรดให้ข้าพเจ้าไปตามหา ลิวซูฮู่ม้านั้น ก็พบปะแล้ว ซึ่งข้าพเจ้ายังไม่ได้เข้ามาเมืองเซียงอานนั้น เพราะด้วยมีผู้คิดทำร้ายนางแบ๊ลวนเองน้องสาวข้าพเจ้า ต้องสู้รบกับหลวงจีนกิวเลง ทแกล้วทหารล้มตายเสียหนักหนา ภายหลังลิวซูคิดอุบายฆ่าหลวงจีนกิวเลงตายแล้ว แต่บัดนี้นางแบ๊ลวนเองผู้น้องข้าพเจ้า จะขอตั้งลุยไถลองฝีมือเพลงอาวุธ ข้อซึ่งข้าพเจ้าพาทหารไปล้มตายเสียนั้น มีโทษผิดมาก ขอให้ลดหย่อนยศข้าพเจ้าให้น้อยลงกว่าเก่าจึงจะควร

ฮ่องเต้อ่านหนังสือสิ้นข้อความแล้ว ก็ทรงพระสรวลตรัสปรึกษาขุนนางแล้ว ต่างก็กราบทูลว่า ซึ่งยวดซิมอ๋องบอกมานั้น ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับแผ่นดิน เป็นขุนนางตงฉินโดยแท้ ชอบแต่เลื่อนให้มียศใหญ่ขึ้นไปอีกจึงจะควร ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็เห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้ลิวบ๋ายพาเปากังผู้ถือหนังสือเข้ามาเฝ้า เมื่อทรงตรัสถามได้ความว่า เปากังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับ ยวดซิมอ๋อง และลิวซู รักใคร่กันสนิทเหมือนหนึ่งร่วมบิดามารดาเดียวกัน จึงตั้งให้เปากังเป็นแม่ทัพหน้า ให้ยวดซิมอ๋องเป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร โปรดอนุญาตว่าจะทำการสิ่งใด ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง ถึงไม่กราบทูลพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่ถือโทษ และอนุญาตให้นางแบ๊ลวนเองตั้งลุยไถ โดยให้ลิวซูเป็นผู้กำกับลุยไถด้วย

ขุนนางพนักงานทำตราตั้งแล้วก็เอาเข้าไปถวาย ฮ่องเต้ทรงรับทอดพระเนตรแล้วประทับตราสำหรับแผ่นดิน เข้าผนึกมอบให้เปากังถือกลับไปให้ยวดซิมอ๋อง เปากังก็ถวายบังคมลากลับมาบ้าน ลิวบ๋ายจึงสั่งให้ไปบอกลิวซูว่า แม้นการลุยไถสำเร็จแล้วให้รีบกลับโดยเร็ว เปากังก็เดินทางกลับไปที่ค่ายเขาปวยง่อเหนีย มอบหนังสือรับสั่งและตราตั้งให้ยวดซิมอ๋อง ทราบแล้วก็มีความยินดีด้วยกันทุกคน

ต่อมาลิวซูก็ส่งคนไปหาเตียวเหาที่เขาอึงเถ้าซัว ให้ยกพลย้ายมาอยู่ที่เขาปวยง่อ เหนีย เตียวเหาจึงให้นางแบ๊สีผู้ภรรยา กับนางลิวเอ๋งภรรยาของลิวซู เก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของที่ดี มีราคาพอสมควร และให้ลิ่วล้อทั้งปวงเก็บทรัพย์สมบัติทั้งหลายเรียบร้อยแล้ว ก็จุดเพลิงเผาที่อยู่อาศัยเสียสิ้น และออกเดินทางจากเขาอึงเถ้าซัว

เมื่อถึงเขาปวยง่อเหนีย ยวดซิมอ๋องก็ออกไปคอยต้อนรับ นำผู้อพยพเข้าไปในค่าย แล้วก็ไต่ถามทุกข์สุขกันตามธรรมเนียม นางลิวเอ๋งก็มาหาลิวซูร้องไห้สอึกสอื้น และเล่าเรื่องตั้งแต่หนีบู๊ไต้หยงผู้พี่มาเจอหลวงจีนเต้าเฉงจับไปขังไว้ แล้วเตียวเหาไปช่วยแก้ออกมา จนพาไปเลี้ยงดูอยู่ที่เขาอึงเถ้าซัว ทั้งช่วยออกตามหาลิวซูจนพบด้วย แล้วว่าถ้าไม่ได้เตียวเหาที่ไหนจะได้มาเห็นหน้าลิวซู บุญคุณของเตียวเหามีอยู่เป็นอันมาก

เตียวเหาก็ถ่อมตัวว่า เมื่อเวลาท่านเคราะห์ร้ายก็เผอิญเป็นไปต่าง ๆ ครั้นสิ้นเคราะห์แล้วจึงได้พบกัน ซึ่งจะยกเอาบุญคุณขึ้นมาว่านั้นไม่ควร ยวดซิมอ๋องได้ฟังจึงว่า

“……..ใช่เตียวเหาจะมีคุณแก่นางลิวเอ๋งผุ้เดียวเมื่อไร ถึงแก่เราเขาก็มีอยู่มาก ถ้ากลับไปถึงเมืองเซียงอาน จะกราบทูลพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ ขอให้เป็นที่มียศศักดิ์ตามสมควรแก่กำลังและสติปัญญา…….”

เตียวเหาก็ว่าตนเป็นคนอยู่ตามเขาและป่า ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมราชการ แต่ได้มาเป็นคนใช้ของท่านเท่านี้ก็ดีอยู่แล้ว ยวดซิมอ๋องก็มิได้ตอบแต่ประการใด ให้ยกโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน เป็นที่รื่นเริงทุกคน แล้วก็ให้สร้างลุยไถเพื่อให้นางแบ๊ลวนเองได้ทดลองฝีมือหาคู่ต่อไป

จะกล่าวถึงหลวงจีนผู้วิเศษผู้หนึ่งชื่อฮุนฮงเหลา อยู่ที่เขาโก๊เล่าซัว ประพฤติแต่การสุจริตมิได้คิดเบียดเบียนผู้ใด ให้ได้ความเดือดร้อน แต่มีศิษย์เอกอยู่สามคนคือ หลวงจีนกิมเลง กับ พกเตาอัน และ เนียบฮวบเสง ซึ่งไปตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เขาจงน่ำซัว วันหนึ่งหลวงจีนฮุนฮงเหลานั่งแหงนหน้าดูท้องฟ้าแล้วก็ถอนใจใหญ่ พกเตาอันจึงถามว่าท่านมีความวิตกทุกข์ร้อนด้วยสิ่งอันใดหรือ อาจารย์จึงบอกว่า

“………ลิวซูกับเตียวเหาฆ่าหลวงจีนกิวเลงซึ่งเป็นศิษย์ที่รักของเราตายเสียแล้ว แต่หลวงจีนกิวเลงไม่อยู่ในโอวาทคำสั่งสอนเรา ประพฤติการทุจริตต่าง ๆ จึงต้องตายด้วยคมอาวุธ เราจะพลอยโกรธขึ้งเขาด้วยหรือก็ไม่ควร ซึ่งเราถอนใจใหญ่นั้น ด้วยคิดถึงว่าแต่เดิมหลวงจีนกิวเลง ได้ทำความดีไว้แก่เราอยู่บ้าง……..”

พกเตาอันได้ฟังก็นึกโกรธจึงพูดว่า

“………ซึ่งลิวซูเตียวเหาฆ่าหลวงจีนกิวเลงผู้เป็นศิษย์นั้น อาจารย์จะนิ่งเฉยเสียไม่เจ็บร้อนบ้างหรือ ข้าพเจ้าจะขอไปแก้แค้นแทนหลวงจีนกิวเลง ฆ่าลิวซูเตียวเหาเสียให้ได้…….”

หลวงจีนฮุนฮงเหลาก็ว่า

“…….หลวงจีนกิวเลงควรถึงที่ตายอยู่แล้ว เจ้าอย่าคิดวุ่นวายไปเลย จงรักษาตัวประพฤติแต่การสุจริตให้ตลอดเถิด……..”

แต่พกเตาอันไม่เชื่อฟังอาจารย์ คิดจะแก้แค้นแทนเพื่อนศิษย์ให้จงได้ จึงพิเคราะห์ดูยามตามตำรา ก็รู้ว่าคุดตงเสงเป็นศัตรูกับยวดซิมอ๋องและลิวซู บัดนี้ตั้งตนเกลี้ยกล่อมผู้คนมาฝึกเพลงอาวุธ อยู่ที่เขาตังเพาซัว เพื่อจะไปกำจัดยวดซิมอ๋องกับลิวซู จึงหนีออกจากเขาโก๊เล่าซัว เดินทางไปสามิภักดิ์อยู่กับคุดตงเสง ที่เขาตังเพาซัวในเวลาค่ำวันนั้นเอง

เมื่อพบกับคุดตงเสงแล้ว พกเตาอันก็บอกว่า

“………ข้าพเจ้าแซ่พกชื่อเตาอัน เป็นศิษย์หลวงจีนฮุนฮงเหลาอยู่ที่เขาโก๊เล่าซัว ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านมาตั้งอยู่เขาตังเพาซัวนี้ เป็นชัยภูมิดีควรจะตั้งตัวขึ้นเป็นอ๋อง คิดยกกองทัพไปตีเมือเซียงอาน ก็คงจะได้ชัยชนะโดยง่าย………”

คุดตงเสงก็มีความยินดีพูดว่า

“………ข้าพเจ้าเตรียมการมานานแล้ว แต่หาผู้มีสติปัญญาและฝีมือเป็นนายทัพหน้ายังไม่ได้ ก็ต้องงดรออยู่ ท่านรู้เหตุผลอย่างไรหรือ จึงได้มาพูดดังนี้………”

พกเตาอันก็ว่าตนได้ฝึกเพลงอาวุธ และขบวนศึกสงคราม ทำกลอุบายมากมายหลายอย่าง แล้วก็รำเพลงอาวุธให้ดู คุดตงเสงกับพวกบริวารทั้งหลายก็มีความเลื่อมใส คุดตงเสง จึงตั้งให้เป็นกุนซือ ที่ปรึกษาและให้บังคับบัญชาการงานสิทธิ์ขาดทั้งสิ้น แล้วให้คนยกโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงต้อนรับ พกเตาอันก็ไถ่ถามถึงไพร่พลและเสบียงที่มีอยู่ เพื่อคิดการศึกสงครามต่อไป คุดตงเสงก็ว่า นายทหารและทหารเลวมีประมาณหมื่นเศษ แต่เสบียงอาหารยังน้อยนัก พกเตาอันก็ว่าถ้าดังนั้นยังคิดการใหญ่ไม่ได้ ท่านจงให้นายกองคุมทหารยกไปเที่ยวตีปล้นบ้านเล็กเมืองน้อย รวบรวมเสบียงอาหารกวาดต้อนครอบครัวราษฎรมาไว้ให้มากก่อน จึงค่อยคิดอ่านภายหลัง

คุดตงเสงก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้นายทหารคุมพลยกไปทำตามที่พกเตาอันแนะนำทุกประการ จนมีไพร่พลและเสบียงอาหารเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก ก็มีใจกำเริบตั้งตัวขึ้นเป็นงุยอ๋อง และตั้งให้มกหยงเป็นแม่ทัพ เตรียมพลจะยกไปตีเมืองเซียงอาน ความทราบถึงเจ้าเมืองกุยเต๊กจึงทำหนังสือใบบอกให้ม้าใช้ถือไปถวายฮ่องเต้ที่เมืองเซียงอาน เพื่อคิดอ่านปราบปรามต่อไป.

###########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
พฤษภาคม ๒๕๕๑




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 18:55:42 น.
Counter : 409 Pageviews.  

ตอนที่ ๑๐ พบเพื่อน

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๑๐ พบเพื่อน

” เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่ายฮั่นทงซึ่งเคยร่วมมือกับคุดตงเสงขุนนางกังฉิน วางแผนฆ่าลิวซูฮู่ม้า และให้ คุดหอง บุตรของคุดตงเสงปลอมเป็นฮู่ม้าแทน แต่ถูกจับได้และส่งตัวไปขังคุกไว้ คุดตงเสงกับขันทีพรรคพวกคือ มีหงวนและกีก้ำ จึงพากันหนีออกจากเมืองเซียงอาน ไปซ่องสุมผู้คนอยู่ที่เขาตังเพาซัว แต่ครั้งนั้นฮั่นทงไม่ได้ร่วมทางไปด้วย คงหนีแยกไปอีกทางหนึ่ง

เมื่อออกจากเมืองเซียงอานแล้ว ฮั่นทงก็ปลอมตัวเปลี่ยนชื่อเป็นกุยจู๊ ไปตั้งโรงเตี๊ยมอยู่ที่ตำบลซังเถาฉี วันที่ลิวซูเดินทางมาถึงเวลาค่ำ จะหาที่พักแรม ฮั่นทงจำได้ว่าเป็นลิวซูฮู่ม้า ที่ตนให้เตียวเตียนและลีหงเอาตัวไปฆ่าเสีย แต่เหตุใดจึงรอดมาได้ จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ถามชื่อแซ่และว่ามีธุระสิ่งใดจึงได้มาทางนี้ ลิวซูจำฮั่นทงไม่ได้จึงบอกว่า ตนชื่อเฮงซู ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เขาปวยง่อเนีย จะมาหาซินแสขงไต้เผง ฮั่นทงก็ว่าเวลาจวนจะพลบค่ำแล้ว จงหยุดพักที่โรงเตี๊ยมนี้ก่อนเถิด ต่อเวลาพรุ่งนี้จึงค่อยไป

ลิวซูก็ยินดีพาคนใช้สองคนเข้าไปในโรงเตี๊ยม ฮั่นทงยกน้ำชามาให้กิน แล้วขอเวลาไปเที่ยวหาซื้อสุราและเครื่องกับข้าวมาทำให้กิน เมื่อทำอาหารเสร็จแล้วก็เอายาพิษใส่ในสุรา ยกเอามาเลี้ยงลิวซูกับคนใช้ ทั้งสามต่างเสพสุรากินอาหารอยู่ครู่หนึ่ง พิษยากลุ้มขึ้น ลิวซูกับคนใช้ก็มึนเมาจนไม่ได้สติล้มนอนอยู่ที่นั่น ฮั่นทงเข้าปลุกสั่นร้องเรียกก็มิได้รู้สึกตัว นอนนิ่งเหมือนชีวิตดับสูญแล้ว ก็มีความยินดีจึงเอา เอาผ้าห่อหุ้มมิดชิดแล้วเอาเชือกมัดให้มั่นคง และอุ้มลิวซูผู้เดียวใส่เกวียนซึ่งเช่ามาจากชาวบ้าน แล้วก็ขับเกวียนไปทางเขาตังเพาซัว เพื่อจะเอาตัวลิวซูไปให้คุดตงเสง คู่อาฆาตเก่าจัดการต่อไป จนรุ่งสว่างก็หยุดพักหาอาหารกิน แล้วก็เดินทางต่อ

ฝ่ายเตียวเตียนซึ่งพักรักษาพยาบาลลีหงอยู่ที่โรงเตี๊ยม ระหว่างทางที่จะไปตามหาลิวซู เป็นหลายเวลา พอโรคค่อยคลายหายขึ้น ก็ชวนกันออกจากโรงเตี๊ยมนั้นเดินทางต่อไป จนวันนี้เวลากลางวันก็เห็นฮั่นทงขับเกวียนมาแต่ผู้เดียว จึงเรียกให้หยุดเพื่อให้ลีหงซึ่งหายไข้ยังไม่แข็งแรงได้อาศัยนั่งไปด้วย ฮั่นทงจำเตียวเตียนกับลีหงได้ เพราะเคยอยู่กับคุดตงเสงมาด้วยกัน ก็สั่นศรีษะ ทำเป็นคนใบ้ไม่พูดจาประการใด เตียวเตียนก็โกรธจึงเดินเข้าไปสกัดหน้าและยึดเกวียนไว้ จึงจำได้ว่าคนขับเกวียนคือฮั่นทง ก็ร้องบอกลีหงว่าเราพบคนร้ายเข้าที่นี่แล้ว ฮั่นทงก็ตกใจพูดว่า

“……..ท่านทั้งสองว่าเราเป็นคนร้ายนั้น ผิดตัวไปดอกกระมัง เราชื่อกุยจู๊ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลซังเถาฉี มิได้ทำความผิดสิ่งใดเลย……..”

เตียวเตียนก็ว่า

“……..ท่านกับเราถึงจะตายไปเป็นผี ก็ยังจำกันได้แน่นอน……”

ลีหงจึงว่ากับเตียวเตียนว่าอย่าพูดมากไปเลย ช่วยกันจับมัดเสียโดยเร็วเถิด แล้วทั้งสองก็ช่วยกันจับฮั่นทงมัดไว้ แล้วเห็นห่อผ้าวางอยู่บนเกวียนผิดประหลาด คิดสงสัยจึงแก้ออกดู ก็เห็นลิวซูนอนนิ่งอยู่ร้องเรียกก็ไม่ขาน เตียวเตียนก็โกรธชักกระบี่ออกเดินตรงมาจะฆ่าฮั่นทงเสีย ฮั่นทงตกใจร้องว่า

“…….ท่านอย่าทำอันตรายแก่ข้าพเจ้าเลย เวลาสองโมงเช้าพรุ่งนี้ ลิวซูก็คงจะฟื้นเป็นปกติดอก………”

ลีหงก็ว่าถ้าดังนั้นเราจะพาไปพัก ที่เขาปวยง่อเหนียก่อน แล้วทั้งสองก็เอาตัว ฮั่นทงขึ้นเกวียน ขับไปจนเวลาจวนค่ำถึงต้นไม้ใหญ่เชิงเขา ก็หยุดพักเอาตัวฮั่นทงมัดไว้กับต้นไม้ แล้วหาข้าวปลาอาหารสู่กันกิน ถึงกลางคืนก็ผลัดกันเฝ้านักโทษอยู่ จนรุ่งสว่าง พอถึงเวลาสายประมาณสองโมงเช้า ก็เข้าไปคลำตัวลิวซูเห็นยังอุ่นอยู่ก็ดีใจ ขณะนั้นลิวซูก็ถอนใจใหญ่ได้สติและลืมตาขึ้น เห็นเตียวเตียนกับลีหงก็ถามว่า ตั้งแต่พบเสือจนพลัดกันแล้วท่านไปอยู่แห่งใด ไม่ได้ข่าวคราวเลย

เตียวเตียนกับลีหงก็เล่าความตามเรื่องที่ป่วย จนมาจับตัวฮั่นทงไว้ได้ แล้วถามว่าเหตุใดจึงได้ถูกฮั่นทงจับตัวมัดใส่เกวียนมาดังนี้ ลิวซูก็เล่าความตั้งแต่ได้ไปพบเตียวเหานายโจร ซึ่งช่วยเหลือนางลิวเอ๋งภรรยาไว้ แล้วตามหายวดซิมอ๋องจนคิดอุบายฆ่าหลวงจีนกิวเลง ซึ่งจับตัวนางแบ๊เลวนเองน้องสาวของยวดซิมอ๋องไว้ แล้วตนเดินทางจะไปหาซินแสขงไต้เผง ให้จับยามดูว่านางแบ๊ลวนเองเป็นตายร้ายดีประการใด จึงมาพบกับกุยจู๊ แล้วถามว่าเดี๋ยวนี้กุยจู๊อยู่ที่ไหน

เตียวเตียนก็บอกว่ากุยจู๊ก็คือฮั่นทง และเอาตัวมาให้ดู ลิวซูก็จึงว่า

“…….เจ้าคิดอุบายจะทำอันตรายเรา ให้ถึงแก่ชีวิตครั้งหนึ่งแล้ว บัดนี้จะจับตัวเราส่งไปข้างไหนอีกเล่า………”

ฮั่นทงแก้ตัวว่า

“………ข้าพเจ้าจะพาไปส่งให้บิดาท่าน ณ เมืองเชียงอาน จะได้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยากันกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊…..”

ลิวซูได้ฟังก็หัวเราะพูดว่า

“……….ครั้งนี้ท่านมีความรักใคร่ต่อเรามาก เราก็จะทดแทนสนองคุณให้เห็นปรากฎบ้าง…….”

แล้วก็สั่งให้เตียวเตียนกับลีหงเอาตัวไปตัดศรีษะเสีย ทั้งสองก็คุมตัวฮั่นทงไปตามคำสั่ง แล้วก็ว่า

“……..ยวดซิมอ๋องหายไปช้านานแล้ว จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เชิญท่านรีบกลับไปเมืองเซียงอานก่อนเถิด จึงค่อยคิดอ่านกลับมาตามต่อภายหลังก็คงจะพบ……..”

ลิวซูก็ว่า

“………เราวิตกอยู่ด้วยนางแบ๊ลวนเองผู้น้องยวดซิมอ๋อง ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายประการใด ต้องไปเที่ยวหาซินแสพิเคราะห์ดูให้รู้เหตุ จะได้สิ้นห่วง……..”

ทั้งสองได้ฟังก็เห็นชอบด้วย พากันออกเดินจากเชิงเขาไปแต่เช้าจนเวลาเที่ยง ถึงศาลเจ้าแห่งหนึ่งอยู่ในป่า พอดีฝนตกหนักทั้งสามนายจึงเข้าไปพักหลบฝนในศาลเจ้า เห็นรูปเซียนผู้หนึ่งเป็นเทพารักษ์หญิงตั้งอยู่ในศาล แต่ไม่มีผู้ใดพิทักษ์รักษา พักอยู่ชั่วครู่ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาที่ศาลเจ้า ลิวซูจำได้ว่าเป็นเอียบสิหยง จึงสั่งให้เตียวเตียนกับลีหงจับตัวไว้ เอียบสิหยงก็ชักกระบี่ออกต่อสู้ แต่ไม่ช้าก็ถูกทั้งสองนายฟันคอขาดตายกลิ้งอยู่กลางศาลเจ้า เตียวเตียนกับลีหงจึงถามลิวซูว่าให้ฆ่าชายคนนี้ด้วยเหตุใด ลิวซูก็เล่าว่าเป็นผู้ที่บังคับให้ตนแต่งตัวเป็นผู้หญิง แล้วนำตัวไปขายให้แก่นางอาจับเจ๋ หัวหน้าหญิงหากิน จนตนเองต้องระเหเร่ร่อนมาถึงบัดนี้ แล้วลิวซูก็ให้หามศพไปทิ้งไว้นอกศาลเจ้าเสีย

ขณะนั้นฝนยังตกหนักอยู่ ทั้งสามจึงหาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงกัน จนพลบค่ำก็นอนค้างอยู่ที่ศาลเจ้านั้น ครั้นรุ่งเช้าก็ออกเดินทางต่อไปได้ประมาณสิบลี้ ก็ได้ยินสียงม้าล่อและกลองรบดังเซ็งแซ่มาในป่า ก็ตกใจเข้าแอบหลังต้นไม้คอยดูอยู่ข้างทาง พอใกล้เข้ามาจึงเห็นว่าเป็นกองทัพใหญ่ยกมาเป็นขบวน ธงทัพหน้าจารึกชื่อเปากัง ทัพที่สองจารึกชื่อฬ่อเซง ที่สามชื่อ เจียะยุโฮ ลิวซูก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง บอกกับเตียวเตียนและลีหงว่า เป็นกองทัพของเพื่อน ยวดซิมอ๋องทั้งสามทัพ

พอทัพหน้ามาถึงลิวซูก็สั่งพวกทหารว่า ไปบอกกับนายท่านเถิดว่าเราชื่อลิวซูฮู่ม้า มาคอยอยู่ที่นี่ เมื่อทหารไปบอกแล้วเปากังก็มีความยินดีเป็นอันมาก สั่งหยุดทัพและให้ทหารทำที่พัก แล้วเชิญลิวซูเข้าไปคำนับกันตามธรรมเนียม เมื่อยวดซิมอ๋องกับฬ่อเซงและเจียยุโฮตามมาถึง ก็คำนับกันด้วยความยินดี ต่างก็ไต่ถามลิวซูว่าเหตุใดจึงได้มาอยู่ที่นี่

ลิวซูกับเตียวเตียนลีหงก็เล่าเรื่องของตน ให้ทุกคนฟังตั้งแต่ต้นจนปลาย ยวดซิม อ๋องได้ทราบว่าหลวงจีนกิวเลงตายแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก พูดว่า

“……..ข้าพเจ้ารบกับหลวงจีนกิมเลง ก็ปราชัยพ่ายแพ้มาถึงสองครั้ง ตัวท่านชำนาญแต่การฝ่ายบุ๋นยังอุตส่าห์คิดอุบาย ฆ่าหลวงจีนกิวเลงได้ ต่อไปภายหน้าคงจะมีวาสนามาก……..”

ลิวซูก็ว่า

“………การเป็นทั้งนี้เพราะบุญวาสนานางแบ๊ลวนเองน้องสาวท่าน ใช่ว่าจะสำเร็จด้วยสติปัญญาข้าพเจ้าผู้เดียวนั้นหามิได้………”

ยวดซิมอ๋องวิตกถึงนางแบ๊ลวนเอง ก็คิดแค้นพวกหลวงจีนกิวเลงยิ่งนัก จึงสั่งไพร่พลให้เตรียมยกขึ้นไปบนเขา จับหลวงจีนลูกวัดและศิษย์วัดฆ่าเสียให้สิ้น แต่ลิวซูทักท้วงว่า

“……..ท่านจะคิดอาฆาตต่อพวกหลวงจีนแลศิษย์วัดนั้นไม่ควร ด้วยธรรมดาเป็นทหารก็ต้องอยู่ในบังคับบัญชาแม่ทัพ พวกหลวงจีนแลศิษย์ก็ต้องอยู่ในโอวาทผู้ซึ่งเป็นเจ้าวัด นี่หลวงจีนกิวเลงก็ถึงแก่ความตายแล้ว ข้าพเจ้าได้ตั้งให้หลวงจีนเตียวหยงเป็นเจ้าวัดแทน หลวงจีนและศิษย์เหล่านั้นก็อยู่ในโอวาทคำสั่งสอนหลวงจีนเตียวหยง ประพฤติการเป็นสุจริตด้วยกันทั้งนั้น ข้าพเจ้าของดโทษไว้สักครั้งเถิด……..”

ยวดซิมอ๋องก็เห็นชอบด้วย จึงให้คนใช้ยกโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงกันเป็นที่สบายแล้ว ลิวซูก็จะลาไปหาซินแสขงไต้เผงอีก ยวดซิมอ๋องจึงว่าอย่าไปให้ลำบากเลย ให้แต่เตียวเตียนผู้เดียวไปก็ได้ ลิวซูก็ไม่ขัดข้อง เตียวเตียนจึงคำนับลาเดินทางไปแต่ผู้เดียว เมื่อพบแล้วก็กลับมาพร้อมกับหนังสือคำทำนายของซินแสขงไต้เผงมีความว่า

นางแบ๊ลวนเองนั้นมีผู้อุปถัมภ์ บำรุงเลี้ยงไว้เป็นอันดี นานไปจะมีวาสนามาก แต่เมื่อเวลานั้นเคราะห์ร้ายนัก จึงเผอิญเป็นไปต่าง ๆ กำหนดอีกสิบวันก็คงจะได้พบกัน อย่ามีความวิตกเลย

ยวดซิมอ๋องกับพรรคพวกอีกห้าคนได้อ่านดูพร้อมกันแล้ว ก็ยังไม่ค่อยเชื่อแน่นัก ต่างคนก็คิดสงสัยอยู่ ยวดซิมอ๋องจึงสั่งให้กองทัพทั้งสาม ยกไพร่พลขึ้นไปพักบนเขาปวยง่อเหนีย แล้วให้ลิวซูเขียนหนังสือประกาศให้ราษฎรชาวบ้าน รู้ทั่วกันว่า นางแบ๊ลวนเองเป็นน้องสาวของยวดซิมอ๋อง หายไปช้านานแล้ว ถ้าผู้ใดพบปะหรือได้รู้เห็นว่านางอยู่แห่งใดตำบลใด แล้วพาตัวมาให้ยวดซิมอ๋อง ก็จะให้รางวัลเป็นเงินพันตำลึง หากนางแบ๊ลวนเองถึงแก่ความตายแล้ว ถ้าผู้ใดพาศพไปฝังไว้จงมาบอก จะให้เงินสองร้อยตำลึง ลิวซูเขียนแล้วก็ให้คนใช้เอาไปปิดไว้ตามทาง ริมเชิงเขาหลายแห่ง

อยู่มาไม่นาน ทหารที่เฝ้ารักษาหน้าค่าย ก็เข้ามารายงานว่า มีชายผู้หนึ่งเดินมาที่หน้าค่าย แล้วฉีกหนังสือประกาศทิ้งเสีย ครั้นถามว่ามาแต่ไหนถือดีอย่างไร จึงบังอาจมาฉีกหนังสือประกาศของยวดซิมอ๋องเสียดังนี้ ชายผู้นั้นก็บอกว่าจะมาแจ้งข่าวนางแบ๊ลวนเอง

ยวดซิมอ๋องจึงให้ทหารรีบพาตัวชายผู้นั้นเข้ามาโดยเร็ว เมื่อชายผู้นั้นเข้ามาแล้วก็กระทำคำนับยวดซิมอ๋องตามธรรมเนียม ยวดซิมอ๋องถามว่าแซ่ไรชื่อใด อยู่บ้านตำบลไหน รู้ว่าน้องสาวของเราไปอยู่แห่งใดหรือ ชายผู้นั้นก็บอกชื่อแซ่ และเล่าความให้ยวดซิมอ๋องฟังโดยตลอด แต่จะมีรายละเอียดประการใด จะต้องรอให้ถึงตอนหน้าเสียก่อน.

############

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
มีนาคม ๒๕๕๑




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 18:54:24 น.
Counter : 548 Pageviews.  

ตอนที่ ๙ ปราบหลวงจีนอันธพาล

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๙ ปราบหลวงจีนอันพาล

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่ายลิวซูฮู่ม้า กับเตียวเหานายโจรเขาอึงเถ้าซัว ผู้ช่วยเหลือนางลิวเอ๋งภรรยาของ ลิวซู จากเงื้อมมือของหลวงจีนเต้าเฉงวัดแปะซงยี่ ซึ่งลงเรือเดินทางมาด้วยกัน เพื่อติดตามหาตัวยวดซิมอ๋องนั้น ได้ทราบข่าวว่ายวดซิมอ๋องยกทัพมาตามนางแบ๊ลวนเองน้องสาว ที่เขาปวยง่อ เหนีย ก็แล่นเรือติดตามมาจนใกล้จะถึงเขาปวยง่อเหนีย จึงขึ้นฝั่งเดินไปทางบกทั้งสองคน จนถึงเชิงเขาเห็นคนตายกลิ้งเกลื่อนอยู่กับพื้นแผ่นดินเป็นอันมาก ก็เกิดความสงสารเวทนา ว่ายวดซิมอ๋องพาทหารมาตายเสียที่นี่หนักหนา แต่ตัวยวดซิมอ๋องจะเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ

เตียวเหาก็บอกให้กลับไปเขาอึงเถ้าซัว จัดไพร่พลยกมาแก้แค้นต่อไป แต่ลิวซูไม่เห็นด้วย ให้เตียวเหาไปคอยอยู่ที่เรือก่อน ตนเองจะขึ้นไปสืบลาดเลาดูบนเขาแต่ผู้เดียวก่อน ถ้าได้ความประการใดจะกลับไปแจ้งให้ทราบ เตียวเหาก็วิตกว่าลิวซูรู้แต่ขนบธรรมเนียมข้างพลเรือน การทหารนั้นไม่ชำนิชำนาญคล่องแคล่ว หากเกิดภัยสิ่งใดขึ้นจะสู้รบต้านทานมิได้ ลิวซูก็ว่าข้อนั้นอย่าวิตกไปเลย ตนจะหาอุบายสืบสวนเอาความจริงให้จงได้ เตียวเหาเห็นว่าห้ามไม่ฟังแล้วจึงยอมกลับไปคอยที่เรือ

ลิวซูก็เดินขึ้นไปจนถึงประตูวัด แล้วบอกกับหลวงจีนที่เฝ้าประตูว่าตนชื่อเฮงซู จะขอเข้าไปไหว้พระ หลวงจีนนั้นก็ไปขออนุญาตหลวงจีนกิวเลงเจ้าวัด แล้วก็พาเข้าไปข้างใน ลิวซู หรือชื่อปลอมว่าเฮงซู เห็นหลวงจีนกิวเลงนั่งถือแซ่อยู่คนเดียว ก็เดินตรงเข้าไปคำนับ หลวงจีนเห็นลิวซูมีกิริยาเรียบร้อย ก็เชิญให้นั่งในที่อันสมควร ยกน้ำชามาให้กินแล้วถามชื่อแซ่ และถามว่ามาจากไหน ลิวซูก็บอกชื่อปลอมและว่า ตนตั้งบ้านเรือนอยู่ห่างจากเขานี้ประมาณสี่สิบลี้ บัดนี้มารดาป่วยไข้จึงมาไหว้พระบนบานขอให้หายโรค หลวงจีนกิวเลงก็ไต่ถามอาการป่วยของมารดา ลิวซูก็บอกว่ามารดาป่วยมาได้สองสามเดือนแล้ว ตนเองไม่มีพี่น้องต้องปฎิบัติมารดาคนเดียว ถ้ามารดาค่อยคลายหายเป็นปกติดีแล้ว ตนจะมาขอเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาการต่าง ๆ กับท่าน

หลวงจีนกิวเลงหลงเชื่อสำคัญว่าจริงก็ยอมรับไว้ ลิวซูก็ลุกขึ้นคุกเข่าคำนับตามธรรมเนียมศิษย์กับอาจารย์ แล้วถามว่าเหตุใดผู้คนจึงมาตายอยู่ที่เชิงเขานี้มากมายนัก หลวงจีน กิวเลงก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ยวดซิมอ๋องคุมทหารมารบ แล้วตนเอากิวกุนอาวุธวิเศษออกต่อสู้ จนยวดซิมอ๋องพ่ายแพ้หนีไป คนที่ตายอยู่นั้นเป็นแต่ทหารเลว ลิวซูได้ฟังก็ยินดีที่ยวดซิมอ๋องไม่เป็นอันตราย จึงถามว่าอาวุธวิเศษนั้นเป็นอย่างไร หลวงจีนกิวเลงให้หลวงจีนเตียวหยงผู้เป็นศิษย์ หยิบกิวกุนซึ่งเป็นกระบองสีดำออกมาให้ดู แล้วบอกว่า กิวกุนนี้หนักประมาณยี่สิบชั่ง เมื่ออ่านคาถาแปดบทจบแล้วเอาขึ้นแกว่ง ก็บันดาลให้เมฆหมอกมืดคลุ้มไปทั้งท้องฟ้า ลิวซูก็ขอให้ช่วยสอนวิชานี้ด้วย หลวงจีนกิวเลงก็ว่าต้องเรียนวิชาอย่างอื่นไปก่อน ต่อภายหลังจึงจะสอนให้ คืนนั้นลิวซูก็นอนค้างอยู่ที่วัด

ครั้นรุ่งเช้าหลวงจีนกิวเลงก็บอกว่า

“…….เจ้าจงกลับไปบ้านปฎิบัติรักษามารดาเสียให้หาย เราจะให้หลวงจีนเตียวหยงไปส่ง ถ้าอาการป่วยหนักแน่นประการใด ก็ให้หลวงจีนเตียวหยงกลับมาบอกให้รู้ด้วย…….”

แล้วก็เอาเงินให้ลิวซูไปใช้สอยพอสมควร ลิวซูก็รับเอาเงินแล้วคำนับลาไปกับหลวงจีนเตียวหยง ครั้นถึงทางแยกแห่งหนึ่งลิวซูจึงบอกกับหลวงจีนเตียวหยงว่า

“…….ท่านอย่าไปกับข้าพเจ้าเลย จงเมตตาช่วยไปซื้อไก่ดำสุนัขดำ มาให้ข้าพเจ้า จะฆ่าเอาแต่เลือด ด้วยเมื่อปีกลายนี้ข้าพเจ้าป่วยไข้ ได้บนเทพารักษ์ไว้ ครั้นหายแล้วก็ลืมไปยังหาได้แก้สินบนไม่ ถ้าซื้อได้แล้วจึงมาคอยข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ แต่ความข้อนี้ท่านอย่าได้แพร่งพรายไป เกลือกจะรู้ถึงหลวงจีนกิวเลงจะโกรธ ด้วยเป็นของไม่ควรจะเอาเข้าไปในวัด ถ้าท่านสงเคราะห์ได้ดังความปรารถนาแล้ว ต่อไปภายหน้าจะทดแทนสนองคุณท่าน ให้สมควร…….”

หลวงจีนเตียวหยงก็ว่าการเล็กน้อยเท่านี้ อย่าวิตกเลยถ้าไม่เชื่อใจจะสาบานให้ก็ได้ ลิวซูก็ส่งเงินให้ห้าตำลึง แล้วว่า

“……ถ้าเงินนี้เหลือเกินมามากน้อยเท่าใด ยกให้เป็นรางวัลแก่ท่าน ถ้าข้าพเจ้ากลับมาถึงก่อนจะคอยท่านอยู่ที่นี่……”

เมื่อหลวงจีนเตียวหยงแยกไปแล้ว ลิวซูก็เดินไปจนถึงเรือที่จอดอยู่ แล้วเล่าความตามที่ได้พบหลวงจีนกิวเลง และคิดอุบายให้หลวงจีนเตียวหยงไปซื้อของแก้ฤทธิ์กิวกุน ให้เตียวเหาฟังทุกประการ แล้วปรึกษากับเตียวเหาหาหนทาง ที่จะกำจัดหลวงจีนกิวเลงต่อไป ด้วยหลวงจีนคนนี้เป็นคนใจหยาบช้า ถึงจะฆ่าเสียให้ตายก็หามีบาปกรรมไม่

รุ่งขึ้นลิวซูก็ให้เตียวเหาคุมลูกน้องที่มากับเรือ พร้อมอาวุธคู่มือไปซุ่มอยู่เชิงเขา แล้วตนเองก็เดินไปพบกับหลวงจีนเตียวหยงที่ทางแยก ซึ่งได้ซื้อของตามที่สั่งมาครบถ้วน ต่างก็พากันเข้าไปในวัด หลวงจีนกิวเลงก็ถามไถ่อาการของมารดา ลิวซูก็ว่า

“……..ค่อยคลายหายขึ้นแต่ยังอ่อนเพลียอยู่ จะมาคำนับท่านก็เดินมาไม่ได้ จึงสั่งข้าพเจ้าว่า พรุ่งนี้ให้นิมนต์ท่านไปที่บ้าน จะได้ฝากฝังข้าพเจ้าให้เป็นศิษย์แก่ท่าน…….”

หลวงจีนก็รับคำ พอค่ำลงหลวงจีนกิวเลงเข้าห้องนอนแล้ว ลิวซูก็ฆ่าไก่กับสุนัขเอาโลหิตซ่อนไว้ ครั้นเวลาดึกประมาณสามยาม ลิวซูก็แอบเข้าไปในห้องนอน เห็นหลวงจีนกิวเลงนอนหลับอยู่กับผู้หญิง ก็โกรธว่าหลวงจีนนี้ทำผิดธรรมเนียมมากนัก ไม่ควรจะเอาไว้ให้รกแผ่นดิน จึงเอาโลหิตไก่และสุนัขดำ ไปลูบไล้ทาอาวุธกิวกุนที่แขวนอยู่ข้างฝาจนทั่ว กิวกุนนั้นก็ลั่นเสียงดังและมีประกายไฟแลบออกมาครู่หนึ่ง แล้วก็หายไป แต่หลวงจีนกิวเลงไม่ตื่น ลิวซูจึงกลับไปนอนในที่ของตัว

รุ่งขึ้นเช้าหลวงจีนกิวเลงจึงสั่งหลวงจีนเตียวหยง ว่าจะไปเยี่ยมมารดาลิวซู ให้เอาลูกศิษย์ไปด้วยสักร้อยคน ลิวซูก็ห้ามว่า

“……อย่าพาไปมากนักเลย ชาวบ้านจะตกใจแตกตื่นวุ่นวาย ด้วยมิใช่ว่าจะไปรบสู้กับข้าศึก หรือเที่ยวล่าเนื้อในป่า ประการหนึ่งข้าพเจ้าเป็นคนอนาถา บ้านเรือนก็ทำด้วยหญ้าและฟาง ไม่มั่นคงคับแค้นนัก……..”

หลวงจีนกิวเลงก็ว่า ทุกวันนี้ผู้ที่เป็นข้าศึกศัตรูของเรามีอยู่ กลัวจะพบยวดซิมอ๋องเข้าที่กลางทาง จะเสียที จึงให้ไปถึงร้อยคน ลิวซูก็แย้งว่า

“…….ท่านมีกิวกุนเป็นอาวุธวิเศษ อาจจะสู้ข้าศึกได้ตั้งพันตั้งหมื่น ไม่ควรพาศิษย์ไปมากให้ได้ความลำบาก……..”

หลวงจีนกิวเลงก็หลงกล จึงเอากิวกุนส่งให้หลวงจีนเตียวเหลงถือตามหลังไป แล้วลิวซูก็นำหลวงจีนกิวเลง เดินออกมาจากวัดไปทางเชิงเขาปวยง่อเหนีย เมื่อเดินไปได้ประมาณสามสิบลี้ ก็พบเตียวเหากับลิ่วล้อดักขวางทางอยู่ และร้องบอกหลวงจีนกิวเลงว่า จงตัดศรีษะส่งมาให้เสียโดยดี อย่าให้ต้องฆ่าฟันด้วยคมอาวุธของเราเลย

หลวงจีนกิวเลงได้ฟังก็โกรธ เรียกเอาอาวุธกิวกุนจากหลวงจีนเตียวหยงมา อ่านคาถาแปดบทแล้วก็โยนขึ้นไปบนอากาศ กิวกุนก็ตกลงมาเปล่าหามีฤทธิ์เหมือนแต่ก่อนไม่ ลิวซูก็ให้สัญญาณเตียวเหา เข้ารบกับหลวงจีนกิวเลงได้สิบเพลง หลวงจีนทานกำลังเตียวเหาไม่ได้ จึงถูกเตียวเหาเอาง้าวฟันตัวขาดตายคาที่

หลวงจีนเตียวหยงตกใจกลัวคุกเข่าลงคำนับ ลิวซูก็จับมือให้ยืนขึ้นแล้วพูดว่า

“……..ข้าพเจ้าไม่ทำโทษแก่ท่านดอก การเป็นทั้งนี้ก็เพราะหลวงจีนกิวเลง ไม่ตั้งอยู่ในสัตย์สุจริต กระทำข่มเหงนางแบ๊ลวนเองผู้น้องยวดซิมอ๋อง ด้วยอำนาจอาญา จนนางแบ๊ลวนเองฆ่าตัวตายเสีย ประการหนึ่งหลวงจีนกิวเลงเป็นเจ้าวัดมีภรรยา ทำให้ผิดธรรมเนียมบ้านเมือง ตัวข้าพเจ้าชื่อลิวซูฮู่ม้า เป็นน้องที่หนึ่งของยวดซิมอ๋อง จึงได้มาคิดอ่านกระทำแก้แค้นทดแทนบ้าง……”

หลวงจีนเตียวหยงได้ฟังดังนั้นก็หายตกใจกลัว ลิวซูจึงให้เตียวเหาตัดศรีษะหลวง จีนกิวเลงแล้วพากันขึ้นไปบนเขา พวกหลวงจีนและศิษย์ทั้งปวงเห็นดังนั้น ก็ตกใจแตกตื่นวุ่นวาย ลิวซูก็ห้ามปรามเอาไว้ว่า เราไม่ทำอันตรายสิ่งใดดอก พวกหลวงจีนและศิษย์วัดก็สงบอยู่ ลิวซูจุดธูปเทียนบูชาพระ แล้วตั้งให้หลวงจีนเตียวหยงเป็นเจ้าวัดเขาปวยง่อเหนียต่อไป

ลิวซูจึงถามหาศพของนางแบ๊ลวนเองว่าอยู่ที่ไหน ศิษย์เหล่านั้นบอกว่าเอาไปทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในป่าที่เชิงเขา ลิวซูก็จัดสิ่งของเครื่องเซ่นแล้วให้ศิษย์วัดพาไป พร้อมกับหลวงจีนเตียวหยงและเตียวเหาด้วย ครั้นถึงที่ทิ้งศพก็ไม่เห็นร่องรอยแต่ประการใด และเที่ยวหาต่อไปอีกก็ไม่พบ ลิวซูก็เสียใจร้องไห้ร่ำไรอยู่

หลวงจีนเตียวหยงก็ว่า

“……..ท่านอย่าร้องไห้เศร้าโศกนักเลย ข้าพเจ้าคิดว่าถ้านางแบ๊ลวนเองยังจะมีวาสนาต่อไปภายหน้า ก็เห็นจะไม่เป็นอันตราย คงมีผู้ใดมาพบปะช่วยอุปถัมภ์บำรุงรักษาให้รอดจากความตาย……..”

แล้วหลวงจีนเตียวหยงก็เล่าความตั้งแต่ก๊วงหงพานางแบ๊ลวนเองมาให้หลวงจีน กิวเลง จนนางแบ๊ลวนเองกัดลิ้นของตนนั้น ให้ลิวซูฟังสิ้นทุกประการ ลิวซูได้ฟังก็ค่อยคลายความโศก จึงเอาเครื่องเซ่นคำนับที่ทิ้งศพของนางแบ๊ลวนเองแล้วก็กลับมาวัด แล้วเข้าไปดูในห้องของหลวงจีนกิวเลง เห็นมีผู้หญิงอยู่หลายคนก็เรียกออกมาสอบถามว่า เหตุใดจึงได้ยอมมาอยู่เป็นภรรยาหลวงจีน หญิงเหล่านั้นบางคนก็บอกว่ายากจนมาขายตัวอยู่บ้าง บางคนก็มีความทุกข์ร้อนกลัวจะถูกทำร้าย จึงมาฝากตัวพึ่งบุญอยู่บ้าง ลิวซูก็เอาเงินแจกจ่ายให้พอสมควรทุกคน แล้วสั่งให้ศิษย์วัดพาหญิงเหล่านั้น ไปส่งให้บิดามารดาญาติพี่น้องตามเดิม ศิษ์วัดก็คำนับลาพาหญิงเหล่านั้นไปส่งตามคำสั่ง

แล้วลิวซูก็เก็บเอาสิ่งของ ที่ไม่ควรจะเอาไว้ในวัดนั้น มอบให้เตียวเหา แล้วสั่งให้เตียวเหากลับไปที่เขาอึงเถ้าซัวก่อน ตนเองจะพักอยู่ที่นี่คอยให้พบยวดซิมอ๋อง และสืบหานาง แบ๊ลวนเองให้ได้ความก่อน ขอไว้แต่คนใช้ให้อยู่ด้วยสักสองคนเท่านั้น เตียวเหาก็คำนับลาลงเรือกลับไปเขาอึงเถ้าซัว เล่าความซึ่งได้พบกับลิวซู ให้นางลิวเอ๋งภรรยาของลิวซูฟังทุกประการ

เมื่อเตียวเหาไปแล้ว ลิวซูก็เรียกบรรดาหลวงจีนและศิษย์วัดมาพร้อมกัน แล้วจึงสั่งกำชับว่า ตั้งแต่นี้ไปจงประพฤติการให้ถูกต้องด้วยอย่างธรรมเนียม หลวงจีนเตียวหยงจะว่ากล่าวสิ่งใดก็ให้ฟังการบังคับบัญชา ถ้าผู้ใดกระทำล่วงเกินผิดด้วยแบบอย่างหลวงจีนไป แต่ข้อใดข้อหนึ่ง จะเอาตัวเป็นโทษอย่างหนัก แต่นั้นมาหลวงจีนและศิษย์วัดปวยง่อเหนีย ก็อยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของหลวงจีนเตียวหยง เป็นที่เรียบร้อย

แต่ลิวซูก็มิได้นิ่งนอนใจ ด้วยหลวงจีนเตียวหยงแนะนำให้ไปหาซินแสหมอดูชื่อขงไต้เผง ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ห่างไปอีกประมาณห้าสิบลี้ มีราษฎรสรรเสริญนับถือมาก เพื่อจะให้ซินแสพิเคราะห์ดูให้รู้แน่ว่า นางแบ๊ลวนเองจะเป็นหรือตายร้ายดีประการใด วันหนึ่งจึงเก็บรวบรวมเงินทองสิ่งของพอสมควร คำนับลาหลวงจีนเตียวหยงเจ้าวัด ออกเดินทางไปกับคนใช้ทั้งสอง ลงจากเขาจะไปหาซินแสขงไต้เผงที่บ้าน แต่เดินไปได้แค่สี่สิบลี้ ถึงตำบลบ้านซังเถาฉี ก็พอดีเวลาพลบค่ำลง จึงต้องหาโรงเตี๊ยมเพื่อเข้าพักอาศัยก่อน รุ่งเช้าจึงจะเดินทางต่อไป.


###########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
มกราคม ๒๕๕๑




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 18:53:23 น.
Counter : 536 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.