Group Blog
 
All Blogs
 

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๔ เดชทหารเสือ

ตอนที่ ๔ เดชทหารเสือ

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๔ เดชทหารเสือ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ขณะที่ หลีจีนอ๋อง แม่ทัพใหญ่กับ จูอุน เจ้าเมืองเปียนเหลียง เกือบจะวิวาทกันอยู่นั้น ม้าใช้คอยเหตุก็เข้ามาแจ้งแก่หลีจีนอ๋องว่า เม่งเจาะไฮ้ นายทหารเอกของฮ่องเฉา เป็น แม่ทัพคุมทหารยกมาใกล้จะถึงเมืองฮ่องตงฮู้แล้ว จูอุนได้ยินดังนั้นจึงพูดกับหลีจีนอ๋องว่า เม่งเจาะไฮ้คนนี้เป็นทหารเอกของฮ่องเฉา ขอท่านได้จัดทหารของท่านที่มีฝีมือ ออกไปรบให้ดูสักครั้งหนึ่ง หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ขัดเคืองขึ้นมาอีก จึงว่า

“……..ตัวท่านเป็นอะไร จึงได้มาล่วงเกินบังคับบัญชา ดูหมิ่นประมาทแก่นายทหารของเราดังนี้ เวลาพรุ่งนี้แลเราจะให้ทหารของเราไปจับตัวเม่งเจาะไฮ้มาให้จงได้…….”

จูอุนก็ยิ้มเป็นทีเยาะเย้ยแล้วพูดว่า

“……..เมื่อขณะฮ่องเฉาตั้งตัวขึ้นนั้น ให้เม่งเจาะไฮ้ไปปราบปรามหัวเมือง ฝ่ายทิศตะวันตก ตะวันออก ได้ฆ่านายทหารที่เข้มแข็ง ด้วยฝีมือของตัวเองถึงสามร้อยแปดสิบคน เม่งเจาะไฮ้จะยกไปทางทิศใด ก็ไม่มีผู้ใดต้านทานฝีมือได้……..”

หลีจีนอ๋องจึงย้อนว่า

“………ท่านนี้ยกย่องอวดอ้างเม่งเจาะไฮ้หนักหนา คนอย่างเม่งเจาะไฮ้และตัวท่านซึ่งว่าเป็นทหารเอกของฮ่องเฉานั้น เราจะใช้แต่นายทหารที่ผอมโซของเรา ออกไปจับตัวมาให้จงได้…….”

จูอุนแลไปดูนายทหารของหลีจีนอ๋อง ซึ่งมาพร้อมอยู่ในที่ประชุมนั้น ประมาณห้าร้อยนาย รูปร่างใหญ่โตแข็งแรงทุกคน รวมทั้งบุตรทั้งสิบสองคนของหลีจีนอ๋องยืนอยู่เป็นลำดับแล้ว จึงถาม หลีซือหงวน บุตรคนโตว่าบุตรคนที่สิบสามของหลีจีนอ๋องไปอยู่ที่ไหน หลีซือหงวนจึงชี้บอกจูอุนว่าคนที่ยืนพิงผนังตึกอยู่นั่นแหละ คือบุตรคนที่สิบสาม ชื่อหลีซุนเฮ้าเป็นแม่ทัพหน้า จูอุน จึงเดินเข้าไปใกล้หลีซุนเฮ้า เห็นหน้าซีดเหมือนคนรื้อไข้ จึงเอามือจับศีรษะแล้วเรียกว่าฮุลู้คือคนนอกประเทศ แล้วว่าท่านคนนี้หรือที่หลีจีนอ๋องผู้บิดา จะให้ออกไปรบกับเม่งเจาะไฮ้

หลีซุนเฮ้าก็โกรธจึงกำหมัดตั้งท่าจะเข้าชกเอาจูอุน หลีจีนอ๋องก็รีบร้องห้ามมาทันทีว่า อย่าทำผิดธรรมเนียมไป หลีซุนเฮ้าได้ยินดังนั้นก็ยั้งตัวหยุดอยู่ แล้วว่ากับจูอุนว่า นี้หากบิดาเราห้ามไว้ดอก ถ้าหาไม่ตัวท่านคงจะยับลง ด้วยฝีมือเรา หลีจีนอ๋องจึงเรียกตัวหลีซุนเฮ้าเข้าไปสั่งว่า

“………เจ้าจงไปจับเอาตัวเม่งเจาะไฮ้มา บิดาจะถามดูว่าฮ่องเฉาทุกวันนี้ มีทแกล้วทหารไพร่พลอยู่มากน้อยสักเท่าใด………”

จูอุนจึงว่า

“……….ข้าพเจ้าดูรูปร่างหลีซุนเฮ้าเหมือนกับคนป่วยไข้ ซึ่งจะให้ไปจับเม่งเจาะไฮ้นั้นจะได้มาแล้วหรือ ถ้าหลีซุนเฮ้าไปจับเม่งเจาะไอ้มาได้ดังท่านสั่งแล้ว ข้าพเจ้าก็จะพลอยให้สายรัดเอวประดับหยก เป็นรางวัลแก่หลีซุนเฮ้า………”

หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……..ข้าพเจ้าจับเม่งเจาะไฮ้มาไม่ได้ ก็จะยอมให้ศีรษะข้าพเจ้าแก่ท่าน……..”

ว่าดังนั้นแล้วหลีซุนเฮ้าก็คำนับลาหลีจีนอ๋อง มาแต่งตัวใส่เกราะถืออาวุธ ขึ้นม้าพาทหารออกไปสู่สนามรบในทันที พอถึงหน้ากองทัพของเม่งเจาะไฮ้แล้ว ก็ร้องตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดังว่า

“……….. ผู้ใดเป็นแม่ทัพคุมทหารมาตั้งค่ายอยู่ที่นี้ จงออกมายอมสามิภักดิ์เสียโดยดี ถ้าขืนไม่มาเลือดคอก็จะต้องมาติดกระบี่ของเรา……..”

เม่งเจาะไฮ้ได้ฟังก็โกรธ จึงแต่งตัวจะขึ้นม้าออกไปรบ แต่ แพแปะโฮ้ นายทหารรองบอกว่าทหารซึ่งมาร้องท้าทายนั้น เป็นแต่นายทหารของหลีจีนอ๋อง หาควรที่จะออกไปสู้รบด้วยไม่ ตนเองจะขออาสาออกไปเอาศีรษะมาเซ่นธงยี่ห้อทัพเราเสียให้ได้ ว่าแล้วแพแปะโฮ้ก็ถือทวนขึ้นม้านำทหารออกมาหน้าค่าย

หลีซุนเฮ้าเห็นหน้าก็ถามว่าตัวท่านที่คุมทหารออกมานี้ แซ่ใดชื่อไรจงบอกมาให้แจ้งก่อน แพแปะโฮ้กลับย้อนว่าตัวท่านยกมาแต่ไกล ควรจะบอกชื่อและแซ่ก่อนจึงชอบ หลีซุนเฮ้าจึงบอกชื่อแซ่และตำแหน่งไป แล้วก็ขับม้าโผนเข้าไปหา โดยแพแปะโฮ้ยังไม่ทันจะได้บอกชื่อแซ่ และจับตัวไว้ได้อย่างง่ายดาย หิ้วตัวกลับเข้าเมืองฮ่องตงฮู้ทันที

บรรดาเจ้าเมืองและแม่ทัพนายกองทั้งหลายที่นั่งอยู่พร้อมหน้ากัน เห็นหลีซุนเฮ้าจับตัวนายทหารพวกกบฏมาได้โดยรวดเร็วดังนั้น ก็พากันตกตลึง แพแปะโฮ้ก็ร้องบอกว่าตนเป็นนายทหารรองของเม่งเจาะไฮ้ หลีจีนอ๋องจึงว่าหลีซุนเฮ้าว่าใช้ให้ไปจับเม่งเจาะไฮ้ ทำไมจึงไปจับให้ผิดตัวมาเล่า หลีซุนเฮ้าก็ว่าเมื่อเจอหน้ากันถามชื่อแซ่ก็ไม่ใคร่จะบอก นึกว่าเป็นเม่งเจาะไฮ้จึงจับตัวมา หลีจีนอ๋องก็ให้เอาตัวแพแปะโฮ้ไปประหารเสีย แล้วเร่งให้หลีซุนเฮ้ารีบไปจับเม่งเจาะไฮ้ให้จงได้ หลีซุนเฮ้าก็ขอตัวนายทหารที่รู้จักตัวเม่งเจาะไฮ้ไปด้วย เจ้าเมืองฮัวจิวก็รับอาสาจะไปชี้ ตัวให้

หลีซุนเฮ้าก็พาทหารออกไปท้าทายพวกกบฏใหม่ คราวนี้ ปันฮวนหลัง นายทหารรองของเม่งเจาะไฮ้ขออาสาออกไปลองฝีมือแทน เมื่อบอกชื่อแซ่กันแล้ว หลีซุนเฮ้าก็ว่าเจ้านี้เป็นแต่นายทหารผู้น้อย หาควรจะมาสู้รบกับเราไม่ ปันฮวนหลังก็โกรธขับม้าควงง้าวเข้าฟันทันที แต่หลีซุนเฮ้าหลบทันหาถูกไม่ แล้วก็เอากระบองเหล็กตีถูกศีรษะปันฮวนหลังตกม้าตายไป หลีซุนเฮ้าก็ให้ทหารตัดศีรษะไว้แล้วไปร้องท้าทายอีก คราวนี้เม่งเจาะไฮ้ก็ขึ้นม้านำทหารออกมาด้วยความโกรธเป็นอันมาก เจ้าเมืองฮัวจิวก็บอกหลีซุนเฮ้าว่า นายทหารที่ใส่เสื้อเกราะสีแดง รูปร่างอ้วนพีสูงใหญ่นั้นแหละ คือตัวเม่งเจาะไฮ้

หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าเข้าไปรบ เม่งเจาะไฮ้เอาง้าวฟัน หลีซุนเฮ้าก็ยกกระบองเหล็กปิดป้องไว้ แล้วขับม้าสอึกเข้าชิดโอนตัวเข้าไป เอามือโอบรอบรัดตัวเม่งเจาะไฮ้ ควบม้ากลับเข้าเมืองด้วยกำลังอันมหาศาล เมื่อส่งตัวให้หลีจีนอ๋องนั้นเม่งเจาะไฮ้บอบช้ำเกือบจะตายอยู่แล้ว หลีจีนอ๋องก็ว่า

“………เราให้จับมาแต่โดยดีจะถามเอาข้อราชการ เจ้าทุบตีจนพูดไม่ออกเสียดังนี้ จะถามเอาถ้อยความก็ไม่ได้………”

หลีซุนเฮ้าก็แก้ตัวว่า

“………ข้าพเจ้าหาได้ทุบตีไม่ เมื่อจับมาได้นั้นเม่งเจาะไฮ้ดิ้นด้วยกำลังแข็งแรง กลัวจะหนีไปข้าพเจ้าจึงได้รัดเข้าไว้ให้แน่น ได้ยินเสียงซี่โครงกระดูกลั่นยุบเข้าไป เห็นซี่โครงจะหักดอกกระมัง……….”

หลีจีนอ๋องจึงให้จูอุนชันสูตรบาดแผลรอยทุบตีก็หามีไม่ เห็นแต่ซี่โครงยุบไปข้างหนึ่ง อยู่ประมาณครู่หนึ่งเม่งเจาะไฮ้ก็ขาดใจตาย หลีจีนอ๋องจึงกับจูอุนว่า

“……..ท่านได้พูดไว้กับบุตรเราว่า ถ้าจับเม่งเจาะไฮ้มาได้แล้ว ท่านจะให้สายรัดเอวของท่านเป็นรางวัล ก็บัดนี้หลีซุนเฮ้าจับเม่งเจาะเฮ้ามาได้ ท่านจะให้หรือไม่เล่า…….”

จูอุนก็ว่า

“……..สายรัดเอวนี้พระเจ้าตงหัวพระราชทานให้เป็นเครื่องยศ ถ้าท่านจะเอาเงินทองสิ่งของเป็นค่าสินไถ่ จะยอมให้………”

หลีจีนอ๋องก็ว่า

“…ท่านเห็นว่าสายรัดเอวนี้จะให้ผู้อื่นไม่ได้แล้ว ทำไมจึงพูดว่าจะให้เขาเล่า….”

แล้วหลีจีนอ๋องก็พยักหน้าให้หลีซุนเฮ้า หลีซุนเฮ้าก็ว่า

“………เมื่อข้าพเจ้าจะออกไปจับเม่งเจาะไฮ้นั้น ก็ได้สัญญาไว้ว่า ถ้าจับเม่งเจาะไฮ้ไม่ได้ ก็ให้ตัดศีรษะข้าพเจ้าแทน บัดนี้ก็จับเม่งเจาะไฮ้มาได้ ข้าพเจ้าจะขอสายรัดเอวตามสัญญา………”

ว่าดังนั้นแล้ว หลีซุนเฮ้าก็เข้าแย่งเอาสายรัดเอว จูอุนก็ผลักเสียหาให้ไม่ หลีซุนเฮ้าก็ฉวยกระชากสายรัดเอวขาดออกเป็นสองท่อน จูอุนก็ปล่อยสายรัดเอวมาให้หลีซุนเฮ้าแล้ว ก็มีความโกรธความอายแก่เจ้าเมืองและขุนนางนายทหารเป็นอันมาก จึงลุกออกจากที่ประชุมกลับไปที่อยู่ จัดแจงทหารของตัวยกออกจากเมืองฮ่องตงฮู้ กลับไปในทันที

หลีจีนอ๋องก็พูดกับนายทัพนายกองทั้งปวงว่า

“………จูอุนมีความโกรธแค้น ยกไปเสียดังนี้ ก็คงจะไปตั้งแข็งเมืองเป็นศัตรูแผ่นดินขึ้น ครั้นจะให้ยกทหารไปติดตาม ก็คงจะต้องสู้รบเป็นกระบวนขึ้นอีกอย่างหนึ่ง ช่างเขาก่อนเถิด เมื่อเราปราบฮ่องเฉาสำเร็จแล้ว จึงค่อยคิดกำจัดจูอุนเสียต่อภายหลัง……….”

อยู่มาอีกสองวัน ม้าใช้สืบราชการมาแจ้งว่า ฮ่องเฉาให้ กัวะซองจิว คุมทหารสี่สิบแปดหมื่นยกมาตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำอึ้งหอ หลีจีนอ๋องจึงยกกองทัพซึ่งมีทหารจีนและฮวนจากเมืองซาถอสี่สิบหมื่น กับทหารจากยี่สิบเจ็ดหัวเมืองอีกยี่สิบห้าหมื่น รวมกันเป็นหกสิบห้าหมื่น ออกจากเมืองฮ่องตงฮู้ไปตั้งค่ายริมฝั่งแม่น้ำอึ้งหอฟากตะวันออก ตรงข้ามกับกองทัพพวกกบฏ และให้บุตรสามคนคือ หลีซือหงวน หลีคังกุน กับ หลีชองซิน และเจ้าเมืองอีกสี่คน คุมทหารหมื่นหนึ่ง ข้ามไปตั้งค่ายทางฟากตะวันตก ให้หลีซุนเฮ้า ยอดทหารเสือ กับทหารเอกอีกสี่นาย คุมทหารหมื่นหนึ่งข้ามฟากไปตั้งค่ายเหนือน้ำอีกค่ายหนึ่ง เตรียมทำศึกใหญ่ต่อไป.

##########

วารสารฟ้าหม่น
พฤษภาคม ๒๕๔๔


Create Date : 17 กรกฎาคม 2551
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2554 9:01:27 น. 2 comments
Counter : Pageviews. Add to






ฉลองวันหยุดจ้า 0_0

คนสวยนำภาพสวยๆมาฝากเจ๊า



โดย: yosita_yoyo วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:52:29 น.




ขอบคุณอย่างยิ่ง
หหมู่นี้ไม่ค่อยได้เข้ามาดูท้ายบล็อก
เพราะเขาไม่แสดงให้ทราบว่า คห.สุดท้ายวางเมื่อใดครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:53:18 น.





 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2554 9:03:35 น.
Counter : 478 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๓ สำแดวฝีมือ

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๓ สำแดงฝีมือ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

หลังจากที่ หลีจีนอ๋อง ได้จัดการแต่งงานให้ หลีซุนเฮ้า กับ นางซุยหุน เรียบร้อยแล้ว เช้าวันหนึ่งหลีจีนอ๋องแต่งตัวตามยศเจ้า ออกมาประชุมนายทหารหน้าค่าย หลีซุนเฮ้า กระทำคำนับตามอย่างธรรมเนียมบุตรกับบิดาแล้ว ก็ขออาสาเป็นแม่ทัพหน้ายกไปตีเมือง เชียงอาน หลีจีนอ๋องก็จะยอมยกตราเซียนฮอง สำหรับที่แม่ทัพหน้าให้แล้ว แต่ จิวเต๊กอุย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาท้วงว่า

“……..ซึ่งท่านจะยกตราเซียนฮองให้แก่หลีซุนเฮ้า ในขณะนี้ยังไม่ควรก่อน ด้วยบุตรของท่านก็มีฝีมือและสติปัญญาอยู่ทั้งสิบสองคน ถ้าท่านยกตราเซียนฮองให้แก่หลีซุนเฮ้าแล้ว คนทั้งปวงจะมิพากันนินทาท่าน ว่าได้ของใหม่แล้วลืมของเก่าไปเสียหรือ………..”

แล้วจิวเต๊กอุยก็แนะนำให้มีการประลองฝีมือยิงเกาทัณฑ์ เพื่อคัดเลือกแม่ทัพหน้าก่อนที่จะแต่งตั้ง หลีจีนอ๋องก็เห็นด้วย จึงให้ปักเสาขึ้นเอากระดานเขียนเป็นวงดำขึ้นไปผูกแขวนไว้ ที่กลางเสานั้นเอาเสื้อเกราะสีแดงแขวนไว้ตัวหนึ่ง แล้วให้ประชุมขุนนางนายทหาร พร้อมด้วยบุตรทั้งสิบสามคน ให้ฝ่ายนายทหารทั้งปวงแต่งตัวด้วยเสื้อสีเขียว ฝ่ายบุตรแต่งตัวด้วยเสื้อสีแดง แล้วว่าถ้าผู้ใดขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ถูกกลางเป้าวงดำถึงสามลูก ก็จะแต่งตั้งให้ผู้นั้นเป็นแม่ทัพหน้า และให้นายทหารทั้งปวงยิงก่อน ส่วนบุตรนั้นให้ยิงภายหลัง

เมื่อหลีจีนอ๋องพูดดังนั้นแล้ว ยังมิทันที่นายทหารจะขึ้นม้า ไปยิงเกาทัณฑ์ดังว่า หลีคังกุน บุตรคนที่เจ็ดของหลีจีนอ๋อง ก็ขับม้าออกไปเวียนหลักเป้าสามรอบ แล้วก็ยิงเกาทัณฑ์แต่ก็หาถึงกระดานเป้าไม่ ตัวก็ตกม้าลง หลีจีนอ๋องก็โกรธจึงว่า แต่กำลังจะยิงเกาทัณฑ์ไปก็ไม่ถึง ยังมีหน้ามาแย่งชิงที่แม่ทัพกับเขาด้วย แล้วให้ทหารจับตัวไปฆ่าเสีย จิวเต๊กอุนก็ว่าครั้งนี้เราจะยกกองทัพไปเอาชัยชนะแก่ข้าศึก ซึ่งจะมาทำลายผู้คนในกองทัพเสียก่อนนั้นไม่ควร หลีคังกุนนั้นก็มีความผิดแต่ครั้งเดียว ขอชีวิตไว้ให้ทำราชการแก้ตัวต่อไปก่อน หลีจีนอ๋องจึงให้ลงอาญาเฆี่ยนด้วยเชือกหนังสี่สิบที

แล้วหลีจีนอ๋องก็ให้ทหารใส่เสื้อเกราะเขียว ไปยิงเกาทัณฑ์ก่อน ก็มีนายทหารยิงถูกเป้าหนึ่งลูกคนเดียว ทันใดนั้น หลีซ่องซิน บุตรคนที่สี่ของหลีจีนอ๋อง ก็ขับม้าถือเกาทัณฑ์ออกไปยิงสามลูก แต่ถูกลูกเดียว แล้ว หลีซือหงวน บุตรคนโตก็ออกไปยิงเกาทัณฑ์สามลูกถูกแต่สองลูก หลีจีนอ๋องก็ชมว่าฝีมือดี ถ้าไม่มีผู้ใดยิงถูกอีกก็จะมอบตราแม่ทัพให้

หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าวนเวียนหลักเป้าสามรอบ ก็ยิงถูกวงดำทั้งสามลูก ทหารทั้งปวงก็สรรเสริญว่า ฝีมือเกาทัณฑ์แม่นยำกว่าทหารทั้งหลาย ควรจะเป็นแม่ทัพได้ หลีซุนเฮ้าจึงว่าเราจะเอาเสื้อที่แขวนไว้กลางเสานั้นให้ได้ แล้วก็ยิงเกาทัณฑ์ไปถูกเชือกที่ผูกเสื้อแขวนไว้นั้นขาดตกลงมา หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าไปเก็บเอาเสื้อกลับมาคำนับหลีจีนอ๋องได้ หลีจีนอ๋องจึงว่าเจ้ามีฝีมือเกาทัณฑ์แม่นยำหามีผู้เสมอไม่ ควรจะเป็นแม่ทัพหน้าได้ แล้วก็สั่งให้เจ้าพนักงานจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยง หลีซุนเฮ้า และนายทัพนายกองทั้งปวง

ขณะนั้นก็มีนายทหารสองคนขี่ม้าถืออาวุธ มาขอลองฝีมือกับหลีซุนเฮ้าที่หน้าค่าย หลีซุนเฮ้าก็คำนับลาหลีจีนอ๋อง ขึ้นม้าถืออาวุธออกไปดู คนหนึ่งชื่อ อันฮิวฮิว อีกคนหนึ่งชื่อ สิออถัน เป็นทหารมีฝีมืออยู่ที่เขาปวยฮอซัวนี้ หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าเข้ารบกับทหารทั้งสองนายนั้น ยังไม่ถึงเพลง พอหลีซุนเฮ้าตวาดด้วยเสียงอันดัง ทั้งสองก็ตกใจเสียที หลีซุนเฮ้าก็จับตัวได้ทั้งสองคน หิ้วเข้ามาในค่าย หลีจีนอ๋องก็มีความยินดีจึงว่า ทหารทั้งสองคนซึ่งเจ้าจับมาได้นั้น จงเอาไว้ใช้เป็นทหารของเจ้าเถิด อย่าทำโทษเสียเลย หลีซุนเฮ้าก็มีความยินดี รับเอาไว้เป็นนายทหารคนสนิท ครั้นอยู่ต่อมาหลีซุนเฮ้าก็พูดว่า

“……..ท่านกับเรา เดิมเป็นข้าศึกกัน ครั้นเราจับท่านมาได้ เราหามีความอาฆาตต่อท่านไม่ ท่านกับเราจงสาบานเป็นพี่น้อง จะได้ทำราชการด้วยกัน……..”

ทั้งสองได้ฟังก็ยินดี จึงเอาลูกเกาทัณฑ์มาหักออกเป็นสองท่อน แล้วสาบานต่อกันไว้ว่า

“……..ข้าพเจ้าทั้งสามขอเป็นพี่น้องร่วมชีวิตกัน ถ้ามีความทุกข์ร้อนภัยอันตรายสิ่งใดมา ก็จะช่วยกันกว่าจะหาชีวิตไม่ ถ้าและผู้ใดคิดคดประทุษร้ายไม่ซื่อตรงต่อกัน ขอให้ต้องคมอาวุธตัวขาดออกเป็นสองท่อน เหมือนกับลูกเกาทัณฑ์นี้เถิด………”

หลีจีนอ๋องพักพลอยู่ที่ตำบลนั้นประมาณเดือนเศษ จึงยกกองทัพเดินทางต่อไปจนถึงเมืองไต้ท่องเสีย และหยุดพักอยู่ที่หน้าเมือง หลีอิวกิม ผู้รักษาเมืองก็จัดทหารออกมา ต้อนรับ และเชิญหลีจีนอ๋องเข้าไปในเมือง จัดแจงให้อยู่ที่ตึกรับรองแขกเมือง แล้วพูดจาไต่ถามทุกข์สุขกันฉันญาติ และสั่งให้คนใช้ยกโต๊ะอาหารและสุรามาเลี้ยงหลีจีนอ๋องและนายทหารที่มาด้วย หลีอิวกิมก็รินสุราคำนับหลีจีนอ๋องแล้วว่า ซึ่งจะยกกองทัพเข้าไปกำจัด ฮ่องเฉา นั้น ตนจะขอคุมทหารเข้ากองทัพไปด้วย หลีจีนอ๋องก็ว่า

“………ท่านมีใจภักดีจะยกกองทัพไปกำจัดฮ่องเฉากับข้าพเจ้าด้วยนั้น ก็ขอบใจแล้ว แต่ไม่มีรับสั่งของพระเจ้าตงหัว จะขัดอยู่ดอกกระมัง……..”

หลีอิวกิมก็เห็นด้วยแต่จะขอให้นายทหารเอกสองคน คุมทหารสองหมื่นไปฉลองพระคุณพระเจ้าแผ่นดินถังกับหลีจีนอ๋องด้วย หลีจีนอ๋องก็มีความยินดีรับเอาไว้ แล้วก็ยกกองทัพเดินทางต่อไปอีกหลายวัน เกือบจะถึงด่านเจียะเนียกวน จึงสั่งให้หยุดทัพตั้งค่ายมั่นลงไว้

นายทหารผู้รักษาด่านสองนายของฮ่องเฉา หรือ พระเจ้ากิมถอง ก็ยกทหารหมื่นหนึ่งออกไปตั้งค่ายที่หน้าเมืองฮำกอกเสีย ห่างจากด่านเจียะเนียกวนเยื้องออกไปทางขวา ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสองลูก ไม่สูงใหญ่นักแต่ก่อกำแพงเชื่อมไว้มั่นคง

หลีซุนเฮ้ากับทหารเอกสองคน ก็ยกกำลังเข้าตีค่ายแตก ทหารของฮ่องเฉาต้องหนีเข้าไปอยู่ในเมืองฮำกอกเสีย หลีซุนเฮ้าล้อมเมืองอยู่เจ็ดวันก็ไม่สามารถตีให้แตกได้ จึงวางอุบายทำทีเป็นถอยห่างออกไปสามสิบลี้ ให้ชาวเมืองออกมาหาน้ำและฟืนนอกเมือง แล้วจัดทหารที่เข้มแข็งกล้าหาญสิบกว่าคน ปลอมตัวปะปนกับชาวเมืองเข้าไปในเมือง พอเวลาค่ำก็ยกทหารเข้าไปใกล้กำแพงเมือง ถึงเวลาสองยามทหารที่เข้าไปในเมือง ก็จุดไฟเผาบ้านเรือนราษฎรขึ้นเป็นหลายแห่ง ทหารในเมืองก็เข้าดับไฟชุลมุนกันอยู่ ทหารของหลีซุนเฮ้าก็พากันไล่ฆ่าฟันผู้รักษาประตูเมือง แล้วก็ช่วยกันชักกลอนถอนเขื่อน เปิดประตูเมืองให้หลีซุนเฮ้านำทัพเข้าเมืองได้ ไล่ฆ่าฟันทหารรักษาเมืองล้มตายเป็นอันมาก ที่เหลือก็ทิ้งเมืองหนีไปอยู่ที่ด่านเจียะเนียกวน หลีซุนเฮ้าก็ช่วยดับไฟและจัดการบ้านเมือง เกลี้ยกล่อมชาวเมืองเป็นที่เรียบร้อย แล้วก็ยกทัพไปตีด่านเจียะเนียกวนแตกอีก

หลีจีนอ๋องได้รู้ข่าวจากม้าใช้ของหลีซุนเฮ้า ว่ายึดด่านหน้าของเมืองเชียงอานได้แล้ว ก็มีความยินดี ยกกองทัพใหญ่เข้าไปตั้งในด่าน พักอยู่ไม่นานก็เดินทัพต่อไปถึงเมืองฮ่องตงฮู้ ก็พบกับกองทัพของหัวเมืองทั้งยี่สิบแปดหัวเมือง ที่มีรับสั่งของ พระเจ้าตงหัว ให้ยกมาสมทบกับกองทัพของหลีจีนอ๋อง เพื่อปราบปรามฮ่องเฉาซึ่งตั้งตัวเป็นฮ่องเต้อยู่ที่เมืองเชียงอาน

หลีจีนอ๋องก็พูดกับบรรดาเจ้าเมืองและแม่ทัพเหล่านั้นว่า ท่านทั้งหลายได้เป็นเจ้าเมือง มียศบรรดาศักดิ์และอำนาจ มีทแกล้วทหารเป็นอันมาก เหตุใดจึงพากันละเมินให้ฮ่องเฉาคิดกบฏขึ้นได้ พวกนั้นก็บอกว่า

“……..บ้านเมืองข้าพเจ้าทั้งหลายก็แยกย้ายกันอยู่ ครั้นทราบว่าฮ่องเฉาเป็นกบฏ ก็ตระเตรียมกองทัพไว้ จะมาช่วยปราบปรามฉลองพระเดชพระคุณพระเจ้าแผ่นดิน แต่มีหนังสือรับสั่งพระเจ้าตงหัวให้มาคอยท่านอยู่ที่เมืองฮ่องตงฮู้ บัดนี้ท่านมาถึงแล้วข้าพเจ้าทั้งหลายมีความยินดี ยอมตัวอยู่ในบังคับบัญชาตามแต่ท่านจะใช้เถิด………”

แล้วแม่ทัพทั้งปวงก็เข้าไปพักในเมืองฮ่องตงอู้ และให้เจ้าพนักงานจัดโต๊ะมาเลี้ยงกันเป็นที่รื่นเริงสบาย วันนั้นหลีจีนอ๋องกินโต๊ะเสพสุรามากเกินขนาดเมาหนัก ครั้นเวลาจะสร่างก็ให้มีความร้อนรนกระวนกระวาย หาสบายไม่ จึงเอาสุรามากินเติมเข้าไปให้เมาอยู่เสมอจึงค่อยสบาย แต่สติเคลิบเคลิ้มหาเป็นปกติไม่ ด้วยฤทธิ์เมานั้นเข้าไปทับถมอยู่มาก แม่ทัพนายกองไปหาก็ไม่ได้พูดเรื่องข้อราชการทัพศึกสิ่งใด แต่เป็นดังนั้นมาหลายวันหลายเวลา

ฝ่าย จูอุน เจ้าเมืองเปียนเหลียง เห็นหลีจีนอ๋องเอาแต่เสพสุรามัวเมาไปทั้งกลางวันกลางคืน หาได้พูดถึงข้อราชการทัพศึกสงครามไม่ จึงไปปรึกษากับเจ้าเมืองฮำก๊กก๋ง เห็นว่าถ้าจะพากันเกรงใจกลัวอำนาจหลีจีนอ๋องอยู่ดังนี้ ก็จะพากันเสียราชการไป จูอุนจึงเข้าไปหาหลีจีนอ๋องซึ่งกำลังเสพสุราอยู่ จึงพูดขึ้นว่า

“…….ฮ่องเฉาเป็นกบฏขึ้นครั้งนี้ หามีผู้ใดปราบปรามได้ไม่ พระเจ้าตงหัวตั้งพระทัยหมายอยู่แต่ท่านผู้เดียว ที่จะปราบปรามฮ่องเฉาได้ จึงให้ไปเชิญท่านมา ก็บัดนี้ท่านมาเพลิดเพลินด้วยการเสพสุราไปเสีย แล้วบ้านเมืองจะมิเป็นสิทธิ์กับฮ่องเฉาไปหรือ……..”

หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงถามว่า ท่านนี้ชื่อไรอยู่ที่ไหน จึงได้มาพูดกับเราดังนี้ จูอุนบอกว่าแซ่จูชื่ออุนชื่อหนึ่ง ชวนต๋งชื่อหนึ่ง เป็นเจ้าเมืองเปียนเหลียง หลีจีนอ๋องจึงว่าตัวท่านนี้รูปร่างใหญ่โตหน้าตาก็คมสัน เป็นคนมีสติปัญญาและฝีมือ เหตุใดจึงได้มีชื่อถึงสองชื่อดังนี้ จูอุน ก็ว่าเดิมชื่อจูอุน พระเจ้าตงหัวพระราชทานชื่อใหม่ชื่อชวนต๋ง หาได้ตั้งเองไม่ ท่านเองก็มีถึงสี่ชื่อ เหตุผลประการใดท่านจึงได้มีชื่อถึงสี่ชื่อดังนี้เล่า

หลีจีนอ๋องได้ฟังก็โกรธ จึงว่าตัวเป็นผู้น้อย บังอาจมาออกชื่อเสียงไล่เรียงเราดังนี้เห็นเกินนัก แล้วก็ชักกระบี่ออกจะฟันจูอุน แต่จูอุนหลบไปฉวยเอาง้าวของหลีจีนอ๋องที่ปักไว้ข้างริมฝาได้ จะเข้าต่อสู้กับหลีจีนอ๋อง นายทัพนายกองที่อยู่ด้วยก็ตกใจ พากันเข้าห้ามปรามยุดตัวไว้ทั้งสองข้าง แล้วว่า

“…….พระเจ้าตงหัวทรงพระวิตกด้วยฮ่องเฉาเป็นกบฏ จึงได้เชิญท่านทั้งปวงมาปราบปราม ครั้งนี้มาวิวาทกันเองหาควรไม่ ขอท่านจงได้เห็นแก่แผ่นดิน และเอ็นดูแก่ข้าพเจ้าทั้งปวง ได้อดโทโสเสียทั้งสองฝ่ายเถิด……..”

ทั้งสองนายได้ฟังนายทัพนายกองว่าดังนั้น ก็ได้สติหายโทโส จูอุนก็คุกเข่าลงคำนับหลีจีนอ๋องแล้วว่า

“……….ข้าพเจ้าได้ไต่ถามเหลือเกินนั้น ขอท่านจงอดโทษเถิด ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งนี้ ก็ปรารถนาจะตักเตือนให้ยกกองทัพ รีบไปปราบฮ่องเฉาเสียโดยเร็ว……….”

หลีจีนอ๋องแม่ทัพจอมสุรา จะสามารถปกครองบังคับบัญชากองทัพที่มีพลหลายสิบหมื่น ไปปราบปรามฝ่ายกบฏได้สำเร็จหรือไม่ ในเมื่อมีการแตกแยกเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นดังนี้ น่าจะต้องคอยดูกันต่อไป.

##########

วารสารฟ้าหม่น
พฤษภาคม ๒๕๔๔

Create Date : 16 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:40:57 น.




 

Create Date : 31 มกราคม 2554    
Last Update : 31 มกราคม 2554 12:09:27 น.
Counter : 485 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๒ บุตรคนที่สิบสาม

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๒ บุตรคนที่สิบสาม

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ หลีจีนอ๋อง ได้อ่านหนังสือรับสั่งของ พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ ให้ยกกองทัพไปตีเมืองเชียงอานแล้ว ก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดู เทียะเปงซือ เป็นที่สำราญตลอดเวลาสิบวันที่พักอยู่ในเมืองซาถอ แต่ก็ไม่ได้ยินว่าหลีจีนอ๋องจะพูดถึงการยกกองทัพไปเมื่อไร เทียะเปงซือ จึงถามหลีจีนอ๋องว่า ท่านจะยกกองทัพไปช่วยพระเจ้าตงหัวหรือไม่

หลีจีนอ๋องก็ว่า

“…..ในฤดูนี้เป็นเทศกาลแล้งกำลังหนาวนัก แผ่นดินก็แห้งหญ้าซึ่งจะให้ม้ากินก็ขัดสน จะเดินกองทัพไปเห็นจะได้ความลำบากนัก ประการหนึ่งในเขตแขวงเหล่านี้ ถ้าเป็นฤดูหนาวแล้ว มักเกิดความไข้เจ็บชุกชุม คิดว่าจะงดรออยู่พอฝนตกลงมาบ้าง จึงจะยกกองทัพไป การซึ่งจะช่วยปราบปรามข้าศึกศัตรู ทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เรียบร้อยนั้น ข้าพเจ้าคิดจะฉลองพระคุณพระเจ้าตงหัวจริง ๆ หาได้บิดเบือนไม่……..”

เทียะเปงซือจึงว่า

“……….ในแผ่นดินถังทุกวันนี้ เจ้านายและขุนนางราษฎรพากันแตกตื่นวุ่นวาย ทิ้งที่ภูมิลำเนาบ้านเมือง ไปเที่ยวซุกซ่อนอยู่โดยมาก เปรียบเหมือนหนึ่งไฟไหม้บ้านเรือน มีแสงเพลิงอันร้อน ไม่มีผู้ใดอาจจะเข้ารอได้ ซึ่งท่านจะยกกองทัพไปช่วยนั้น ก็เหมือนหนึ่งท่านเอาน้ำไปดับไฟ ขุนนางและราษฎรในเมืองถัง ตั้งใจคอยท่านอยู่ทุกเช้าค่ำ…….”

ขณะนั้นเอง นางเล่าฮุย ภรรยาใหญ่ของหลีจีนอ๋องยืนแอบฟังอยู่ จึงร้องออกมาจากข้างในว่า

“……..เหตุใดจึงจะต้องยกกองทัพไปต่อฤดูฝน ก็บัดนี้พระเจ้าตงหัวเชื้อวงศ์ของท่านได้ความทุกข์ร้อน เปรียบเหมือนอยู่ระหว่างแห่งคมอาวุธ ไม่รู้ว่าจะดับสูญไปวันใด ควรที่ท่านจะรีบร้อนเร่งยกกองทัพไปโดยเร็ว ธรรมดาชนทั้งหลายที่เป็นญาติหรือมิตรสหาย จะช่วยอุปถัมภ์บำรุงกัน ให้เห็นบุญคุณ ก็เมื่อคราวมีทุกข์ร้อนอย่างนี้………”

หลีจีนอ๋องก็ว่าเจ้าเป็นสตรีจงตริตรองจัดแจง แต่การงานในบ้านในเรือนที่จะเป็นประโยชน์ของเจ้าเถิด การทัพศึกสงครามนี้หาใช่ธุระของเจ้าไม่ อย่ามาว่ากล่าวคิดอ่านให้ล่วงเกินไป นางเล่าฮุยก็ตอบว่า

“……..ตัวท่านก็เป็นพระญาติวงศ์เนื่องมาในแผ่นดินถัง ควรจะเจ็บร้อนแทนให้มากจึงจะชอบ ประการหนึ่งขุนนางหัวเมืองทั้งปวง ซึ่งอยู่ในเขตแดนแผ่นดินถังนั้น ก็คงจะมีคนดีมีสติปัญญาและฝีมือ ถ้าเขาอาสาแผ่นดินกำจัดฮ่องเฉาได้เสียก่อนแล้ว ภายหลังท่านจะเข้าไปเฝ้าพระเจ้าตงหัวนั้น จะมีหน้าไปดูใครได้ ประการหนึ่งตัวท่านกับบุตร ก็ได้เล่าเรียนศึกษา ตำรับพิชัยสงครามและเพลงอาวุธไว้ชำนิชำนาญ ทั้งทแกล้วทหารก็มีมากบริบูรณ์ เมื่อคราวจะทำศึกสงคราม ให้มีชื่อเสียงปรากฎอยู่ในแผ่นดิน แล้วมารั้งรอดังนี้เล่า วิชาการที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมานั้น จะมิเสื่อมสูญเปล่าหรือ ข้าพเจ้าเห็นการดังนี้ จึงอาจมาตักเตือนท่าน……….”

หลีจีนอ๋องก็เห็นชอบตามคำของภรรยา จึงให้หานายทหารมาพร้อมกัน สั่งให้เกณฑ์ทหารฮวนและทหารจีนสี่สิบหมื่น ให้พร้อมสรรพไปด้วยเครื่องศาตราวุธ ให้ทันกำหนดในเจ็ดวัน แล้วให้ หลีซือหงวน ผู้บุตร เป็นกองลำเลียงจัดเสบียงอาหารของแห้งของสด ตามส่งกองทัพอย่าให้อดอยากได้ ครั้นถึงวันฤกษ์ดีก็ยกกองทัพออกจากเมืองซาถอ เดินพ้นแดนฮวนเข้าแดนจีน จัดแพและเรือข้ามแม่น้ำเฮกฮอแล้วก็เดินบกไปอีกไม่นาน ก็พบกับนายทหารผู้หนึ่งแต่งตัวใส่เกราะถืออาวุธ ขี่ม้านำหน้าทหารมาประมาณสามร้อยเศษ แจ้งว่าชื่อ จิวเต๊กอุย เป็นนายทหารใหญ่มาตั้งเป็นกองโจรอยู่ หลีจีนอ๋องก็ยินดีเพราะรู้จักว่าเป็นคนมีฝีมือเข้มแข็ง รู้การชำนิชำนาญทั้งทหารและพลเรือน เมื่อลองกำลังกันประมาณร้อยเพลงไม่แพ้ชนะกันแล้ว หลีจีนอ๋องก็เกลี้ยกล่อมให้ร่วมกำลัง ช่วยปราบศัตรูของแผ่นดินได้สำเร็จ และแต่งตั้งให้เป็นกุนซือที่ปรึกษาในกองทัพ

วันหนึ่งกองทัพของหลีจีนอ๋องเดินทางมาถึงเขาปวยฮอซัว พิเคราะห์ดูเห็นเขานั้นใหญ่กว่าเขาทั้งปวง และบังเกิดลมพายุพัดหนัก แลเห็นเสือตัวหนึ่งสูงใหญ่เท่ากระบือ เดินมาตามเชิงเขา ทหารทั้งหลายก็พากันตกใจวิ่งหนีไปหมด หลีจีนอ๋องจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกเสือนั้น เมื่อเสือวิ่งหนีหลีจีนอ๋องก็ขับม้าตามไป พวกทหารก็หายตกใจพากันวิ่งตามหลีจีนอ๋องไปด้วย ครั้นถึงคลองน้ำแห่งหนึ่ง เสือกระโดดข้ามคลองไปได้ หลีจีนอ๋องกับทหารก็หยุดดูอยู่ริมฝั่ง ก็เห็นเสือตัวนั้นไปพบแพะเข้าฝูงหนึ่ง เจ้าของนอนหลับอยู่ เสือก็ไล่จับแพะได้ตัวหนึ่ง หลีจีนอ่องกลัวเสือจะกินเจ้าของแพะเข้าไปด้วย จึงให้ทหารตะโกนร้องเรียกเจ้าของแพะแต่ก็ไม่ตื่น จนฝูงแพะแตกตื่นวิ่งเข้าไปโดนจึงตกใจตื่นขึ้น คนผู้นั้นแลไปเห็นเสือกำลังกินแพะของตนอยู่ก็โกรธ จึงถอดเสื้อออกจากตัว นุ่งกางเกงคาดเอวมั่นคงแล้ว ก็ตรงเข้าไปจับเสือด้วยมือเปล่า เสือก็กระโดดเข้ากัด แต่เจ้าของแพะหลบทัน เสือกระโดดข้ามไปล้มลง คนผู้นั้นก็วิ่งเข้าไปกอดคอเสือเข้ามือหนึ่ง อีกมือหนึ่งก็ชกเสือจนแน่นิ่งไป แต่คนผู้นั้นคิดว่ายังไม่ตาย จึงเอาสองมือจับหัวจับหางเสือโยนทิ้งลงกับศิลาจนตายแน่ พวกทหารของหลีจีนอ๋องก็พากันดูจนตกตลึงไปหมด

หลีจีนอ๋องเห็นว่าเป็นคนมีฝีมือและกำลังเข้มแข็งกล้าหาญ อยากได้ตัวมาเป็นทหารของตน จึงให้ทหารร้องบอกไปว่า เสือตัวนี้นายเราเลี้ยงไว้ บัดนี้พามาไล่เนื้อหาอาหารกิน เหตุใดเจ้าจึงทุบตีเสือของเจ้านายเราตาย เจ้าของแพะร้องตอบว่า

“……….เสือของท่านเลี้ยงไว้ทำไมมากินแพะของเราเล่า ท่านจงเอาแพะของเราคืนมา เราจะคืนเสือนี้ให้แก่ท่าน…….”

ว่าแล้วก็จับเสือตัวนั้นโยนข้ามคลองมาให้ หลีจีนอ๋องก็ให้ทหารยกเสือนั้นขึ้น ก็หามีผู้ใดยกขึ้นไม่ หลีจีนอ๋องจึงให้หลีซือหงวนไปพูดจาชักชวนเกลี้ยกล่อม คนผู้นั้นเข้ามาหา แล้วซักถามชื่อแซ่ที่อยู่

ชายผู้นั้นก็บอกว่าตนเองแซ่อันชื่อเก๊งซือ กำพร้าบิดามารดา ไม่มีที่พึ่งอาศัยจึงไปอยู่ที่บ้าน เตงบุนโห เป็นคนเลี้ยงแพะมาได้สิบปีแล้ว หลีจีนอ๋องจึงว่า เจ้านี้มีกำลังแข็งแรงมากกว่าคนทั้งปวง แต่ซึ่งฝีมือเพลงอาวุธนั้น ไม่รู้ว่าจะดีหรือชั่วประการใด อันเก๊งซือ จึงบอกว่า

“……….ถ้าท่านจะชุบเลี้ยงข้าพเจ้าให้มีชื่อเสียงแล้ว ข้าพเจ้าจะยอมเป็นคนใช้ของท่าน กว่าจะหาชีวิตไม่ และซึ่งฝีมือเพลงอาวุธนั้น ข้าพเจ้าก็ได้เล่าเรียนอยู่ เมื่อข้าพเจ้าไปเที่ยวที่เขาถิลั่งซัว พบผู้วิเศษบนเขานั้น ให้ตำรับพิชัยสงครามสามฉบับ แล้วหัดเพลงอาวุธให้ข้าพเจ้าทุก ๆ เพลง ข้าพเจ้าก็อุตส่าห์ซ้อมหัดอยู่ จนชำนิชำนาญทั้งฝีมือเกาทัณฑ์และเพลงต่าง ๆ แต่หารู้ที่ว่าจะเข้าทำราชการอยู่กับผู้ใดไม่ ด้วยเป็นคนอนาถาหาญาติมิได้ จึงต้องทนเลี้ยงแพะอยู่จนทุกวันนี้………”

หลีจีนอ๋องก็ให้ทหารไปตามตัวเตงบุนโหมา แล้วแกล้งถามว่ารู้จักชายผู้นี้หรือไม่ เตงบุนโหก็บอกว่าชายผู้นี้ชื่ออันเก๊งซือ เป็นคนเลี้ยงแพะของตน หลีจีนอ๋องก็บอกว่า

“……อันเก๊งซือนี้เป็นบุตรของเรา เมื่ออยู่ในครรภ์มารดานั้น ฝนแล้งราษฎรทำนาไม่ได้ผลก็พากันอดอยาก ต่างคนต่างเที่ยวหากิน จึงได้พลัดพรากจากกันไป เราก็ไปเที่ยวสืบเสาะติดตามมาช้านานแล้ว บัดนี้มาพบเป็นคนเลี้ยงแพะอยู่ จึงไล่เรียงไต่ถามดูก็รู้ชัดว่าเป็นบุตรของเรา ครั้งนี้เราจะยกกองทัพไปตีเมืองเชียงอานกำจัดฮ่องเฉา ซึ่งเป็นกบฏต่อแผ่นดินเสีย แต่จะขอเอา อันเก๊งซือไปในกองทัพด้วย ซึ่งท่านได้เลี้ยงดูมานั้น เราจะให้ทรัพย์สินเงินทองไว้เป็นรางวัล…..”

เตงบุนโหได้ฟังจึงบอกว่า

“…….ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูลักษณะอันเก๊งซือนี้ สืบไปภายหน้าจะมีวาสนามากอยู่ ประการหนึ่งกำลังและฝีมือเพลงอาวุธก็เข้มแข็ง ยิงเกาทัณฑ์ก็แม่นยำ ข้าพเจ้าได้พูดอยู่เนือง ๆ ว่าจะยกนางซุยหุนผู้บุตร ให้เป็นภรรยา บัดนี้ท่านจะเอาตัวไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ขัดไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าก็จะขอมอบให้ไปด้วย และซึ่งท่านจะให้เงินทองเป็นรางวัลค่าเลี้ยงดูแก่ข้าพเจ้านั้น หาควรข้าพเจ้าจะรับไว้ไม่………”

พูดดังนั้นแล้ว เตงบุนโหก็คำนับลากลับไปบ้าน พาเอา นางซุยหุน มามอบให้เป็นภรรยาอันเก๊งซือ หลีจีนอ๋องจึงสั่งให้ทหารลอกเอาหนังเสือซึ่งอันเก๊งซือตีตายแล้วนั้น พา อันเก๊งซือ กับนางซุยหุน และทหารกลับไปค่าย หลีจีนอ๋องจึงให้ตัดเอาหนังศรีษะเสือทำหมวก เอาหนังตัวทำเสื้อเกราะ และจัดอาวุธอย่างดีมอบให้อันเก๊งซือ กับให้เจ้าพนักงานไปจัดหาม้าที่ดีมีกำลังมาก มาให้เลือกขี่ดูตามชอบใจ เจ้าพนักงานก็ไปจัดม้ามาประมาณสามสิบเศษ อันเก๊งซือลองเอามือกดหลังม้า ก็ทานกำลังไม่ได้ล้มลงทุกตัว

หลีจีนอ๋องก็ให้ไปเอาม้าที่เจ้าเมืองไซเลียงจิ๋วให้ไว้ รูปร่างสูงใหญ่กว่าม้าทั้งปวงไม่มีใครขี่ได้ ต้องล่ามโซ่ไว้หลังค่าย ให้อันเก๊งซือดู ม้านั้นเห็นอันเก๊งซือก็ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง อันเก๊งซือเอาเครื่องอานผูกเข้าพร้อมแล้วก็โดดขึ้นม้าควบดู เห็นม้านั้นมีกำลังแข็งแรงรวดเร็ว จึงขับตรงไปหน้าค่าย หลีจีนอ๋องเห็นอันเก๊งซือเลือกม้าขี่ได้ก็ยินดี

ครั้นอันเก๊งซือลงจากหลังม้าแล้ว หลีจีนอ๋องจึงว่า

“……..เรามีบุตรอยู่สิบสองคนแล้ว เจ้าจงเป็นบุตรคนที่สิบสาม เราจะเปลี่ยนชื่อให้เสียใหม่ ให้เรียกว่าหลีซุนเฮ้า……..”

แล้วหลีจีนอ๋องก็ตั้งให้เป็นขุนนางนายทหารใหญ่ มีทหารรองสองคน แล้วจัดทหารที่ฝีมือเข้มแข็งใจองอาจกล้าหาญ สามพันคนเรียกว่าทหารเสือ มอบให้ หลีซุนเฮ้า บังคับบัญชา หลีซุนเฮ้าก็เรียกหลีจีนอ๋องว่าบิดา

และในเวลากลางคืนวันนั้น หลีจีนอ๋องก็ให้ตั้งโต๊ะเลี้ยงขุนนาง นายทัพนายกอง จัดการแต่งงานให้หลีซุนเฮ้ากับนางซุยหุน อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน ขุนนางนายทัพนายกองก็ให้ศีลให้พรอย่างตามธรรมเนียม.

บุตรเลี้ยงคนสุดท้ายของหลีจีนอ๋อง จะมีชื่อเสียงปรากฎในแผ่นดินอย่างไร ก็คงจะต้องคอยดูกันต่อไป ในภายหน้า.

###########

วารสารฟ้าหม่น
มีนาคม ๒๕๔๔

Create Date : 15 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:42:02 น. 2 comments
Counter : Pageviews. Add to




ลุงเจียวต้าย ทำไม ตอนที่ ๒ มีสองอันละค่ะเนี่ย

แต่อ่านจบไปแระ อิอิ



โดย: *ตู้-แดง* วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:56:47 น.




ผมก็เพิ่งมาเห็น ไม่ทราบว่าเพราะอะไรเหมือนกันครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:15:40 น.





 

Create Date : 28 มกราคม 2554    
Last Update : 28 มกราคม 2554 22:05:55 น.
Counter : 834 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑ พี่น้องตระกูลหลี

ทหารเสือแผ่นดินถัง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ตอนที่ ๑ พี่น้องตระกูลหลี


นิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่อง ทหารเสือแผ่นดินถัง ชุดนี้ ได้เรียบเรียงมาจากเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่อง ชั่นถังหงอโต้ ซึ่ง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เมื่อครั้งเป็นที่ สมุหพระกลาโหม ได้บัญชาให้แปลเมื่อ วันเสาร์ เดือนอ้าย ขึ้นแปดค่ำ ปีขาล พุทธศักราช ๒๔๐๙ ในตอนปลาย รัชกาลที่ ๔ และได้พิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕

เป็นเรื่องราวของราชวงศ์ถัง ซึ่งเริ่มเมื่อ พ.ศ.๑๑๖๑ หลังจากได้มีฮ่องเต้เสวยราชย์มาแล้ว ๑๘ องค์ เป็นเวลา ๒๙๐ ปี จึงสิ้นสุดลงใน พ.ศ.๑๔๕๐ มีเรื่องราวโดยพิศดาร ดังต่อไปนี้…….

ตอนที่ ๑ พี่น้องตระกูลหลี

ในสมัย พระเจ้าเทียนหูฮ่องเต้ รับราชสมบัติต่อจาก พระเจ้าฮีจงฮ่องเต้ เป็นเวลาที่บ้านเมืองสุขสบาย ไม่มีศึกสงคราม เจ้านายที่ถือว่าเป็นชาติตระกูลสูง ก็เพลิดเพลินไปด้วยอิสริยยศ ไม่ใคร่จะเรียนวิชา และไม่คบหาปรึกษากับผู้มีสติปัญญา ครั้นได้ครอบครองแผ่นดินขึ้นแล้ว ก็ไม่มีปัญญาที่จะทำนุบำรุงบ้านเมือง ขุนนางในครั้งนั้นก็เป็นแต่ขุนนางสืบตระกูลบ้าง เป็นขุนนางด้วยการประจบสอพลอบ้าง เป็นขุนนางด้วยเป็นญาติพี่น้อง ด้วยเป็นคนรักคนชอบกับเจ้านายบ้าง หามีพวกที่เป็นขุนนางด้วยความรู้และสติปัญญาไม่

ขุนนางฝ่ายทหารก็มีตัวครบตามตำแหน่ง แต่ไม่รู้จักที่ว่าการจะรบทัพจับศึก และกระบวน พิชัยสงครามอย่างไร เพลงอาวุธก็มิได้ฝึกหัดให้ชำนิชำนาญ เป็นแต่ถืออาวุธไว้สำหรับมือเท่านั้น ขุนนางฝ่ายพลเรือนก็ไม่ใคร่รู้จักกฎหมาย ตัดสินข้อคดีความของราษฎร ให้ต้องตามยุติธรรม เป็นแต่คอยฟังกระแสรับสั่งของฮ่องเต้เป็นประมาณ รับสั่งสิ่งใดขุนนางก็ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ราชการแผ่นดินจึงแปรปรวนไป อำนาจของฮ่องเต้และขุนนาง ก็ลดน้อยถอยลงมาทุกชั้น ราษฎรไพร่บ้านพลเมืองจึงได้พากันกำเริบ เป็นโจรเป็นผู้ร้ายมากขึ้น ชาวไร่ชาวนาจะออกไปทำนาทำไร่ ก็ต้องถือศาตราวุธสำหรับตัว และมีเพื่อนพี่น้อง จึงไปมาได้

พระเจ้าเทียนหูฮ่องเต้ครองราชสมบัติมาได้สามปี ก็บังเกิดฝนแล้ง ราษฎรทำนาไม่ได้ผล ข้าวแพงไพร่บ้านพลเมืองจึงอดอยาก พระองค์ก็ทรงพระราชดำริว่า พระนามของพระองค์
คงจะไม่ถูกกับชตาบ้านเมือง จึงเปลี่ยนพระนามเสียใหม่เป็น พระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ และมีรับสั่งให้ประกาศไปตามหัวเมืองทั้งปวง ให้ผู้มีสติปัญญาและฝีมือซึ่งจะปราบปรามโจรผู้ร้ายได้ เข้ามาสมัครทดลองสติปัญญาและเพลงอาวุธ ถ้าดีแล้วจะตั้งแต่งให้เป็นขุนนาง มียศบรรดาศักดิ์ สำหรับปราบโจรผู้ร้ายและข้าศึกศัตรูแผ่นดิน

ในครั้งนั้น ชั่นเล่งจือ ขุนนางผู้ใหญ่เป็นผู้กำกับ การคัดเลือกผู้เข้ามาสมัคร ก็ได้เรียกร้องทรัพย์สินสิ่งของเป็นสินบน จากผู้สมัครทั้งปวง ผู้ใดมีสินบนก็ได้รับการตั้งแต่งให้เป็น ขุนนางนายทหาร ผู้ใดไม่มีชั่นเล่งจือก็เพิกเฉยเสีย แม้จะมีฝีมือและสติปัญญา ก็หาแต่งตั้งให้ไม่

ชายผู้หนึ่งชื่อ ฮ่องเฉา เป็นชาวเมืองเซียะเชียชิว แขวงเมืองตังกูกุ้ย ขึ้นกับเมืองเซ่าจิว เป็นผู้มีร่างกายใหญ่โต มีหน้าตาดุร้าย มีความรู้เพลงอาวุธคล่องแคล่ว และรู้ตำรับพิชัย สงครามดี เมื่อชั่นเล่งจือเห็นฝีมือแล้วอยากจะได้ไว้เป็นพวก จึงนำเข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อขอให้ตั้งเป็นขุนนางนายทหารที่จอหงวน แต่เมื่อพระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นฮ่องเฉา หน้าตาน่ากลัวผิดกับคนทั้งหลาย ก็ตกใจกลัวถึงกับลมจับล้มลงบนพระที่นั่ง เมื่อค่อยคลายหายขึ้นก็ให้ทหารรักษาพระองค์ ขับไล่ฮ่องเฉาออกไปเสียให้พ้นสายพระเนตร

ฮ่องเฉาก็น้อยใจว่าตนเองนั้นมีสติปัญญาและและฝีมือเข้มแข็ง สมควรที่จะเป็นนายทหารได้ แต่หารู้ไม่ว่าจะเลือกสรรเอาคนที่มีรูปร่างหน้าตางดงามด้วย จึงมีความโกรธแค้นไม่ยอมกลับบ้าน หลบไปอาศัยอยู่ที่วัดชั่งป้วยยี่ และมีผู้คนที่มีฝีมือ แต่ไปสมัครที่เมืองหลวงแล้วไม่มีสินบนให้ชั่นเล่งจือ พากันมาเข้าพวกด้วยเป็นอันมาก

เมื่อมีกำลังมากพอแล้ว ฮ่องเฉาก็ยกพลไปยึดครองเมืองซองจิว โดยที่เจ้าเมืองกลัวอำนาจยอมยกให้แต่โดยดี ฮ่องเฉาตั้งตัวอยู่ที่เมืองซองจิวประมาณหกเดือนเศษ ก็สามารถเกลี้ยกล่อมผู้คนและทหารได้หลายสิบหมื่น ฝึกซ้อมเพลงอาวุธชำนิชำนาญพร้อมมูลกันแล้ว ก็ยกทัพไปตีหัวเมืองใกล้เคียง ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ได้อีกหลายเมือง สุดท้ายจึงยกไปตีด่านท่องกวน ใกล้เมืองเชียงอานซึ่งเป็นเมืองหลวง

นายด่านก็หนีเข้าไปเฝ้ากราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ ก็ตกพระทัยครั้นปรึกษากับขุนนางทั้งปวง ก็ไม่มีผู้ใดอาสาต่อสู้ป้องกันเมืองได้ ชั่นเล่งจือจึงพาพระเจ้ากวังเผงอพยพจากเมืองเชียงอาน พร้อมด้วยขนย้ายพระราชทรัพย์ และนางสนมที่โปรดปราน กับขุนนางที่จงรักภักดีไปอยู่ที่เมืองไซคีจิ๋ว ฮ่องเฉาก็เข้ายึดครองเมืองเชียงอานได้โดยง่าย และตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่า พระเจ้ากิมถองฮ่องเต้ และรับสั่งให้ จูอุน นายทหารใหญ่คุมทหารสิบหมื่น พร้อมด้วยนายทัพนายกอง ไปจับตัวพระเจ้ากวังเผงที่เมืองไซคีจิ๋ว

แต่จูอุนนั้น เมื่อตอนเข้าไปในพระราชวังที่เมืองเชียงอาน ได้พบ นางเง็กล่วนเอง ซึ่งเป็นพระกนิษฐาของพระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ กำลังจะหนีไปโดดบ่อน้ำให้ตาย จูอุนก็ช่วยชีวิตไว้และได้นางเป็นภรรยาโดยฮ่องเฉาไม่รู้ ครั้นยกทหารไปถึงเมืองไซคีจิ๋ว เข้าเฝ้าพระเจ้ากวังเผงแล้ว กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ และขอสวามิภักดิ์ด้วย พระเจ้ากวังเผงจึงแต่งตั้งให้จูอุนมียศศักดิ์ เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองเปียนเหลียง คอยป้องกันเมืองไซคีจิ๋ว และหาหนทางไปตีเมืองเชียงอานคืนต่อไป

อยู่มาไม่นาน พระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ ก็ทรงพระดำริว่า พระนามของพระองค์คงจะไม่ถูกกับชตาแผ่นดินอีก จึงเปลี่ยนพระนามเป็น พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ และทรงระลึกถึงพระญาติองค์หนึ่งคือ หลีจีนอ๋อง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองซาถออยู่ในเขตแดนของพวกฮวน เป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็งมีทหารสำหรับรบอยู่สี่สิบหมื่นเศษ มีบุตรตัวบุตรเลี้ยงสิบสองคน จึงมีรับสั่งให้ เทียะเปงซือ ขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ ไปเกลี้ยกล่อมหลีจีนอ๋องให้ยกทัพมาช่วยตีเมืองเชียงอาน พร้อมกับมีหนังสือรับสั่ง ถึงเจ้าเมืองใหญ่อีกยี่สิบแปดหัวเมือง ให้ยกกองทัพมารวมกันที่เมืองฮ่องตงฮู้ เพื่อรวมกำลังเข้าตีเมืองเชียงอานด้วย

หลีจีนอ๋องนั้นเดิมชื่อ หลีอาหยี เป็นบุตร กอกเซียง โอรสของ พระเจ้าบูจง พระอัยกาของพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ เมื่อครั้งแผ่นดิน พระเจ้าฮีจงฮ่องเต้ พระราชบิดาของพระเจ้าตงหัว ได้ตั้งให้เป็น หลีจีนอ๋อง แต่เกิดวิวาทกับน้องชายของฮองเฮา พระเจ้าฮีจงทรงขัดเคืองจะให้เอาตัวไปฆ่าเสีย แต่ขุนนางทูลขอโทษไว้จึงให้เนรเทศออกไปนอกเขตแดน หลีจีนอ๋องจึงไปตั้งตัวอยู่ที่เมืองซาถอ

เทียะเปงซือถือรับสั่งพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ และคุมสิ่งของพระราชทาน พร้อมด้วยนายทหารแปดคน ทหารเลวห้าร้อย เดินทางไปถึงเชิงเขาเอียฮู้เนียก็พบโจรพวกหนึ่ง ตัวนายนั้นโพกผ้าเหลือง ใส่เกราะถือทวนขี่ม้ายืนสกัดทางอยู่ เรียกร้องจะเอาเงินค่าผ่านทาง เทียะเปงซือไม่ยอมให้ พวกโจรจึงออกมาไล่ตีต้อนจับเอาพวกทหาร และเกวียนใส่ของพระราชทาน ที่คุมมานั้นไปจนหมดสิ้น เทียะเปงซือขับม้าหนีมาได้แต่ตัวผู้ดียว ครั้นหนีมาได้ไกลแล้วก็ลงจากม้านั่งใต้ต้นไม้คิดรำพึงว่า ครั้งนี้เจ้านายแผ่นดินถังคงจะสิ้นเชื้อวงศ์เสียจริงแล้ว จึงเผอิญให้เป็นเหตุดังนี้ ตนเองถูกใช้มาก็ไม่ได้ราชการเป็นที่น่าอัปยศหนักหนา จะมีชีวิตอยู่ไปใยผูกคอตายเสียดีกว่า

ขณะที่เทียะเปงซือร้องไห้รำพันอยู่นั้น ก็มีทหารพวกหนึ่งเดินเป็นกระบวนแห่แหนกันมา ตัวนายนั้นเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม เมื่อเข้ามาใกล้ก็ถามเทียะเปงซือว่า ทำกิริยาจะผูกคอตาย อยู่ดังนี้ด้วยเหตุสิ่งใด เทียะเปงซือจึงลุกออกมาคำนับแล้วบอกว่า

“…….ข้าพเจ้านี้ชื่อเทียะเปงซือ เป็นขุนนางอยู่ในพระเจ้าตงหัว ซึ่งครอบครองแผ่นดินถัง พระเจ้าตงหัวรับสั่งใช้ให้ไปหาหลีอาหยี ซึ่งเป็นที่หลีจีนอ๋อง ณ เมืองซาถอ……”

นายทหารผู้นั้นก็ถามว่า ท่านนี้เป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์หรือ เทียะเปงซือก็รับว่าตนเป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ นายทหารผู้นั้นก็ลงจากหลังม้าเดินเข้ามาจับมือเทียะเปงซือให้ลุกยืนขึ้น เทียะเปงซือจึงถามชื่อแซ่และว่ารู้จักตนได้อย่างไร นายทหารผู้นั้นก็บอกว่า

“……..ข้าพเจ้าแซ่ลี้ชื่อหงวน เป็นบุตรผู้ใหญ่ของหลีอาหยี ซึ่งเป็นที่หลีจีนอ๋อง ครองเมืองซาถอ ข้าพเจ้าได้ยินบิดาออกชื่อถึงท่านอยู่เนือง ๆ จึงได้รู้ว่าท่านเป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ บัดนี้ข้าพเจ้าลาบิดาออกมาเที่ยวยิงนกไล่เนื้อเล่นในป่า ท่านไปไหนมาจึงมานั่งเศร้าโศกอยู่ในพุ่มไม้นี้แต่ผู้เดียว……..”

เทียะเปงซือก็เล่าความตั้งแต่ฮ่องเฉาเป็นกบฏ จนพระเจ้าตงหัวต้องหนีมาอยู่ที่เมืองไซคีจิ๋ว และให้ตนมาเชิญหลีจีนอ๋องไปช่วยปราบกบฏ แต่กลับถูกพวกโจรตีปล้นจนหมดตัว ตั้งใจจะผูกคอตาย ท่านก็ได้มาพบเข้า จึงนับว่าเป็นบุญของพระเจ้าแผ่นดินถัง

หลีซือหงวนได้ฟังจึงว่าอย่าวิตกเลย จะเอาทรัพย์สินเหล่านั้นคืนมาให้จงได้ แล้วก็ขึ้นม้านำทหารไปถึงที่ชุมนุมพวกโจร แล้วร้องท้าพวกโจรให้ออกมาสู้กัน สีถิซัว นายโจรก็ยกพวกโจรสองร้อยเศษออกมา ครั้นเห็นหลีซือหงวนก็คุกเข่าลงคำนับแล้วก้มหน้านิ่งอยู่ หลีซือหงวนก็ถามชื่อแซ่และเหตุที่มาปล้นของหลวง นายโจรก็บอกว่าเมื่อเวลาเช้า เจียเองตัด นายรองของตน ได้ปล้นเอาทรัพย์สิ่งของเงินทองเป็นอันมาก และจับคนไว้ได้ประมาณห้าร้อยเศษ ถามคนที่ถูกจับว่าเป็นของพระเจ้าแผ่นดินถัง พระราชทานให้บิดาของหลีซือหงวน ตนจึงจะเอาสิ่งของนั้นมาคืน แต่เจียเองตัดไม่ยอม ตนคิดถึงคุณและกลัวอาญาจากหลีจีนอ๋อง จึงตัดศรีษะเจียเองตัดเสีย แล้วรวบรวมเอาทรัพย์สิ่งของและผู้คน จะเอาไปส่งให้หลีจีนอ๋อง พอดีมาพบหลีซือหงวน จึงขอสมัครทำราชการอยู่ด้วย

หลีซือหงวนก็ยินดีรับไว้ สั่งให้กลับไปเผาที่ชุมนุมเสีย และรวบรวมทรัพย์สิ่งของที่ปล้นเอาไปนั้น กลับไปถึงเมืองซาถอภายในวันนี้ แล้วหลีซือหงวนก็จัดคนใช้ขี่ม้าเร็วรีบไปแจ้งความแก่บิดาก่อน แล้วพาเทียะเปงซือเดินทางต่อไปจนใกล้เมืองซาถอ ก็พบหลีจีนอ๋องจัดกระบวนทหารหมื่นหนึ่งมาคอยต้อนรับ

เทียะเปงซือกับหลีจีนอ๋องก็ลงจากม้าคำนับกันตามธรรมเนียม แล้วหลีจีนอ๋องจึงว่า ตั้งแต่พลัดพรากจากบ้านเมืองมา ก็มีใจคิดถึงท่านผู้เป็นมิตรสหายอยู่มิได้ขาด บัดนี้ท่านอุตส่าห์มาถึงนี่ได้พบกันก็เป็นบุญหนักหนา แล้วหลีจีนอ๋องก็พาเทียะเปงซือเข้าไปในเมือง จัดที่อยู่เลี้ยงดูปฏิบัติเป็นอันดี

ครั้นเทียะเปงซือและทหารทั้งปวงมีที่อยู่เป็นปกติแล้ว ก็เข้าไปหาหลีจีนอ๋อง แจ้งว่า บัดนี้แผ่นดินถังเกิดยุคเข็ญด้วยฮ่องเฉาคิดกบฏ พระเจ้าตงหัวต้องหนีมาอยู่เมืองไซคีจิ๋ว และมีรับสั่งว่า

“……..การครั้งนี้ไม่เห็นผู้ใดแล้ว เห็นแต่ท่านผู้เดียว จะปราบยุคเข็ญคืนเอาแผ่นดิน ให้คงเป็นแผ่นดินถัง แซ่ลี้จะได้ยืนยงคงเป็นเจ้า ให้ท่านยกกองทัพไปช่วยรักษาเชื้อวงศ์และแซ่ลี้ไว้ ให้คงเจริญอยู่ในราชอิสริยยศเหมือนแต่ก่อน……..”

แล้วก็ส่งหนังสือรับสั่งให้ หลีจีนอ๋องจึงให้ตั้งโต๊ะจุดธูปเทียนคำนับรับหนังสือรับสั่งมาฉีกผนึกออกอ่าน มีความว่า

….พระเจ้าตงหัวผู้ครองแผ่นดินถัง ขอแจ้งความมายังหลีอาหยีผู้เป็นหลีจีนอ๋อง ด้วยฮ่องเฉาชาวเมืองเช่าจิ๋วเป็นต้นกบฏ ยกเข้าตีบ้านเล็กเมืองน้อยได้หลายเมือง ฆ่าฟันไพร่พลทหารล้มตายเป็นอันมาก แล้วยกมาตั้งค่ายประชิดเมืองเชียงอาน ข้าพเจ้าเห็นว่าสู้รบต้านทาน รักษาเมืองไว้มิได้ ด้วยขุนนางนายทหารซึ่งมีสติปัญญาและมีฝีมือนั้น มีอยู่น้อยตัวนัก จึงได้ทิ้งเมืองเสียมาอยู่เมืองไซคีจิ๋ว ปรารถนาจะรวบรวมทหารหัวเมือง ยกกองทัพไปกำจัดฮ่องเฉาคืนเอาเมืองเชียงอานให้จงได้ แต่หาคนที่มีสติปัญญาจะเป็นแม่ทัพนั้นไม่มีตัว

บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่าท่านมาอยู่เมืองซาถอก็มีความยินดี ด้วยท่านกับข้าพเจ้าเป็นญาติวงศ์เดียวกัน จึงมีหนังสือมาตั้งให้ท่านเป็นที่หลีจีนอ๋องแม่ทัพใหญ่ ได้บังคับบัญชานายทัพนายกองและทหารทั้งสิ้น แล้วให้เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองคีจิ๋ว เมืองไตจิ๋ว เมืองเจียะจิ๋ว เมืองไกจิ๋วด้วย ประการหนึ่งถ้าท่านจะต้องประสงค์สิ่งไร มีผู้ขัดขวางไว้ก็ให้จับผู้นั้นฆ่าเสีย

ข้าพเจ้าได้จัดสิ่งของคือเสื้อลายมังกรสำรับหนึ่ง สายรัดเอวประดับหยกสายหนึ่ง เงินสิบเกวียน มอบให้เทียะเปงซือขุนนางฝ่ายอาลักษณ์คุมมาให้ท่าน ขอท่านได้จัดกองทัพยกไปช่วยกำจัดฮ่องเฉา คืนเอาเมืองเชียงอานให้จงได้ แผ่นดินของพระเจ้าถังเกาโจ๊อัยกาเรา ซึ่งเป็น ต้นวงศ์สืบแผ่นดินถังมานั้น จึงมีความเจริญยืนยาวต่อไป…………

หลีจีนอ๋องอ่านหนังสือแจ้งข้อความทุกประการแล้ว เทียะเปงซือก็นำเอาสิ่งของพระราชทานมามอบให้ หลีจีนอ๋องก็รับสายรัดเอวกับเสื้อเข้าสวมใส่ แล้วเรียกบุตรทั้งสิบสองคน กับขุนนางและนายทหารประมาณห้าร้อย ให้มาคำนับระลึกถึงพระเจ้าตงหัวทุกคน

แต่หลีจีนอ๋องจะทำการสิ่งใดต่อไป เพื่อช่วยกอบกู้แผ่นดินถังของวงศ์ตระกูลนั้น ก็คงจะต้องรอให้ถึงตอนหน้า.

#############

วารสารฟ้าหม่น
มีนาคม ๒๕๔๔


Create Date : 14 กรกฎาคม 2551
Last Update : 14 กรกฎาคม 2551 12:38:52 น. 0 comments
Counter : Pageviews.




 

Create Date : 28 มกราคม 2554    
Last Update : 28 มกราคม 2554 20:37:18 น.
Counter : 554 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง

หน้าปก นักรบสองแผ่นดิน

ชุด ทหารเสือแผ่นดินถัง


Thanks: gclub




 

Create Date : 28 มกราคม 2554    
Last Update : 28 มกราคม 2554 20:23:00 น.
Counter : 487 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.