Group Blog
 
All Blogs
 

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๙ ฮ่องเต้คืนเมือง

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๙ ฮ่องเต้คืนเมือง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ ตั้งแต่เสด็จมาอยู่ที่เมืองไซคีจิว ก็ไม่สบายพระทัย ทรงพระวิตกกลัวจะไม่ได้กลับไปครอบครองเมืองหลวงตามเดิม จึงรับสั่งถามขุนนางถึงเรื่องที่ หลีจีนอ๋อง ยกกองทัพไปรบกับ ฮ่องเฉา อยู่เนือง ๆว่าได้ทีเสียทีประการใด แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบไม่ อยู่มาวันหนึ่ง แต้เถียน ซึ่งเป็นเจ้าเมืองไซคีจิวมาแต่เดิมนั้น กราบทูลว่าได้ใช้ทหารไปสืบข่าวราชการกองทัพหลีจีนอ๋อง ได้ความว่ายกเข้าสู้รบกับทหารฮ่องเฉาหลายครั้ง ทหารหลีจีนอ๋องมีชัยชนะทุกครั้ง บัดนี้ยกกองทัพเข้าไปเกือบจะได้เมืองเชียงอานอยู่แล้ว พระเจ้าตงหัวก็มีพระทัยยินดี

ครั้นนายประตูเข้ามาบอกให้กราบทูลว่า เทียะเปงซือ กับ หลีซุนเฮ้า บุตรเลี้ยงหลีจีนอ๋องที่สิบสาม มาแต่กองทัพจะขอเข้าเฝ้าพระเจ้าตงหัว จึงรับสั่งให้ขุนนางออกมานำเข้ามาเฝ้าถึงหน้าพระที่นั่ง เทียะเปงซือถวายบังคมทูลว่าหลีจีนอ๋องให้มาเชิญเสด็จกลับไปเมืองเชียงอาน แล้วก็กราบทูลเล่าความตามที่ได้สู้รบกับฮ่องเฉา จนฮ่องเฉาตายหลีจีนอ๋องได้เมืองเชียงอาน ให้พระเจ้าตงหัวทรงทราบโดยตลอด

พระเจ้าตงหัวมีพระทัยยินดียิ่งนัก จึงตรัสถามว่าการซึ่งสู้รบกับฮ่องเฉาครั้งนี้ ทหารผู้ใดที่มีฝีมือเข้มแข็ง เป็นที่ยิ่งกว่าทหารทั้งปวง เทียะเปงซือจึงกราบทูลว่า

“……..หลีจีนอ๋องมีบุตรตัวบุตรเลี้ยงอยู่สิบสามคนเป็นทหาร ได้สู้รบกับข้าศึกทุกคน แต่หลีซุนเฮ้าบุตรที่สิบสามซึ่งมากับข้าพเจ้า ได้สู้รบกับข้าศึกมีชัยชนะมาก หามีผู้ใดต้านทานฝีมือได้ไม่……..”

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

“……….หลีซุนเฮ้านี้ดูรูปร่างแบบบาง ไม่น่าจะเป็นคนมีกำลังแข็งแรง…..”

ตรัสดังนั้นแล้ว ก็สั่งให้เจ้าพนักงานจัดเตรียมการที่จะเสด็จไปเมืองเชียงอาน ครั้นได้วันฤกษ์ดีก็เสด็จออกจากเมืองไซคีจิว

เมื่อขบวนเสด็จของพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ เดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ก็พบกองทัพหนึ่งตั้งขวางหน้าอยู่ นายทหารใส่เกราะขี่ม้าถืออาวุธออกมายืนอยู่หน้าทหาร พระเจ้าตงหัวทราบว่ามีกองทัพมาตั้งขวางทางอยู่ก็ตกพระทัย เทียะเปงซือก็กราบทูลว่าซึ่งข้าศึกยกมาตั้งสกัดอยู่นั้น ขอพระองค์อย่าได้ทรงพระวิตก รับสั่งให้หลีซุนเฮ้าออกไปก็จะตีแตกไปได้โดยเร็ว พระเจ้าตงหัวก็รับสั่งกับหลีซุนเฮ้าว่า ท่านจงออกไปรบกับข้าศึกให้เราชมฝีมือสักหน่อยหนึ่ง

หลีซุนเฮ้าก็ถวายคำนับออกมาแต่งตัวขึ้นม้าถืออาวุธ นำทหารไปถึงหน้าขบวนทหารข้าศึกแล้วร้องถามว่า พวกอ้ายโจรมึงจะพากันมาหาที่ตายหรือ จึงได้มาตั้งขวางทางอยู่ดังนี้ นายทหารข้าศึกที่ชื่อ ฮ่องปา ก็ตอบว่า

“………เราเป็นน้องของฮ่องเฉา เรามาตั้งอยู่นี้หมายจะรบกับพวกเจ้าแผ่นดินถัง แก้แค้นแทนฮ่องเฉาผู้พี่เรา…….”

หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าเข้ารบกับฮ่องปา ยังไม่ทันถึงเพลงฮ่องปากำลังน้อย ไม่สู้ชำนาญในเพลงอาวุธ ก็ถูกหลีซุนเฮ้าเอาทวนแทงตายซบอยู่กับหลังม้า ทหารของหลีซุนเฮ้าก็เข้าไล่บุกบันฆ่าฟันทหารข้าศึกล้มตายแตกหนีไปสิ้น

พระเจ้าตงหัวเห็นหลีซุนเฮ้ารบได้ชัยชนะแก่ฮ่องปาโดยรวดเร็ว ก็ตรัสชมว่ามีฝีมือกล้าหาญเพลงอาวุธคล่องแคล่วรวดเร็วนัก สมควรเป็นนายทหารเอกหาผู้เสมอมิได้ แล้วจึงทรงตั้งให้หลีซุนเฮ้าเป็นที่องน่ำก๋องทหารเอก แล้วก็รับสั่งให้เคลื่อนขบวนเดินทางต่อไป

เมื่อขบวนเสด็จของพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ เดินทางมาใกล้จะถึงเมืองเชียงอาน เทียะเปงซือก็ให้ม้าใช้รีบเอาข่าวเข้าไปแจ้งแก่หลีจีนอ๋อง เมื่อทราบแล้วหลีจีนอ๋องและขุนนางเจ้าเมืองนายทหารทั้งปวง ก็พากันออกมารับเสด็จนอกเมือง กระทำคำนับถวายบังคมแล้วเชิญให้ประทับอยู่นอกเมืองเป็นเวลาสามวัน เมื่อได้ฤกษ์ดีก็เสด็จเข้าเมืองเชียงอาน ราษฎรตามแถวถนนก็ตั้งเครื่องบูชาตามหน้าตึกหน้าบ้าน ตลอดไปจนถึงประตูพระราชวัง

ครั้นเสด็จเข้าไปในพระราชวัง เห็นพระตำหนักน้อยใหญ่ซึ่งซ่อมแซมและปลูกสร้างขึ้นใหม่ หมดจดงดงามดีกว่าแต่ก่อน ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าหลีจีนอ๋องนี้สมควรเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ทำนุบำรุงแผ่นดิน เมื่อรับสั่งให้พระญาติวงศ์และนางข้างในเข้ามาอยู่ตามตำหนักใหญ่น้อย เป็นปกติดีแล้ว ฮ่องเต้ก็เสด็จออกให้หาหลีจีนอ๋องเข้าไปเฝ้า และตรัสว่า

“……..ครั้งนี้ท่านได้ปราบปรามฮ่องเฉากู้แผ่นดิน ให้แซ่ลี้ได้คงเป็นเจ้าแผ่นดินอยู่ตามเดิมนั้น ความชอบของท่านมากนัก นับว่าเป็นคนมีกตัญญูต่อแผ่นดินวงศ์ถัง ซึ่งเป็นต้นแซ่ของเราสืบ ๆ กันมาทุก ๆ พระองค์ จะหาสิ่งใดทดแทนบุญคุณท่านนั้น ก็ไม่มีที่เป็นอันจะสมควร ท่านจงเอาเมืองเปงจิว เมืองซินจิว เมืองเสียวจิว เมืองซกจิว สี่หัวเมืองไว้เป็นเมืองส่วย ขึ้นกับท่านเถิด…….”

หลีจีนอ๋องก็กราบทูลว่า

“……..ซึ่งข้าพเจ้ากับนายทัพนายกองได้ปราบปรามข้าศึก สำเร็จเรียบร้อยไปได้ดังนี้ ก็เพราะบุญบารมีของพระองค์ซึ่งจะได้คงเป็นกษัตริย์ ปกป้องไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสืบวงค์ถังต่อไป และซึ่งโปรดตั้งให้ข้าพเจ้ากับหลีซุนเฮ้ามียศบรรดาศักดิ์ พระราชทานรางวัลเป็นอันมากนั้นพระคุณเป็นที่ยิ่ง แต่การศึกสงครามซึ่งสำเร็จไปได้ครั้งนี้ ก็เพราะหลีซุนเฮ้าเป็นทหารมีฝีมือคนหนึ่ง การสติปัญญาคิดผ่อนสั้นผ่อนยาว ประมาณการหน้าหลังนั้นคือ จิวเต๊กอุยเป็นต้นมีความชอบมาก พระองค์ก็ยังหาได้ตั้งแต่งพระราชทานบำเหน็จรางวัลไม่……..”

พระเจ้าตงหัวจึงตรัสว่า

“………การทั้งนี้ขุนนางนายทหารที่ได้เหน็ดเหนื่อย มีความชอบมากน้อยประการใด ท่านจงได้ชี้แจงให้เราฟังเถิด จะได้ตั้งแต่งให้ตามสมควร………”

ตรัสดังนั้นแล้ว ฮ่องเต้ก็ตั้งให้จิวเต๊กอุยเป็นที่ไต้สุมาขุนนางผู้ใหญ่ พระราชทานบ้านส่วยเมืองขึ้นให้เป็นบำเหน็จสมควรแก่ความชอบ แล้วรับสั่งให้เจ้าพนักงานยกโต๊ะมาตั้ง เลี้ยงหลีจีนอ๋องและเจ้าเมืองทั้งยี่สิบเจ็ด กับนายทัพนายกองพร้อมกันหน้าที่นั่ง แล้วทรงตรัสปราศรัยกับเจ้าเมืองและนายทัพนายกองทั่วกันไป ครั้นกินโต๊ะเลี้ยงแล้วหลีจีนอ๋องกับเจ้าเมืองทั้งหลาย ก็กราบถวายบังคมลาจะกลับไป ฮ่องเต้จึงตรัสว่า

“………ท่านทั้งปวงได้มาช่วยราชการศึกสงครามครั้งนี้ โดยใจภักดีกตัญญูต่อแผ่นดิน เรามีความขอบใจท่านยิ่งนัก ท่านจงกลับไปรักษาบ้านเมือง ให้มีความสุขเจริญทุก ๆ คนเถิด……….”

ครั้นพระเจ้าตงหัวเสด็จขึ้นแล้ว หลีจีนอ๋องกับเจ้าเมืองทั้งหลายก็ออกมาจัดทหาร ยกกองทัพกลับแยกทางกันไปเมืองของตน หลีจีนอ๋องกลับมาถึงเมืองเปงจิว ก็จัดแจงทำบ้านที่อยู่เป็นปกติแล้ว จึงปรึกษากับหลีซุนเฮ้าว่า

“……..ครั้งนี้พระเจ้าตงหัวชุบเลี้ยงเราทั้งสองให้มียศบรรดาศักดิ์ มีพระคุณเป็นอันมาก เราหาควรจะนิ่งนอนอยู่กับบ้านเมืองไม่ ด้วยบ้านเมืองราชอาณาเขตของพระเจ้าตงหัวนั้น เกิดการระส่ำระสายเพราะฮ่องเฉามาหลายปี บัดนี้พระเจ้าตงหัวก็ได้กลับมาอยู่เมืองหลวงแล้ว หัวเมืองเหล่านั้นจะกระด้างกระเดื่องอยู่บ้าง หรือจะดีเป็นปกติเหมือนแต่ก่อนก็ยังไม่รู้แน่ จำเราทั้งสองจะคุมทหารเป็นกองทัพออกลาดตระเวน ตามหัวเมืองน้อยใหญ่ฟังดูกิจทุกข์สุขของราษฎร จึงจะสมควรกับที่พระเจ้าแผ่นดินชุบเลี้ยงเรา………..”

หลีซุนเฮ้าได้ฟังก็เห็นชอบด้วย จึงจัดทหารแบ่งออกเป็นสองกอง หลีจีนอ๋องคุมพวกหนึ่งไปทางทิศใต้ หลีซุนเฮ้าคุมอีกพวกหนึ่งไปทางฝ่ายเหนือ สัญญาจะไปบรรจบกันที่เมืองเปียนเหลียง ครั้นจัดทหารเสร็จแล้วก็ยกแยกทางกันไป

หลีจีนอ๋องเดินทางตรวจราชการตามหัวเมือง จนไปถึงเมืองเปียนเหลียงก่อน ก็หยุดพักทหารคอยหลีซุนเฮ้าอยู่ที่หน้าเมือง ก็ได้รับหนังสือจาก จูอุน เจ้าเมืองเปียนเหลียงซึ่งเคยขัดเคืองกัน เมื่อครั้งที่จะยกกองทัพไปปราบกบฏฮ่องเฉา หลีจีนอ๋องเปิดผนึกออกอ่านหนังสือนั้นมีความว่า

จูอุนขอคำนับมายังหลีจีนอ่อง ด้วยข้าพเจ้าทราบว่าท่านคุมทหารเที่ยวลาดตระเวน ปราบโจรผู้ร้ายซึ่งเป็นเสี้ยนหนามต่อแผ่นดิน ให้ไพร่บ้านพลเมืองได้มีความสุขสบายนั้น ข้าพเจ้ามีความยินดียิ่งนัก ขอเชิญท่านเข้ามากินโต๊ะในเมืองเปียนเหลียง สนทนากันให้สบายสักเวลาหนึ่ง

หลีจีนอ๋องแจ้งความแล้วก็สั่งให้จัดแจงทหารพอสมควร จะเข้าไปกินโต๊ะในเมืองเปียนเหลียงตามคำเชิญของจูอุน จิวเต๊กอุยจึงพูดกับหลีจีนอ๋องว่า

“……..ตัวท่านกับจูอุนมีสาเหตุบาดหมางกันอยู่ ซึ่งจะเข้าไปในเมืองเปียนเหลียงครั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าจูอุนคงจะคิดทำร้ายท่านเป็นแน่………”

หลีจีนอ๋องก็ว่า

“……..จูอุนกับเราไม่ชอบกันก็จริงอยู่ แต่ครั้งนี้เขาได้มีหนังสือมาเชิญแล้ว ครั้นจะไม่เข้าไป ก็จะเป็นคนขลาดกลัวจูอุนนัก ถ้าเข้าไปแล้วจูอุนจะคิดทำร้ายประการใด ก็คงจะแก้ตัวกลับออกมาได้………”

จิวเต๊กอุยก็พยายามห้ามปราม โดยชักเรื่องโบราณสมัยแผ่นดินเลียดก๊ก ครั้ง กงจูกิก๊อง คิดจะฆ่า อองเหนียว จึงเชิญไปกินโต๊ะที่บ้าน ให้คนใช้ยกจานปลาออกมาตั้ง และซ่อนมีดมาในท้องปลาด้วย เมื่อเอาจานปลามาตั้งชิดตัว กงจูกิก๊องก็ชักมีดจากท้องปลา ออกมาแทงอองเหนียวตาย ทั้ง ๆ ที่มีทหารฝีมือดีมาด้วยเป็นอันมาก แต่ก็ป้องกันไม่ทัน จึงขอให้หยุด ตริตรองให้ดีก่อน

หลีจีนอ๋องได้ฟังก็หัวเราะ แล้วจึงว่า

“……….ท่านพูดทัดทานดังนี้ก็ควรอยู่ แต่เกิดมาเป็นชายชาติทหารแล้ว ก็หากลัวสติปัญญาและอุบายของคนทั้งปวงไม่ ข้าพเจ้าคงจะเข้าไปในเมืองเปียนเหลียงให้จงได้…”

แล้วก็สั่งให้นายทหารเอกสี่คนคุมทหารฝีมือดีสามพัน พากันเข้าไปในเมืองเปียน เหลียง ตามคำเชิญของคู่อาฆาตเก่า โดยยังไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์ เช่นเดียวกับเรื่องโบราณ ซึ่งที่ปรึกษาได้ยกมาเป็นอุทธาหรณ์หรือไม่.


##########

วารสารฟ้าหม่น
มกราคม ๒๕๔๕

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:33:01 น. 0 comments
Counter : 30 Pageviews.




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 7:00:07 น.
Counter : 454 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๘ กบฏพ่าย

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๘ กบฏพ่าย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย ฮ่องเฉา หรือ พระเจ้ากิมถองฮ่องเต้ ซึ่งยกกองทัพมาถึงแขวงเปาเหลงชวน ห่างค่ายของ หลีจีนอ๋อง ประมาณสิบลี้ ก็หยุดทหารซุ่มอยู่แล้วให้ทหารลอบเข้าไปสืบความที่ค่ายข้าศึก ได้ความว่าไม่ได้ยินเสียงผู้คนในค่าย มีแต่เสียงกระดึงและกลองตีอยู่เสมอ ไม่เป็นจังหวะกัน กัวะซองจิว แม่ทัพก็ว่า

“……ซึ่งกลองและกระดึงไม่ตีเป็นจังหวะกันนั้น คิดเห็นว่าหลีจีนอ๋อง กับนายทัพนายกอง จะพากันเสพสุราเมามัวนอนหลับไป ทหารเลวจึงได้มีความประมาท ตีกลองและระฆังไม่เป็นจังหวะกัน ท่านยกไปปล้นค่ายครั้งนี้เห็นจะได้ชัยชนะเป็นแน่……..”

ฮ่องเฉาก็เกลี้ยกล่อมนายทัพนายกองและทหารทั้งปวงว่า ท่านทั้งหลายจงช่วยกันรบสู้ให้เต็มฝีมือ อย่าได้คิดย่อท้อแก่ข้าศึกเลย ครั้นตระเตรียมกันพร้อมแล้ว ถึงเวลายามสองก็ยกกองทัพเข้าไปปล้นค่ายหลีจีนอ๋อง ครั้นไปถึงก็ไม่เห็นผู้คนเลย มีแต่แพะผูกแขวนไว้กับไม้ตีกลองกับม้าผอมโซผูกกระพรวนและกระดึง ปล่อยอยู่ในค่าย ฮ่องเฉาก็ตกใจ กัวะซองจิวก็สั่งทหารให้เร่งถอยกลับออกไปโดยเร็ว ทหารก็พากันแตกตื่นวุ่นวายเป็นอลหม่าน วิ่งเหยียบกันล้มตายลงเป็นอันมาก พอถอยออกมาได้ห่างค่ายประมาณสามลี้ เป็นเวลาสางจวนรุ่งสว่าง ก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาและกลองรบอื้ออึงไปทุกทิศ กองทัพซึ่งจิวเต๊กอุยให้ซุ่มอยู่นั้น ก็ยกตีกระหนาบเข้ามาทั้งสี่ด้าน ทหารในกองทัพของฮ่องเฉาตกใจกลัว หาเป็นอันที่จะสู้รบไม่ ต่างก็แตกหนีกระจายกันไป กองทัพของหลีจีนอ๋องไล่ฆ่าฟันล้มตายลงไปเป็นอันมาก

ฮ่องเฉาเห็นเสียทีแล้ว ก็ขับม้าหนีไปทางทิศใต้ พบหลีจีนอ๋องคุมทหารตั้งสกัดทางอยู่ ไปหาได้ไม่ก็พาทหารย้อนกลับมาทางทิศเหนือ พบกับกองทัพ หลีซือหงวน ตั้งสกัดทางอยู่ ต้องพาทหารหนีไปทางทิศตะวันออก ก็มีกองทหารของหลีจีนอ๋องดักไว้อีก ฮ่องเฉาก็คิดมานะว่าจะหักออกไปทางทิศตะวันตกให้จงได้ ถ้ารั้งรออยู่ก็คงไม่พ้นมือข้าศึก แล้วก็ขับม้าพาทหารไปทางทิศตะวันตก พบ หลีคังกุน กับ หลีซองซิน ขับม้าพาทหารเข้ารบต้านหน้าไว้ ฮ่องเฉากับทหารก็รบหักออกไปไม่คิดชีวิต บุตรของหลีจีนอ๋องทั้งสองคนต้านทานไม่อยู่ ต้องเปิดทางให้ฮ่องเฉาหนีรอดไปได้

เมื่อหลีจีนอ๋องแจ้งว่าฮ่องเฉาหนีรอดออกไปทางด้านทิศตะวันตก ก็มีความโกรธหลีคังกุนและหลีชองซินเป็นอันมาก จึงสั่งให้ทหารจับตัวบุตรชายทั้งสองคนไปประหารเสีย จิวเต๊กอุยจึงท้วงว่า

“…….ซึ่งท่านจะให้ฆ่านายทหารเสียในกำลังศึกติดพันนั้น ยังไม่ควรก่อน ขอให้คิดอ่านเร่งจับตัวฮ่องเฉาเสียให้ได้โดยเร็ว เมื่อได้ตัวฮ่องเฉามาแล้ว จึงค่อยพิพากษาโทษนายทหารตามผิดและชอบ………..”

หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย

ฝ่ายฮ่องเฉาครั้นหนีพ้นกองทัพออกไปได้แล้ว ก็ถามทหารซึ่งตามมาว่า เมื่อเวลาเช้า เราได้รบกับทหารหลีจีนอ๋องหลายพวกหลายเหล่า ไม่ได้พบทหารที่มียี่ห้อว่าปวยฮ้อเจียงกุนเลย ทหารจึงว่าซึ่งเราหนีออกมาได้ครั้งนี้ ก็เพราะไม่พบหลีซุนเฮ้า ถ้าพบแล้วที่ไหนจะหนีรอดมาได้ พูดกันได้เท่านั้นก็เห็ว่าในป่าริมทางนั้น มีธงยี่ห้อปวยฮ้อเจียงกุนดักอยู่ พวกทหารที่ตาม ฮ่องเฉามานั้น ก็ตกใจเหมือนชีวิตจะออกจากร่าง นายทหารของฮ่องเฉาทั้งเจ็ดคน ต่างก็ตกใจลงแส้ขับม้าหนีไปหมด
ฝ่าย หลีซุนเฮ้า ยกทหารออกจากป่าก็พบฮ่องเฉายืนม้าอยู่ นายทหารของหลีซุนเฮ้าก็บอกว่า ที่ใส่เสื้อเกราะทองคำขี่ม้าเซียวเอียวเบ๊นั้นคือฮ่องเฉา หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าเข้าไปจะรบกับฮ่องเฉา แต่ฮ่องเฉากับ ฮ่องเมี้ยน ผู้หลานกลับขับม้าหนีไปด้วยฝีเม้าอันเร็ว หลีซุนเฮ้าตามหาทันไม่ ฮ่องเฉาหนีไปพบกองทหารตั้งสกัดทางอยู่กองหนึ่ง นายกองถามว่าท่านนี้ชื่อใดมาแต่ไหน ฮ่องเฉาก็บอกว่าตัวเราชื่อฮ่องเฉาผู้เป็นเจ้าแผ่นดินไต้ฉีหนีข้าศึกมา นายทหารผู้นั้นได้แจ้งแล้วจึงว่า

“……..ท่านเป็นเจ้าแผ่นดินไต้ฉี ก็เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า ตัวข้าพเจ้านี้ชื่อฮั่นตง ตั้งส้องสุมผู้คนพวกพ้องอยู่ที่เขากิมเตงไท้ฮังซัว ขอเชิญท่านหยุดพักสำนักอยู่ที่นี้ก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะไปสู้รบกับข้าศึก แก้แค้นแทนท่านให้ได้……..”

ฮ่องเมี้ยนจึงกระซิบพูดกับฮ่องเฉาว่า ท่านจงเร่งรีบหนีเอาตัวรอดไปให้พ้นภัยโดยเร็วดีกว่า ซึ่ง ฮั่นตง รับว่าจะไปสู้รบกับหลีซุนเฮ้านั้นก็คงสู้ไม่ได้ กำลังพูดกันอยู่หลีซุนเฮ้าก็ตามมาถึง ฮ่องเฉากับหลานก็ขับม้ารีบหนีต่อไป ฮั่นตงก็ขับทหารออกตั้งขวางไว้ หลีซุนเฮ้าก็ร้องถามว่า

“…….ทหารพวกนี้มาแต่ไหน จึงได้มาตั้งสกัดทาง
เราไว้ จะเอาชีวิตมาเซ่นอาวุธเราหรือ…….”

ฮั่นตงได้ฟังก็โกระขับม้าเข้ารบกับหลีซุนเฮ้า แต่
ไม่ทันถึงสองเพลง หลีซุนเฮ้าก็จับตัวได้แล้วเอากระบี่ตัดศรีษะเสีย พวกทหารของฮั่นตงก็พากันหนีกระจายไปสิ้น

ฝ่ายฮ่องเฉากับฮ่องเมี้ยนพากันหนีลัดทางไป จนถึงถ้ำแห่งหนึ่งก็รำพึงว่าคงจะเป็นที่ตายของตน จึงพูดกับหลานชายว่า เมื่อครั้งแผ่นดินไซฮั่นนั้น ฌ้อปาอ๋อง เชือดคอตาย ให้เปะทอง เอาศรีษะไปถวาย พระเจ้าฮั่นโกโจ ได้บำเหน็จรางวัลเป็นอันมาก ก็ครั้งนี้เจ้าเป็นหลานติดตามเรา จงเอาศรีษะเราไปให้หลีจีนอ๋องถิด คงจะได้รับบำเหน็จความชอบเหมือนกัน พูดแล้วก็ลงจากหลังม้า ชักกระบี่เชือดคอตายในทันใดนั้นเอง

เมื่อหลีซุนเฮ้าตามมาถึง ฮ่องเมี้ยนก็เอาศรีษะฮ่องเฉาเข้าไปคำนับส่งให้ หลีซุนเฮ้าก็ถามชื่อแซ่แล้วพาตัวกับศรีษะฮ่องเฉา ไปให้หลีจีนอ๋องที่ค่าย และบอกว่า

“………..ข้าพเจ้าติดตามฮ่องเฉาไป ฮ่องเมี้ยนผู้หลานฮ่องเฉาตัดเอาศรีษะมาให้ ข้าพเจ้า……..”

หลีจีนอ๋องจึงถามฮ่องเมี้ยนว่า เหตุใดฮ่องเฉาจึงได้ยอมตายโดยง่าย ฮ่องเมี้ยนจึงบอกว่า

“……….ฮ่องเฉากับข้าพเจ้าหนีไปถึงกลางทาง ข้าพเจ้าเห็นว่าจะหนีไปไม่พ้น จึงเอาทวนแทงฮ่องเฉาตกม้าลง แล้วตัดเอาศรีษะมาให้ท่าน ขอลุกะโทษสามิภักดิ์สมัครทำราชการอยู่กับท่าน………..”

หลีจีนอ๋องจึงถามว่า ฮ่องเฉาแต่งตั้งให้เป็นขุนนางตำแหน่งใด ฮ่องเมี้ยนก็บอกว่า

“……..ข้าพเจ้าและบรรดาบุตรหลานฮ่องเฉานั้น ฮ่องเฉาให้เป็นเกียนเปงอ๋อง มียศเสมอกันทุกคน……..”

หลีจีนอ๋องถามต่อไปว่า ฮ่องเฉาได้เป็นเจ้าแผ่นดินอยู่กี่ปี ฮ่องเมี้ยนตอบว่าฮ่อง เฉาตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ ครอบครองแผ่นดินได้สี่ปีมาแล้ว หลีจีนอ๋องจึงว่า

“……..เจ้าก็มียศและสมบัติมาก เพราะบุญฮ่องเฉา ครั้งนี้เจ้ามาคิดประทุษร้ายต่อฮ่องเฉาผู้มีคุณ เป็นคนอกตัญญูเสียดังนี้ เราจะเลี้ยงไว้นั้นไม่ได้ จะเป็นเยี่ยงอย่างแก่บุตรหลานเราสืบไป……….”

ว่าดังนั้นแล้วก็สั่งให้เอาตัวฮ่องเมี้ยนไปตัดศรีษะเสีย จากนั้นหลีจีนอ๋องก็พิจารณา ดูศรีษะฮ่องเฉา เห็นหน้าตาน่ากลัวผิดผู้คนทั่วไป เห็นว่าถูกต้องตามคำเล่าลือ จึงถาม จิวเต๊กอุยว่าเหตุใดฮ่องเฉาจึงได้มีลักษณะผิดกับมนุษย์ทั้งหลาย จิวเต๊กอุยก็ว่า

“………เพราะเหตุนี้พระเจ้าแผ่นดินถัง เห็นรูปและลักษณะฮ่องเฉา จึงได้ตกพระทัยกลัว และขับไล่ฮ่องเฉาไปเสีย ฮ่องเฉาจึงผูกใจเจ็บแค้นคิดเป็นกบฏขึ้น ครั้งนี้ท่านฆ่าฮ่อง เฉาได้ ปราบศัตรูแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว จงรีบยกกองทัพเข้าไปในเมืองเชียงอาน ปราบปรามราษฎรจัดแจงบ้านเมืองเสียให้เรียบริอย แล้วตั้งให้ขุนนางไปเชิญพระเจ้าตงหัวกลับมาครองราชสมบัติ ชื่อเสียงท่านจะได้ปรากฎว่าเป็นคนมีกตัญญู ได้ช่วยปราบยุคเข็ญในแผ่นดิน เป็นที่สรรเสริญสืบไปชั่วฟ้าและดิน…………”

หลีจีนอ๋องจึงยกกองทัพเข้าไปในเมืองเชียงอาน ราษฎรไพร่บ้านพลเมือง ก็ตั้งเครื่องบูชาคอยรับหลีจีนอ๋องทุกหน้าบ้าน หลีจีนอ๋องก็ประกาศแก่ทหารในกองทัพ มิให้กระทำการข่มเหงเบียดเบียนราษฎรให้เดือดร้อน แล้วสั่งให้ทหารออกเที่ยวสืบเสาะจับญาติพี่น้อง พวกพ้องที่ร่วมคิดกับฮ่องเฉามาฆ่าเสียสิ้น แล้วสั่งให้นายทหารและเจ้าพนักงาน เร่งรัดช่วยกันซ่อมแซมพระตำหนักเดิม กับสร้างขึ้นใหม่ให้งดงามดีกว่าแต่ก่อน แล้วให้หลีซุนเฮ้ากับ เทียะเปงซือ ขุนนางฝ่ายพลเรือน คุมทหารพอสมควรไปเชิญเสด็จ พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ จากเมืองไซคีจิวกลับมาประทับยังเมืองหลวงดังเดิม.

##########

วารสารฟ้หม่น
พฤศจิกายน ๒๕๔๔




Create Date : 22 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:34:04 น. 0 comments
Counter : 39 Pageviews.




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 8:19:23 น.
Counter : 425 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๗ เหยียบเมืองหลวง

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๗ เหยียบเมืองหลวง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย กัวะซองจิว แม่ทัพของ ฮ่องเฉา หัวหน้ากบฏที่ตั้งตัวเป็น พระเจ้ากิมถองฮ่องเต้ ยึดครองเมืองเชียงอานอยู่นั้น เมื่อแตกทัพจากแม่น้ำอึงหอ จนถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน ก็รีบลงเรือข้ามแม่น้ำไป ในเวลานั้นเองก็แลเห็น หลีซุนเฮ้า กับทหารอีกไม่ถึงยี่สิบคน เข้าตีและยึดค่ายของพวกตนที่ริมฝั่งแม่น้ำได้ ก็มีความสดุ้งตกใจกลัวยิ่งนัก คิดว่าเราได้ความลำบากพาทหารมาล้มตายเสียครั้งนี้ ก็เพราะเชื่อ เตียชวน ผู้เดียว พอเรือเข้าถึงฝั่งก็รีบขึ้นบกเข้าไปในเมืองเชียงอาน แล้วแจ้งความกับฮ่องเฉาว่า

“……….ข้าพเจ้ายกกองทัพไปตั้งรักษาอยู่ที่แม่น้ำอึงหอนั้น ได้สู้รบกับกองทัพ หลีจีนอ๋อง เจ้าเมืองซาถอกับกองทัพยี่สิบเจ็ดหัวเมืองเป็นหลายครั้ง เม่งเจาะไฮ้ แพแปะโฮ้ ปันฮวนหลัง ก็เสียทัพตัวตายที่ตำบลฮ่องตงฮู้ทั้งสามนาย แล้วหลีจีนอ๋องให้หลีซุนเฮ้าบุตรเลี้ยงที่สิบสาม เป็นที่ปวยฮ้อเจียงกุน ยกมารบกับกองทัพข้าพเจ้าเป็นหลายครั้ง ได้สู้รบขับเคี่ยวกันเสียนายทหารถึงสี่คน แล้วเตียชวนตั้งค่ายกลศึกกระบวนพิชียสงคราม เจ็ดสิบสองค่าย หลีซุนเฮ้าเข้าตีค่าย ฆ่าเตียชวนตาย ทหารในกองทัพแตกตื่นเสียที รวบรวมกันไม่ติด บัดนี้หลีซุนเฮ้าก็ยกติดตามมาถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน…………”

ฮ่องเฉาได้ฟังดังนั้นก็ตกใจตลึงไป แล้วก็สั่งให้นายทหารกะเกณฑ์กันขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้จงกวดขัน เวลาพรุ่งนี้จึงจะให้ประชุมขุนนาง มาปรึกษาการซึ่งจะสู้รบกับข้าศึกต่อไป

ฝ่าย หลีซุนเฮ้า กับพวกสิบเจ็ดคน ได้อาหารกินอิ่มบริบูรณ์แล้ว จึงสืบถามคนที่ริมแม่น้ำได้ความว่า กัวะซองจิวได้ลงเรือข้ามฟากไปแล้ว หลีซุนเฮ้าได้แจ้งดังนั้นก็รีบไปถอยเรือชาวบ้านมา แล้วจูงม้าลงเรือข้ามฟากขึ้นฝั่งได้ ก็พาพรรคพวกเดินทางไปตามถนน จนเข้าประตูเมือง ก็หารู้ว่าเป็นเมืองใดไม่ คิดสำคัญว่าเป็นเมืองเล็กน้อย ที่กัวะซองจิวหนีเข้าไปอาศัยหลบซ่อนอยู่ แต่เดินไปตามถนนก็เห็นตึกและเก๋งบ้านช่องหนาแน่น งดงามกว่าที่เคยเห็นบ้านเมืองมาแต่ก่อน ถามทหารก็ไม่มีใครเคยไปมาทางนี้เลย หลีซุนเฮ้าจึงถามราษฎรที่เดินไปมาตามถนนว่าเมืองนี้ชื่อใดและผู้ใดเป็นเจ้าเมืองอยู่ ราษฎรก็ว่า

“………ท่านนี้มาแต่ไหนไม่รู้จักเมืองเชียงอานคือเมืองหลวง ฮ่องเฉาเจ้าแผ่นดินไต้ฉีเป็นเจ้าครอบครองอยู่……….”

หลีซุนเฮ้ากับทหารทั้งปวงแจ้งดังนั้นก็สดุ้งใจ จึงปรึกษากันว่าเราพากันล่วงเข้ามาถึงในเมืองแล้ว เป็นที่คับขันนัก ถ้าทหารชาวเมืองล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์ ก็จะพากันตายเสียสิ้น จำจะต้องหลบหลีกไปเสียให้พ้น พอดีเห็นที่แห่งหนึ่งมีฉางข้าวใหญ่ ตั้งเรียงรายกันไปหลายหลัง หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……….ตัวเราเป็นชายชาติทหาร ได้หลงล่วงเข้ามาถึงในเมืองข้าศึกแล้ว จำเราจะทำการให้ชื่อเสียงปรากฎไว้………”

แล้วก็สั่งให้ทหารทั้งสิบเจ็ดคนหาเชื้อเพลิงมาเผาฉางข้าวเหล่านั้น ทหารก็ตกใจจึงว่า ทำการขึ้นดังนี้แล้วจะหนีเล็ดลอดออกไปได้หรือ หลีซุนเฮ้าก็ว่าถ้าเราเผาฉางข้าวไฟไหม้ขึ้น คนในเมืองก็จะตกใจแตกตื่นวุ่นวายกัน เราจึงค่อยปลอมเป็นชาวเมืองหนีออกไปได้ง่าย ดีกว่าออกไปเป็นปกติ ปรึกษาตกลงกันแล้วก็จุดไฟเผาฉางข้าวติดไหม้ขึ้น เวลานั้นลมก็พัดกล้าไฟก็ลุกลามควันมืดคลุ้มกลบขึ้นไป หลีซุนเฮ้ากับพวกก็หลีกเลี่ยงหนีออกจากประตูเมือง ไปพักอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเปาเหลงชวน

ขณะนั้นฮ่องเฉากำลังปรึกษาราชการอยู่กับขุนนาง พอได้ยินระฆังและกลองที่ตี บอกสำคัญว่าเกิดเพลิงไหม้ จึงลุกขึ้นมาดูเห็นควันไฟกลุ้มกลบอากาศขึ้นไปตรงที่ตั้งฉางข้าว พอดีมีผู้วิ่งเข้ามาบอกว่า หลีซุนเฮ้าลอบเข้ามาเอาไฟเผาฉางข้าวทั้งสิบเอ็ดหลังแล้ว ฮ่องเฉาก็ตกใจจึงให้ ฮ่องกุย น้องชายคุมทหารรักษาพระองค์สามพัน ออกไปจับตัวหลีซุนเฮ้ามาให้ได้ แต่เมื่อ ฮ่องกุยไปถึงฉางข้าว ก็หาเห็นตัวหลีซุนเฮาไม่ จึงให้ทหารแยกย้ายกันไปสั่งนายประตู ให้ปิดประตูไว้ให้มั่นคงอย่าให้ผู้คนเข้าออก แล้วก็เร่งให้ทหารช่วยดับเพลิงที่ลุกลามไปตามบ้านเรือนราษฎรจนสงบลง แล้วให้ทหารเที่ยวค้นหาผู้คนแปลกปลอมทั่วทั้งเมือง และประกาศแก่ราษฎรว่า ผู้ใดเห็นคนแปลกปลอมซ่อนเร้นอยู่ที่แห่งใด ให้รีบมาบอกโดยเร็ว ถ้าผู้ใดบิดบังไว้จะเอาโทษถึงตายทั้งครัวเรือน แต่ปิดประตูเมืองค้นหาอยู่ถึงสองวันก็ไม่พบ

ฝ่าย หลีจีนอ๋อง กับเจ้าเมืองยี่สิบเจ็ดเมือง ตั้งค่ายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำอึงหอฟากตะวันตก แจ้งความว่าหลีซุนเฮ้าตีกระบวนค่ายกลของกัวะซองจิวแตกแล้ว ฆ่าฟันทหารกัวะจิวซอง ล้มตายเป็นอันมาก แต่กัวะซองจิวหนีไปได้ และหลีซุนเฮ้าไล่ติดตามไปกับทหารประมาณยี่สิบสามคน หลายวันแล้วไม่เห็นกลับมา ก็มีความวิตกเป็นอันมาก จิวเต๊กอุย ที่ปรึกษาจึงว่าครั้งนี้ข้าศึกก็แตกไปสิ้นแล้ว ควรท่านจะยกกองทัพใหญ่ รีบรัดตามหลีซุนเฮ้าไปโดยเร็ว ถ้าหลีซุนเฮ้าไม่เป็นอันตรายก็คงจะได้พบกัน หลีจีนอ๋องก็สั่งให้ยกกองทัพใหญ่ข้ามแม่น้ำอึงหอ เดินทางไปจนถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน จึงให้ตั้งค่ายเรียงรายกันไปตามริมฝั่งแม่น้ำ คอยฟังข่าวอยู่

ฝ่ายหลีซุนเฮ้าพาพรรคพวกหนีออกจากเมืองเชียงอาน เที่ยวซุ่มซ่อนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเปาเหลงชวน เห็นหลีจีนอ๋องยกทัพมาถึงแล้ว ก็เข้าไปคำนับหลีจีนอ๋องและเล่าความที่ตนได้ทำไป ให้ฟังทุกประการ เจ้าเมืองและนายทัพนายกองทั้งหลายได้ฟัง ก็เห็นเป็นอัศจรรย์นัก หลีจีนอ๋องจึงว่า

“……..เจ้านี้มีฝีมือ ใจก็องอาจกล้าหาญเป็นที่ยิ่ง ถึงทหารเอกแต่โบราณมา ก็หามีผู้ใดเสมอเจ้าไม่…….”

ว่าแล้วก็สั่งให้ยกโต๊ะมาเลี้ยงหลีซุนเฮ้า และนายทหารที่ไปด้วยกันทั้งสิบเจ็ดคน กับให้บำเหน็จรางวัลเป็นอันมากทุกตัวคน

ฝ่ายฮ่องเฉาต้องถูกเผาฉางข้าวเสียหาย และค้นคว้าจับตัวหลีซุนเฮ้าหาได้ไม่ ก็มีความแค้นเคืองเสียใจเป็นอันมาก ครั้นแจ้งว่าหลีจีนอ๋องยกทัพใหญ่มาถึงแขวงเปาเหลงชวนแล้ว จึงปรึกษากับขุนนางนายทหาร ว่าจะสู้รบข้าศึกรักษาเมืองได้ประการใด กัวะซองจิวจึงว่าเมื่อหลีจีนอ๋องยกกองทัพมาตั้งอยู่ที่แม่น้ำอึงหอนั้น เอาแต่เสพสุรามัวเมาไปทั้งกลางวันกลางคืน การศึกนั้นมอบให้เป็นธุระหลีซุนเฮ้าผู้เดียว บัดนี้ยกมาตั้งถึงแม่น้ำเปาเหลงชวนแล้ว ไม่เห็นกองทัพผู้ใดออกไปสู้รบ ก็คงจะมีใจกำเริบเสพสุรามัวเมาไปดังนั้นอีก ควรจะจัดกองทัพออกไปปล้นค่ายในเวลากลางคืน ก็คงจะได้ชัยชนะ

ฮ่องเฉาก็ว่าซึ่งเราได้บ้านเมืองนี้ ก็เพราะสติปัญญาท่านทั้งหลาย ช่วยคิดอ่านอุดหนุน บัดนี้ท่านเห็นควรประการใด ก็ต้องประพฤติตาม แล้วสั่งให้จัดทหารสิบหมื่นพร้อมด้วยเครื่องศาตราวุธ จะยกออกไปตีค่ายหลีจีนอ๋องด้วยตนเอง พอได้ฤกษ์ฮ่องเฉาก็แต่งตัวอย่างกษัตริย์ ขึ้นม้าถืออาวุธยกกองทัพออกจากเมืองเชียงอาน เดินทางมาได้ประมาณสี่สิบลี้ ก็ให้ตั้งค่ายพักทหารอยู่ที่นั้น แต่นายทัพนายกองคัดค้านว่าเรายกมา หมายจะเข้าตีปล้นค่ายข้าศึกไม่ให้ทันรู้ตัว แต่จะให้หยุดพักทหารเสียนั้น จะมิป่วยการไปหรือ ฮ่องเฉาก็เห็นด้วยจึงให้เดินทางต่อไปจนถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน

ทางด้านหลีจีนอ๋องกำลังนั่งกินโต๊ะเสพสุรา อยู่กับนายทัพนายกองพร้อมหน้าในค่าย เห็นเสาธงสำหรับแม่ทัพนั้นโยกเอนไปเอนมาถึงสามหน โดยไม่มีลมพัดมาเลย เห็นเป็นอัศจรรย์ จึงถามจิวเต๊กอุยว่าจะมีเหตุร้ายดีประการใด จิวเต๊กอุยพิเคราะห์ดูยามตามตำรับพิชัยสงครามแล้วจึงบอกว่าค่ำวันนี้เห็นจะมีกองทัพมาปล้นค่ายเรา หลีจีนอ๋องก็ปรึกษาว่าจะคิดประการใด จิวเต๊กอุยก็ว่า

“…….เห็นพระมหากษัตริย์แผ่นดินถัง ยังจะมีบุญยืนยาวอยู่ ฮ่องเฉาคงจะปราชัยพ่ายแพ้เป็นแน่…….”

หลีจีนอ๋องจึงว่า

“………ท่านเป็นผู้รู้การฤกษ์บนและฤกษ์ล่าง ชำนิชำนาญในการพิชัยสงคราม จงถืออาญาสิทธิ์เป็นแม่ทัพแทนเราเถิด เมื่อเห็นการเป็นประการใด จะได้จัดแจงไปให้ถูกต้อง ตามควร บุตรเราทั้งสิบสามคน และนายทัพนายกอง เรามอบให้อยู่ในอำนาจท่านทั้งสิ้น เมื่อผู้ใดไม่ทำตามบังคับบัญชาก็ให้ตัดศรีษะเสีย ตามกฎหมายอาญาสิทธิ์………”

จิวเต๊กอุยรับกระบี่อาญาสิทธิ์และตราแม่ทัพแล้ว ก็สั่งให้ หลีซือหงวน บุตรหลีจีนอ๋องคนโต และนายทหารอีกหกนาย ยกทหารกองละสิบหมื่นไปตั้งซุ่มอยู่ทางทิศเหนือ ตะวันออก และตะวันตก ส่วนในค่ายเหลือไว้แต่ม้าผอมใช้ราชการไม่ได้ ผูกกระพรวนกระดึงไว้ทุกตัว และให้ผูกแพะไว้กับกลองและไม้ตีกลอง เมื่อม้าหรือแพะดิ้นรนก็จะมีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา

หลีซุนเฮ้านั่งฟังอยู่ไม่เห็นจิวเต๊กอุยใช้สอย ก็เข้าไปคำนับแล้วถามว่า

“……ท่านจัดแจงการ ใช้นายทัพนายกองไปสิ้นแล้ว ตัวข้าพเจ้านี้ท่านจะให้ไปอยู่แห่งใดเล่า………”

จิวเต๊กอุยก็ว่า

“……..เราก็คิดจะใช้ท่านอยู่ แต่กลัวว่าท่านจะจับฮ่องเฉาไม่ได้ ด้วยท่านมีกำลังและฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญก็จริง แต่ชั้นเชิงในอุบายการกลศึกนั้น กลัวแต่จะไม่ตรึกตรอง เราคิดดังนี้จึงได้งดรอไว้ ท่านอย่าได้มีความโทมนัสน้อยใจเลย…….”
หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“………..ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะอาสาจับฮ่องเฉาให้จงได้ ถ้าไม่ได้ก็จะยอมให้ศรีษะ ข้าพเจ้าแทน……..”

จิวเต๊กอุยจึงว่า

“……..ท่านพูดสัญญาแม่นยำดังนี้แล้ว เราก็จะมอบนายทหารหกคน กับทหารเสือให้สามพันคน ท่านจงยกไปตั้งซุ่มอยู่ตามริมทาง ซึ่งกองทัพจะยกออกมาจากเมืองเชียงอาน คอยจับตัวฮ่องเฉาให้จงได้ ถึงไม่ได้ตัวได้แต่ศรีษะมา ก็ดีกว่าได้แม่ทัพนายกองและทหารอื่น ๆ สักร้อยคนพันคน……..”

หลีซุนเฮ้าก็คำนับลาจิวเต๊กอุยพาทหารไปตามคำสั่งนั้น แต่จะได้ตัวฮ่องเต้ฝ่ายกบฏหรือไม่ ก็คงจะต้องรอให้ค่ำมืดลงเสียก่อน.

##########

วารสารฟ้าหม่น
พฤศจิกายน ๒๕๔๔

Create Date : 21 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:35:21 น. 0 comments
Counter : 38 Pageviews.




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2554 16:54:52 น.
Counter : 471 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๖ ตามล้างแค้น

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๖ ตามล้างแค้น

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ หลีซุนเฮ้า ข้ามแม่น้ำกลับมาถึงค่ายของตนแล้ว ทหารเอกสี่คนก็เข้ามาคำนับถามข่าว หลีซุนเฮ้าก็เล่าให้ฟังว่า

“……..ครั้งนี้เกือบเป็นอันตราย ด้วยหลีจีนอ๋องบิดาเราไม่รู้ถึงกลอุบายข้าศึก นี่หากว่าจิวเต๊กอุยว่ากล่าวทัดทาน เราจึงรอดมาได้ เรามีความแค้นเต้งเทียนอ๋องนัก จะจับตัวเอามาแก้แค้นเสียให้จนได้……..”

แล้วก็ให้ตั้งโต๊ะชวนนายทหารเสพสุราอาหารเป็นที่สบาย ครั้นเวลารุ่งเช้าก็แต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าถืออาวุธ นำหน้าทหารออกไปจะตีค่าย กัวะซองจิว พอถึงหน้าค่ายก็ร้องท้าทายให้ข้าศึกออกมารบ กัวะซองจิวจึงถามนายทหารว่าผู้ใดจอาสาออกไปรบกับข้าศึกบ้าง กวังปิว ก็อาสานำทหารออกไปหน้าค่าย เห็นรูปร่างหลีซุนเฮ้านั้นผอมแบบบาง สีหน้าก็เหลืองซีดเหมือนคนป่วยไข้ ก็คิดประมาทขับม้าตรงไปเข้าไปฟันด้วยง้าว หลีซุนเฮ้าเอาทวนปัดด้วยกำลังแรง กวังปิวทานไม่ไหวเซไป หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าโผนเข้าไปจับกวังปิวได้ เอามือฉีกแขนขาออกเป็นท่อน ๆ โยนทิ้งไป แล้วร้องท้าทายกัวะซองจิวให้จัดทหารออกมารบอีก

กัวะซองจิวเห็นดังนั้น ก็มีความสดุ้งตกใจกลัว หาตัวผู้ที่จะออกไปต่อสู้อีก เตียเหลง กับ ลิโฮ ก็ขออาสา กัวะซองจิวก็ให้ ชุยสิว ออกไปช่วยอีกคนหนึ่ง ทั้งสามก็ออกไปรบกับหลีซุนเฮ้า ได้ไม่ถึงเพลงหลีซุนเฮ้าคราวนี้ถือง้าวแทนทวน ก็ฟันเตียเหลงเต็มกำลัง เตียเหลงทานไม่อยู่ทวนก็ขาดง้าวถูกตัวขาดสองท่อนตกม้าไป ลิโฮก็ขับม้าเข้าไปเอาทวนแทงแต่ไม่ถูก หลีซุนเฮ้าเอาง้าวฟันลิโฮคอขาดกระเด็นไป ชุยสิวพอจะมีฝีมือเข้ารบกับหลีซุนเฮ้าได้ประมาณห้าเพลง ก็อ่อนกำลังลงต้องชักม้าหนีกลับเข้าค่าย หลีซุนเฮ้ารีบขับม้าตามไปจับตัวได้หน้าประตูค่ายพอดี แล้วกระชากตัวมาด้วยกำลังแรง ชุยสิวก็ขาดใจตาย หลีซุนเฮ้าก็ไล่ฆ่าฟันทหารข้าศึกล้มตายอยู่ที่หน้าค่ายนั้นประมาณพันเศษ ที่เหลือตายก็พากันหนีเข้าค่ายไปหมด และไม่มีผู้ใดออกมาต่อสู้อีกเลย

เมื่อหลีซุนเฮ้ากลับมาถึงค่ายของตนแล้ว ก็ให้นายทหารลงเรือข้ามฟาก นำข้อความซึ่งได้สู้รบ และฆ่านายทหารเอกข้าศึกตายไปสี่คน ไปแจ้งให้หลีจีนอ๋องทราบ ขณะนั้นหลีจีนอ๋องกำลังปรึกษาราชการอยู่กับจิวเต๊กอุย เมื่อทราบความก็มีความยินดี พูดว่า

“……..หลีซุนเฮ้าบุตรเราคนนี้จัดเป็นทหารเอกอย่างยิ่งได้ ถึงหากว่าฮ่องเฉาจะเข้มแข็งประการใด ก็คงจะไม่พ้นฝีมือ……..”

จิวเต๊กอุยก็เตือนให้หลีจีนอ๋องจัดสิ่งของ ไปปูนบำเหน็จรางวัลแก่หลีซุนเฮ้า หลีจีนอ๋องก็จัดเงินทองสิ่งของต่าง ๆ ให้นายทหารคุมไปให้หลีซุนเฮ้า แล้วกำชับว่า

“……….ให้คิดเอาชัยชนะข้าศึกให้จงได้ เมื่อทแกล้วทหารไม่พอจะใช้อีกมากน้อยเท่าใด ก็บอกมาเถิด จะจัดเพิ่มเติมอุดหนุนไป……….”

หลีซุนเฮ้าก็มีความยินจัดแบ่งรางวัลให้ปันแก่ทหารผู้มีความชอบตามสมควร

ฝ่ายกัวะซองจิวเสียนายทหารเอกไปวันเดียวถึงสี่คน และทหารเลวอีกพันเศษ ก็เสียใจนั่งเป็นทุกข์เศร้าโศกสิ้นสติปัญญาอยู่ เตียชวน ก็เข้าไปปลอบใจว่ามีอุบายอยู่อย่างหนึ่ง เห็นจะล่อลวงเอาชัยชนะแก่ข้าศึกได้ กัวะซองจิวก็ถามว่าจะทำอย่างไร เตียชวนก็ว่าหลีซุนเฮ้ามีฝีมือกล้าแข็งนัก ที่จะรบสู้ซึ่งหน้านั้นเห็นจะเอาชัยชนะไม่ได้ ควรจะตั้งค่ายกลชื่อเลี้ยนจู เป็นเจ็ดสิบสองค่าย ถ้าหลีซุนเฮ้าไม่ชำนาญกลศึกกระบวนค่ายก็คงจะจับตัวได้ แต่ระหว่างที่จะตั้งค่ายนั้น จะต้องลวงให้หลีซุนเฮ้าพักการรบสักสามวันก่อน กัวะซองจิวไม่มีปัญญาจะคิดอย่างอื่น จึงทำหนังสือให้ทหารนำไปส่งให้หลีซุนเฮ้า ตามคำแนะนำ

เมื่อหลีซุนเฮ้าได้รับหนังสือ ก็ฉีกผนึกออกส่งให้ อันฮิวฮิว นายทหารรองอ่านให้ฟัง มีความว่า

“………ข้าพเจ้ากัวะซองจิวแม่ทัพเมืองไต้ฉี ขอแจ้งความมายังท่านหลีซุนเฮ้าผู้เป็นที่ปวยฮ้อเจียงกุนแม่ทัพไต้ถัง ด้วยทหารข้าพเจ้ากับท่านได้สู้รบกันด้วยฝีมือเพลงอาวุธ ก็เสียทีพ่ายแพ้แก่ท่านถึงสี่นาย ข้าพเจ้าก้เห็นแล้วว่าท่านมีฝีมือเป็นเอก แต่ข้าพเจ้าจะขอให้ท่านงดการศึกสักสามวัน จะทำค่ายตามกระบวนพิชัยสงครามให้ท่านเข้าตี เมื่อท่านตีได้แล้ว ข้าพเจ้าและทหารทั้งหลายก็จะยอมสามิภักดิ์ เข้าเป็นข้าแผ่นดินถัง ไม่สู้รบต่อไปอีก ข้าพเจ้าว่ามานี้ท่านจะเห็นประการใด ขอให้มีหนังสือตอบมาให้ข้าพเจ้าทราบ……”

หลีซุนเฮ้าได้ฟังสิ้นข้อความแล้วก็ยังนิ่งตรึกตรองอยู่ อันฮิวฮิวจึงพูดขึ้นว่า ซึ่งกัวะซองจิวมีหนังสือมานี้ ก็อวดอ้างว่ามีสติปัญญา รู้กลอุบายในพิชัยสงคราม ควรจะมีหนังสือตอบว่ากล่าวไปให้เจ็บแสบบ้างจะดี หลีซุนเฮ้าก็ว่า

“…….การทำศึกสงครามก็คิดแต่จะเอาชัยชนะซึ่งกันและกัน ซึ่งจะแต่งหนังสือ โต้ตอบว่ากล่าวเสียดแทงกัน เหมือนหนึ่งเล่นโคลงและเพลงนั้นหาควรไม่……..”

แล้วหลีซุนเฮ้าก็สั่งให้เขียนสลักหลังหนังสือว่า เรายอมตามใจกัวะซองจิวทุกอย่าง หากลัวสติปัญญาและฝีมือไม่ เขียนแล้วก็ให้ทหารของกัวะซองจิวนำกลับไป แล้วสั่งว่า

“…….จงไปบอกกัวะซองจิวนายเอ็งเถิด ว่าทหารสี่สิบแปดหมื่นที่กัวะซองจิวคุมมานี้ หาพอฝีมือเราจะฟันไม่ ให้กัวะซองจิวไปขอกองทัพฮ่องเฉาเพิ่มเติมเอามา ให้ได้ร้อยหมื่นนั้นแหละ จึงจะพอกับฝีมือเรา……..”

เมื่อกัวะซองจิวได้อ่านหนังสือ และได้ฟังความที่หลีซุนเฮ้าสั่งมาแล้ว ก็ให้มีใจครั่นคร้ามยิ่งนัก จึงปรึกษากับเตียชวนว่า

“……อุบายท่านคิดไว้นั้นจงตรึกตรองให้ดี ถ้าเห็นจะทำไปไม่ตลอดแล้ว เราจะคิดเลิกทัพหนีกลับไปเมืองเชียงอานเสียดีกว่า……..”

เตียชวนจึงว่า

“…….หลีซุนเฮ้านั้นก็เป็นแต่ทหารมีฝีมือและกำลังมาก ก็เดินดินอยู่เหมือนกับเรานี้ ใช่จะเหาะเหินมาได้บนอากาสเมื่อไร ซึ่งกระบวนกลอุบายการศึกนั้น ร่ำเรียนไว้ก็หมายจะเอาชัยชนะแก่ข้าศึก เหตุใดท่านมาคิดย่อท้อสยดสยอง เป็นใจสตรีดังนี้เล่า………”

กัวะซองจิวได้ฟังดังนั้นก็มีความละอาย คิดมานะแข็งแรงขึ้น จึงให้หาแม่ทัพนายกอง มาสั่งให้จัดแบ่งทหารไปตั้งค่าย รายไปตามแบบแผนพิชัยสงคราม ตามความคิดของเตียชวนทุกประการ ครั้นถึงสามวันก็แล้วเสร็จทุกค่าย จึงจัดทหารเข้าประจำรักษา คอยสู้รบอยู่ทุกค่าย

ถึงวันที่สี่เวลารุ่งเช้า หลีซุนเฮ้ากับนายทหารรองทั้งสี่ ก้แต่งตัวใส่เกราะขี่ม้านำหน้าทหารตรงไปถึงค่ายที่หนึ่งของกัวซองจิว แลเห็นตั้งค่ายรายกันไป มีเครื่องสาตราวุธและปักธงเป็นท่วงที เนื่องกันไปหลายสิบลี้ เสียงม้าล่อและเสียงกลองรบครึกครื้นเป็นสง่ายิ่งนัก หลีซุนเฮ้าจึงถามนายทหารทั้งสี่ว่ารู้จักกระบวนค่ายนี้หรือไม่ นายทหารบอกว่าหาได้เคยเห็นเคยรู้จักไม่ หลีซุนเฮ้าจึงว่ากระบวนค่ายนี้เราได้เห็นแบบแผนรู้อยู่ เรียกว่านาครักษาที่สามแห่ง ถ้าผู้ใดไม่รู้จักกระบวนค่ายนี้ เข้าตีแห่งเดียวก่อนแล้ว ก็คงจะเสียทีด้วยยกมาช่วยกันได้สิ้น ค่ายกระบวนกลศึกนี้ลึกซึ้งสำคัญอยู่ ต้องแยกทหารออกเป็นสามกอง ยกเข้าตีให้พร้อมกัน

หลีซุนเฮ้ายกเข้าตีค่ายกลาง อีกสี่นายแยกกันออกเป็นสองกอง เข้าตีค่ายเหนือและใต้พร้อมกันทั้งสามทัพ เตียชวนก็ขับม้าควงขวานนำทหารเข้าสู้รบกับหลีซุนเฮ้า ได้หลายเพลง หลีซุนเอ้าได้ทีชักกระบองเหล็กที่เหน็บเอว ตีถูกศรีษะเตียชวนแตก ตกม้าตาย นายทหารรักษาแม่ทัพสี่สิบแปดคน ก็เข้ารุมรบล้อมหลีซุนเฮ้าเข้าไว้ หลีซุนเฮ้ามิได้มีความครั่นคร้าม ขับม้าไล่ฆ่าฟันนายทหารทั้งสี่สิบแปดนายตายหมดทั้งสิ้น แล้วก็ยกทหารไปช่วยนายทหารอีกสองกองที่แยกกันเข้าตีเป็นสองกระบวนนั้น

ฝ่ายกัวะซองจิวเห็นหลีซุนเฮ้ายกเข้ามา ก็ตกใจกลัวไม่เป็นอันที่จะคิดสู้รบ เปิดประตูหลังค่าย ขับม้าพาทหารตนสนิททิ้งค่ายหนีไป ทหารเลวเห็นนายหนีไปแล้ว ไม่มีผู้ใดจะบังคับบัญชา ก้แตกตื่นกันเป็นอลหม่าน ที่ต้องอาวุธตายในที่รบก็มาก ที่ดีอยู่ก็หนีตามนายไปเมืองเชียงอานด้วย

หลีซุนเฮ้าครั้นตีค่ายกลแตก ข้าศึกหนีไปหมดแล้ว ก็ยกกองทัพไปตีเมืองในแขวงฮุยหนำได้อีกสามเมือง แล้วเลยไปจนถึงด่านท่องกวน ก็ไม่มีผู้ใดสู้รบ จึงยกกำลังเข้าค่ายโดยง่ายหามีใครขัดขวางไม่ หลีซุนเฮ้าจึงปรึกษากับนายทหารเอกทั้งสี่ว่า ทหารของเราที่ขี่ม้าติดตามมาเดี๋ยวนี้มีอยู่เท่าไร นายทหารก็บอกว่ามีสิบสามม้า รวมทั้งนายอีกห้าเป็นสิบแปดด้วยกัน หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“………..ท่านทั้งสี่กับทหารที่ติดตามมาสิบสามคนนั้น จงคิดว่าเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันเถิด เราปลงใจลงช่วยกันติดตามจับตัวกัวะซองจิวเสียให้จงได้……”

นายทหารทั้งสี่และเหล่าทหารเสืออีกสิบสามคน ก็พร้อมใจกันว่าจะไปถึงไหนก็จะตามไปไม่ทิ้งกัน หลีซุนเฮ้าก็มีความยินดี ขับม้านำทหารเดินทางต่อไปอีกเจ็ดวัน จนถึงแม่น้ำ เปาเหลงชวน เสบียงอาหารที่ติดตัวไปนั้น ก็หมดลงทุกคนต่างก็ได้ความหิวโหย ริมแม่น้ำนั้นมีค่ายทหารของฮ่องเฉาตั้งอยู่ หลีซุนเฮ้าก็นำทหารเข้าตีแย่งยึดค่ายได้ จึงเอาเสบียงอาหารในค่ายมาเลี้ยงดูกัน จนอิ่มบริบูรณ์ แล้วก็คิดการจะติดตามกัวะซองจิวต่อไป.


###########

วารสารฟ้าหม่น
กันยายน ๒๕๔๔

Create Date : 20 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:36:59 น. 0 comments
Counter : 41 Pageviews.




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2554 8:48:48 น.
Counter : 453 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๕ อุบายกบฏ

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๕ อุบายกบฏ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย กัวะซองจิว แม่ทัพฝ่ายกบฏ ได้ทราบจากม้าใช้สำหรับสืบราชการ ว่ากองทัพของ เม่งเจาะไฮ้ ซึ่งยกไปตีกองทัพของ หลีจีนอ๋อง ที่เมืองฮ่องตงฮู้ต้องเสียทีแตกพ่ายยับเยิน ตัวแม่ทัพและทหารเอกอีกสองนายตายในการรบ และบัดนี้กองทัพของหลีจีนอ๋อง ได้ยกมาตั้งค่าย อยู่ที่แม่น้ำอึ้งหอทั้งสองฟาก กัวะซองจิวก็ตกใจจึงพูดว่า

“……..เม่งเจาะไฮ้ แพแปะโฮ้ ปันฮวนหลัง เป็นนายทหารเอก เคยชนะทัพศึกมามาก ครั้งนี้เสียทีแก่ข้าศึกจนตายรวดเร็วนัก ซึ่งเราจะป้องกันรักษาบ้านเมืองต่อสู้กับข้าศึกนั้น เห็นจะเหลือกำลังดอกกระมัง…….”

กวังปิว นายทหารเอกก็ท้วงว่า

“……..ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ มาทำใจอ่อนย่อท้อต่อข้าศึกเสียดังนี้ หาควรไม่ ถึงหากว่าทหารข้าศึก จะมีฝีมือเข้มแข็งประการใด ก็ควรออกต่อสู้ให้เห็นฝีมือกันก่อน เวลาพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปต่อสู้กับข้าศึก เอาชัยชนะให้จงได้……..”

กัวะซองจึงจึงเตือนว่า

“……..เม่งเจาะไฮ้มีฝีมือเข้มแข็งชำนิชำนาญ เคยสู้รบข้าศึกได้ชัยชนะมาหลายสิบครั้ง ยังเสียทีถึงแก่ชีวิต เจ้ามีฝีมือประการใด จึงมาพูดฮึกหาญดังนี้…….”

เต้งเทียนอ๋อง นายทหารอีกคนหนึ่งก็บอกว่า

“…….ธรรมดาการศึกถึงจะมีทแกล้วทหารเข้มแข็งประการใด ก็ยังไม่สู้ผู้มีสติปัญญา รู้กลอุบายที่จะผ่อนผันเอาชัยชนะแก่ข้าศึกได้………”

กัวะซองจิวถามว่าท่านเห็นอุบายประการใดจงช่วยชี้แจงด้วย

เต้งเทียนอ๋องจึงบอกว่า

“…กองทัพหลีจีนอ๋องนั้น มีทหารฝีมือกล้าแข็งเป็นเอกอยู่ ก็แต่หลีซุนเฮ้าผู้เดียว แต่บุตรหลีจีนอ๋องทั้งสิบสองคนนั้น หาชอบหลีซุนเฮ้าไม่ ถ้าเราคิดกลอุบายให้หลีจีนอ๋องสงสัย ฆ่าหลีซุนเฮ้าเสียได้แล้ว บุตรหลีจีนอ๋องและทหารนอกนั้น กับกองทัพเราก็พอจะสู้รบกันได้………”

กัวะซองจิวก็ขอให้บอกอุบายที่จะทำนั้นให้แจ้ง เมื่อเต้งเทียนอ๋องบอกให้แล้ว กัวะซองจิวก็เห็นด้วยสรรเสริญว่าความคิดนี้ดีนัก จงเร่งจัดแจงการไปให้สำเร็จเถิด

ค่ำคืนนั้นเอง เต้งเทียนอ๋องก็แต่งตัวให้คล้ายหลีซุนเฮ้า คุมทหารออกไปซุ่มอยู่ พอถึงเวลาประมาณสามยาม ก็ยกเข้าตีปล้นค่ายของหลีซือหงวน แล้วให้ทหารร้องว่าตัวเราคือ หลีซุนเฮ้า ได้ทำความชอบไว้ถึงสามครั้ง หลีจีนอ๋องก็หาได้ชุบเลี้ยงตั้งแต่ง ให้สมกับความชอบไม่

ฝ่ายหลีซือหงวนนอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงข้าศึกเข้าปล้นค่ายก็ตกใจ หาทันได้สู้รบไม่ ทิ้งค่ายลงเรือหนีข้ามแม่น้ำไป ส่วนกองทัพของหลีซุนเฮ้าตั้งอยู่ทางต้นน้ำ ได้ยินเสียงกลองรบและประทัดสัญญาณ ดังอื้ออึงที่ค่ายหลีซือหงวน ก็กำชับนายทหารให้อยู่รักษาค่ายให้มั่นคง ตนเองกับทหารที่มีฝีมือรีบยกไปช่วยหลีซือหงวน เต้งเทียนอ๋องเห็นกองทหารของหลีซุนเฮ้ายกมา ก็รีบถอยกองโจรหนีไปโดยเร็ว หลีซุนเฮ้ายกมาถึงค่ายหลีซือหงวน เห็นทหารถูกอาวุธล้มตายเจ็บป่วยถูกทิ้งอยู่ ส่วนทหารที่ดีนั้นหนีข้ามฟากไปสิ้น หลีซุนเฮ้าจึงรับเอาทหารที่เจ็บป่วยกลับไปค่าย

เช้าวันรุ่งขึ้นหลีซือหงวนซึ่งหนีข้าศึกข้ามฝั่งมาแล้ว ก็ถามทหารว่าเหตุผลประการใดจึงเป็นเช่นนี้ ทหารทั้งปวงก็บอกว่า หลีซุนเฮ้าได้นำทหารเข้าตีค่าย พวกตนจึงได้กลัวไม่อาจจะสู้รบ และทหารที่ตามมาทีหลังก็บอกซ้ำอีกว่า เมื่อเวลารุ่งสว่างเห็นหลีซุนเฮ้าขี่ม้าออกไปจากค่าย จำได้ถนัดหาใช่ข้าศึกมาแต่อื่นไม่ หลีซุนเฮ้าเป็นกบฏขึ้นแน่แล้ว

หลีซือหงวนได้ฟังทหารพูดกันหลายปากดังนั้น ก็เชื่อว่าเป็นจริง ด้วยตนเองก็คิดสงสัยไม่ไว้วางใจอยู่ก่อนแล้ว จึงไปหาหลีจีนอ๋องผู้บิดา คำนับแล้วก็ร้องไห้ หลีจีนอ๋องก็ตกใจถามว่าเหตุผลประการใดจึงได้ทิ้งค่ายเสีย ข้ามมาร้องไห้เศร้าโศกอยู่ดังนี้ หลีซือหงวนก็เล่าความเรื่องที่หลีซุนเฮ้ายกทหารมาตีค่ายในตอนดึก ให้ฟังทุกประการ

หลีจีนอ๋องก็ประหลาดใจ จึงว่า

“………หลีซุนเฮ้ากับเราก็ไม่มีความขัดเคืองสิ่งไรกัน จะเป็นกบฏไปดังนั้นจริงเจียวหรือ………”

หลีคังกุน บุตรคนที่สิบเอ็ดและ หลีชองซิน บุตรคนที่สิบสองของหลีจีนอ๋อง ซึ่งอยู่ในค่ายกับหลีซือหงวน จึงว่าขอให้บิดาหาตัวนายทัพนายกองและทหารเลว มาถามดูเถิด ได้ยินถ้อยคำและได้เห็นตัวหลีซุนเฮ้าเป็นอันมาก หลีจีนอ๋องก็ให้หาทหารซึ่งได้เห็นตัวหลีซุนเฮ้านั้นมาถาม ก็ได้รับคำตอบว่า

“……..เมื่อเวลารุ่งสว่างขึ้นนั้น ข้าพเจ้าออกเรือห่างตลิ่งมาแล้ว แลไปเห็นหลีซุนเฮ้าใส่หมวกศรีษะเสือ ใส่เสื้อเกราะก็หนังเสือ จำได้ถนัดท่านอย่าสงสัยเลย…….”

หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็เชื่อเอาเป็นจริง มีความโกรธยิ่งนัก พอดีกับหลีซุนเฮ้าข้ามฟากมาหาบิดาเพื่อจะเล่าเรื่องให้ฟัง แต่หลีจีนอ๋องกำลังโกรธพอนายประตูเข้ามาบอกว่าหลีซุนเฮ้ามาหา ก็ว่าหลีซุนเฮ้าคิดประทุษร้ายต่อเราแล้ว จะมาหาเราทำไมอีกเล่า หลีคังกุนกับหลีชองซินจึงว่า ครั้งนี้บิดาอย่าไว้ใจ หลีจีนอ๋องก็ว่าหลีซุนเฮ้ามาถึงแล้ว จะต้องถามให้รู้จักความผิดชอบเสียก่อน จึงสั่งให้นายประตูพาตัวหลีซุนเฮ้าเข้ามา หลีซุนเฮ้าเข้ามาแล้วก็คำนับบิดาตามธรรมเนียม

หลีจีนอ๋องก็ตวาดด้วยเสียงอันดังด้วยกำลังโทโสว่า ตัวคิดการอย่างนี้มีความผิดหรือไม่ หลีซุนเฮ้าได้ฟังก็นึกว่าเป็นความผิดที่มาช่วยหลีซือหงวนไม่ทัน จึงรับว่ามีความผิดจริง หลีจีนอ๋องจึงสั่งให้ทหารจับหลีซุนเฮ้าไปประหารเสีย ทหารก็เข้าจับหลีซุนเฮ้ามัดจูงไปหน้าค่าย โดยหลีซุนเฮ้ามิได้ต่อสู้แต่ประการใด

ฝ่าย จิวเต๊กอุย ที่ปรึกษา รู้ว่าหลีจีนอ๋องโกรธหลีซุนเฮ้าวุ่นวายอยู่ ก็รีบมาฟังความ จึงสวนกับทหารที่มัดหลีซุนเฮ้าจูงไป จึงห้ามว่าเจ้าเหล่านี้อย่าเพิ่งทำอันตรายหลีซุนเฮ้า เราจะเข้าไปหาหลีจีนอ๋อง ฟังดูร้ายดีเท็จจริงเสียก่อน ว่าดังนั้นแล้วจิวเต๊กอุยก็เข้าไปคำนับหลีจีนอ๋อง ถามว่า ซึ่งท่านจะให้ฆ่าหลีซุนเฮ้านั้นขอให้งดไว้ ข้าพเจ้าจะพูดให้ท่านเห็นความตลอดเสียก่อน หลีจีนอ๋องจึงสั่งให้ทหารรอการประหารไว้ จิวเต๊กอุยจึงว่า

“……….หลีซุนเฮ้าเป็นทหารเอก มีฝีมือกว่าทหารทั้งปวง คนทั้งหลายไม่ชอบ ท่านก็ย่อมรู้อยู่แล้ว การซึ่งเป็นดังนี้เห็นจะเป็นกลอุบายของข้าศึกดอกกระมัง ท่านได้ไล่เลียงได้ความถ่องแท้แล้วหรือ จึงจะให้ฆ่าหลีซุนเฮ้าเสียนั้น………”

หลีจีนอ๋องว่าเราได้ถามแล้ว หลีซุนเฮ้ารับผิดเราจึงจะฆ่าเสีย จิวเต๊กอุยก็ว่า

“……….ท่านถามความห้วน ๆ ด้วยกำลังโทโส หลีซุนเฮ้าหารู้ว่าผิดสิ่งใดไม่ ครั้นจะทุ่มเถียงก็กลัวจึงได้รับว่าผิด ขอให้เอาตัวกลับเข้ามาไต่ถามเสีย ให้ได้ความจริงแจ่มแจ้งก่อน จึงค่อยทำโทษ………..”

หลีจีนอ๋องจึงให้ทหารนำตัวหลีซุนเฮ้าเข้ามา แล้วว่า

“……เราก็รักใคร่เลี้ยงเป็นบุตร ให้ถือตราเซียนฮองเป็นแม่ทัพหน้า มีบรรดาศักดิ์ ใหญ่กว่าทหารทั้งปวงแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้จักบุญคุณคิดประทุษร้ายต่อเรา………”

หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“…….พระคุณของท่านซึ่งได้เมตตาชุบเลี้ยงข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าก็คิดจะสนองคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิต หาได้คิดที่จะเอาใจออกหากจากท่านไม่…….”

หลีจีนอ๋องว่า ไม่ได้คิดกบฏแล้วทำไมจึงรับว่าผิดเล่า หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……..ซึ่งข้าพเจ้ารับผิดนั้นเพราะคิดเห็นว่าท่านขัดเคือง ด้วยข้าพเจ้าไม่ได้ยกไปช่วยหลีซือหงวนให้ทันท่วงที จนหลีซือหงวนเสียค่ายแก่ข้าศึก เพราะดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้รับว่าผิดจริง………..”

จิวเต๊กอุยได้ฟังดังนั้นจึงพูดกับหลีจีนอ๋องว่า

“……ท่านมีความโกรธขึ้นแล้ว วู่วามรวดเร็วนัก เกือบจะเสียทหารเอก เพราะกลอุบายข้าศึก ถ้าท่านยังสงสัยหลีซุนเฮ้าอยู่ ก็ให้ท่านจัดทหารที่สัตย์ซื่อ ยกออกไปรบกับข้าศึก พูดจาล่อลวงเอา ก็คงได้ความจริง………”

หลีจีนอ๋องก็เห็นด้วย จึงให้หลีซือหงวนคุมทหารสามหมื่น ยกข้ามแม่น้ำไปท้ารบ แต่เต้งเทียนอ๋องกลัวความพยาบาทของหลีซุนเฮ้า ถ้ารอดไปได้คงจะมาทำร้ายเอาแน่ จึงหาอุบายขออาสากัวะซองจิว ไปเร่งเสบียงที่ตำบลฮัวจิวตั้งแต่เช้า คิดว่าเมื่อได้ข่าวว่าหลีซุนเฮ้าตายแล้วจึงจะกลับมา เมื่อหลีซือหงวนมาร้องท้าทายอยู่หน้าค่าย กัวะซองจิวจึงให้กวังปิวยกทหารออกไปต่อสู้

เมื่อถามชื่อแซ่กันแล้ว หลีซือหงวนก็ว่า เมื่อคืนนี้ท่านผู้ใดปลอมเป็นหลีซุนเฮ้าออกไปปล้นค่ายเรา จนบิดาเราโกรธฆ่าหลีซุนเฮ้าเสียแล้ว กวังปิวก็ว่า

“…….ท่านยกย่องหลีซุนเฮ้านักหนา ถึงหากว่าหลีซุนเฮ้ามีชีวิตอยู่เราก็ไม่เกรงฝีมือ เมื่อเวลาคืนนี้เต้งเทียนอ๋องยกออกไปปล้นค่าย ล่อลวงดูปัญญาท่าน จนแพ้รู้เสียอุบายแล้ว ยังจะมีหน้ามาพูดมาถามอีกเล่า……….”

หลีซือหงวนจึงว่า

“…….อุบายซึ่งพวกท่านคิดไปนั้นต่ำช้านัก แต่เด็ก ๆ เมืองเรามันคิดก็ดีเสียกว่า ครั้งนี้ท่านถูกอุบายเราล่อลวงถามเอาความจริงได้แล้ว ท่านนี้เป็นคนโง่นักหนา หาควรที่จะเป็นนายทหารออกมารบกับเราไม่……..”

กวังปิวได้ฟังก็โกรธขับม้าตรงเข้าเอาง้าวฟัน หลีซือหงวนเอาทวนปัดป้องไว้สู้รบได้หลายเพลง กวังปิวเอากระบองเหล็กตี คราวนี้หลีซือหงวนหลบไม่ทัน ถูกไหล่ได้ความเจ็บปวดมาก ก็ขับม้าพาทหารหนีลงเรือ ข้ามแม่น้ำกลับไปหาหลีจีนอ๋อง แล้วเล่าความที่ได้ล่อลวงไต่ถามข้าศึกได้ความทุกประการ

จิวเต๊กอุยจึงพูดกับหลีจีนอ๋องว่า

“………หลีซุนเฮ้านี้ลักษณะเป็นคนซื่อตรง ท่านอย่าได้มีความเคลือบแคลงสงสัยต่อไปอีกเลย จงปล่อยให้หลีซุนเฮ้าไปทำราชการอยู่ตามตำแหน่งเดิมเถิด………”

หลีจีนอ๋องจึงพูดกับหลีซุนเฮ้าว่า

“……….เราไม่ทันพิเคราะห์ตรึกตรอง ทำโทษเจ้านั้นผิดไปแล้ว ขออภัยเสียเถิดอย่าได้ถือโกรธเลย……..”

หลีซุนเฮ้าทหารเสือผู้มีฝีมือ จึงรอดชีวิตจากอุบายของข้าศึกได้อย่างหวุดหวิด.

##########

วารสารฟ้าหม่น
กรกฎาคม ๒๕๔๔



Create Date : 18 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:38:10 น. 0 comments
Counter : 13 Pageviews.




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2554 11:14:19 น.
Counter : 404 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.