Group Blog
 
All Blogs
 
นางผู้มีรักเดีียว (๑)

สามก๊กฉบับฮูหยิน

ชุด นางผู้มีรักเดียว

ตอนที่ ๑ วิวาห์การเมือง

เล่าเซี่ยงชุน

ซุนเกี๋ยน บิดาของ ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง มีภรรยาสองคนพี่น้อง คนพี่ชื่อนางงอฮูหยิน มีบุตรชายสี่คน คนน้องชื่อนางงอก๊กไถ้ มีบุตรหญิงคนเดียวชื่อ ซุนหยิน ความที่เป็นบุตรหญิงคนสุดท้องและคนเดียว จึงเป็นที่รักใคร่ของมารดาและ พี่ชายยิ่งนัก

นางงอฮูหยินนั้นเมื่อจะถึงแก่ความตายได้เรียก จิวยี่ แม่ทัพใหญ่และ เตียวเจียว ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือนมาฝากฝังซุนกวนไว้ว่า

".....แต่ก่อนเราเป็นชาวเมืองต๋องง่อ บิดามารดาตายเป็นกำพร้า เลี้ยงกันอยู่แต่ พี่น้องสามคน แลมาได้ซุนเกี๋ยนเป็นสามี จนเกิดบุตรสี่คน....แล ซุนเซ็ก ก็อายุน้อยถึงแก่ความตายก่อน เมื่อใกล้จะตายก็มอบเมืองกังตั๋งไว้แก่ซุนกวนผู้น้อง ให้เป็นเจ้าเมือง บัดนี้ตัวเราป่วยหนัก เห็นจะไม่คงชีวิตอยู่ จะลาท่านทั้งสองแล้ว แม้ว่าเราหาบุญไม่ ท่านจงได้เอ็นดูช่วยอนุเคราะห์ สั่งสอนซุนกวนสืบไปโดยความชอบ อย่าทิ้งเสียเลย....."

สำหรับซุนกวนก็สอนว่า

".....เจ้าจะทำการสิ่งใดจงปรึกษาด้วยจิวยี่ และเตียวเจียวซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ให้รู้จักผิดแลชอบ อย่าถือทิฐิมานะ จงคารวะนับถือท่านทั้งสองนี้เป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ อย่าได้ทำการแต่อำเภอใจ....."

และได้ออกปากฝากฝัง นางงอก๊กไถ้กับบุตรสาวคือนางซุนหยิน ไว้ให้ดูแลอย่างดี และกำชับว่า

"......อนึ่งน้องหญิงซึ่งร่วมบิดาของเจ้านั้น จงตั้งใจเลี้ยงรักษาไว้ให้โดยปกติด้วย แม้จะให้มีสามีเจ้าจงพิเคราะห์ดู ผู้ใดมีสติปัญญาจึงยกให้เป็นภรรยา....."

หลังจากมารดาตายไปประมาณห้าปี โจโฉ ก็ยกกองทัพใหญ่ มาตีเมืองกังตั๋ง แต่ต้องพ่ายแพ้ฝีมือของจิวยี่และสติปัญญาของ ขงเบ้ง ที่ปรึกษาของ เล่าปี่ ซึ่งเป็นพันธมิตร จนเหลือทหารเพียงสามสิบคน หนีรอดกลับไปเมืองลกเอี๋ยงอย่างหวุดหวิด

แต่จิวยี่ก็ถูกอุบายของขงเบ้ง ยึดเมืองไปครอบครองถึงสามเมือง โดยเฉพาะเมือง เกงจิ๋ว ซึ่งอ้างว่าขอยืมไว้ชั่วคราว แต่ก็ไม่ยอมคืนให้สักที จนกระทั่งจิวยี่ได้ข่าวว่า นางกำฮูหยินภรรยาหลวงของเล่าปี่ถึงแก่ความตาย ก็เกิดความคิดที่จะแก้แค้นเล่าปี่ขึ้นมาได้ จึงบอกอุบายให้ โลซก ที่ปรึกษาไปแจ้งให้ซุนกวน ให้มีหนังสือถึงเล่าปี่ว่า จะยกนางซุนหยินน้องสาวให้เป็นภรรยา ให้เล่าปี่มาแต่งงานที่เมืองลำชี แล้วก็คิดอ่านจับตัวเล่าปี่ใส่คุกไว้ ให้ขงเบ้งเอาเมืองเกงจิ๋วมาแลกกับตัวเล่าปี่ ถ้าไม่ตกลงก็ให้ฆ่าเล่าปี่เสียเลย

ซุนกวนก็ส่ง ลิห้อม เป็นเฒ่าแก่ไปเจรจากับเล่าปี่ที่เมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่ก็ตกลง และ ลงเรือเดินทางมาที่เมืองลำชีพร้อมด้วย จูล่ง นายทหารเอกผู้มีฝีมือกล้าแข็ง กับทหารอีกห้าร้อยนาย ซุนกวนก็ให้ลิห้อมไปต้อนรับ เชิญเล่าปี่มาพักอยู่ที่ตึกรับรองแขกเมือง

ส่วนทหารที่มาด้วยก็พากันแต่งตัวโอ่อ่า เที่ยวเดินซื้อข้าวของในเมือง แล้วก็คุยอวดชาวบ้านชาวเมืองว่า มาในงานแต่งงานของเล่าปี่ กับซุนหยินน้องสาวของซุนกวน จนมีข่าว เล่าลือกันไปทั่วเมือง และเล่าปี่เองก็แต่งของ ไปคำนับ นางเกียวก๊กโล ซึ่งเป็นมารดาของ นาง ไต้เกียว ภรรยาของซุนเซ็ก และ นางเสียวเกียว ภรรยาของจิวยี่ ในฐานะผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว

นางเกียวก๊กโลก็ไปหานางงอก๊กไถ้แล้วว่า

".....ข้าพเจ้าเพิ่งรู้เนื้อความวันนี้ ก็มีความยินดีด้วยท่านนัก....."

นางงอก๊กไถ้ก็ถามว่า

"...ท่านรู้เนื้อความสิ่งใดมา....."

นางเกียวก๊กโลจึงว่า

“.....ท่านจะยกบุตรหญิง ให้เป็นภรรยาเล่าปี่ ชาวเมืองทั้งปวงก็รู้ทั่วกัน บัดนี้เล่าปี่มาถึงเมืองแล้ว ท่านยังจะพรางไปถึงไหนเล่า..."

นางงอก๊กไถ้ก็ตกใจจึงว่า

".....เนื้อความทั้งนี้ข้าพเจ้าไม่รู้เลย.."

เมื่อให้คนใช้ไปสืบดูแล้วเป็นความจริง ตามที่นางเกียวก๊กโลว่าให้ฟัง จึงให้คนไปตามตัวซุนกวนมาพบ แล้วก็ร้องไห้ ซุนกวนก็ตกใจถามว่ามารดาร้องไห้ด้วยเหตุอันใด นางก็บอก ว่า

".....ตัวเจ้านี้มิได้เกิดในอุทรเรา เราก็รักเสมอกับบุตรอันเกิดในอุทร เมื่อพี่เราจะตายนั้นได้สั่งเจ้าไว้ จะกระทำสิ่งใดให้ปรึกษาเราก่อน แลเจ้าทำการถึงเพียงนี้ก็มิได้บอกเรา....."

ซุนกวนก็ตกใจถามว่า

".....ข้าพเจ้าทำการสิ่งใดให้มารดาขัดเคือง จงว่ามาให้แจ้งเถิด จะมานั่งร้องไห้อยู่ฉะนี้ ข้าพเจ้าหามีความสบายไม่....."

นางงอก๊กไถ้จึงว่า

".....อันธรรมดาเกิดมาเป็นคนที่มีบุตรหญิงชายครั้นเลี้ยงใหญ่แล้วก็คิดอ่าน จะตกแต่งให้มีเหย้าเรือน ตัวเราก็เป็นมารดาเลี้ยงของเจ้า ก็เหมือนมารดาตัว เจ้าคิดอ่านจะเอาบุตรหญิงของเราไปให้แก่เล่าปี่ จนนัดงานการกันพาเล่าปี่มาถึงเมืองแล้วเหตุใดจึงไม่ปรึกษาเรา....."

ซุนกวนย้อนถามว่าผู้ใดบอก นางงอก๊กไถ้ก็ยืนยันว่า

"....อันการดังนี้แม้มิให้ใครรู้ก็อย่าทำ อันทำแล้วจะปิดให้มิดนั้นไม่ได้ ราษฎรชาวเมืองลำชีก็รู้ทั่วกันแล้ว เจ้ากลับมาพรางเราอีกเล่า....."

นางเกียวก๊กโลจึงว่าเนื้อความอันนี้รู้กันมาหลายวันแล้ว ตนมีความยินดีด้วยจึงมาถามข่าว ซุนกวนเห็นนางเกียวก๊กโลเป็นพยานยืนยัน และนางงอก๊กไถ้ก็ขัดเคืองนัก จึงอ้อมแอ้มแก้ตัวว่า

"....อันการงานครั้งนี้ข้าพเจ้าจะเป็นตัวคิดอ่านทำก็หามิได้ เป็นความคิดกลอุบายของจิวยี่ จะคืนเอาเมืองเกงจิ๋ว จึงคิดอ่านลวงให้เล่าปี่มา แล้วจะจับเอาตัวใส่คุกไว้ ให้ขงเบ้งเอาเมืองเกงจิ๋วนั้นเปลี่ยนตัวเล่าปี่ไป แม้ขงเบ้งไม่ทำตามคำก็จะฆ่าเล่าปี่เสีย ใช่จะทำโดยสุจริตนั้นหาไม่ ข้าพเจ้าจึงมิได้ปรึกษากับมารดา....."

นางงอก๊กไถ้ได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ด่าจิวยี่เอาว่า

"......มันเป็นนายทหารผู้ใหญ่ในเมืองกังตั๋ง มีหัวเมืองเอกถึงหกหัวเมือง เมืองตรีจัตวาแปดสิบเอ็ดหัวเมือง อาญาสิทธิ์ก็อยู่กับมือ แต่จะคิดกลอุบายเอาเมืองเกงจิ๋วเท่านี้ ไม่ได้ หรือ จำเพาะเอาบุตรีเรา ไปทำกลจะลวงฆ่าเล่าปี่ ให้คนทั้งปวงเลื่องลือว่า เรายกบุตรหญิงให้เป็นภรรยาเล่าปี่ เมื่อเล่าปี่ตายแล้วบุตรเราก็เป็นม่ายอยู่ สืบไปเมื่อหน้าใครจะอาจมาขอเล่า จะทำให้บุตรีเราเสียคนไปฉะนี้ ให้มันทำจงดี....."

นางเกียวก๊กโลจึงพูดขึ้นว่า

“....อันความคิดจิวยี่เหมือนว่าฉะนี้ ก็จะได้เมืองเกงจิ๋วเป็นมั่นคง แต่จะฆ่าเล่าปี่เสียนั้น ชาวเมืองทั้งปวงก็จะหัวเราะเยาะว่า ท่านเอาลูกสาวไปลวงฆ่าเล่าปี่เสีย ความอัปยศก็จะมี....."

ซุนกวนเห็นนางเกียวก๊กโลพูดจาสนับสนุน ให้นางงอก๊กไถ้โกรธยิ่งขึ้น ก็กลัวมารดาไม่อาจโต้ตอบประการใด นางงอก๊กไถ้ก็ด่าว่าจิวยี่ไม่ขาดปากนางเกียวก๊กโลจึงว่า

".....การก็เป็นถึงเพียงนี้ จนราษฎรรู้ทั่วกันแล้ว เล่าปี่ก็เป็นคนมีสติปัญญา แล้วเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ เอาเป็นเขยเถิดจะได้พ้นความละอาย ซึ่งคนทั้งปวงจะครหานินทา....."

ซุนกวนจึงได้แย้งว่า

"...เล่าปี่มีสติปัญญาก็จริง แต่เป็นคนผู้ใหญ่ อายุจะได้สมกับน้องเราหามิได้....."

นางเกียวก๊กโลจึงพูดกับซุนกวนว่า

"....เล่าปี่เป็นคนดี มีน้ำใจโอบอ้อมอารีกรุณาแก่ราษฎรทั้งปวง รูปร่างก็งาม นานไปจะได้เป็นใหญ่ แม้ได้ไว้เป็นเขยก็จะไม่ขายหน้าน้องสาวท่าน....."

นางงอก๊กไถ้จึงตัดสินว่า

".....อันเล่าปี่นี้เรายังไม่รู้จัก เวลาพรุ่งนี้ให้เชิญเล่าปี่ไป ณ วัดกำลอ เราจะดูให้รู้จักก่อน แม้ชอบใจเราจะยกให้ ถ้าไม่ชอบใจเรา เจ้าจะทำสิ่งใดก็ตามความคิดเจ้าเถิด....."

ซุนกวนมีความกตัญญูรู้คุณต่อแม่น้าที่เลี้ยงดูมา ก็ไม่อาจจะขัดได้ จึงกลับมาสั่ง ลิห้อมให้จัดโต๊ะที่วัดกำลอ เวลาพรุ่งนี้เช้า มารดาจะขอดูตัว ถ้าไม่ชอบใจก็อนุญาตให้ทำการได้ตามที่คิด ลิห้อมก็แนะให้ซุนกวนสั่งให้ แกหัว คุมทหารสามร้อยไปซุ่มอยู่สองข้างทางเข้าวัด ถ้ามารดาไม่ชอบใจก็ส่งสัญญาณ ให้แกหัวนำทหารออกมาจับตัวเล่าปี่ไว้ ซุนกวนก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้แกหัวดำเนินการตามนั้น

นางเกียวก๊กโลก็พานางงอก๊กไถ้มาที่อยู่ แล้วก็ให้คนใช้ไปเชิญเล่าปี่ไปกินเลี้ยงที่วัดกำลอในวันพรุ่งนี้ บอกว่ามารดาเจ้าสาวจะดูตัว พอวันรุ่งขึ้นทั้งสองนางก็ไปรอเล่าปี่อยู่ในที่จัดเลี้ยงนั้น พร้อมด้วยซุนกวนและบรรดาขุนนางที่ปรึกษาทั้งหลาย

เมื่อเล่าปี่มาถึงพวกที่รอต้อนรับก็แปลกใจ เพราะเล่าปี่แต่งตัวโอ่อ่ารัดกุม จูล่งก็สวมเกราะเหมือนจะออกศึก ทหารซึ่งมาด้วยนั้นก็ถือกระบี่ทุกคน ซุนกวนก็ออกมารับเล่าปี่ที่ลงจากหลังม้า แล้วก็พาเข้าไปคำนับมารดา

นางงอก๊กไถ้ก็มีความยินดีเชิญให้นั่งโต๊ะ แล้วกระซิบกับนางเกียวก๊กโลว่า เล่าปี่รูปร่างจริตกิริยาก็สมควรเป็นเขยเราอยู่แล้ว นางเกียวก๊กโลก็รับว่า

"...อันลักษณะเล่าปี่ดีนัก มีน้ำใจกรุณาแก่ราษฎรทั้งปวง นานไปจะมีบุญทั้งอายุก็จะยืน ควรที่จะเป็นบุตรเขยของท่าน...."

ขณะที่พูดจากันอยู่ก็เห็นจูล่งเหน็บกระบี่ เดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลังเล่าปี่ นางจึงถามว่าทหารคนนี้ชื่อใด เล่าปี่บอกว่าชื่อจูล่งเป็นชาวเมืองเสียงสัน นางงอก๊กไถ้จึงถามว่า

".....เมื่อโจโฉยกทหารร้อยหมื่น มารบท่าน ณ เมืองตงหยง ล้อมครอบครัวท่านไว้นั้น จูล่งคนนี้หรือรบชิงเอาบุตรภรรยาท่านออกจากที่ล้อมได้..."

เล่าปี่ก็รับว่าคนนี้แหละ นางงอก๊กไถ้ก็สรรเสริญจูล่งว่า รูปร่างจริตกิริยาสม เป็นนายทหารเอก แล้วก็ให้คนใช้รินสุราส่งให้จูล่งกิน เมื่อเห็นจูล่งกระซิบกับเล่าปี่จึงถามว่า จูล่งบอกเนื้อความอันใด เล่าปี่ก็คำนับแล้วร้องไห้ว่า

".....ท่านจะฆ่าข้าพเจ้าเสียก็ตามเถิด แต่โปรดอย่าให้ข้าพเจ้าได้ความลำบากเลย....."

นางงอก๊กไถ้ถามว่าเหตุใดท่านจึงว่าฉะนี้ เล่าปี่ก็บอกว่า จูล่งเห็นทหารประมาณสามร้อย ถือศาสตราวุธซุ่มอยู่ในวัด เห็นว่าคงจะคิดการร้าย นางงอก๊กไถ้ก็โกรธจึงถามซุนกวนว่า

"....เล่าปี่เป็นบุตรเขยของเรา เหตุใดตัวจึงแต่งทหารมาซุ่มไว้ จะทำร้ายเล่าปี่หรือ....."

ซุนกวนกลัวมารดาก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง แล้วเรียกลิห้อมมาถามว่าผู้ใดทำ ลิห้อมเห็นจวนตัวจึงปัดไปว่า ตนเองก็ไม่รู้เรื่อง แกหัวจัดการเอง นางงอก๊กไถ้จึงเรียกแกหัวมาด่าว่า แล้วก็ให้เอาตัวไปประหารเสีย เล่าปี่จึงรีบขอว่า

"....บัดนี้จะทำการมงคล ซึ่งท่านจะฆ่าทหารเอกเสียเพราะข้าพเจ้านั้นไม่ควร อนึ่งข้าพเจ้าจะอยู่พึ่งบุญท่านสืบไป ก็จะไม่มีความสุข ท่านจงเมตตาข้าพเจ้า โปรดยกโทษแกหัวไว้ครั้งหนึ่งก่อน....."

นางงอก๊กไถ้ก็ยกโทษให้ แล้วขับแกหัวออกไปจากวัด พวกลิ่วล้อที่ซุ่มอยู่ก็เลยแยกย้ายกันกลับไปหมดสิ้น

วันต่อมาเล่าปี่ก็ไปหานางเกียวก๊กโล แล้วว่า

".....บัดนี้ข้าพเจ้ามาอาศัยอยู่ ณ ตึกรับแขกก็เปลี่ยวนัก ด้วยที่นั้นหามิดชิดมั่นคงไม่ ซึ่งนางงอก๊กไถ้กับซุนกวน มีความเมตตานั้นข้าพเจ้าก็แจ้งอยู่ เกลือกว่าทหารแลชาวเมืองทั้งปวงจะคิดร้ายข้าพเจ้า จะอยู่ช้านักไม่ได้....."

นางเกียวก๊กโลก็ไปหานางงอก๊กไถ้บอกความที่เล่าปี่วิตก นางงอก๊กไถ้จึงจัดแจงรับเล่าปี่ กับจูล่งและทหารทั้งปวง ให้เข้ามาอยู่ข้างในที่พักของนางเป็นที่เรียบร้อย รอวันฤกษ์ดีที่จะจัดการแต่งงาน กับนางซุนหยินต่อไป

อุบายของจิวยี่จึงกลายเป็นความจริงขึ้นมาด้วยประการฉะนี้.

##########


Create Date : 29 เมษายน 2559
Last Update : 29 เมษายน 2559 16:26:33 น. 0 comments
Counter : 301 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.