Group Blog
 
All Blogs
 
นักรบยอดทรหด

เสี้ยวสามก๊ก

นักรบยอดทรหด

เล่าเซี่ยงชุน

ตัวละครเล็ก ๆ ที่นำมาเล่าในชุด เสี้ยวสามก๊กนี้ อาจจะมีบางตอนหรือหลายตอนดูจะซ้ำ ๆ กันบ้าง ก็เพราะพฤติกรรมของเขาเหล่านั้น อาจจะเกี่ยวข้องกันอยู่ แต่เชื่อว่าคงจะไม่เหมือนกันเสียจนน่าเกลียด เอาเป็นว่าถ้าจะมีละม้ายคล้ายคลึงกันบ้าง ก็ถือเสียว่าเป็นการมองคนละมุมก็แล้วกัน

คราวนี้ก็จะได้เล่าถึงนายทหารที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงนัก แต่มีฝีมือเข้มแข็ง และมีความทรหดอดทนในการสู้รบเป็นเลิศ ซึ่งมีอยู่หลายคน

คนแรกนั้นเป็นชาวเมืองอุยก๋วนชื่อ ไทสูจู้ เมื่อยังเด็กอยู่กับมารดาซึ่งยากจน มีผู้อุปการะให้เสื้อผ้าข้าวปลาอาหาร ต่อมาผู้นั้นได้เป็นเจ้าเมืองปักไฮชื่อ ขงหยง ครั้งหนึ่งนายโจรชื่อ กวนไฮ ได้ยกพลมาล้อมเมืองไว้เพื่อจะขอเสบียงหมื่นถัง ขณะนั้นไทสูจู้โตเป็นหนุ่มแล้ว ได้ทราบข่าวจึงขึ้นม้าถือทวนแต่ผู้เดียว ตีฝ่าพวกโจรเข้าไปหาขงหยงในเมือง และขอทหารพันเดียวจะอาสาออกไปตีพวกโจร แทนคุณที่มีแก่มารดาของตน ถึงแม้จะตายในที่รบก็ยอม ขงหยงก็ชอบน้ำใจจึงเอาเสื้อเกราะให้เป็นบำเหน็จ แล้วให้ถือหนังสือไปหา เล่าปี่ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเพงงวนก๋วน ให้ยกทหารมาช่วย เล่าปี่ก็พากวนอูเตียวหุยมาช่วยขงหยงจนพวกโจรแตกพ่ายไป ขงหยงก็ให้ไทสูจู้อยู่รับราชการกับตน

ต่อมา เล่าอิ้ว เจ้าเมืองเอียงจิ๋ว ส่งคนมาตามให้ไปช่วยทำราชการด้วย ไทสูจู้จึงลาขงหยงกลับไปหามารดา เล่าเรื่องที่ได้ไปช่วยขงหยง แล้วก็ไปอยู่กับเล่าอิ้วที่เมืองเอียงจิ๋ว ต่อมา เล่าอิ้วย้ายไปอยู่เมืองฉิวฉุน แล้วก็ถูกอ้วนสุดกับซุนเซ็กร่วมมือกันยกทัพมาตีเมือง จึงถอยไปตั้งรับที่ตำบลขยกโอ๋

เล่าอิ้วนี้เป็นญาติกับเล่าเปียว ซึ่งเป็นอริกับ ซุนเกี๋ยน บิดาของซุนเซ็ก และฆ่า ซุนเกี๋ยนตายเมื่อนานมาแล้ว ซุนเซ็กจึงยกทหารมาแก้แค้น ไทสูจู้ขออาสาคุมทหารเป็นกองหน้า ไปรบ แต่เล่าอิ้วไม่เห็นด้วยและให้ผู้อื่นไปก็แตกกลับมา เล่าอิ้วจึงยกพลไปตั้งอยู่ที่เชิงเขาสินเต๋งทางทิศเหนือ ซุนเซ็กก็ยกทหารมาตั้งอยู่ด้านทิศไต้

บนเขาสินเต๋งนั้นมีศาลเจ้าฮั่นกองบู๊ตั้งอยู่ ซุนเซ็กก็พาทหารสิบกว่าคนขึ้นไปเซ่นไหว้บนเขา และลาดตระเวนดูกำลังข้าศึกด้วย ไทสูจู้รู้ข่าวก็พาทหารเลวอีกคนหนึ่งขึ้นไปบนเขา เพื่อจะจับตัวซุนเซ็ก เมื่อพบกันไทสูจู้ก็ร้องถามว่าผู้ใดชื่อว่าซุนเซ็ก เราชื่อไทสูจู้จะมาจับตัวซุนเซ็ก

ซุนเซ็กก็หัวเราะแล้วว่า

“…..ตัวจะมาจับเราแต่สองคนนี้เรามิได้กลัว…..”

ไทสูจู้ก็ย้อนเอาว่า

“……เราผู้เดียวให้ตัวออกมาทั้งสิบสองคนนั้น เราก็ไม่กลัว…..”

แล้วทั้งสองก็เข้ารบกันได้ห้าเพลงไทสูจู้ก็ถอย ซุนเซ็กตามมาทันก็รบกันอีกห้าสิบเพลง จนประชิดตัวต่างก็คว้าทวนของฝ่ายตรงข้ามไว้ แล้วแย่งชิงกันจนตกจากหลังม้า ก็ยังปล้ำกันจนเสื้อเกราะขาดหลุดลุ่ย ซุนเซ็กก็คว้าทวนสั้นที่ไทสูจู้เหน็บหลัง ออกมาแทงเจ้าของ ไทสูจู้ก็ชิงเอาหมวกของซุนเซ็กมารับไว้ได้ พอดีทหารของทั้งสองฝ่ายตามมาทัน ซุนเซ็กนั้นมีลิ่วล้ออยู่สิบสองคน ส่วนทหารของไทสูจู้ยกกันมาตั้งพันคน ซุนเซ็กจึงเป็นฝ่ายถอยเข้าค่ายไป

ต่อมาจิวยี่ยกทัพมาช่วยซุนเซ็กอีกแรงหนึ่ง เล่าอิ้วจึงเป็นฝ่ายถอย แต่ถูกตามตีในตอนกลางคืน ไทสูจู้จึงพลัดกับเล่าอิ้วไปอยู่ที่เมืองเกงก๋วน กับทหารเพียงสิบห้าคน ซุนเซ็กก็ตามมาล้อมเมืองไว้ ไทสูจู้ยกทหารออกไปต่อสู้ ก็ถูกอุบายของฝ่ายซุนเซ็กถูกจับตัวได้ แต่ซุนเซ็กนับถือความกล้าหาญของไทสูจู้ จึงเกลี้ยกล่อมให้มาอยู่ด้วยกัน ไทสูจู้เห็นว่าซุนเซ็กไม่มีความพยาบาท จึงยอมอยู่กับซุนเซ็กตั้งแต่บัดนั้น

ซุนเซ็กก็รวบรวมกำลังไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองกังตั๋ง และพาไทสูจู้ไปรบขยายอาณาเขตออกไปถึงเมืองต๋องง่อ เมืองกังหนำ เมืองโลกั๋ง เมืองอิเจี๋ยง เจ้าเมืองง่อกุ๋นเกรงว่าเมืองของตนจะเป็นอันตราย จึงมีใบบอกไปแจ้งแก่โจโฉ แต่ถูกจับได้ซุนเซ็กจึงหลอกเอาตัวมาฆ่าเสีย แต่ตัวซุนเซ็กเองกลับถูกทหารเลวที่ติดตามเจ้าเมืองง่อกุ๋น ดักยิงด้วยเกาทัณฑ์อาการสาหัส และอีกไม่นานก็ถึงแก่ความตาย ไทสูจู้จึงอยู่กับซุนกวน น้องชายผู้รับมรดกเป็นเจ้าเมืองกังตั๋งต่อไปอีกนาน

จนเมื่อการศึกครั้งใหญ่ที่ตำบลเซ็กเพ็ก ริมอ่าวหน้าเมืองกังตั๋งได้สิ้นสุดลง โดยกองทัพของโจโฉแตกพ่ายไม่เป็นขบวนไปแล้ว จิวยี่ก็เสียทีถูกอุบายของขงเบ้งจนเจ็บป่วย ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่เมืองฉสองกุ๋น ฝ่ายซุนกวนยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋า ไทสูจู้ก็ติดตามไปด้วย แต่รบกับเตียวเลี้ยวนายทหารเอกของโจโฉ กว่าสิบครั้งแล้วยังไม่แพ้ชนะกัน จิวยี่จึงให้ โลซก กับ เทียเภา ยกกองทัพไปช่วย ซุนกวนจึงมีมานะจะรบกับเตียวเลี้ยวให้ถึงแตกหัก

เมื่อยกทหารมาประจันหน้ากันแล้ว ไทสูจู้ก็ควงทวนเข้ารบกับเตียวเลี้ยว ถึงแปดสิบเพลงก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน ซุนกวนยืนม้าดูทหารเอกทั้งคู่รบกันเพลินจนไม่ระวังตัว ทหารรองของเตียวเลี้ยว ก็ควงดาบควบม้าเข้ามาจะฟันซุนกวนซึ่งกำลังเผลอ นายทหารของซุนกวนก็ช่วยป้องกันไว้ได้ทัน จึงเกิดการรบอลหม่านขึ้น ไทสูจู้ก็ตกใจผละจากเตียวเลี้ยวเพื่อมาป้องกันนาย และพาหนีไป เตียวเลี้ยวก็ไล่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด พอดีเทียเภายกทหารหนุนมา จึงเข้าตีสกัด ข้าศึกไว้ได้ เตียวเลี้ยวจึงต้องถอยกลับเข้าเมืองหับป๋า

ต่อมาไทสูจู้ก็บอกซุนกวนว่า ตนมีพรรคพวกอยู่ในเมืองหับป๋าสองคน รับรองว่าจะช่วยเป็นใส้ศึกข้างในเมือง ตนจึงขอทหารไปทำการแก้แค้นในเวลากลางคืน ซุนกวนก็อนุญาตให้ไปแต่ก็เตือนว่า เตียวเลี้ยวมีสติปัญญาทั้งฝีมือก็เข้มแข็ง เห็นจะไม่ประมาท จงคิดอ่านตรึกตรองให้ดี ไทสูจู้ก็รับคำแล้วยกทหารไปในตอนค่ำ

ส่วนในเมืองนั้นเมื่อพรรคพวกของไทสูจู้จุดไฟขึ้นที่หลังค่าย และช่วยกันร้องว่า ข้าศึกเข้าเมืองได้แล้ว ชาวเมืองก็แตกตื่นกันวุ่นวาย แต่เตียวเลี้ยวระวังตัวอยู่แล้ว จึงไม่ตกใจ สั่งให้ทหารไปเที่ยวหาตัวผู้ก่อเหตุ ก็จับตัวได้ทั้งสองคนจึงให้เอาไปประหารเสีย แล้วก็สวมรอยเปิดประตูเมืองให้ไทสูจู้ขับม้านำทหารเข้าเมือง แล้วล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกไทสูจู้หลายดอก ต้องถอยออกมา พอดีนายทหารสองคนของซุนกวน ยกทหารตามมาช่วยจึงเอาตัวไทสูจู้กลับเข้าค่ายได้

ซุนกวนเห็นว่าไม่สามารถจะตีเมืองหับป๋าได้ จึงถอยทัพลงเรือกลับมาเมืองลำซี ไทสูจู้นั้นบาดเจ็บสาหัสอาการหนักมาก ซุนกวนให้เตียวเจียวไปเยี่ยม ไทสูจู้ก็ปรารภว่า

“……เกิดมาเป็นชาย ถึงจะตายในท่ามกลางศึก ก็ไม่เสียดายชีวิต….แต่เหตุใดจึงมาสิ้นอายุเสียแต่ยังหนุ่ม……..”

แล้วไทสูจู้ลิ่วล้อผู้มีฝีมือของกังตั๋งก็สิ้นใจตาย เมื่ออายุได้สี่สิบเอ็ดปี ซุนกวนก็แต่งการศพไปฝังไว้ที่เชิงเขาปักกัว และรำลึกถึงอยู่เสมอ

คนต่อมาเป็นทหารตรีของโจโฉ ชื่อเตียนอุย เป็นชาวเมืองตันลิว เมื่อครั้งที่โจโฉเริ่มตั้งตัวที่เมืองกุนจิ๋ว ได้เกลี้ยกล่อมผู้คนมาเข้าเป็นสมัครพรรคพวกด้วยจำนวนมากนั้น เตียนอุยยังอยู่ในป่า ทหารเอกคนหนึ่งของโจโฉไปพบเข้า ขณะที่กำลังปล้ำกับเสือด้วยมือเปล่าจนเสือตาย จึงพาตัวมาสมัครเป็นทหารกับโจโฉ ซึ่งโจโฉก็พอใจในรูปร่างอันใหญ่โต กำยำล่ำสัน ถือทวนคู่หนักเล่มละแปดสิบชั่ง ก็ยินดีรับไว้ พอดีขณะธงผืนใหญ่ประจำกองทัพถูกลมพัดเอนจะล้มลง ทหารของโจโฉร่วมยี่สิบคนช่วยกันดันไว้ก็ทำท่าจะไม่ไหว เตียนอุยก็โดดเข้าไปช่วยดันให้ตั้งตรงอย่างเดิมได้ โจโฉจึงตั้งให้เป็นองครักษ์ประจำตัว ไปไหนไปด้วยกัน

คราวหนึ่งโจโฉรบกับลิโป้ ถูกลิโป้หลอกให้เข้าตีเมืองปักเอี้ยง แล้วเผาเมืองจะให้เพลิงคลอกโจโฉ ก็ได้เตียนอุยพาตัวออกมาจากกองไฟได้ แม้ว่าขื่อหอรบจะพังลงมาทับม้าที่ขี่ตาย และตัวโจโฉก็ถูกไฟไหม้ผมและหนวดเกรียนไป แต่ก็รอดชีวิตมาได้ ต่อมาอีกนานโจโฉยกทัพไปตีเมืองอ้วนเซียของเตียวสิ้ว ซึ่งครั้งแรกเตียวสิ้วยอมอ่อนน้อมด้วย แต่เมื่อโจโฉแอบพาอาสะใภ้ของเตียวสิ้วซึ่งเป็นม่าย ไปอยู่ด้วยกันในค่ายนอกเมือง ก็ยอมไม่ได้จึงยกทหารเข้าตีค่ายของโจโฉในกลางดึก เตียนอุยถูกหลอกให้ไปกินเลี้ยงในเมือง กลับมาก็นอนเฝ้าโจโฉอยู่หน้าที่พัก พอทหารของ เตียวสิ้วจู่โจมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว งัวเงียลุกขึ้นได้ไม่ทันใส่เกราะ หาอาวุธคู่มือก็ไม่เจอ จึงคว้าเอาดาบของทหารเลวเข้าต่อสู้กับข้าศึกร่วมยี่สิบคน ที่รุมเข้าฟันแทงจนได้บาดแผลทั่วตัว ดาบก็หักสบั้น คามือ ต้องคว้าเอาทหารข้าศึกที่ตายแล้วเป็นอาวุธ เหวี่ยงซ้ายป่ายขวาตีข้าศึกกระจัดกระจายไป โจโฉจึงหนีรอดไปได้อีกครั้งหนึ่ง แต่เตียนอุยถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ปักทั่วตัว ยืนพิงประตูที่พักของโจโฉสิ้นใจตายไป สมศักดิ์ศรีของนายทหารองครักษ์ชั้นดี

อีกคนหนึ่งเป็นทหารเสือของโจโฉชื่อเคาทู เป็นชาวเมืองเจียวก๊ก สมัยที่พวกโจรโพกผ้าเหลืองอาละวาดอยู่ ได้คุมพวกชาวบ้านหลบอยู่ในถ้ำบนภูเขาแห่งหนึ่ง แล้วเอาก้อนหินมากองไว้เป็นอาวุธ พอพวกโจรมารังควาญก็เอาก้อนหินทุ่มหัว จนไม่สามารถจะขึ้นมาปล้นได้ ต่อมาพวกโจรเอาเสบียงอาหารมาแลกโคคู่หนึ่ง เคาทูก็ตกลงแต่พวกโจรจูงโคไปได้สักห้าสิบเส้น โคก็ตื่นวิ่งหนีเข้าป่า เคาทูเลยตามไปเอาคืนมาทั้งคู่ ด้วยการจับหางลากมาด้วยมือทั้งสองของตนเอง

เมื่อครั้งที่ม้าเฉียวยกทัพมารบกับโจโฉ เพื่อแก้แค้นแทนม้าเท้งผู้บิดา ซึ่งถูกโจโฉฆ่าตาย ครั้งแรกปะทะกันที่ด่านตงก๋วนใกล้แม่น้ำอุยโห โจโฉยกทหารไปทางเรือพอขึ้นฝั่งก็โดน ม้าเฉียวดักตีโดยไม่รู้ตัว เคาทูต้องพาหนีลงเรือกลับโดยเอาเบาะม้าคลุมตัวโจโฉไว้ และตนเองแจวเรือมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือกระบี่คอยปัดป้องลูกธนู ที่ข้าศึกยิงตามหลังมาดังห่าฝน จนรอดข้ามฝั่งไปได้ แต่มีลูกเกาทัณฑ์ปักติดเสื้อเกราะตนเองเต็มไปหมด

อีกครั้งหนึ่งเคาทูได้ลองฝีมือกับม้าเฉียวตัวต่อตัว กลางสนามรบต่อหน้าทหารทั้งสองฝ่าย ทั้งคู่ฟาดฟันกันถึงร้อยเพลงก็ไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน ต้องเปลี่ยนม้าแล้วฟาดกันต่ออีกสามสิบเพลง ง้าวของเคาทูและทวนของม้าเฉียวก็หักสบั้น ต้องแยกกลับเข้าค่ายไป

การรบครั้งนี้สุดท้ายโจโฉเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ ม้าเฉียวต้องแตกหนีออกไปอาศัยอยู่ ที่เมืองเจี๋ยง นอกอาณาเขตจีน ส่วนเคาทูได้เป็นทหารของวุยก๊กอยู่อีกนาน จนโจโฉสิ้นบุญไป แต่ก็ไม่ปรากฎว่าเสียชีวิตในการรบครั้งใด คงจะแก่ตายไปเอง

คนหลังนี้ก็เป็นทหารเอกของโจโฉอีกคนหนึ่ง ชื่อบังเต๊ก ชาวเมืองลำหัน ตอนแรกอยู่กับม้าเฉียวรบกับโจโฉ ต่อมาม้าเฉียวไปเข้าเป็นพวกเล่าปี่ ทิ้งให้บังเต๊กอยู่กับเตียวฬ่อที่เมือง ฮันต๋ง โจโฉก็ยกทัพมาตีเมืองฮันต๋ง จับตัวบังเต๊กได้แล้วก็เกลี้ยกล่อมเอาไว้เป็นพวก แต่อยู่มานานก็ไม่ได้แสดงฝีมือแต่อย่างใด ครั้นกวนอูยกทัพมาตีเมืองอ้วนเซียของโจโฉ เจ้าเมืองเห็นท่าจะต้านทานไม่ไหว จึงขอให้โจโฉยกทัพไปช่วย โจโฉก็ให้อิกิ๋มเป็นแม่ทัพ

บังเต๊กจึงอาสาเป็นแม่ทัพหน้า แล้วก็สั่งให้ทหารต่อโลงขึ้นใบหนึ่ง สั่งไว้ว่าถ้าฆ่ากวนอูได้จะตัดศรีษะกวนอูใส่โลงมาให้โจโฉ ถ้าตนตายในสนามรบก็ให้ใส่ศพกลับมา ทหารก็พากันสรรเสริญความกล้าหาญของบังเต๊กเป็นอันมาก เมื่อพบกับกวนอูผู้มีฝีมือเป็นที่เลื่องลือกันมากว่าสามสิบปีแล้ว บังเต๊กก็เอาโลงศพมาตั้งตรงหน้า แล้วก็ประกาศว่าโจโฉใช้ให้มาเอาศรีษะกวนอู ใส่โลงนี้กลับไป กวนอูก็แค้นนักที่นักรบรุ่นลูกหมิ่นประมาทดังนั้น จึงว่าถ้าตนจะฆ่าบังเต๊กก็เหมือนฆ่าหนูตัวหนึ่ง ออกจะเสียดายคมง้าวเสียด้วยซ้ำ แล้วก็เข้าปะทะกันด้วยง้าวทั้งคู่ถึงร้อยเพลงเศษ บังเต๊กก็ยังไม่เสียท่าให้แก่กวนอู ทั้งสองฝ่ายจึงแยกกันกลับเข้าค่าย และต่างก็สรรเสริญเพลงง้าวของคู่ต่อสู้ว่าทัดเทียมกันมาก

กวนเป๋งลูกชายของกวนอู เกรงว่าบิดาซึ่งชราแล้วจะเสียทีข้าศึก จึงว่า

“……ถึงมาตรว่าท่านจะต่อรบฆ่าบังเต๊กเสีย ถ้าชนะก็เหมือนชนะผู้หญิง ถ้าแพ้แก่มันก็จะเสียเกียรติยศของพระเจ้าฮันต๋ง หาควรไม่…..”

กวนอูก็ว่า ถ้าเรามิได้ฆ่าอ้ายบังเต๊กเสีย ก็หาหายความแค้นไม่ แล้วก็ยกพลออกไปปะทะกับบังเต๊กอีก คราวนี้บังเต๊กทำเป็นชักม้าหนี กวนอูรู้เชิงแต่ก็ขับม้าตามไป บังเต๊กก็หันไปเอาเกาทัณฑ์ยิง กวนเป๋งเห็นจึงร้องเตือนบิดา พอกวนอูมัวเหลียวไปดูลูกเลยหลบไม่ทัน ลูกเกาทัณฑ์ปักที่ไหล่ขวา กวนเป๋งก็เข้าไปช่วยกันบิดากลับเข้าค่าย

ขณะที่กวนอูรักษาแผลเกาทัณฑ์อยู่ในค่าย ประมาณสิบวัน บังเต๊กจะยกพลเข้าตีค่ายให้แตกหัก แต่อิกิ๋มแม่ทัพใหญ่เกิดความริษยา จึงห้ามไว้และให้ย้ายค่ายถอยไปตั้งที่ทุ่งจันเค้าในหุบเขา ซึ่งเป็นที่ลุ่ม ขณะนั้นเป็นฤดูฝนมีฝนตกแทบทุกวัน น้ำในแม่น้ำก็เอ่อสูงขึ้น กวนอูหายป่วยแล้วก็วางแผนเอาชนะโดยให้เตรียมเรือไว้ พอฝนตกหนักน้ำเริ่มท่วมค่ายบังเต๊กก็เตรียมย้ายขึ้นเขา แต่ไม่ทันการน้ำท่วมค่ายประมาณหกศอก บังเต๊กก็พาทหารตะกายหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนเนินน้อยแห่งหนึ่ง

กวนอูก็ยกทหารลงเรือเข้าตีกองทหารวุยก๊ก อิกิ๋มต้องยอมจำนน แต่บังเต๊กยืนหยัดสู้จนถึงคนสุดท้าย ก็โดดลงเรือของทหารข้าศึกกวัดแกว่งง้าวไล่ทหารเลวโดดลงน้ำไปหมด แล้วก็แจวเรือหนี แต่ไม่พ้นทหารองครักษ์ของกวนอูซึ่งแจวเรือใหญ่กว่า มาเกยเรือเล็กของบังเต๊กล่มลง จึงถูกจับตัวได้ กวนอูก็เกลี้ยกล่อมให้บังเต๊กยอมอ่อนน้อม เพราะบังฮิวพี่ชาย และม้าเฉียวนายเก่าก็อยู่กับพระเจ้าเล่าปี่แล้ว แต่บังเต๊กตอบว่า

“……..เราเป็นข้าพระเจ้าวุยอ๋อง พระเจ้าวุยอ๋องมีคุณแก่เราเป็นอันมาก ซึ่งเราจะยอมเข้ากับท่านนั้น มิบังควร เราจะขอตายด้วยคมหอกคมดาบหารักชีวิตไม่……”

กวนอูจึงสั่งให้ประหารชีวิตเสีย แต่ก็ยังปราณีในความกล้าหาญ จึงให้เอาศพไปฝังไว้ โลงศพที่บังเต๊กเอาติดตัวมาด้วย จึงไม่ได้ใช้งานแต่ประการใด

และตำนานนักรบยอดทรหดของสามก๊ก ก็คงจะพักไว้เพียงแค่นี้ ถ้าหากรู้สึกว่าเคยได้อ่านที่ไหนมาบ้างแล้ว ก็โปรดอภัยให้แก่ผู้เฒ่า เล่านั้ง ด้วย ก็จะเป็นกุศลอย่างยิ่ง .

###########



Create Date : 25 มกราคม 2560
Last Update : 25 มกราคม 2560 18:18:03 น. 0 comments
Counter : 408 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.