Group Blog
 
All Blogs
 
ผู้พิชิตสามก๊ก (๑๒)

สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้พิชิตสามก๊ก

ตอนที่ ๑๒ ครอบครองเสฉวน

เล่าเซี่ยงชุน

หลังจากที่จงโฮยกับเตงงายได้ยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนแล้ว อีกไม่นานเตงงาย ก็มีหนังสือมาแจ้งแก่สุมาเจียวที่เมืองลกเอี๋ยง ความว่าตนได้อาสาจงโฮยยกทหารไปทางอิมเป๋ง และต่อมาก็มีหนังสือมากราบทูลพระเจ้าโจฮวน แจ้งความที่ได้ยกทหารเดินทางประมาณเจ็ดพันเส้น ผ่านเขามอเทียนเนีย เข้ายึดเมืองอิวกั๋งเมืองปวยเสีย แล้วเดินทางต่อไปอีกประมาณพันหกร้อยเส้นจึงเข้าถึงเมืองเสฉวน จูกัดเจี๋ยม มหาอุปราชของพระเจ้าเล่าเสี้ยน กับจูกัดสงบุตรชาย ยกทหารออกมาสู้รบก็พ่ายแพ้ไป สองพ่อลูกก็ตายในที่รบ พระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงยอมอ่อนน้อมและมอบบัญชีพลเมือง เสบียงอาหาร และทรัพย์สินเงินทองในพระคลัง ให้ทั้งสิ้น ตนจึงยกกองทัพเข้าไปตั้งในเมืองเสฉวน

ต่อมาเตงงายได้มีหนังสือแจ้งความมาถึงสุมาเจียวอีกฉบับหนึ่ง มีความว่า

ข้าพเจ้าเตงงายขอคำนับมาถึงจินก๋งมหาอุปราช ด้วยข้าพเจ้ายกทหารมาตีเมืองเสฉวนนั้น ก็ได้สำเร็จแล้ว ครั้นจะยกทัพกลับมาโดยเร็ว ทแกล้วทหารทั้งปวงก็บอบช้ำอิดโรยนัก จะขอพักทหารยับยั้งอยู่ ณ เมืองเสฉวน ให้ทแกล้วทหารมีความผาสุขก่อน แลตัวเล่าเสี้ยนนั้น ข้าพเจ้าตั้งให้เป็นที่แพ้วกี๋จงกุ๋น แลทรัพย์สิ่งของทั้งปวงนั้น ครั้นข้าพเจ้าจะส่งมาก่อนก็เป็นทางไกล เกลือกจะเกิดอันตรายในกลางทาง ตัวข้าพเจ้ามิพ้นความผิด บัดนี้ข้าพเจ้าเก็บรวบรวมกันไว้เป็นปกติอยู่ อนึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเมืองกังตั๋งก็ยังมิอ่อนน้อมกระด้างกระเดื่องนัก ถ้าแลทแกล้วทหารทั้งปวงหายอิดโรย จะให้ตบแต่งเรือรบยกไปตีเมืองกังตั๋งทีเดียว ฝ่ายพระเจ้าซุนฮิวรู้ว่าเมืองเสฉวนเสียแก่เรา ก็เห็นจะไม่แข็งอยู่ได้ ดีร้ายจะเข้ามาอ่อนน้อมต่อเรา อันเมืองกังตั๋งก็จะได้โดยง่ายเป็นมั่นคง ถ้าสำเร็จการทั้งนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็จะยกทหารกลับมาคำนับท่าน

สุมาเจียวได้แจ้งในหนังสือนั้นแล้ว ก็สงสัยคิดว่าเตงงายไปตีได้เมืองเสฉวน มีน้ำใจกำเริบหวังจะตั้งตัวเป็นใหญ่มิได้กลับมา จึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งเป็นข้อรับสั่งว่า

เตงงายมีใจสัตย์ซื่อภักดีต่อเจ้า อุตส่าห์ทำการมิได้คิดแก่ชีวิต ยกพลทหารมาตีได้เมืองเสฉวนครั้งนี้มีความชอบนัก ตั้งให้เตงงายเป็นที่ท้ายอุ้ยมีศักดินาหมื่นหนึ่ง

แล้วสุมาเจียวก็แต่งหนังสือของตนไปถึงอุยก๋วน ซึ่งอยู่ในกองทัพของเตงงาย อีกฉบับหนึ่ง ความว่า

ซึ่งจะทำสงครามไปภายหน้านั้น จงบอกกล่าวทูลให้ทราบก่อน อย่าดูเบาแต่อำเภอใจให้ผิดด้วยธรรมเนียม

อุยก๋วนก็เอาหนังสือนั้นให้เตงงายดู เตงงายก็มีหนังสือตอบมาว่า

ซึ่งข้าพเจ้ามาทำการครั้งนี้เป็นทางไกล แม้เห็นได้ท่วงทีแล้วจะงดไว้บอกมาให้ทูลก่อน จึงค่อยทำการต่อภายหลัง จะมิเสียการไปหรือ สุดแต่ข้าพเจ้าได้ท่วงทีแล้วเมื่อใด จะรีบทำการสนองคุณเจ้าให้สำเร็จจงได้ ซึ่งมิได้บอกมาให้แจ้งก่อนประการใด แม้ท่านจะเอาโทษข้าพเจ้าก็ตามเถิด แต่ข้าพเจ้าจะเอาข้อราชการของพระเจ้าหมื่นปีให้จงได้

สุมาเจียวแจ้งความในหนังสือนี้แล้ว ก็ยิ่งมีความสงสัย จึงปรึกษาด้วย กาอุ้นว่า

“..........เตงงายมีหนังสือมาว่าจะทำการตามอำเภอใจตัวฉะนี้ ก็เพราะมีใจกำเริบคิดประทุษร้ายต่อเราเป็นมั่นคง ท่านจะคิดประการใดดี.........”

กาอุ้นจึงว่า

“...........ถ้าฉะนั้นขอให้มีหนังสือรับสั่งไปตั้งจงโฮยเป็นที่ชูเต๋า ใหญ่กว่าที่เจงไสจงกุ๋น ก็จะมีใจกำเริบขึ้น ถึงมาตรว่าเตงงายจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ก็เห็นว่าจงโฮยจะมีความานะมิยอมเป็นน้อย ถ้อยทีจะแข็งกันอยู่ ดีร้ายจะเกิดวิวาทกันขึ้นเอง และตั้งอุยก๋วนให้เป็นผู้กำกับทหารทั้งสองกองด้วย...........”

สุมาเจียวก็เห็นชอบ จึงแต่งหนังสือให้คนถือไปถึงจงโฮยและอุยก๋วน ตามที่กาอุ้นแนะนำ ในไม่ช้าก็ได้รับหนังสือจากจงโฮยว่าเตงงายเป็นขบถ สุมาเจียวได้แจ้งแล้วก็ปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า เตงงายคิดการขบถกำเริบฉะนี้จะนิ่งไว้ไม่ได้ จึงนำความขึ้นกราบทูลพระเจ้าโจฮวน ให้มีหนังสือรับสั่งให้จงโฮยคิดอ่านกำจัดเตงงายเสียให้จงได้ แล้วเกณฑ์ทหารสามหมื่นให้กาอุ้นเป็นกองหน้า ยกไปทางตำบลเกียมโก๊ะ เพื่อเข้ายึดเมืองเสฉวน

กาอุ้นก็สงสัยว่าซึ่งจงโฮยบอกกล่าวโทษเตงงายมาครั้งนี้ น่าสงสัยอยู่ สุมาเจียวก็ว่าอย่าวิตกเลย เมื่อไปถึงเมืองเตียงฮันแล้วจะบอกเนื้อความให้เข้าใจ แล้วก็เร่งให้กาอุ้นยกกองหน้าไปโดยเร็ว แล้วก็เชิญพระเจ้าโจฮวนเสด็จไปในกองทัพหลวงออกจากเมืองลกเอี๋ยง ไปตั้งที่เมืองเตียงฮัน แล้วก็มีหนังสือไปบอกจงโฮยว่า

บัดนี้เรามีความวิตกถึงท่าน กลัวว่าจะยกไปกำจัดเตงงายนั้นจะมิสะดวก จึงยกกองทัพมาตั้งรออยู่ ณ เมืองเตียงฮัน ถ้าราชการขัดเคืองประการใด ก็ให้บอกไปจะยกทหารรีบมาช่วย

ขณะนั้นก็มีเรื่องวุ่นวายขึ้นในกองทัพของจงโฮยและเตงงาย เมื่อจงโฮยได้รับหนังสือจากสุมาเจียวแล้ว ก็รู้ว่าสุมาเจียวสงสัยตนว่าจะเป็นขบถ จึงคบคิดกับเกียงอุยซึ่งเข้ามาสามิภักดิ์ด้วย ให้อุยก๋วนไปจับเตงงายโดยไม่ทันรู้ตัว เอาใส่เกวียนส่งกลับมาให้สุมาเจียว แล้วตนเองกับเกียงอุยก็ชักชวนนายทหารในกองทัพตั้งตัวเป็นใหญ่ในเสฉวน นายทหารส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จึงเกิดสู้รบกันขึ้น จงโฮยกับเกียงอุยถูกฆ่าตาย ทหารของเตงงายก็ยกไปจะชิงตัวเตงงายคืน อุยก๋วนเกรงว่าถ้าเตงงายรอด ตนก็จะเป็นอันตราย จึงให้ทหารคนสนิทตามไปฆ่าเตงงายเสีย

เมื่อกองทัพของวุยก๊กแบ่งเป็นหลายพวกฆ่าฟันกันเองตายหมดนั้น ชาวเมือง เสฉวนทั้งปวงหาผู้ใดจะบังคับมิได้ ก็เกิดการจลาจลฆ่าฟันกันเอง บ้านเมืองไม่มีขื่อแป จนกระทั่งอีกสองสามวันต่อมา กาอุ้นยกกองทัพมาถึง ก็ปราบปรามอาณาประชาราษฎรให้เรียบร้อยเป็นปกติแล้ว ก็ให้อุยก๋วนอยู่รักษาเมืองเสฉวน แล้วตนเองก็เอาตัวพระเจ้าเล่าเสี้ยนกับขุนนางเมืองเสฉวนอีกสี่คน ไปหาสุมาเจียวที่เมืองเตียงฮัน และแจ้งเรื่องให้ทราบสิ้นทุกประการ

สุมาเจียวก็พาพระเจ้าเล่าเสี้ยนกับขุนนางผู้ติดตาม มากับกองทัพวุยก๊กที่ยกกลับเมืองลกเอี๋ยง ครั้นถึงเมืองแล้วสุมาอี้ก็นำตัวพระเจ้าเล่าเสี้ยนมาชำระ และว่ากับพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า

“.............ท่านนี้เป็นคนมิดี หาสติปัญญามิได้ เสพแต่สุรามิได้นำพากิจการบ้านเมือง ทำให้แผ่นดินฟั่นเฟือนเสียจน อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนดังนี้ มิควรนัก ชอบแต่ประหารชีวิตเสียจึงจะควร...........”

พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังสุมาเจียวว่า มีความกลัวเป็นกำลังหน้าเศร้าสลดลงทันใด แล้วก็หมอบนิ่งอยู่ ขุนนางทั้งปวงก็ชวนกันขอโทษไว้ สุมาเจียวจึงยกโทษให้และตั้งให้เป็นที่ อ่านลกก๋ง มอบหญิงคนใช้ร้อยหนึ่ง กับแพรอย่างดีหมื่นพับ แลเงินทองเป็นอันมาก แล้วตั้งขุนนางซึ่งตามมานั้นมีตำแหน่งตามสมควร กับจัดถิ่นฐานบ้านเรือนให้อยู่ตามประเพณีเจ้าประเทศราช อ่านลกก๋งก็คำนับสุมาเจียวลากลับมาที่อยู่

วันหนึ่งสุมาเจียวก็เชิญอ่านลกก๋งมากินโต๊ะ แล้วให้มีงานเต้นรำต่างๆ ขุนนางทั้งปวงซึ่งมาด้วยนั้น พากันนั่งก้มหน้าเป็นทุกข์ร้อนอยู่ หาเป็นที่จะดูเต้นรำไม่ แต่อ่านลกก๋งหรือพระเจ้าเล่าเสี้ยนนั้นเพ่งพระเนตรดูการเล่นยิ้มพรายรื่นเริงเป็นปกติ สุมาเจียวเห็นดังนั้นก็แสร้งถามว่า ทุกวันนี้ท่านระลึกถึงเมืองเสฉวนอยู่หรือ พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็บอกว่า

“............ข้าพเจ้าได้มาพึ่งวาสนาของท่าน ก็เป็นสุขอยู่ หาได้คิดระลึกถึงบ้านเมืองไม่..........”

อยู่มาอีกสามสี่วันสุมาเจียวก็เชิญพระเจ้าเล่าเสี้ยนมากินโต๊ะอีก และถามว่า

“..........ทุกวันนี้ท่านคิดจะใคร่กลับไปเมืองเสฉวนอยู่หรือ...........”

พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็เอาพระหัตถ์ปิดหน้าร้องไห้อยู่ สุมาเจียวจึงว่า

“...........เหตุใดพูดกันโดยดีท่านมาร้องไห้ฉะนี้เล่า............”

แล้วสุมาเจียวก็ชักเอาพระหัตถ์พระเจ้าเล่าเสี้ยนออกเสียจากพระพักตร์ ก็มิได้มีน้ำพระเนตรเป็นปกติอยู่ พระเจ้าเล่าเสี้ยนอดสูแก่ใจ จึงว่า

“.........ถ้าท่านจะให้ข้าพเจ้ากลับไปเมืองเสฉวนก็จะได้ไป แม้ไม่เอ็นดูแล้วก็จนอยู่........”

สุมาเจียวแลทหารทั้งปวงได้ฟังก็กลั้นยิ้มมิได้ ชวนกันหัวเราะขึ้นทุกคน เพราะรู้ว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสแสร้งทำเป็นคิดถึงเมืองเสฉวน ตามที่พวกขุนนางแนะนำให้ หาได้คิดถึงด้วยพระองค์เองไม่ สุมาเจียวจึงคิดว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนนี้เป็นคนโฉดเขลา หาปัญญามิได้ ตั้งแต่นั้นมาก็มิได้มีความรังเกียจหรือระแวงสิ่งใดอีกเลย พระเจ้าเล่าเสี้ยนในตำแหน่งอ่านลกก๋ง ก็มีความสุขสบายอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง มิได้คิดจะกลับไปเมืองเสฉวนอีกเลยจนสิ้นชีวิต

แผ่นดินจ๊กก๊กก็อยู่ในความปกครองของวุยก๊กโดยเด็ดขาดตั้งแต่นั้น จนสิ้นสุด ยุคสามก๊ก.


########



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2559 8:20:48 น. 0 comments
Counter : 508 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.