Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องของคนกับหมา

เรื่องสั้น

เรื่องของคนกับหมา

เพทาย

ดูเหมือนจะมีคำพังเพย ของคนข่าวหนังสือพิมพ์ มาตั้งแต่โบราณแล้วว่า หมากัดคนไม่เป็นข่าว คนกัดหมาจึงจะเป็นข่าว แต่ผมได้พบเห็นเหตุการณ์ทำนองนั้นมาแล้ว เมื่อไม่นานมานี้เอง กลับไม่มีข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับใดเลย

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมเดินลงมาจากชานชลาสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีผู้โดยสารลงกันมากมาย ผมเดินตามกลุ่มคนลงบันไดมาร่วมสี่สิบขั้น และเดินต่อไปบนสะพานลอย ซึ่งทอดยาวออกมาทางด้านโรงพยาบาลราชวิถี แล้วจึงลงบันไดอีกกว่าสี่สิบขั้น กว่าจะถึงทางเท้าข้างถนน ผมเดินลงมาจนเกือบถึงขั้นสุดท้าย ก็เห็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงเชิงบันได

มีหมาตัวหนึ่งลักษณะเป็นพันธุ์ทาง คงจะมีเชื้อฝรั่งอยู่มากหน่อย ตัวใหญ่ปากแหลม หูตั้ง แต่หน้าตาดูซื่อ ๆ นั่งยันสองขาหน้าแล้วสูงเลยเข่า มันนั่งนิ่งเหมือนกับสุนัขตำรวจหรือทหาร ที่อยู่ในแถวเคียงข้างครูฝึก ตามองตรงไปข้างหน้า ไม่ได้เหลียวมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาเลย และไม่ได้อ้าปากหายใจจนลิ้นห้อย เหมือนอย่างที่เคยเห็นทั่วไป ที่พื้นทางเดินเบื้องหน้าของมันมีแผ่นกระดาษแข็ง เขียนเป็นภาษาไทยมีความทำนองว่า ขอเศษสตางค็ ให้ผมซื้ออาหารเลี้ยงชีวิตด้วยครับ

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ขันใส่เงินที่วางอยู่ตรงหน้าหมาตัวนี้ ซึ่งมีเงินเหรียญกองอยู่ก้นขันค่อนข้างมาก เรียกว่ามากกว่าคนขอทานที่เคยเห็นมา อาจเป็นเพราะมันไม่สามารถจะเก็บเข้ากระเป๋า ให้เหลือแต่น้อยดูน่าสงสารได้ ที่สำคัญคือมีธนบัตรใบละร้อยบาทหนึ่งใบ กับยี่สิบบาทอีกหนึ่งใบ วางอยู่บนเงินเหรียญเหล่านั้น ผมล้วงมือลงไปคลำเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกง ปรากฏว่ามีแต่เหรียญสิบบาท จึงต้องชะงัก เพราะผมไม่ค่อยจะได้ให้ขอทาน ทีละสิบบาท รีบบอกมันในใจว่า เดี๋ยวไปฉี่ก่อนเขาทอนแล้วจะเอามาให้

และผมก็เดินเข้าไปในห้องสุขาสาธารณะที่อยู่ใกล้ ๆ เสียค่าผ่านประตูสามบาท ได้เงินทอนมาเจ็ดบาท คิดว่าจะเอาเหรียญห้าขึ้นรถเมล์ เศษสองบาทให้เจ้าหมอนั่น

แต่เมื่อเสร็จธุระแล้ว เดินกลับมาที่เดิมก็ต้องแปลกใจ มือกำเศษเหรียญบาทค้างอยู่ในกระเป๋ากางเกง เพราะเจ้าหมอนั่นยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีขันใส่เงินเสียแล้ว ความคิดแล่นเร็วว่า เจ้าของเขาเลิกงานแล้วกระมัง แต่ทำไมมันยังนั่งอยู่ที่เดิม อิริยาบถก็เหมือนเดิม ไม่รู้จะถามใคร เพราะถึงถามเจ้าตัวมันก็คงไม่ตอบ

พอดีเห็นหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้เคียง เขากำลังจ้องมองมันอยู่ ผมเหลียวไปรอบตัวเพื่อจะหาผู้ที่มีท่าทางว่าจะเป็นเจ้าของ ก็ไม่มี เห็นแต่ผู้คนที่ยืนรอรถเมล์ และคนที่กำลังลงบันไดมา ต่างก็จ้องมองไปที่จุดหมายเดียวกัน

ผมจึงตัดสินใจถามชายหนุ่มคนนั้นว่า เจ้าของเขาไปไหนเสีย และทำไมมันจึงไม่มีขันเหมือนเมื่อกี้ เขาตอบว่าเห็นวิ่งไปทางโน้น เขาแหงะหน้าไปทางหัวเลี้ยวไปถนนราชวิถี ผมก็ถามด้วยความสงสัยว่าวิ่งไปทำไม เขาก็ว่าวิ่งตามเด็กไป แต่คราวนี้เขาไม่รอให้ผมสงสัยต่อ รีบบอกว่า เด็กมันคว้าขันใส่เงินวิ่งไป เจ้าของเขาอยู่ข้างหลังตู้โทรศัพท์สาธารณะ แลเห็นก็เลยวิ่งไล่กวดไป โธ่เอ๋ย…..เวรกรรมแท้แท้ทีเดียว

ผมถอนใจใหญ่ กำลังจะเอาเงินเพิ่มให้สักสองบาท ก็ไม่มีขันจะใส่เสียแล้ว
แต่ก็ตัดสินใจอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะให้แล้วก็ควรจะให้ ผมจึงเดินเข้าไปเอาเงินสองบาท วางลงบนกระดาษแข็งที่ยังแบอยู่ตามเดิม ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ยืนเดินอยู่รอบ ๆ ตัว โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร

ถ้าเขาเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วคิดเหมือนอย่างผม บางทีกระดาษแข็งแผ่นนั้น อาจจะมีเศษเงินเพิ่มขึ้นอีกก็ได้

ผมไม่ยอมสบสายตาใคร เดินจ้ำออกไปทางศาลาพักผู้โดยสาร ที่เรียงรายอยู่ พยายามมองหาว่าเจ้าของหมา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย จะตามเด็กมือไวทันหรือไม่ ถ้าเดินกลับมาพร้อมกับขัน ผมก็จะดีใจด้วย แต่ก็ไม่เห็น

พอดีรถเมล์สายสิบสองแล่นมาจอดหน้าป้าย ผมจึงรีบสาวเท้าขึ้นไป และพ้นจากจุดเกิดเหตุมาได้ อย่างหงุดหงิดในหัวใจเต็มที

ความสลดสังเวชเกาะกุมจิตใจผมอยู่ ตลอดเวลาที่นั่งมาบนรถเมล์คันนั้น เมื่อกี้ผมไม่อยากมองหน้าเจ้าหมาแสนซื่อตัวนั้น ผมคิดว่าทำไมมันไม่งับมือเด็ก ที่มาหยิบขันของมัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของ แล้วก็ตอบตัวเองว่ามันเป็นหมาสุภาพ เจ้าของไม่ได้ฝึกให้มันจับขโมย เหมือนอย่างสุนัขของตำรวจ มันไม่มีสัญชาตญาณที่จะรู้ว่า ผู้ที่หยิบขันใส่เงินของมันเป็นผู้ร้าย มันจึงนั่งเฉยไม่เขยื้อนที่ และไม่ได้ลุกขึ้นยืนเสียด้วยซ้ำ แสดงว่ามันเคารพคำสั่งของเจ้าของ ที่ให้มันนั่งนิ่งอยู่ อย่างซื่อสัตย์

และทำไมผู้คนที่ยืนรอรถเมล์มากมายเหล่านั้น จึงพากันเฉยเมย ข้อสำคัญคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาจร ที่เคยอยู่แถวนั้นตั้งหลายนาย หายไปไหนหมด และไม่มีแม้แต่พลเมืองดีที่จะช่วยวิ่งไล่จับคนร้าย ปล่อยให้หนีไปได้ต่อหน้าต่อตา ไม่รู้สึกสงสารหมากันบ้างเลยหรือ หมาที่แสนซื่อแสนดี

หวังว่าเมื่อเจ้าของกลับมา คงจะไม่โมโหโกรธา ถึงกับด่าว่าหรือทำโทษมันซ้ำอีก

ผมคิดอยู่ในใจเรื่อยเปื่อย ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจแทนหมา จำนวนเงินในขันมันมากพอ ที่จะทำให้คนเราโลภจนกล้าทำผิด ต่อหน้าผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และไม่อายหมาบ้างเลย

ส่วนคนที่จะช้ำยิ่งกว่าหมา ก็คือเจ้าของหมา ซึ่งประมาทว่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มชน ปล่อยให้ธนบัตรสีแดงวางล่อตาคนร้าย จนลาภที่อยู่แค่มือเอื้อมต้องหลุดลอยไป

ผมคิดอยู่จนกระทั่งถึงป้ายจอดรถจุดที่ผมจะต้องลง ก็ยังไม่เลิกคิด ทั้ง ๆ ที่พยายามแล้ว จนต้องเอาธรรมะมาใช้ ขณะที่เดินเข้าตรอกบ้าน

คือเมื่อเราเห็นผู้ใดได้รับทุกข์แล้ว แต่สุดความสามารถที่จะช่วยเขาได้ ก็ควรจะวางเฉยเสีย ตัวเราจะได้ไม่พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย

แล้วนี่เจ้าหมอนั่นมันจะทุกข์หรือเปล่าก็ไม่รู้ เราเอามาคิดเสียเป็นวรรคเป็นเวร ด้วยความสงสาร ทั้ง ๆ ที่เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนาน หลายนาทีแล้ว

แต่ถึงอย่างไรผมก็อดที่จะประนาม ผู้ที่วิ่งราวขันใส่เงินของหมาตัวนั้นไม่ได้ พุทโธ่เอ๋ย คนเราทุกวันนี้ ก็แย่งกันกินจนนัวเนีย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไรแล้ว ยังไม่พอ

ดันมาแย่งหมากินเสียนี่ ………..อนิจจา..คนหนอคน.

###########

นิตยสารต่วยตูน
พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ปักษ์แรก

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๓๐ กันยายน ๒๕๔๘



เรื่องของหมา
A DOG’ LIFE


จากภาพของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ BANGKOK POST ฉบับ THURSDAY, JUNE 19 , 2003 .ได้เสนอภาพชีวิตสุนัขขอทาน ในหน้าที่ผ่านมานั้น มีคำบรรยายภาพที่แปลด้วยสำนวนตามใจฉัน ได้ความว่า

สุนัขตัวหนึ่งนั่งอยู่บนสะพานทางเดิน ไปสู่สถานีรถรางลอยฟ้า ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ดึงดูดผู้คนที่ผ่านไปมา ให้สนใจอยู่กับกล่องพลาสติกกลม ๆ ที่วางอยู่ข้างหน้ามัน และแผ่นกระดาษซึ่งมีใจความว่า กรุณาให้เงินสำหรับซื้ออาหารด้วย (แต่ในภาพ เขียนเป็นภาษาไทยว่า ขอสตางค์ซื้ออาหารหน่อย) เจ้าของสุนัข ซึ่งคงจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งแถว ๆ นี้ ได้นำสุนัขตัวนี้มาขอเงินที่นี่ เป็นประจำทุกวัน

ภาพโดย สาโรช เมฆโสภาพรรณกุล

สุนัขตัวนี้ ก็คือตัวเอกใน เรื่องของคนกับหมา ของ เจียวต้าย ซึ่งแปะไว้ที่ถนนนักเขียนในห้องสมุดพันทิปนี้เอง ด้วยความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีผู้ให้ความสนใจ จนภาพอันน่ารักน่าสงสารของมัน ได้ขึ้นหน้า ๑ ของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ซึ่งแพร่หลายที่สุดในเมืองไทยฉบับนี้

เสียดายที่ผมไม่มีปัญญานำภาพในหนังสือพิมพ์ มาแปะให้ชมในโต๊ะสุนัข ของห้องจตุจักรได้

ผู้สนใจกรุณาเปิดไปอ่านได้ครับ.

###########





Create Date : 24 สิงหาคม 2554
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 6:51:42 น. 3 comments
Counter : 1983 Pageviews.

 
ชอบอ่านมากค่ะ ขอบคุณที่กรุณานำทางมานะคะ

เรื่องพี่แจ๋วที่ลงให้อ่าน ฮามากค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:13:42:13 น.  

 
เข้ามาอ่านบ่อย ๆ ซีครับ
เรื่องอื่นยังมีอีกเยอะเลยครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:6:44:36 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ


ขอบพระคุณที่แวะเข้ามาทักทายด้วยค่ะ


แต่แหม ตื่นเช้าจังเลยนะคะ หรือว่ายังไม่ได้นอนคะ?


โดย: Katai_Akiko วันที่: 28 สิงหาคม 2554 เวลา:7:27:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.