Group Blog
 
All Blogs
 
ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก

ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก

สงครามร้อยปี


แผ่นดินจีนในยุคสามก๊กนั้น วุยก๊ก เป็นก๊กที่ใหญ่และเข้มแข็งที่สุด มีพื้นที่
อาณาเขตกว้างขวาง ทางทิศตะวันออก ไปจนถึงทิศเหนือ มีกำลังพลมากมาย

ก๊กที่สองรองลงไปก็คือ จ๊กก๊ก ครอบครองดินแดนทางทิศตะวันตก แม้จะมีพื้นที่น้อยกว่า แต่มีชัยภูมิที่ดี มีกุนซือที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ และมีขุนพลที่ฝีมือเข้มแข็งมาก

ก๊กที่สามนั้นก็คือ ง่อก๊ก อยู่ทางทิศใต้ มีทะเลเป็นแนวขัดขวางตามธรรมชาติ ข้าศึกเข้าตียาก และมีการปกครองที่เรียบร้อย เพราะตั้งถิ่นฐานมาถึงสามชั่วคน มีเสบียงอาหารพร้อมบริบูรณ์

ทั้งสามก๊กได้ทำสงคราม แย่งชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดินจีน เป็นเวลา
ยาวนานร่วมร้อยปี แต่ก็ไม่มีก๊กใดได้ชัยชนะโดยเด็ดขาด สามารถครอบครองเมืองจีน เอาไว้เป็นเอกเทศได้เลย

ฝ่ายวุยก๊กนั้น ต้นวงศ์คือ โจโฉ เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๖๙๗ ที่เมือง
ตันลิว บิดาชื่อ โจโก๋ ปู่ชื่อ โจเท้ง ได้ทำราชการอยู่ในสมัย พระเจ้าฮั่นเต้ แต่ก็เป็น ขุนนางกังฉิน สมคบกับพวกขันทีทำการหยาบช้าต่าง ๆ มาถึงสมัยบิดาจึงไม่ได้ทำราชการ

เมื่อยังเล็กโจโฉมีนิสัยเกเร ไม่ทำงานการชอบเข้าป่าล่าสัตว์ และพอใจฟัง การร้องรำทำเพลง มีสติปัญญาความคิดอ่านดี แต่เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล เมื่อรุ่นหนุ่ม
สูงห้าศอก นัยตาเล็ก ไว้หนวดยาว หมอดูโหงวเฮ้งแล้วทำนายว่าเป็นคนมีปัญญาสามารถ
จะป้องกันบ้านเมือง แต่มิได้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน พออายุได้ยี่สิบปีก็เข้ารับราชการ เป็นนายทหาร ผู้น้อย อยู่ที่เมืองลกเอี๋ยงสมัย พระเจ้าเลนเต้ คู่กับ อ้วนเสี้ยว

จ๊กก๊กนั้น เล่าปี่ เป็นเชื้อสายของราชวงศ์ฮั่น ตั้งแต่ครั้ง พระเจ้าฮั่น เกงเต้ พระเจ้าฮั่นเต้ จนถึง พระเจ้าเลนเต้ ซึ่งครองราชสมบัติ พ.ศ.๗๑๑

เดิมชื่อว่า เหี้ยนเต๊ก เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๗๐๓ บิดาชื่อ เล่าเหง พอบิดาตายไปแล้ว ก็เหลือแต่มารดา ซึ่งเป็นคนเข็ญใจไร้ทรัพย์ เล่าปี่มีความกตัญญู จึงหาเลี้ยงมารดาด้วยการทอเสื่อ ไปขายเลี้ยงชีวิต สองแม่ลูกอยู่ที่ตำบลเล่าชองฉุนใกล้เมืองตุ้นก้วน เมื่อายุสิบห้าปีเรียนหนังสือกับ เต้เหี้ยน มีเพื่อนร่วมเรียนอยู่สองคนคือ โลติด กับ กองซุนจ้าน จนอายุได้ยี่สิบห้าปี เล่าปี่เป็นคนที่มีลักษณะแปลก สูงประมาณห้าศอกเศษหูยานถึงบ่า มือยาวถึงเข่า หน้าขาวดังสีหยก ริมฝีปากแดงดังชาดแต้ม จักษุชำเลืองไปเห็นใบหู เป็นคนไม่รักการเรียนแต่มีปัญญา มีน้ำใจอารีเพื่อนฝูงมาก เป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง ทั้งความโกรธและความยินดี มิได้ปรากฎออกมาภายนอก เล่าอ้วนกี ผู้เป็นอาและได้อุปถัมภ์ค้ำจุนเรื่องเงิน
ทองอยู่เนือง ๆ ได้ออกปากชมว่าจะมีบุญเป็นมั่นคง

ส่วนง่อก๊กนั้นผู้เป็นต้นตระกูลชื่อ ซุนเกี๋ยน เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๗๐๓
ที่เมืองตองง่อ มีรูปร่างลักษณะที่เป็นพิเศษคือ หน้าผากกว้าง หน้ายาว กิริยาเหมือนเสือ
เมื่อยังรุ่นหนุ่มอายุเพียงสิบเจ็ดปี ไปค้าขายทางเรือกับบิดาที่เมืองเจียนต๋อง เห็นลูกค้า
ของตนถูกคนร้ายสิบคนมาแย่งชิงทรัพย์ เอาไปแบ่งกันบนฝั่งไม่ไกล ซุนเกี๋ยนจึงขึ้นจาก
เรือ เดินเข้าไปใกล้ อ้างตัวว่าเป็นขุนนาง พวกโจรก็ลุกขึ้นวิ่งหนีแต่ไม่พ้น ซุนเกี๋ยนไล่
ตามไปฆ่าเสียคนหนึ่งนอกนั้นจึงหนีรอดไปได้ เจ้าเมืองได้กิตติศัพท์ก็ชอบใจเลยเอาตัวไว้
แต่งตั้งให้เป็นนายทหาร

ต่อมาในรัชสมัยของ พระเจ้าเลนเต้ ได้ร่วมมือกับเจ้าเมืองตองง่อไปปราบขบถ และฆ่าหัวหน้าขบถกับลูกชายตาย มีความชอบเป็นอันมาก

พ.ศ.๗๒๖ บ้านเมืองวุ่นวายเป็นจลาจล เกิดโจรโพกผ้าเหลือง มีไพร่พลหลายหมื่น มีอิทธิพลครอบคลุมหัวเมืองถึงแปดเมือง พระเจ้าเลนเต้จึงให้โจโฉไปใน กองทัพหลวงคุมทหาร ห้าพันเพื่อปราบโจรที่เมืองเองฉวน และประกาศรับอาสาผู้มีฝีมือมา
ช่วยกันกำจัดโจรก๊กนี้ผู้ใดมีความชอบก็จะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง เมื่อกลับจากราชการ
คราวนี้โจโฉมีความชอบได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และเป็นทหารรักษาพระองค์

พ.ศ.๗๒๘ ซุนเกี๋ยนก็นำทหารเมืองอ้วนเซีย เข้ารวมกับทหารหลวงไป
ปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองที่กำลังกำเริบอยู่ ซุนเกี๋ยนก็ฆ่าหัวหน้าโจรตายไปสองคนกับ
ลูกสมุนอีกยี่สิบเศษ แล้วก็ตามไปตีพวกโจรที่เมืองอื่น ๆ สามารถปลดปล่อยหัวเมืองที่พวก
โจรยึดครองได้ถึงสิบสี่สิบห้าเมือง จึงได้ไปเป็นเจ้าเมืองเตียงสา

ฝ่ายเล่าปี่ได้พบเพื่อนสองคน คนหนึ่งชื่อ กวนอู เป็นคนร่างสูงประมาณ
หกศอก หนวดยาวประมาณศอกเศษ หน้าแดงดังผลพุทราสุก ปากแดงดังชาดแต้ม คิ้วดัง
ตัวไหม จักษุยาวดังนกการเวก ถือง้าวยาวสิบเอ็ดศอก หนักแปดสิบสองชั่ง
อีกคนหนึ่งชื่อ เตียวหุย สูงประมาณห้าศอก ศรีษะเหมือนเสือ จักษุกลม
ใหญ่ คางพองโต เสียงดังฟ้าร้อง กิริยากระโดกกระเดกเหมือนม้า ถือทวนยาวสิบศอก
หนักแปดสิบห้าชั่ง
ทั้งสามได้สาบานเป็นพี่น้องกันที่สวนหลังบ้านของเตียวหุย มีความว่าจะ
ซื่อสัตย์ ต่อกันไปจนวันตาย จะช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยสิ่งใดหรือรบ
ศึกเสียที จะไม่ทิ้งกัน จะช่วยแก้กันจนกว่าจะตายทั้งสามคน
แล้วทั้งสามพี่น้องก็นำชาวบ้านอาสาสมัครห้าร้อยคน ไปร่วมมือกับทหาร
หลวงสู้รบกับพวกโจรโพกผ้าเหลือง ที่เมืองตุ้นก้วน เมืองเฉงจิ๋ว เมืองกงจ๋ง เมืองเองฉวน และเมืองอ้วนเซีย เสร็จศึกแล้วรออยู่เดือนเศษ จึงได้บำเหน็จให้ไปเป็นเจ้าเมืองอันห้อก้วน
แต่มีเรื่องกับผู้ตรวจราชการจากเมืองหลวง จึงเลิกทำราชการ แล้วชวนกัน
ไปอาศัยญาติซึ่งเป็นเจ้าเมืองไต้จิ๋ว ต่อมาได้ไปช่วยเจ้าเมืองอิจิ๋วปราบขบถที่เมืองยีหลง
มีความชอบจึงได้เป็นเจ้าเมืองเพงงวนก๋วน

พ.ศ.๗๓๓ พระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ลง โฮจิ๋น ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินพี่ชายของ นางโฮเฮา มเหสีเอก ก็ยก หองจูเปียน บุตรของน้องสาวเป็นฮ่องเต้ สืบราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่ นางตังไทฮอ มารดาของพระเจ้าเลนเต้สนับสนุนให้ หองจูเหียบ บุตรของ นางอองบีหยิน สนมเอกขึ้นเป็นใหญ่ จึงเกิดการแก่งแย่งกันขึ้นในวัง มีพวกขันทีก่อการวุ่นวายขึ้น และฆ่าโฮจิ๋นตาย โจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็ยกทหารเข้าไปในวังจัดการ ปราบปรามพวกขันทีลงได้ แต่พอดี ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลงยกกองทัพใหญ่เข้ามาช่วย ระงับการจลาจล จึงยึดอำนาจไว้แทนโฮจิ๋น
อยู่มาประมาณสี่เดือน ก็ถอดหองจูเปียนออกจากตำแหน่ง แล้วตั้งหองจูเหียบซึ่งมีอายุเพียงเก้าปีขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน ถวายพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ และตั้งตนเองเป็นมหาอุปราชว่าราชการแทน
อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยแต่ขัดขวางไม่ได้ก็ออกไปอยู่เมืองปุดไฮ ตัวโจโฉเองก็คิด กำจัดตั๋งโต๊ะแต่ไม่สำเร็จ ต้องหนีออกไปตั้งหลักที่เมืองตันลิวบ้านเกิด แล้วรวบรวมผู้คนที่มีความคิดเดียวกัน สิบหกสิบเจ็ดหัวเมือง ตั้งเป็นกองทัพยกเข้ามาตีเมืองลกเอี๋ยงเพื่อจะกำจัดตั๋งโต๊ะช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ เจ้าเมืองที่มาเข้าเป็นพวกด้วยนั้น รวมทั้ง กองซุนจ้าน เจ้าเมืองปักเป๋ง ซึ่งได้ชักชวน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ให้ไปร่วมขบวนการนี้ด้วย
กองทัพบ้านนอกนี้ โจโฉได้ยกให้ อ้วนเสี้ยว เจ้าเมืองปุดไฮ ซึ่งเคยเป็นเพื่อนนายทหารในเมืองหลวงมาแต่ครั้งก่อน เป็นแม่ทัพใหญ่
ซุนเกี๋ยนก็ยกทหารมาเข้าเป็นพวกด้วย เมื่อยกไปตีลกเอี๋ยงเมืองหลวงซุนเกี๋ยน ได้เป็นแม่ทัพหน้า แต่ถูกตีแตกเสียทหารเอกไปคนหนึ่งและ อ้วนสุด น้องของอ้วนเสี้ยวก็ไม่ส่งเสบียงให้ จึงต้องตั้งค่ายเฉยอยู่

ในการรบครั้งนั้น ฮัวหยง ทหารเอกของ ลิโป้ ลูกเลี้ยงของตั๋งโต๊ะ มีฝีมือเข้มแข็งฆ่าทหาร
เอกของฝ่ายโจโฉตายไปถึงสี่คน จนไม่มีใครกล้าออกรบ กวนอู จึงขออาสาทั้ง ๆ ที่ยังเป็นทหารเลวอยู่ อ้วนเสี้ยวจึงไม่เต็มใจแต่โจโฉสนับสนุน กวนอูออกจากค่ายไปเพียงครู่เดียว ก็ตัดศรีษะฮัวหยงมาให้แม่ทัพนายกองทั้งหลายดู กวนอูจึงมีชื่อเสียงเป็นนายทหารเอกตั้งแต่บัดนั้น

เมื่อฮัวหยงตายแล้ว ลิโป้จึงออกรบเอง ได้ปะทะกับสามพี่น้องครั้งหนึ่ง
แต่ลิโป้มีฝีมือเข้มแข็งมาก จึงเอาตัวรอดไปได้ พอดีตั๋งโต๊ะพาพระเจ้าเหี้ยนเต้อพยพ จากเมืองลกเอี๋ยงไปอยู่ที่เมืองเตียงฮัน แล้วเผาเมืองลกเอี๋ยงเสีย ซุนเกี๋ยนก็ยกทหารเข้าไปในเมือง ได้พบตราหยก ประจำองค์ฮ่องเต้ ติดอยู่กับศพในบ่อน้ำ จึงยึดเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว แล้วลาออกจากกองทัพอาสาสมัคร จะกลับไปเมืองของตน อ้วนเสี้ยวรู้เรื่องจึงสั่งให้ เล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋วคอยดักแย่งชิงเอาตราหยกคืน แม้ซุนเกี๋ยนจะยอมลงทุนสาบานว่าไม่ได้เอา
มา เล่าเปียวก็ไม่ยอมเชื่อ ต้องรบกันจนได้ แต่ซุนเกี๋ยนตกเป็นรองเสียทหารไปมาก จึงต้องถอยไปอยู่ที่เมืองกังตั๋ง

การศึกครั้งนี้ ผลสุดท้ายพวกพันธมิตรอิจฉาริษยากันเอง จึงไม่สามารถ
เอาชนะตั๋งโต๊ะได้ ต้องแยกย้ายกันกลับไปบ้านเมืองของตนจนหมดสิ้น โจโฉไปตั้งหลักที่
เมืองกุนจิ๋ว ส่วนเล่าปี่ก็กลับมาอยู่เมืองเพงงวนก๋วนตามเดิม แล้วก็เป็นศัตรูต่อกัน ตั้งแต่
นั้นเป็นต้นมา

เมื่อตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวง ไปตั้งอยู่ที่เมืองเตียงฮันได้ไม่นานนัก ก็ถูก
อ้องอุ้น ขุนนางผู้ใหญ่ใช้อุบายกำจัดลงได้เพราะ ลิโป้ ลูกเลี้ยงและทหารเอกของตั๋งโต๊ะ
ไปหลงเสน่ห์ นางเตียวเสียน ลูกเลี้ยงของอ้องอุ้น แต่ต่อมา ลิฉุย กับ กุยกี ลูกน้องคนสนิทของตั๋งโต๊ะ ก็ยกพวกมาฆ่าอ้องอุ้นตาย และขับไล่ลิโป้ออกไปร่อนเร่อยู่ตามหัวเมือง
ต่าง ๆ แล้วยึดอำนาจไว้เอง จนพระเจ้าเหี้ยนเต้มีหนังสือรับสั่ง เรียกโจโฉซึ่งได้ตั้งตัว
เป็นใหญ่ที่เมืองกุนจิ๋วทางภาคตะวันออกแล้ว เข้ามาปราบปรามลิฉุยกุยกีได้สำเร็จ โจโฉ
จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมหาอุปราช โดยถูกต้องจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีอำนาจสูงสุด
ในแผ่นดิน รองลงมาจากฮ่องเต้ และย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองฮูโต๋

ทางฝ่ายซุนเกี๋ยน พอได้โอกาสก็ยกกองทัพ ไปตีเมืองเกงจิ๋ว ของเล่าเปียว เป็นการแก้แค้น แต่ปรากฎว่าเสียทีถูกข้าศึกล่อให้เข้าไปในซอกเขา แล้วล้อมยิง
ด้วยเกาทัณฑ์กับทุ่มศิลาลงมาดังห่าฝน ซุนเกี๋ยนจึงถึงแก่ความตายพร้อมกับม้าคู่ขา ในซอกเขา
นั้นเอง
ซุนเซ็ก บุตรคนโตของซุนเกี๋ยนขณะนั้นอายุสิบห้าปี ได้ไปรบในกองทัพบิดาด้วย และจับเจ้าเมืองกังแฮแม่ทัพหน้าของเล่าเปียวไว้เป็นเชลย จึงขอแลกตัวกับศพของบิดา นำไปฝัง แล้วก็ครองเมืองกังตั๋งสืบต่อไป

พ.ศ.๗๓๘ เล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองชึจิ๋วเพราะ โตเกี๋ยม เจ้าเมืองเดิมแก่ชราตายไป และก่อนตายออกปากยกให้เล่าปี่ปกครอง อีกไม่นานลิโป้ก็ซัดเซพเนจรมาขออาศัยอยู่ด้วย แต่ไม่ถูกชตากับเตียวหุย เล่าปี่จึงให้ไปอยู่ที่เมืองเสียวพ่าย
ต่อมาโจโฉแอบอ้างรับสั่ง ให้เล่าปี่ยกทหารไปรบกับอ้วนสุด น้องอ้วนเสี้ยว ที่เมืองลำหยง ปล่อยเตียวหุยเฝ้าเมืองเตียวหุยก็ไปหาเรื่องกับลิโป้อีก เลยถูกลิโป้รบแย่งเอาเมืองชีจิ๋วไว้ได้ เล่าปี่รีบกลับมาลิโป้ก็ยกเมืองเสียวพ่ายให้อยู่ต่อไป
อยู่ไปได้พักหนึ่ง อ้วนสุดก็ให้ทหารเอกยกทัพมาตีเมืองเสียวพ่าย แก้ตัว
ลิโป้ก็รีบไปช่วยหย่าศึกให้ แต่แล้วเตียวหุยก็หาเรื่องกับลิโป้จนได้ คราวนี้เลยถูกลิโป้
ตีเมืองเสียวพ่ายแตก ต้องหนีไปหาโจโฉที่เมืองฮูโต๋ โจโฉก็ขอรับสั่งให้ไปเป็นเจ้าเมือง
อิจิ๋ว เตรียมรวบรวมทหารไว้ตีเอาเมืองชีจิ๋วคืนต่อไป
และในที่สุดเล่าปี่ก็ร่วมมือกับโจโฉ ยกทัพไปตีเมืองชีจิ๋วแตก จับตัวลิโป้
มาประหารเสีย แล้วโจโฉก็พาเล่าปี่ไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอให้ปูนบำเหน็จความชอบ
ที่ได้ช่วยปราบปรามลิโป้ เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ทราบว่าเล่าปี่มีศักดิ์เป็นพระเจ้าอาก็ยกให้
เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ฝ่ายกรมวัง โจโฉก็ชักระแวงว่าเล่าปี่จะได้ดีเกินหน้าตน

ฝ่ายซุนเซ็กได้ จิวยี่ ซึ่งเป็นคู่เขย มาเป็นคู่คิดอ่าน จึงสามารถไปตีหัว
เมืองใกล้เคียง มาเป็นเมืองขึ้นได้ถึงแปดสิบเจ็ดเมือง เตรียมจะขยายอาณาเขตต่อไป
เพื่อจะได้เป็นใหญ่ในภาคใต้บ้าง
ขณะนั้นโจโฉก็เกิดหลงอำนาจ กระทำกิริยาอาจเอื้อมต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีขุนนางที่ทนไม่ได้ร่วมใจกันคิดกำจัดโจโฉ โดยให้ ตังสิน ซึ่งเป็นพี่ของ นางตังกุยหุย สนมเอกเป็นหัวหน้า ได้พรรคพวกรวมทั้งหมดเจ็ดคน แต่โจโฉก็จับได้จึงสั่งฆ่าเสียหก
คน รวมทั้งตังสินและน้องสาวซึ่งกำลังมีครรภ์ได้ห้าเดือนด้วย เหลือรอดไปได้สองคนคือ ม้าเท้ง ซึ่งหนีออกไปก่อน และเล่าปี่ซึ่งกลัวภัยจะมาถึงตัว จึงออกอุบายขอทหารโจโฉรบกับอ้วนสุด แล้วก็ยกออกจากเมืองฮูโต๋ไป

เล่าปี่ก็กลับมาที่เมืองชีจิ๋ว เมื่อยกทหารไปรบกับอ้วนสุด จนอ้วนสุดพ่ายแพ้และถึงแก่ความตายไป แต่เล่าปี่ก็ไม่ยอมกลับเมืองฮูโต๋ คงตั้งมั่นอยู่ที่เมืองชีจิ๋วจนโจโฉ กำจัดพวกขบถเรียบร้อยแล้ว จึงยกกองทัพมาปราบเล่าปี่ต่อไป
เล่าปี่กวนอูและเตียวหุยต้านทานโจโฉไม่ไหว ต้องแตกหนีไปคนละทาง
เล่าปี่นั้นไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว เตียวหุยหนีไปตั้งหลักอยู่บนเขาบองเอี๋ยงสัน แต่กวนอู
ถูกล้อมอยู่นอกเมืองแห้ฝือ โจโฉก็ส่งคนไปเกลี้ยกล่อมจนยอมอ่อนน้อมด้วย เพื่อรักษาชีวิต
ของครอบครัวเล่าปี่ กวนอูจึงต้องไปอยู่กับโจโฉที่เมืองฮูโต๋
แล้วโจโฉก็ยกทัพตามไปรบกับอ้วนเสี้ยวที่ตำบลแปะแบ๊ใกล้เมืองตองกุ๋น
กวนอูไม่รู้ว่าเล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยว ก็อาสาโจโฉออกรบฆ่าทหารเอกของอ้วนเสี้ยวตายไปสองคน อ้วนเสี้ยวก็โกรธเล่าปี่ แต่เล่าปี่สัญญาว่าจะให้กวนอูมาช่วยแทน อ้วนเสี้ยวจึงยกโทษให้ แต่แล้วเล่าปี่ก็กลับออกอุบายแยกจากอ้วนเสี้ยว ไปพบกับกวนอูและเตียวหุยพากันไปอยู่ที่เมืองยีหลำ

พ.ศ.๗๔๒ อ้วนเสี้ยวก็ยกกองทัพมารบกับโจโฉบ้าง โจโฉออกไปตั้งรับ
ที่ตำบลกัวต๋อ ตีกองทัพของอ้วนเสี้ยวซึ่งมีกำลังมากกว่าถึงสิบเท่า แตกพ่ายกลับไปเมืองกิจิ๋ว แล้วโจโฉก็ตกทัพติดตามไปตีเมืองกิจิ๋วอีก อ้วนเสี้ยวรวบรวมพลจากบุตรชายสามคนกับหลานชายอีกหนึ่งคน ออกมาต้านทานแต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีก พอดีโจโฉได้ข่าวว่าเล่าปี่ยกกำลังจากเมืองยีหลำไปตีเมืองฮูโต๋ จึงต้องถอนทัพกลับมาป้องกันเมืองที่เขาชองสัน
ทั้งสองฝ่ายมีทหารเอกที่ฝีมือเข้มแข็งด้วยกัน จึอสู้กันหลายพัก แต่สุด
ท้ายเล่าปี่ก็แตกพ่าย ต้องหนีไปอาศัย เล่าเปียว ซึ่งเป็นญาติอยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว แต่ภรรยา
เล่าเปียวกับน้องภรรยาไม่ชอบ จึงไปอยู่ที่เมืองซินเอี๋ย ซึ่งขึ้นกับเมืองเกงจิ๋ว ส่วนโจโฉก็ยกกองทัพกลับมาตั้งหลัก บำรุงทหารอยู่เป็นเวลานาน กว่าจะมีกำลังพอที่จะดำเนินการ แผ่ขยายอำนาจต่อไปได้
ทางฝ่ายซุนเซ็กเมื่อมีกำลังมากแล้ว ก็คิดจะยกทหารไปรบกับโจโฉ แต่
บังเอิญถูกลิ่วล้อของเจ้าเมืองที่เป็นศัตรู ลอบฆ่าตายเสียก่อน ซุนกวน น้องชายซึ่งเป็น
หนุ่มรูปงานอายุเพียงสิบแปดปี จึงได้เป็นเจ้าเมืองกังตั๋งสืบสกุลต่อไป
คราวนี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า โจโฉ เป็นหัวหน้าวุยก๊ก อยู่ที่เมืองฮูโต๋ เล่าปี่ เป็นหัวหน้าจ๊กก๊ก ยังร่อนเร่พเนจรอยู่ ซุนกวน หัวหน้าง่อก๊ก ได้ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองกังตั๋ง

ทั้งสามก๊กจะชิงอำนาจกันด้วยกลยุทธอย่างไรต่อไป กรุณารอตอนหน้า

##########



Create Date : 23 ตุลาคม 2558
Last Update : 23 ตุลาคม 2558 16:02:53 น. 0 comments
Counter : 1121 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.