Group Blog
 
All Blogs
 
ผู้พิชิตสามก๊ก (๙)

สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้พิชิตสามก๊ก

ตอนที่ ๙ สิ้นเสือเฒ่า

เล่าเซี่ยงชุน

ในระหว่างที่สุมาอี้รอการตัดสินใจของฝ่ายที่อยู่นอกเมืองนั้น ก็ได้ข่าวว่า ฮวนห้อมได้เสนอให้โจซองพาฮ่องเต้ไปอยู่เมืองฮูโต๋ และยกทัพมาตีเมืองลกเอี๋ยงที่สุมาอี้ยึดอยู่ แต่โจซองไม่เห็นด้วย เพราะห่วงครอบครัวที่อยู่ในเมือง และเชื่อใจสุมาอี้ว่าจะรักษาคำสัตย์ จึงยอมอ่อนน้อมต่อ สุมาอี้โดยดี ทหารทั้งปวงเมื่อเห็นโจซองไม่ต่อสู้แล้ว ก็พากันหนีกระจัดกระจายไปหมด เหลือแต่พี่น้องสามคนกับขุนนางคนสนิท พากันกลับเข้าไปในเมือง

สุมาอี้ก็คอยต้อนรับอยู่ที่สะพานแพหน้าประตูเมือง ร้องเชิญให้สามพี่น้องกลับไปบ้านเรือนเถิด แต่ขุนนางพรรคพวกที่ตามมานั้น สุมาอี้สั่งให้เอาไปขังคุกไว้ ครั้นฮ่องเต้เสด็จมาถึง สุมาอี้ก็เชิญเสด็จเข้าไปในวัง

ต่อมาสุมาอี้ก็สั่งให้ลั่นกุญแจประตูบ้านของสามพี่น้อง ที่ตั้งเรียงรายอยู่ในกำแพงเดียวกัน โดยไม่ได้จัดทหารควบคุม แต่สั่งชาวบ้านที่อยู่นอกกำแพงบ้านร่วมแปดร้อยคนให้รักษาไว้ให้มั่นคง ถ้าโจซองแลน้องคนใดหนีไปได้ ชาวบ้านเหล่านั้นจะเป็นโทษถึงตาย แล้วก็สั่งให้ส่งข้าวปลาอาหารเข้าไปเลี้ยงคนในบ้าน ไม่ให้อดอยาก

จากนั้นสุมาอี้ก็เอาตัวเตียวต๋องกรมวัง และคนสนิททั้งห้าคนมาสอบสวนเฆี่ยนตีจนรับสารภาพว่าได้ร่วมกันคิดขบถจริง จึงให้จำขื่อคาไว้มั่นคง แล้วก็จับตัวโจซองกับพี่น้องรวมทั้งฮวนห้อมไปใส่คุกไว้อีก สุดท้ายก็สั่งให้ประหารชีวิตคนโทษทั้งปวงที่กลางตลาด เป็นจำนวนประมาณพันหนึ่ง แล้วริบทรัพย์สินเงินทองเข้าพระคลังหลวง และเขียนหนังสือเกลี้ยกล่อม แขวนไว้ที่ประตูเมืองลกเอี๋ยง ความว่าบรรดาพรรคพวกโจซองซึ่งหนีไปอยู่บ้านใดตำบลใด ให้คืนเข้ามาอยู่ที่เหย้าเรือนให้หมด โดยไม่เอาโทษแล้ว ถ้าเป็นขุนนางแลทหารให้เข้ามาทำราชการตำแหน่งเดิม ถ้าเป็นราษฎรให้กลับมาทำมาหากินตามภูมิลำเนาเดิม

พระเจ้าโจฮองก็ตั้งให้สุมาอี้เป็นที่มหาอุปราช มีเครื่องยศเก็าสิ่ง เช่นที่โจโฉเคยได้รับเมื่อเป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ บ้านเมืองก็เป็นที่เรียบร้อยไปได้อีกครั้งหนึ่ง

ถึง พ.ศ.๗๙๔ เดือนสิบ สุมาอี้ก็ป่วยหนัก จึงเรียกสุมาสูและสุมาเจียวบุตรชายทั้งสองเข้ามาหาถึงเตียงนอน แล้วว่า

“............บิดาได้เป็นที่มหาอุปราช ว่าราชการทั้งแผ่นดินโดยสัตย์ธรรม หาได้คิดคดต่อแผ่นดินไม่ คนทั้งปวงยังมาแกล้งว่าเป็นขบถต่อแผ่นดิน เราอาศัยสัตย์สุจริตรักษาตัวหาเป็นอันตรายไม่ บัดนี้บิดาจะตายแล้ว เจ้าจะเป็นข้าราชการสืบไป จงตั้งใจสัตย์ซื่อสามิภักดิ์ต่อเจ้าแผ่นดิน กว่าจะสิ้นชีวิต ทำการสิ่งใดอย่าเบาแก่ความ จงตรึกตรองให้ละเอียดแล้วจึงทำ...........”

พอสิ้นคำเท่านั้นก็ขาดใจตาย สองพี่น้องก็เอาความไปทูลฮ่องเต้ว่าบิดาของตนตายแล้ว พระเจ้าโจฮองก็รับสั่งให้เจ้าพนักงานทำการศพสุมาอี้ตามขนบธรรมเนียมมหาอุปราช แล้วตั้งสุมาสูเป็นที่เสนาบดีผู้ใหญ่ สุมาเจียวเป็นผู้บัญชาการทหารทั้งปวง

ในปีเดียวกันนั้นเอง ก็มีคนเอาเนื้อความมาแจ้งแก่สุมาสูที่เมืองลกเอี๋ยง ว่าพระเจ้าซุนกวน ฮ่องเต้แห่งจ๊กก๊กที่เมืองกังตั๋งสิ้นพระชนม์แล้ว สุมาสูจึงปรึกษาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงว่าเราจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองกังตั๋งจะเห็นประการใด ที่ปรึกษาก็ว่า

“...........ยังหาเห็นทีที่จะได้ไม่ ด้วยเมืองกังตั๋งนี้มีแม่น้ำกั้นอยู่เป็นที่คับขัน ข้าศึกที่จะไปทำการยากนัก กษัตริย์แต่ก่อนหลายพระองค์มาแล้ว ยกกองทัพไปตีก็หาได้ไม่ ซึ่งจะยกกองทัพไปทำการครั้งนี้ ข้าพเจ้าหาเห็นด้วยไม่ บ้านเมืองของใคร ใครก็รักษาอยู่ เห็นจะสุขกว่า ถ้าได้ทีแล้วยกไปตีจึงจะมีชัยชนะ...........”

สุมาสูจึงว่า

“..........ซึ่งจะยับยั้งสงบอยู่ให้ได้ทีนั้น อายุเราจะยืนสักกี่ร้อยปี จึงจะได้ทีเล่า......”

สุมาเจียวผู้น้องจึงว่า

“..........ซุนกวนสิตายแล้ว ซุนเหลียงได้สมบัติแทนบิดา อายุก็ยังน้อยทั้งความคิดก็อ่อน ถ้าเรายกไปทำการเห็นจะได้ฝ่ายเดียว...........”

สุมาสูเห็นชอบด้วย จึงให้อองซานเป็นนายทหารใหญ่คุมทหารสิบหมื่น ให้ บู๊ขิวเขียมคุมทหารสิบหมื่น ให้สุมาเจียวเป็นแม่ทัพหลวงยกไปตีเมืองกังตั๋ง ออกจากเมืองลกเอี๋ยงเดือนสิบสอง เมื่อไปถึงแดนเมืองกังตั๋งแล้ว ก็ให้อ้าวจุ๋นเป็นแม่ทัพหน้าคุมทหารห้าหมื่นเข้าตีเมืองตังหิน แต่ก็ถูกทัพบกทัพเรือของเมืองกังตั๋งตีทัพหน้าแตกเสียทหารทั้งบนบกและในน้ำไปประมาณสองส่วน ยังเหลืออยู่แต่ส่วนเดียว ก็พาทหารที่เหลือตายหนีกลับมาหาสุมาเจียว แต่สุมาเจียวเห็นว่าไม่อาจตั้งรับได้ จึงถอยทัพกลับมาเมืองลกเอี๋ยง

จูกัดเก๊กแม่ทัพของเมืองกังตั๋ง ก็ยกกองทัพตามมาตีด่านซินเสีย ด่านหน้าของเมืองลกเอี๋ยงทางทิศใต้ และแจ้งให้เกียงอุยทหารเอกของจ๊กก๊ก ยกทัพจากเมือง เสฉวนเข้ามาตีกระหนาบทางทิศเหนือ สุมาสูเห็นว่าด่านนั้นเข้มแข็งจึงไม่ได้ยกทหารไปช่วย ทหารรักษาด่านก็ต้านทานข้าศึกไว้ได้ถึงร้อยวัน ทหารเมืองกังตั๋งก็อดอยากอิดโรยไม่มีกำลังจะสู้รบ จูกัดเก๊กจึงต้องถอยทัพ ทหารฝ่ายสุมาสูก็ตามโจมตีกองทัพเมืองกังตั๋งแตกยับเยิน ตังจูกัดเก๊กแม่ทัพก็ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ บาดเจ็บสาหัสกลับไปเมืองกังตั๋ง

ฝ่ายเกียงอุยก็ยกทัพจากเมืองเสฉวน มาตีเมืองอันหนำ สุมาสูก็ให้สุมาเจียวเป็นแม่ทัพยกไปต้านทานที่ตำบลตองเต๋ง เกียงอุยก็ตีทัพของสุมาเจียวแตก ต้องพาทหารที่เหลือประมาณ หกพันถอยร่นขึ้นไปอยู่บนเขาเทียดลองสัน เกียงอุยก็ให้ทหารล้อมเชิงเขาไว้ บนเขานั้นมีห้วงน้ำน้อยนิดไม่พอให้ทหารกิน สุมาเจียวกเห็นม้าแลทหารอดน้ำก็ร้องว่า เทพดาไม่เอ็นดูเลย จะให้อดน้ำตายเสียสิ้นแล้วหรือ นายทหารผู้น้อยคนหนึ่งก็ขอให้สุมาเจียวเสี่ยงทายกับเทพดาดูก่อน สุมาเจียวก็กราบลงสามทีเสี่ยงทายว่า

“................ข้าพเจ้าสุมาเจียวอาสาเจ้าแผ่นดินมาปราบปรามข้าศึก ถ้าข้าพเจ้าจะสิ้นชีวิตแล้ว ขออย่าให้มีน้ำมาเลย ข้าพเจ้าจะได้เชือดคอตายเสีย ทหารทั้งปวงจะยอมเข้าไปหาข้าศึก ถ้าข้าพเจ้ายังจะมีชีวิตอยู่ จะได้ทำราชการรักษาแผ่นดินสืบไป ขอให้เทพดาเจ้าบันดาลให้มีน้ำมาเต็มห้วงนี้เถิด.........”

พอสิ้นคำลงก็มีน้ำไหลออกมาเต็มห้วง ทหารแลม้าก็ได้กินน้ำบริบูรณ์ไม่รู้สิ้นเลย จนกระทั่งมีกองทัพฝ่ายวุยก๊กจากเมืองเองจิ๋วยกมาช่วย ตีกองทัพเกียงอุยแตก ต้องยกกลับไปเมืองฮันต๋ง สุมาเจียวจึงรอดตายกลับไปเมืองลกเอี๋ยงได้อีกครั้ง

และตั้งแต่นั้นมาสุมาสูกับสุมาเจียวสองพี่น้อง ก็ได้ว่าราชการแคว้นวุยก๊ก เป็นสิทธิ์ขาด บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยก็อยู่ในบังคับบัญชาสิ้น พระเจ้าโจฮองก็มีความกลัวเกรงสุมาสูนัก

วันหนึ่งสุมาสูเข้าเฝ้าก็ถือกระบี่เข้าไป ขุนนางที่กำลังปรึกษาราชการอยู่ ก็นิ่งเสียมิได้ว่าต่อไป พระเจ้าโจฮองก็มิได้ตรัสประการใด แล้วรีบเสด็จเข้าที่ข้างใน สุมาสูก็ออกจากที่เฝ้าขึ้นเกวียนกลับบ้าน มีทหารถือศัสตราวุธแห่แหนหน้าหลังประมาณพันหนึ่ง

เมื่อมาถึงบ้านแล้ว ก็มีผู้มาบอกสุมาสูว่า พระเจ้าโจฮองปรึกษากับขุนนางสามคน จะคิดร้ายมหาอุปราช สุมาสูก็โกรธนักฉวยกระบี่พาทหารห้าร้อย ล้วนถืออาวุธครบมือจะเข้าไปในวัง พอถึงประตูวัง ก็สวนกับแฮเฮาเหียน น้องชายของแฮหัวป๋าซึ่งหนีไปเข้ากับเกียงอุย ลิฮองขุนนางผู้ใหญ่ และเตียวอิบ บิดานางเตียวฮองเฮามเหสี ทั้งสามก็พยายามจะหลบหน้า สุมาสูก็ถามว่าขุนนางออกจากที่เฝ้าหมดแล้ว ท่านทั้งสามอยู่ด้วยราชการอันใด ทั้งสามก็ว่าฮ่องเต้จะทรงฟังหนังสือพงศาวดาร สุมาสูก็ว่าอ่านพงศาวดารแล้วร้องไห้ด้วยเหตุใด ทั้งสามคนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ร้องไห้ สุมาสูก็ว่า

“............มึงร้องไห้ตาแดงอยู่ ควรหรือมาปฏิเสธเสียได้...........”

แฮเฮาเหียนอดโทโสไม่ได้จึงว่า

“..........กูร้องไห้ทั้งนี้ เพราะมึงคิดอ่านจะชิงราชสมบัติ..........”

สุมาสูจึงให้ทหารจับตัวไว้ทั้งสามคน แฮเฮาเหียนมือเปล่าก็ตั้งท่ามวย เข้าชกเอา สุมาสู ทหารก็กลุ้มรุมจับเอาไว้ได้ สุมาสูให้ค้นตัวดูก็ได้เสื้อทรงของฮ่องเต้ซ่อนอยู่ในเสื้อเตียวอิบ มีตรารับสั่งความว่า

สุมาสูและพวกคิดอ่านจะชิงเอาราชสมบัติ ถ้าขุนนางทั้งปวงมีใจสามิภักดิ์ต่อเรา เร่งคิดอ่านกันกำจัดศัตรูแผ่นดินเสียได้แล้ว เราจะให้เลื่อนที่มีบำเหน็จรางวัลจงหนัก

สุมาสูอ่านแล้วก็โกรธยิ่งนัก จึงว่า

“...........อ้ายเหล่านี้คิดทำอันตรายกู โทษมันหนักนักจะเอาไว้มิได้...........”

แล้วก็สั่งให้เอาขุนนางทั้งสามคนไปประหารชีวิตที่กลางตลาดเสียทั้งสามโคตร แล้วสุมาสูก็เข้าไปในวัง ขณะนั้นพระเจ้าโจฮองกำลังปรึกษาการที่ได้มีรับสั่งกับขุนนางทั้งสาม อยู่ด้วยนางเตียวฮองเฮา นางก็ทูลว่า ในวังนี้ผู้คนมากมายนัก ถ้าเนื้อความแพร่งพรายไป ตนก็จะพลอยตายไปด้วย ว่ายังมิทันสิ้นคำ สุมาสูก็เดินเข้ามาถึง แล้วว่า

“...........บิดาข้าพเจ้ายกย่องพระองค์ให้ได้ราชสมบัติ ถึงจิวถองซึ่งเป็นมหาอุปราชแต่ก่อนนั้น ก็หาเหมือนบิดาข้าพเจ้าไม่ ข้าพเจ้าทำนุบำรุงพระองค์มา ถึงอิอิ๋นซึ่งเป็นมหาอุปราชแต่ก่อนนั้น ก็หาทำเหมือนข้าพเจ้าไม่ คุณซึ่งมีมาแต่ก่อนนั้นสูญสิ้นไปแล้ว พระองค์มาฟังคำยุยงคิดจะทำร้ายข้าพเจ้าอีกเล่า............”

พระเจ้าโจฮองก็ตรัสว่า เราหาได้คิดทำการดังนั้นไม่ สุมาสูก็ชักเอาเสื้อทรงทิ้งลงแล้วชี้มือว่า แล้วนี่ของผู้ใดทำเล่า ฮ่องเต้ก็ตกพระทัยจนพระองค์สั่นไม่มีสมประดี อุตส่าห์แข็งใจว่า

“............เราทำการทั้งนี้เพราะคนอื่นคิดให้ทำ ตัวเราหาได้คิดทำอันตรายแก่ท่านไม่........”

สุมาสูจึงว่า

“............ทำเองแล้วสิใส่ความว่าคนอื่นเล่า โทษท่านผิดดังนี้แล้ว จะคิดอ่านประการใด.........”

ฮ่องเต้ก็ตกใจนัก คุกเข่าย่อพระองค์ลง แล้วว่า

“..........โทษข้าพเจ้าผิดแล้ว ขอให้ท่านอดโทษข้าพเจ้าเถิด............”

สุมาสูจึงว่า

“..........พระองค์เป็นหลักแผ่นดิน ข้าพเจ้าหาทำอันตรายแก่พระองค์ไม่ เชิญพระองค์นั่งในที่เถิด ............”

ว่าแล้วก็เอากระบี่ชี้หน้านางเตียวฮองเฮา แล้วว่า นางคนนี้เป็นลูกเตียวอิบ จำจะฆ่าเสียให้ตายตามบิดา ฮ่องเต้ก็ทรงกันแสงอ้อนวอนขอชีวิตนางเตียวฮองเฮา สุมาสูก็ไม่ฟังให้ทหารคร่าตัวเอาไปที่ประตูวังข้างทิศตะวันออก เอาผ้าแพรรัดคอนางถึงแก่ความตายไปตามปากว่า.

###########



Create Date : 21 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2559 5:53:15 น. 0 comments
Counter : 396 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.