Group Blog
 
All Blogs
 
ความหลังของผม

ฉากชีวิต

ความหลังของผม

“ เพทาย “

ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ นี้ ทางราชการกำหนดให้มีการฉลอง กาญจนาภิเษก ครบรอบ ๕๐ ปีการครองสิริราชสมบัติของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ตั้งแต่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๘ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๙

ผมจึงอยากจะเล่าความหลังของตนเอง ด้วยความสำนึกใน พระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ซึ่งทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติบ้าง ดังนั้นชื่อตอนนี้
จึงควรจะเป็น "ในหลวงกับความหลังที่ฝังอยู่ในใจของทหารสื่อสารคนหนึ่ง" มากกว่า

เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จพระราชดำเนินนิวัติประเทศไทย พร้อมด้วย สมเด็จพระอนุชาเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช นั้น ผมยังมีอายุไม่ถึงสิบขวบ เป็นนักเรียนชั้นประถมของโรงเรียนดำเนินศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ข้าง
โรงเรียนนายร้อยทหารบก ปัจจุบันเป็นโรงเรียนทหารแผนที่ ตรงข้ามกับสนามมวยเวที
ราชดำเนิน อันเป็นเส้นทางที่จะเสด็จพระราชดำเนินผ่าน จากพระตำหนักจิตรลดาระโหฐาน ไปยังพระบรมมหาราชวัง ผมจึงได้เฝ้าชมพระบารมีอยู่ที่ริมถนนราชดำเนินนอก ใต้ร่มมะขามใหญ่หน้าโรงเรียน และยังจำภาพที่ทั้งสองพระองค์ทรงประทับบนรถม้าพระที่นั่งได้อยู่จนทุกวันนี้

เมื่อถึง พ.ศ.๒๔๙๗ ผมเป็นนักเรียนนายสิบทหารสื่อสาร อยู่ หมวด ๑ กองร้อยที่ ๑ ซึ่งสถานที่นั้นเป็นกองการสื่อสารในปัจจุบัน ได้รับคำสั่งให้ขนหินละเอียดใส่เกวียนไปโรยบนถนนสองข้าง กองบัญชาการ กรมการทหารสื่อสาร หลังเก่า ไปจนถึง
หน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้นเป็นห้องส่งกระจายเสียงของสถานีวิทยุ จส.๑
โดยไม่เคยได้ทราบเลยว่าจะมีบุคคลสำคัญท่านใด มาเยี่ยมกรมการทหารสื่อสาร เพราะ ยังเป็นนักเรียนใหม่ ยังไม่ได้รับแจกเครื่องแบบปกติ มีเพียงกางเกงขาสั้นสีกากี และ
เสื้อคอกลมสีขาว เท่านั้น

ต่อมาอีกสามสิบกว่าปี จึงได้รับทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรกิจการ ของสถานีวิทยุกระจายเสียง จส.๑ ซึ่ง พ.ท.การุณ เก่งระดมยิง เป็นผู้ดำเนินการและ พล.อ.ไสว ไสวแสนยากร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก กับ พล.ต.หลวงกำจัดปัจจามิตร เจ้ากรมการทหารสื่อสาร
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดังปรากฎภาพอยู่ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับที่ ๕ ของปีที่ ๕ จึงได้พยายามเรียกร้องให้ ทหารสื่อสารเห็นความสำคัญของอาคารประวัติศาสตร์ หลังนี้ ตลอดมา

ครั้นผมได้ไปช่วยราชการทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ขาวดำ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึง พ.ศ.๒๕๑๕ ในตำแหน่งพนักงานกล้อง ก็จะต้องมีหน้าที่ในการถ่ายทอดรายการต่าง ๆ นอกสถานที่ ก็ได้มีโอกาสเป็นพนักงานกล้องในพระราช
พิธีที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินหลายต่อหลายครั้ง

เช่นถ่ายทอดการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนต่างประเทศ เมื่อ
พ.ศ.๒๕๐๔ ซึ่งจะต้องถ่ายทอดทั้งเวลาเสด็จ ฯ ไป และเสด็จ ฯ กลับ ณ ห้องรับรอง
ของท่าอากาศยานกรุงเทพทุกครั้ง ซึ่งเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่
ไม่อนุญาตให้ตั้งกล้องในห้องรับรอง พื้นที่ตั้งกล้องริมหน้าต่างด้านนอกนั้นก็จำกัด และมี
กระจกหน้าต่างกั้นหน้าเลนส์อยู่อีก ถ้าหันกล้องผิดมุม ก็จะเห็นแต่เงาสะท้อนจากลานบิน
เข้ามาแทนภาพที่ปรากฎภายในห้อง แล้วยังมีผู้ตามเสด็จ ฯ เดินผ่านหรือยืนบังหน้าต่าง
นั้นอีกด้วย ภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรม
ราชินีนาถ จึงถ่ายทอดออกไปอย่างกระท่อนกระแท่นเต็มที

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ ได้เสด็จ ฯ ผ่านหน้าต่างที่ว่านี้ และทรงทอดพระเนตรเห็นกล้องที่อยู่นอกหน้าต่าง กำลังปรากฎไฟแดงออกอากาศอยู่ จึงมีพระมหากรุณาธิคุณ ผินพระพักตร์มาแย้มพระโอษฐ์ ให้ประชาชนทางบ้านได้ชื่นชมพระบารมี อย่างน่าปลื้มปิติเป็นที่สุด

การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ ๓ รอบ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ ซึ่งได้เคยเล่า
ไว้หลายครั้งแล้ว ด้วยความซาบซึ้งตรึงใจเป็นอย่างยิ่ง

และเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาท และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทุกพระองค์ มาทอดพระเนตรกิจการของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ขาว
ดำ ซึ่ง พล.ต.ประสิทธิ์ ชื่นบุญ ผู้อำนวยการ และ พ.อ.การุณ เก่งระดมยิง หัวหน้า
ฝ่ายเทคนิค ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงานต่าง ๆ จนเป็นที่พอพระราชหฤทัย
ซึ่งเรื่องนี้ ได้ปรากฎอยู่ในหนังสือที่ระลึก วันสถาปนาสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ต่อมา
อีกหลายปีในขณะที่ผมได้ร่วมอยู่ในคณะผู้จัดทำด้วย

การเสด็จพระราชดำเนิน ทรงตรวจพลสวนสนามขบวนยานยนต์ ของทหารสามเหล่าทัพ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในการพระราชพิธีฉลอง รัชดาภิเษก ครบ
รอบ ๒๕ ปี การครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๔
ซึ่งผมต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่ ไปประจำกล้องบนเครนสูงที่มุมถนนประชาธิปไตย ข้าง
โรงเรียนสตรีวิทยา เสร็จพิธีแล้วก็ต้องกลับมาทำงานที่กรมการทหารสื่อสารต่อ โดยไม่
ได้กลับไปพักผ่อนนอนหลับ แต่ก็มีความอิ่มใจจนไม่ง่วงเหงาหาวนอนอ่อนเพลียแต่อย่างใด

สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนามของทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งมีเป็นประจำทุกปีนั้น มีอยู่ปีหนึ่งผมเป็นพนักงานกล้องที่ตั้งอยู่บนลาน
พระบรมรูปทรงม้า เป็นกล้องขาวดำรุ่นแรก ๆ วางอยู่บนขาสามขาและมีลูกล้อสามล้อซึ่ง
เคลื่อนที่ไปด้วยความยากลำบาก เพราะกล้องมีน้ำหนักมาก และพื้นคอนกรีตนั้นลาดเทลง
มาทางท่อระบายน้ำ สมัยนั้นพนักงานกล้องแต่งเครื่องแบบปกติคอพับมีผ้าผูกคอ สวมหมวก
หนีบ จึงจะสามารถเข็นกล้องผ่านเขต ที่เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารกำหนด เข้าไปใกล้พลับ
พลาที่ประทับได้ เพราะมีเล็นส์ซูมอันเดียวติดอยู่กับกล้อง บนแคร่สูงข้างเสาไฟฟ้า ตัวผม
ปฎิบัติงานด้วยตนเองเพียงคนเดียว เพราะสารวัตรทหารไม่ให้ผู้ช่วยเข็นกล้อง และลาก
สาย ซึ่งเป็นพลเรือนแต่งเครื่องแบบของสถานีเข้าไปด้วย

ผมถ่ายเพลินไปจนใกล้เวลาที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับ ถอยหลังคืนที่เก่าไม่ไหว เพราะกล้องไถลลงไปติดอยู่ข้างทางเท้า ขบวนรถยนต์พระที่นั่ง ที่ออกจาก
ประตูสวนอัมพร เพื่อรอรับเสด็จที่หน้าพลับพลา จึงแล่นข้ามสายกล้องไปทั้งหมด ๕ - ๖ คัน ความจริงสายนั้นก็ใหญ่ เกือบเท่าข้อมือผมแต่ก็ทำให้กล้องขัดข้อง ไม่สามารถถ่ายต่อไปได้ ขณะนั้น ร.อ.สุพจน์ แสงสายัณห์ ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคของช่อง ๗ ขาวดำ ควบคุมการถ่ายทอดอยู่ ท่านเห็นใจผมที่ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว จึงไม่ได้ลง
โทษหรือตำหนิติเตียน ในการที่ผมได้ทำให้สายกล้องชำรุดไปตั้งหลายเมตร

และอีกครั้งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายทอดการแสดงดนตรี ของวงดนตรี อ.ส. ในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ซึ่งบรรเลงสดออกอากาศทางสถานี
วิทยุ อ.ส.ในวันศุกร์ ผมได้เป็นพนักงานกล้องหนึ่งในสองกล้องที่ถ่ายทอด โดยตั้งอยู่ทาง
ด้านซ้ายของหน้าเวที จึงสามารถมองเข้าไปเห็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรง
ดนตรีอยู่ข้างหลืบเวทีด้านขวาได้ถนัด โดยที่กล้องทั้งสองไม่ได้ถ่ายภาพพระองค์ท่าน ออก
อากาศไปเลย แต่ก็เป็นบุญตาของผม และติดอยู่ในใจจนบัดนี้

จนถึง พ.ศ.๒๕๒๗ ครบรอบ ๖๐ ปีของทหารสื่อสารมีการจัดทำหนังสือที่ระลึกเป็นพิเศษ ผมซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในคณะผู้จัดทำ ก็ได้รับหน้าที่ให้ไปติดต่อกับสำนักพระราชวัง เพื่อขอพระราชทานพระบรมราโชวาท สำหรับทหารสื่อสารในวาระอันสำคัญ
นี้ ผมต้องไปติดต่อในพระบรมมหาราชวังหลายครั้ง กว่าจะได้รับพระราชทาน พระบรม ฉายาลักษณ์ และพระบรมราโชวาท อัญเชิญขึ้นไว้ในหน้าต้น ๆ ของหนังสือเล่มนั้น

ครั้นมาถึง พ.ศ.๒๕๓๐ ซึ่งตรงกับวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ ๕ รอบ และผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้ช่วยบรรณาธิการ นิตยสารทหารสื่อสารฉบับปรับปรุงใหม่ เป็นฉบับแรกของผมซึ่งมีหน้าที่ทำงานทุกอย่างแทนบรรณาธิการ ก็มีความคิดที่จะได้พระบรมฉายาลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเครื่องแบบทหารบก ขณะที่กำลังทรงใช้เครื่องวิทยุสื่อสารด้วย

ผมจึงขยายความคิดนี้ ออกไปยังเพื่อนพ้องทั้งหลาย ที่เป็นช่างภาพ ทั้งภาพนิ่ง ภาพยนต์ และโทรทัศน์ แต่ก็ไม่มีผู้ใดจะหามาให้ได้ จนกระทั่ง คุณวิฑูรย์ สายสุจริตกุล เจ้าหน้าที่ของฝ่ายข่าว สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ ได้ทราบจึงติดต่อ
กับกิจการภาพยนต์ส่วนพระองค์ ค้นหาภาพตามที่ต้องการมาประดับหน้าปก นิตยสารทหาร
สื่อสาร ฉบับที่ ๑ ปีที่ ๔๐ ซึ่งออกในวัน ทหารสื่อสาร ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๓๐ ไว้เป็นศิริ
มงคลในการที่ได้พลิกฟื้นคืนชีวิตมาอีกวาระหนึ่ง ซึ่งเป็นความสำเร็จ ที่ผมภาคภูมิใจมากที่
สุด ในการทำนิตยสารของเหล่าทหารสื่อสาร

ทั้งหมดนั้นก็คือความทรงจำรำลึก ถึงความหลังของทหารสื่อสารเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ไม่เคยได้มีโอกาสใกล้ชิดเบื้องยุคลบาท แต่มีโอกาสได้เห็นพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ คือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีรัชดาภิเษก และพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีผู้ถวายพระราชสมัญนามว่า "พระภัทรมห่าราช" ซึ่งมีความหมายว่า พระมหาราชาผู้ทรงคุณอันประเสริฐ พระองค์นี้


ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.

##########



Create Date : 19 ตุลาคม 2559
Last Update : 19 ตุลาคม 2559 11:14:04 น. 7 comments
Counter : 1392 Pageviews.

 
เข้ามาเจิมไว้ก่อนค่ะพี่ปู่


แล้วจะหาโอกาสกลับเข้ามาอ่านอีกทีค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 19 ตุลาคม 2559 เวลา:12:16:31 น.  

 
เรื่องเล่าน่าประทับใจ ปลื้มใจด้วยค่ะ จะว่าเป็นบุญ เป็นสิริมงคลกับชีวิตก็ว่าได้นะคะ งานพระราชพิธีสำคัญ ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ

หนูว่าสมัยก่อน ได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัว พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ ใกล้ชิดกว่าสมัยนี้อีกนะคะ

*** คุณลุงลงชื่อไว้แล้วค่ะ ตั้งแต่ คอมเมนท์ที่ 4 ค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 19 ตุลาคม 2559 เวลา:20:19:47 น.  

 
อ่านแล้วน่าประทับใจจริงๆค่ะพี่ปู่


งานในหน้าที่ทำให้พี่ปู่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าทั้งสองพระองค์ใกล้ชิดกว่าพสกนิกรทั่วไป ถือเป็นบุญอย่างยิ่ง

ขออนุญาตหยิบงานเขียนชิ้นนี้ไปวางในสวนนะคะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 19 ตุลาคม 2559 เวลา:23:25:10 น.  

 

อ่านแล้วประทับใจจังค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Diarist ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Diarist ดู Blog
เจียวต้าย Diarist ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 24 ตุลาคม 2559 เวลา:3:18:54 น.  

 
เพิ่งอ่านได้ครึ่งเดียว ต้องหยุดก่อนค่ะ
สายตาไม่อำนวย แล้วจะกลับมาอ่านต่อนะคะ

แค่ครึ่งเดียวก็น่าประทับใจมากแล้วค่ะ


โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 26 ตุลาคม 2559 เวลา:19:38:36 น.  

 
กลับมาอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นค่ะ
อ่านกลางวันจะง่ายกว่า
ปลื้มใจไปด้วยค่ะ ที่ได้ชมพระบารมี
ของทั้งสองพระองค์ในพระราชพิธี
สำคัญๆทุกครั้ง ยากที่ใครจะมีโอกาส
เช่นนี้นะคะ

เจียวต้าย Diarist


โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 27 ตุลาคม 2559 เวลา:9:25:46 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 31 ตุลาคม 2559 เวลา:17:32:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.