Group Blog
 
All Blogs
 
ลูกนอกไส้

เสี้ยวสามก๊ก

ลูกนอกไส้

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ตามประวัติของเล่าปี่ผู้นำของจ๊กก๊ก หนึ่งในพงศาวดารสามก๊กนั้น เมื่อได้เป็นฮ่องเต้ที่เมืองเสฉวน พ.ศ.๗๖๓ นั้นมีบุตรเป็นชายล้วนทั้งสี่คน คือ เล่าเสี้ยน เล่าก๋งป้า เล่าเอ๋ง และเล่าลี ครั้นถึงตอนสิ้นพระชนม์ที่เมืองเป๊กเต้ใน พ.ศ.๗๖๖ นั้น ขงเบ้งพา เล่าเอ๋งกับเล่าลีไปเฝ้าที่เมืองเป๊กเต้ เล่าปี่ก็ฝากฝังขงเบ้งให้ช่วยดูแลทำนุบำรุงบุตรของพระองค์ต่อไป ขงเบ้งก็ยกเล่าเสี้ยนขึ้นให้รับราชสมบัติเป็นฮ่องเต้ของจ๊กก๊ก สืบต่อจากพระราชบิดา จนกระทั่งจ๊กก๊กถูกวุยก๊กยึดครอง เมื่อ พ.ศ.๘๐๖ จึงหมดเชื้อสายแซ่เล่าลงแค่นั้น

แต่เมื่อครั้งที่เล่าเสี้ยนหรืออาเต๊าเพิ่งเกิด และยังเป็นทารกอยู่นั้น เล่าปี่มีลูกเลี้ยงคนหนึ่ง ซึ่งโชคร้ายไม่สามารถจะทำตนให้เป็นที่ถูกใจของบิดาได้ จึงไม่มีโอกาสได้เป็นใหญ่เป็นโต ตามบิดาซึ่งเป็นฮ่องเต้ เรื่องก็มีอยู่ว่า

เมื่อก่อนที่เล่าปี่จะได้ขงเบ้งมาเป็นคู่คิด ยังเที่ยวร่อนเร่พเนจรอยู่นั้น ก็ได้ตัวตันฮก หรือชีซี มาเป็นกุนซือคนแรก สามารถที่จะตีเมืองห้วนเสียเอาชนะโจหยินทหารเอกของโจโฉได้ เจ้าเมืองห้วนเสียชื่อเล่าปิดซึ่งเป็นญาติแซ่เดียวกัน จึงเชิญเล่าปี่เข้าไปเลี้ยงฉลองในเมือง ขณะนั้น เล่าปี่เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งหน้าตาดียืนอยู่ข้างหลังเล่าปิด จึงถามชื่อแซ่ เล่าปิดก็บอกว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ชื่อเค้าฮอง เป็นบุตรของพี่สาวแต่กำพร้าบิดามารดา ตนจึงเอามาเลี้ยงไว้ เล่าปี่ก็ว่า


“……. ข้าพเจ้าเห็นรูปร่างงามก็มีใจเอ็นดูนัก ท่านอนุญาตให้ข้าพเจ้าเลี้ยงเป็นบุตรเถิดเป็นไรเล่า ……”

เล่าปิดก็มีความยินดี ให้เค้าฮองคำนับเล่าปี่เป็นบิดาเลี้ยง เล่าปี่จึงเปลี่ยนชื่อ เค้าฮองเป็นเล่าฮอง แล้วพาไปคำนับกวนอูเตียวหุยให้เรียกว่าอา เตียวหุยนั้นไม่ว่าประการใด แต่กวนอูนั้นไม่ยินดี บอกกับเล่าปี่ว่าบุตรของเล่าปี่คืออาเต๊าก็มีอยู่ เหตุไฉนเอาผู้อื่นมาเป็นเนื้อ เหมือนหนึ่งเลี้ยงลูกปูลูกหอย นานไปเห็นจะได้ความเดือดร้อน เล่าปี่จึงว่า

“……..ถึงผู้อื่นนอกเนื้อก็จริง แต่เรารักใคร่เสมอบุตร ได้เอามาเลี้ยงไว้ก็จะมีกตัญญูรักใคร่ เห็นจะไม่คิดร้ายต่อเรา…….”

กวนอูได้ฟังเล่าปี่ว่าดังนั้น ก็นิ่งอยู่มิได้ตอบประการใด เก็บความขัดเคืองเอาไว้ในใจ ต่อมาตันฮกถูกหลอกให้กลับไปหามารดาที่เมืองฮูโต๋ เล่าปี่ก็ต้องเพียรพยายามไปอ้อนวอน ขงเบ้งให้มาช่วยเป็นที่ปรึกษาจนได้ แล้วก็ค่อยก่อร่างสร้างตัวให้เป็นปึกแผ่นขึ้น ด้วยสติปัญญาของขงเบ้ง จนกระทั่งได้ครอบครองเมืองเสฉวน เล่าฮองก็ได้เป็นขุนนางอยู่ในเมืองเสฉวนด้วย

ต่อมาเมื่อเล่าปี่ยกกองทัพไปตีเมืองฮันต๋ง ในการรบที่ทุ่งฮันซุยซึ่งฝ่ายโจโฉมีทหารเกือบสี่สิบหมื่น เล่าฮองก็เข้าคู่กับเบ้งตัด เป็นกำลังสนับสนุนทหารเอกอย่าง ฮองตง จูล่ง ตีค่าย เตงกุนสันได้ และเผาเสบียงของโจโฉที่เขาบิซองสันเสียวอดไป จนในที่สุดโจโฉก็เป็นฝ่ายถอย พอดีโจเจียงบุตรชายคนรองของโจโฉ กลับจากปราบขบถเมืองไตกุ๋น มาช่วยหนุนไว้ เล่าฮองกับเบ้งตัด ก็เข้าสู้รบกับโจเจียง จนสองพ่อลูกต้องถอยไปถึงหุบเขาเลียดก๊ก ครั้นจะยกกองทัพกลับก็ยังเสียดาย จึงยกเข้ารบอีกครั้งคราวนี้โจโฉถูกอุยเอี๋ยนยิงด้วยเกาทัณฑ์ ถูกฟันหน้าหักไปสองซี่ ต้องยอมยกกองทัพกลับ โดยตัวโจโฉนอนป่วยไปในรถ และเล่าปี่ก็ยึดเมืองฮันต๋งได้ จนชาวเมืองยก เล่าปี่ขึ้นเป็นอ๋องเมืองฮันต๋ง เมื่อ พ.ศ.๗๖๒

โจโฉรู้ข่าวก็โกรธมาก หันไปเป็นพันธมิตรกับซุนกวนเจ้าเมืองกังตั๋ง แล้วช่วยกันรุมรบเล่าปี่ โดยโจโฉให้ทหารเอกยกทัพไปรบกับกวนอู ที่เมืองอ้วนเซียก็พ่ายแพ้ แต่ซุนกวนกลับให้ทหารเอกยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋ว ยึดเมืองของกวนอูไว้ได้ กวนอูจึงต้องถอยไปตั้งหลักที่เมืองเป๊กเสีย ในขณะเดียวกันนั้นเล่าฮองกับเบ้งตัด ก็ยกพลไปตีเมืองซงหยงได้ และพระเจ้าเล่าปี่มอบให้อยู่รักษาเมืองนั้นไว้ด้วยกันทั้งสองคน

กวนอูจึงให้เลียวฮัวถือหนังสือมา ขอให้เล่าฮองกับเบ้งตัดเร่งยกพลไปช่วยโดยเร็ว เล่าฮองก็ปรึกษากับเบ้งตัดว่า กวนอูกำลังเข้าที่อับจนอยู่ในเมืองเป๊กเสีย จะทำประการใด เบ้งตัดก็ออกความเห็นว่า ทหารเมืองกังตั๋งนั้นมีกำลังมากนัก เมืองขึ้นของเกงจิ๋วทั้งเก้าหัวเมือง เสียแก่ ข้าศึกสิ้นแล้ว เมืองเป๊กเสียเล็กนิดเดียวจะเหลืออะไร และโจโฉยกกองทัพมาสี่สิบห้าสิบหมื่น ตั้งอยู่ที่ทุ่งคอโผ อันเราจะยกไปนั้นเห็นจะต้านทานมิได้ เล่าฮองก็ท้วงว่า

“……..เราก็คิดเห็นดังนั้นอยู่ แต่อันกวนอูเป็นอาของเรา ครั้นจะนิ่งอยู่มิยกไปช่วย ก็เห็นหาบังควรไม่…..”

เบ้งตัดก็หัวเราะแล้วว่า

“……..ท่านคิดถึงกวนอูว่าเป็นอา กลัวแต่ว่ากวนอูจะหาคิดว่าท่านเป็นหลานไม่ ครั้งก่อนข้าพเจ้าแจ้งอยู่ว่า พระเจ้าเล่าปี่เอาท่านมาไว้เป็นบุตรเลี้ยง กวนอูมีความริษยาหาสบายใจไม่…..”

การที่เบ้งตัดว่านี้เป็นเรื่องจริง แม้เมื่อครั้งที่เล่าปี่ได้เป็นอ๋องเมืองฮันต๋ง ได้ปรึกษากับขงเบ้งว่าจะตั้งให้เล่าฮองเป็นเจ้าต่างกรม เช่นเดียวกับบุตรชายของตน ขงเบ้งนั้นทูลว่า

“………อันการนี้ข้าพเจ้าหารู้ที่จะว่าด้วยไม่ ขอพระองค์จงปรึกษากวนอูกับ เตียวหุย ซึ่งเป็นพระญาติพระวงศ์เถิด……..”

เมื่อพระเจ้าเล่าปี่ปรึกษากับกวนอูว่าจะเห็นประการใด กวนอูก็ทูลว่า

“……..เล่าฮองนี้เป็นคนโง่เง่าหาชาติตระกูลมิได้ อันจะให้เป็นเจ้าต่างกรมนั้นไม่สมควร แม้ถึงจะทำราชการอยู่ในเมืองเล่า ก็หาไว้ใจได้ไม่ พระองค์จงให้ออกไปอยู่เมืองซงหยง…”

เล่าฮองกับเบ้งตัดจึงต้องมาอยู่ที่เมืองซงหยง เมื่อเบ้งตัดย้ำว่าเล่าฮองลืมเรื่องนี้เสียแล้วหรือ เล่าฮองก็ว่า

“………..ซึ่งท่านว่านั้นก็เป็นความจริงอยู่สิ้น แลซึ่งกวนอูใช้ทหารมานี้ เราจะคิดอ่านบิดพริ้วประการใด…….”
เบ้งตัดจึงแนะให้บอกเลียวฮัว ให้ไปบอกแก่กวนอูว่า บัดนี้บ้านเมืองก็พึ่งตั้งใหม่ ทหารทั้งปวงก็ยังหาบริบูรณ์พรักพร้อมไม่ ซึ่งจะยกไปช่วยเป็นการด่วนนั้นยังขัดสนอยู่ เลียวฮัวก็เสียใจจึงว่า ซึ่งมาตัดรอนไม่ยกไปช่วยครั้งนี้ กวนอูจะมิเป็นอันตรายเสียหรือ เบ้งตัดก็ช่วยแก้ตัวว่า
ข้าศึกที่มาตีเมืองเกงจิ๋วนี้ อุปมาเหมือนกองไฟอันใหญ่ ทหารเมืองซงหยงนั้นเหมือนน้ำในจอกน้อย ย่อมไม่สามารถจะดับไฟกองใหญ่ได้ เลียวฮัวจึงต้องบ่ายหน้าไปหาพระเจ้าเล่าปี่ ที่เมืองเสฉวนอันเป็นหนทางไกล ไม่สามารถจะยกมาช่วยได้ทัน กวนอูจึงเสียทีถูกจับตัวไปประหารชีวิตเสีย
เมื่อพระเจ้าปี่ได้ทราบว่ากวนอูได้เสียชีวิต พร้อมกับกวนเป๋งบุตรชาย ก็เสียใจแทบจะตายตามไปด้วย และโกรธแค้นเล่าฮองกับเบ้งตัดเป็นอันมาก จะให้เอาตัวมาประหารเสีย แต่ ขงเบ้งทัดทานไว้ ว่าให้แยกคนทั้งสองไปอยู่คนละเมืองเสีย จะได้ไม่รวมหัวกันเป็นศัตรู พระเจ้า เล่าปี่จึงให้เบ้งตัดเป็นเจ้าเมืองซงหยงตามเดิม แต่ให้เล่าฮองไปเป็นเจ้าเมือง บิต๊ก

อีกไม่นานโจโฉถึงแก่ความตาย โจผีบุตรชายก็ยึดอำนาจจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ของวุยก๊ก ขงเบ้งจึงยกเล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ของจ๊กก๊กบ้าง

ฝ่ายเบ้งตัดก็รู้ว่าตัวมีโทษถึงประหาร จึงแต่งหนังสือลาพระเจ้าเล่าปี่ไปเข้ากับ พระเจ้าโจผี พร้อมด้วยทหารเพียงห้าสิบคน พระเจ้าโจผีก็ไม่ไว้ใจ พอดีกับพระเจ้าเล่าปี่มีรับสั่งให้เล่าฮองยกทหารไปจับเบ้งตัดมาให้ได้ พระเจ้าโจผีจึงให้เบ้งตัดคุมทหารออกไป ตัดศรีษะเล่าฮองมาให้ได้ จึงจะรับไว้เป็นพวก

เบ้งตัดก็เขียนหนังสือมาเกลี้ยกล่อมเล่าฮอง ให้เข้าเป็นพวกพระเจ้าโจผีเช่นเดียวกับตน แต่เล่าฮองไม่ยอมเชื่ออีกแล้ว ตั้งใจจะจับตัวเบ้งตัดแก้ความผิดของตน แต่ก็ไม่สำเร็จถูก เบ้งตัดกับทหารเอกฝ่ายข้าศึก ตีแตกพ่ายอย่างยับเยิน ต้องหนีตายกลับมาเมืองเสฉวน เมื่อเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเล่าปี่ ก็ถวายบังคมแล้วร้องไห้กราบทูลความ ที่ไปรบกับเบ้งตัดให้ทราบโดยตลอด

พระเจ้าเล่าปี่ก็แค้นใจนัก ด่าว่า

“…..ไอ้ลูกถ่อย เกิดมาเสียชาติ ยังมีหน้ามาหากูอีกเล่า……”

เล่าฮองก็ทูลว่า

“…..ครั้งเมื่อกวนอูอาข้าพเจ้าให้มีหนังสือ ไปขอกองทัพมาช่วยเมืองเกงจิ๋ว ข้าพเจ้าตระเตรียมทหารจะยกไปช่วย เบ้งตัดห้ามไว้จึงเป็นเหตุดังนี้……..”

พระเจ้าเล่าปี่จึงว่า

“……เสียแรงกูเลี้ยงมึงมา มึงเป็นก้อนดินต้นไม้หรือ จึงหารู้จักผิดแลชอบไม่ ควรหรือฟังคำอ้ายขบถศัตรู ไม่ยกกองทัพไปช่วยกวนอู ให้เสียการดังนี้…….”

แล้วก็สั่งให้ทหารเอาตัวเล่าฮองไปประหารชีวิตเสีย แม้ว่าภายหลังพระเจ้าเล่าปี่จะระลึกได้ว่า เล่าฮองนั้นยังจงรักภักดีอยู่ โดยไม่ยอมฟังคำเกลี้ยกล่อมของเบ้งตัดในครั้งหลัง และได้ฆ่าคนถือหนังสือเสีย แต่ด้วยความที่เป็นคนมีสติปัญญาน้อย และฝีมือก็ไม่เข้มแข็ง จึงพ่ายแพ้แก่ข้าศึก ไม่อาจแก้ตัวให้พ้นความผิดได้ และต้องตายด้วยอาญาของบิดาเลี้ยงของตนเอง ในที่สุด

ชีวิตของเล่าฮองนั้น ค่อนข้างจะอาภัพอยู่เป็นอันมาก ตั้งใจทำความดี ก็มิค่อยจะได้ดี เพราะผู้ใหญ่ไม่ชอบขี้หน้ามาตั้งแต่ต้น ครั้นเมื่อทำความผิดด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา ก็ได้รับโทษอย่างหนัก ไม่มีการให้อภัยแต่ประการใด

ชีวิตของลิ่วล้อผู้นี้ จึงค่อนข้างจะน่าสงสารเป็นอันมาก.

###########



Create Date : 18 กรกฎาคม 2559
Last Update : 18 กรกฎาคม 2559 5:34:01 น. 0 comments
Counter : 662 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.