Group Blog
 
All Blogs
 
บันทึกขอลผู้เฒ่า (๒๗) ความตายที่เคยเห็น

บันทึกของผู้เฒ่า (๒๗)

ความตายที่เคยเห็น

เมื่อ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๓ นัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปร่วมทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องในงานยกศาลพระภูมิของเพื่อนอีกคนหนึ่ง แถวคลอง ๒ รังสิต แต่ตอนเช้าออกไปซื้อขนมปังและนมเย็นเพื่อเป็นอาหารเช้าตามเคย

พอเดินบนทางเท้าผ่านข้างเข่งขยะซึ่งเจ้าหน้าที่ตั้งไว้รอรถมาขน เกิดเหยียบตะปูทะลุรองเท้าข้างขวาทิ่มถึงอุ้งเท้า ก็ตกใจกระโดดโหยง เข่าซ้ายซึ่งอ่อนแออยู่แล้วก็ทรุดลงไปกระแทกกับพื้นถนน แล้วก็เลยนั่งแปะอยู่ตรงนั้น เฉียดแอ่งน้ำครำไปนิดเดียว

เมื่อช่วยตนเองจนเดินกลับมาบ้านแล้ว จึงเอาน้ำราดแผลถลอกที่หัวเข่าซ้าย แล้วเอาทิงเจอร์ท่เอาผ้าก๊อสปิดไว้ ส่วนรูตะปูเล็กนิดเดียวเข้าเนื้อไปสักครึ่ง ซ.ม.ก็เอาทิงเจอร์หยดแล้วเอาพลาสเตอร์ยาปิดแผลไว้ แล้วก็ไปงานบ้านเพื่อนได้ทั้งวัน

แต่พอรุ่งขึ้นเพื่อนทักว่าพื้นที่นั้นสกปรก อาจมีเชื้อบาดทะยักได้ควรจะต้องไปหาหมอ ก็เห็นด้วย จึงไปคลินิกที่อยู่หลังบ้าน เป็นสาขาของวชิรพยาบาล เขาก็จัดการชะแผลให้สะอาด และสั่งฉีดวัคซีนกันบาดทะยักสามเข็ม ฉีดวันนั้นเข็มหนึ่ง และเดือนต่อไปอีกสองเข็ม จนบัดนี้เกือบหายเป็นปกติแล้ว

คิดอยากจะบันทึกไว้แทนความจำ เมื่อเปิดแฟ้มดูก็พบว่า เคยมีการบันทึกเรื่องความเจ็บป่วยไว้แล้ว และอีกแฟ้มหนึ่งเป็น บันทึกก่อนตาย จำไม่ได้แล้วว่าบันทึกไว้ว่าอย่างไร จึงเอามาอ่านทบทวนอีกครั้ง

.........ผมเริ่มบันทึกเรื่องนี้เมื่อ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๗ อันเป็นวันทหารสื่อสารครบรอบ ๘๐ ปี ผมเคยคิดไว้ว่าผมจะบันทึกเรื่องราว ก่อนความตายจะมาถึง ให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผมเคยคิดว่าถ้าผมเข้าโรงพยาบาลครั้งสุดท้าย ผมจะบันทึกความรู้สึกไว้ทุกวัน และเมื่อไม่มีแรงจะ บันทึกเอง ผมก็จะบอกให้ลูกจดไว้ในสมุดบันทึก จนถึงวันสิ้นลม แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่

ผมเห็นความตายครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๘๖ พี่สาวของผมซึ่งเป็นลูกของน้า เธอได้รับอุบัติเหตุ ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งตัว ตั้งแต่สะดือลงไป รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลระยะหนึ่ง แล้วก็กลับมานอนอยู่ที่บ้าน เกิดเป็นแผลผ้าปูที่นอนกัดบริเวณก้นกบ เพราะเนื้อที่ไม่มีความรู้สึก กดทับกับผ้าปูที่อับชื้น แล้วก็เน่าเปื่อยถึงกระดูก เธอเสียชีวิตด้วยโรคนี้ ขณะนั้นผมมีอายุเพียง ๑๒ ปี

ต่อมาก็คือแม่ผมเอง ท่านเป็นวัณโรคอยู่นานมาก จนถึง พ.ศ.๒๔๙๕ ก็มีอาการหนัก นอนแบบให้ผมทำทุกอย่างให้ จนถึงปลายปีหลังจากที่ผมได้อุปสมบทให้เห็นผ้าเหลืองของลูกชายแล้ว ท่านก็สิ้นใจในขณะที่ผมอยู่นอกห้องนอนเพียงสามสี่ก้าว

เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ เพื่อนรักมากคนหนึ่งของผม ถูกรถชน ร่างกายบอบช้ำมากทั้ง ซี่โครงและตับไตไส้พุง เขาอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้ประมาณ ๓๖ ชั่วโมงก็สิ้นใจ ผมได้ไปเห็นศพเขาก่อนที่จะนำไปวัดธาตุทอง หลังจากที่เขาหายเจ็บปวดแล้ว ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนคนไม่เคยมีความทุกข์

ต่อมาเป็นพี่ชายของภรรยาผม และเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม เขาเป็นมะเร็งที่อวัยวะไหนไม่ทราบ ลูกสาวเขามาตามผมไปจากที่ทำงาน ให้ไปดูใจพ่อเขา ผมนั่งมองร่างที่นอนหลับตาสงบนิ่งหายใจแผ่วเบา ต่อหน้าแม่ของเขา แล้วสักพักหนึ่งแม่ของเขาก็เอามือไปแตะต้อง ใบหน้าของเขา และบอกว่าเขาไปแล้ว ปีนั้นคือ พ.ศ.๒๕๑๗

และคนสุดท้ายคือคุณน้า แม่ของพี่สาวนั้นเอง ท่านเป็นโรคชราเกิดอาการหลง และมีโรคประสาทเข้ามาแทรกด้วย หลังสุดเส้นโลหิตในสมองแตก เป็นอัมพาตครึ่งซีกแต่ก็อยู่ให้ป้อนข้าวป้อนน้ำเพียงปีเดียวก็สิ้นใจ ในขณะที่ผมไปเที่ยวอยู่นอกบ้าน เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ ท่านอายุได้ ๘๕ ปี ผมอายุ ๕๑ ปี

ทั้งหมดนั้นเป็นความตายที่เกิดแก่ผู้อื่น แต่ก็ใกล้ตัวมาก และเป็นคนที่ผมรักทั้งสิ้น ผมรู้ดีว่าการเกิดมีการตายเป็นที่สิ้นสุด ทุกชีวิตไม่มียกเว้น แต่ที่ผมเข้าไปใกล้ความตายครั้งแรกก็ใน พ.ศ.๒๔๘๖ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ วันวิสาขบูชา เครื่องบิน บี.๒๙ บินมาทิ้งระเบิดกรุงเทพ ทั่วไปหมด

ในสวนอ้อยนับหลุมดูแล้วกว่ายี่สิบหลุม ที่ใกล้ที่สุดนั้นห่างจากบ้านผมไม่ถึง ๒๐๐ เมตร ก้อนดินที่มันขุดขึ้นเป็นหลุมใหญ่ หล่นทุ่มลงมาบนหลังคาบ้านผม ทำให้กระเบื้องแตกหลังโหว่เห็นท้องฟ้า และเพื่อนบ้านของผมตายไปคนหนึ่ง

เมื่อถึง พ.ศ.๒๕๑๗ หลังจากที่ผมเป็นนักดื่มอย่างฉกาจฉกรรจ์มาแล้ว ๒๐ ปี ผมก็ไปนอนให้หมอตรวจโรคตับโต หมอบอกผมว่าให้เลิกกินเหล้าเสีย ถ้ายังไม่อยากตายด้วยโรคตับแข็งหรือมะเร็งในตับ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำว่าตาย ที่เกี่ยวกับตัวผมเอง และผมก็ยังไม่อยากตาย จึงเลิกกินเหล้า แต่กินเบียร์เติมโซดามาจนถึงวันบันทึกนี้

ครั้งที่ ๒ ผมคิดขึ้นเองเมื่อเกิดอาการชาไปครึ่งซีกขวา ตอนต้นเดือน พฤษภาคม ๒๕๔๕ ผมคิดว่าคงจะเป็นอัมพาตครึ่งซีกอย่างคุณน้า แล้วก็ทรมานไปจนกว่าจะตาย แต่รักษาที่โรงพยาบาลมิชชั่นเพียง ๑๐ วัน อาการนั้นก็หายไป ผมไม่ทราบว่าจะขอบคุณใครดี ที่ยังไม่ถึงเวลาอันน่ากลัวนั้น

แล้วก็มาถึงต้นเดือน พฤษภาคม ๒๕๔๗ ผมซึ่งมีนิสัยท้องผูกเป็นประจำ หมอให้ยาระบายมากิน ก็กินบ้างเว้นบ้างไม่อยากให้ติดเป็นนิสัย ทีนี้ก็เกิดถ่ายอุจจาระไม่ออก ครั้งแรกเข้าไปเบ่งอยู่ในส้วมสองสามหนก็ออกอย่างลำบากเต็มที ครั้งที่สองก็เช่นเดียวกันเบ่งจนหมดแรงกว่าจะออก ครั้งสุดท้ายไม่ยอมออกท้องป่องอยู่ ๒ วัน

ทั้งนี้ก็เพราะมีงานที่จะต้องไปติดต่อกันจึงไม่กล้ากินยาระบาย เมื่อทนไม่ไหวก็ไปหาหมอที่มิชชั่นตามเคย หมอล้วงควักจนออก แล้วก็ให้ยาระบายอีกขนานหนึ่งมากินเป็นประจำ แต่แนะนำว่าควรจะไปตรวจภายในลำไส้ ว่าผิดปกติหรือเปล่า ด้วยวิธีฉีดแป้งเข้าไปในลำไส้แล้วถ่ายเอ็กซเรย์ กับการเอากล้องทีวีขนาดจิ๋วใส่เข้าไปถ่ายภาพในลำไส้ ว่ามีเนื้องอกหรือมะเร็ง ที่ขัดขวางการถ่าย

ครั้งนี้พอจะมองเห็นลักษณะของความตายแล้ว ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเคยเห็นคนที่เป็นโรคนี้มาแล้วสองสามคน แต่คิดแล้วคิดอีก ก็ยังไม่อยากเจ็บตัวแล้วรู้ว่าเป็นโรคร้าย อยากจะลองทนไปให้ถึงที่สุด

เช่นเดียวกับเมื่อหนุ่มเป็นโรคไส้เลื่อน เมื่อมันปวดแทบตายแล้วจึงไปนอนให้หมอผ่า โดยไม่สนใจว่าเขาจะตัดอะไรทิ้งไปบ้าง และต้องผ่าอีกครั้งเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ แต่เคราะห์ดียังอยู่ครบบริบูรณ์ จนหมดอายุใช้งานเมื่อสี่ห้าปีมานี้เอง

โรคกระเพาะลำไส้นี้อาจจะเป็นมานาน เนื่องจากการกินเหล้ามาแต่หนุ่ม แต่มาสำแดงอาการเมื่อเดือน กันยายน ปีใดจำไม่ได้ใกล้เกษียณอายุราชการ เป็นวันเกิดเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ไปกินเลี้ยงที่แพริมท่าน้ำนนทบุรี กินปลาดิบจิ้มซีอิ๊วญี่ปุ่นไปคำเดียว ก็อร่อยดีแต่กลับบ้านตอนค่ำมีอาการอาเจียนติดต่อกันไป ไม่สามารถนอนได้

จนถึงเช้าก็แทบจะหมดแรง ตกลงใจไปหาหมอที่ รพ.มิชชั่น หมอเอาตัวไว้ให้น้ำเกลือ และตรวจเช็คจนได้ความว่าเป็นโรคกระเพาะ จึงสั่งให้ถ่ายเอ็กซเรย์ แบบกลืนแป้ง เมื่อตรวจดูฟิล์มแล้วบอกว่ามีแผลในกระเพาะอาหารเล็กน้อย รักษาด้วยการกินยาได้ ก็กินยามาตั้งแต่นั้น และเลิกกินอาหารดิบเช่น กุ้งแช่น้ำปลา หอยนางรม และปลาดิบตั้งแต่นั้นมา เพราะเสียดายค่ารักษา ๒ วัน ร่วมสองหมื่นบาท

จนถึง ครั้งสุดท้าย พ.ศ.๒๕๔๙ ได้รับการตรวจภายใน โดยการสอดกล้องเอ็กซเรย์ เข้าไปในหลอดอาหาร ดูกระเพาะอาหาร แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรง ตกลงจึงมีโรคที่อาจทำให้ตายได้อยู่สองโรค คือเส้นโลหิตในสมอง ตีบ หรือตัน หรือแตก กับโรคกระเพาะ หรือลำไส้ ที่จะเป็นแผลหรือมะเร็งก็ได้........

จบบันทึกที่อ่านพบเพียงแค่นั้น จากบัดนั้นจนถึงบัดนี้ ก็มีอยู่สองโรคคือฟันผุ ต้องกินข้าวต้มทุกมื้อมาเป็นปีที่สอง กับโรคกรดไหลย้อนซึ่งมีอาการแสบคอและร้อนท้อง เนื่องจากกระเพาะอักเสบเป็นครั้งคราว ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะต้องนอนโรงพยาบาล

ส่วนความตั้งใจที่จะบันทึกอาการป่วยก่อนตายนั้น แม้จะยังมีอยู่แต่ก็ไม่อาจคาดได้ว่า เมื่อถึงเวลาจะตายเข้าจริง ๆ จะมีโอกาสได้บันทึกหรือไม่

เพราะทุกสิ่งล้วนมีความไม่แน่นอนด้วยกันทั้งสิ้น.

#################



Create Date : 16 มิถุนายน 2558
Last Update : 16 มิถุนายน 2558 8:22:30 น. 1 comments
Counter : 448 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: peepoobakub วันที่: 14 มีนาคม 2560 เวลา:12:52:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.