Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๒๓ ปราบทุรชน

ฤยอดคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๒๓ ปราบทุรชน

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ ไฮ้สุย สั่งเสียให้ลูกน้องรออยู่ที่โรงเตี๊ยมใกล้ท่าข้ามแล้ว ตนเองก็เดินไปคนเดียว จนถึงปากทางที่จะเข้าบ้าน จิวโต้เจียง เห็นมีทางเล็กเลียบไปตามริมลำธาร จึงเดินไปตามทางนั้น ก็พบบ้านเรือนตั้งอยู่เป็นหมู่ใหญ่ ครั้นเดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงบ้านใหญ่โต มีสวนไม้ดอกและผลต่าง ๆ ข้างริมรั้วบ้านก็ปลูกผักหลายอย่าง ไฮ้สุยก็ลงนั่งพักพิจารณาดูภูมิฐานบ้านหลังนั้น พอดีมีหญิงคนหนึ่งออกจากบ้านมาจะตักน้ำ เห็นมีคนแปลกหน้านั่งพิจารณาบ้านอยู่ จึงถามว่ามาแต่ไหน ไฮ้สุยว่ามากับเพื่อนสองสามคนแต่พลัดกันไป เที่ยวเดินหายังไม่พบเหนื่อยนักจึงมาหยุดพักอยู่ หญิงนั้นว่าที่นี่ไม่ใช่ทางเดิน เป็นตรอกบ้านเขาดอก ไฮ้สุยว่าไม่รู้เข้าใจว่าเป็นทางที่ไปได้ ขอหยุดพักสักประเดี๋ยวพอหายเหนื่อยก็จะไป

หญิงนั้นก็ตักน้ำเข้าไปในบ้าน สักพักหนึ่งก็มีหญิงอายุประมาณหกสิบเศษ ท่วงทีเป็นผู้ดี ออกมาซักถามไฮ้สุยอีก คราวนี้ไฮ้สุยบอกว่า

“……..ข้าพเจ้าขายเครื่องยา มาด้วยกันกับเพื่อนสามสี่คนพลัดกันไป เครื่องยาและสิ่งของทองเงินอาหารตกอยู่ที่เพื่อนทั้งนั้น ข้าพเจ้าเที่ยวตามไม่พบต้องอดอาหารสองวันแล้ว ก็เลยหลงเข้ามาทางนี้ อ่อนเพลียหิวเต็มที ข้าพเจ้าจึงได้หยุดพัก…….”

นางนั้นจึงพาไฮ้สุยขึ้นไปบนเรือน และสั่งคนใช้ให้ยกอาหารมาให้ไฮ้สุยกิน ไฮ้สุย กินได้เล็กน้อยก็อิ่มและว่าอดมาหลายวันแล้วรับประทานมากไม่ได้ และถามไถ่ถึงครอบครัวจึงได้ทราบว่านางคือ นางอือสี มารดาของจิวโต้เจียง สามีตายไปนานแล้ว อยู่กับบุตรชายแต่สั่งสอนว่ากล่าวยาก ไม่เอาอย่างบิดา กินแต่สุรา เพื่อนฝูงมาก ชอบไปเที่ยวตามสบาย ลางวันก็กลับมา ลางทีก็หายไปสองสามวัน ไฮ้สุยก็แกล้งบอกลา นางอือสีก็ว่าวันนี้ค่ำแล้ว นอนค้างเสียที่นี่สักคืนหนึ่งพรุ่งนี้เช้าจึงค่อยไป ไฮ้สุยก็ยินดี นางอือสีจึงให้ไฮ้สุยนอนอยู่ในห้องริมประตู

พอเวลาประมาณสามทุ่มเศษ มีคนถือหนังสือจากเจ้าเมืองฮวนจิวมาถึง ถามว่าท่านจิวโต้เจียงอยู่หรือไม่ ไฮ้สุยจึงบอกว่าท่านไม่อยู่มีธุระสิ่งใด คนถือหนังสือคิดว่าไฮ้สุยเป็นคนในบ้าน จึงบอกว่ามีหนังสือจากเจ้าเมืองมาถึง จงเอาหนังสือนี้ไว้ให้ท่านจิวโต้เจียงด้วย ไฮ้สุย ก็รับหนังสือไว้ ผู้ถือหนังสือก็กลับไป

ฝ่ายจิวโต้เจียงเมาสุรากลับมาถึงบ้านตอนดึก ก็ร้องเรียกให้คนเปิดประตู นาง อือสียังไม่หลับ ได้ยินเสียงก็ออกมาเปิดประตูให้แล้วว่าอย่าอึงไป แขกเขามานอนอยู่จะติเตียนได้ จิวโต้เจียงถามว่าแขกอะไรที่ไหน นางอือสีบอกว่าคนเดินหลงทางมาเวลาจวนค่ำ เราเวทนาให้อาศัยนอน พรุ่งนี้เช้าเขาก็จะไป จิวโต้เจียงก็ว่ามันแกล้งอาศัยจะมาเอาความมารดาไม่รู้ และถามว่าให้มันนอนที่ไหน มารดาบอกว่าให้นอนอยู่ในห้องริมประตู จิวโต้เจียงเมาเหลือกำลังก็อาเจียนออกมา มารดาก็ให้คนใช้ยกน้ำร้อนมาให้กิน จิวโต้เจียงค่อยสร่างเมาจึงลุกขึ้นมาเอาเท้าถีบประตูจนกลอนหัก เปิดประตูเข้าไปเห็นไฮ้สุยนอนอยู่จึงถามว่ามาทำไม จะเอาความหรือจงบอกเสียตามจริง

ไฮ้สุยตกใจตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงเอะอะแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน จึงเล่าความที่หลงทางมาเช่นเดียวกับที่ได้บอกแก่นางอือสี จิวโต้เจียงว่ามารดาเราเป็นหญิง ไม่รู้จักอะไรจึงได้ให้อาศัย ไหน ๆ มารดาเราก็ยอมให้อยู่แล้ว เราจะไม่ฆ่าด้วยมือ แต่จะเอาไว้ไม่ได้ เจ้าจงฆ่าตัวตายเสียเองเถิด แล้วก็โยนมีดกับเชือกให้และว่าจะแทงคอตาย หรือจะรัดคอตายก็ตามใจ พูดแล้วก็ออกจากห้องปิดประตูและลากเอาเก้าอี้ยาวมาตั้งขวางประตูไว้ ตนเองขึ้นนอนบนเก้าอี้แล้วก็หลับไปด้วยความเมา ส่งเสียงกรนอื้ออึงไปจนถึงห้องนางอือสีผู้มารดา

ไฮ้สุยก็ตกใจเป็นอันมาก ไม่รู้ว่าจะหนีออกไปทางไหน คิดว่าตัวเราครั้งนี้จะถึงที่อับจนดอกกระมัง ไม่พอที่จะเอาชีวิตมาทิ้งเสียคราวนี้ คิดแล้วก็ยกมือขึ้นคำนับเทพารักษ์ และบ่ายหน้าถวายบังคม พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ ตั้งสัตย์ว่าตนเองซื่อตรงทำราชการโดยสุจริต มาครั้งนี้ด้วยการแผ่นดิน ขอบารมีพระมหากษัตริย์และเทพารักษ์เป็นที่พึ่งให้พ้นภัยด้วย แล้วก็ตรึกตรองหาช่องทางที่จะหนีไปให้จงได้

ฝ่ายนางอือสีผู้มารดารู้ว่าจิวโต้เจียงจะฆ่าไฮ้สุยก็ให้คิดสงสาร ครั้นรู้ว่าจิวโต้เจียงหลับ จึงปรึกษากับ นางจิวเสียเจียะ บุตรสาวน้องของจิวโต้เจียง ช่วยกันเปิดประตูหลังบ้านปล่อยให้ไฮ้สุยหนีออกไปได้

ครั้นเวลาเช้าจิวโต้เจียงหายเมาตื่นนอนขึ้น เปิดประตูห้องเข้าไปดูเห็นไฮ้สุยหายไป ก็เข้าใจว่าคงจะงัดกลอนประตูหนีไปเอง จึงถามมารดาว่าเมื่อคืนได้พบคนใช้ของเจ้าเมืองที่กลางทาง บอกว่าถือหนังสือท่านเจ้าเมืองมาฝากไว้ที่บ้าน มารดาหรือใครรับไว้บ้าง นางอือสีว่าหามีผู้ใดมาฝากไม่ ถามคนในเรือนก็ไม่ได้ความ จึงคิดว่าคนที่มาอาศัยคงจะรับเอาไว้เป็นมั่นคง จึงฉวยง้าวเรียกพวกพ้องที่เข้มแข็งสามสี่คนถืออาวุธครบมือ ออกจากบ้านรีบติดตามไปแต่ไม่พบ ก็พากันกลับมา

ฝ่าย ไฮ้หยง กับบ่าวรอไฮ้สุยอยู่ตั้งแต่บ่ายจนค่ำ ไม่เห็นไฮ้สุยกลับมาก็มีความวิตกเป็นอันมาก จนเวลาดึกประมาณสองยามเศษ ไฮ้สุยมาร้องเรียกให้เปิดประตู ไฮ้หยงก็ดีใจออกมาเปิดประตูรับ ไฮ้สุยก็เล่าเรื่องให้ฟังโดยตลอด แล้วก็พากันเข้านอน ครั้นเวลาเช้าไฮ้สุยฉีกผนึกหนังสือของเจ้าเมืองฮวนจิว ที่ได้มาจากบ้านจิวโต้เจียงออกอ่าน ก็เห็นมีความว่า

ข้าพเจ้า เล่าเตง อวยพรมาถึงท่านจิวโต้เจียง ด้วย อึงซำเซียว ฟ้องว่าผู้ร้ายปล้นเอาเงินเจ็ดร้อยตำลึง ทองสี่ลิ่มหนักห้าสิบตำลึง เขาจำหน้าได้ว่าเป็นพวกของท่าน ด้วยเวลายังไม่ทันค่ำ พอขึ้นจากเรือจ้างเดินมาหน่อยหนึ่งก็เข้าปล้น ข้าพเจ้าตรองดูเห็นจะจริงของเขา ข้าพเจ้าก็หน่วงไว้สามสี่วันแล้วว่าจะสืบเอาตัวผู้ร้ายให้ กลัวอึงซำเซียวเจ้าของทรัพย์จะไปฟ้องเมืองใหญ่ จะเกิดความขึ้น ความผิดก็จะมาถึงข้าพเจ้าด้วย ถ้าจะให้ดีแล้วอึงซำเซียวก็ยังอยู่ตามแถบนี้ ไม่ไปไหนคอยฟังข่าวอยู่ ท่านคิดอ่านลอบฆ่าอึงซำเซียวตัดต้นตอเสียแล้วความก็คงสูญ

ไฮ้สุยดูหนังสือสิ้นข้อความแล้วก็เอาหนังสือเก็บไว้ และพูดกับไฮ้หยงว่าเจ้าเมืองเป็นพาลไปเช่นนี้ ผู้ร้ายจึงกำเริบ เมื่อกินข้าวปลาอาหารในโรงเตี๊ยมแล้ว ก็พาบ่าวไพร่เดินทางตัดตรงไปเมืองฮวนจิว เมื่อถึงจึงบอกแก่เจ้าเมืองว่าถือรับสั่งออกมาจากเมืองหลวง จะไปเตือนก้องที่เมืองอันน่ำก๊ก เจ้าเมืองกรมการก็เลี้ยงดูเสร็จแล้วก็ส่งไฮ้สุยไปยังเมืองกองซินฮู้ เมื่อไฮ้สุยไปถึงเมืองกองซินฮู้ ก็เล่าเรื่องจิวโต้เจียงเป็นผู้ร้ายใหญ่มีพวกพ้องมาก คอยสกัดปล้นพ่อค้าวานิชคนเดินทางอยู่ที่ตำบลเงียมล่ออ๋องโต้ ให้เจ้าเมืองกองซินฮู้ฟัง และว่าเอาไว้ไม่ได้ต้องกำจัดเสีย แล้วก็ขอทหารเลวสามพันให้ไฮ้หยงกำกับไป ไฮ้หยงก็คุมทหารไปล้อมบ้านจิวโต้เจียงไว้โดยไม่ทันเตรียมตัว จึงจับตัวมาได้ทั้งมารดาและน้องสาวด้วย

ไฮ้สุยก็เรียกประชุมเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่ขึ้นกับเมืองกองซินฮู้ เมื่อพร้อมกันแล้วก็ถามเจ้าเมืองฮวนจิวว่า แขวงเมืองฮวนจิวมีสุขสบายดีอยู่ดอกหรือ เจ้าเมืองฮวนจิวก็ว่าในแขวงเมืองข้าพเจ้าเรียบร้อยเป็นปกติดี ไฮ้สุย จึงว่าท่านไม่รู้ดอกหรือ ที่ตำบลท่าข้ามของจิวโต้เจียงเป็นที่สำคัญ ถ้าใครมีเงินทองมากมาทางนั้นก็มักเป็นอันตราย จนคนสมมุติกันเรียกว่าเงียมล่ออ๋องโต้ ท่าข้ามของยมบาล

เจ้าเมืองฮวนจิวว่าสำคัญอะไรกับจิวโต้เจียง เป็นแต่คนรับจ้างพาคนข้ามส่งเอาเงินเท่านั้น ที่สมมุติเรียกกนว่าเงียมล่ออ๋องโต้ เพราะคนทั้งปวงเห็นจิวโต้เจียงหน้าดำเท่านั้น ไฮ้สุย จึงเอาหนังสือที่เจ้าเมืองมีไปถึงจิวโต้เจียงออกมาให้ดู เจ้าเมืองฮวนจิวก็ตกใจจนหน้าซีดสลด แต่ก็ยังปฏิเสธว่าไม่ใช่หนังสือของตน เพราะถ้าเป็นหนังสือของตนก็จะใช้ชื่อตามตำแหน่งไม่ใช้ชื่อตัว ไฮ้สุยจึงเอาหนังสือนั้นให้เจ้าเมืองกองซินฮู้และเจ้าเมืองคนอื่น ๆ ดู แล้วให้ทหารคุมตัวเจ้าเมืองฮวนจิวไว้

เมื่อไฮ้หยงกับทหารจับตัวจิวโต้เจียงและมารดากับน้องสาวถึง ไฮ้สุยสอบสวนแล้ว จิวโต้เจียงก็รับเป็นสัตย์ และซัดทอดถึงเจ้าเมืองฮวนจิวด้วย เจ้าเมืองฮวนจิวจึงต้องยอมรับสารภาพ รวมทั้งเรื่องที่อึงซำเซียวฟ้องเจ้าเมือง แล้วเจ้าเมืองมีหนังสือให้จิวโต้เจียงฆ่าอึงซำเซียวด้วย

ไฮ้สุยก็ตัดสินให้คืนเงินทองแก่อึงซำเซียว และให้จับตัวพรรคพวกของจิวโต้เจียง ที่เป็นตัวการอีกหลายคน มาชำระความจริง แล้วก็ตัดสินให้ประหารชีวิตเจ้าเมืองฮวนจิว กับ จิวโต้เจียงเสีย บรรดาพรรคพวกให้จำคุกไว้ แต่นางอือสีมารดาและน้องสาวจิวโต้เจียงเป็นคนดี มิได้รู้เห็นเป็นใจให้จิวโต้เจียงทำชั่ว แต่ห้ามไม่ฟังก็จนใจ นั้น ให้เจ้าเมืองกองซินฮู้ดูแลทำนุบำรุงให้เงินเดือนพอเลี้ยงชีวิตต่อไป แต่นั้นมาตำบลเงียมล่ออ๋องโต้ก็ปราศจากผู้ร้าย พ่อค้าเดินทางไปมาได้ความสุข

แล้วเจ้าเมืองกองซินฮู้ก็จัดเรือให้ไฮ้สุยลำหนึ่ง เรือป้องกันพร้อมด้วยทหารพันหนึ่ง ออกเดินทางไปเมืองอันน่ำก๊ก ไฮ้สุยก็พาซ่วยชองไปราชการด้วย เพื่ออาศัยความคุ้นเคยกับพวกขุนนางในเมืองนี้ ช่วยเจรจาในเรื่องที่ได้รับรับสั่งมา

ฝ่ายเงียมซงกับพรรคพวกอีกสามคน เห็นซ่วยชองหายไปเป็นเวลานานไม่กลับมา ก็ปรึกษาหารือกันว่าเหตุใดซ่วยชองจึงเงียบไป ถ้าทำการกำจัดไฮ้สุยได้ก็คงกลับมา หรือตามไปยังไม่ได้ช่อง หรือไฮ้สุยจับได้ฆ่าเสียหรือเกลี้ยกล่อมไว้เสียแล้วก็ไม่รู้ ต่างก็มีความวิตกเป็นอันมาก แต่อีกไม่นานเท่าไร ก็มีหนังสือบอกมาจากไฮ้สุยว่า การที่ไปเตือนก้องเมืองอันน่ำก๊กนั้นเรียบร้อยแล้ว อันน่ำก๊กอ๋องยอมแต่งเครื่องราชบรรณาการ เข้ามาถวายฮ่องเต้เป็นปกติเหมือนเดิม

เงียมซงได้ทราบความจากพนักงานถือหนังสือ จึงเชิญพรรคพวกร่วมใจทั้งสามมาหารือที่บ้าน เล่าความในหนังสือใบบอกนั้นให้ฟังทุกประการ แล้วว่าไฮ้สุยคนนี้ประหลาดนัก เรากราบทูลให้ไปราชการครั้งใดก็สำเร็จทุกครั้ง คราวนี้ไปเมืองอันน่ำก๊กเตือนก้องก็สำเร็จไม่ช้าคงกลับมา ซ่วยชองที่ใช้ให้ไป เห็นจะไม่ได้การ เตียกือเจี้ยว่าเมื่อจะให้ซ่วยชองไปก็ไม่ทันคิด ด้วยซ่วยชองเป็นคนกว้างอยู่ในเมืองอันน่ำก๊ก ต่อท่านพูดจึงนึกขึ้นได้ สงสัยซ่วยชองเห็นจะไม่ทำร้าย จะเข้าประจบไฮ้สุย พลอยไปเมืองอันน่ำก๊กด้วยกระมัง ถ้าอย่างนี้ก็ดีไม่เกิดความ ถ้าไปทำร้ายไฮ้สุยจับได้เกลี้ยกล่อมเอาไว้คงจะเกิดความโดยแท้ ด้วยไอ้สุยได้ตัวซ่วยชองไว้เป็นพยาน

เตียจีเป๊กก็ว่าถ้าจะไม่ให้เกิดความแล้ว คิดอ่านอย่าให้ไฮ้สุยเข้ามาเมืองหลวงได้ แล้วจึงคิดอ่านกำจัดต่อไป เงียมซงถามว่าจะทำอย่างไร เตียจีเป๊กก็ว่าเมื่อวานซืนมีหนังสือบอกมาว่า ที่แขวงเมืองฮู่กองแซเกิดโจรผู้ร้ายคบคิดกันตั้งเป็นหมวดเป็นกอง พวกละสี่พันบ้างห้าพันบ้าง ที่มากถึงสองหมื่นสามหมื่นก็มี เที่ยวตีปล้นบ้านเล็กเมืองน้อยลูกค้าวานิช และราษฎรมีเงินทองก็ได้ความเดือดร้อนยับเยินมาก และเมืองฮู่กองแซนั้นเมื่อครั้งแผ่นดินเลียดก๊กเรียกว่าเมืองฌ้อ คนในเมืองนั้นที่เล่าเรียนหนังสือมีน้อย ฝึกหัดแต่ฝ่ายบู๊โดยมากจึงกล้าแข็งนัก ถ้าคิดอ่านกราบทูลให้ไฮ้สุยไปปราบปรามเห็นจะดีหลายอย่าง อนึ่งไฮ้สุยเป็นแต่คนเล่าเรียนชำนาญการฝ่ายบุ๋น แม้นว่ากล่าวห้ามปรามไม่ได้ จะเอาอำนาจขู่พวกโจรก็จะฆ่าเสีย แต่พวกจงตกหรือกรมการเมืองพวกนี้ยังไม่กลัว อย่างหนึ่งโดยไฮ้สุยไม่ตายทำการสำเร็จได้ กว่าจะจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยก็หลายปี

เงียมซงได้ฟังก็เห็นด้วย และรีบนำความขึ้นกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบทันที

##########






Create Date : 09 ตุลาคม 2551
Last Update : 20 ธันวาคม 2554 5:39:15 น. 2 comments
Counter : 475 Pageviews.

 
จริงเหรอค่ะ ที่ว่า คนที่จะเป็นนักเขียนนิยายรัก

จะต้องรู้จักความรัก


โดย: บอร์ด IP: 117.47.227.135 วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:15:05:10 น.  

 
น่าจะจริงนะครับ
ไม่งั้นจะคิดคำพูดอย่างไรให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความรักได้
เพราะความรักที่เกิดขึ้นในหัวใจ เป็นสิ่งที่เจ้าตัวรู้คนเดียวครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:8:18:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.