Group Blog
 
All Blogs
 
ลิ่วล้อชั้นยอด

เสี้ยวสามก๊ก

ลิ่วล้อชั้นยอด
“ เล่าเซี่ยงชุน “

ในบรรดาทหารเอกที่มีชื่อเสียงในสามก๊กนั้น ต่างก็มีประวัติความเป็นมา ที่ผิดแปลกแตกต่างกันไป แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ได้ไต่เต้ามาจากพลทหารเลว หรือระดับลิ่วล้อปลายแถว อาศัยความกล้าบ้าบิ่น และฝีมืออันเข้มแข็ง ฝ่าฟันการศึกสงครามมาเป็นเวลานาน จึงมีชื่อเสียงเป็นทหารเอกระดับแนวหน้า ในกองทัพของตนได้ในที่สุด

เขาผู้นั้นเป็นชาวเมืองงีหยงชื่ออุยเอี๋ยน เป็นพลทหารอยู่ที่เมืองซงหยง มีความเลื่อมใสชื่อเสียงอันเป็นที่เลื่องลือของเล่าปี่ยิ่งนัก ขณะนั้นเล่าปี่อาศัยอยู่กับเล่าเปียว ได้เป็นผู้รักษาเมืองอ้วนเซีย ครั้นได้ข่าวว่าเล่าเปียวป่วยตาย และนางชัวฮูหยินยกให้เล่าจ๋องบุตรของตนเป็นใหญ่ในเมืองเกงจิ๋ว ก็ปรึกษากับขงเบ้งว่า โจโฉจะต้องยกทัพมาตีเมืองอ้วนเซียแน่ จึงคิดจะถอยไปตั้งหลักที่เมืองซงหยง ราษฎรชาวเมืองก็อพยพตามเล่าปี่ไปเป็นจำนวนมาก แต่พอถึงเมืองซงหยง ชัวมอน้องชายของนางชัวฮูหยิน ก็สั่งให้ทหารยิงเกาทัณฑ์กระหน่ำออกไป ไม่ให้เล่าปี่กับพรรคพวกเข้าเมือง

เมื่ออุยเอี๋ยนเห็นดังนั้น ก็คุมพวกเพื่อนประมาณร้อยคน เข้าฆ่าฟันทหารรักษาประตู แล้วเปิดประตูเมืองให้เล่าปี่พาพวกอพยพเข้าเมืองได้ บุนเพ่งนายทหารเอกของชัวมอจึงเข้ามาขัดขวาง และด่าอุยเอี๋ยนว่า

“…….มึงนี้เป็นแต่ทหารเลว หามีใครนับถือชื่อเสียงไม่ เหตุใดจึงบังอาจเปิดประตูรับเล่าปี่ให้เข้ามา มึงจะให้บ้านเมืองเป็นจลาจลหรือ…….”

อุยเอี๋ยนก็ไม่ฟังเสียง ขับม้าเข้ารบกับนายทหารเอกเป็นสามารถ และทหารทั้งสองฝ่ายก็เข้าสู้รบตลุมบอนกันอุดตลุดไปหมด เล่าปี่เห็นการณ์กลับกลายเป็นเช่นนั้น จึงออกจากเมืองมุ่งไปเมืองกังเหลง ราษฎรชาวเมืองซงหยงที่นับถือเล่าปี่ก็พากันอพยพตามไปอีก รวมเป็นจำนวนหลายหมื่น ส่วนอุยเอี๋ยนนั้นสู้รบอยู่กับบุนเพ่งตั้งแต่เช้าจนเที่ยง เห็นทีจะสู้ไม่ได้จึงหนีออกมานอกเมือง แต่ก็ตามหาเล่าปี่ไม่เจอ จึงไปอาศัยอยู่ที่เมืองเตียงสา

ต่อมาอีกนานหลังจากที่เล่าปี่ร่วมมือกับซุนกวน ตีกองทัพใหญ่ของโจโฉแตกพ่ายไป และยึดเมืองเกงจิ๋วกับเมืองบริวารอีกสามเมืองไว้ได้แล้ว คิดจะขยายอาณาเขตออกไปอีก จึงให้กวนอูยกทหารไปตีเมืองเตียงสา ฮันเหียนเจ้าเมืองเตียงสาให้ฮองตงทหารเอก ออกมาต่อสู้ถึงสามครั้ง หนแรกรบกันถึงร้อยเพลงก็ไม่เพลี่ยงพล้ำ วันรุ่งขึ้นก็ออกไปสู้กันอีก คราว นี้ฮองตงพลาดท่า แต่กวนอูก็ไม่ฆ่าปล่อยให้กลับไป อีกวันหนึ่งกวนอูเสียทีบ้าง แต่ฮองตงคิดถึงบุญคุณจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงให้ถูกพู่หมวกกวนอูเท่านั้น

เมื่อกลับเข้าเมือง ฮันเหียนซึ่งยืนดูอยู่บนเชิงเทิน ก็โกรธหาว่าฮองตงทรยศ จึงสั่งให้เอาตัวฮองตงไปประหารเสีย อุยเอี๋ยนซึ่งยังเป็นทหารเลวอยู่ ก็วิ่งตามไปฆ่าผู้คุมชิงเอาฮองตงมาได้ แล้วร้องประกาศแก่ชาวเมืองทั้งปวงว่า

“……..ฮองตงนี้เป็นหลักเมืองเตียงสา ฮันเหียนจะให้ฆ่าฮองตงเสีย ก็เหมือนฆ่าราษฎรทั้งปวงเสีย เราจึงชิงไว้ บัดนี้เราจะคิดอ่านฆ่าฮันเหียนเสีย ผู้ใดจะเข้าด้วยเราบ้าง…..”

ฝ่ายชาวเมืองที่มีใจเจ็บแค้นชิงชังฮันเหียน ก็เข้าเป็นพวกอุยเอี๋ยนจำนวนมาก พากันบุกรุกขึ้นไปถึงเชิงเทิน ฮองตงจะห้ามปรามเท่าไรก็ไม่ฟัง อุยเอี๋ยนก็วิ่งเข้าไปเอาดาบฟันฮันเหียนตายคาที่ แล้วตัดเอาศรีษะขึ้นม้าไปหากวนอูที่ค่าย

กวนอูก็ยกทหารเข้าเมืองเตียงสา แล้วแต่งหนังสือแจ้งให้เล่าปี่กับเข้งเบ้ง ซึ่งยกทหารตามมาได้ทราบ เมื่อเล่าปี่มาถึงก็เกลี้ยกล่อมให้ฮองตงยอมเป็นพวกด้วย กวนอูก็พา อุยเอี๋ยนมาคำนับเล่าปี่ขงเบ้ง แจ้งความดีความชอบ แต่ขงเบ้งสั่งให้เอาตัวไปประหารเสีย และประกาศว่า

“…….ผู้ใดกินข้าวแกงท่าน แลฆ่าท่านผู้มีคุณเสีย ผู้นั้นเป็นคนหากตัญญูไม่ ผู้ใดอาศัยอยู่ในแผ่นดินท่านแล้ว คิดยกเอาแผ่นดินไปให้ผู้อื่นเสีย ผู้นั้นเป็นคนหาความสัตย์ไม่ ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นไม่ควร…..”

แต่เล่าปี่ได้ขอโทษไว้ เพื่อเอาไว้เป็นกำลังทำการต่อไป ขงเบ้งจึงต้องยอม แต่ก็คาดคั้นว่า อย่าได้คิดอ่านทรยศต่อผู้มีคุณสืบไป ถ้าไม่ฟังคำก็จะตัดศรีษะเสีย อุยเอี๋ยนจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิดเต็มที

อุยเอี๋ยนและฮองตงอยู่กับเล่าปี่มา จนกระทั่ง เล่าเจี้ยงเชิญเล่าปี่เข้าไปช่วยรักษาเมืองเสฉวน และตั้งกองทหารอยู่ที่ด่านแฮบังก๋วน ต่อมาเกิดขัดใจกับเล่าเจี้ยง เล่าปี่มีบังทองเป็นที่ปรึกษา ก็ยึดด่านโปยสิก๋วนได้ และจะยกเข้าไปตีเมืองเสฉวน เล่าเจี้ยงก็ให้นายทหารเอกสี่คน คุมทหารห้าหมื่นไปรักษาเมืองลกเสีย และแยกทหารสองหมื่นไปตั้งค่ายขัดตาทัพไว้ ที่ ช่องแคบทางเข้าเมืองลกเสีย เหลงเปาคุมค่ายหนึ่ง เตงเหียนคุมอีกค่ายหนึ่ง

เล่าปี่จึงถามทหารทั้งปวงว่า ครั้งนี้ใครจะอาสาไปตีค่ายช่องแคบได้ ฮองตงก็รับอาสา แต่อุยเอี๋ยนแย้งว่า

“……..ซึ่งฮองตงจะอาสาก็ควรอยู่ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าฮองตงเป็นคนชรานัก ขอให้อยู่เถิด ข้าพเจ้าจะอาสาไปเอง……”

ฮองตงก็โกรธหาว่าอุยเอี๋ยนดูหมิ่นตนนัก อุยเอี๋ยนจึงว่า

“…….ข้าพเจ้ามิได้ดูหมิ่นท่าน ตัวท่านมีฝีมือก็จริงแต่ว่าแก่แล้ว กำลังก็น้อย อัน เหลงเปาเตงเหียนสองคนนี้ เป็นทหารเอกในเมืองเสฉวน มีฝีมือแล้วก็หนุ่มกว่าท่าน มีกำลังมาก เกลือกว่าท่านเป็นคนแก่จะเสียการไป ข้าพเจ้าจึงจะไปแทนท่านมิให้ลำบาก เมื่อว่าโดยดีฉะนี้ เหตุใดท่านจึงโกรธ…….”

ฮองตงจึงว่า

“…….ท่านสำคัญว่าคนแก่หากำลังมิได้ ตัวท่านหนุ่มจงมาลองฝีมือกับเรา…..”

อุยเอี๋ยนก็โกรธขึ้นมาบ้าง และรับคำท้านั้น ทั้งสองก็ทุ่มเถียงกันอื้ออึง และฮองตงก็เรียกลูกน้องให้เอาง้าวมา จะสู้กับอุยเอี๋ยนให้รู้ดีรู้ชั่วกันข้างหนึ่ง เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ห้ามว่า

“……มาทำการทั้งนี้ก็พึ่งกำลังท่านทั้งสอง แลเมื่อเสือต่อเสือจะมาเกิดจลาจลขึ้นฉะนี้ การของเราจะมิเสียไปหรือ ขอเสียทีเถิด……..”

บังทองก็ว่า

“…….ท่านอย่าวิวาทกันเลย ทั้งสองก็มีฝีมืออยู่ด้วยกัน แม้จะให้ไปแต่ผู้เดียวก็จะมีความน้อยใจ จงไปด้วยกันทั้งสองนาย ตีเอาค่ายให้ได้คนละลูก แม้ผู้ใดตีได้ก่อนจะมีความชอบมาก…….”

แล้วก็แบ่งทหารให้ฮองตงไปตีค่ายเหลงเปา ให้อุยเอี๋ยนคุมทหารไปตีค่ายตงเหียน เมื่อทั้งสองยกทหารไปแล้ว บังทองก็บอกให้เล่าปี่คุมทหารตามไปเป็นกองหนุน จะได้
ดูแลไม่ให้ทั้งคู่วิวาทพยาบาทกัน ส่วนบังทองอยู่เฝ้าค่าย

ขณะเมื่อฮองตงเตรียมการให้ทหารหุงข้าวกินตอนเช้ามืด อุยเอี๋ยนอยากได้ความชอบมาก จึงให้ทหารกินข้าวเสียแต่ยามหนึ่ง แล้วรีบยกไปตอนกลางคืน แย่งไปตีค่าย เหลงเปาก่อน แต่เมื่อเหลงเปายกทหารออกมาต่อสู้ได้สามสิบเพลง อุยเอี๋ยนและทหารเดินทางมาทั้งคืนยันรุ่ง ต่างมีความอิดโรยจึงเสียทีต้องแตกพ่าย ถอยไปประมาณห้าสิบเส้น เหลงเปาก็ขับทหารไล่ตามมา

ฝ่ายตงเหียนรู้ข่าวก็ยกทหารจากค่ายมาคอยดักอยู่ พออุยเอี๋ยนถอยมาถึงก็เข้าตีซ้ำเติม อุยเอี๋ยนเสียทีเกือบจะถูกแทง พอดีฮองตงคุมทหารมาถึง จึงยิงเกาทัณฑ์ปักอกเตงเหียนตกจากม้าตาย เหลงเปาเข้ามาช่วยก็สู้กับฮองตงได้เพียงห้าเพลง ก็ต้องถอยจะไปเข้าค่ายเตงเหียน แต่ถูกเล่าปี่ที่ตามมายึดค่ายไว้ได้แล้ว จึงต้องหนีต่อไปจะกลับเมืองลกเสีย

แต่เหลงเปาไปไม่ได้ไกล ก็เจออุยเอี๋ยนดักอยู่ และถูกอุยเอี๋ยนจับตัวมัดมาให้เล่าปี่ ที่ค่ายของตงเหียน เล่าปี่จึงว่า

“…….ตัวท่านมีโทษใหญ่หลวงนัก แต่ครั้งนี้หากว่าท่านทำการแก้ตัวจับเหลงเปาได้ เราจะยกโทษเสีย แต่วันนี้สืบไปวันหน้าจะทำการสิ่งใด จงอย่าได้แก่งแย่งทำการเอาหน้า ยกว่าตัวดีดุจครั้งนี้…….”

แล้วเล่าปี่ก็ว่าฮองตงได้ช่วยชีวิตไว้ จงคำนับฮองตงตามประเพณี อุยเอี๋ยนก็คำนับฮองตงขอขมาโทษตามคำสั่ง อุยเอี๋ยนจึงรอดอาญาเป็นครั้งที่สอง

อุยเอี๋ยนอยู่กับเล่าปี่มาอีกนาน จนเล่าปี่เป็นใหญ่ในเมืองเสฉวนแล้ว ก็ยกกองทัพไปตีเมืองฮันต๋งของโจโฉ ครั้งหนึ่งอุยเอี๋ยนได้ออกรบคู่กับเตียวหุย ตีค่ายเพ็กเงียมแตก ต่อมาก็ยึดเมืองลำต๋งได้ โจโฉหนีไปอยู่ที่ด่านเองเปงก๋วน แต่ก็ถูกเล่าปี่ตีแตกอีก พอดีโจเจียงบุตรคนที่สองของโตโฉมาช่วยทัน จึงพากันมาตั้งอยู่ที่หุบเขาเลียดก๊ก พอโจโฉถอยออกจากหุบเขาเลียดก๊กจะกลับ ก็เจอกับอุยเอี๋ยนคุมทหารมาดักอยู่ โจโฉก็เกลี้ยกล่อมอุยเอี๋ยนให้เป็นพวกด้วย จะเลี้ยงดูอย่างดี อุยเอี๋ยนก็โกรธจะเข้าจับตัวโจโฉ บังเต๊กทหารเอกของโจโฉก็เข้ามาต่อสู้ขัดขวางไว้ ตัวโจโฉก็ยืนม้าอยู่บนเนินเขา อุยเอี๋ยนแกล้งทำเป็นหนีบังเต๊กไป แล้วก็หวนกลับมาเอาเกาทัณฑ์ยิงโจโฉ ถูกปาก โจโฉ ฟันหน้าหักไปสองซี่ ตัวเองตกลงจากหลังม้า แล้วก็ลุกขึ้นวิ่งหนี อุยเอี๋ยนดีใจทิ้งเกาทัณฑ์เสีย แล้วควงง้าวไล่ตามจะฆ่าเสียให้ได้ พอดีบังเต๊กกลับมาทันจึงเข้ารบกับอุยเอี๋ยน กันเอาโจโฉหนีรอดไปได้ โจโฉได้รับความเจ็บปวดมาก จึงถอยทัพออกจากเขาเลียดก๊ก ทิ้งเมืองฮันต๋งให้เล่าปี่เข้ายึดครองได้

ต่อมาขุนนางและราษฎรยกให้เล่าปี่เป็นฮ่องเต้ ครองเมืองเสฉวน ฝ่ายซุนกวนก็ร่วมมือกับโจโฉตีเมืองเกงจิ๋ว และจับตัวกวนอูไปประหารชีวิต พระเจ้าเล่าปี่จะยกกองทัพไปแก้แค้น เตียวหุยก็ถูกลิ่วล้อฆ่าตาย เมื่อพระเจ้าเล่าปี่รบกับซุนกวน ฮองตงก็ตายในสนามรบ และลกซุนแม่ทัพของซุนกวน ก็ตีกองทัพพระเจ้าเล่าปี่แตกพ่ายยับเยิน จนพระเจ้าเล่าปีสิ้นพระชนม์ด้วยความตรอมใจ

อาเต๊าบุตรคนโตก็ขึ้นครองเมืองเสฉวน เป็นพระเจ้าเล่าเสี้ยนแห่งจ๊กก๊ก ขงเบ้งเป็นมหาอุปราชก็ยกกองทัพไปปราบขบถที่เมืองเองเฉียง แล้วก็เลยยกกองทัพไปตีเมืองมันอ๋องของเบ้งเฮ็ก จูล่งกับอุยเอี๋ยน ก็เป็นกำลังสำคัญในการศึกครั้งนี้ ขงเบ้งรบชนะเบ้งเฮ็กจับตัวได้ถึงเจ็ดครั้ง แล้วก็ปล่อยตัวไป จนเบ้งเฮ็กยอมแพ้ราบคาบ

เสร็จศึกครั้งนี้แล้ว ม้าเฉียวก็ตายไป ขงเบ้งก็ยกกองทัพไปทำศึกกับวุยก๊ก ซึ่งมี พระเจ้าโจผีบุตรคนโตของโจโฉที่ตายไปแล้วเป็นฮ่องเต้ มีสุมาอี้เป็นมหาอุปราช ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้กับพระเจ้าเล่าปี่ ว่าจะกำจัดก๊กทั้งหลายให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว โดยมีเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นเป็นฮ่องเต้ให้จงได้ ในการรบครั้งแรกขงเบ้งก็ได้เกียงอุยทหารเอกเมืองเทียนซุย มาเป็นทหารเอก และพอขงเบ้งจะยกทัพไปตีวุยก๊ก ครั้งที่สองจูล่งก็ป่วยตาย

ขงเบ้งมีอุยเอี๋ยนกับเกียงอุยเป็นทหารเอก ได้ยกทัพไปตีวุยก๊กอีกห้าครั้ง ในครั้งสุดท้ายขงเบ้งป่วยหนัก ขณะที่การรบกำลังติดพันอยู่กับสุมาอี้ และขงเบ้งดูดาวรู้ว่าจะสิ้นอายุ ก็เรียกเกียงอุยเข้ามาบอกว่า ชีวิตของตนเห็นจะตายในวันพรุ่งนี้แล้ว เกียงอุยก็แนะให้ทำพิธีบูชาเทวดาและสะเดาะเคราะห์เสีย ขงเบ้งก็ทำตามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่สามารถจะฝืนชตากรรมได้

ขงเบ้งได้สั่งให้เกียงอุยจัดปะรำพิธี ให้ตนเองเข้าไปนั่งบริกรรมภายในปะรำ และจุดโคมเสี่ยงทายไว้ตรงกลาง ถ้าครบเจ็ดวันแล้วโคมยังสว่างอยู่ ชีวิตของตนก็จะยืนยาวไปได้อีกสองปี แต่พอขงเบ้งทำพิธีได้หกวัน สุมาอี้ก็ส่งทหารเข้ามาหยั่งกำลัง โดยร้องด่าท้าทายเป็นคำหยาบคาย อุยเอี๋ยนทนไม่ได้ก็วิ่งเข้าไปหาขงเบ้ง จะขออาสาออกไปรบกับข้าศึก จึงสะดุดโคมเสี่ยงทายล้มลงไฟก็ดับ เกียงอุยโกรธเป็นกำลังจึงชักกระบี่ออกจะฆ่าอุยเอี๋ยนเสีย ขงเบ้งก็ยุดมือไว้แล้วห้ามว่า อันเหตุดังนี้เพราะกรรมของเราจะถึงที่ตาย แล้วก็ใช้อุยเอี๋ยนให้ออกไปรบตามความสมัครใจ ข้าศึกจะได้ไม่รู้ว่าตนป่วยอยู่ อุยเอี๋ยนจึงรอดตายจากอาญาศึกเป็นครั้งที่สาม

แล้วขงเบ้งก็เรียกขุนนางนายทหารผู้ใหญ่มาสั่งข้อราชการต่าง ๆ รวมทั้งการถอยทัพไม่ให้ข้าศึกตามตี และมอบตำราพิชัยสงครามตลอดจนการดูฤกษ์ยามต่าง ๆ ให้เกียงอุยรับมรดกไป กับสั่งม้าต้ายให้คอยระวังอุยเอี๋ยนจะกำเริบด้วย

ในคืนนั้นอุยเอี๋ยนนอนหลับฝันว่า ศรีษะของตนมีเขาโง้งขึ้นมาทั้งสองข้าง เมื่อตื่นขึ้นจึงแก้ฝันกับลูกน้องคนสนิท ลูกน้องก็สอพลอว่า

“…….ท่านฝันดีนัก อันมีเขานั้นอุปมาเหมือนแปลงตัวได้ ด้วยมังกรนั้นก็มีเขา แล้วมีฤทธิ์กำลังเป็นอันมาก ในนิมิตรท่านนี้จะเหมือนหนึ่งมังกรสำแดงฤทธิ์……”

เมื่อขงเบ้งสิ้นใจแล้ว ขุนนางนายทหารทั้งหลาย ก็ทำตามคำสั่งของขงเบ้งทุกประการ บิฮุยขุนนางผู้ควบคุมขบวนการถอยทัพ ก็สั่งให้อุยเอี๋ยนคุมกองหลัง ให้เอียวหงีถืออาญาสิทธิ์บังคับนายทหารทั้งปวง อุยเอี๋ยนไม่ยอม และแย้งว่า

“…….เอียวหงีเป็นแต่ขุนนางผู้น้อย ซึ่งจะให้ถืออาญาสิทธิ์บังคับนายทหารทั้งปวงนั้นไม่ได้ ชอบแต่ให้คุมศพขงเบ้งกลับไปเมือง ตัวเราจะคุมทหารทำสงครามเอาความชอบไว้จึงจะควร อันขงเบ้งตายแต่ผู้เดียวซึ่งจะเลิกการศึกเสีย กลับไปเมืองนั้นไม่ได้…….”

บิฮุยยืนยันว่านี่เป็นคำสั่งของขงเบ้งให้ไว้ก่อนตาย อุยเอี๋ยนก็เถียงว่า

“..การศึกครั้งนี้หากขงเบ้งไม่ฟังเรา แม้เอาความคิดเราอยู่บ้าง ก็จะทำกลอุบายต่าง ๆ เห็นจะได้เมืองลกเอี๋ยงไว้นานแล้ว แลตัวเราก็เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แล้วก็ได้เป็นแม่กองทัพหน้า บัดนี้หาบุญขงเบ้งไม่แล้ว ซึ่งจะให้เราเป็นลูกกองป้องกันข้างหลังเอียวหงีนั้น เราไม่ยอม….”

เมื่อบิฮุยกลับมาเล่าให้ฟัง เอียวหงีก็หัวเราะแล้วว่า

“…..อันอุยเอี๋ยนนั้น มหาอุปราชได้ทำนายไว้ว่า ถ้าหาบุญไม่เมื่อใด ก็จะคิดกำเริบขึ้นเมื่อนั้น บัดนี้ก็สมเหมือนคำมหาอุปราช แม้อุยเอี๋ยนจะทำประการใด ก็ตามแต่ความคิดของมัน”

แล้วเอียวหงีก็สั่งการให้เอาศพขงเบ้งขึ้นรถ และเอารูปหุ่นขงเบ้งขึ้นเกวียน เหมือนกับบัญชาการให้กองทัพ ถอนตัวออกจากค่าย ตามคำสั่งของขงเบ้งทุกประการ และให้เกียงอุยเป็นกองระวังหลัง

อุยเอี๋ยนรู้ข่าวว่ากองทัพของจ๊กก๊ก เคลื่อนขบวนกลับหมดแล้ว ทิ้งให้ตนอยู่กองเดียว ก็โกรธจึงชวนม้าต้ายเป็นพวกด้วย แล้วพาทหารไปดักสกัดอยู่ที่ตำบลเจียงโต๋ ระหว่างทางจะไปเมืองเสฉวน เอียวหงีก็พาขบวนอ้อมหลีกทางไปเมืองฮันต๋งก่อน อุยเอี๋ยนก็ตามไปที่เมืองฮันต๋ง เกียงอุยกับอเอียวหงีก็คุมทหารออกจากเมืองมา ประจันหน้ากับอุยเอี๋ยน

แล้วเอียวหงีก็บอกกับอุยเอี๋ยนตามที่ขงเบ้งเขียนหนังสือสั่งไว้ว่า

“……..มหาอุปราชแจ้งอยู่ว่ามึงจะเป็นขบถ จึงสั่งไว้ให้กูฆ่าเสีย แม้มึงอาจสามารถแหงนหน้าขึ้นไปบนอากาศ ร้องด้วยเสียงอันดังได้สามคำว่า ผู้ใดซึ่งกล้าหาญจะบังอาจฆ่ามึงได้ กูจะยกเมืองฮันต๋งให้…….”

อุยเอี๋ยนก็ว่ามึงจงฟังเถิด แล้วก็แหงนหน้าขึ้นร้องว่า ผู้ใดอาจสามารถจะฆ่ากูได้ ทันใดนั้นม้าต้ายซึ่งยืนม้าอยู่ข้างหลัง ก็ชักกระบี่ฟันอุยเอี๋ยนศรีษะขาดกระเด็นตกจากม้า ลงไปกองอยู่กับดิน ตามคำสั่งของขงเบ้งที่ให้ไว้ก่อนสิ้นใจ เช่นเดียวกัน

อุยเอี๋ยนทหารเอกของจ๊กก๊ก ซึ่งไต่เต้ามาจากพลทหารเลว แม้จะมีฝีมือเข้มแข้ง กล้าหาญในการศึกสงคราม แต่ใจไม่สัตย์ซื่อต่อนาย ก็ถึงกาลกิริยาลง ด้วยวิธีอันพิสดาร ดังนี้.

#########



Create Date : 06 กรกฎาคม 2559
Last Update : 6 กรกฎาคม 2559 13:15:51 น. 0 comments
Counter : 391 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.