Group Blog
 
All Blogs
 
เสือพบสิงห์

เสี้ยวสามก๊ก

เสือพบสิงห์

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ในสงครามอันยาวนานเกือบร้อยปี ของยุคสามก๊กนั้น มีทหารเอกที่ฝีมือทัดเทียมกันอยู่หลายคู่ ในตอนต้นโจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็รบกันอยู่หลายปี ต่อมาเมื่อพระเจ้าโจผีบุตรของโจโฉ ชิงราชสมบัติจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ มาเป็นฮ่องเต้แห่งวุยก๊กเสียเอง จนถึงรัชสมัยของพระเจ้าโจยอย สุมาอี้ทหารเอกของวุยก๊กก็รบกับขงเบ้ง ทหารเอกของพระเจ้าเล่าเสี้ยนแห่งจ๊กก๊กถึงหกครั้ง จนขงเบ้งป่วยตายในสนามรบ ทางวุยก๊กก็เปลี่ยนฮ่องเต้เป็น พระเจ้าโจฮอง สุมาอี้หาทางกำจัดพวกแซ่โจให้หมดไป แฮหัวป๋าญาติของโจซอง เชื้อสายของโจโฉ จึงหนีมาสามิภักดิ์กับพระเจ้าเล่าเสี้ยน และได้เป็นนายทหารคู่กับ เกียงอุยศิษย์เอกของขงเบ้ง ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของจ๊กก๊ก แทนอาจารย์

แฮหัวป๋าก็บอกว่าในเวลานี้ทางวุยก๊กมีทหารเอกคนสำคัญอยู่สองคน คือ เตงงาย และจงโฮย ทั้งคู่เป็นผู้มีฝีมือและสติปัญญา รู้พิชัยสงครามชำนิชำนาญ แต่เกียงอุยเห็นว่าทั้งสองนี้ยังกระดูกอ่อนนัก คงจะทานฝีมือของตนไม่ได้ จึงขออาสาพระเจ้าเหี้ยนเต้สืบทอดเจตนารมย์ของขงเบ้ง ที่จะกำจัดวุยก๊กให้พระเจ้าเล่าเสี้ยน เชื้อสายราชวงศ์ฮั่น เป็นฮ่องเต้แต่ผู้เดียวในแผ่นดิน แล้วก็ยกกองทัพไปตีเมืองเองจิ๋วเป็นประเดิม สุมาอี้ก็ให้สุมาสูบุตรชายคนโตคุมทหารมาต่อสู้ คราวนั้นเกียงอุยเพลี่ยงพล้ำ ต้องถอยกลับมาตั้งหลักที่เมืองฮันต๋ง

ต่อมาสุมาอี้ถึงแก่ความตาย สุมาสูกับสุมาเจียวน้องชายได้เป็นใหญ่ ว่าการทหารและพลเรือนในวุยก๊ก เกียงอุยก็ยกทัพไปตีวุยก๊กเป็นครั้งที่สอง คราวนี้สุมาเจียวเสียทีถูกตีแตก ต้องหนีขึ้นไปอาศัยอยู่บนเขาเทียดลองสัน กับทหารประมาณหกพัน น้ำในลำห้วยก็ไม่พอกินกำลังจะอดตาย สุมาเจียวก็เสี่ยงสัตย์อธิษฐานต่อเทพยดา ก็มีน้ำไหลมาจึงพากันรอดไปได้ พอดีกับนายทหารรองของเกียงอุยทรยศ ไปเข้าด้วยข้าศึกแล้วยกเข้ามาแย่งชิงค่าย เกียงอุยกับแฮหัวป๋าจึงต้องแตกถอยกลับมาอีก

ต่อมาสุมาสูถอดพระเจ้าโจฮองออกจากราชสมบัติ ยกให้พระเจ้าโจมอขึ้น
เป็นฮ่องเต้แทน เกียงอุยก็นำทัพไปตีวุยก๊กอีกสามครั้ง ก็ไม่สำเร็จต้องถอยกลับมาทั้งสามครั้ง

ครั้งที่หกเกียงอุยยกทัพยี่สิบหมื่นไปทางเขากิสาน สมรภูมิที่ขงเบ้งต้องมาเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.๗๗๗ คราวนี้ได้พบกับเตงงาย แม่ทัพของวุยก๊กคนใหม่ เกียงอุยก็ตีทัพวุยก๊กแตกไป แต่เตงงายส่งคนไปติดสินบนฮุยโฮ ขันทีคนโปรดของพระเจ้าเล่าเสี้ยน ให้มีรับสั่งเรียกเกียงอุยกลับเสฉวน เกียงอุยขัดรับสั่งไม่ได้ต้องยกทัพกลับ ทั้ง ๆ ที่กำลังได้เปรียบ

ถึง พ.ศ.๘๐๓ สุมาเจียวปลงพระชนม์พระเจ้าโจมอ แล้วยกพระเจ้าโจฮวนขึ้นเป็นฮ่องเต้ของวุยก๊ก เกียงอุยก็ยกกองทัพไปที่เขากิสานอีกเป็นครั้งที่เจ็ด เตงงายก็ส่งอองก๋วนคุมทหารห้าพันไปสมัครเข้าด้วยกับเกียงอุย อองก๋วนคำนับเกียงอุยแล้วจึงว่า

“………ข้าพเจ้าเป็นหลานอองเก๋ง สุมาเจียวฆ่าพระเจ้าโจมอเสีย อาข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อ ก็ฆ่าเสียสิ้นทั้งโคตร ข้าพเจ้ามีความแค้นนัก บัดนี้ข้าพเจ้าแจ้งว่า ท่านจะมาทำการลงโทษสุมาเจียว จึงพาสมัครพรรคพวกห้าพันมาเข้าด้วยท่าน จะขออาสาไปทำการแก้แค้นสุมาเจียวให้จงได้……….”

เกียงอุยก็ขอทหารไว้สองพัน ที่เหลือให้อองก๋วนไปช่วยคุมเสบียงมาส่งกองทัพ แฮหัวป๋าก็ทักท้วงว่า อองก๋วนมาสมัครอยู่ด้วยนี้เห็นจะเป็นกลอุบาย เกียงอุยก็ว่า

“…..การอันนี้เราก็แจ้งอยู่แล้ว แม้อองก๋วนเป็นลูกหลานอองเก๋ง สุมาเจียวหรือจะปล่อยให้มาซ่องสุมทหารอยู่นอกเมืองฉะนี้ เราจึงแบ่งทหารไว้ หวังจะซ้อนกลอองก๋วนให้จงได้…”

แล้วเกียงอุยก็ให้ทหารไปคอยดัก ตามทางที่จะไปติดต่อกับเตงงาย ไม่ช้าทหารก็จับคนถือหนังสือของอองก๋วนได้ ในหนังสือนั้นมีไปถึงเตงงาย นัดเตงงายให้มาคอยที่หุบเขาฮุยสาน ในวันแรมห้าค่ำ ตนจะนำเสบียงของเกียงอุยไปให้ เกียงอุยจึงให้เอาตัวผู้ถือหนังสือไปฆ่าเสีย แล้วแต่งหนังสือใหม่ ให้ทหารของตนปลอมตัวไปส่งให้เตงงายที่ค่ายเขากิสาน นัดให้มาวันขึ้นสิบห้าค่ำ

พอถึงวันนัดเตงงายก็ยกทหารไปที่หุบเขา เห็นทหารของอองก๋วนที่เกียงอุยขอไว้ พร้อมด้วยเกวียนเป็นจำนวนมาก เดินทางมาถึง ก็ยกพลเข้าไปรับ แต่นายทหารของเกียงอุยที่คุมขบวนเกวียนก็จุดเชื้อเพลิงที่อยู่ในเกวียนนั้น แล้วให้ทหารเข้าโจมตีฆ่าฟันทหารของเตงายล้มตายลงเป็นอันมาก ตัวเตงงายต้องถอดเกราะปลอมเป็นพลทหารหนีเล็ดลอดไป

แล้วเกียงอุยก็ยกทหารไปล้อมจับอองก๋วน ที่กำลังคุมเกวียนเสบียงเดินทางมาใกล้จะถึง อองก๋วนเห็นจวนตัวหนีไม่พ้น ไปจนมุมอยู่ที่ริมแม่น้ำ จึงโดดน้ำตายไป เกียงอุยก็กลับไปตั้งมั่นอยู่ที่เมืองฮันต๋ง

ครั้งสุดท้ายเกียงอุยยกกองทัพสามสิบหมื่น ไปตีเมืองเตียวเจี๋ยง คราวนี้แฮหัวป๋าถูกข้าศึกล่อลวงให้เข้าเมือง แล้วล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์จนถึงแก่ความตาย พร้อมกับทหารที่หน้าประตูเมืองนั้นเอง ฝ่ายเตงงายตั้งกองทัพอยู่ที่เมืองเฮาโห ก็ยกมาช่วยเมืองเตียวเจี๋ยง แต่ต้านทานกองทัพเกียงอุยไม่ได้ ต้องถอยเข้าไปตั้งรับที่ค่ายเขากิสานอีก เกียงอุยก็ยกทหารล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน ใกล้จะได้ชัยชนะ แต่ทางเมืองเสฉวน พระเจ้าเล่าเสี้ยนไม่รู้เรื่อง เชื่อฟังคำยุยงของฮุยโฮขันทีสอพลอ เรียกให้เกียงอุยยกกลับอีกครั้ง เกียงอุยก็เลยหมดกำลังใจ ขอทหารแปดหมื่นออกไปตั้งอยู่ที่เมืองฮันต๋ง และส่งนายทหารรองไปรักษาตำบลสำคัญทุกตำบล ป้องกันข้าศึกจะยกกองทัพเข้ามาตีเมืองเสฉวน และให้ทหารทำไร่นาสะสมเสบียงไว้ให้เพียงพอแก่การศึกในภายหน้า

คราวนี้สุมาเจียวเห็นได้ที ก็ยกทัพใหญ่ไปตีเมืองเสฉวนบ้าง โดยตั้งให้จงโฮยเป็นแม่ทัพใหญ่ภาคประจิม ให้เตงงายเป็นปลัดทัพ เกณฑ์ทหารจากหัวเมืองรายทางไปตีเมืองฮันต๋ง และให้นายทหารเอกสี่นาย เป็นทัพหน้าคุมทหารสามหมื่นไปตีเกียงอุยเป็นสามทาง เพื่อสกัดไม่ให้เกียงอุยยกทัพกลับไปช่วยเมืองเสฉวนได้

เมื่อเกียงอุยรู้ข่าว ก็รีบส่งหนังสือไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน แนะนำให้ยกกองทัพไปตั้งรับตามตำบลที่สำคัญต่าง ๆ แต่พระเจ้าเล่าเสี้ยนเชื่อฟังฮุยโฮ ซึ่งชวนเสพสุราเคล้านารี ไม่นำพาที่จะออกว่าราชการ ก็เลยไม่สนใจคำแนะนำของเกียงอุย กลับไปหาคนทรงเจ้าเข้าผี ทำนายว่าบ้านเมืองจะอยู่เย็นเป็นสุข ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

ฝ่ายเกียงอุยก็ยกกองทหารออกไปรบกับกองทัพวุยก๊ก แต่ต้านทานไม่ไหว ต้องกลับเข้าไปตั้งมั่นในเมืองฮันต๋ง จงโฮยก็ให้เตงงายยกทหารไปทางด่านอิมเป๋ง เข้าตีเมืองเสฉวน ส่วนตนเองตั้งล้อมเกียงอุยไว้

เตงงายก็ยกกองทัพผ่านหนทางที่ทุรกันดาร ข้ามเขามอเทียนเนียซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและมีหุบห้วยลึก ต้องให้ทหารปีนป่ายไปด้วยเท้าเปล่า เมื่อถึงหน้าผาก็ต้องเอาเชือกผูกกับตัว ห้อยโหนลงไป แล้วเอาอาวุธผูกเชือกหย่อนตาม ต้องเดินทางฝ่าความยากลำบากไปยี่สิบวันจึงเข้ายึดเมืองอิวตั๋งได้ แล้วก็เดินทัพรุกคืบหน้าเข้าตีเมืองเสฉวน

เมื่อเหตุการณ์คับขันถึงที่สุด พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ให้ จูกัดเจี๋ยน บุตรของขงเบ้ง กับ บุตรชายชื่อ จูกัดสง คุมทหารออกไปต้านทานเตงงาย แต่ก็สู้ไม่ไหวถูกทหารของเตงงายล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์ จูกัดเจี๋ยนตกลงจากหลังม้า จึงเอากระบี่เชือดคอตายต่อหน้าข้าศึก จูกัดสงก็คุมทหารฝ่ากองทัพข้าศึกเข้ารบด้วยความโกรธแค้น ลงท้ายก็ตายพร้อมกับทหารทั้งหมด เตงงายก็ยกกองทัพเข้าเมืองเสฉวน โดยไม่มีผู้ใดออกมาต่อสู้ขัดขวางอีกเลย

พระเจ้าเล่าเสี้ยนปรึกษากับขุนนางที่เหลือ ต่างก็เห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ให้ยอมอ่อนน้อมต่อข้าศึก พระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงพาบุตรและขุนนางไปต้อนรับเตงงาย เข้ายึดครองเมืองเสฉวน และส่งหนังสือไปบอกเกียงอุย ให้ยอมอ่อนน้อมต่อข้าศึกเสีย

เกียงอุยนั้นเมื่อรู้ข่าวก็ตกใจนิ่งตลึงตัวแข็ง ทหารทั้งหลายก็ร้องไห้กันอื้ออึง ต่างรำพันว่าเราทั้งหลายอุตส่าห์ออกมาทรมานกาย เพื่อต่อสู้ข้าศึกศัตรู เหตุใดพระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงยกเมืองให้แก่ข้าศึกโดยง่ายดายเช่นนี้ เกียงอุยก็ปลอบทหารว่า

“…….อย่าทุกข์โศกไปเลย เราจะคิดอ่านเอาเมืองเสฉวนคืนให้จงได้ จงอุตส่าห์ช่วยกันทำการอย่าได้ย่อหย่อน ก็เห็นจะสำเร็จด้วยความเพียรของท่านทั้งปวง…….”

แล้วเกียงอุยก็ออกไปหาจงโฮย และยกย่องว่าเป็นผู้มีความคิดสติปัญญา ผู้คนเลื่องลือสรรเสริญเป็นอันมาก ตนจึงยอมออกมาอ่อนน้อมด้วย ถ้าเป็นเตงงายยกมาทางนี้ ตนก็จะไม่ยอม ต้องสู้รบจนกว่าจะสิ้นชีวิตลงด้วยกันเป็นแน่

จงโฮยก็หลงคารมของเกียงอุย ก็ยอมเป็นมิตรร่วมสาบาน แล้วให้เกียงอุยกลับไปคุมทหารของตนที่ค่ายเกียมโก๊ะตามเดิม เกียงอุยจึงกลับมาวางแผน ที่จะกอบกู้เมืองเสฉวนให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรูคู่แค้นต่อไป

บังเอิญสุมาเจียวเกิดไม่ไว้ใจเตงงาย จึงส่งอุยก๋วนขุนนางผู้ใหญ่ ให้ไปปรึกษากับจงโฮยกำจัดเตงงายเสีย จงโฮยก็เรียกเกียงอุยมาปรึกษาด้วย เกียงอุยจึงยุให้จงโฮยกำจัดเตงงายเสีย แล้วยึดเมืองเสฉวนเพื่อตั้งตัวเป็นใหญ่ต่อไป จงโฮยจึงให้อุยก๋วนพาทหารลอบไปจับตัว เตงงายกับเตงเต๋งบุตรชายโดยไม่ทันรู้ตัว สองพ่อลูกถูกจับมัดใส่เกวียนจำขังนำตัวมา จงโฮยเห็น คู่แข่งจนมุมอยู่ในเกวียน ก็เอาด้ามทวนเคาะศรีษะเล่น เกียงอุยได้ทีจึงเยาะเย้ยว่าคราวนี้เห็นจะถึงที่แล้ว เตงงายก็โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากด่าสวนมาด้วยคำหยาบคายเท่านั้น

จงโฮยก็ให้ทหารคุมเกวียนจองจำเตงงายและบุตรชาย ไปส่งให้สุมาเจียวที่เมืองเตียงฮัน แล้วตนก็พาอุยก๋วนกับเกียงอุยเข้าไปในเมืองเสฉวน สั่งให้ริบสมบัติของเตงงายเสีย ส่วนทหารทั้งหลายก็ยอมเข้ามาขึ้นอยู่กับจงโฮยทั้งสิ้น จงโฮยก็คุยกับเกียงอุยว่า

“……..ถ้ามีวาสนา ตัวไม่ตายก็สามารถทำอะไรได้สำเร็จ ตามความ
ปรารถนาทุกประการ……..”

เกียงอุยก็บอกว่า

“……ข้าพเจ้าก็เห็นวาสนาท่านมากอยู่สมควรแล้ว บัดนี้ทหารทั้งปวงก็พรักพร้อม ถึงท่านจะคิดสิ่งใดก็สำเร็จ ขอให้เร่งทำการตามแผนที่ซึ่งข้าพเจ้าให้แก่ท่านนั้นเถิด………”

จงโฮยก็เลยอยากจะเป็นใหญ่ในแคว้นเสฉวน แทนพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสียเอง เกียงอุยก็แนะนำว่า ในขั้นแรกต้องเกลี้ยกล่อมทหารว่า สุมาเจียวเป็นผู้ฆ่าพระเจ้าโจมอ ชิงราชสมบัติให้ผู้อื่น ขอให้ช่วยกันกำจัดเสีย ถึงทหารจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องประกาศไว้ก่อน แล้วเรียกประชุมขุนนางมาแจ้งว่า นางกวยไทเฮามารดาของพระเจ้าโจฮอง ซึ่งได้ยกราชสมบัติให้พระเจ้า โจมอ มีหนังสือมาขอให้ช่วยกำจัดสุมาเจียวเสีย ถ้ามีผู้ใดขัดขวางก็ให้เอาตัวไปขังไว้

จงโฮยก็ดำเนินการตามที่เกียงอุยแนะนำ แล้วก็เอาตัวผู้ที่ไม่เห็นด้วยไปใส่คุกไว้ เกียงอุยก็ว่าผู้ที่รับคำอาจจะแกล้งรับไปแต่ปาก ต้องสอบถามดูใหม่ถ้าใครไม่เต็มใจก็ควรจะขุดหลุมฝังเสียจึงจะชอบ จงโฮยก็ว่าได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว เมื่อผู้ใดมิปลงใจด้วยก็จะเอากระบองทุบต้นคอฝังเสียเลย

ขณะนั้นมีทหารของจงโฮยสองคนคือ คูเกี๋ยน กับ เฮาเหล็ก ไม่เห็นพ้องกับการขบถครั้งนี้ เฮาเหล็กก็ตัดนิ้วมือเอาโลหิตเขียนหนังสือถึงเฮาเกียน บุตรชายที่คุมกำลังทหารอยู่นอกเมือง ให้ชวนนายทหารอื่น ๆ คิดกำจัดจงโฮยเสีย และได้ไปชักชวนให้อุยก๋วนเป็นพรรคพวกด้วย เตรียมการที่จะต่อต้านการยึดอำนาจของจงโฮย และคูเกี๋ยนก็ขอรับอาสาเป็นผู้ดูแลขุนนางนักโทษ ที่คุมขังไว้อีกด้วย

ต่อมาเกียงอุยก็เสนอจงโฮยว่า พวกขุนนางที่เอามาขังไว้นั้น ถึงอย่างไรก็คงไม่ปลงใจเป็นพวกด้วยอย่างแน่นอน จะทิ้งเอาไว้เป็นเสี้ยนหนามทำไม จับมาฆ่าเสียให้สิ้นจะดีกว่า จงโฮย ก็เห็นด้วยจึงให้เกียงอุยคุมทหารไปจัดการตามนั้น เกียงอุยรับคำแล้วก็ออกมาขึ้นม้า พาทหารของตนออกไป ก็เกิดอาการจุกอกขึ้นเป็นกำลัง ทนมิได้ต้องซบอยู่กับหลังม้า ทหารก็ช่วยกันพยุงลงมานวดเฟ้นแก้ไขจนค่อยคลายขึ้น ก็พอดีทหารของเฮาเกียนและอุยก๋วน โห่ร้องอื้ออึงเข้าล้อมโจมตีเมืองทั้งสี่ด้าน

เกียงอุยก็ว่าทหารเหล่านี้คือพวกของขุนนางที่ถูกขังไว้เป็นมั่นคง จำจะต้องฆ่าเสียก่อน ทิ้งเอาไว้ไม่ได้ ว่ายังมิทันขาดคำก็มีทหารของเฮาเกียนวิ่งตรูกันเข้ามาถึงตัว จงโฮยก็หนีขึ้นไปชั้นบนปิดระตูเสีย ทหารของเฮาเกียนกับอุยก๋วนก็ล้อมไว้ แล้วจุดไฟเผารอบ ๆ จงโฮยคิดมานะว่าตนก็เป็นชายชาติทหาร การจวนตัวแล้วจะกลัวความตายอยู่หาควรไม่ ก็ถอดกระบี่ออก ลงมาฆ่าฟันทหารที่ล้อมอยู่ตายไปหลายคน ทหารก็ช่วยกันระดมยิงเกาทัณฑ์ถูกจงโฮยล้มลงตายคาที่ ทหารก็ตัดเอาศรีษะไปให้นาย

ตัวเกียงอุยเองก็ลุกขึ้นชักกระบี่ออก สู้รบกับทหารเป็นสามารถ แต่จุกอกทนไม่ไหวต้องทรุดนั่งลงอีก และรำพึงว่า

“……อุบายของเราคิดไว้ตลอดแล้ว เทพยดามิได้โปรดให้สำเร็จ แกล้งผลาญชีวิตเราในครั้งนี้ เมื่อวาสนาหาไม่จะอยู่ไปใย…….” แล้วก็เอากระบี่ในมือเชือดคอตายเสียในทันใด

และขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่นั้นเอง ทหารที่เป็นพวกของเตงงาย ก็คุมกันตามไปจะชิงตัวเตงงาย ออกจากขบวนเกวียนจำขัง ที่กำลังเดินทางไปเมืองเตียงฮัน แต่อุยก๋วนรู้ว่าถ้าเตงงายรอดได้ ตนก็คงลำบากแน่ จึงใช้ให้คนสนิทคุมทหารห้าร้อยคน ตามไปฆ่าเตงงายกับบุตรชาย และทหารที่จะไปช่วยตายจนหมดสิ้น

ส่วนขุนนางที่ถูกคุมขังนั้น เมื่อออกมาจากคุก ก็เที่ยวค้นหาศพของเกียงอุยจนพบ แล้วก็สับเสียเละเทะ จนเครื่องในออกมากองจึงได้หายแค้น

เมืองเสฉวนของจ๊กก๊ก จึงตกอยู่ในความปกครองของวุยก๊ก ตั้งแต่บัดนั้น แต่ผู้ที่มีส่วนในการสงครามครั้งนี้ ไม่ว่าจะมีฝีมือและสติปัญญาล้ำเลิศแค่ไหน ต่างก็ตายตกไปตามกรรมของตนทุกคน.

############



Create Date : 06 กรกฎาคม 2559
Last Update : 6 กรกฎาคม 2559 8:03:20 น. 1 comments
Counter : 473 Pageviews.

 


โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 6 กรกฎาคม 2559 เวลา:9:13:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.