Group Blog
 
All Blogs
 
ที่ปรึกษาเดนตาย

เสี้ยวสามก๊ก

ที่ปรึกษาเดนตาย
“ เล่าเซี่ยงชุน “

ในการสงครามอันยาวนาน ของสามก๊กนั้น นอกจากแม่ทัพ ขุนศึก ขุนพล ที่มีชื่อเสียงแล้ว บรรดาที่ปรึกษาหรือกุนซือที่เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ในสมรภูมิต่าง ๆ ก็มีผู้กล่าวขวัญถึงอยู่มาก นักเขียนท่านหนึ่งได้ยกย่องกุนซือของทั้งสามก๊กไว้เจ็ดคนคือ ขงเบ้ง แห่ง จ๊กก๊ก สุมาอี้ ซุนฮก ซุนฮิว กุยแก แห่งวุยก๊ก และ โลซก ลกซุน แห่งง่อก๊ก โดยท่านได้เรียบเรียง ออกมาจากประวัติศาสตร์ของจีน

ส่วนในนิยายอิงพงศาวดารจีนของ ล่อกวนตง ฉบับท่าน เจ้าพระยาพระคลัง นั้น ขงเบ้งเก่งกาจราวกับเทพยดา เอาชนะข้าศึกมามาก แต่ไม่สามารถเอาชนะสุมาอี้ได้ จนถึงแก่ความตายกลางสมรภูมิ ส่วนสุมาอี้นั้นสามารถยืนยงอยู่จนโจโฉตายไปแล้ว จึงเป็นใหญ่ในวุยก๊ก และหลานของสุมาอี้ก็ยึดอำนาจจากฮ่องเต้แซ่โจ มาตั้งราชวงศ์ใหม่ได้

ซุนฮกนั้นมีความดีความชอบกับโจโฉมามาก แต่เกิดขัดใจโจโฉตอนที่อยากจะเป็นวุยก๋ง เลยต้องกินยาตายไป ซุนฮิวก็เช่นเดียวกัน มีความชอบอยู่เป็นอันมาก แต่พอโจโฉอยากจะเลื่อนเป็นวุยอ๋อง ซุนฮิวไม่เห็นด้วยโจโฉก็ว่าเห็นจะเหมือนซุนฮกเสียกระมัง ซุนฮิวก็เสียใจลากลับมาอยู่บ้าน แล้วก็ตรอมใจจนป่วยตายไป กุยแกนั้นเข้ามาสมัครอยู่กับโจโฉพร้อมกับซุนฮก ได้วางแผนการรบให้โจโฉประสบชัยชนะมาหลายครั้ง สุดท้ายโจโฉกำลังจัดการปราบปรามแซ่อ้วนทั้งตระกูล กุยแกป่วยหนักแต่ก่อนตายก็ยังวางแผน ให้เอาชนะอ้วนซงกับอ้วนฮี บุตรและหลานของอ้วนเสี้ยวได้โดยไม่ต้องออกแรงเลย

ทางฝ่ายโลซกแห่งกังตั๋ง ดูเหมือนเป็นคนไม่ทันคน ถูกขงเบ้งหลอกเอาหลายครั้งแต่เมื่อจิวยี่แม่ทัพใหญ่ตายไป ก็ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ว่าราชการแทน ลกซุนนั้นเป็นลูกเขยของ ซุนเซ็กพี่ชายของซุนกวน เดิมเป็นพลเรือนต่อมาภายหลังได้เป็นแม่ทัพของซุนกวน รบกับเล่าปี่ได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด จนเล่าปี่ตรอมใจตายไป

แต่คราวนี้จะเล่าถึงกุนซืออีกสองกลุ่ม ที่ไม่มีใครยกย่องสรรเสริญ กลุ่มแรกเป็นที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยวผู้เป็นใหญ่ทางฝ่ายเหนือ ชื่อ เตียนห้อง หรือ เตียนหอง, จอสิว หรือ โจสิว , ฮองกี๋ หรือ อองกี๋ หรือ ห้องกี , เขาฮิว หรือ เคาฮิว

เมื่ออ้วนเสี้ยวรบชนะ กองซุนจ้าน เพื่อนของเล่าปี่แล้ว ก็คิดจะยกไปรบกับโจโฉเพื่อชิงความเป็นใหญ่ เพราะมีทหารมากกว่าถึงสิบเท่า เตียนห้องกับจอสิวคัดค้าน แต่เขาฮิวกับนายทหารอีกสามคนสนับสนุน อ้วนเสี้ยวจึงตกลงยกทัพไปตั้งค่ายที่ตำบลตันลิมหยง ปลายแดนเมืองฮูโต๋ โจโฉก็ยกไปตั้งยันไว้ห่างจากค่ายอ้วนเสี้ยวแปดร้อยเส้น แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้รบกันเลย พอถึงเดือนสิบสองเข้าหน้าหนาว ต่างก็ยกทัพกลับบ้านเมืองไปทั้งสองฝ่าย

ต่อมาโจโฉจะยกไปปราบเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่ก็ให้คนถือหนังสือไปขอความช่วยเหลือจากอ้วนเสี้ยว ทั้ง ๆ ที่เคยรบชนะอ้วนสุดน้องชายอ้วนเสี้ยว จนช้ำใจตายไปแล้ว เตียนห้องเห็นว่าควรจะไปช่วย แต่อ้วนเสี้ยวบอกปัดว่าบุตรชายคนเล็กป่วยอยู่ ไม่สามารถจะไปช่วยได้ ถ้าเล่าปี่ขัดสนอย่างไรก็บอกมาได้

โจโฉจึงเข้าตีเล่าปี่จนแตกพ่ายจากเมืองชีจิ๋ว เล่าปี่ต้องพลัดกับพี่น้องร่วมสาบาน มาอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว อ้วนเสี้ยวก็คิดจะยกทัพไปตีโจโฉที่เมืองฮูโต๋ใหม่ แต่เตียนห้องค้านว่า เมื่อคราวก่อนควรจะไปก็ไม่เชื่อ คราวนี้โจโฉตีเมืองชีจิ๋วได้แล้ว มีกำลังเข้มแข็งคงจะเอาชนะยาก อ้วนเสี้ยวก็โกรธให้เอาตัวเตียนห้องไปขังคุกไว้ก่อน

จอสิวเพื่อนคู่หูของเตียนห้องก็หมดกำลังใจ จึงกลับไปบ้านเอาทรัพย์สินออกมาแจกจ่ายแก่บุตรภรรยาพี่น้องจนหมดสิ้น เพราะว่าไปรบคราวนี้ไม่ได้กลับมาแน่

ในการรบครั้งนี้กวนอูอยู่ข้างฝ่ายโจโฉ ก็ได้ฆ่าทหารเอกของอ้วนเสี้ยว ตายไปสองคน เล่าปี่รู้ว่ากวนอูอยู่กับโจโฉ ก็หาอุบายปลีกตัวหนีจากอ้วนเสี้ยว ไปสมทบกับกวนอูและเตียวหุยที่เมืองเก๋าเซีย อ้วนเสี้ยวก็ถอยกลับเมืองกิจิ๋ว

ต่อมาอ้วนเสี้ยวจะยกทัพไปทำศึกกับโจโฉเป็นครั้งที่สาม เตียนห้องซึ่งยังอยู่ในคุก รู้ข่าวก็เขียนหนังสือฝากคนเอาไปให้อ้วนเสี้ยว ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในเมือง อ้วนเสี้ยวชักลังเล แต่ฮองกี๋ ยุว่าเตียนห้องทำให้เสียฤกษ์ อ้วนเสี้ยวก็จะฆ่าเตียนห้องเสีย แต่มีนายทหารหลายคนห้ามปรามไว้ อ้วนเสี้ยวจึงให้จองจำตียนห้องให้มั่นคงขึ้น ถ้าชนะโจโฉกลับมาจะได้ฆ่าเสีย แล้วก็ยกทัพใหญ่ไปตั้งค่ายที่ตำบลบู๊เอี๋ยง

จอสิวก็เตือนว่าควรจะหน่วงเวลา ทำการรบยืดเยื้อให้โจโฉขาดเสบียงเสียก่อน จึงค่อยเข้าตีแตกหัก อ้วนเสี้ยวก็โกรธ ให้เอาตัวไปคังคุกไว้ในค่าย เสร็จศึกแล้วจึงค่อยคิดบัญชีกัน

ระหว่างทำการรบเขาฮิวที่ปรึกษาอีกคนหนึ่ง แนะนำเรื่องใดอ้วนเสี้ยวก็ไม่ยอมฟัง หาว่าเคยเป็นเพื่อนกับโจโฉมาก่อน ก็น้อยใจจะฆ่าตัวตาย แต่นายทหารคนสนิทห้ามไว้ ก็เลยหนีไปเข้ากับโจโฉเสียจริง ๆ แล้วแนะนำวิธีที่จะเอาชนะอ้วนเสี้ยวให้โจโฉ

เมื่ออ้วนเสี้ยวกำลังจะเสียที จอสิวซึ่งถูกขังอยู่ในค่ายก็อุตส่าห์ขอให้ผู้คุม คลายเครื่องจองจำ แล้วออกมาเตือนอ้วนเสี้ยวให้ระวังตัว อ้วนเสี้ยวก็โกรธตามเคย ให้เอาตัวผู้คุมไปประหารเสีย แล้วเอาจอสิวไปจองจำไว้อย่างเดิม

การศึกครั้งนี้ อ้วนเสี้ยวก็พ่ายแพ้แก่โจโฉอย่างยับเยิน ยกทหารไปเจ็ดสิบหมื่นเหลือกลับมาเพียงแปดร้อยคนเท่านั้นเอง เมื่อโจโฉยึดค่ายของอ้วนเสี้ยวได้ ก็ถอดจอสิวออกจากที่คุมขัง จะเกลี้ยกล่อมให้อยู่ด้วยกัน แต่จอสิวแอบขโมยม้าขี่จะหนีกลับเมือง ทหารจับได้โจโฉจึงต้องประหารเสีย

เมื่ออ้วนเสี้ยวเดินทางกลับเมืองกิจิ๋ว ฮองกี๋ก็ออกไปรับหน้า บอกว่าเตียนห้องดีใจที่อ้วนเสี้ยวแพ้ตามคำของตน อ้วนเสี้ยวก็เชื่อและละอายใจ จึงให้ทหารรีบเข้าเมืองไปฆ่าเตียนห้องเสียก่อน เมื่อเตียนห้องรู้เรื่องก็มิได้อาลัยแก่ชีวิต เอากระบี่จากมือทหารมาเชือดคอตายเสียใน บัดนั้นเอง

ต่อมาอ้วนเสี้ยวได้ข่าวว่าโจโฉยกทัพมาตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮองโห จะยกมาตีเมืองกิจิ๋ว
อ้วนซงบุตรคนรองเห็นบิดาป่วยอยู่ ก็อาสาออกไปรบกับโจโฉ แต่ต้องแตกกลับมา อ้วนเสี้ยวซึ่งป่วยอยู่แล้วก็มีอาการหนักขึ้น ถึงกับอาเจียนเป็นโลหิต แล้วก็ถึงแก่ความตายไป อ้วนเสี้ยวนั้นมีบุตรชายสามคน อ้วนถำคนโตไปรักษาเมืองเซียงจิ๋ว อ้วนฮีคนรองก็ไปรักษาเมืองอิจิ๋ว ฮองกี๋ที่ปรึกษากับสิมโพยขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร ก็ยกอ้วนซงขึ้นเป็นเจ้าเมืองกิจิ๋ว

เมื่ออ้วนถำรู้ข่าวว่าบิดาตายแล้ว ก็ยกกองทัพมาตั้งอยู่ใกล้เมืองกิจิ๋ว อ้วนซงก็ชักชวนพี่ชายให้ร่วมมือกันรบกับโจโฉ อ้วนถำก็ว่าไม่มีที่ปรึกษา อ้วนซงจึงให้ฮองกี๋ไปช่วย อ้วนถำรู้ว่าฮองกี๋เป็นผู้สนับสนุนให้อ้วนซงครองเมืองกิจิ๋ว จึงหาเรื่องให้มีความผิด แล้วก็ประหารชีวิตเสีย จากนั้นก็คิดการที่จะเอาตัวอ้วนซงกับสิมโพย มาฆ่าเสียให้หายแค้น

อ้วนถำมีที่ปรึกษาเดิมจากเมืองเซียงจิ๋วอยู่คนหนึ่ง ชื่ออองสิ้ว เมื่อรู้ว่าอ้วนถำเป็นศัตรูกับอ้วนซง ก็มาหาแล้วทักท้วงว่า

“…..อันธรรมดาพี่น้องกันนั้น อุปมาเหมือนหนึ่งแขนซ้ายแขนขวา เหตุใดท่านจะมาคิดใจเบา ตัดแขนซ้ายขวาเสียนั้นไม่ควร เมื่อท่านทำร้ายแลตัดพี่น้องเสียได้นั้น ข้าพเจ้าเห็นจะไม่มีความสบาย แลท่านจะเอาผู้อื่นมาเป็นพี่น้อง เขายังจะมีใจเจ็บร้อนด้วยท่านหรือ…….”

อ้วนถำได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ไล่อองสิ้วไปเสีย แต่เมื่อโจโฉเอาชนะอ้วนถำได้ และตัดศรีษะเสียบไว้ที่ประตูเมืองทางทิศเหนือ อองสิ้วก็มานั่งร้องไห้อาลัยรักอยู่ตรงที่เสียบศรีษะอ้วนถำ ทหารจึงจับตัวเอาไปให้โจโฉ เมื่อซักถามว่าเหตุใดจึงมาร้องไห้ทั้งที่มีคำสั่งห้ามแล้ว ว่ามีโทษถึงตายไม่รู้หรือ อองสิ้วก็บอกตามตรงว่า

“……..แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้ามีความสุขมาก ก็เพราะอ้วนถำเลี้ยงดู บัดนี้อ้วนถำถึงแก่ความตาย ครั้นนิ่งเสียก็เหมือนคนหากตัญญูต่อนายไม่ ซึ่งจะเป็นคนอยู่ไปนั้น ผู้ใดจะสรรเสริญนับถือว่าเป็นคน จึงได้มาร้องไห้รักเพราะคิดถึงคุณอ้วนถำ ถึงมาตรว่าท่านจะฆ่าข้าพเจ้าเสียด้วยโทษละเมิดนี้ก็ตาม แต่ขอให้ข้าพเจ้าได้แต่งการศพอ้วนถำเถิด ก็จะก้มหน้าตายตามนายไป…..”

โจโฉกลับเห็นใจและงดการประหาร กับยอมให้ทำศพนายตามคำขอ อีกทั้งยังแต่งตั้งให้เป็นนายคลัง แต่เมื่อโจโฉปรึกษาหาทางจับตัวอ้วนซง ซึ่งหนีไปอยู่กับอ้วนฮีหลานอ้วนเสี้ยวที่เมืองอิวจิ๋ว อองสิ้วกลับตอบว่า

“……มหาอุปราชก็มีคุณแก่ข้าพเจ้า ถ้าเป็นการอื่นมีมาข้าพเจ้าจะคิดอ่านสนองคุณท่าน ตามสติปัญญา ซึ่งจะให้ข้าพเจ้าคิดจับตัวอ้วนซง ซึ่งเป็นพี่น้องของนายนั้นจนอยู่ ตามแต่ท่านจะโปรด……..”

นับว่าที่ปรึกษาเดนตายผู้นี้โชคดีมาก ที่โจโฉมีอารมณ์ดีถึงกับสรรเสริญว่า อองสิ้วมีน้ำใจสัตย์ซื่อต่อผู้มีคุณ และไม่เอาโทษแต่อย่างใด

ส่วนเขาฮิวได้อยู่กับโจโฉ จนเมืองกิจิ๋วแตก แต่ปากเสียพูดจาอวดตัวว่า เมืองกิจิ๋วแตกเพราะความคิดของตน เคาทูทหารเสือของโจโฉหมั่นใส้ เลยฆ่าเสีย และโจโฉก็ไม่เอาโทษ เพียงแต่ว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น

อีกกลุ่มหนึ่งเป็นกุนซือของ เล่าเจี้ยง เจ้าเมืองเสฉวนซึ่งเป็นญาติผู้น้องของเล่าปี่ เมื่อได้ข่าวว่า เตียวฬ่อ เจ้าเมืองฮันต๋งจะยกทัพมาตีเมืองเสฉวน เตียวสง ที่ปรึกษาของเล่าเจี้ยงก็อาสาไปเจรจากับโจโฉให้ยกทัพมาตีเมืองฮันต๋งเสียก่อน แต่ไปหาโจโฉที่เมืองฮูโต๋แล้ว โจโฉเห็นหน้าตาอัปลักษณ์ แถมปากเสียอีกต่างหากก็ไม่เชื่อถือ และขับไล่ออกจากเมืองฮูโต๋ เตียวสงจึงไปหาเล่าปี่ที่เมืองเกงจิ๋ว ได้รับการต้อนรับอย่างดี ก็เลยกลับมาบอกเล่าเจี้ยงให้เชิญเล่าปี่มาช่วยรักษาเมืองเสฉวนแทน

เล่าเจี้ยงก็เห็นด้วยจึงให้นายทหารสองนาย ไปเชิญเล่าปี่จากเมืองเกงจิ๋วมาที่เมืองเสฉวน แต่ อุยก๋วน ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งค้านว่า เล่าปี่นั้นเป็นญาติแซ่เดียวกับเล่าเจี้ยงก็จริง แต่เป็นคนเจ้าปัญญา เหมือนหนึ่งเสือเฒ่าจำศีล อองลุย ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งก็สนับสนุนอุยก๋วนว่า

“…….เตียวฬ่อนี้ถึงจะเป็นศัตรูท่าน ก็เหมือนกับหูดสิวอันเป็นที่กายภายนอก แต่จะเอาเล็บสะกิดเสียก็จะหายไป อันเล่าปี่จะเข้ามาตั้งอยู่ในเมืองนั้น เหมือนวัณโรคอันเป็นยอดขึ้นที่อก ยากที่จะรักษาได้ ด้วยเล่าปี่นั้นเป็นคนอกตัญญู มิได้รู้จักคุณคน โจโฉเอาไปเลี้ยงไว้ ยังกลับคิดร้ายแก่ผู้มีคุณ แล้วไปอาศัยซุนกวนเล่าก็ชิงเอาเมืองเกงจิ๋ว มิได้ซื่อตรงต่อผู้ใด……….”

เล่าเจี้ยงก็ไม่ฟัง อ้างความเป็นญาติว่าเล่าปี่คงไม่คิดร้ายต่อตน แต่เมื่อเล่าปี่ได้รับเชิญแล้วก็รำพึงว่า

“……..ตัวข้าพเจ้าทุกวันนี้ก็อาภัพ แผ่นดินทั้งแผ่นดินแต่จะหาที่อาศัยก็ไม่มี ต้องยืมเมืองเขาอยู่ คิดมาก็น่าเวทนา แต่นกยังมีกิ่งไม้จับ เกิดมาเป็นคนไม่มีที่อยู่ก็น่าสมเพท……..”

บังทองที่ปรึกษาของเล่าปี่ ก็เกลี้ยกล่อมให้เล่าปี่ไปอยู่เมืองเสฉวนตามคำเชิญ แล้วจะได้ยึดเอาเมืองไว้เป็นที่อาศัยต่อไป เล่าปี่ก็ว่าตนจะทำการสิ่งใดก็ตั้งใจแต่จะให้เป็นประโยชน์ ปรารถนาจะรักษาอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งจะให้ละความสัตย์เสียนั้น ตนทำไม่ได้ แต่บังทองก็ย้ำว่า

“………ถ้าท่านมิคิดเอาเมืองเสฉวนบัดนี้ นานไปเบื้องหน้าก็จะเป็นของผู้อื่น จะกลับคิดทำการเมื่อภายหลังเห็นจะไม่สำเร็จ……..”

เล่าปี่จึงต้องยอมตามคำของบังทอง โดยให้ขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย และจูล่งอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋ว ตนเองกับบังทองและฮองตงทหารเอก ยกทหารห้าหมื่นไปเมืองเสฉวน เล่าเจี้ยงก็แจ้งให้หัวเมืองรายทาง ต้อนรับกองทัพของเล่าปี่อย่าให้อดอยากขัดสน แล้วตนเองก็จัดขบวนจะออกไปรับเล่าปี่ที่ตำบลโปยเสีย

อุยก๋วนก็เข้ามาห้ามปรามอีก เมื่อเล่าเจี้ยงไม่เชื่อฟัง ก็น้อยใจเอาหน้ากระแทกกับศิลาจนโลหิตไหล แล้วกัดชายเสื้อเล่าเจี้ยงไว้ เล่าเจี้ยงก็โกรธกระชากชายเสื้อสะบัด จนฟันอุยก๋วนหลุดออกมาสองซี่ แล้วก็ไล่กลับบ้านไป ลิอิ๋นก็เข้ามาขัดขวางอีกคนหนึ่ง เตียวสงก็ว่าขุนนางที่ปรึกษาพวกนี้ มิได้มีใจซื่อตรง ชะรอยจะคิดร้ายต่อเล่าเจี้ยง จึงเกรงว่าเล่าปี่จะมาขัดขวาง

พอเล่าเจี้ยงจะออกจากประตูเมือง ก็เจออองลุยเอาเชือกผูกตัวหัวห้อยอยู่ที่ประตู มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือหนึ่งถือหนังสือคัดค้าน และขอให้จับเตียวสงตัดศรีษะเสีย เมื่อเล่าเจี้ยงรับมาอ่านดูแล้วก็ไม่เชื่อตามเคย อองลุยจึงเอากระบี่ตัดเชือกให้ขาด ศรีษะปักลงมาคอหักตายต่อหน้าต่อตาเดี๋ยวนั้นเอง

แล้วเล่าเจี้ยงก็ออกไปรับเล่าปี่เข้ามาตามความตั้งใจ ตอนแรกก็ช่วยเหลือกันดี ต่อมาก็ผิดใจกันจนได้ เล่าปี่ก็ยึดครองเมืองเสฉวนไว้ ตามคำทำนายของที่ปรึกษาในที่สุด เล่าเจี้ยงยอมอ่อนน้อมต่อเล่าปี่แต่โดยดี เล่าปี่จึงแต่งตั้งให้เล่าเจี้ยงไปเป็นเจ้าเมืองกองอั๋น

ส่วนอุยก๋วนนั้นไม่ยอมมาคำนับเล่าปี่ แต่เล่าปี่ไม่ถือโทษ ประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า อย่าทำอันตรายแก่อุยก๋วน แม้แต่ด้ายเส้นหนึ่งเข็มเล่มหนึ่ง เป็นอันขาดทีเดียว อุยก๋วนเลยยอมทำราชการด้วย นับว่าเป็นที่ปรึกษาอีกคนหนึ่ง ที่รอดตายจากน้ำมือของข้าศึก ด้วยความซื่อสัตย์ของตนเอง

แล้วเล่าปี่ก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ในแคว้นตะวันตก ตั้งแต่ พ.ศ.๗๖๒ เรียกว่าจ๊กก๊ก ทำสงครามแย่งชิงอำนาจกับ วุยก๊กของโจโฉ และง่อก๊กของซุนกวน ต่อไปอีกเกือบสี่สิบปี จึงได้ล่มสลายลงในที่สุด

###########

นิตยสาร ต่วยตูน
สิงหาคม ๒๕๔๕ ปักษ์แรก



Create Date : 05 กรกฎาคม 2559
Last Update : 5 กรกฎาคม 2559 12:57:35 น. 0 comments
Counter : 472 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.