Group Blog
 
All Blogs
 
พี่น้องตระกูลซุน

เสี้ยวสามก๊ก

พี่น้องตระกูลซุน
“ เล่าเซี่ยงชุน “

พงศาวดารเรื่องสามก๊กนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ.๗๑๑ และสิ้นสุดลงใน พ.ศ.๘๒๓ช่วงเวลาร้อยกว่าปีนี้มีบุคคลที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ แล้วรบทัพจับศึกต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอยู่มากมาย ที่เด่นดังก็คือ คนแซ่อ้วน แซ่โจ แซ่เล่า แซ่ซุน และแซ่สุมา

อ้วนเสี้ยวเป็นใหญ่อยู่ทางภาคเหนือ ถูกโจโฉปราบปรามลงได้ แล้วโจโฉก็หันมาขับเคี่ยวกับเล่าปี่ทางตะวันตก และซุนกวนทางฝ่ายใต้ เป็นสามก๊ก วุยก๊กของแซ่โจเอาชนะจ๊กก๊กของแซ่เล่าได้สำเร็จ แต่ลูกหลานของแซ่โจก็ ถูกสุมาเอี๋ยนยึดอำนาจไปอีกทอดหนึ่ง แล้วต่อมาก็หันไปปราบปราม ง่อก๊กของแซ่ซุนจนราบคาบลง

ซุนเกี๋ยน ต้นตระกูลซุนชาวเมืองตองง่อ เป็นนักรบตั้งแต่ยังหนุ่มมีฝีมือดี ได้เป็นนายทหารช่วยเจ้าเมืองปราบขบถ มีความชอบเป็นอันมาก ต่อมาก็ได้นำไพร่พลไปร่วมกับทหารหลวง ปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง สามารถปลดปล่อยหัวเมืองที่พวกโจรยึดครองได้ถึงสิบห้าหัวเมือง จึงได้เป็นเจ้าเมืองเตียงสา

เมื่อครั้งที่ ตั๋งโต๊ะ มหาอุปราชคนแรกของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทำการหยาบช้าต่าง ๆ ซุนเกี๋ยนก็ยกทหารเข้าร่วมกับกองทัพของอ้วนเสี้ยวและโจโฉ พร้อมกับเมืองอื่นอีกสิบเจ็ดหัวเมือง เข้าตีเมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นเมืองหลวง จนตั๋งโต๊ะต้องถอยไปอยู่เมืองเตียงฮัน และเผาเมืองลกเอี๋ยงให้เป็นเมืองร้าง ซุนเกี๋ยนเป็นทัพหน้าเข้าไปในเมืองลกเอี๋ยง ได้พบตราหยกของฮ่องเต้ติดอยู่กับศพในบ่อน้ำ ก็ยึดเอาไว้เป็นสมบัติและเกิดความโลภอยากเป็นใหญ่ จึงแยกตัวออกจากกองทัพของอ้วนเสี้ยว แต่ถูก เล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋วคอยดักแย่งชิง แม้ซุนเกี๋ยนจะยอมสาบานว่าไม่ได้เอาตราหยกไว้ เล่าเปียวก็ไม่เชื่อถึงขั้นต่อสู้กัน คราวนั้นซุนเกี๋ยนเป็นฝ่ายแพ้ต้องถอยหนีไปตั้งหลักที่เมืองกังตั๋ง พอได้โอกาสก็ยกทัพมาแก้แค้นเล่าเปียวอีก คราวนี้กลับเสียท่าถูกล้อมฆ่าตายอยู่ในซอกเขา เมื่ออายุเพียงสามสิบปีเท่านั้น

ซุนเกี๋ยนมีภรรยาสองคน นางงอฮูหยินภรรยาใหญ่มีบุตรสี่คนเป็นชายทั้งสิ้น คือซุนเซ็ก ซุนกวน ซุนเซียง ซุนของ นางงอก๊กไถ่ภรรยาคนรองซึ่งเป็นน้องสาวของภรรยาใหญ่ มีบุตรสองคน ชายชื่อ ซุนลอง หญิงชื่อ ซุนหยิน

ซุนเซ็กบุตรชายคนโตได้เอาตราหยกไปฝากอ้วนสุด น้องชายของอ้วนเสี้ยว และขอยืมทหารไปแก้แค้นแทนบิดา แล้วก็เลยไปตีหัวเมืองต่าง ๆ ขยายเขตแดนออกไปอีกหลายหัวเมือง เมื่อมีกำลังเข้มแข็งก็อยากจะเป็นใหญ่ขึ้นไปอีก เจ้าเมืองง่อกุ๋นจึงมีหนังสือไปบอกโจโฉซึ่งขณะนั้นเป็นมหาอุปราชของฮ่องเต้แล้ว ให้ระวังซุนเซ็กซึ่งมีกำลังกล้าแข็งขึ้นทุกที ถ้าละไว้ช้าเห็นว่าจะเป็นขบถต่อแผ่นดินเป็นแน่ ซุนเซ็กจับตัวผู้ถือหนังสือได้ก็โกรธ จึงหลอกเชิญเจ้าเมืองง่อกุ๋นมาฆ่าเสีย แต่ตนเองกลับถูกทหารเลวที่ติดตามเจ้าเมือง ดักซุ่มยิงด้วยเกาทัณฑ์อาการสาหัส

เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องตายแน่ ซุนเซ็กก็เรียกซุนกวนและที่ปรึกษาเข้ามาหา
แล้วว่า

“………อันตัวของเรานี้เห็นจะไม่รอดจากความตาย แผ่นดินก็เป็นจลาจลต่าง ๆ อันเมืองกังตั๋งนี้เป็นเมืองใหญ่อยู่ เตียวเจียวจงช่วยคิดอ่านบำรุงซุนกวน ให้รักษาเมืองโดยขนบประเพณีสืบไป……..”

แล้วก็บอกนางงอฮูหยินผู้มารดาว่า

“………ตัวข้าพเจ้าจะถึงแก่ความตาย อันตราสำหรับที่นั้น ข้าพเจ้าได้มอบให้กับซุนกวนแล้ว มารดาจงช่วยสั่งสอน อย่าให้ทำหยาบช้าแก่ทหารของบิดา………”

แล้วก็สั่งนางเกียวฮูหยินภรรยาว่า

“……….ตัวพี่หาบุญไม่แล้วจะตายจากเจ้าไป เจ้าจะอยู่ภายหลังจงช่วยปฏิบัติรักษามารดาของพี่ด้วย เจ้าจงว่าแก่น้องสาวเจ้าซึ่งเป็นภรรยาจิวยี่ ให้ว่ากล่าวเอาใจจิวยี่ไว้ให้ช่วย ทำนุบำรุงซุนกวน อนึ่งให้จิวยี่มีใจคิดถึงไมตรีของเรา………..”

เมื่อซุนเซ็กตายนั้น อายุเพียงยี่สิบหกปี ซุนกวนน้องชายคนรองซึ่งมีอายุประมาณสิบแปดปี จึงได้ครองเมืองกังตั๋งแทน แต่ได้รวบรวมขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ที่มีสติปัญญาและฝีมือเข้มแข็งไว้มาก จึงสามารถขยายอำนาจออกไปเป็นหนึ่งในสามก๊ก ครอบครองอาณาจักร ง่อก๊กทางทิศใต้ไม่ขึ้นแก่ใคร

ซุนกวนทำสงครามกับจ๊กก๊กของเล่าปี่ ด้วยความสามารถของ จิวยี่ฝ่ายบู๊ และเตียวเจียวฝ่ายบุ๋น กับทหารเอกทั้งหลายที่อยู่มาตั้งแต่สมัยบิดา จนได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด และเล่าปี่ต้องตรอมใจตาย แต่นางซุนหยินน้องสาวต่างมารดา ซึ่งเป็นภรรยาเล่าปี่ก็ฆ่าตัวตายตามไปด้วย และได้ทำศึกกับวุยก๊กของโจโฉต่อมาจนถึงโจผี โจยอย ตลอดเวลาร่วมสามสิบปี จึงได้ทำพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นฮ่องเต้ และผูกสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าเล่าเสี้ยน บุตรของพระเจ้าเล่าปี่ เป็นการถาวร

พระเจ้าซุนกวนครองราชสมบัติอยู่ ยี่สิบสามปี จึงสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ.๗๙๕ อายุได้เจ็ดสิบเอ็ดปี มีมเหสีสามคนบุตรชายของมเหสีใหญ่และมเหสีรอง ถึงแก่ความตายไปก่อน พระเจ้าซุนเหลียงอายุประมาณสิบเอ็ดปี บุตรของนางพัวฮูหยินมเหสีคนที่สาม ก็ขึ้นครองราชสมบัติสืบราชวงศ์ต่อไป โดยมี จูกัดเก๊ก เป็นมหาอุปราชว่าราชการใหญ่น้อยทั้งปวง

ต่อมากองทัพวุยก๊กของพระเจ้าโจฮองยกมาตีเมืองกังตั๋ง จูกัดเก๊กยกกองทัพออกไปต่อสู้ ครั้งแรกได้ชัยชนะจึงรุกไล่ข้าศึกไปจนถึงด่านซินเสีย แล้วกลับถูกอุบายของนายด่านข้าศึก ต้องเสียทีพ่ายแพ้ ตนเองถูกเกาทัณฑ์บาดเจ็บต้องถอยทัพกลับ เมื่อมาถึงเมืองกังตั๋งมีความละอาย ที่พ่ายแพ้กลับมา จึงพาลโกรธขุนนางทั้งหลายรวมทั้งพระเจ้าซุนเหลียงด้วย หาเรื่องถอด ซุนจุ๋น นายทหารรักษาพระองค์ออกจากตำแหน่ง ซุนจุ๋นนั้นเป็นบุตรของซุนหยง เป็นหลานซุนเจ้งซึ่งเป็นน้องของ ซุนเกี๋ยนต้นตระกูลซุน จึงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฮ่องเต้ มีความโกรธแค้นเป็นอันมาก จึงร่วมมือกับขุนนางที่เกลียดชังจูกัดเก๊ก ทำอุบายหลอกเอาจูกัดเก๊กซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้านมาฆ่าเสีย แล้วพระเจ้าซุนเหลียงก็ตั้งซุนจุ๋น ให้เป็นมหาอุปราชแทน

ต่อมาเมื่อฮ่องเต้มีพระชนม์สิบเจ็ดปี ซุนจุ๋นถึงแก่ความตาย ซุนหลิมน้องชายได้เป็นมหาอุปราชต่อจาก พี่ชาย ก็ถืออำนาจหาเรื่องฆ่าขุนนางผู้ใหญ่เสียหลายคน เพื่อตนจะได้เป็นใหญ่แต่ผู้เดียว และทำการหยาบช้าต่อพระเจ้าซุนเหลียง ฮ่องเต้จึงปรึกษากับ จวนกี๋ซึ่งเป็นน้าชาย เพื่อหาทางกำจัดซุนหลิม แต่จวนกี๋กลับไปบอกบิดา เมื่อบิดาจวนกี๋เล่าเรื่องนี้ให้ภรรยา ซึ่งเป็น พี่สาวของซุนหลิมฟัง นางจึงให้คนสนิทไปบอกซุนหลิมให้รู้ตัว ซุนหลิมจึงบุกเข้าไปในพระราชวัง ถอดพระเจ้าซุนเหลียงออกจากบัลลังก์ฮ่องเต้ และขับไล่ให้ไปอยู่ที่เมืองห้อยเข

ซุนหลิมก็แต่งหนังสือไปเชิญ ซุนฮิวบุตรคนที่หกของพระเจ้าซุนกวน ซึ่งอยู่ที่เมืองฮ่อหลิมให้มาครองราชสมบัติ ซุนฮิวก็ขึ้นเกวียนเดินทางมาถึงกลางทาง ซุนหลิมก็จัดรถและเครื่องแห่สำหรับกษัตริย์ พาขุนนางน้อยใหญ่ไปรับเสด็จ ซุนฮิวก็เจียมตัวไม่กล้าขึ้นรถ คงนั่งเกวียนของตนตามขบวนแห่จนถึงเมืองกังตั๋ง ซุนหลิมก็อัญเชิญขึ้นนั่งบนบัลลังก์ ถวายตราและเครื่องทรงสำหรับกษัตริย์ เป็นฮ่องเต้ของแคว้นกังตั๋ง ฮ่องเต้ก็ทรงตั้งให้ซุนหลิมเป็นมหาอุปราช และตั้งน้องชายสี่คนกับหลานชายอีกหนึ่งคนของซุนหลิม เป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมือง แต่ก็ไม่ไว้พระทัย ซุนหลิมเท่าใดนัก คอยระวังพระองค์อยู่เสมอ

พอถึงปลายปี เป็นวันประสูติของพระเจ้าซุนฮิว ซุนหลิมแต่งข้าวของเข้าไปถวายตามธรรมเนียมเป็นอันมาก แต่ฮ่องเต้คิดรังเกียจอยู่จึงส่งคืนออกมา ซุนหลิมก็โกรธจัดเตรียมทหารและเครื่องศาสตราวุธไว้ล้มล้างราชบัลลังก์ แต่มีขุนนางทราบเรื่องนำไปกราบทูลฮ่องเต้เสียก่อน พระเจ้าซุนฮิวจึงเรียกเตงฮองแม่ทัพเก่าแก่ของพระเจ้าซุนกวน มาช่วยวางอุบายล่อลวงเอาซุนหลิมมาฆ่าเสีย แล้วจับเอาพี่น้องสมัครพรรคพวกของซุนหลิมร่วมร้อยเศษ มาประหารเสียทั้งโคตร จนหมดสิ้นเสี้ยนหนามไป

ต่อมาวุยก๊กยกทัพใหญ่มายึดครองจ๊กก๊กได้ พระเจ้าเล่าเสี้ยนพันธมิตรของกังตั๋ง ยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าโจฮวน ครั้นถึง พ.ศ.๘๐๓ พระเจ้าซุนฮิวได้กิตติศัพท์ว่า สุมาเอี๋ยนบุตรของสุมาเจียวชิงเอาราชสมบัติของพระเจ้าโจฮวน ตั้งตัวเป็นใหญ่ต้นราชวงศ์จิ้น เปลี่ยนชื่อวุยก๊กเป็นไต้จิ๋น แล้วให้ส้องสุมทแกล้วทหารมากมายจะยกมาตีเมืองกังตั๋ง ก็มีพระทัยทุกข์ตรอมจนประชวรหนัก และสิ้นพระชนม์ลง

ขณะนั้น ซุนเปียน พระราชบุตรยังเยาว์มีสติปัญญาน้อย ขุนนางเห็นว่าจะว่าราชการไปมิตลอด จึงยกเอา ซุนโฮ บุตรของพระเจ้าซุนเหลียง ซึ่งถูกเนรเทศไปแล้วนั้น ขึ้นครองราชย์แทน แล้วให้ซุนเปียนเป็นที่เจียงอ๋อง

พระเจ้าซุนโฮนั้นมิได้นึกฝันว่าจะได้เป็นฮ่องเต้มาก่อน เมื่อบุญหล่นทับจึงมีพระทัยกำเริบ มิได้เอาใจใส่กิจการบ้านเมืองทั้งปวง เสพแต่สุราเป็นนิจ เชื่อฟังถ้อยคำ ยิมหุน ผู้เป็นขันทีคนสนิทเท่านั้น ขุนนางผู้ใหญ่เห็นผิดเข้าไปทูลทัดทานห้ามปรามเป็นหลายครั้ง ฮ่องเต้ก็ให้เอาตัวไปฆ่าเสียบ้าง ตัดหูตัดจมูกเสียบ้าง จนขุนนางทั้งปวงเกรงกลัวมิอาจจะทูลเตือนพระสติต่อไปได้

อยู่มาอีกสิบห้าปี พระเจ้าซุนโฮคิดจะยกทัพไปตีเมืองไต้จิ๋นของพระเจ้าสุมาเอี๋ยน ขุนนางผู้ใหญ่ก็คัดค้านว่าขอให้จัดแจงป้องกันรักษาเมืองให้มั่นไว้ อย่าได้ยกไปก่อนเลย ฮ่องเต้ก็ไม่เชื่อฟังสั่งให้ ลกข้อง เจ้าเมืองเกงจิ๋วคิดอ่านยกทัพไปตีเมืองซงหยงของไต้จิ้น เมื่อพระเจ้าสุมาเอี๋ยน ทราบข่าว จึงยกทัพใหญ่มาตีเมืองกังตั๋งทั้งทัพบกทัพเรือ แม่ทัพนายกองของกังตั๋งก็ต่อสู้เป็นสามารถ แต่ก็ต้านทานไม่ไหว สุดท้ายกองทัพของไต้จิ๋นก็ล้อมเมืองกังตั๋งไว้

พระเจ้าซุนโฮขึ้นทอดพระเนตรดูบนกำแพง เห็นทหารเมืองไต้จิ๋นเข้าล้อมเมืองไว้ทุกด้าน ทหารทั้งปวงก็พ่ายแพ้หนีไปมิได้ต่อสู้ ก็สลดพระทัยชักกระบี่ออกจะเชือดคอตาย ขุนนางทั้งปวงก็เข้ามายึดกระบี่เอาไว้แล้วทูลว่า

“…….พระองค์ประหารชีวิตเสียนั้นหาประโยชน์มิได้ เป็นสำหรับประเพณีแผ่นดินแล้ว ขอให้พระองค์นบนอบเหมือนกับพระเจ้าเล่าเสี้ยน ตามขนบธรรมเนียมเถิด…….”

พระเจ้าซุนโฮทรงเห็นชอบด้วย จึงเปิดประตูเมืองทั้งสี่ด้าน พาขุนนางทั้งปวงออกไปคำนับแม่ทัพข้าศึก แล้วเอาบัญชีพลเมืองแลบัญชีสิ่งของในท้องพระคลังมอบให้ทุกประการ

เมื่อพระเจ้าซุนโฮมาเฝ้าพระเจ้าสุมาเอี๋ยนที่เมืองไต้จิ้น พระเจ้าสุมาเอี๋ยนเห็นพระเจ้าซุนโฮถวายคำนับแล้วซบพักตร์อยู่ จึงตรัสสัพยอกว่า

“……..ที่อันนี้เราแต่งไว้รอท่าท่านช้านานอยู่แล้ว……..”

พระเจ้าซุนโฮก็ทูลตอบว่า

“……..ข้าพเจ้าอยู่เมืองกังตั๋งนั้น ก็ได้แต่งที่ไว้คำนับพระองค์ เหมือนหนึ่งฉะนี้ ก็ช้านานหลายปี………”

แล้วทั้งสองพระองค์ก็ทรงพระสรวลชื่นชมยินดีต่อกัน ราวกับไม่เคยได้เป็นข้าศึกศัตรูกันมาก่อน แล้วให้แต่งโต๊ะมาเลี้ยงตามประเพณี พระเจ้าสุมาเอี๋ยนก็ตั้งให้พระเจ้าซุนโฮ เป็นที่อุ้ยเบ้งเฮา บรรดาขุนนางซึ่งตามมาด้วยนั้น ก็ตั้งแต่งให้อยู่ในตำแหน่งตามฐานาศักดิ์

ง่อก๊กก็ตกอยู่ใต้อำนาจของไต้จิ๋นตั้งแต่ พ.ศ.๘๒๓ ต่อจากนั้นอีกสี่ปี พระเจ้าซุนโฮก็สิ้นพระชนม์ เรื่องราวของสามก๊กก็ยุติลงเพียงนี้

แต่ราชวงศ์จิ้นยังคงปกครองแผ่นดินจีน ต่อไปอีกสิบห้ารัชกาล แล้วจึงเปลี่ยนเป็นราชวงศ์อื่นอีก พันหกร้อยกว่าปี จึงหมดสมัยฮ่องเต้

แต่น่าประหลาดที่เมื่อประเทศจีนได้เปลี่ยนการปกครอง จากระบอบกษัตริย์เป็นระบอบสาธารณรัฐนั้น คนแซ่ซุนก็ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีคนแรก คือ ดร.ซุนยัดเซ็น เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๕ นี่เอง.

############

นิตยสาร ต่วยตูน
พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ปักษ์แรก



Create Date : 05 กรกฎาคม 2559
Last Update : 5 กรกฎาคม 2559 9:32:16 น. 0 comments
Counter : 678 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.