Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๔ โจรกลับเป็นขุนนาง

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๔ โจรกลับเป็นขุนนาง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่ายลิวบ๋ายครั้นเป็นแม่ทัพนำทหารหมื่นหนึ่ง เดินทางไปถึงเขาตังหงซัว ก็ให้ทหารตั้งค่ายลงไว้ แล้วไปเที่ยวตรวจดูภูมิประเทศ เห็นเป็นเขาสูงใหญ่ ทางที่จะขึ้นเป็นช่องแคบคับขันนัก จึงคิดจะเกลี้ยกล่อมพวกโจร ให้ยอมสามิภักดิ์โดยดี ถ้าขัดแข็งประการใด จึงค่อยยกทหารเข้าตีเอาให้ได้ชัยชนะ คิดแล้วจึงให้ทหารสงบอยู่ มิได้ยกไปรบกับพวกโจร

เมื่อแบ๊จุ้นนายโจรได้ทราบจากลิ่วล้อว่า มีกองทหารหลวงยกมาตั้งค่ายอยู่เชิงเขา ก็แต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าถืออาวุธ นำพลลงจากเขาจะดูลาดเลาข้าศึก แต่เห็นธงยี่ห้อลิวบ๋ายเป็นแม่ทัพมาก็หยุดคิดว่า ลิวซูบุตรลิวบ๋ายกับตนได้สาบานเป็นพี่น้องรักใคร่กันสนิท ถ้ายกออกไปรบกับลิวบ๋ายจะมิเป็นคนอกตัญญูต่อมิตรหรือ น่าจะคิดผ่อนผันฟังเหตุการณ์ให้แน่ก่อนจึงควร คิดแล้วแบ๊จุ้นก็กลับขึ้นไปบนเขา สั่งเจียะยุโฮให้เกณฑ์พวกลิ่วล้อช่วยกันรักษาหน้าที่ และทางช่องแคบไว้ให้มั่นคง อย่าเพิ่งออกรบ

เจียะยุโฮจึงถามว่า เหตุใดออกไปถึงกองทัพข้าศึกแล้วไม่รบ รีบกลับมาโดยเร็วนั้นกลัวเขาหรือ แบ๊จุ้นก็บอกว่า

“……..เราไม่กลัวเกรงอะไรดอก แต่ครั้งนี้ลิวบ๋ายเป็นแม่ทัพมา ลิวบ๋ายเป็นบิดาของลิวซู เรากับลิวซูได้สาบานเป็นพี่น้องรักใคร่กันมาก ถ้าเรารบกับลิวบ๋ายก็เหมือนกับรบกับบิดาของเรา………….”

เจียะยุโฮว่าถ้าดังนั้นท่านจะคิดผ่อนผันอย่างไร แบ๊จุ้นก็ว่าท่านจงรักษาที่ทางไว้ให้มั่นคง ถึงพวกทหารกองทัพลิวบ๋ายจะมาท้าทายชวนรบ อย่าได้ออกไปต่อสู้อดใจสงบไว้ เราจะแต่งตัวปลอมเป็นพ่อค้าไปในเมืองเซียงอาน สืบข่าวดูให้รู้เหตุก่อน จึงค่อยกลับมาคิดอ่านต่อภายหลัง ด้วยในเมืองเซียงอานเพื่อนรักของเรามีอยู่คนหนึ่ง ชื่อคักหลินเป็นที่ไว้วางใจได้ ว่าแล้วก็แต่งตัวปลอมเป็นพ่อค้า จัดสิ่งของพอสมควรลงจากเขาทางลัด เดินตัดตรงไปเมืองเซียงอานทันที

ฝ่ายลิวบ๋ายพักทหารพอหายเหนื่อยแล้ว ก็ให้ทหารออกไปท้าพวกโจรชวนรบ เจียะยุโฮออกมาตรวจดูลิ่วล้อที่เชิงเขา จึงร้องบอกลงมาว่า เดี๋ยวนี้นายเราป่วยอยู่ยังออกรบไม่ได้ ต่อเมื่อใดค่อยคลายหายเป็นปกติแล้ว จึงจะไปรบกับท่าน พวกทหารก็กลับมาแจ้งแก่ลิวบ๋ายให้ทราบ ลิวบ๋ายคิดว่าถ้าจะเข้าตีหักหาญเอาให้ได้ ก็จะได้ความลำบากแก่ไพร่พลมาก ควรงดไว้ พูดจาโดยไมตรีจะดีกว่า จึงสั่งให้ทหารอยู่แต่ในค่าย ฝึกซ้อมหัดเพลงอาวุธไว้ให้ชำนิชำนาญ

ฝ่ายแบ๊จุ้นเดินทางไปเมืองเซียงอาน ระหว่างทางได้เห็นหนังสือประกาศไว้หลายฉบับว่า แบ๊จุ้นตีคนตาย ถ้าผู้ใดจับได้จะให้บำเหน็จรางวัลจงมาก เมื่อมาถึงเมืองหลวงจึงรีบตรงไปบ้านคักฮุนเหลง ถามผู้รักษาประตูว่าคักหลินอยู่หรือไม่ นายประตูบอกว่านอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แบ๊จุ้นก็บอกว่าตนเป็นเพื่อนรักกับคักหลิน ขอให้ออกมาพบสักหน่อย ด้วยเดินทางมาไกลและมีธุระสำคัญ

เมื่อคักหลินได้ทราบจากนายประตู ก็รีบออกมารับแบ๊จุ้นเข้าไปในบ้าน จัดที่ให้นั่งตามสมควร แล้วถามว่าตั้งแต่ท่านตีคนตายแล้วไปอยู่แห่งใด ไม่ได้ข่าวคราวเลย แบ๊จุ้นก็เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนไปอยู่ที่เขาตังหงซัว ให้ฟังโดยละเอียด คักหลินก็ตกใจว่าฮ่องเต้มีรับสั่งให้ลิวบ๋ายเป็นแม่ทัพไปปราบโจรที่เขาตังหงซัว แต่ไม่แจ้งว่าผู้ใดเป็นตัวนาย บัดนี้มีธุระสิ่งใดจึงได้มาถึงที่นี่

แบ๊จุ้นก็บอกว่า

“………ข้าพเจ้าเห็นลิวบ๋ายเป็นแม่ทัพไป ก็มีความสงสัยด้วยไม่รู้ว่าลิวบ๋ายอาสาไปเอง หรือมีผู้กราบทูลยุยงให้ไป ข้าพเจ้าจึงมิได้ออกมาต่อสู้ รีบมาไต่ถามท่านดูให้ทราบก่อน…..”

คักหลินก็เล่าว่า

“……..ลิวบ๋ายเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือน ซึ่งได้เป็นแม่ทัพไปครั้งนี้ เพราะคุดตงเสง ขุนนางกังฉินคิดอิจฉา ปรารถนาจะให้ลิวบ๋ายเป็นอันตรายเสีย จึงได้กราบทูลยุยง พระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ทรงเชื่อถือ รับสั่งให้ลิวบ๋ายเป็นแม่ทัพไป ภายหลังลิวซูมาอยู่กับข้าพเจ้าจนได้เป็นฮู่ม้า แล้วเขียนหนังสือปิดประตูบ้านเสีย มิให้ผู้ใดไปมาหาสู่ แต่เราเป็นเพื่อนรักกันมาช้านาน ยังห้ามเสียมิให้เข้าไปในบ้าน ข้าพเจ้ามีความเสียใจนัก……..”

แบ๊จุ้นได้ฟังก็โกรธแล้วว่า ไม่เห็นเลยว่าลิวซูจะเป็นคนตื่นยศ และใจหยาบช้าต่อมิตร ค่ำวันนี้ตนจะลอบไปดูท่วงทีกิริยาลิวซู จะเป็นประการใด คักหลินก็ให้คนใช้ยกโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงกัน จนถึงเวลาค่ำแบ๊จุ้นก็ออกจากบ้านคักหลิน ไปบ้านใหม่ของบุตรเขยฮ่องเต้ ระหว่างทางก็เดินตรึกตรองว่า ลิวซูกับเพื่อนได้สาบานเป็นพี่น้องรักใคร่สนิท รู้จักน้ำใจกันมาช้านานแล้ว เมื่อได้ดีมีสุขขึ้นจะทิ้งวาจาที่ได้สาบานต่อกันมาแต่เดิม เห็นผิดสังเกตนัก ซึ่งจะเชื่อคำคักหลินฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ ต้องสืบสวนดูให้รู้แน่ก่อนจึงจะควร

เมื่อเดินไปถึงบ้านลิวซู เห็นผู้เฝ้าประตูนั่งตามไฟสว่างอยู่หลายคน ก็เดินเลี่ยงมาข้างบ้านไม่เห็นมีผู้คนระวังรักษา จึงหาไม้มาพาดปีนขึ้นไปบนหลังคา มองลงไปดูที่กลางตึกเห็นชายผู้หนึ่งแต่งตัวเป็นฮู่ม้าพูดอยู่กับอีกคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก แบ๊จุ้นพิจารณาแล้วฮู่ม้านั้นไม่ใช่ลิวซู ทั้งสองคนสนทนากันด้วยเรื่องขนบธรรมเนียม ที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ แบ๊จุ้นก็รีบกลับมาหาคักหลิน เล่าความที่ได้เห็นและได้ยินนั้นให้ฟัง คักหลินจึงพาแบ๊จุ้นไปหาคักฮุนเหลงผู้บิดา เล่าความให้ฟังทุกประการ

ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้า คักฮุนเหลงก็พาแบ๊จุ้นเข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ แบ๊จุ้นก็กราบทูลความตามที่ลอบไปเห็นฮู่ม้า ซึ่งไม่ใช่ลิวซูให้ทรงทราบ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ขันทีคุมทหารไปจับตัวฮู่ม้าปลอมมาได้ ฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้คักฮุนเหลงเป็นตุลาการชำระความ คุดหองผู้ปลอมเป็นฮู่ม้าก็รับเป็นสัตย์ทุกข้อ คักฮุนเหลงก็นำเอาคำให้การขึ้นกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ ฮ่องเต้ก็ทรงพระพิโรธยิ่งนัก รับสั่งให้เอาคุดหองไปขังคุก แล้วให้ไปจับตัวคุดตงเสงมาชำระให้ได้

เมื่อคุดตงเสงได้ทราบว่าฮ่องเต้ได้เอาตัวบุตรชายไปขังคุกไว้ จึงปรึกษากับขันทีพวกกังฉินสองคนชื่อ มีหงวน กับ กีก้ำ ว่าตนเองคงจะไม่พ้นอันตรายแน่ ขันทีทั้งสองก็รับว่าจะช่วยพาหนีไปให้พ้นภัย คุดตงเสงก็ยินดีรีบเก็บรวบรวมเงินทองแลสิ่งของอันมีค่า พอเป็นเสบียงเลี้ยงชีวิต พาบุตรภรรยาและคนใช้ที่สนิท กับสองขันที ออกจากบ้านไปในเวลาค่ำถึงประตูเมืองซึ่งปิดแล้ว ขันทีก็บอกกับนายประตูว่ามีรับสั่งของฮ่องเต้ ให้คุดตงเสงเดินทางไปช่วยลิวบ๋ายปราบโจร นายประตูก็สำคัญว่าเป็นการรีบร้อน จึงเปิดประตูให้ออกไปได้ และพากันไปอาศัยอยู่ที่เขาตังเพาซัว แขวงเมืองกุยเต็กกุ้ย ตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คนมาฝึกหัดเพลงอาวุธ เที่ยวเป็นโจรตีปล้นราษฎรชาวบ้าน เลี้ยงชีวิตอยู่ในที่นั้น

ส่วนคักฮุนเหลงเอาตัวคุดหองไปจำขังไว้แล้ว ก็เกณฑ์ทหารรักษาพระองค์ยกไปบ้านคุดตงเสง แต่ไม่พบผู้ใดจึงพาทหารกลับมากราบทูลฮ่องเต้ ว่าคุดตงเสงได้พาครอบครัวบุตรภรรยาอพยพไปเสียสิ้นแล้ว ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้พนักงานทำหมายประกาศ แจกไปตามหัวเมืองน้อยใหญ่ว่า ถ้าผู้ใดสืบจับตัวคุดตงเสงได้จะให้บำเหน็จรางวัลเป็นอันมาก

ฝ่ายเตียนเตียวกับลีหงที่ได้ปล่อยให้ลิวซูฮู่ม้าหนีไปนั้น ก็เอาความไปแจ้งแก่ คักฮุนเหลง ตามที่คุดตงเสงกับฮั่นทง คิดร้ายต่อลิวซูทุกประการ คุดตงเสงก็นำความขึ้นกราบทูล ฮ่องเต้ทรงทราบแล้วก็ดีพระทัย รับสั่งให้ตั้งเป็นนายทหารทั้งสองคน

แล้วแบ๊จุ้นก็คุกเข่าลงถวายบังคมกราบทูล เล่าความตั้งแต่ได้สาบานเป็นพี่น้องกับคักหลิน ลิวซู และเปากัง แล้วเกิดคดีตีเตงกวางบุตรเตงเป้าตาย จนมาอยู่เขาตังหงซัวให้ทรงทราบทุกประการ ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็ตรัสว่า แบ๊จุ้นนี้มีสติปัญญาใจซื่อตรง สมควรเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ จึงตั้งให้แบ๊จุ้นเป็นที่ยวดซิมอ๋อง แล้วรับสั่งให้ยวดซิมอ๋องกับเตียวเตียนและลีหง ไปเที่ยวสืบเสาะตามหาตัวลิวซูฮู่ม้ามาให้ได้ ทั้งหมดก็ถวายบังคมลากลับมาบ้าน

ยวดซิมอ๋องหรือแบ๊จุ้นจึงบอกกับคักหลินว่า

“……..คุดตงเสงหนีไปครั้งนี้ คงจะคิดทำร้ายแก่ลิวบ๋ายเป็นแน่ ท่านจงอุตส่าห์ฝึกหัดเพลงอาวุธไว้ให้คล่องแคล่ว จะได้ช่วยปราบปรามพวกขุนนางกังฉินเสียให้สิ้น บ้านเมืองจะมีความสุข ข้าพเจ้าคงจะไปตามหาลิวซูมาให้ได้…….”

คักหลินว่าลิวซูหนีไปเวลากลางคืน ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ตนวิตกกลัวว่าจะหาไม่พบ แบ๊จุ้นก็ว่าข้อนั้นเป็นธุระของตนเอง อย่าทุกข์ร้อนไปเลย วันรุ่งขึ้นแบ๊จุ้นกับเตียวเตียนและลีหงก็จัดเงินทองสิ่งของพอสมควร เดินทางออกจากเมืองหลวงไป

ฝ่ายลิวบ๋ายตั้งค่ายฝึกซ้อมทหารอยู่ที่เขาตังหงซัวช้านาน ไม่เห็นพวกโจรออกมารบ จึงเตรียมทหารจะบุกเข้าไปตีพวกโจรบนเขา ก็พอดีมีหนังสือรับสั่งจากฮ่องเต้ มีความว่า

โจรเขาตังหงซัวนั้น แบ๊จุ้นตัวนายมายอมสามิภักดิ์ และได้แต่งตั้งให้มียศถาบรรดาศักดิ์ขึ้นแล้ว ประการหนึ่งลิวซูบุตรของท่านก็ได้เป็นฮู่ม้า แต่ยังไม่ได้แต่งงานให้อยู่กินเป็นสามีภรรยากับนางตกเอี๋ยงกงจู๊บุตรหญิงของเรา บัดนี้คุดตงเสงกับพวกขุนนางกังฉิน คิดทำร้าย ลิวซูจนหนีไปเสียแล้ว ให้ลิวบ๋ายเลิกทัพรีบกลับมา จะได้คิดอ่านช่วยกันปราบปรามขุนนางกังฉินเสียให้สิ้นเสี้ยนศัตรูแผ่นดิน

ลิวบ๋ายอ่านสิ้นข้อความแล้ว ก็เลิกทัพกลับเมืองเซียงอานตามรับสั่ง เมื่อมาถึงเมืองหลวงแล้วก็เข้าเฝ้า พระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ตรัสเล่าความทั้งหมดให้ทราบตั้งแต่ต้นจนปลาย แล้วทรงแต่งตั้งให้ลิวบ๋ายเป็นขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการแผ่นดิน ลิวบ๋ายคุกเข่าลงถวายบังคมรับตราตั้ง แล้วฮ่องเต้ก็เสด็จขึ้น ลิวบ๋ายก็กลับไปที่อยู่

ฝ่ายบู๊อั้นซึ่งนางลิวเอ๋งให้มาสืบข่าวลิวซูฮู่ม้า ครั้นมาถึงเมืองหลวงก็เข้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมในเมือง แล้วก็ไปสืบข่าวจนได้ความถี่ถ้วนแล้ว ก็ออกจากโรงเตี๊ยมเดินทางกลับเมือง เซียงเอียงฮู ถึงบ้านแล้วก็เล่าความให้นางลิวเอ๋งฟังโดยละเอียด นางก็มีความยินดียิ่งนัก บอกกับ บู๊อั้นว่านานไปภายหน้าคงจะทดแทนคุณให้เป็นอันมาก

แล้วก็สั่งให้คนใช้จัดโต๊ะสุราอาหารมาตั้ง แล้วเชิญลิวซูมากินโต๊ะด้วยกันสองคน นางก็ว่าตนพลอยยินดีด้วยเป็นอันมาก ลิวซูถามว่าดีใจด้วยตนเป็นผู้ชายแล้วแต่งตัวปลอมเป็นผู้หญิงมาอยู่ด้วยกันดังนั้นหรือ นางก็ว่า

“…ข้าพเจ้ายินดีด้วยเดี๋ยวนี้บิดาท่านได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว แบ๊จุ้นก็เป็นที่ยวดซิมอ๋อง รับสั่งให้สืบเสาะตามหาท่าน แต่ไม่ทราบว่าจะไปทางเมืองไหน…”

ลิวซูก็ถอนใจใหญ่พูดว่า

“……ท่านอย่าเยาะเย้ยเลย ขอแต่ปัญญาท่านช่วยคิดอ่านปล่อยให้ข้าพเจ้าไปถึงเมืองหลวง แล้วจะจัดทองคำมาสมนาคุณท่านสักพันตำลึง……..”

นางลิวเอ๋งก็ว่าตนไม่ได้เป็นคนโลภ อยากได้ทองคำของลิวซูดอก ลิวซูก็ถามว่าเมื่อไม่ชอบใจทองคำแล้ว นางจะต้องการสิ่งใดเล่า นางลิวเอ๋งก็บอกว่า

“……..ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงสาว มาอยู่ด้วยกันถึงสองเดือนแล้ว ถ้าผู้ใดรู้เขาก็คงมีความสงสัย ข้าพเจ้าจะมิเป็นคนมัวหมองไปหรือ ข้าพเจ้ามีความอยู่ข้อหนึ่ง แต่จะพูดแก่ท่านก็ไม่อาจออกปากได้……”

ลิวซูก็รับรองว่าอย่าได้เกรงใจเลย จะใช้สอยอย่างไร ตนก็จะปฏิบัติตามทุกประการ แล้วก็รอฟังว่านางลิวเอ๋งจะต้องการสิ่งใด ซึ่งคงจะได้ทราบในตอนหน้า.

###########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
มีนาคม ๒๕๕๐



Create Date : 05 กรกฎาคม 2551
Last Update : 5 กรกฎาคม 2551 19:28:27 น. 3 comments
Counter : 491 Pageviews.

 
อ้าวตกลงลิวชูจะตกเป็นของนางลิวเอ๋งรึเปล่าเนี่ย ต้องตามไปดู เอ้ยไปอ่าน


โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก IP: 202.123.145.203 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:33:51 น.  

 
ตอนหน้าคงจะทราบกระมังครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:43:23 น.  

 
น่าติดตาม


โดย: kira7 IP: 203.144.144.164 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:19:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.