Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๒โชคดีแล้วกลับร้าย

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๒ โชคดีแล้วกลับร้าย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่ายลิวซูบุตรของลิวบ๋าย อยู่กับมารดาที่บ้านเดิม วันหนึ่งเมื่อคักหลินเพื่อนร่วมสาบานเดินทางไปเยี่ยมบิดาที่เมืองหลวงได้ไม่นานนัก ลิวซูก็คิดถึงบิดาอยากจะไปเยี่ยมเยียนบ้าง จึงจัดสิ่งของพอสมควร แล้วลามารดาไปกับคนใช้คนหนึ่ง แต่เมื่อไปถึงเมืองเซียงอาน และแวะไปถึงบ้านบิดาแล้วก็ตกใจ เพราะบ้านนั้นเงียบสงัดไม่มีผู้ใดอยู่ ให้คนใช้ไปถามคนเฝ้าประตู ก็ได้ความว่า ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ลิวบ๋ายเป็นแม่ทัพ คุมทหารยกไปปราบโจรที่เขาตังหงซัว เมื่อหลายวันมาแล้ว ลิวซูจึงเลยไปหาคักฮุนเหลงบิดาของคักหลินที่บ้าน

เมื่อไปถึงก็พบกับคักหลินซึ่งพักอยู่ด้วย จึงพาลิวซูเข้าไปคำนับบิดา คักฮุนเหลงก็บอกว่า

“……..บิดาท่านเป็นแม่ทัพคุมทหารไปปราบโจรที่เขาตังหงซัว กลัวท่านจะเข้ามาเมืองหลวง เกลือกจะมีภัยอันตรายขึ้น……”

ลิวซูถามว่าขุนนางฝ่ายทหารในเมืองหลวงก็มีมาก เหตุใดจึงใช้ให้ขุนนางฝ่ายพลเรือนเป็นแม่ทัพไป คักฮุนเหลงก็เล่าว่า

“…….คุดตงเสงเขาคิดอาฆาตบิดาท่าน จึงกราบทูลยุยงว่าบิดาท่านมีสติปัญญา ชำนาญในการทหารควรเป็นแม่ทัพนายกองได้ พระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย จึงรับสั่งให้บิดาท่านเป็นแม่ทัพไปได้หลายวันแล้ว……….”

ลิวซูก็ว่า

“………บิดาไปราชการทัพครั้งนี้ ไม่ทราบว่าจะเป็นประการใด ครั้นจะกลับไปบ้านเมืองเสีย ก็เปรียบเหมือนคนปราศจากกตัญญู ข้าพเจ้าจะขออยู่ที่เมืองหลวงฟังข่าวคราวบิดาก่อน……..”

คักฮุนเหลงก็ตักเตือนว่า.ถ้าจะอยู่จงระมัดระวังตัว อย่าไปเที่ยวนอกบ้านให้พวกขุนนางกังฉินเห็น ลิวซูก็รับคำ แล้วก็พักอาศัยอยู่กับคักหลิน

ฝ่ายพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ ทรงดำริว่าพระองค์ก็แก่ชราลงทุกวัน ตกเอี๋ยงกงจู๊บุตรหญิงก็เจริญวัยขึ้น ควรจะปลูกฝังเสียให้สิ้นกังวล จึงปรึกษากับฮองเฮาว่า

“………บุตรหญิงของเราก็เติบใหญ่ควรจะหาสามีให้ แต่เราไม่เห็นผู้ใดที่จะมีสติปัญญาสมควรเป็นสามีภรรยากันได้ เราคิดจะปลูกไฉเหลาเป็นร้านสูง ตกแต่งเครื่องประดับให้งดงาม แล้วประกาศป่าวร้องแต่บรรดาบุตรเจ้านายและขุนนาง ให้มาพร้อมกันที่ไฉเหลา ให้นางตก เอี๋ยงกงจู๊ขึ้นอยู่บนร้านสูง ทิ้งสิวกิ๋วเสี่ยงทายเลือกคู่ ตามแต่จะเป็นบุญของผู้ใด…….”

ฮองเฮาได้ฟังก็เห็นด้วย ฮ่องเต้ก็นำความไปปรึกษาขุนนางทั้งปวง ขุนนางที่ปรึกษาก็ว่าที่ทรงดำรินี้ชอบแล้ว ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานจัดการปลูกเหลาสูง ให้ทันกำหนดวันขึ้นเก้าค่ำเวลาเที่ยง แล้วให้พนักงานฝ่ายอาลักษณ์ทำหมายประกาศ แจกไปให้รู้ทั่วกัน

คักหลินได้รู้ความในหมายประกาศแล้วก็มีความยินดี ครั้นถึงวันกำหนดก็ชวน ลิวซูไปด้วย ลิวซูก็ว่ามีความขัดข้องด้วยบิดาสั่งไว้ให้กลับไปบ้าน อย่าออกเที่ยวให้พวกขุนนางกังฉินเห็น ประการหนึ่งตนมีความวิตกด้วยบิดาไปทัพครั้งนี้ จะแพ้หรือชนะก็ยังมิทราบ คงจะไปด้วยไม่ได้

คักหลินก็ว่า

“……….เราช่วยกันระวังตัวให้มาก อย่ามีความประมาท ถึงพวกขุนนางกังฉินเห็นก็จะทำอะไรได้ ด้วยเวลานั้นเป็นวันเอิกเกริกผู้คนสับสนมาก พอจะหลบหลีกได้……”

ลิวซูก็เห็นด้วย ทั้งสองคนจึงแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อย พากันไปที่เหลาเห็นมีผู้คนมากมาย ลิวซูก็เตือนคักหลินให้อยู่แต่ไกล อย่าเข้าไปใกล้เลย คักหลินก็ไม่ฟัง เดินนำหน้าลิวซูเข้าไปจนใกล้เหลาสูง เมื่อตกเอี๋ยงกงจู๊มาถึงที่ประชุม นางก็ลงจากรถขึ้นไปบนเหลา จุดธูปเทียนคำนับเทพยดาฟ้าดินและอธิษฐานว่า

“……..ข้าพเจ้าแซ่เหลา ชื่อตกเอี๋ยงกงจู๊ ถือรับสั่งพระราชบิดามาที่ไฉเหลานี้ ปรารถนาจะทิ้งสิวกิ๋วเสี่ยงทายหาฮู่ม้า ข้าพเจ้ามิได้ตรงใจให้แก่ใคร สุดแล้วแต่ท่านผู้ใดเคยอุปถัมภ์บำรุงกันมาแต่ชาติปางก่อน ก็ขอให้เทพยดาฟ้าดินชักนำสิวกิ๋วไปให้แก่ผู้นั้น………”

ครั้นเสี่ยงสัตย์อธิษฐานแล้ว นางตกเอี๋ยงกงจู๊ก็โยนสิวกิ๋วไปตกในมือลิวซู ผู้คนทั้งหลายเห็นดังนั้นก็พากันกลับไปสิ้น ทหารก็พาลิวซูไปเฝ้าฮ่องเต้ ลิวซูกราบถวายบังคมแล้ว ฮ่องเต้จึงตรัสถามชื่อแซ่และกำเนิด ลิวซูก็ทูลความเดิมของตนจนถึงบัดนี้ ฮ่องเต้ก็ทรงยินดีตรัสว่า

“……..บิดาเจ้าเป็นแม่ทัพไปปราบโจรที่เขาตังหงซัวยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าจะเป็นประการใด เจ้าจงไปพักอยู่ที่บ้านก่อน ถ้าเราทำวังสำหรับฮู่ม้าแล้วเมื่อใด จึงจะรับมาแต่งงานให้อยู่กินด้วยกัน……….”

ลิวซูก็ถวายบังคมลากลับมาบ้าน คักฮุนเหล็งกับคักหลินก็มีความยินดี พูดจาไต่ถามกันตามธรรมเนียม แล้วลิวซูก็เขียนหนังสือมอบให้คนใช้ ไปแจ้งความแก่มารดาที่บ้านเดิม

ฝ่ายคุดตงเสงขุนนางกังฉิน แจ้งว่าลิวซูจะได้เป็นบุตรเขยของฮ่องเต้ ก็คิดอิจฉาจึงปรึกษากับเพื่อนขุนนางกังฉินว่า นางตกเอี๋ยงกงจู๊รู้อยู่ว่าพวกตนมีความบาดหมางกับลิวบ๋าย มาบัดนี้ลิวซูผู้บุตรจะได้เป็นเขยของฮ่องเต้ นานไปพวกตนก็จะไม่มีความสุข จึงต้องหาทางกำจัดเสีย ฮั่น
ทงก็บอกอุบายให้คุดตงเสงก็เห็นชอบด้วย

ครั้นถึงเดือนสิบขึ้นหนึ่งค่ำ ฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการ เจ้าพนักงานก็ทูลว่าวังที่โปรดให้สร้างขึ้น สำหรับนางตกเอี๋ยงกงจู๊นั้น เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้ก็ให้ฝ่ายโหรหาฤกษ์จะแต่งให้ฮู่ม้ากับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน โหรก็ทูลว่าวันนี้ฤกษ์ดีให้ลิวซูฮู่ม้าไปอยู่วังใหม่ก่อน ถึงวันขึ้นสิบค่ำจึงค่อยส่งตัวนางตกเอี๋ยงกงจู๊ ให้ไปอยู่ด้วยกัน

คุดตงเสงจึงทูลขึ้นว่า ลิวซูมาอยู่แต่ผู้เดียวไม่มีใครช่วยระวังรักษา ตนจะให้คนใช้ไปอยู่ด้วยสักสี่สิบคน สำหรับใช้สอย ฮ่องเต้ก็ทรงขอบใจ และตั้งให้ลิวซูเป็นที่ตังเพงเฮา แล้วให้คำนับคุดตงเสงรับคนใช้ไปอยู่วังใหม่ในวันนั้น ลิวซูคำนับลามาที่อยู่แล้วก็คิดว่า ธรรมดาฮู่ม้าถ้าได้มาอยู่บ้านใหม่แล้ว ขุนนางและราษฎรก็จะเอาข้าวของมาให้มาก จึงทำกระดานป้ายเขียนหนังสือห้ามมิให้เอาข้าวของมาให้ แขวนไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยและราษฎรเห็นดังนั้น ก็ไม่มีใครอาจเอาสิ่งของมาให้ แต่คักฮุนเหลงกับคักหลินได้จัดสิ่งของพอสมควร เอามาให้ลิวซูโดยนับถือเป็นพี่น้อง ลิวซูขัดไม่ได้ก็จำต้องรับไว้ และคักหลินก็อยู่เป็นเพื่อนลิวซูที่วังใหม่นี้

แต่อยู่ได้สี่ห้าวันคักฮุนเหลงก็ป่วยลง คักหลินจึงต้องกลับไปหาหมอมารักษาพยาบาลบิดาที่บ้าน ฮั่นทงรู้ความแล้วก็ปลอมหนังสือรับสั่ง ถือไปให้ลิวซูที่วังใหม่ พร้อมกับ เตียวเตียน และลีหง ลิวซูก็ตั้งเครื่องบูชาไว้คำนับรับหนังสือรับสั่ง ฮั่นทงก็อ่านหนังสือรับสั่งให้ฟัง มีความว่า

เราครองแผ่นดินฮั่นมาได้ห้าปี ที่เขาตังหงซัวเกิดโจรผู้ร้ายขึ้น จึงได้ให้ลิวบ๋ายบิดาเจ้าไปปราบปราม บัดนี้ลิวบ๋ายคบคิดกับพวกโจรเขาตังหงซัว จะเป็นขบถขึ้นมีความผิด โทษถึงตายสิ้นทั้งโคตร แต่ลิวซูอยู่ในเมืองหลวง ให้เอาตัวไปฆ่าเสียก่อน

อ่านสิ้นข้อความแล้วฮั่นทงจึงให้เตียวเตียนกับลีหง เปลื้องเสื้อหมวกเครื่องยศสำหรับที่ฮู่ม้าออก แล้วให้เอาตัวไปประหารเสีย เตียวเตียนกับลีหงพาตัวลิวซูไปถึงลานประหารแล้วก็ปรึกษากันว่า พวกกังฉินคิดทำร้ายฮู่ม้าซึ่งไม่มีความผิด เราจะฆ่าเสียตามเขาใช้นั้น บาปกรรมมากนัก ลีหงก็เห็นว่าควรจะปล่อยตัวไปเสีย จึงบอกกับลิวซูว่า

“…….การทั้งนี้เพราะคุดตงเสงเป็นขุนนางกังฉิน มีความอิจฉาคิดอุบายจะฆ่าท่านเสียเอง พระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ไม่ทรงทราบ ข้าพเจ้าทั้งสองมีความสงสารท่านว่าเป็นคนซื่อตรง ไม่ควรจะมาตายเสียด้วยพวกกังฉิน คิดจะปล่อยให้หนีไปเสียให้พ้นอันตราย…….”

ลิวซูก็บอกตามซื่อว่า

“…………บิดาเป็นขบถต่อแผ่นดิน ข้าพเจ้าผู้บุตรต้องตายไปตามโทษ ซึ่งจะปล่อยให้ข้าพเจ้าหนีไปเสียนั้น ท่านทั้งสองจะมิมีโทษมากหรือ……”

ทั้งสองก็ว่า

“………..ถึงข้าพเจ้าจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่ขอให้ท่านรีบหนีไปเสียโดยเร็วเถิด คุดตงเสงให้เงินข้าพเจ้ามาสามร้อยตำลึง ข้าพเจ้าจะให้ท่านไปซื้อกินตามทางห้าสิบตำลึง….”

ลิวซูก็ถามชื่อแซ่และที่อยู่ของเตียวเตียนกับลีหง แล้วก็คำนับรับเงินและรีบหนีไปจากเมืองหลวง ทั้งสองคนเห็นลิวซูหนีไปไกลแล้ว ก็กลับมาแจ้งแก่คุดตงเสงว่า พวกตนได้ฆ่า ลิวซูฮู่ม้าตาย เอาศพฝังเรียบร้อยแล้ว คุดตงเสงก็ดีใจปูนบำเหน็จให้อีกเป็นอันมาก แล้วฮั่นทงก็เอาเสื้อหมวกสำหรับที่ฮู่ม้า ซึ่งเปลื้องออกจากลิวซูนั้น สวมใส่ให้ คุดหอง ผู้บุตรของคุดตงเสง ปลอมเป็นฮู่ม้าอยู่ในบ้านแทน แล้วเขียนหนังสือปิดไว้ที่ประตู ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปในบ้าน ด้วยฮู่ม้าป่วยรักษาตัวอยู่ และฮั่นทงก็ระวังรักษาฮู่ม้าปลอมนั้นไว้ มิให้ผู้ใดล่วงรู้

ส่วนลิวซูรีบหนีไปถึงเขาบันฮงซัว แขวงเมืองฮูก๊วง พบชายผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทาง ชายผู้นั้นถามลิวซูว่าชื่อแซ่ใด เป็นชาวเมืองไหน มีธุระสิ่งใดจึงได้มาทางนี้ ลิวซูแกล้งบอกชื่อปลอมว่าแซ่อึงชื่อกุ้ย จะไปเยี่ยมพี่น้องที่เมืองเซียงเอียงฮู และย้อนถามว่าชายผู้นั้นชื่อแซ่ใด ชายผู้นั้นบอกว่าแซ่เอียบชื่อสิหยง ตั้งบ้านเรือนอยู่ตำบลนี้ และว่า

“……….ซึ่งท่านจะไปเมืองเซียงเอียงฮูนั้น ทางยังไกลนักโรงเตี๊ยมตามระยะทางก็ไม่มีที่อาศัย เชิญท่านไปพักอยู่ที่บ้านข้าพเจ้าก่อน ด้วยเวลาจวนค่ำแล้ว ทางซึ่งจะไปนั้นสัตว์ป่า ดุร้ายนัก……..”

ลิวซูหรืออึงกุ้ยได้ฟังก็มีความยินดี ด้วยตัวคนเดียวเปลี่ยวใจ และเหน็ดเหนื่อย โหยหิวเป็นอันมาก จึงว่าท่านเมตตาจะให้พักอาศัยอยู่นั้นบุญคุณหนักหนา ต่อไปภายหน้าถ้ายังมีชีวิตอยู่ คงจะทดแทนสนองคุณให้เต็มกำลัง

เอียบสิหยงพาอึงกุ้ยหรือลิวซูไปถึงบ้าน จัดที่ให้นั่งตามสมควร แต่ลิวซูเห็นบ้านนั้นตั้งอยู่เรือนเดียว และบุตรภรรยาเอียบสิหยงก็ไม่มี นึกกลัวจึงจะลาไปอยู่ที่อื่น แต่เอียบสิหยงก็ห้ามไว้และว่า จงอยู่ให้สบายเถิด ซึ่งตนมาตั้งบ้านอยู่ที่นี่ เพราะเจ้าเมืองฮูก๊วงให้มาตรวจตราระวังรักษาเส้นทาง ลิวซูก็สิ้นความวิตก เอียบสิหยงจึงหาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงกัน แล้วพอถึงเวลาค่ำก็ให้ลิวซูนอนในห้องของตน ส่วนตนเองจะออกไปเที่ยวตรวจตราดูแลตามทางแถวนี้ แล้วก็แต่งตัวลงจากเรือนไป บอกว่าสักครู่หนึ่งจะกลับมา

ครั้นเวลาดึกประมาณสามยาม ขณะที่ลิวซูนอนอยู่ในห้อง เอียบสิหยงก็เข้ามาปลุกให้ตื่นขึ้น แล้วก็พูดข่มขู่ไม่ให้ไปเมืองเซียงเอียงฮู ลิวซูก็ตกใจคิดว่าเอียบสิหยงคงจะเป็นผู้ร้ายแน่ จึงพูดว่า

“……..บิดามารดาข้าพเจ้าแก่ชราแล้ว หาผู้ใดปฏิบัติรักษาไม่ พี่น้องก็ไม่มี ขอท่านจงเมตตาอย่าได้ทำอันตรายข้าพเจ้าให้ถึงแก่ชีวิตเลย ปล่อยให้ข้าพเจ้ากลับไปปฏิบัติบิดามารดาเถิด เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ามีเงินมาสามสิบตำลึง ท่านจงเอาไว้ใช้สอยก่อน……..”

เอียบสิหยงก็ว่า

“…….ท่านมีกตัญญูต่อบิดามารดา เราก็ไม่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ท่านต้องทำตามคำเราสักอย่างหนึ่ง จะได้หรือไม่…….”

ลิวซูก็ไม่รู้ว่าเอียบสิหยงจะให้ตนทำอะไร และจะทำได้หรือไม่ คงจะต้องรอให้ถึงตอนหน้าเสียก่อน จึงจะทราบ.

###########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
พฤศจิกายน ๒๕๔๙



Create Date : 05 กรกฎาคม 2551
Last Update : 5 กรกฎาคม 2551 5:35:09 น. 3 comments
Counter : 381 Pageviews.

 
สิวกิ๋วแปลว่าอะไรเหรอค้าบ อ่านแล้วเหมือนตอนนางรจนาเลือกคู่เลย อิอิอิ


โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก IP: 202.123.145.203 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:23:28 น.  

 
ผมเองก็ไม่ทราบไงครับ ถึงได้ทับศัพท์
(อย่าบอกให้ใครรู้นะครับ)


โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:40:23 น.  

 
ขอบคุณมากครับ


โดย: kira7 IP: 203.144.144.164 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:06:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.