Group Blog
 
All Blogs
 
คน(ไม่)รักรถ

เรื่องสั้น

คน(ไม่)รักรถ


ผมกับเพื่อนอีกหลายคน เป็นพวกที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้ ตั้งแต่เมื่อเริ่มหนุ่ม จนเดี๋ยวนี้ ความหนุ่มค่อย ๆ น้อยลงแล้ว ยิ่งไม่ต้องการที่จะมีรถมากขึ้น

เพราะบนถนนเต็มไปด้วยรถนานาชนิด แต่มีข้อเตือนใจว่า เมาไม่ขับ พวกเรามีความต้องการจะเมามากกว่าจะขับ เราจึงไม่มีรถขับ

โดยเฉพาะตัวผมเอง คิดมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วว่า ถ้ารักจะเมาไม่ซื้อรถ ดีกว่า ซื้อมาแล้วขับไปทีไรก็มีแต่เรื่องเสียเงิน จะช้ำใจเสียเปล่า ๆ

ดังนั้นเราไปพบปะสังสรรค์กันที่ไหนคราวใด เราก็นั่งรถเมล์ไปกัน พอขากลับต่างคนต่างก็หารถแท็กซี่กลับ บ้านใครบ้านมัน เพราะอยู่กันคนละทิศ

เช่นผมอยู่แถวสามเสน นายแมวอยู่สะพานแดง นายผีอยู่ห้วยขวาง นายต๋องอยู่วัดยี่ส่าย นายผึ่งอยู่บางพลัด และนายหงอกอยู่คลองเตย

มีอยู่ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เราคุยกันตั้งแต่บ่ายแก่จนค่ำยังไม่ดึก หมดน้ำขมไปหลายขวดแล้ว ก็มีมติว่าแยกย้ายกันกลับบ้านได้ เมื่อเฉลี่ยค่าเสียหายกันจนจะหมดกระเป๋าไปตาม ๆ กันแล้ว จึงพากันมายืนอออยู่ริมถนน

นายหงอกอยู่ไกลกว่าเพื่อนแต่มีสติดีกว่าเพื่อน จึงโบกมือเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีการใช้มิเตอร์ และไม่ได้ติดแอร์ เขาชะโงกหน้าเข้าไปถามคนขับว่า

“ โชเฟอร์ ไปท่าเรือมั้ย “

คนขับเห็นพวกเรามุงกันอยู่หลายคนเลยถามว่า

“ ท่าเรือไหนครับ “

คงไม่แน่ใจว่าเราจะไปท่าเรืออยุธยา หรือท่าเรือเมืองกาญจน์

นายหงอกตอบเสียงดังฟังชัดว่า

“ ท่าเรือคลองเตย “

คนขับยิ้มแป้นรีบรับคำทันที

“ ไปครับพี่ “

นายหงอกก็ยิ้มกว้างขวางเหมือนกันเมื่อบอกว่า

“ ดีมาก อาศัยไปด้วยคนซี่ “

ผลปรากฏว่า คนขับรีบหุบยิ้ม กระชากรถพรืดออกไปทันที จนนายหงอกแทบหัวทิ่ม เพื่อนหัวเราะกันครืน

ต่อมานายผึ่งมีเงินพอจะซื้อรถยนต์โกโรโกโส มาได้คันหนึ่ง ก็ชอบที่จะขนเพื่อนไปกินเลี้ยงกันในที่ต่าง ๆ แม้บางครั้งไม่ได้มาด้วยกัน ก็ยินดีที่จะไปส่งให้ถึงบ้านทุกคน

บางครั้งเขาไปส่งพวกเรา หลังจากที่กินกันสามสี่แห่ง ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยนั้นก็คือ เริ่มด้วยร้านอาหารธรรมดา แล้วก็ต่อด้วยร้านที่มีไฟฟ้าสลัว ๆ มีดนตรีและสาวสวยนุ่งกระโปรงสั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ แล้วสวมรองเท้าหนังสูงเลยหัวเข่า เป็นนักร้อง จากนั้นก็แถไปตามร้านข้าวต้มที่เปิดโต้รุ่ง โดยไม่ได้กินข้าวกันเลยสักคนเดียว

เมื่อเขาขับรถไปส่งเพื่อนจนถึงบ้านครบทุกคนแล้ว เขาจึงจะขับรถกลับบ้าน พอถึงหน้าบ้านที่แน่ใจว่าเป็นบ้านของเขาแล้ว เขาก็จะดับเครื่อง นอนฟุบหลับอยู่กับพวงลัยรถจนสว่าง ภรรยาต้องมาปลุกให้ อาบน้ำอาบท่าไปทำงานเสียที เพราะเขามีอาชีพเป็นครู

อีกครั้งหนึ่ง เราไปในงานแต่งงานแถว ๆ ถนนตก ขากลับก็นั่งกลับมาด้วยกันทั้งหกคน เพราะไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว สมัยนั้นยังไม่มีรถเต็มถนนทุกเวลาอย่างเดี๋ยวนี้

เขาจึงค่อย ๆ ประคองรถแล่นมาจนถึงสามแยกโรงภาพยนต์โอเดี้ยน ซึ่งเป็นที่ตั้งของไชน่าเกท ของกรุงเทพในสมัยนี้ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ทางตรงนั้นห้ามเข้า ต้องแยกซ้ายอ้อมมาทางซอยหน้าโรงภาพยนต์ เราที่เป็นผู้โดยสารต่างก็คุยกันเสียงลั่นรถ เลยไม่มีคนเตือนนายผึ่งให้เลี้ยว ดันผ่าไปในทางที่เขาไม่ให้เข้า

พอได้ยินเสียงนกหวีดดังอยู่ข้างหลัง นายผึ่งถามว่าเขาเป่านกหวีดทำไม พรรคพวกต่างก็บอกว่า ตำรวจจราจรเขาคงเรียกรถคันอื่นกระมัง ไม่เกี่ยวกับเราหรอก อย่าไปสนใจเลย

พอถึงแยกที่จะเข้าถนนเยาวราชและถนนเจริญกรุง ก็มีจราจรออกมาโบกมือให้รถหยุด นายผึ่งก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ขอใบขับขี่

พวกเราต่างก็ชี้แจงประสานเสียงกันเอะอะ จนตำรวจจราจรผู้นั้นต้องชะโงกเข้ามาชิดหน้าต่างรถ แล้วถามด้วยเสียงที่ไม่อ่อนหวานว่า เมาทั้งหมดใช่ไหม จะได้เอาไปโรงพัก นั่นแหละพวกเราจึงได้เงียบเสียงลง รวมทั้งนายผึ่งด้วย และยอมให้ใบขับขี่ไปแต่โดยดี

วันรุ่งขึ้น นายผึ่งจึงได้ขอร้องให้เพื่อนที่เป็นนายทหาร ช่วยไปเอาใบขับขี่คืน โดยมีการว่ากล่าวตักเตือนตามธรรมเนียม เพราะสมัยนั้นยังไม่มีกฎเมาไม่ขับอย่างเดี๋ยวนี้

อยู่ต่อมาอีกนานรถกระป๋องคันนี้ก็ทำเหตุขึ้นอีก แต่คราวนี้เขาไปสองคนกับนายชั้น เพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน ขากลับจากเลิกงานแล้ว ก็ไถลไปตามเคยจนดึกพอสมควร จึงกลับมาทางถนนจรัญสนิทวงศ์ เพื่อจะไปบ้านนายผึ่งที่บางพลัด

สมัยนั้นถนนยังไม่ได้เป็นทางคู่อย่างเดี๋ยวนี้ และทางเท้าก็ยังไม่สมบูรณ์เรียบร้อยตลอดสาย

นายชั้นเล่าว่านายผึ่งขับรถกินขวา เกินครึ่งถนนมาตลอด นาน ๆ จึงจะแถกลับมาอยู่ในทางซ้ายของตน พอดีมีรถบรรทุกขนาดใหญ่เปิดไฟจ้าสวนมา นายผึ่งตกใจได้สติ รีบหักพวงมาลัยรถหลบเข้าทางซ้ายอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นทางข้างหน้า

รถจึงเข้าไปในซอยเล็ก ๆ แล้วชนเข้ากับมุมตึกแถว เสียงดังกึงแล้วรถก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ตัวนายผึ่งนั้นฟุบเงียบอยู่กับพวงมาลัย แต่นายชั้นไม่บาดเจ็บที่ไหนเลย เพราะรถแล่นช้ามาก

เมื่อตรวจดูว่าเพื่อนก็ไม่มีบาดแผล แต่เขย่าเท่าไรก็ไม่หือไม่อือ คิดว่าคงจะสลบไป นายชั้นจึงเดินไปหาตู้โทรศัพท์ เพื่อจะแจ้งตำรวจท้องที่ให้ช่วยมาดูแลหน่อย

และในสมัยนั้น(อีกแล้ว)ยังไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัว และตู้โทรศัพท์ก็ไม่เกลื่อนเมืองเหมือนเดี๋ยวนี้ จึงเดินออกไปไกลกว่าที่เกิดเหตุมาก กว่าจะได้กลับมา ก็มีคนมุงเต็มไปหมด

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์กันจ้อกแจ้กจอแจ ว่าคนขับคงจะแย่แน่ นายผึ่งก็ผงกหัวขึ้นมาร้องถามว่า

"เฮ้ย....เกิดอะไรขึ้น คนง่วงจะตายขอนอนสักงีบก็ไม่ได้รึไง"

นายชั้นรีบเข้าไปเปิดประตูด้านคนขับ ถามว่า

"เป็นไงบ้างพี่ผึ่ง เป็นอะไรหรือเปล่า"

"เปล่า..ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอนหลับอยู่ดี ๆ ดันมีคนมาถอดนาฬิกาข้อมือซะนี่ ถ้าไม่ตื่นก็คงสูญไปแล้ว"

พลันก็มีเสียงฮาขึ้นพร้อมกัน แล้วกลุ่มชนเหล่านั้น ต่างก็แยกย้ายสลายตัวไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันนายผึ่งยังคบหาสมาคมกับเพื่อนกลุ่มเดิมอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่เขาเลิกขับรถอย่างเด็ดขาดแล้ว

เพราะต้องใช้ไม้เท้าเป็นขาที่สาม ตั้งแต่เกษียณอายุราชการมาเมื่อหลายปีก่อน..

##########

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 29 ธ.ค. 48 06:39:35 ]



ความคิดเห็นที่ 1

ใช้บริการรถเมล์ดีกว่าจริงๆด้วยสิ...ถึงมันจะซิ่งไป(ไม่)หน่อยก็เถอะ

จากคุณ : หยกสีน้ำผึ้ง - [ 29 ธ.ค. 48 07:09:33 ]


ความคิดเห็นที่ 2

ชอบที่สุด คือ ใช้สองขาเนี่ยแหละ อิอิ

จากคุณ : W i n t e r b e r r y - [ 29 ธ.ค. 48 08:26:01 ]


ความคิดเห็นที่ 3

ทนรออีกนิด
พอรถไฟฟ้า - ใต้ดินครบทุกเส้นแล้ว

คงสบายกว่านี้ครับ

จากคุณ : Just My Opinion - [ 29 ธ.ค. 48 09:39:16 ]


ความคิดเห็นที่ 4

ใช้หมดทุกอย่างครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ดาว

จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 29 ธ.ค. 48 11:40:02 ]


ความคิดเห็นที่ 5

เอาน่า คิดว่า ถ้ามีรถส่วนตัวก็สะดวกมากขึ้นหน่อย

เวลาที่เรามีธุระดึกๆนะค้า

แต่ปัจจุบันนู๋ก็ใช้บริการรถรวมบริการเนี่ยหละค่ะ

สะดวก ไม่ต้องห่วงว่าคร่ายจะมาปะทุษร้ายรถเรา

หรือว่า เราจะต้องเสียค่าจอดเท่าไหร่....

จากคุณ : oreocream - [ 29 ธ.ค. 48 14:26:46 ]


ความคิดเห็นที่ 6

ถ้าหน้าบ้านเป็นป้ายรถเมล์ละเยี่ยมเลย!

จากคุณ : Canossa - [ 29 ธ.ค. 48 17:36:01 ]


ความคิดเห็นที่ 7

ขำมุกเรียกรถแท็กซี่ อิอิ

จากคุณ : scottie - [ 29 ธ.ค. 48 23:35:40 ]


ความคิดเห็นที่ 8

ไม่มีรถขับส่วนตัวเหมือนกันฮะ เวลาจะไปไหน ต้องถาม ไปลำบากไหม เอิ้กก แต่ถ้ามีเงินมากหน่อย ตอนต้นเดือน ก็ แท็กซี่ฮะ
ป.ล. ขำมุขเรียกแท็กซี่ เหมือนกันเลย เอิ้กก

จากคุณ : โอเลี้ยงแก่ๆ - [ 29 ธ.ค. 48 23:53:10 ]


ความคิดเห็นที่ 9

มุกเรียกแท็กซี่เก๋ามากคร้าบบบ ฮ่าๆ(ชอบด้วยครับ)

จากคุณ : อุปกรณ์ประกอบฉาก - [ 30 ธ.ค. 48 00:06:25 A:203.113.81.37 X: ]


ความคิดเห็นที่ 10

ไม่มีรถส่วนตัวเช่นกันค่ะ ไปไหนมาไหนในกทม. ก็สบายดี แต่ถ้าออกต่างจังหวัดก็คงไม่สบายเท่าไหร่ ^^"

จากคุณ : wayo - [ 30 ธ.ค. 48 00:34:24 ]


ความคิดเห็นที่ 11

" มีความต้องการจะเมามากกว่าจะขับ จึงไม่มีรถขับ"

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ขำกลิ้ง กับคติประจำใจข้อนี้

จากคุณ : แมวโต๋เต๋ - [ 30 ธ.ค. 48 01:31:21 ]


ความคิดเห็นที่ 12

วันที่ผมกลับจากพงษ์หลี

ตอนแรกกะว่าจะนั่งรถเมลฺ(แอร์)กลับโรงเรียน
จะได้ชมนกชมตึกเพลินๆ

ปรากฏว่าผมหาป้ายรถเมล์ไม่เจอ
เพราะอยู่แถวอนุสาวรีย์ที่ลักษณะการเดินวนเป็นวงกลม
หาที่สิ้นสุดมิได้
(มิน่า หาป้ายรถเมล์ยากจัง ทั้งที่ขามาเห็นง่ายมาก)

สุดท้ายเลยต้องเรียกแท๊กซี่
อดชมวิวเลยวันนั้น

จากคุณ : Psycho man - [ 30 ธ.ค. 48 04:59:48 ]


ความคิดเห็นที่ 13

ขอบคุณทุกท่านครับ ผมไม่คิดว่าจะมีผู้ขึ้นรถเมล์
หรือรถโดยสารประจำทาง เหมือนผมมากนัก ในถนนฯนี้

เพราะอ่านเรื่องสั้นเรื่องยาวทีไร เจอแต่ขับรถส่วนตัวกันเป็นอันมากครับ

คุณจีต้องขึ้นไปบนสะพานลอยของรถไฟฟ้า
แล้วกวาดสายตาหาป้ายรถเมล์ที่ต้องการเสียก่อน
แล้วจึงเดินไปรอยังเป้าหมาย
ถ้าลงไปเดินหาข้างล่าง คนไม่คุ้นสถานที่
กว่าจะหาเจอก็เสียเวลามากครับ
เพราะรถเมล์ที่เข้ามาในอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีหลายสิบสายครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 30 ธ.ค. 48 08:50:18 ]


ความคิดเห็นที่ 14

เป็นพวกใช้รถประจำทางเหมือนกันค่ะ ขึ้นปุ๊บหลับปั๋บ แสนจะมีความสุข ^O^

(ถ้าคนที่หลับบนรถบ่อยๆจะมีสัญชาตญาณในการตื่นก่อนถึงที่หมายสักป้ายสองป้าย จึงไม่มีปัญหานั่งรถเลยป้ายเลย อิ อิ อิ)

จากคุณ : peiNing - [ 30 ธ.ค. 48 21:07:14 ]


ความคิดเห็นที่ 15

เป็นผู้หญิงนั่งหลับบนรถเมล์ น่าเอ็นดูครับ

พอผู้ชายหลับบ้าง หาว่าแกล้งไม่ยืนให้ผู้อ่อนแอนั่งครับ

แต่ผมไม่เป็นไร เพราะอยู่ในขบวนผู้อ่อนแอลำดับสามครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย - [ วันสิ้นปี 07:38:03 ]


ความคิดเห็นที่ 16

"มีความต้องการจะเมามากกว่าจะขับ เราจึงไม่มีรถขับ"

ขำด้วยคน :-)

จากคุณ : ณภ - [ วันสิ้นปี 09:20:53 A:71.97.0.250 X: TicketID:105756 ]


ความคิดเห็นที่ 17

ถ้าหน้าบ้านเป็นร้านเหล้าละเยี่ยมเลย! ^^'

จากคุณ : ธามาดา - [ วันปีใหม่ 12:08:15 ]


ความคิดเห็นที่ 18

อยากจะลองใช้จักรยานปั่นไปทำงานบ้าง แต่คำนวนระยะทางแล้ว เฮ้อ...สุดโลก...

จากคุณ : พรพชร (พรพชร) - [ 2 ม.ค. 49 13:22:35 ]


ความคิดเห็นที่ 19

อย่างที่เค้าว่าเลยค่ะ เมาไม่ขับ อิอิ ชอบมุกแท็กซี่จังค่ะ แต่ถ้าสมัยนี้เอาไปใช้ คงจะโดนด่าเปิงแน่ๆ คนสมัยนี้ใจร้อนกันจะตาย

จากคุณ : สหายสันติ - [ 2 ม.ค. 49 18:47:35 ]


ความคิดเห็นที่ 20

เป็นความจริงครับคุณณภ เมื่อหนุ่ม ๆ ผมกินเหล้ามาก
แต่รอดมาได้ทั้งชีวิต และหน้าที่การงาน
คงจะเพราะไม่ยอมขับรถนี่เองครับ

หน้าบ้านเราน่ะมีครับ คุณธามาดา
แต่หน้าบ้านเพื่อนไม่มี จึงต้องเร่ร่อนเปลี่ยนที่ไปเรื่อย ๆ ครับ

คุณพรพชรสังเกตุไหมครับว่า
เดี๋ยวนี้ป้ายจราจรข้างถนนเพิ่มขึ้นมากมาย
จนยืนข้างถนนจะมองไม่เห็นรถเมล์อยู่แล้ว
อันใหม่เขาเขียนเป็นรูปรถจักรยาน
คงจะให้ระวังรถจักรยานที่จะออกมาจากซอย
ส่วนอีกป้ายหนึ่งอยู่ปากซอย มีข้อความให้ระวังรถยนต์

แต่ในชีวิตของผมไม่เคยเห็นคนขับรถ
ปฏิบัติตามป้ายข้างถนนเลยครับ
แม้แต่ป้ายห้ามจอด

สมัยนี้รถแท็กซี่ปิดกระจกติดแอร์ครับ คุณสหายสันติ
ต้องเปิดประตูเข้าไปถามโชเฟอร์
พอดีประตูหนีบคอติดรถลากไปละก็แย่ทีเดียวครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 5 ม.ค. 49 20:54:03 ]


ความคิดเห็นที่ 21

เป็นบันทึกความทรงจำที่สวยงามจริง ๆ ครับ

จากคุณ : CU. - [ 12 ม.ค. 49 02:00:30 ]


ความคิดเห็นที่ 22

ขอบคุณครับ คุณซียู ผมเพิ่งกลับมาอ่านพบครับ.

จากคุณ : เจียวต้าย - [ 17 ม.ค. 49 08:32:31 ]





Create Date : 05 พฤษภาคม 2559
Last Update : 5 พฤษภาคม 2559 9:28:46 น. 0 comments
Counter : 343 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.