Group Blog
 
All Blogs
 
๑๓.บุญคุณที่ยังมิได้ทดแทน

ิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก

๑๓.บุญคุณที่ยังมิได้ทดแทน

เล่าเซี่ยงชุน

หลังจากที่ได้รอดชีวิตไม่ถูกประหาร เพราะความเอ็นดูในความสัตย์ซื่อ มั่นคงกล้าหาญของ กวนอู อัศวินผู้มีชื่อเสียงของ เล่าปี่ ในฐานะเป็นพันธมิตรของ โจโฉ มาแล้ว เตียวเลี้ยว ก็ได้เป็นทหารของโจโฉในระดับธรรมดา ตำแหน่งจงลงเจียง หรือนายทหารโท

แล้วโจโฉก็พาเล่าปี่ไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ที่เมืองฮูโต๋ กราบทูลความดีความชอบ ที่ช่วยปราบปราม ลิโป้ ลงได้สำเร็จ พระเจ้าเหี้ยนเต้สอบถามแล้ว ก็ได้ความว่า เล่าปี่เป็นบุตรของ เล่าหง เชื้อพระวงศ์ของ พระเจ้าเฮ้าเก๋งเต้ ซึ่งเป็นพระญาติ นับแล้วเล่าปี่มีศักดิ์เป็นอา จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ฝ่ายกรมวัง

ส่วนโจโฉนั้น เมื่อเป็นมหาอุปราชมาได้ประมาณสี่ปี ก็ชักจะกำเริบวาง อำนาจแก่ขุนนางทั้งหลายให้กลัวเกรงด้วยประการต่าง ๆ เลยไปจนถึงการแสดงกิริยาอาการ อาจเอื้อมลบหลู่พระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วย จึงมีขุนนางที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี พากันเกลียดชังโจโฉ รวมทั้งกวนอูและเล่าปี่ ขุนนางผู้ใหญ่ซึ่งเป็นบิดาของนางตังกุยหุย สนมเอกของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ชื่อ ตังสิน จึงรับอาสาหาพรรคพวกช่วยคิดกำจัดโจโฉ ได้ผู้ร่วมคิดเจ็ดคนทั้งเล่าปี่ด้วย

แต่ต่อมาเล่าปี่กลัวโจโฉจะระแวงสงสัย จึงหาอุบายอาสาออกไปรบกับอ้วนสุด จนได้ชัยชนะแล้วก็ไม่กลับ เลยไปตั้งตัวอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว ปล่อยให้พรรคพวกที่อยู่ในเมืองหลวง ดำเนินการไปโดยลำพัง จนความแตกถูกโจโฉจับประหารชีวิตหมด รวมทั้งตังสินและนางตังกุยหุย กับญาติพี่น้องทั้งตระกูล จากนั้นโจโฉก็ยกกองทัพไปปราบเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋วต่อไป

กองทัพของโจโฉครั้ง นี้มีทหารประมาณยี่สิบหมื่น แบ่งออกเป็นสิบเอ็ดกอง เข้าตีพร้อมกันทั้งเมืองชีจิ๋ว เมืองแห้ฝือ และเมืองเสียวพ่าย มีแม่กองแปดคน รวมทั้งเตียวเลี้ยว ตีได้เมืองเสียวพ่ายก่อน เล่าปี่กับ เตียวหุย ที่อยู่เมืองนี้ก็แตกหนีพลัดพรากกันไปคนละทาง เล่าปี่ต้องไปอาศัย อ้วนเสี้ยว อยู่ที่เมืองกิจิ๋ว เตียวหุยก็ต้องไปหลบซ่อนอยู่บนเขาแห่งหนึ่ง

ต่อมาโจโฉก็เข้ายึดเมืองชีจิ๋วได้โดยไม่ต้องรบ เพราะมีพรรคพวกเก่าคอยเปิดประตูเมืองให้ แล้วก็เคลื่อนทัพไปล้อมเมืองแห้ฝือ ซึ่งกวนอูเฝ้ารักษาครอบครัว ของเล่าปี่อยู่ โจโฉให้ แฮหัวตุ้น หลอกกวนอูออกมารบแล้วก็ถอยหนี ให้กวนอูติดตามไปประมาณสองร้อยเส้น กวนอูเป็นห่วงเมืองจะพาทหารกลับก็ถูก เคาทู กับ ซิหลง รบ สกัดไว้ไม่ให้เข้าเมือง จนต้องถอยหนีขึ้นไปพักอยู่บนเขาแห่งหนึ่ง ทหารของโจโฉก็ล้อมเขาลูกนั้นไว้ลงไม่ได้ ตัวโจโฉก็ยกทหารเข้าเมืองแห้ฝือ เพราะมีไส้ศึกคอยเปิดประตูรับอีกตามเคย แล้วก็เผาเมืองให้สว่างขึ้น กวนอูเห็นก็เป็นห่วงครอบครัวของเล่าปี่ แต่พอคุมไพร่พลลงจากเขาก็ถูกทหารข้าศึกที่ล้อมไว้ เข้าปะทะจนต้องถอยขึ้นไปอีกหลายครั้ง

ก็ถึงบทของเตียวเลี้ยว ที่จะขออาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอู เพราะเคยเป็นหนี้ชีวิตกันอยู่ ตอนเช้าเตียวเลี้ยวก็ขี่ม้าถือง้าวขึ้นไปบนเขา พอเจอหน้ากันกวนอูก็ว่า จะมารบกับเราหรือ เตียวเลี้ยวก็ลงจากม้าวางง้าวเสีย แล้วคำนับว่า

".....ข้าพเจ้าจะมารบกับท่านหามิได้ ซึ่งข้าพเจ้าขึ้นมานี้ หวังจะแทนคุณท่าน...."

กวนอูก็ว่าโจโฉใช้ให้มาเกลี้ยกล่อมเราหรือ เตียวเลี้ยวก็ว่า

"..ท่านได้มีคุณช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ บัดนี้ท่านมีความทุกข์ใหญ่หลวง ข้าพเจ้าจึงอุตส่าห์ขึ้นมา หวังจะแทนคุณท่าน...."

กวนอูก็ถามว่าจะมาช่วยเป็นกำลังของเราหรือ เตียวเลี้ยวก็ว่าหามิได้

กวนอูก็ว่าเมื่อไม่ได้มาช่วยและไม่ได้มาเกลี้ยกล่อม ซึ่งท่านขึ้นมานี้ด้วยเหตุใดเล่า เตียวเลี้ยวก็ดำเนินความตามที่อาสามาว่า

"...ท่านกับเล่าปี่เตียวหุย มีความรักกันเป็นอันมาก บัดนี้เล่าปี่กับ เตียวหุยก็แตกไป ท่านก็ยังมิรู้เหตุว่าเป็นและตาย เวลาคืนนี้มหาอุปราชยกกองทัพเข้าตีเมืองแห้ฝือได้แล้วสั่งแก่ทหารทั้งปวงมิให้ทำอันตราย แก่อาณาประชาราษฎร อันครอบครัวของเล่าปี่นั้น ก็แต่งให้ทหารไปพิทักษ์รักษามิให้ผู้ใด ทำอันตรายได้ ข้าพเจ้าเห็นว่ามหาอุปราชมีใจเมตตาผูกความรักท่านถึงเพียงนี้ จึงเอาเนื้อความมาแจ้งแก่ท่าน..."

กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธว่าถามแล้ว ว่าจะเกลี้ยกล่อมหรือก็ว่าหามิได้ แต่มากล่าวดังนี้ไม่เกลี้ยกล่อมแล้วจะประสงค์สิ่งใด พร้อมกับประกาศว่า

"...เราอยู่ในที่นี้ก็เป็นที่คับขันอยู่ ซึ่งเราจะเข้าด้วยผู้ใด นอกจากเล่าปี่นั้นอย่าสงสัย ตัวเราก็มิได้รักชีวิต vyนความตายอุปมาเหมือนนอนหลับ ท่านเร่งกลับไปบอกแก่โจโฉให้ตระเตรียมทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกลงไปรบ...."

เตียวเลี้ยวก็หัวเราะแล้วว่า ที่ท่านว่ามานั้นจะมีโทษแก่ตัวท่านถึงสามประการ แล้วก็บรรยายความตามฉบับหลวงต่อไป อย่างยาวยืด แต่น่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งว่า

......เดิมท่านกับเล่าปี่เตียวหุยได้สาบานไว้ต่อกันว่า เป็นพี่น้องร่วมสุขและทุกข์เป็นชีวิตเดียวกันถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วย ครั้งนี้เล่าปี่กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย และบัดนี้ทหารก็น้อยนักซึ่งจะยกลงไปรบนั้น ถ้าท่านเป็นอันตรายถึง สิ้นชีวิต ฝ่ายเล่าปี่เตียวหุยยังมีชีวิตอยู่ ก็จะเที่ยวตามหาท่าน หวังจะช่วยกันคิดการต่อไป เมื่อท่านตายเสียแล้ว เล่าปี่เตียวหุยก็จะตายด้วย ซึ่งท่านสาบานไว้ต่อกันก็จะมิเสียความสัตย์ไปหรือ คนทั้งปวงก็จะล่วงนินทาว่าความคิดท่านน้อย.....

.....ประการหนึ่ง เล่าปี่ก็มอบครอบครัวไว้ให้ท่านรักษา ถ้าท่านตายเสีย ภรรยาเล่าปี่ทั้งสองนั้นจะพึ่งผู้ใดเล่า อันตรายก็จะมีต่าง ๆ การซึ่งเล่าปี่ปลงใจไว้แก่ท่านนั้น จะไม่เสียไปหรือ.....

.......อีกประการหนึ่งนั้นท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วก็แจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมาเป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาทว่าท่านจะได้รับความลำบาก ก็อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก และข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไปภายหน้า ว่าเป็นชาติทหารมีใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน....

แล้วก็ตอกย้ำตอนท้ายว่า

"......ขอให้ท่านอยู่กับมหาอุปราชก่อนเถิด จะได้มีประโยชน์สามประการ ประการหนึ่ง ซึ่งท่านสาบานไว้กับเล่าปี่เตียวหุย ว่าจะช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดิน ความสัตย์ข้อนี้จะได้คงอยู่ ประการหนึ่ง ท่านจะได้ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง มิให้เป็นอันตรายสิ่งใดได้.....อีกประการหนึ่ง ตัวท่านก็มีฝีมือกล้าหาญมีสติปัญญา จะได้ติดการทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้ครองราชสมบัติสืบไป..."

กวนอูนิ่งตรึกตรองอยู่เป็นช้านาน แล้วจึงเห็นชอบด้วย แต่ต้องขอสัญญา สามข้อเหมือนกัน คือจะขอเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ประการหนึ่ง ขอปฏิบัติพี่สะใภ้ทั้งสอง อย่าให้ผู้ใดเข้าออกกล้ำกรายถึงประตูที่อยู่ได้ กับจะขอเอาเบี้ยหวัดของเล่าปี่ ซึ่งเคยได้รับพระราชทานนั้น มาให้แก่พี่สะใภ้ทั้งสอง และถ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งหนตำบลใด ถึงมาทว่ามิได้ลามหาอุปราชก็จะไปหาเล่าปี่ แม้มหาอุปราชห้ามก็ไม่ฟัง

และสุดท้ายก็ย้ำว่า

".....ท่านจงเอาไปบอกมหาอุปราชเถิด ถ้ามหาอุปราชยอม เราจึงจะถอดเกราะออกเสีย แล้วอาสาไปหามหาอุปราช แม้ความประการใดขาดแค่ข้อหนึ่งเราก็จะสู้ตายเสีย ถึงมาทว่าคนทั้งปวงจะครหานินทาเราก็ตามเถิด.."

เตียวเลี้ยวก็ลากวนอูไปแจ้งเนื้อความแก่โจโฉทุกประการ โจโฉก็ยินดี ตกลง เพราะรักฝีมือกวนอู ซึ่งในขณะนั้นอายุประมาณสามสิบแปดปี ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ และฝีมือก็เข้มแข็งเป็นที่เลื่องลือ ไม่มีใครจะต่อสู้ได้ ทั้งเป็นคนซื่อสัตย์กตัญญู ถ้าเลี้ยงดูให้ถึงขนาด นานไปก็คงจะยอมเป็นพวกโดยสนิทใจ

แต่การณ์หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อกวนอูพา นางกำฮูหยิน และ นาง บีฮูหยิน สองพี่สะใภ้ไปอยู่เมืองฮูโต๋แล้ว ก็รักษาความสัตย์นั้นไว้อย่างกวดขัน แม้โจโฉจะให้เครื่องเงินเครื่องทองและแพรอย่างดี กวนอูก็เอาไปให้พี่สะใภ้ โจโฉจัดหญิงรูปงามสิบคนคอยปรนนิบัติ กวนอูก็เอาไปให้พี่สะใภ้ใช้สอยเสียอีก โจโฉเห็นกวนอูใส่เสื้อเก่าขาดจึงให้เสื้อใหม่ กวนอูก็เอาไปใส่ชั้นในเอาเสื้อเก่าที่เล่าปี่ให้ไว้ชั้นนอก โจโฉเห็นม้าของกวนอูผอม ก็ยกม้าเซ็กเธาว์ที่ยึดมาได้จาก ลิโป้ ให้กวนอูขี่ กวนอูก็ชอบใจว่าเป็นม้าที่มีกำลังมาก จะได้ขี่ไปหาเล่าปี่ได้ง่าย

โจโฉก็น้อยใจใช้ให้เตียวเลี้ยวไปไต่ถามสอบน้ำใจดูอีก ปรากฏว่า กวนอูก็คิดถึงคุณโจโฉอยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่คิดอยู่แต่ก็จะขอแทนคุณเสียก่อนจึงจะไป

ต่อมาเมื่อโจโฉรบกับอ้วนเสี้ยวที่ตำบลแปะแบ๊ ทำท่าจะเป็นรอง จึงให้ กวนอูออกรบ กวนอูก็ฆ่า งันเหลียง ทหารเอกผู้มีฝีมือของอ้วนเสี้ยวเสียในเวลาพริบตาเดียว อ้วนเสี้ยวก็ส่ง บุนทิว ทหารเอกที่มีฝีมือคู่กันออกรบอีก เตียวเลี้ยวกับซิหลงก็อาสาเข้ารบ แต่บุนทิวกลับเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกหน้าผากเตียวเลี้ยวล้มลง ซิหลงต้องเข้าไปช่วยรบป้องกันถึงสามสิบเพลง จึงถอยกลับมาได้ พอกวนอูเข้าไปรบได้เพียงสามเพลง บุนทิวก็ถอย กวนอูขับม้าเซ็กเธาว์ไล่กวดไปทันที่ริมฝั่งแม่น้ำฮองโห แล้วก็ฟันด้วยง้าวตายตามเพื่อนไปอีกคน

อ้วนเสี้ยวก็โกรธมาก เกือบจะฆ่าเล่าปี่ที่ไปอาศัยอยู่ด้วยเสียแล้ว แต่ อาศัยที่เล่าปี่ใจเย็นเจรจาหว่านล้อมจนรอดหัวขาดได้ แล้วก็เขียนหนังสือถึงกวนอู เป็น ข้อความสำคัญว่า

"....เดิมเราได้สาบานไว้ต่อกันทั้งสามคน ที่ในสวนดอกไม้นั้น ว่าจะ ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน ผู้ใดตายก็จะตายด้วย บัดนี้เราทั้งสามคนพลัดกัน แต่ตัวเรามาอาศัยอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋วอยู่ และกวนอูนั้นไปอาศัยโจโฉ ทำการสงครามมีความชอบ ได้บำเหน็จยศถาศักดิ์มีความสุขอยู่ มิได้คิดถึงคำซึ่งสาบานไว้แก่เรา ถ้ากวนอูจะใคร่ให้มีความชอบในโจโฉให้มากขึ้นไปกว่านี้ ก็ให้เร่งมาตัดศรีษะเราไปให้แก่โจโฉเถิด....."

กวนอูก็ร้องไห้ แล้วตัดสินใจพาพี่สะใภ้ทั้งสองไปลาโจโฉ แต่โจโฉรู้ข่าวแล้วก็ปิดประตูที่อยู่ ห้ามผู้ใดเข้ามาปรึกษาราชการ กวนอูก็ไม่ฟังเสียง รุ่งเช้าก็จัดรถสำหรับพี่สะใภ้ และขนบรรดาเงินทองเสื้อผ้าสิ่งของกับหญิงคนใช้ไปลาโจโฉอีก ประตู ก็ยังปิดอยู่ จึงเลยไปบ้านเตียวเลี้ยวนายประตูก็บอกว่าเตียวเลี้ยวยังไม่หายป่วยด้วยแผล จากเกาทัณฑ์ กวนอูก็เขียนจดหมายลาให้คนใช้เอาไปให้นายประตูบ้านโจโฉ ย้ำว่าขอลาไปหาเล่าปี่ตามคำที่ได้สัญญาไว้ ซึ่งท่านได้มีคุณทำนุบำรุงไว้นั้น ก็คิดถึงคุณอยู่ แต่จะกลบลบคุณเล่าปี่เสียนั้นไม่ได้ ถ้าสืบไปชีวิตยังไม่ตาย ก็จะขอสนองคุณท่านอีก

แล้วกวนอูก็เอาทรัพย์สินส่วนตัวที่โจโฉให้ไว้ ใส่หีบลั่นกุญแจมอบให้หญิงคนใช้เอาไปคืนโจโฉ แล้วก็ขี่ม้าเซ็กเธาว์ถือง้าวนำทหารประมาณสิบเอ็ดสิบสองคน พาพี่สะใภ้ขึ้นรถออกจากเมืองฮูโต๋ไป

โจโฉรู้เรื่องแล้วก็เห็นใจ ว่ากวนอูเป็นคนซื่อสัตย์จริง ไม่คิดจะฆ่าฟัน จึงส่งเตียวเลี้ยวให้ตามไปห้ามไว้ก่อน แล้วโจโฉก็จัดแจงเงินทองไปกับทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธเพื่อไปส่งกวนอู

เมื่อเตียวเลี้ยวตามมาทันก็เรียกให้หยุด กวนอูถามว่าท่านตามมาจะจับ เราหรือ เตียวเลี้ยวก็บอกว่า

"....หามิได้ บัดนี้มหาอุปราชแจ้งว่า ท่านจะไปทางกันดาร ก็มีใจคิดถึงท่าน จึงให้ข้าพเจ้ารีบตามมาห้ามท่านให้หยุดอยู่ก่อน มหาอุปราชจะมาส่งท่าน...."

กวนอูก็ไม่ไว้ใจจึงถอยม้าขึ้นไปยืนบนสะพานศิลา

โจโฉก็พาทหารมาถึง ตัดพ้อต่อว่ากันอยู่สองสามคำ ก็ให้ทหารเอาทองแท่งให้กวนอูถาดหนึ่ง กวนอูก็ไม่ยอมรับ โจโฉจึงเอาเสื้อลายทองให้ทหารเอาไปส่งให้ กวนอูไม่กล้าจะลงจากหลังม้า จึงก้มตัวลงยื่นง้าวไปรับเสื้อมาคลุมตัวไว้ แล้วก็คำนับขอบคุณและลาโจโฉไป

จากนั้นกวนอูก็พาพี่สะใภ้ เดินทางมุ่งหน้าไปหาเล่าปี่ที่เมืองกิจิ๋วทางทิศเหนือ ระหว่างทางก็ผ่านด่านต่าง ๆ ของเมืองฮูโต๋ ใครขัดขวางก็ฆ่าเสียเป็นจำนวนถึงหกคน จนข้ามแม่น้ำฮองโหได้แล้ว ก็แว่วข่าวว่าเล่าปี่หลบออกจากเมืองกิจิ๋ว มาอยู่เมืองยีหลำแล้ว พอดีเจอกับแฮหัวตุ้นทหารเอกของโจโฉ ซึ่งตั้งค่ายขัดตาทัพคอยระวัง ทางด้านอ้วนเสี้ยวอยู่ ก็เข้ารบกันได้สิบกว่าเพลง เตียวเลี้ยวก็ถือคำสั่งของมหาอุปราชโจโฉมาห้ามไว้และให้ปล่อยตัวกวนอูไป เพราะอยากจะทำคุณไว้ให้ตลอด

แต่เมื่อเตียวเลี้ยวถามว่า ซึ่งท่านมานี้จะไปหาเล่าปี่แห่งใด กวนอูก็ว่าเดิมรู้ว่าเล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยวก็จะไปหา ตอนนี้ได้ข่าวว่าออกมาจากอ้วนเสี้ยวแล้ว ก็จะเที่ยวสืบเสาะไปกว่าจะพบ เตียวเลี้ยวก็ใช้ความพยายามเป็นครั้งสุดท้ายว่า

"....เมื่อยังไม่รู้แน่ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใด ท่านจงกลับไปอยู่กับมหาอุปราชก่อน ถ้ารู้ข่าวว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดมั่นคง จึงค่อยไป...."

กวนอูก็หัวเราะแล้วว่า

"...ท่านว่านี้ไม่ควร ซึ่งตัวท่านจะกลับเข้าไป จงช่วยว่ากล่าวแก่มหาอุปราช ว่าอย่าขัดเคืองเราเลย ได้มีคุณแล้วจงทำให้ตลอดไปเถิด ภายหน้าเราจะแทนคุณมหาอุปราช......"

เตียวเลี้ยวก็จนใจไม่รู้จะว่ากล่าวประการใดต่อไปได้อีก จำต้องปล่อย ให้กวนอูเดินทางต่อไป ทั้งนี้ก็ด้วยบุญคุณของกวนอูที่ขอชีวิตตนไว้แต่ครั้งก่อน และ ฝีมือของตน ก็เป็นแค่นายทหารโทไม่คู่ควรกันด้วย แต่ครั้นจะแทนคุณโจโฉที่ไว้ชีวิตตน ด้วยการลงทุนเกลี้ยกล่อมกวนอูไว้ ก็ไม่สำเร็จอีก แล้วบุญคุณที่โจโฉมีต่อกวนอูครั้งนี้ จะเป็นผลสนองตอบอย่างไรนั้น คงจะต้องรอดูกันต่อไปในภายหน้า.

##########



Create Date : 03 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2558 18:12:12 น. 5 comments
Counter : 2066 Pageviews.

 
สามก๊ก... ฝ้ายไม่ถูกกับนิยายจีนแนวสามก๊กเลยค่ะ แต่อ่านแล้วบางทีก็อดทึ่งกับความคิดไม่ได้ว่า สุดยอดจริงๆ ได้อะไรกลับไปตลอด ความคิดดีๆหลายอย่างมักมาพร้อมกับการอ่านเลยค่ะ

แวะมาเยี่ยมคุณปู่เจียวต้ายค่ะ
ฝ้ายชอบเกาะกระทู้อ่านในถนน. ค่ะ เรื่องขำขันของคุณปู่เนี่ยขำจริงๆค่ะ

ขอขอบคุณที่คุณปู่แวะไปเยี่ยมฝ้ายนะคะ แอบเขินที่บ่นแล้วคุณปู่ไปเห็นค่ะ
ฝ้ายเห็นด้วยกับคุณปู่นะคะ เวลามีเรื่องอะไร ให้ระบายไปให้หมดแล้วก็จะดีขึ้นเองค่ะ

สวัสดีตอนเย็นค่า


โดย: มาอ่านเขียนกลอน วันที่: 3 พฤศจิกายน 2558 เวลา:16:07:58 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เจียวต้าย Literature Blog ดู Blog



โดย: มาอ่านเขียนกลอน วันที่: 3 พฤศจิกายน 2558 เวลา:16:09:40 น.  

 
ขอบคุณที่ไม่ชอบ แต่ก็อ่านได้

นับว่าได้ผลสมความมุ่งหมายของผู้เขียนครับ

คือเขียนให้คนที่ไม่รู้เรื่องสามก๊ก สามารถอ่านได้ ในฐานะเรื่องสั้น แล้วก็แอบรู้ตอนนั้นนิด ได้ข้อคิดตอนนี้หน่อย

จนกว่าจะอยากอ่านฉบับสมบูรณ์ จนได้ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2558 เวลา:18:18:43 น.  

 


โดย: สมาชิกหมายเลข 1779106 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2558 เวลา:14:33:59 น.  

 
ขอบคุณครับ เข้าไปอ่านมาแล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 7 พฤศจิกายน 2558 เวลา:12:25:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.