Group Blog
 
All blogs
 

ปลาระเบิดทิ้งทวน : หลงเอ็ง......เหลือเกิน



โลกนี้มีแต่การแบ่งแยก…..
ถ้าจะแยกคนในโลกออกจากกันอย่างง่ายๆ เราจะแยกได้ดังนี้

คนที่ไม่เลี้ยงปลาหมู กับ คนที่เลี้ยงปลาหมู
เมื่อก่อนผมเป็นคนพวกแรก ตอนนี้ผมเป็นคนพวกหลัง

เราสามารถแยกคนที่เลี้ยงปลาหมูได้อีกสองพวกง่ายๆ คือ

คนที่ไม่สนใจศึกษาก่อนที่จะเลี้ยงปลาหมู กับ คนที่สนใจจะศึกษาข้อมูลปลาหมูก่อนเลี้ยง
เมื่อก่อนผมเป็นคนพวกแรก ตอนนี้ผมเป็นคนพวกหลัง

หรือจะแยกแบบนี้ก็ได้

คนที่เลี้ยงปลาหมูเป็นเพื่อนปลาอื่น กับ คนที่เลี้ยงปลาหมูเป็นปลาหลัก
เมื่อก่อนผมเป็นคนพวกแรก ตอนนี้ผมเป็นคนพวกหลัง


นี่รูปตู้รกๆ ณ ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าที่หลบซ่อนเพียบครับ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมได้ผละใจออกจากปลาหมอไปบ้างเล็กน้อย เนื่องจากเบื่อ.....

ไม่ใช่เบื่อปลาหมอ แต่เบื่ออะไรหลายๆ อย่างที่มากับปลาหมอ

จนเมื่อวันนึง ผมเกิดสนอกสนใจปลากลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่ปลาหมอขึ้นมา

ความสนใจของผมมันไม่ใช่การสนใจแบบฉาบฉวย สนใจนิดหน่อยก็ไปซื้อมาเลี้ยงเลย
แต่มันเป็นการสนใจอย่างจริงจัง ความอยากรู้ ความกระตือรือร้นที่อยากจะทำความรู้จักปลาในกลุ่มนี้ให้มากยิ่งขึ้น

ปลากลุ่มนี้ เราเรียกพวกเขาว่า ปลาหมู หรือ ที่ฝรั่งมังกี้มันเรียกปลาในกลุ่มนี้ว่า Loaches

ปลาในกลุ่ม Loaches นั้นรวมไปถึงเหล่าปลาค้อ ปลาหมู ปลาผีเสื้อติดหิน ปลาติดหิน ปลาคูลี่

โดยชนิดที่ผมสนใจอยู่ ณ ตอนนี้คือ เจ้าปลาหมู นั่นเอง


ถ้าเปรียบปลาหมู เป็นผู้หญิง เธอคงเป็นผู้หญิงที่ไม่ซ้ำแบบใคร แม้จะอยู่ในสภาวะแวดล้อมเดียวกัน
เธอคงเป็นสาวอวบสมส่วน ร้อนแรง กระฉับกระเฉง
เป็นคนสนุกสนานชอบเข้าสังคมและรักสันโดษในคนคนเดียวกัน


ปลาหมูก็เช่นกันครับ จากที่สังเกตเฝ้าดูเรื่อยมา ปลาหมูเป็นปลาที่น่าสนใจไม่น้อย
แต่ต้องออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนะครับ เพิ่งจะสนใจเลี้ยงแบบจริงๆ จังๆ ก็คราวนี้แหละ
หลังจากที่เลี้ยงแบบฉาบฉวยมาหลายต่อหลายครั้ง

เราลองมาดูเสน่ห์ของปลาหมูกันหน่อยดีไหมครับ....



หลากหลาย

สิ่งที่น่าสนใจอย่างแรกคือ ปลาหมูในกลุ่มนี้มีหลากชนิด หลายสกุล ที่ในที่นี้จะขอพูดถึงเพียงสองสกุลเท่านั้น
เพราะเลี้ยงอยู่แค่สองสกุล

มาดูตัวแรกเลยแล้วกันนะครับ เจ้าหมูอินโด Clown Loach (Chromobotia macracanthus)
เลี้ยงมาราวๆ 3 ปีแล้ว ขนาดไม่ได้วัด
แต่จากการกะประมาณขนาดน่าจะอยู่ที่ราวๆ 4-4.5 นิ้ว ไม่ค่อยโต แต่ก็ไม่เคยงอแงครับ



ตัวนี้เป็นตัวที่แฟนผมรักมากๆ เพราะอยู่กันมานาน เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะป่วยเป็นจุดขาวไป เล่นเอาผมเครียดเลยทีเดียว
ว่าจะหาเพื่อนมาให้อยู่ แต่โอกาสไม่อำนวยซักกะที



ตัวต่อมาคือเจ้าหมูอินเดีย,หมูปล้องทอง (Botia Dario)

ปลาหมูตัวนี้มีเสน่ห์ที่ความน่ารัก สดชื่น กระตือรือร้นตลอดเวลา

เป็นปลาหมูที่มองนานๆ แล้วจะพาลตาลายเอาง่ายๆ
แต่จะว่าไปก็เหมาะดีสำหรับจะเลี้ยงเป็นฝูง
เพราะมักจะว่ายไล่ก่อกวนกันไปมาอยู่เสมอ ทำให้ตู้ดูมีชีวิตชีวาดีนะครับ




ต้องบอกก่อนว่า ถ้าไม่ได้รูปนี้ ผมคงไม่ทำกระทู้นี้
เพราะจากการที่เลี้ยงดูมานาน เชื่อไหมครับว่า ถ่ายภาพเจ้านี่แบบชัดๆ ไม่ได้เลย
การเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว กวนประสาท จนหลังๆ เริ่มจับจังหวะได้ ก็เลยได้ภาพอย่างที่เห็นนี่แหละครับ


ยอมรับอย่างนึงเลยคือ ตอนที่ซื้อหามาเลี้ยงนั้น ไม่รู้ขนาดโตเต็มที่ของปลาหมูชนิดนี้

แต่จากที่ลองไล่หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็พบว่า ปลาหมูชนิดนี้มีขนาดถึง 15 ซม. เลยทีเดียว

และคงอีกนานเพราะตอนนี้ตัวใหญ่สุดเพิ่งจะสามนิ้วเอง เหอๆๆ ลองนึกภาพตอนเขาโตเต็มที่ซิครับ คงสวยน่าดู....




ลำดับต่อไป หมูพม่า (Botia histrionica) ตัวนี้ยิ่งโตยิ่งสวยงามนะครับ ใครมีเลี้ยงไว้ก็เลี้ยงต่อไปให้ดีนะ
ผมเชื่อว่า ปลาตัวนี้ ยิ่งโตยิ่งสวยจริงๆ ครับ
เล่าเสียหน่อย ปลาหมูพม่าที่ผมได้มา 5 ตัว ขนาดกระจิ๋วมากมาย
ตอนเอามาทีแรกก็เห่อ ไปนั่งๆ นอนๆมองอยู่เรื่อยๆ เวลาผ่านไปสองวัน งานเข้าเลยครับ.....



เจ้าหมูพม่าที่ได้มาดันนำพาโรคจุดขาวติดมาด้วย คราวนี้ก็เลยสนุกกับการใส่ยาและเปลี่ยนน้ำกันไป

ดังนั้น ก่อนที่จะเอาไปใส่ตู้รวม ควรพักปลาก่อนซัก 1 อาทิตย์นะครับ ไม่งั้นอาจได้สนุกแบบผม

นี่ข้อมูลครับ
v
v
v
//www.pantown.com/board.php?id=2888&area=4&name=board9&topic=230&action=view

ตอนนี้ปลาทั้งห้าโตขึ้นมาบ้างแล้ว จุดขาวหายแล้ว กินดีอยู่ดี สบายใจจัง....




ตัวสุดท้ายสำหรับปลาหมูที่ผมมี ณ ตอนนี้แล้วนะครับ
และเป็นปลาหมูที่ผมชอบมากที่สุด เฝ้ามองมากที่สุด

ปลาหมูชนิดนี้คือ ปลาหมูลายเมฆ (Botia kubotai) ครับ
ปลาตัวนี้ จากที่เคยคุยกับพี่ท่านนึง เราต่างเห็นพ้องต้องกันว่า “เจ้านี่เป็นปลาหมูที่สวยที่สุด”



ความสวยและเสน่ห์ของหมูลายเมฆ ยากที่ปลาหมูอื่นๆ จะเทียบได้ ที่สำคัญยังเป็นปลาที่กระจายอยู่ในภาคตะวันตกของบ้านเราด้วย แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ที่จับมาขายกันน่าจะเป็นตัวจากพม่านะครับ

ปลาหมูชนิดนี้ถือว่ามีความหลากหลายของลวดลาย และ สี มากเหลือเกิน
โดยหากสังเกตดีๆ ท่านจะพบว่าลวดลายและความเข้มสีของแต่ละตัวจะไม่เหมือนกันนะครับ
ดังนั้นผมจึงสนุกสนานมาก เวลาได้ไปเลือกปลาชนิดนี้ในตู้



แต่ ณ ตอนนี้รู้สึกว่าจำนวนในตลาดจะลดน้อยลงมาก ไม่รู้ว่าปลาหายากขึ้นหรืออย่างไร
ใครมีปลาตัวนี้เลี้ยงอยู่ กรุณาเลี้ยงให้ดีนะครับ มันมีคุณค่ามากกว่าที่ท่านคิด....



จบไปแล้วสำหรับเรื่องชนิดปลาที่ผมเลี้ยง
แต่ใจจริงยังอยากหามาเลี้ยงอีกสองชนิดคือ

หมูม้าลาย Zebra Loach (Botia striata) และ หมูโยโย่ ,หมูปากี (Botia almorhae)<<< ตัวนี้เดี๋ยวมีน้องใจดียกให้เลี้ยงสองตัวครับ อิอิ

ตอนนี้รอขยายตู้เพื่อความสมบูรณ์อีกครั้งครับ



หมูคลั่ง

ครับ ผมพิมพ์ไม่ผิด ท่านๆ เคยเห็นปลาหมูคลั่งกันไหมครับ
ผมมักจะทำให้ปลาหมูคลั่งได้เสมอๆ เวลาให้อาหาร

จากการสังเกตปลาหมูจะชอบไส้เดือนน้ำมาก จะได้มาเป็นก้อนๆ หรือมาเป็นฝอยๆ กระจายๆ ปลาหมูก็ไม่เกี่ยง

ผมมักจะเฝ้าดูเวลาปลาหมู คลั่ง เสมอๆ อาหารคลั่งมีดังนี้

อันดับแรกจะนอนนิ่งๆ ดูเชิงไปก่อน
จากนั้นเมื่อเราท่านแง้มฝาตู้แล้ว ปลาหมูทั้งหลายจะเริ่มทำการเตรียมพร้อม

ต่อมา เมื่อหย่อนไส้เดือนน้ำลงไป เหล่าปลาน้อยจะเหมือนคนสติแตก
ไล่ฟัดไส้เดือนน้ำ เหมือนหมาพิทบลูกำลังขย้ำเด็ก<<<โหดไปป่าวหว่า....

เมื่อเหล่าไส้เดือนน้ำโดยสอยจนทั่วแล้ว เหล่าปลาหมูยังไม่หายคลั่ง ปลาหมูจะคอยเอาปากมุดไปในพื้นกรวดเพื่อหาไส้เดือนน้ำที่หนีรอด

บางตัวจะคอยไล่ล่าอย่างไม่หยุดยั้งแม้ไส้เดือนน้ำจะไปแปะตามตัวของปลาตัวอื่น....

ใครได้เห็นปลาหมูคลั่ง เป็นต้องสะใจเชื่อผมซิ หุหุ



ไม่ซ้ำใคร


อย่างที่บอกไว้ครับ ปลาหมูในตู้ที่ขายนั้นมักจะมีตัวที่ลวดลายแปลกแหวกแนว
เป็นลักษณะเฉพาะตัวอยู่เสมอๆ ขอเพียงท่านทั้งหลายให้เวลากับการมองดูปลาก่อนซื้อซักหน่อย
ย่อมได้ปลาหมูลายสวยๆ มาเลี้ยงได้อย่างไม่ยากเย็น โดยไม่ต้องพึงกระแสมาคอยปั่นราคาให้ปวดไข่ดัน



จริงๆ เสน่ห์ของปลาหมูยังมีอีกมากมายนะครับ แต่บอกหมดก็ไม่สนุกกันพอดี
ไว้ลองหามาเลี้ยงเองก็แล้วกัน ท่านอาจจะได้พบความน่ารักของปลากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้นะครับ

รักเอ็งเหลือเกิน................ปลาหมูผู้น่ารัก


สวัสดี




 

Create Date : 27 ธันวาคม 2551    
Last Update : 27 ธันวาคม 2551 15:52:18 น.
Counter : 4195 Pageviews.  

เธอคือใคร................???

วันเสาร์ที่ผ่านมาอากาศหนาวเย็นสบายกำลังดี

ผมก็ไปนั่งๆ นอนๆ เล่นอยู่ในเรือ ที่ท่าน้ำครับ

ดูปลา ดูนกไปเรื่อย แคะขี้มูกให้ปลากินบ้างไปตามเรื่อง ^_^




อยู่ๆ เธอ ก็ลอยผ่านมา

ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร เห็น เธอ ลอยมาใกล้ รีบคว้าเธอมาเชยชมอย่างไม่คิดชีวิต



เมื่อคว้าเธอมา ก็รู้ว่า เธอ สิ้นใจเสียแล้ว

ผมมอง เธอ ในสมองผมไม่มีความคิดอะไรเลยนอกจาก

ทำไม เธอ จึงจากไป.......



ผมมองดวงตา เธอ

ตา เธอ สวยสมวัย

สภาพภายนอกเรียบร้อยมาก มิมีราคีใดๆ

แต่ทำไม เธอ ถึงจากไป



ด้านหลังของ เธอ ครับ

ไม่รู้ว่า เธอ คือใคร

ใครรู้วานบอกผมที ผมไม่ถนัดเลยกับปลาตัวสีเงินๆ ของบ้านเรา แยกไม่ค่อยจะออก



ผมว่า เธอ สวยนะ


เมื่อตัว เธอ เริ่มแห้งแล้ว

ผมจึงปล่อย เธอ กลับคืนสู่สายน้ำ
ผมคิดว่า เธอ คงอยากจากไปแบบนี้

ขอให้ เธอ ไปดี




ผมมอง เธอ ค่อยๆ ลอยจากไป

พร้อมกับการตอดจิกของเจ้าปลาซิวทั้งหลาย

ป่านนี้ร่างกาย เธอ คงไม่เหลือแล้ว

แต่จิตวิญญารของ เธอ คงลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า และกำลังส่งยิ้มให้ผม




สวัสดี




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2551    
Last Update : 2 ธันวาคม 2551 14:09:01 น.
Counter : 564 Pageviews.  

ปลาระเบิดเล่าขาน : กีฬาสีแห่งชาติ




รู้จักกีฬาสีไหมครับ?


ผมว่าคนที่อ่านกระทู้ของผมออกแทบทุกคน จะต้องรู้จักกีฬาสีเป็นแน่แท้
กีฬาสีเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่ ไม่มีบันทึกไว้
แต่ตอนสมัยผมเรียน ประถม-มัธยม ผมต้องเจอกับมหกรรมกีฬาสีอยู่ทุกๆปี

ก่อนเริ่ม ทางคุณครูก็จะให้เราจับฉลากก่อนว่า ใครอยู่สีไหนกันบ้าง
พอได้สีแล้ว ตามสไตล์เด็กไม่รู้จักพอ ก็ต้องมีการแลกสีกัน
เพื่อให้พรรคพวกเพื่อนฝูงที่สนิทกัน มาอยู่สีเดียวกัน
^
^
^
นี่ขนาดเด็กนะ มันเล่นพรรค เล่นพวกกันตั้งแต่สะดือยังไม่แห้ง คิดเอา.....


ผมเองนั้นมีเพื่อนในกลุ่มอยู่ 5 คน ไม่ต้องห่วงครับ พวกผมไม่เคยแลกสีกับใคร เพื่อให้พรรคพวกมาอยู่ด้วยกัน

เพราะผมใช้วิธี เขียนชื่อสี แจกกันครบ 5 คนแล้วครับ <<< เหนือชั้นมาก......ขอบอก

จับมากี่ครั้งก็สีเดียวกันหมด
(วิธีนี้เราทั้ง 5 คน ต้องจับเป็น 5 คนสุดท้ายนะครับ เพราะคนสุดท้ายต้องเอาเศษกระดาษชื่อสีไปทิ้ง ไม่งั้นอาจโดนคุณครูจับได้....)

และสีที่เราเลือกนั้นก็คือ สีชมพู



ผู้ชายหลายคนคงรู้สึกไม่ชอบสีชมพู เพราะสีชมพูมันดูอ่อนหวาน เหมาะกับสตรีเพศมากกว่า
แต่สำหรับพวกผมทั้งห้าคนแล้ว สีชมพูนั้นคือสวรรค์เลยทีเดียว
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่แสตนสีชมพู มีแต่สาวๆ เยอะแยะเต็มไปหมด



อาจารย์ใหญ่เคยกล่าวเกี่ยวกับจุดประสงค์ของการจัดงานกีฬาสีว่า

ก็เพื่อให้เยาวชนได้มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
รักและเข้าใจในการออกกำลังกาย
ไม่ไปหมกมุ่นกับคลิปคนหน้าเหมือนนายกพาสาวไปซื้อตู้เย็น

เด็กๆส่วนใหญ่ในโรงเรียนก็เชื่ออย่างนั้น แต่สำหรับพวกผมและเพื่อนแล้ว นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลัก หุ หุ

การจัดกีฬาสีของโรงเรียนผมนั้นมีสปอนเซอร์ด้วยนะครับ
สปอนเซอร์ที่ว่าก็คือ ร้านค้า ร้านขายของแถวๆโรงเรียนนั่นเองครับ
ทั้งร้านเกมส์กดเฮียหนู ร้านป้าจุ๊น้ำปั่น ลุงโจงผลไม้ดอง ป้าเล็กขนมหวาน เป็นต้น

ร้านเหล่านี้เป็นผู้อุปถัมภ์ขนมนมเนยต่างๆ ในงานครับ
ขนมนมเนยที่มีแจกนั้น แม้ไม่เยอะเท่างานเลี้ยงโต๊ะจีนลิง
แต่ก็สามารถเลี้ยงขนมเด็กๆ ทั้งโรงเรียน ให้อิ่มอร่อยได้อย่างแน่นอน



สิ่งที่คู่กับกีฬาสีมี 3 อย่างครับ
-หนึ่ง ค่าเสื้อ ค่าหมวก ค่ากิจกรรมที่คอยท่ารีดไถท่านผู้ปกครองทุกท่าน
-สอง การบังคับขู่เข็ญให้เด็กไปแข่งกีฬาโดยไม่สนใจเลยว่า เด็กมันอยากแข่งหรือไม่
-สาม เชียร์ลีดเดอร์ สาวๆ สวยๆ.... <<<< อันนี้เข้าท่าที่สุด ว่าไม๊ครับ


สาวๆในวัยเดียวกับเรา แต่งชุดสวยๆ เหมือนนักร้องคาเฟ่ ผสมนักกายกรรมเปียงยาง
มาเต้นอยู่หน้ากองเชียร์ นุ่งสั้นบ้าง บางบ้าง ก็ไม่เป็นไร ขอสวยไว้ก่อน

พวกผมเองนั้นไม่ลงแข็งกีฬาเลยซักชนิด ไม่เข้าร่วมเชียร์บนแสตน ไม่ฝึกร้องเพลงเชียร์ใดๆทั้งสิ้น

เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ช่วยให้การเรียนของพวกผมดีขึ้น
สิ่งที่พวกผมรอคือ การนั่งดูสาวๆ เต้น เต้น และ เต้น

ใครจะเก่ง สีไหนจะชนะ สีไหนจะแพ้ สีไหนจะโกง ช่างหัวมัน เราดูแค่สาวเต้นเป็นพอ
เพราะสีไหนจะชนะ มันก็ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ฉะนั้นอย่าไปสนใจ



เราทั้งกลุ่มนั่งแอบๆ ใต้ต้นหูกวางฝั่งตรงข้ามกับแสตน คอยมองสาวๆ เท้าไฟอย่างตาเยิ้ม

บางครั้งก็มีตกใจเหมือนกัน เพราะถูกคุณครูเรียกเข้าไปนั่งบนแสตนเชียร์
แน่นอนครับ พวกผมไม่มีวันไปแน่นอน พวกผมจึงวิ่งหนีครับ

วิ่งไปไกลๆ แล้วเดี๋ยวก็มานั่งใหม่ พอแกเห็น แกก็จะเรียกอีก
แต่ไม่เกินสามครั้ง เดี๋ยวแกก็เอือมระอาไปเอง

“สาวๆ เชียร์พวกนี้แปลก ยิ่งแดดร้อนยิ่งสวย” เพื่อนผมพูดขึ้นมา
พวกเราที่เหลือไม่พูดอะไร แต่รู้อยู่แก่ใจว่าทุกคนคงเห็นด้วย

“สาวสีชมพู สวยที่สุด” ผมพูดขึ้นมาบ้าง
แต่คราวนี้พวกเราต่างมีความคิดที่ไม่ตรงกันครับ

“กูว่าสีเหลืองสวยกว่า มึงดูซิ ขางี้.....ขาววววววววว.....” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมากลางลำ
“ไม่ ไม่ สีแดงนี่แม่ของลูกกูเลย หน้าหมวย ตัวเล็ก เซ็กจัด” เพื่อนอีกคนพูดขัดขึ้นมาพร้อมด้วยอ๊อฟชั่นเสริม
“สีเขียวก็สวยนะ หน้าแขก ขาว ตาโต ผมหยักโสก” อีกคนพยายามแสดงความคิดเห็น

เราเถียงพลาง หัวเราะพลาง แม้ความคิดเห็นไม่ตรงกันแต่เราทั้งห้าคนก็ยังเป็นเพื่อนกันได้
เวลาบ่ายคล้อย อาจารย์เรียกนักเรียนทั้งโรงเรียนมาเข้าแถวเพื่อร่วมพิธีมอบเหรียญแก่ผู้ชนะ
ส่วนผู้แพ้ก็เฉยๆ ไม่เห็นต้องเดือดร้อน วิ่งเต้นเอาเงินใส่ซองไปยัดให้ศาลแต่อย่างใด



ผมแอบมองสาวๆ นักเชียร์ที่เต้นกันมาทั้งวัน พวกเธอยังสวยไม่สร่าง
ยังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ ไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแต่อย่างใด
ผมคิดว่าถ้าให้เธอเต้นกันข้ามวัน ข้ามคืน พวกเธอก็เต้นได้
โดยเฉพาะสีชมพู สวยเสียดใจผมจริงๆ





พิธีมอบเหรียญเสร็จสิ้นก็เป็นพิธีมอบรางวัล กองเชียร์ดีเด่น

ปีนี้ สีเขียวได้รับรางวัลนี้ไปเพราะความพร้อมเพียง โชว์สวยงามผาดโผน
มีทั้ง ตีลังกา แหกขา กระโดดเตะ เรียกเสียงปรบมือได้อย่างล้นท้น

สีแดงอดได้รางวัลเพราะเป็นนอมินี แถมยังเสือกสั่งตำรวจทำร้ายประชาชน
พอโดนด่ามากเข้าก็ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบ แต่ก็ลงโทษอันใดไม่ได้

สีเหลืองนี่ก็ใช่ย่อย ด่าทอหยาบคายราวกับโสเภณีทะเลาะกับจันทานข้างถนน
แถมยังดื้อด้านประกาศป่าวๆ ว่าทำเพื่อความถูกต้อง ทั้งๆ ที่ทำผิดกฎหมายไปตั้งหลายอย่าง

สีชมพู เองได้รางวัลชมเชย เพราะลีดเดอร์ทั้งทีมเต้นไม่หยุด
แม้ท่าเต้นไม่โลดโผนโจนทะยานแบบสีเขียว แต่ก็มีความอ่อนช้อยสวยงามเข้าจังหวะกับกองเชียร์อย่างมาก
รางวัลที่ทำดีนี้จึงควรเป็นรางวัลชมเชยในที่สุด

กีฬาสีเลิกในตอนเย็น เด็กๆ ต่างยังสนุกสนานกับอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย
ผู้ปกครองต่างพาบุตรหลานทยอยกลับบ้าน
บ้างได้เหรียญรางวัลก็พาไปกินเลี้ยงตามฐานะ

ผมเองนั้นยังไม่กลับ เพราะนั่งมองสาวลีดเดอร์สีชมพูต่อ อย่างสบายอารมณ์
มองจนเธอเดินจาก ลับตาไปอย่างมีความสุข......

วันนี้ ประเทศเรากำลังเล่นกีฬาสีกันครับ
มีให้เลือกสองสีสำหรับผู้ที่อยากลงแข่ง
มีสีเหลือง และสีแดง เข้าห้ำหั่นทำสงครามกลางเมืองกันอยู่
กีฬาสีนี้ ผู้ชนะไม่ได้เหรียญ ผู้แพ้ก็ไม่ได้รางวัล
แต่สิ่งที่ผู้แข่งขันทั้งสองฝ่ายจะได้ก็คือ ความถดถอยย่ำแย่ของประเทศชาติ
ยิ่งแข่งนานเข้า ประเทศชาติก็ยิ่งทรุด

วันนี้หนทางแห่งการจบเกมส์ยังมองไม่เห็น
แต่เชื่อว่า ซักวันหนึ่งเกมส์นี้ต้องจบ
ถ้าเกมส์ไม่จบ ประเทศชาติก็จบ.....

ผมไม่รู้ว่า จะมีใครคิดเรื่องหลังการแพ้ชนะบ้างนะครับ
ไม่รู้ผมคิดไปคนเดียวหรือเปล่า รู้สึกว่า พอผลแพ้ชนะออกมา
คนที่เจ็บปวดที่สุด ก็คือประชาชน

เขียนถึงบรรทัดนี้ ใจกลับรู้สึกหดหู่.....
ตอนนี้เขามีให้เลือกแค่สองสีเองนะครับ ซึ่งผมไม่ชอบเลยทั้งสองสี
น่าจะมีสีชมพูให้ผมเลือกบ้าง เผื่อจะเจอสาวสวยคนนั้นอีก





ด.ช. ปลาระเบิด เกิดมายาว
ป.๖/๑ ห้องครูอำนวย



สวัสดี.......






ปลาระเบิดขี้เห่อ : No.3 Tank

จากกระทู้นี้ //www.ninekaow.com/wbs/view.php?sub=05&id=4293

โดยคุณ bergkit17

อันดับสามของกระทู้ แต่อันดับหนึ่งในใจผมครับ

เจ้า Satanoperca Leucosticte

วันนี้เลยขอเอาตู้เจ้านี่มาให้ดูกันซักหน่อยนะครับ
ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับปลาของตัวเองนานแล้ว
วันนี้เลยขอซะหน่อยหนึ่ง

ขอเริ่มด้วยเจ้าลูคอสเลยก็แล้วกันนะครับ มีอยู่ 4 หน่วยและจูรูพารี อีก 2 หน่วย
กำลังโตวันโตคืนครับ



ปลาสองชนิดนี้ ไม่ลอง ไม่รู้จริงๆ ครับ

ผมเองก็เพิ่งเห็นออฟชั่นใหม่ของปลาทั้งสองครับ
ถ้าอยากเห็นต้องรอตอนแดดส่องตู้ครับ

เมื่อแสงแดดกระทบกับครีบหลังของเจ้าลูคอสและจูรู
เหลือบสีชมพูอมม่วงบนครีบตัดกับลวดลายสีเขียวอมฟ้า สวยงามจับใจจริงๆ

(ลูคอสดูจะสีเข้มกว่าจูรูนะครับ)
เสียดายที่เก็บภาพนั้นมาไม่ได้ พอยื่นกล้องไป พวกก็ว่ายแอบไปหลังขอนไม้ทุกทีซิน่า.....



ต่อไปก็เจ้าเทวดาตันโจ คู่นี้ครับ สวย 1 ไม่สวย 1 เพราะเล่นกันเอง
ตอนแรกเลยมี 4 ตาย 1 แจก 1
ก็ถือว่าสวยงามสมราคาและค่าอาหาร

อีกเสน่ห์ของเจ้าเทวดาคู่นี้คือ การว่ายควงสว่านครับ
ว่ายควงจนผู้เลี้ยงอย่าผมใจตกไปอยู่ที่ตับหลายรอบแล้ว

กินเก่ง กินดีครับ ว่ายครองครึ่งบนของตู้ไปเลย เจ้าสองตัวนี้



ตัวต่อมาก็เหล่าปลาแพะที่เหลือของผม
ตอนแรกมีเป็นสิบ แจกเขาไปซะเกือบหมด สุดท้าย เหลือสองตัว
เป็น สเตอไบร์ 1 และแพะเขียว 1 ครับ



ผมชอบนะแพะเขียว
เหมาะที่จะเป็นตัวประดับตู้มาก ๆเพราะสีสันไม่เด่นดี ขยันเก็บอาหารดีมาก ๆ
ชอบหนอนแดงเป็นที่สุด ถ้าได้กลิ่นหนอนแดงแช่แข็งนี่ สู้ตายจริงๆ





อีกตัวคือเจ้าหมูลายเมฆที่ไม่ได้เลี้ยงมานาน
ผมได้มาแบบฟลุ๊คๆ 1 ตัว
ซึ่งเหลือแค่ตัวเดียวทั้งร้าน เอามาเลี้ยงแล้วติดใจจริงๆ
ด้วยความน่ารัก กินเก่ง เลี้ยงไม่ยากเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่กินอาหารสำเร็จรูป
แต่เชื่อว่าอีกไม่นานต้องใจอ่อนแน่ๆครับ



ตอนเอามาแรกๆ ผมเอาใส่ตู้ 24 นิ้ว จับถ่ายพยาธิจากนั้นก็รออีก 3 วัน
พอแข็งแรงดี ไม่หอบ กินอาหารดีแล้วก็ตักมาใส่ตู้นี้เลย
หลบแป๊บเดียวก็ออกมาว่ายโชว์ตัวตลอดแล้วครับ
นี่กะว่าจะเอามาอีก หลงรักจริงๆ



อีกตัวที่อยากนำเสนอมากๆ คือเจ้าปลาหลดภูเขา
จริงๆ ผมมีแล้วสองตัว จากป๋าสามบั้งครับ
ตอนนี้โตขึ้นเยอะพอสมควร กินเก่งและต่างมีรูเป็นของตัวเอง

ปลาหลดนี่ จะว่าไปเป็นปลาที่น่ารัก น่าเลี้ยงมากๆ เลยนะครับ
ไม่ลองไม่รู้จริงๆ ขอบอก ขอบอก

เจ้าตัวที่ได้มาใหม่นี้ แปลกประหลาดกว่าตัวอื่นหน่อยหนึ่งคือ
ตัวนี้ช๊อตนิดๆ ครับ



ลองสังเกตุดูที่หางนะครับ หางเขาจะหายไปราวๆ เศษหนึ่งส่วนสี่ของร่างกาย
แปลกๆ และน่ารักดี ตอนไปดูที่รานก็ไม่ได้กะจะเอาปลาหลดเลย
แค่ไปดูสาวในร้านเฉยๆ

แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นเจ้านี่พอดี โดนใจอย่างแรงครับ
เลยขอรับมาเลี้ยงด้วยราคา 10 บาท ถูกแสนถูก เหมาะกับฐานะทางการเงินของผมจริงๆ

ปลาหลดนี่เหมาะมาก ที่จะเลี้ยงกับปลาหมอที่ไม่ดุนะครับ
ลองหามาเลี้ยงดู แม้จะไม่กินอาหารเม็ด แต่ก็กินอาหารแช่แข็งได้อย่างดี
ไม่มีเล่นตัวแต่อย่างใด



ตู้นี้ เป็นตู้ที่ผมมักจะสะกดผมให้นอนกลิ้งไปมาอยู่หน้าตู้ได้นานนับชั่วโมง
นานกว่าเวลาผมไปมองสาวๆในตู้อีกนะครับ

เลี้ยงปลาแบบนี้ มันมีความสุขดีแท้.......ว่าไม๊ครับ






สวัสดี




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2551 16:49:18 น.
Counter : 1111 Pageviews.  

ปลาระเบิดเล่าขาน : วาระแห่งชาติ



สมเป็ด เป็นเด็กขยัน เรียนดี เขาตั้งใจสอบเพื่อเข้าสถาบันชั้นนำของประเทศ

ในขณะที่เด็กวัยรุ่นในเมืองหลวง มัวแต่มุ่งโหลด clip ดาราล่อกัน
สมเป็ดกลับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือเรียน ดูข่าวสารบ้านเมือง
โดยไม่ต้องเสียค่าโง่ให้อาจารย์สอนพิเศษแต่อย่างใด

เขาคิดว่าคำตอบในข้อสอบที่เขาต้องเผชิญนั้น ล้วนมีอยู่ในสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น



ผู้ที่ให้กำลังใจเขาเสมอคือ พ่อของสมเป็ดนั่นเอง
พ่อผู้พยายามหาข่าวสารใหม่ๆ ข้อเท็จจริงต่างๆ นาๆ มาให้สมเป็ดอ่าน

เวลาผ่านไปหลายเดือน ข่าวแอบถ่ายดาราเงียบสนิทแล้ว เหลือเพียงแค่ยอดเทปที่พุ่งขึ้น
และกำไรในกระเป๋านายทุน

สมเป็ดตื่นแต่เช้าเพื่อไปสอบ
เมื่อไปถึงเขาเปิดข้อสอบออกมา เขาต้องตกใจ ข้อสอบทั้งหมด มีเพียงข้อเดียว
ข้อสอบข้อนั้นมีคะแนน 100 คะแนน



ข้อสอบข้อเดียวนั้น ถามสมเป็ดว่า


V
V
V


“จงเขียนชื่อนักการเมืองที่รักประชาชน รักประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องมาหนึ่งชื่อ”

.....
....
...
..
.

ผลสรุปว่าในปีนั้น ไม่มีนักเรียนคนใดในประเทศสอบผ่านข้อสอบข้อนี้ไปได้เลย.........แม้แต่สมเป็ดเอง

หลังวันประกาศผลสอบ
กระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องเรียกประชุมใหญ่และนำเอาข้อสอบข้อนี้เป็นวาระแห่งชาติเลยทีเดียวเชียว

ทำอะไร สงสารเด็กมันบ้างนะท่านทั้งหลาย







-----------------------------------------------------------------------------




ปลาระเบิดบันทึก : สลิ่ม + ทับทิม + ข้าวโพด + น้ำแดง


ย้อนไปเมื่อผมยังเด็ก อายุราวๆ 11 ปี จำได้ดีเลยตอนนั้นอยู่บ้านย่า ที่ อ.ท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

ผมมักกลับบ้านย่า เวลาปิดเทอมทุกๆ ปี เคยถามพ่อเหมือนกันว่าทำไมต้องกลับไปบ้านย่าทุกปิดเทอม

พ่อบอก “ปิดเทอม พวกเอ็งกินกันเปลือง อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำอะไร อยู่ไปก็ไร้ค่า สู้ไปอยู่บ้านย่าไม่ได้
บ้านย่ามีอะไรให้ทำเยอะ จะได้ไม่อยู่อย่าง ว่างๆ “




ผมอยู่บ้านย่าตามที่พ่อต้องการ
อยู่ก็ใช่ว่าอยู่เปล่าๆ ทำงานช่วยย่าบ้างไปตามเรื่อง ทั้งรดน้ำต้นไม้
ถอนหญ้า เก็บมะม่วง(อันนี้มันส์มาก) บางทีก็ไปวัดกับย่า ช่วยย่าถือของเวลาไปตลาด

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ย่าพาหลานๆ ทั้ง 5 คน ไปกินขนมหวานร้านดังร้านหนึ่ง
เจ้าของร้านเป็นเพื่อนย่า อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ชอบดูลิเกคณะเดียวกัน

เพื่อนย่าคนนี้เป็นผู้หญิงนะครับ ทำอาชีพขายขนมหวานและน้ำแข็งใส
ขายมานานบวกกับทำอร่อยลูกค้าเลยติดใจ มากินกันจนแน่นร้านแทบทุกวัน



เมื่อมาถึงร้านเราก็จัดแจงสั่งขนมหวาน น้ำแข็งใสมากิน
พี่คนสวยเดินมาจดรายการ ผมยังจำได้เลยว่า พี่คนนั้นสวย น่ารักขนาดไหน...

ลอดช่องน้ำกะทิครับ พี่ชายผมสั่ง
บัวลอยใส่ไข่ค่ะ พี่สาวผมสั่ง
มัน เผือก น้ำกะทิค่ะ น้องสาวตัวดำๆ ของผมสั่ง
ขนมปังน้ำแดงครับ น้องชายอีกคนสั่ง

ผมเองนั้นมัวแต่มองหน้าตาพี่สาวคนสวยจนลืมสั่งของ พอถึงตาผมสั่ง ผมเลยคิดอะไรไม่ออก
เลยสั่งของที่เคยกินที่กรุงเทพฯเอาก็แล้วกัน

สลิ่ม ทับทิม ข้าวโพด น้ำแดง ใส่นมข้นเยอะๆ ครับ ผมสั่ง

ทุกคนยกเว้นน้องสาวของผมมองหน้าแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร....



เมื่อทำเสร็จ ขนมของทุกคนมาที่โต๊ะ ยกเว้น ขนมที่ผมสั่ง

ซักพัก เพื่อนคุณย่าเดินมาที่โต๊ะ

“ขนมนี่ใครสั่ง” แกพูดเสียงเหน่อๆ นิดๆ ตามสไตล์สาวเมืองกาญจนบุรี
“ผมครับ” ผมยกมือเกรงๆ
“กินได้หรอ” แกถามผมต่อ
“กินได้ครับ อร่อยดี หวานๆ มันๆ ” ผมบอก พร้อมเสริมด้วยข้อดี
“ฉันทำไม่เป็นหรอก เอานี่ไปกินแทนแล้วกัน” แกยื่น สลิ่มน้ำกะทิมาให้ผม
“ไว้ไปกินที่กรุงเทพแล้วกันนะ หนู” แกบอกผมซ้ำแล้วเดินจากไป

ผมนั่งมองสลิ่มน้ำกะทิในถ้วย ด้วยอาการอายเล็กๆ
ผมผิดตรงไหนหรือ ที่ผมอยากกินอะไรที่ไม่เหมือนใคร
ผมผิดด้วยหรือ ที่อยากกิน สลิ่ม ทับทิม ข้าวโพด น้ำแดง ใส่นม.....เยอะๆ

วันนั้นผมก้มหน้าก้มตากินสลิ่มน้ำกะทิต่อไปอย่างเงียบๆ เจียมตัว
รสชาติน้ำกะทินั้นแม้จะหวาน ก็หวานลงคอ
แต่ใจผมนั้นมันขมสิ้นดี.......

ตั้งแต่วันนั้นผมไม่กินขนมร้านแกอีกเลย แม้ว่ามันจะอร่อยซักเพียงใดก็ตาม



ผมเก็บความแค้นนี้มานานหลายปี เวลากลับไปบ้านย่า ก็มักจะมองร้านแกแบบแค้นๆ อยู่เสมอ

ทำไมวะ ผิดตรงไหนที่กินไม่เหมือนใคร.... ผมบ่นในใจ
จนตอนนี้ผมคิดว่าโตพอที่จะกล้าสั่งขนมวิเศษชนิดนี้ที่ผมคิดขึ้นมาอย่างกล้าหาญได้แล้ว

แต่น่าเสียดายที่เพื่อนย่าผมคนนั้นไม่อยู่ที่ร้านแล้ว แกขายไม่ไหวเลี้ยงหลานอยู่บ้าน
ส่วนพี่สาวคนสวย ตอนนี้ก็กลายเป็นคุณแม่ลูกสามไปสียแล้ว (อันนี้โคตรน่าช้ำใจ)

ร้านขนมยังอยู่ แต่คู่กรณีไม่อยู่ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง
ได้แต่ก้มหน้าก้มตากิน สลิ่ม ทับทิม ข้าวโพด น้ำแดง ใส่นม.....เยอะๆต่อไป

จนเมื่อมาถึงวันหนึ่ง ณ ร้านขนมหวานในห้างชื่อดังแถวดอนเมือง

“รับอะไรดีจ๊ะ” หญิงชราท่าทางคล้ายๆ เพื่อนย่า ถามผม
“สลิ่ม ทับทิม ข้าวโพด น้ำแดง ใส่นมข้นเยอะๆ ถ้วยนึงครับ” ผมบอก ในมือกำคูปองไว้แน่น
“กินได้หรอลูก เอาสลิ่ม ทับทิม น้ำกะทิดีกว่าไม๊” <<<< เข้าทางเลยถามแบบนี้

“ไม่เอาครับ ผมจะกินแบบนี้ของผม ถ้าไม่ได้ไม่กินครับ” ผมบอกแกด้วยแววตามั่นใจเต็มเปี่ยม

แกก้มหน้าก้มตาตักสิ่งที่ผมต้องการใส่ถ้วย ในใจแกคงแช่งให้ผมตายโหง
“ใส่นมเยอะๆ ด้วยนะครับ” ผมบอกก่อนที่แกจะยื่นถ้วยให้ผม
แกใส่นมแบบประชดเล็กน้อย แล้วยื่นถ้วยให้ผม “ยี่สิบบาทจ๊ะ” แกบอกราคาก่อนที่เราจะจากกัน



ผมจากแกมาด้วยอาการสะใจเล็กน้อย
ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมเลือก มันดีสำหรับผมแล้ว
ไม่จำเป็นเลย ที่จะมาเสนอสิ่งดีๆ ในความคิดของคนอื่นมาให้ผม

สิ่งที่เราคิดว่าดี แม้มันจะไม่ดีในสายตาคนอื่น
แต่อย่างน้อย เราก็เป็นผู้เลือกเอง กำหนดเอง

ผมก้มลงมองดูขนมหวานในถ้วย ไม่น่าเชื่อว่า สีเหลืองของข้าวโพด
จะเข้ากันได้ดีกับสีแดงของทับทิมและน้ำหวานอย่างลงตัว

ไม่มีการแบ่งข้างกันแต่อย่างใด

การกินให้อร่อยนั้น ควรกินหลายๆ อย่างรวมกัน ในคำเดียวกัน
หากเลือกกินอย่างใดอย่างนึง รสชาติที่ได้ มันจะไม่เต็มที่ซักเท่าใดนัก

ผมภูมิใจกับ สลิ่ม ทับทิม ข้าวโพด น้ำแดง ใส่นม.....เยอะๆ ของผมจริงๆ ครับ



ปล. ผมเคยให้คนอื่นกินขนมหวานถ้วยนี้แล้ว 8 ใน 10
บอกว่ารสชาติแปลกประหลาดพิกล กินลงด้วยหรอ
1 ใน 10 บอกว่า ก็ดี
ที่เหลืออีก 1 ไม่กล้าลอง กลัวท้องเสีย



สวัสดี.....




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2551    
Last Update : 31 ตุลาคม 2551 15:53:32 น.
Counter : 1219 Pageviews.  

ปลาระเบิด บรรลุ : พูด ปลา ปลา

ปลา สัตว์ที่มีคุณอนันต์กับเราชาวมนุษย์มากมายนัก
คนที่อ่านบทความของผมออก คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักปลา
ปลาในอุดมคติของใครหลายๆ คน คงเป็นได้ทั้ง อาหาร เพื่อนแก้เหงา อาชีพ ภาระ ฯลฯ

จะเห็นได้ว่า ปลา มันเป็นอะไรที่หลากหลายมากๆ
ในบางครั้งมีคนเอาปลาไปทำร้ายคนอื่นก็มี
เช่น “ ปลา “ หัวพ่อมึน เป็นต้น

ปลานั้นเป็นสัตว์เลี้ยงที่เข้าใจยากพอสมควร

ปลาไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น

หมาเวลาดีใจมันจะกระดิกหาง เห่า กระโดดโลดเต้น
แต่ปลาดีใจ เป็นยังไง ใครเคยเห็น.....

แมวเลียที่ตัวแสดงว่ามันกำลังเสริมสวย เพื่อออกงานสังคม
ปลาเลียตัวเองไม่ได้ แล้วปลาแต่งตัวเป็นยังไง วานบอกที.....

ผมจึงมานั่งคิดอยู่หลายต่อหลายวันแล้วว่า ปลา มันจะคิดยังไง
มันจะบ่นไหม มันจะหงุดหงิดหรือเปล่า

เรามาลองคิดกันเล่นๆ ดูเนอะ ว่าปลามันจะทำยังไงเมื่อเรากระทำต่อโลกของมัน
V
V
V



-เวลาเราเปลี่ยนน้ำ เรามักจะดูดกรวด โดยเอาสายยางจุ่มลงไปในตู้-

ปลาตัวที่ 1 : เอาอีกแล้ว มาอีกแล้ว มาทุกอาทิตย์ ดีนะ ที่ไม่มาเดือนละครั้ง ไม่งั้นจะเรียกเอ็งว่า ไอ้หน้าเมนส์.....

ปลาตัวที่ 2 : ดูดมันเข้าไป นั่น ตามซอกหิน ใต้ขอนไม้ ดูดเข้า ไอ้เวรเอ๊ย
ตูอุตสาห์เก็บอาหารไว้กินตอนกลางคืน มันดูดทิ้งอีกแล้ว

ปลาตัวที่ 3 : เอา เอ๊า ...... ขัดเข้ากระจกน่ะ อยากจะรู้เรื่องของชาวบ้านเขาเหลือเกินนะ
ไม่ยุ่งซักเรื่องได้ไม๊เนี่ย



-เราเดินผ่านหน้าตู้ปลา ในเวลาอาหาร-

ปลาตัวที่ 1 : เดินอยู่นั่นแหละ หิวแล้วนะโว้ย

ปลาตัวที่ 2 : ยัง.........ยังงงอยู่ ยังไม่ไปหยิบอาหารมาอีก ใส้จะขาดตายแล้วนะเว้ย

ปลาตัวที่ 3 : ใส่มาเยอะๆ ซิ ทำไม.... กลัวเปลืองรึไง หย่อนลงมาอีกหลายๆเม็ดเลย
แค่นี้ทำเป็นงก ทีหล่อนเอาเงินไปซื้อครีมทาหน้าขาว พวกชั้นยังไม่บ่นเลยนะ .....เห็นแก่ตัวจริงๆ.....

ปลาตัวที่1,2 : ช่ายยยยยยยยยยย



-เมื่อเราเปิดไฟเพื่อดูปลา-ถ่ายรูป-

ปลาตัวที่ 1 : อุ๊....... แสบตา แมร่ง.....ใครเปิดไฟวะ ไม่มีความเกรงใจกันเล้ยยยยยย

ปลาตัวที่ 2 : โธ่เว้ย กำลังฝันดีอยู่เลย มันจะเปิดหาพระแสงอะไรนักหนาวะ

ปลาตัวที่ 3 : มันจะมาดูอะไรตอนนี้วะ ดู๊....... ดูมัน มันยังเอากล้องมาถ่ายเราอีก
ชั้นยังไม่ได้แต่งหน้าเลยนะย๊ะ



-ณ ตอนที่เรานั่งดูปลา-

ปลาตัวที่ 1 : เอ๊ย....แกล้งมันหน่อยดีกว่า นั่งมองอยู่ได้

ปลาตัวที่ 2 : ได้ๆ ทำพร้อมๆกันนะ

ปลาตัวที่ 3 : โอเช หนึ่ง สอง.....

ปลาตัวที่ 1,2,3 : สาม!!!
^
^
^
แล้วปลาทั้งสามก็ว่ายเอาตัวไปถูหินเล่นพร้อมๆกัน คนเลี้ยงตาโต รีบเช็คค่าน้ำ
เปลี่ยนน้ำล้างกรองโดยไว เหนื่อดีจริงๆ



-เวลาเราเอาปลาใหม่ลงตู้-

ปลาตัวที่ 1 : มาอีกแล้ว มันคิดว่าตู้ใบแค่นี้เป็นทะเลสาบรึไงวะ ใส่มาอยู่ได้

ปลาตัวที่ 2 : นั่นซิ แค่นี้ยังไม่ค่อยจะมีที่ให้ว่ายเล่นเลย

ปลาตัวที่ 3 : แกล้งมันดีกว่าว่ะ ชอบนักตู้เล็กๆ เจือกยัดปลาใส่มาเยอะๆ เนี่ย

จากนั้นปลาทั้งสามตัวก็ว่ายไปใกล้ๆ ถุงปลาใหม่ ซุบซิบอะไรก็ไม่ทราบได้

เมื่อถึงเวลาปล่อย เจ้าปลาใหม่ก็ว่ายควงสว่านร่วงลงมาที่พื้น
เจ้าปลาทั้งสามตัวหัวเราะกร๊าก

ส่วนผู้เลี้ยงตาเหลือก รีบตักปลาใหม่มาใส่ตู้พยาบาลแล้วให้อากาศแรงๆ

ปลาทั้งสามตัวไม่โดนเบียดเบียน ส่วนเจ้าปลาใหม่ ก็ได้อยู่ตู้ใหม่ ตัวเดียว เดี่ยวโดด สบายไป.....



-เมื่อครบกำหนดง้างปากแม่ปลา-

ปลาตัวที่ 1 : ลูกๆเอ็งนี่น่ารักดีเนอะ

ปลาตัวที่ 2 : เออ มันสวยเหมือนพ่อมัน

ปลาตัวที่ 3 : อู อ้อง อู อ้อง (ถูกต้อง ถูกต้อง)

ฟุ๊บ!!! เสียงกระชอนทะลุผืนน้ำเข้ามาตักแม่ปลาไป

ปลาตัวที่ 1 : เฮ้ย เอ็งจะเอาหลานๆ ข้าไปไหน

ปลาตัวที่ 2 : ที่รัก...... ลูกพ่อ ม่ายยยยยยยยยยยยย

ปลาตัวที่ 3 : แหวะ ๆ แงะๆ อ๊าๆๆ (โดนง้างปาก แหกเหงือก)
หลังจากนั้นปลาทั้งสามก็ไม่พูดจากันอีกเลย เป็นเวลาหลายวัน......(-__-“)



-เมื่อครบกำหนดง้างปากแม่ปลา ตอนที่ 2-

ปลาตัวที่ 1 : มาแล้ว มาแล้ว

ปลาตัวที่ 2 : ไปเลย ว่ายโชว์หน่อยที่รัก

ปลาตัวที่ 3 : ได้เลย ~ฟ้าววววว~

แม่ปลาว่ายผ่านไปแล้วทำปากขมุมขมิม ต่อหน้าผู้เลี้ยง.....
“เอื๊อก!!” เสียงแม่ปลากลืนไข่
ผู้เลี้ยงตาเหลือก อ้าปากค้าง แล้วเดินเซ็งกลับไป พร้อมกับเสียงไชโยของปลาทั้งสาม......(-__-“)



-ในวันที่ลืมปิดฝาตู้-

ปลาตัวที่ 1 : เอ๊ย......วันนี้ลืมปิดตู้เว้ย

ปลาตัวที่ 2 : เอาไงดีวะ หนีไปเลยดีไหม

ปลาตัวที่ 3 : เอ็งไปก่อนซิ เดี๋ยวข้าดูต้นทางให้

ทั้งสามวางแผนเตรียมหนีซักพัก จากนั้นปลาตัวที่ 1 ก็กระโดดออกไป

ปลาตัวที่ 2 : เย้ เย้ เย้ ออกไปได้แล้วเว้ย 55 55

ปลาตัวที่ 3 : เอาล่ะ จะได้ออกไปสู่โลกเสรีซะที

ปลาตัวที่ 2 : เอ๊ย เดี๋ยวก่อน.....

ปลาตัวที่ 3 : อะไรวะ เร็วซิ เดี๋ยวมันก็กลับมาหรอก

ปลาตัวที่ 2 : นั่น มดแดง ใช่ไหม......

ปลาตัวที่ 3 : เออ......ใช่ว่ะ ว๊า วันนี้ฤกษ์ไม่ดีแล้ว กลับไปนอนดีกว่า

ปลาตัวที่ 1 : (T____T”)



ออกจะไร้สาระไปหน่อย
แต่มันก็แค่แว๊บ~หนึ่ง ในช่วงเวลาที่ผมนั่งจ้องมองปลาครับ

คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะมาเล่าเรื่องการจ้องมองอย่างอื่นให้อ่านกันอีกนะครับ

ปล. 1 : รูปถ่ายชุดนี้ถ่ายตอนให้อาหารปลาพอดีครับ น้ำเลยมีเศษอาหารลอยฟ่องอยู่
แต่มันทำให้เราได้เห็นท่าทางแปลกๆของปลาเช่นกันนะครับ

ปล. 2 : ภาพปิดมีความหมายดังนี้ >>>> อากาศเริ่มเย็นแล้วอย่าลืมนอนห่มผ้าด้วยนะครับ



สวัสดี.....>




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2551    
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 11:44:36 น.
Counter : 797 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

ลายเส้นหลังเขา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




กี่โมงกันแล้วหน๋อ..... หลงเข้ามาแล้วอยู่นานๆ หน่อยนะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add ลายเส้นหลังเขา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.