Group Blog
 
All blogs
 

ปลาระเบิดขอคืนพื้นที่ : ทองดำ กับ จันทร์เช้า



ผมมีตู้ 36 นิ้วอยู่ 2 ใบ

ใบนึงวางไว้ด้านบน และแน่นอน อีกใบต้องวางไว้ด้านล่างแน่ๆ
เพราะถ้าวางไว้ด้านบนสองตู้ มันจะดูลำบากไปหน่อย

ใบบนนั้นแต่เดิมเริ่มแรกเป็นตู้ปลาหมอมาลาวีมาก่อน จากนั้นก็เป็นตู้หมอหอย

แล้วก็กลับมาตู้มาลาวี และ พวกคาวาส คอมเพรสอีกรอบ

แถมยังเคยใส่ทั้งปลาปอด ปลาแมวและปลาพิลึกๆ ที่เคยซื้อหามาดูแลอีกเพียบ

จนในที่สุดก็กลับกลายมาเป็นตู้ไม้น้ำกากๆ ของผมเอง

เริ่มปลูกเลี้ยงตั้งแต่สิงหาคม ปีที่แล้ว ไล่ยาวมาจน เดือน 6 ปีนี้ ก็ปาเข้าไปเกือบปี

วุ่นวายกับตู้นี้พอสมควร เพราะต้องประณีตมากสักหน่อย กับการจัดตู้ไม้น้ำสักตู้





จนระยะหลังๆ เริ่มประสบปัญหาเรื่องเวลา คือ ไม่มีคนเปิดไฟให้ต้นไม้
เพราะระยะหลังนี่ไปอยู่อีกบ้านนึงหมด

ห้องนี้ที่เช่าไว้ก็เอาไว้เลี้ยงปลา และกลับมานอนในวันจันทร์-ศุกร์

ดีหน่อยที่ต้นไม้ที่ปลูกเลี้ยงไว้ เลือกชนิดอยู่ง่ายตายยาก

แต่ก็สุดวิสัยที่จะดำรง คงอยู่อย่างดีต่อไปได้

จึงจำเป็นต้องขอคืนพื้นที่เสียที ว่าแล้วก็เริ่มเลยแล้วกัน (โอย.....ปวดหลังอีกแล้วT_T)




^
^
^
อย่างที่เห็นในภาพ ขอคืนพื้นที่อย่างง่ายดาย ไม่มีการเผายางโชว์สื่อทั้งสิ้น

แล้วรื้อแบบนี้จะเลี้ยงอะไรดีล่ะ?

ไม่ต้องห่วงครับ เมื่อลงมือรื้อขนาดนี้ ปลาที่จะมาอยู่ตู้ใบนี้มันต้องมีแน่นอน
คิดไว้ในหัวนานแล้ว แต่หาแจ่มๆ ไม่ค่อยได้เลยได้แต่มองห่างๆ (อย่างหื่นๆ)

ตอนแรกว่าจะหา ปลาหมอมานาเกวนเซ่ ตัวสัก 6-8 นิ้วมาเลี้ยงเดี่ยวให้สะใจสักหน่อย

แต่ก็หาไม่ได้ <<<ขอบคุณพี่ต้นมากครับที่ช่วยหา แต่คงไม่มีสวยๆ พี่ต้นแกเลยไม่เอามาขายให้เสียชื่อ




จากนั้นเลยลองไปดูที่ร้านเต้ย-ส้มแทน ก็ไปเจอเจ้าปลาหมอคู่นี้จนได้...

ปลาหมอคู่นี้ชื่อว่า Parachromis friedrichsthalii พวกแดงเทียมเขาเรียกว่า ปลาหมอไฟร์ดิช

สมัยเด็กๆ จำได้ว่าเคยมีคนเรียกว่าปลาหมอ มานาเหลือง <<<คงหมายถึงมานาเกวนเซ่ที่มีสีเหลือง ประมาณนั้นครับ

มีมาขายบ้านเรานานแล้ว แต่ช่วงที่กระแสแดงเทียม เอ๊ย ปลาหมอสายเทียมเข้ามาระบาดหนักในบ้านเรา
ทำให้เจ้านี้หายวั๊บไปจากตลาดปลาอย่างไร้ร่องรอย

นี่ก็เกือบ 10 ปีแล้วมั้งที่หายไป แม๊...พูดแล้วก็คิดถึงปลาหมอเก่าๆ จริงหน๋อ



ถ่ายรูปในวันแรกที่ลงตู้ ไม่รู้ไปเล่นอะไรมา ฝุ่นเต็มหัว เต็มตัวไปหมด ซนจริงๆ


ปลาคู่นี้ผมได้มาในราคามิตรภาพมากๆ (ขายแบบนี้เมื่อไหร่จะรวยล่ะเฮีย....)
แต่ช่างเถอะ เฮียทั้งสองคงเอ็นดูผม ก็ผมทั้งหางดาบ หูตูบออกปานนั้น (คนนะไม่ใช่จิงโจ้)


ท่านคงเห็นว่ามันช่างคล้ายปลาหมอมานาเกวนเซ่อย่างแรง ซึ่งตอนแรกผมก็เข้าใจอย่างนั้น

พอเฮียแกพูดชื่อมานึกคุ้นๆ หู กลับไปเปิดตำรา หนังสือ AQUA เล่มยี่สิบปลายๆ (มั้ง)

ที่หน้าปกเป็นรูปปลาหมอมาหาชน ฟรอนโตซ่าบลูแซร์นั่นแหละ

จึงได้ร้องอ๋อว่า นี่หรือ คือปลาหมอไฟร์ดิช



ผมไม่เคยเห็นปลาหมอไฟร์ดิชเลยนะ หรือเคยเจอแต่คิดว่าเป็นปลาหมอมานาเกวนเซ่ขนาดย่อมก็ไม่ทราบ

พึ่งจะมาศึกษาจริงๆ จังๆ ก็ตอนช่วงนี้แหละครับ พออ่านแล้วก็เห็นข้อดีของปลาชนิดนี้อีกหลายแง่มุมเลยทีเดียว

อย่างแรก เลยก็ตรงประเด็นพอสมควรกับความตั้งใจตอนแรก ที่ว่าจะหาปลาหมอมานาเกวนเซ่มาเลี้ยงสักตัว

แต่นี่ได้มาถึงสอง แถมขนาดก็ย่อมลงมาด้วย เพราะปลาหมอไฟร์ดิชมีขนาดโตเต็มที่เพียง 1 ฟุต

ในขณะที่ปลาหมอมานาเกวนเซ่ ใหญ่กว่าฟุตได้สบายๆ (ในตู้ใหญ่ๆ)



อย่างสองคือ ปลาหมอไฟร์ดิชนี่ก็สวยใช่ย่อย เพราะมันมีสีเนื้อ สีตัว
ที่ออกเหลืองกว่าปลาหมอมานาเกวนเซ่มากโขอยู่

ช่วงนี้อาจยังไม่เห็นชัดนัก เพราะปลาเพิ่งจะ 5 นิ้วนิดๆ คงต้องรอให้โตกว่านี้อีกสักหน่อย สีน่าจะขึ้นกว่านี้ครับ




อย่างสามคือ ตั้งจะว่าจะเอาแค่หนึ่ง แต่นี่กลับได้ถึงสอง ตอนแรกก็กลัวว่าจะฟัดกันแหลกลาญซะอีก

แต่ก็ได้ลองให้พี่เต้ยตักมาใส่รวมกันในช่วงเช้า บ่ายๆ มาดูก็ยังอยู่กันได้ดี

พี่เต้ยบอกว่า คู่นี้เขาจับคู่ชูชื่นกันตั้งแต่อยู่ตู้รวมฟากนู้นแล้ว ไอ้ผมมันคนขี้ระแวง

เลยบอกแกว่า ถ้ามันฟัดกัน ผมจะแยกไว้และเอามาคืนนะเฮีย...

เฮียแกมองหน้ายิ้มๆ แล้วบอกว่า “ได้” “แต่เงินไม่คืนนะเว้ย” <<<อันหลังนี่เติมเอง กะเอาฮา



เจ้าคู่นี้ว่ายจีบกันไปมา น่ารัก มีพองเหงือก กางครีบโชว์เป็นระยะ ระยะ

ใครได้เห็นเป็นต้องอยากมีตู้ว่างๆ สักใบแน่ๆ เชื่อผมซิ

แต่ถ้าลูกออกมา และคงจะออกมาเยอะด้วย ผมก็มีแผนสำรองไว้เรียบร้อย
ลงบ่อปิดสถานเดียว.... บ้านแฟน บ่อเยอะ



ปัญหาช่วงแรกๆ ที่เริ่มเลี้ยงมีอยู่สามอย่าง ซึ่งตอนนี้จัดการไปแล้วสองอย่าง
เหลืออีกอย่าง คงต้องวัดใจกันต่อไป

อย่างแรกคือ มันไม่กินอาหารเม็ดจมและเนื้อกุ้ง?

งง มาก... ทำไมเรื่องมากกันล่ะจ๊ะ ทองดำ จันทร์เช้า เดี๋ยวปั๊ด...ปิ้งซะนี่!!!

คือ เรื่องของเรื่องผมมีแต่อาหารเม็ดจม เนื้อกุ้ง หนอนแดงแช่แข็งเป็นหลักนะครับ

เพราะสะดวกในการซื้อหา จัดเก็บและทำความสะอาด <<<พูดยังกับโรงเชือด

วันแรกเมื่อปลามาลงตู้ก็ตามสูตรที่ผู้หลักผู้ใหญ่เขาสอนมา นั่นคือ วันแรกอดกินไปก่อน



วันรุ่งขึ้นตื่นมาแต่เช้า (ปวดขี้) เลยแวะให้อาหารปลาสักหน่อย

หย่อนเม็ดที่ 1 ลองเชิง ทองดำว่ายมามอง

หย่อนเม็ดที่ 2 ลองเชิญ จันทร์เช้าว่ายตามมา

หน่อยเม็ดที่ 3 เชิญชวน ทั้งคู่มองอาหารเม็ดจมไปเสียเฉยๆ

ว่าจะหย่อนเม็ดที่ 4 ตามลงไป แต่ไม่ไหว ขี้จะแตก....


จัดการธุระเรียบร้อยกลับออกมาดู หนึ่ง สอง สาม

อ้าว อาหารเม็ดอยู่ครบ ทำไมไม่กินกันละเว้ย เฮ้ย

รึมันกำลังอยู่ในช่วงถือศีลอด ไม่น่าจะใช่.... มันเป็นปลาจากทวีปอเมริกา ไม่ใช่ปลาจากตะวันออกกลาง

เดินไปลองหย่อนไม้ตายอีกชนิด นั่นคือ เนื้อกุ้งหั่น หย่อนไปโลด 3 ชิ้น
กะว่ามันคงว่ายไล่มางับกันสนุกสนาน




............................. หึ่ง หึ่ง <<<เสียงแอร์ดังขึ้นมาทีเดียว




ปลาทั้งสองตัวทำหน้า งง งง เหมือนเกิดมาไม่เคยเห็นเนื้อกุ้ง

Shift-หายแล้ว ที่ร้านเขาให้อะไรมันกินหว่า นั่งหย่อนก้นลงบนเก้าอี้สนามตัวเก่ง

เพ่งพินิจอยู่สักพัก “ร้านเต้ยส้มเขาให้ไรทะเลกับอาหารเม็ดลอยนี่หว่า”

เท่านั้นแหละ กลิ่นความเมื่อยขา โชยมาแต่ไกลเลย นี่ผมต้องแบกสังขารไปซื้อหาไรทะเลให้มันกินหรอเนี่ย...

ขณะที่กำลังเซ็งสุดขีด เหลือบไปเห็นกุ้งฝอยในตู้ล่างอยู่ 4-5 ตัว มันกำลังลั้น~ลากับเศษต้นไม้น้ำอยู่

ไม่รู้คิดยังไง คว้ามับ เข้าให้ หย่อนกุ้งฝอยเดนตายลงไป 1 ตัว กะว่าถ้าปลาไม่กินก็จะให้กุ้งเก็บอาหารซะ

กุ้งแตะผิวน้ำได้เพียงชั่วจักจั่นเยี่ยว มันก็ได้ลาโลกนี้ไปแล้ว

สองคู่หูผัว-เมีย จันทร์เช้าและทองดำ ไล่ฟัด ไล่ฟาดกุ้งฝอยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยอย่างเมามัน

เหมือนไอ้พวกกองกำลังไม่ทราบฝ่าย สอยชาวบ้านตาดำๆ ที่เดินอยู่ในย่านบ่อนไก่

ไว้อาลัยให้กุ้งฝอยตัวนั้นสัก 3 วินาที

จากนั้นคว้ากระชอนไล่ตักกุ้งฝอยที่เหลืออย่าบ้าคลั่ง ตักใส่ตู้ผัวตัวเมียขาโหดไปจนหมด

ก้มลงไปเช็คดูกุ้งตู้ล่างว่ามีเหลืออีกไม๊ หันมองตู้บนก็เจอเข้ากับ ปลาผัวเมียสองตัวที่พุงกำลังป่อง....




สรุป หลังจากวันนั้นมาจนวันนี้ ยังไม่ยอมแตะทั้งเนื้อกุ้งและอาหารเม็ด

กินแต่ไรทะเล และกุ้งฝอย ส่วนอาหารเม็ดลอยน้ำ ไม่มี เพราะไม่ได้ใช้นานแล้ว

คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าคนหรือปลา ใครจะใจอ่อนก่อนกัน...




ต่อกันด้วยอย่างที่สอง มันหวงเมีย...

ในช่วงแรกที่ลงปลา ก็ไม่เห็นจะไล่อะไรกันนักหนา ออกอาการว่ายตีคู่กันน่ารักเสียด้วยซ้ำ

เล่นเอาผมมานั่งมองปลาคู่นี้อย่างมีความสุขมากมายเลยทีเดียว

จากการนั่งมอง นั่งสังเกตนั่นเองทำให้เห็นอาการแปลกๆ ของเจ้าทองดำ ปลาตัวผู้ในตู้

นั่นคือ อาการหึงหวงอย่างออกนอกหน้าจนเกินงาม



กล่าวคือ เวลาผมนั่งมองนั่น จันทร์เช้า ปลาตัวเมียมักจะว่ายออกมาหน้าตู้ พองเหงือก โชว์เขี้ยวให้ดูอยู่เสมอ

เมื่อออกอาการอย่างนี้ปุ๊บ เจ้าทองดำก็จะว่ายเข้ามางับเบาๆ ที่โคนหางบ้าง ตรงท้องบ้าง

เหมือนเป็นการห้ามปรามว่า อย่าเปรี้ยวกับพี่เค้า เดี๋ยวจะไม่ได้กินอาหาร

พองับที จันทร์เช้าก็จะว่ายหลบไป-มา จนในที่สุด เจ้าทองดำก็ไล่ต้อนให้จันทร์เช้าหนีไปอยู่หลังตู้

ได้แต่แอบมองอยู่อย่างนั้น ส่วนเจ้าทองดำก็จะว่ายมาคุมเชิงอยู่บริเวณใกล้ๆ กัน

ดูๆ แล้วก็น่าเอ็นดูไม่ใช่น้อย



แต่พอหลายวันเข้า ผมสังเกตว่า มันชักจะไม่ใช่อาการห้ามปรามเสียแล้ว
แต่มันออกอาการหึงหวงมากกว่า

เหมือนชายขี้หึงที่พยายามหาวิธีตามจับ ตามจิกแฟนสาวตัวดีที่ชอบแว๊บไปหากิ๊ก

อาการแบบนี้มีมาเรื่อยๆ จนผมเริ่มอึดอัด อยากเลิกเป็นกิ๊กกับปลาสาวตัวนั้น
เอ๊ย..... เราเป็นคนนี่หว่า ไม่มีทางที่จะไปกุ๊กกิ๊กกับปลาได้หรอก

ขืนทำลงไปมีหวัง ดังทั้งตระกูล!!!


อาการหึงหวงนี้เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อผมนั่งชมปลาตู้นี้

นี่ถ้าพูดภาษาปลาได้ อยากจะบอกทองดำมากเลยว่า

“เฮ้ยนาย..... เด็กนายไม่ใช่แนวเราว่ะ”

แต่อนิจจา ผมดันพูดภาษาปลาไม่ได้... เฮ้อ~





เรื่องสุดท้ายนั่นคือเรื่องชื่อของปลาทั้งสอง

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเลยก็ว่าได้ สำหรับการตั้งชื่อคน สัตว์ สิ่งของ ในโลกของผม

ผมมักตั้งชื่อเพื่อให้เรารู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น กล้องที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ก็มีชื่อกับเขาว่า ไอ้ปื๊ด

แฟนผม ผมก็ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อู๊ด อ้วน แบน <<<เรียกที แทบโดนตบ....

หรืออย่างเด็กข้างห้องที่คอนโดก็จะเรียกมันว่า ไอ้ขยะเปียก เป็นต้น <<<ผมมันคนเกลียดเด็ก ดังนั้นจะมาตั้งชื่อน่ารักเป็นไม่มี



และแทบทุกครั้งที่ซื้อปลาใหม่ก็ต้องมานั่งตั้งชื่ออยู่แทบทุกครั้ง

การตั้งชื่อปลานี่สนุกนะครับ มันบ่งบอกอะไรได้หลายๆ อย่างเลย

ความรู้สึกที่เรามีให้ปลาก็มักจะออกมาจากการตั้งชื่อนี่แหละครับ


อย่างชื่อทองดำ และ จันทร์เช้านี่ ก็เป็นชื่อที่พิเศษมาก

เพราะเป็นชื่อเรียกอย่างหยอกล้อกันของพ่อ-แม่ แฟนผม

แถมแฟนผมเป็นคนเสนอไอเดียวเสียด้วย

โดยเธอบอกไว้ในขณะที่เราทั้งสองพยายามหาชื่อที่เหมาะสมว่า

“แล้วก็อย่าเอาชื่อ ทองดำ กับ จันทร์เช้า มาตั้งเป็นชื่อปลาล่ะ”



เท่านั้นแหละ ปลาทั้งสองตัวก็ได้ชื่ออันไพเราะ จบการปวดหัวสำหรับการตั้งชื่อปลาทั้งสองตัวนี้จนได้

ทองดำ <<<เป็นชื่อเรียกล้อเลียนอย่างหนึ่ง ที่แม่แฟนผมมักเรียกสามีเวลาหยอกล้อกัน

จันทร์เช้า <<<เป็นชื่อแม่แฟนผมตอนเกิดมาบนโลกนี้ใหม่ๆ ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไร เกิดวันจันทร์ตอนเช้า จึงตั้งชื่อนี้ไปก่อน

หวังว่าจันทร์เช้า และทองดำจะอยู่กันนานๆ เหมือนพ่อ-แม่ แฟนผมนะครับ



***จริงๆ ต้องบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่า ผมยังไม่เชื่อว่าปลาหมอที่ผมรับมาทั้งสองตัวนี้เป็นปลาหมอไฟร์ดิช จริงๆ นะครับ

เนื่องจากมองยังไง มันก็ไม่ค่อยต่างจาก ปลาหมอมานาเกวนเซ่สักเท่าไหร่
เอาไว้รอปลาโตขึ้นจนเริ่มเห็นอะไรชัดขึ้น ค่อยว่ากันอีกที
แต่จะเป็นมานาเกวนเซ่หรือ ไฟร์ดิช ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ ^_^ ***





แถมให้อีกเรื่อง แบบว่าช่วงนี้หลังเลิกงานไม่รู้จะทำอะไร เลยมานั่งพิมพ์อะไรเล่นไปพลางๆ

คุณคงเคยได้รับเมล์ขยะ ชี้ชวนให้ทำงานผ่านเน็ทกันบ้างนะครับ

บางท่านอาจรู้สึกรำคาญไปบ้าง แต่ก็ต้องทำใจเพราะชื่อมันก็บอกแล้วว่า เมล์ขยะ

ผมเองก็โดนเหมือนกัน แถมบ่อยเสียด้วย โดนทั้งชวนทำงาน ชวนขายของ
ชวนกินอาหารเสริม ชวนเพิ่มขนาด <<<อันนี้อย่าชวนเลยขอร้อง ถ้าไปเพิ่มมันอีก เกรงว่าจะใส่กางเกงไม่ได้แล้ว

หรือบางทีก็มีชวนเข้ากลุ่ม เข้าสมาคมอะไรก็ไม่รู้นะครับ

ผมมักจะกดลบทิ้งไปโดยไม่ได้อ่าน จนเมื่อมีเมล์นึงเข้ามาในวันที่แสนน่าเบื่อ

ไม่รู้คิดยังไง ถึงได้ตั้งใจอ่าน

เมล์นี้มีข้อความว่า...






อ่านแล้วอาจส่ายหน้า แต่ถ้าเราตั้งใจอ่าน จะรู้ว่าเขาพยายามบอกเล่าให้เราฟัง
ดังนั้นด้วยมารยาทอันดีที่ย่า-ยาย สอนมา
เมื่อเขาถาม เราก็ควรจะตอบ



กุ๊กกิ๊ก // สวัสดี ค่ะ...!! ชื่อกุ๊กกิ๊กค่ะ
เค้าเอง // สวัสดี เฮียชื่อปลาระเบิด

กุ๊กกิ๊ก // ตอนนี้อยู่ปี 4 แล้วค่ะ
เค้าเอง // เฮียเพิ่งเข้าปี 1 ยังซิงอยู่เลย

กุ๊กกิ๊ก // เรียนคณะบริหาร สาขา บัญชี
เค้าเอง // เฮียเรียนคณะชวนชื่น สาขาโลตัสพระรามสาม ว่างๆ แวะมาเที่ยวซิ
จะเลี้ยง ต้มตีนไก่ซุปเปอร์หน้าห้าง แซ่บมากขอบอก

กุ๊กกิ๊ก // ก็ยังไม่ได้หางานประจำอะไรทำเลย
เค้าเอง // เหรอ มาทำงานกับเฮียไม๊... เฮียมีงานดีให้ทำ

กุ๊กกิ๊ก // แถมเกรดก็ไม่สวยด้วย
เค้าเอง // ขอให้หน้าตาหนูสวยก็พอ งานของเฮียไม่สนเกรด

กุ๊กกิ๊ก // ก็ เลยลองเข้ามาหางานในอินเตอร์เน็ตทำดูค่ะ
เค้าเอง // อ้าว ไม่สนงานที่เฮียเสนอหรอ มาแต่ตัวทัวร์ยกแก๊งนะ ขอบอก

กุ๊กกิ๊ก // แบบว่าอยากทำงานที่บ้าน*_* จะว่าขี้เกียจก็ว่าได้
เค้าเอง // มาทำบ้านเฮียก็ได้ เตียงนิ่ม พึ่งซื้อมาใหม่

กุ๊กกิ๊ก // จนมาเจองาน ๆ หนึ่งค่ะ ที่ทำผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำที่บ้านได้
เค้าเอง // บ้านเฮียก็มีอินเตอร์เน็ท แต่มันหลุดบ่อยหน่อยนะ ไม่สนใจมาลอง connect กับเฮียดูหรอ

กุ๊กกิ๊ก // ขอแค่มีคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุค อ่านภาษาไทยออก พิมพ์ภาษาไทยได้ ก็โอเคล่ะ!!
เค้าเอง // มาทำบ้านเฮีย ไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คหรอก
อ่านภาษาไทยออกก็ไม่ต้อง พิมพ์ภาษาไทยก็ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องใส่เสื้อผ้ามาเลยก็ยังได้


กุ๊กกิ๊ก // สำหรับเรื่องของรายได้นะค่ะ เดือนแรก ที่ลองทำ ก็ทำวันละ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ก็ ได้ประมาณ สามหมื่นกว่าบาท
เค้าเอง // เอ งานอะไรหว่า ทำไมได้เงินเยอะจัง ขนาดเฮียไปตัดอ้อยทั้งวัน ยังไม่ได้เท่าหนูเลยนะ



กุ๊กกิ๊ก // ตอนนี้ทำมาได้เกือบสามเดือนละ รายได้ก็มากยิ่งขึ้น แถมไม่ได้ขอเงินคุณพ่อ คุณแม่ใช้แล้วด้วยค่ะ
มีเงินให้แม่อีกต่างหาก ภูมิใจเวอร์ ชีวิตดีขึ้นค่ะ
เค้าเอง // ถ้าเธอมาทำกับเฮีย เฮียก็ภูมิใจเช่นกัน

กุ๊กกิ๊ก // ตอนแรกก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ตอนนี้กิ๊กเชื่อ 100% แล้ว ค่ะ ว่ามันได้จริง
เค้าเอง // เฮียยังไม่เชื่อ จนกว่าจะเจอตัวหนู เป็น เป็น... เน้น เน้น... เนื้อ เนื้อ...

กุ๊กกิ๊ก // เลยอยากให้เพื่อน ๆ หรือใครก็แล้วแต่ที่อยากมีรายได้เป็นของตัวเองโดยที่ตัวเองยังไม่ได้เรียนจบ ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิ ลองเข้ามาทำงานแบบกิ๊กดูซิค่ะ
เค้าเอง // นี่เฮียคุยกับเธออยู่นะ ทำไมเธอหันไปคุยกับเพื่อนล่ะ


กุ๊กกิ๊ก // แล้วคุณจะรู้ว่าการที่เราหาเงินใช้เอง ด้วยสองมือเปล่าของเรา พ่อแม่เราจะภูมิใจมากแค่ไหน!!!
เค้าเอง // งานของเฮีย พ่อแม่หนูอาจจะภูมิใจไปกับเฮียด้วยก็ได้นะ


กุ๊กกิ๊ก // **CLICK**
เค้าเอง // จิ้มตรงไหนอ่ะ เฮียไม่เห็นปุ่ม...


กุ๊กกิ๊ก // ขออภัยถ้าเมล์นี้รบกวนคุณถ้าคุณมีราย ได้มากพอ
เค้าเอง // อ้าว จะไปไหนล่ะ ยังคุยไม่จบเลย นู๋กิ๊ก....



เฮ้อ เด็กสมัยนี้ เอาใจยากจริงวุ้ย เอะอะก็เข้ามาคุยให้อยาก แล้วก็จากเฮียไป

เฮียก็มีหัวจิตหัวใจนะตัวเธอว์....



ปล. หวังว่า กุ๊กกิ๊ก จะเข้ามาคุยกับเฮียอีก คุยกับเธอ เฮียเสียวดี...


สวัสดี





 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 15:23:12 น.
Counter : 1334 Pageviews.  

บันทึกปลาระเบิด : ไอ้โบ้ ลูกชายเทวดา




“เป็นจั๋งได๋น้อความฮัก เป็นจั๋งได๋น้อความฮัก

ที่เคยหอมเคยกอด คิดฮอดแล้วหนาวหัวใจ

สัญญาไว้ สิมาหมั่นมาหมาย

ไหลผ่านปานขี่ฝ่าลืมฟ้าแล้วบ่น้อ”




เนื้อเพลง คิดฮอด ของ บอดี้แสลม ดังกระฮึ่มในห้องเท่ารูหนูแห่งหนึ่งย่านรังสิต

ผมยืนเก้ๆ กังๆ เหมือนคนปวดฉี่ยืนรอเข้าห้องน้ำ มือถือกล้องคู่ใจนามว่า ไอ้ปื๊ด

จดๆ จ้องอยู่นาน สองนาน ที่หน้าตู้ปลา

ในตู้ใบนั้นมีปลามากมาย

มีปลาหมอหน้าตากวนส้นเท้าอยู่ตัวนึง ว่ายวนไป-มา ไล่กัดสมาชิกในตู้อย่างสนุกสนาน

ปลาตัวนั้นมีนามว่า “ไอ้โบ้”



รูปนี้ไฟล์ต้นฉบับสีค่อนข้างเพี้ยน (เพราะหลอดไฟหลอดหน้าสุด) จึงปรับแก้ไปมากพอสมควร ภาพเลยออกมาอย่างที่เห็น


ผมว่าหลายคนคงพอจะรู้จักไอ้ปลาโรคจิตตัวนี้กันบ้างแล้วนะครับ และผมก็ไม่ใคร่จะนำเสนอเท่าไหร่
แต่วันนี้ที่พยายามถ่ายรูปมัน ไปลงให้พี่ท่านหนึ่งได้ดู ตามที่พี่เขาเคยเอ่ยปากบอกไว้

แถมไอ้ผมก็ปากไวเกินใจคิดห้าม ดันออกปากไปว่า “รอเดี๋ยว”

นี่ก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้วมั้ง ไม่รู้พี่เขายังจะ “รอเดี๋ยว” อยู่หรือเปล่า

จริงๆ แล้วยอมรับตรงๆ เลยว่าผมลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่วันเสาร์ที่ผ่านมาดันไปเจอพี่เขาแว๊บๆ ที่สวน

เลยนึกขึ้นได้ว่าติดรูปพี่เขาอยู่นี่หว่า




วันนี้เลยพยายามถ่ายรูปปลามาให้ดูให้จงได้

สภาพตู้นั้นไม่ค่อยเอื้ออำนวยในการถ่ายรูปสักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ได้จัดแต่งอะไรเลย

ผนังตู้ทั้ง 5 ด้าน ไม่ได้ขัดถูมากนานหลายเดือนมากๆ

ตะไคร่ คราบเมือก ไขมัน พานาเรียตัวเล็กๆ เกาะเต็มไปหมด <<<บอกตรงๆ ว่าไม่เคยรู้เลย เพราะไม่ได้มองเท่าไหร่

คราวนี้เลยตั้งใจว่าจะถ่ายรูปให้พี่เขาดู จึงจัดแจงเปิดไฟตู้เท่านั้นแหละ

ความซกมก ต่างๆ นาๆ ก็ได้ประจักแก่สายตาชาวโลก




จัดแจงฉีกเอาฟองน้ำที่พึ่งซื้อมาใหม่สำหรับขัดรถโดยเฉพาะ ออกมาขัดๆ ถูๆ ตู้ปลาได้สักพัก


เหล่าปลาทั้งหลายก็ว่ายหนีกันหัวซุก-หัวซุน


ขี้ปลา ตะกอนต่างๆ ปลิวไสว ฟรอนโตซ่าบุรุนดิ ที่เคยมีสีขาว-ดำ น้ำเงินเข้ม

กลับกลายเป็นปลาตัวดำๆ ว่ายแอบกันเป็นกระจุกอย่างสามัคคี

นี่ล่ะมั้งครับ คงเหมือนคนบางประเทศ ที่ตอนสงบสุขก็หาเรื่องรบรา ฆ่าฟันกันเอง
พากันเกลียดชังกันแทบจะทั้งแผ่นดิน....

ใครจะห้าม จะปรามกันยังไง ก็ไม่ฟัง




พอบ้านเมืองShift-หาย วายวอด ตัวเองและโคตรวงศ์ เริ่มเดือนร้อนก็ออกมา ขอความสุขจงคืนกลับมา...

ใครเขาจะเอาความสุขของคุณไป นอกจากตัวคุณทั้งหลายนั่นแหละ ที่จุดไฟเผาความสุขของตัวเอง

พอความShift-หาย เริ่มส่งผลกระทบถึงตัวเองเข้าหน่อย ทำเป็นพวกเรียกหาความสงบ

ถ้าอยากสงบ ไปบวชซะ!!!

พูดแล้วของขึ้น ขอนอกเรื่องหน่อย.....



ภาพนี้ปรับกล้องให้เพิ่มความคมชัดมากขึ้น จึงได้ภาพที่แปลกๆ อย่างที่เห็นครับ

ไอ้ปื๊ดตั้งค่าไว้ที่ S 100 / F 2.8 / ISO 200

กล้องตัวนี้อยู่กับผมมา 3-4 ปี เป็นคนอื่นเขาคงไม่หยิบจับมาใช้ เห็นแต่ถวิลหากล้องใหม่กันให้ครื้นเครง

ผมก็ยัง งงๆ อยู่เหมือนกันว่าจะซื้อกล้องใหม่ไปทำไม?

กล้องเก่าก็ยังใช้ได้ดี ตามสภาพที่คุณซื้อมาตอนแรกนั่นแหละ




ผมว่าที่ไม่พอ น่าจะเป็นคนมากกว่า.... กล้องน่ะ มันพอ มันอิ่มตัวของมันแล้ว

ผมหยิบจับ กดชัตเตอร์ไอ้ปื๊ดมา หมื่นกว่ารูป
ยังไม่เคยเห็นมันคุณภาพตกต่ำลงเลย

มันก็ยังยอดเยี่ยมในแนวทางของมัน
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือคนถ่าย ที่รู้ดีว่าเทคโนโลยีมันก้าวหน้าทุกวัน

แต่จะเสียเงินเปลี่ยนกล้องเพื่อตามเทคโนโลยี ก็ไม่ไหว



ถ้าทำได้แบบนี้ มีเงินอย่างเดียวไม่พอแน่ๆ ต้องโง่ด้วย....




ผมมักหาแนวทางวิธีที่เหมาะสมกับการถ่ายรูป ในแบบของผมมากกว่า

กล้องจะเจ๋งแค่ไหน หากคนถ่ายไร้มันสมอง ต่อให้กดมาหมื่นรูป กล้องมันก็ยังคงสภาพความสามารถของมันเท่าเดิม <<<จริงไม๊ครับ

แต่คนต่างหากที่สามารถพัฒนาตนเองได้




คนสองคน กดชัตเตอร์ หมื่นรูป

ความงามของสิ่งที่ตนเองบันทึกไว้ ก็จะต่างกันทั้งสองคน จริงไม๊ครับ
ทั้งๆ ที่ใช้กล้องรุ่นเดียวกัน ออฟชั่นเดียวกัน

ดังนั้นแทนที่จะตามเทคโนโลยี มิสู้ตามหาตัวตนของตนเองมิดีกว่าหรือครับ

เงินก็ไม่เสีย แถมตัวเราเองยังฉลาดขึ้นและรู้จักตัวตนมากขึ้นด้วย...




ไอ้โบ้ โตขึ้นพอประมาณ ด้วยช่วงที่ผ่านมา ถวายทั้งอาหารเม็ดห่อละ 250 ทั้งเนื้อกุ้ง โลละ 150 <<<ราคาขึ้นอยู่กับกระแสหุ้นในตลาดโลก
หนอนแดงแช่แข็งที่เอาไว้ขุนปลาเล็กปลาน้อย ไอ้นี่ก็ฟาดเรียบ

วันก่อนเปิดตู้ไว้หน่อยนึง แมลงอะไรก็ไม่รู้บินเข้ามาตกลงในตู้ คิดว่าน่าจะเป็นผีเสื้อกลางคืน เห็นปีกสีน้ำตาลๆ

ไอ้โบ้ ฟาดซะปีกกระจาย ฝุ่นผงจากปีก ลอยอยู่บนผิวน้ำ มีขาอยู่สองสามข้าง ลอยไป-มา
สุดท้ายปลาหมูก็ฟาดเรียบ

ไอ้นี่มันโหดจริงๆ




คืนก่อนนู้น (น่าจะผ่านมาเป็นเดือนแล้ว) ได้ยินเสียงปลากระโดด หันไปมองเป็นปลาหมอฟรอนโตซ่าตัวนึง
ที่ไอ้โบ้มักซ้อมเล่นทุกวี่วัน

สงสัยวันนี้พลาดท่า โดนหนักไปหน่อยเลยกระโดดซะเสียงดังขนาดนั้น....

เดินไปดูผลงานไอ้โบ้ ก็ถึงกับตะลึง

ลูกตาแหก.....!!!!




ผมยืนกรี๊ด-กร๊าด สาปแช่ง ไอ้โบ้อยู่หน้าตู้

คุณนายของผมเดินผ่านมาพอดี ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมเล่าวีรกรรมความเลว ของไอ้โบ้ให้แฟนผมฟัง

หวังว่าเธอจะหามาตรการลงโทษจากเบาไปหาหนัก กระชับพื้นที่ หรือปราบปรามด้วยความรุนแรงให้มันจบๆ ไปเลย




แต่คุณเธอดันพูดขึ้นมาว่า

“ไอ้ตัวที่เจ็บก็แยกออกมาใส่ยาซิ จะไปแยกไอ้โบ้มันทำไม มันไม่ผิด ที่ผิดคือไอ้ตัวตาแหกนี่ตะหาก หลบไม่ดี ดันไปเสยกับคานตู้เอง”


ผมฟังแล้วอึ้งนิดๆ เสียงเพลง ลูกเทวดา ของสนุ๊ก สิงห์มาตร ดังขึ้นพอดี...


ผมก้มหน้าก้มตาค่อยๆ ต้อนช้อนปลาที่บาดเจ็บออกมาใส่ไว้ในตู้พยาบาลขนาด 24 นิ้ว

จัดแจงละลายยาแก้อักเสบ 2 เม็ด ใส่ให้ปลาที่เจ็บป่วย
บาดแผลแลดูน่ากลัว แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่า “บอดแน่ๆ“

หันมามองไอ้โบ้ที่ตอนนี้ หันไปไล่ ฟรอนโมบ้าตัวขนาด 6 นิ้วต่ออย่างเมามัน

“ไอ้โบ้ ลูกชายเทวดา....” ฝากไว้ก่อนเถอะเอ็ง!!!










สวัสดี




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2553    
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 13:37:02 น.
Counter : 1316 Pageviews.  

ปลาระเบิดยูเทิร์น : Not Finished tank




สวัสดีครับ พี่น้องทุกท่าน

คิดถึงเค้าป่าว....

ไม่ได้ทำกระทู้ตั้งเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือนเชียวนะเออ
ไม่รู้มีใครคิดถึงเค้าบ้างรึเปล่าหน๋อ....

วันนี้ไม่มีอะไรมาก ขอฟื้นความจำหน่อย ไม่ได้โพสนาน สนิมขึ้นมือครับ

วันนี้มาในหัวข้อ “ Not Finished tank “ แปลแบบลูกชาวสวนว่า “ ตู้ที่ยังไม่เสร็จ... “





ตู้นี้เป็นตู้ขนาด 48 นิ้วที่เมื่อก่อนเอาไว้เลี้ยงปลาหมูครับ

ปัจจุบัน ขายออกไปแล้วเนื่องจากต้องไปบวช
กลัวกลับมาแล้วปลาตาย ตัดใจขายออกเลยดีกว่า

ที่เหลือๆ อยู่ก็มีพวก หมูอินโดเท่านั้นครับ

แต่ก็โดนเนรเทศไปอยู่ตู้ฟรอนเสียแล้ว ตู้นี้จึงเหลือสมาชิก เก่า เก๋า อยู่เล็กน้อย



เช่น ปลาหลดภูเขาจากป๋าสามบั้ง

ปลาค้ออะไรก็มีรู้ 6 ตัว หนึ่งในนั้นเป็นปลาค้อหางแดง

แล้วก็ไอ้ฟ่า(เอ๊ย) ปลาแมวที่มีชื่อวิทย์ว่า Synodontis flavitaeniata อีก 1 ตัว

น่ารักดี โตช้าดีด้วย หุหุ




จากตู้แนว Dark ที่มีทั้งขอนไม้ สีเข้ม และหินสีเหลือง น้ำเงิน น้ำตาล เขียว

ปูพื้นด้วยทรายดำผสมกรวดหลากหลายสี


ณ ตอนนี้ขอเปลี่ยนเป็นแนวเรียบร้อย เน้นสบายตา

โดยเอาฉากหลังดำออก ร่อนกรวดแยกออกจากทรายดำ
ขนขอนไม้ไปกองข้างนอก<<<แฟนผมแซวว่าจะเก็บไว้ทำฟืนหรือ ดู๊...ดูมันพูด

แบกหินแบกกรวดไปกองสุมเหมือนจะมีการสร้างถนนตรงระเบียง
แลดูรกหู รกตา ไม่น่ามอง และไม่น่าเดินมากๆ
รดน้ำต้นไม้ที กรวดหินติดเท้าเต็มไปหมด




จะว่าไป การตั้งตู้ปลาสักตู้นี่ ก็เป็นอะไรที่หลากหลายความรู้สึกมากนะครับ

บางท่านซื้อๆ รีบมาจัด รีบมาทำให้เสร็จ จากนั้นก็จิบน้ำเย็นๆ นั่งชมผลงานตัวเอง

บางท่านก็ซื้อๆ แล้วก็ทิ้งไว้อย่างนั้น ประกอบกับ งง ตัวเองว่า จะซื้อมาทำไมเยอะแยะหน๋อ

บางท่านก็นานๆ ทีซื้อ แต่ละอย่างที่ได้มานั้นล้วนมีคุณอนันต์ด้วยกันทั้งสิ้น

และบางท่านก็นาน นาน นาน ก็ยังไม่ซื้อ รอของเหลือจากเพื่อนฝูงก็มีเหมือนกันนะครับ ^_^ <<<ดีครับ ไม่เปลือง 55 55




ผมเองนั้นอยู่ในทุกข้อที่ยกมา แล้วแต่ความเมตตาของคุณนายครับ

ให้มากก็ซื้อมาก ให้น้อยก็ซื้อน้อย ไม่ให้ กรูงอน....


ตู้นี้ ผมใช้เวลาทำนานมาก ค่อยๆ รื้อ ค่อยๆ ขายปลาออก ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมนู่นแหนะ

จนป่านนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จเลย แถมถอยขอนไม้มาใหม่ยกเซ็ท

ทำให้ต้องเสียเวลาแช่ขอนไม้อีกร่วมเดือน (อันนี้เป็นการคาดคะเน ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เนอะ)

นั่งขัดตะไคร่จนปวดหลัง น้ำหกเลอะเทอะจนโดนบ่นไปแล้วหลายรอบ



พอเสียเวลาแบบนี้ มันมักทำให้ผมรู้สึกเบื่อเสียเฉยๆ

ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรกับตู้นี้เลย ได้แค่ให้อาหารทุกวัน เปลี่ยนน้ำ เปลี่ยนใยแก้ว แค่นี้....

วันๆ นั่งดู นอนดูปลาน่ารักๆ ของเรา ในตู้ที่ยังจัดไม่เสร็จนี่ มันช่างปวดจิต ปวดใจเสียเหลือเกินนะครับ



มันขัดตา ขัดใจ ยังไงชอบกล เหมือนเวลาเห็นนักการเมืองพูดว่า รักประชาชน ยังไงอย่างนั้นแหละ....

รู้ทั้งรู้ว่าพวกมันตอแหล แต่มันก็ยังกล้าพูดอยู่นั่นแหละ....

(ณ ตอนนี้รวมไปถึงแกนนำม๊อบทั้งหลายแหล่ด้วยนะครับ ขออินเทรนด์หน่อย)



นั่นแหละครับ ก็อย่างที่เห็นกันในรูป

มันยังไม่เสร็จ ก็เลยออกมาครึ่งๆ กลางๆ อย่างว่า
ไม่ได้จะโชว์อะไรเลย แค่อยากตั้งกระทู้เฉยๆ กลัวคนจะลืมมนุษย์ถ้ำผู้นี้ไปเสีย...

เดี๋ยวเร็วๆ นี้ มนุษย์ถ้ำจะเขียนเรื่องราวตอนไปบวชเรียนมาให้ได้อ่านกันนะครับ



วันนี้อ่านข่าวเรื่อง เสธ. แดง สงสารลูกสาว+ครอบครัวแก ไม่น่าเปรี้ยวปากมากเล้ย พับผ่าซิ....


ขอพระคุ้มครองคนดี ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่


สวัสดี


ปล. รู้สึกว่าตัวเองถ่ายรูปห่วยกว่าเดิมยังไงไม่รู้




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 11:38:19 น.
Counter : 1633 Pageviews.  

ปลาระเบิดดองเค็ม : มะเขือ เพื่อชีวิต...




แหะๆ อย่างที่บอก รูปมันเยอะ
ถ้ามีเวลาก็จะเอามาลงเรื่อยๆ นะครับ
ตอนละนิด ตอนละหน่อย พอเป็นกระษัย


ตอนนี้ก็ขอเอาเรื่องของปลาที่หลายท่านคงรู้จักกันดี
ปลาตัวนี้มีนามว่า มะเขือ....

*หากใครยังไม่รู้จัก มะขือ ว่าเป็นใคร กรุณาจิ้มด้านล้างได้เลยครับ*

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=plaraberd&date=15-05-2009&group=3&gblog=28

รู้หรือเปล่าครับท่านๆ ว่ามะเขือนี่มันดังนะ
มันไปอวดโฉมอยู่ในหนังสือปลาเล่มหนึ่ง
ซึ่งผมเองก็ซื้ออ่านอยู่พอดี...

เล่าเลยแล้วกัน รูปเซทไม่เยอะ บ่นมากเดี่ยวรูปไม่พอ โฮะ โฮะ โฮะ<<<หัวเราะแบบแซนต้า




เรื่องของเรื่องคือ อยู่มาวันนึง เพื่อนท่านหนึ่งก็เข้ามาบอกกล่าวใน MSN ว่า...

ขอรูปปลาปักเป้าฟาฮาก้าหน่อย

ไอ้ผมก็มือไว พิมพ์ไปเลยแบบไม่ต้องคิดว่า ได้ สบายมาก

หารู้ไม่ว่า ต่อจากนี้เป็นเวลา 3 วัน ที่ผมต้องเหนื่อยกับการถ่ายภาพปลา อย่างไม่เคยเกิดขึ้น

หลายท่านที่เคยถ่ายภาพปลามาบ้างแล้วคงคิดว่า มันไม่น่าใช่เรื่องยาก อย่างที่ผมพูด

จริงๆ มันก็ไม่เชิงนะครับ

ในกรณีที่ปลาให้ความร่วมมือ ว่ายมาโชว์ท่าเท่ๆ หรือหยุดให้ถ่ายภาพบ้าง นั่นจะไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับคนที่เคยถ่ายภาพปลามาบ้าง

แต่ถ้าเป็นวันที่ปลาไม่ให้ความร่วมมือล่ะ...? จะทำยังไง

วันนั้นแหละ มันมาหาผมจนได้





The Technique is 1 / Day 1 / Location : My tank 36-18-20

ปกติเวลาเราถ่ายภาพปลา สิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างมากเลยนั่นคือ การเตรียมตัว
การเตรียมตัวนั้นมีหลายประเด็นมากๆ จะขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อยดังนี้คือ

-การบริหารมือ นิ้ว เพื่อความคล่องตังในการกดชัตเตอร์ หรือการจับกล้อง

-Concept เพื่อที่จะกำหนด ขอบข่ายของการถ่ายภาพในแต่ละครั้งว่า เราต้องการอะไร ทำอย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้ จะเป็นอย่างไร

-เตรียมอุปกรณ์ คงเสียเวลามิใช่น้อย หากท่านต้องมาเดินหยิบนู่น-นี่ ในขณะถ่ายภาพ สู้เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ เลยดีกว่า

-หาข้อมูลจากหนังสือ อินเตอร์เน็ตว่าในการถ่ายนั้นต้องมีอะไรบ้าง มุมไหนสวย มุมไหนไม่สวย เป็นกาลกิณีกับงานของเรา


คร่าวๆ ก็ประมาณนี้แหละ

ในการถ่ายรูปลงนิตยสารนั้นก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากการถ่ายรูปลงเวปสักเท่าไหร่

จะมีต่างบ้างก็เช่นขนาดของภาพ ซึ่งควรใหญ่ ที่สุดเท่าที่จะทำได้

เริ่มแรกเลยผมก็เล็งๆ มุมเอาไว้แล้ว จากนั้นก็ขัดตู้สักหน่อย เพื่อให้ได้ภาพปลาที่สวย ไม่มีราคีตะไคร่ติดตู้

ไอ้เขือก็นอนหมอบอยู่หลังตู้ สายตาลอกแลก มันคง งง ว่าผมจะทำอะไร

เพราะธรรมดาแล้ว ผมจะไม่ยุ่งกับตู้ปลาสักเท่าไหร่ นอกจากเปลี่ยนน้ำ ล้างกรอง ให้อาหาร

พอเตรียมทุกอย่างครบ ก็เปิดไฟตู้ปลาเตรียมตัวถ่าย

นั่งรอมันออกจากมุมตู้อยู่นานสองนาน รู้สึกคอแห้ง เลยเดินไปกินน้ำกินท่าเสียหน่อย





The Technique is 2 / Day 1 / Location : My tank 36-18-20


หลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งรอมันว่ายออกมาเหมือนเดิม

ไอ้เขือ ทำหน้าตาเอ๋อๆ ตาโตๆ ของมันลอกแลกชอบกล

รอจนร้อน เลยเดินไปอาบน้ำ อาบท่าเสียหน่อย กะว่าให้เวลามันหน่อยมันคงว่ายออกมาให้ถ่ายรูปแหละน่า.....



The Technique is 3 / Day 1 / Location : My tank 36-18-20


อาบน้ำเสร็จแล้ว เหลียวมองเวลาก็ปาเข้าไป 4 ทุ่ม

มะเขือน้อยยังคงนิ่งอยู่มุมตู้ สายตาลอกแลกเช่นเดิม

ผมรู้สึกโมโหนิดๆ เลยเอาด้ามกระชอนเขี่ยๆ มันซะหน่อย

ด้ามกระชอนยังไม่ทันโดนตัว ไอ้มะเขือนรกก็ว่ายพุ่งปรี๊ดขึ้นข้างบน


ตูม ตูม ตูม!!!!


ไอ้เขือว่ายขึ้นลงอย่างวิกลจริต ว่ายขึ้นบนบ้าง ชนตู้บ้าง ฝุ่นผงภายในตู้ปลิวว่อน

เล่นเอาผมเองจิตตก กลัวมันจะเป็นอะไร

“เอาวะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยถ่าย เล่นตัวจริงนะเอ็ง” ผมพึมพำคุยกับปลา ก่อนปิดไฟตู้ปลาแล้วเข้านอน...


รุ่งขึ้น เพื่อนเข้ามาทักใน MSN ว่า รูปปลาถ่ายหรือยัง

ผมตอบไปว่า “เดี๋ยวถ่ายให้ครับ”





The Technique is 4 / Day 2 / Location : My tank 36-18-20

วันนี้เตรียมตัวดีกว่าเมื่อวาน

เริ่มจากเปลี่ยนน้ำออกสัก 20% เพื่อปลาจะได้สดชื่น

เปิดไฟตู้ปลาทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้ปลาไม่ตกใจ

และยังไม่ให้อาหาร เพื่อปลาจะได้ว่ายเข้ามางอนง้อ ขออาหาร....

หลังจากให้เวลาปลาได้สัก ครึ่งชั่วโมง จึงเริ่มจัดแจงถ่ายภาพ
สภาพปลาก่อนถ่ายดีมาก

ว่ายเข้ามาหน้าตู้ขออาหาร

“ทีนี้ได้รูปแน่ๆ ล่ะเว้ย เฮ้ย” ผมรำพึงในใจ ยิ้มที่มุมปากพร้อมหัวเราะในลำคอ หึ หึ

พอเปิดกล้องและจ่อกล้องเข้าไปใกล้ๆ ตู้ปลาเพื่อได้ภาพแบบที่คิดเท่านั้นแหละ
มะเขือก็ปรับสีตัวกระดำกระด่าง ทิ้งตัวลงพื้นตู้ ทำสายตาลอกแลกอีกแล้ว....

เฮ้ย! อะไรวะ เมื่อกี๊ยังว่ายดีๆ อยู่เลย

นั่งรอมันเล่นตัวสักพัก รู้สึกหิวข้าว เลยไปซื้อก๋วยเตี๋ยวต้มยำมากิน

วันนี้แม่ค้ามือหนักไปหน่อย ใส่พริกซะเยอะ เผ็ดShift-หาย




The Technique is 5 / Day 2 / Location : My tank 36-18-20

หลังจากที่ปากเบินเพราะรสชาติของพริกนรกที่แม้ค้าใส่ให้ไปแล้ว

ก็ลากเก้าอี้เดินป่ามานั่งหน้าตู้ปลาพร้อมซดน้ำอัดลมสีดำรสซ่าแก้เผ็ด

มะเขือยังนิ่งพร้อมมองมาทางผม...


“เอากุ้งล่อมันดีกว่าวุ้ย” นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้จึงลุกไปหยิบกุ้งแช่แข็งออกมาจากตู้เย็น

มะเขือสามารถกินกุ้งแข็งๆ ได้เลยโดยที่ไม่ต้องละลายให้นิ่มเลยนะครับ

ผมหยิบกุ้งออกมาถืออยู่หน้ามัน
มะเขือมอง และดูเหมือนจะขยับตัวเล็กน้อย...

ผมหย่อนกุ้งลงไปหนึ่งตัว กุ้งค่อยๆ หล่นลงไปในตู้จนตกใส่หัวมัน
มันมองกุ้งและมองมาที่ผมจากนั้นก็.....

นิ่งสนิท

“อะไรของมันวะ ไอ้ห่านี่” ผมชักโมโห เดินฉุนเฉียวไปเยี่ยว <<<แน่ละ ซัดน้ำอัดลมไปขวดนึง ไม่เยี่ยวก็อูฐแล้ว






The Technique is 6 / Day 2 / Location : My tank 36-18-20

หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็กลับมานั่งมองปลาตามเดิม

ไอ้เขือก็ยังมองผมเช่นเดิม กุ้งก็ยังตกอยู่ที่หน้ามันเช่นเดิม

“ถ่ายรูปปลาแล้วมีกุ้งหล่นอยู่มันดูไม่ดีแน่ๆ เอาออกดีกว่า”
คิดได้ดังนี้ก็คว้ากระชอนตักกุ้งออก

ตูม ตูม ตูม!!!

เสียงน้ำกระจายอีกแล้ว...เซ็ง





The Technique is 7 / Day 3 / Location : My tank 36-18-20


เพื่อนถามอีกแล้วว่าได้รูปหรือยัง ไม่รู้จะบอกยังไง

แต่ก็เข้าใจว่างานหนังสือ ถ้ามันจะปิดเล่มต่อให้ฟ้าถล่ม ดินทลายยังไงก็ต้องปิดเล่ม

บอกกับเพื่อนเลยว่ายังไง พรุ่งนี้ได้รูปแน่ๆ

เมื่อเลิกงานกลับมาถึงห้องก็เตรียมตัวอีกครั้ง

มะเขือไม่ได้กินอะไรมา 2 วันแล้ว คิดว่ามันคงหิวแน่ๆ เพราะเห็นมาว่ายหน้าตู้ตามไป-มา เวลาเดินผ่าน

จึงตัดสินใจเปิดไฟตั้งแต่ช่วยที่ยังมีแสงอาทิตย์เสียเลย
เพื่อปลาจะได้ไม่ตื่นเวลาเปิดไฟตอนกลางคืน

เมื่ออาบน้ำ กินข้าวเรียบร้อยก็คว้ากล้องเตรียมนำออกมาถ่าย วันนี้ได้ผลครับ


มะเขือไม่ค่อยมีอาหารตื่นกลัวเท่าไหร่


ลองเอานิ้วมาแหย่ๆ หน้าตู้ปลา ก็ไม่ตื่นกลัว ว่ายตามนิ้วเสียด้วย
(นิ้วนะ ไม่ใช่กุ้ง....)

จากนั้นก็กดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ รอจังหวะที่ปลาว่ายขออาหารนี่แหละ มักทำให้ได้ท่วงท่าที่ไม่ธรรมดาหลายภาพเลยครับ





หลายท่านอาจบอกว่าไม่เห็นต้องยุ่งยากขนาดนี้เลย แต่จริงๆ การถ่ายภาพนั้นถ้าแบบไม่เป็นใจ

ต่อให้กล้องตัวละหลายล้าน ก็ไม่สามรถได้ภาพที่ดี ได้นะครับ

ถามว่าภาพชุดนี้ พอใจไหม

บอกได้เลยครับว่ายัง

ที่ยังเพราะมีหลายๆ อย่างต้องปรับปรุง ต้องเข้าใจ และรู้ใจปลามากกว่านี้
ต้องรู้จักนิสัยปลาแต่ละตัวให้ดี


เมื่อได้ภาพพอประมาณแล้วก็เลยให้รางวัลเป็นหอยแสนอร่อย ของโปรดของไอ้เขือมันนั่นแหละ

ใส่ลงไปหลายตัวทีเดียว

เสียงปลาปักเป้ากัดเปลือกหอยนี่สะใจดีแท้<<<แอบโหด

ให้กินแล้วก็ยังทำท่าจะขออีกเลยกดชัตเตอร์ไปอีกหน่อยได้ภาพที่แปลก ที่ไม่ค่อยเห็นพอสมควร

จากนั้นก็หย่อนกุ้งให้มะเขือกินจนอิ่ม
จัดแจงโหลดรูปลง USB flash drive เพื่อเตรียมส่งรูปให้เพื่อนในวันพรุ่งนี้



เวลา 5 ทุ่มกว่าๆ
นั่นดูทีวีจนรู้สึกง่วง หันมามองเวลาแล้วนึกปลงนิดๆ

เวลามักเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในยามที่เราสุข
แต่เมื่อเราทุกข์ เวลากลับเล่นตลก เดินอย่างช้าๆ เสียอย่างนั้น

จัดแจงปิดไฟห้อง ปิดทีวีเรียบร้อย
ในห้องมืดๆ จึงเหลือแต่ไฟตู้ปลาของมะเขือ
มะเขือตัวเหลืองๆ ลายน้ำตาล ท้องขาวๆ ช่างน่ารัก

นี่ถ้าพูดกับมันได้ ก็อยากจะบอกมันว่า...

“ขอบใจนะเพื่อนเอ๋ย ที่ทำให้ผมไม่เสียคำพูด”

ยืนดูสักพักจึงปิดไฟด้วยใจที่เป็นสุข

พอนิ้วมือกดสวิทไฟเท่านั้นแหละ....


ตูม ตูม ตูม!!!

“ ไอ้ห่าเขือ......@#$%*&+)_* ”




สวัสดี





 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2553 9:51:03 น.
Counter : 1111 Pageviews.  

ปลาระเบิดดองเค็ม : MAY TANK




ย้อนเวลาไปเมื่อเดือนเมษา ปี พ.ศ.2552

ผมยืน งง งง อยู่บริเวณตลาดนัดสวนจตุจักร
หันซ้าย-หันหวา เดินไปตั้งแต่ 10โมง ยันบ่ายสามโมงเย็น
ด้วยภารกิจที่ว่า จะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญแฟนดีหน๋อ....

หลายท่านอาจคิดว่า เรื่องขี้หมาๆ แบบนี้ จะมาบอกทำไมวะ
แค่ซื้อดอกไม้ เสื้อผ้า กางเกง กระเป๋า หรือ ออฟชั่นต่างๆ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบ ก็แค่นั้น

นั่นอาจใช้ได้กับผู้หญิง ปกติธรรมดาทั่วไปได้ครับ
แต่สำหรับแฟนผมนั้น ยาก....





อย่างแรก ตั้งแต่คบกันมา 7-8 ปี ผมไม่เคยให้ดอกไม้แฟนผมเลย

เพราะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ “เกลียดการดอกไม้”

คุณเธอให้เหตุผลว่า “รู้สึกอึดอัด อยากเตะใครสักคน เวลามีคนให้ดอกไม้”
ผมไม่อยากโดนเตะ ดอกไม้เลยตกไป

แถมเธอยังบอกว่า “ซื้อไก่ทอดมาให้กินซะยังจะดีกว่า ดอกไม้กินก็ไม่ได้ อยู่ก็ไม่ทน” เธอยังบ่นต่อ....


ส่วนพวกเสื้อผ้า กระเป๋า พวกนี้ ผมแนะนำให้พาเธอไปซื้อดีกว่า ถ้าอยากซื้อให้เธอ

เพราะเลือกยังไงก็ไม่มีทางถูกใจเธอแน่ๆ

เชื่อขนมยายกินได้เลย.... เผลอๆ ซื้อมาให้โดนด่าอีก หาว่าไร้รสนิยมบ้าง แพงบ้าง ไม่ชอบสี ไม่ถูกใจทรงบ้าง

ไม่ใช่เรื่องมากนะครับ แต่เธอชอบที่จะเป็นผู้เลือกเองมากกว่า

เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่คุยกันแล้วรู้แนวนะครับ แต่ประสบการณ์ล้วนๆ ขอบอก





ตอนแรกว่าจะซื้อต้นไม้ให้ ก็กลัววจะโดนว่า หาว่าแก่

“ซื้อต้นไม้มาให้ ซื้อไส้กรอกอีสานมาให้กินดีกว่า” ผมนึกในใจ

แฟนผมต้องบ่นแบบนี้แน่ๆ



อีกอย่าง แฟนผมมีความสามารถพิเศษครับ

ต้นไม้ไม่ว่าจะอึดมาจากไหน แฟนผมเลี้ยงตายหมด

ต่อให้หญ้าขนยังเฉาคามือคุณเธอเลย รับประกัน...

ว่าแล้วก็เดินวนไป-มา จนทะลุเข้า เจเจมอล์ มีแต่เสื้อผ้า หมวก กำไล สร้อย โอย..... เลือกไม่ถูก

(ลองนึกภาพผู้ชายผอมๆ หุ่นขี้ยา เดินดูของขวัญซิครับ มันงามหน้าแค่ไหน...)





สุดท้ายทนไม่ไหว ว่าจะไปนั่งกินชามะนาวแก้เครียด เผลอไปมองเจอตู้ปลาเทวดาฝูงใหญ่เข้าให้


ไอ้ตัวขาวๆ เงาๆ ตัวนั้นช่างงามสง่า....

หัวปูด นูนเป่ง หน้าตาดู อึด ถึก บึกบึนต้องตามตำรา

โหงวเฮ้งดูเป็นปลาอายุยืน ไม่ใช่ปลาขี้โรค เครื่องครีบแม้จะมีตำหนิบ้างแต่เชื่อว่าไม่นานก็ยาวสวยได้...

ไม่รอช้า ใจก็คิดว่า “ไอ้นี่แหละ ที่เดินหามานาน...”





ทำไมต้องเป็นปลา?

แฟนผมชอบปลาเทวดาสีขาวๆ แบบนี้

ผมอยากได้ปลาเทวดาอยู่พอดี

แฟนผมไม่เลี้ยงปลา ดังนั้นอนาคตปลาตัวนี้ก็จะมาอยู่ในกำมือผมเอง

ปลาไม่ตามแฟชั่น ดังนั้นยาก ที่มันจะถูกโล๊ะ หรือลืม

ปลาเทวดาไม่ใช่อาหาร ดังนั้นมันจึงไม่มีทางโดนแฟนผมกินแน่นอน

ผมสอบถามราคาค่าสินสอดปลาตัวนั้นอยู่สักพัก พี่สาวร่างอวบก็ยอมลดราคาให้อย่างน่าเกรงใจ

ได้ปลามาแล้วผมเดินไปร้านกาแฟ สั่งชามะนาวสุดเปรี้ยวมาเทใส่คอเสียหนึ่งแก้ว

ต่อด้วยน้ำโคล่ารสซ่าอีกหนึ่งขวด จึงเดินทางกลับห้องเพื่อให้ของขวัญแก่คุณเธอ

อ่อ ลืมไป... ก่อนกลับ คุณเธอฝากซื้อเนื้อทอดครึ่งโล เกือบลืมแล้วไหมล่ะ





ถึงห้องแล้ว ไวเหมือนโกหก.....

เมื่อถึงห้องก็จัดแจงเอาถุงปลาไปแช่ในตู้พักขนาด 24 นิ้ว ตู้นี้เป็นตู้สารพัดประโยชน์จริงๆ ครับ

ใช้พักปลาก็ได้ ใช้รักษาปลาก็ได้ ใช้ลงโทษปลาก็ได้ ใช้ขุนปลาก็ยังได้ 55 55

คุ้มยิ่งกว่าแฟลตปลาทองเสียอีก

เทเนื้อทอดใส่จานได้ ก็หยิบเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เดินไป-มา ดูต้นไม้ใบหญ้าตรงระเบียงบ้าง

จนเวลาล่วงเลยมาประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็จัดการปล่อยปลา
แล้วเรียกให้แฟนผมมาดู

แฟนผมก็ชอบอก ชอบใจใหญ่เลย ตาเป็นประกาย ยิ้มแฉ่ง อย่างกับเด็กพึ่งได้ของเล่นใหม่ยังไง ยังงั้น
(อายุ จะ 30 กันแล้วนะคุณเธอ -_-“)



“ชื่ออะไรดีล่ะ” คุณเธอเอ่ยถามขึ้นมาโต้งๆ

“ชื่อ อู๊ด “ ผมตอบ

“ทำไมต้องชื่อนี้” เธอซักไซ้

“ก็มันเป็นของแก แกก็อ้วนเหมือนหมู อู๊ด อู๊ด ดังนั้นชื่อนี้แหละเหมาะแล้ว” ผมหลับตาตอบอย่างปราชญ์ผู้มีหลักการ

ตุ๊บ!!!!

เสียงเหมือนมะพร้าวตกพื้น กายละเอียดแทบหลุดออกจากร่าง

ต่อจากนี้ไม่อยากเขียนต่อ กลัวจะเป็นกระทู้อาชญากรรม เอาเป็นว่ามาดูเรื่องราวของ “อู๊ด” ปลาเทวดาเดือนเมษาดีกว่านะครับ




ไอ้นี่บอกตรงๆ ว่าผมพลาดจริงๆ


เพราะตอนซื้อมานั้นมันหันซ้ายให้ตลอด ไอ้ผมก็รีบๆ เพราะหิวน้ำ เลยสอยมาอยู่ในถุงซะ...

กลับมาถึงห้องปล่อยปลา ตั้งสติได้สักพัก

อ้าว ครีบอกบิดนี่นา.....

นั่งๆ ดู อืม.....มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการว่ายน้ำ ดังนั้นเลยคิดเอาว่าจะไม่ไปยุ่งกับมันนะครับ

มีตำหนิบ้างก็ดี จะได้ไม่เหมือนใครเขา




หลังจากเลี้ยงได้ 1 อาทิตย์ เริ่มเซ็งครับ

เพราะมันไม่แตะอาหารเลย ทั้งหนอนแดง ไรทะเล อาหารเม็ดต่างๆ


เหมือนจะกิน แต่ก็ไม่กิน งึกๆ งักๆ อยู่นั่นแหละ
เลยจัดการย้ายตู้ไปอยู่ตู้ 24 นิ้ว ตัวเดียวเดี่ยวโดด มืด มืด หดหู่ หดหู่ บรื๋อ~


หลังจากย้ายตู้ใหม่ อดอาหาร อีก 1 วัน แล้วลองหยอนหนอนแดงให้ ได้ผลครับ กินเกลี้ยงเลย
(ดูจากการที่ไม่มีหนอนแดงเหลือเลยในตู้)

เข้าท่าๆ ไอ้นี่มันตื่นกลัวนี่เอง แม๊....กลัวกันก็ไม่บอก



แต่ก็นั่นแหละ ความเรื่องมากของมันยังไม่จบ มันยังจะซื่อ กินแต่อาหารสดไปเรื่อยๆ

อาหารเม็ด ไม่ว่าจะน่ากินแค่ไหนก็ไม่มีทางแตะ
เต็มที่ก็อมแล้วถุยทิ้ง.... เซ็ง


หลังจากนั้นก็จับมันย้ายลงตู้ 36 นิ้ว เพราะช่วงนั้นมีปลาป่วย จำต้องเอาตู้ 24 นิ้วมาใช้พยาบาลปลาครับ

อยู่ตู้ 36 นิ้ว เป็นตู้ไม้น้ำเน่าๆ ของผม น้ำไม่แรงมาก อุณหภูมิเฉลี่ย 30 องศา....

ไม่น่าเชื่อว่าไอ้อู๊ด มันจะกินเก่งขึ้น….

กินเก่งขนาดที่ว่า อาหารเม็ดอะไรมันก็กิน....

หนอนแดงใส่ลงมากี่ก้อน ฟาดเรียบ....

ไรทะเลจะว่ายเร็วแค่ไหน มันก็ว่ายตามไปกิน

งง กับมันจริงๆ




อีกไม่กี่เดือนก็จะครบรอบที่ซื้อมันมาแล้วนะครับ

ไม่น่าเชื่อว่า มันจะอยู่กับผมได้นานขนาดนี้

ไอ้อู๊ดนี่ อยู่กับผม ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ

ทั้งเปลี่ยนน้ำ 100% (ลืม.....)

กระโดดออกมานอนแห้ง

ผสมพันธุ์กับเทวดาตัวเมียมา 2 รอบ ไม่เคยได้ลูกเลย

อดอาหารเป็นอาทิตย์ในช่วงแรก

เป็นปลาที่ถูกย้ายตู้บ่อยที่สุด





แต่น่าแปลกที่เจ้านี่ไม่เคยเจ็บป่วยใดๆ เลยทั้งสิ้น

ไอ้อู๊ดอาจจะไม่ใช่ปลาเทวดาที่สวยที่สุดนะครับ

แต่มันเป็นปลาเทวดาที่ผมจะจดจำมันไม่มีวันลืม



ขอให้ไอ้อู๊ดจงเจริญ......


สวัสดี





ปล. รูปส่วนใหญ่ในชุดนี้เป็นรูปเก่า สมัยหลอดไฟริ่มเสื่อมนะครับ
ภาพอาจดูขมุกขมัวไปหน่อย

ขอโปรดอย่าได้ถือสา....





 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2553 10:55:30 น.
Counter : 1316 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

ลายเส้นหลังเขา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




กี่โมงกันแล้วหน๋อ..... หลงเข้ามาแล้วอยู่นานๆ หน่อยนะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add ลายเส้นหลังเขา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.