Group Blog
 
All blogs
 
เอราวัณ ฉันรักเธอ : [ครั้งที่ 1] >>>>> วันที่หนึ่ง







เมื่อวันที่ 5-7 เมษายน เดือนที่ผ่านมา

ผมได้มีโอกาศไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติ เอราวัณ ที่จังหวัดกาญจนบุรี อันเป็นจังหวัดบ้านเกิดของผมเอง

ส่วนตัวแล้วจำไม่ได้ว่ามาได้มาเยี่ยมที่แห่งนี้ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

แต่ครั้งนี้มาด้วยใจที่อยากเข้าป่าอย่างเต็มเปี่ยมครับ อุปกรณ์ต่างๆ ได้จัดเตรียมกันมาอย่างดี

ทั้งกล้อง แว่นดำน้ำ ท่อหายใจ กระชอน หมวก กางเกง ฯลฯ สารพัดที่จะเตรียมกันมา กะว่าจะมานอนเล่นซัก 2 คืนให้ได้ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน






เราเริ่มออกเดินทางราวๆ บ่ายโมงกว่าๆ ใช้บริการรถแท๊กซี่ไปลงที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่ค่ารถนี่แพงได้ใจ

แถมลุงคนขับยังคุยตลอดทาง (สำเนียงการพูดคล้ายๆท่านนายกสมัครมากครับ คุณลุงคนนี้)

สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้ากับพวกเราเป็นอย่างมาก

จะโทษก็ต้องโทษไอ้เป้ มหามิตรของผม เสือกชวนลุงแกคุยในตอนต้น



เมื่อเรามาถึงก็ไม่รอช้ารีบซื้อตั๋วไปน้ำตกเอราวัณกันก่อนเลย ราคาตั๋วถูกแสนถูกเพียง 25 บาทเท่านั้น

ระหว่างรอรถไฟมาเทียบชานชรา เราก็กินข้าวกันก่อน รถไฟมาตรงเวลาใช้ได้ครับ



นี่แหละครับ ม้าเหล็กที่จะพาเราไปสู่จุดหมาย...



นี่เพื่อนร่วมเดินทางครับ ไอ้เป้(ด้านซ้ายมือ) ขวามือคือ คุณนายของข้าพเจ้าเอง



ยิ้มแบบนี้แสดงว่ายังไม่หิว...^~^



นี่ไอ้เป้ มันทำอยู่สามอย่าง เวลาเข้าป่า 1. กิน 2. นอน 3. ก่อไฟ



ไอ้นี่มันคลื่นใต้น้ำชัดๆ เห็นนิ่งๆ แบบนี้ ที่จริงแล้วมันรอเวลาหิว ก็เท่านั้นเอง ...

ข้างบนนั่นคือ ขนมขบเคี้ยวของมันยามตื่นมา



นี่ข้าพเจ้าเอง กำลังเหม่อๆ อยู่ แม่เจ้าประคุณทูนหัวลักถ่ายรูปซะหนึ่งดอก



อะ ไม่บรรยายมาก ดูรูปบรรยากาศไปเรื่อยๆ แล้วกันนะครับ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 3 ชั่วโมง

เรียกว่า นั่งกันตูดแตกเลยว่างั้นเหอะ










หลังจากลงรถไฟแล้ว เราก็นั่งรถสองแถวไปลงที่ ขนส่งตรงเมืองกาญ

และแล้วเราก็ถึงจนได้ ๕๕ ๕๕

v
v
v




รถที่เรานั้งนั้นเป็นรถประจำทาง ตัวเมือง-เอราวัณ ค่าบริการ 45 บาทครับ

แพงไม่แพงไม่รู้ จากที่ถามโชเฟอร์มาแกบอกว่าใช้เวลาเดินทางราวๆ 1.30 ชั่วโมงครับ



ลุงแกขับรถได้ ชิว มากๆ ถ้าเกิดท่านอยากรับประทานผลไม้แล้วบังเอิญมีดบาดนิ้วเป็นแผลเลือดซิบๆ

กว่าลุงแกจะพาไปส่งโรงหมอได้ ท่านอาจจะเลือดไหลหมดตัวตายอนาถได้นะครับ จึงอยากให้ระวัง

ลุงแกขับแบบว่าอยากให้เราจดจำต้นไม้ข้างทางได้ทุกต้นเลย ว่างั้นเหอะ...



หลังๆ ไอ้เพื่อนเป้มันไม่นั่งแล้ว บนเบาะ มันลงไปนั่งตรงบรรไดทางลงเอา เพราะไม่มีใครขึ้น-ลงเลย

ผมว่าได้บรรยากาศดีนะครับ


และแล้วเราก็มาถึงจนได้ครับ ใช้เวลาเดินทางร่วมกับลุงโชเฟอร์ ราวๆ 2.30ชั่วโมงได้

(เล่นซะผมเข็ดเลยนะเนี่ย...) รถออก 5.20 น. ถึง 2ทุ่ม ลุงแกทำได้ คันอื่นเขาใช้เวลาแค่ 1.40ชัวโมงเท่านั้น ลุงนะลุง ผมจะจำลุงไว้เลย


มาถึงเราก็ลงทะเบียนและเดินเข้าที่กางเต้นท์ ก่อเตาทำอาหารเลยครับ หิวจนจะกินหมีได้ทั้งตัวแล้ว



หลังจากหาอะไรหนักๆ ลงท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินย่อยโดยการหานู่น นี่ถ่ายไปเรื่องเลยครับ

ตัวแรกที่เจอคือ เจ้า คางคกบ้าน ( Bufo melanostictus )




ผีเสื้อกลางคืนครับ ตัวนี้เกาะนิ่งๆ อยู่แถวๆ รั้วไม้ไผ่





แมลงค่อมทอง Green Weevil Hypomeces squamosus



ตั๊กแตนอะไรก็ไม่รู้




จิ้งจกบ้านหางหนาม Hemidactylus frenatus ที่หางเคยขาด



และแล้วคืนนั้นผมก็สลบเหมือด เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

เช้ามาน่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้ทำเนอะ ไปนอนแล้วจ้า






Create Date : 15 พฤษภาคม 2551
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 9:49:40 น. 3 comments
Counter : 1194 Pageviews.

 
เข้ามาชมรูปสวย ๆ หุหุ


โดย: phatphon IP: 61.7.134.128 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:14:00:26 น.  

 
พี่ถ่ายไงอ่ะครับ
สวยมาก
ไม่หรูนะ
แต่ดูลงตัว
ช๊อบ ชอบ
ผมชอบวิถีชิวิตการเที่ยวแบบนี้จังเลยพี่
อิจฉาอ่ะ
เป็นการท่องเที่ยวในฝันของผมเลยพี่

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันครับ


โดย: water genepool IP: 125.26.150.69 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:23:01:29 น.  

 
ข้อมูลกาญจนบุรีเพิ่มเติม

ช่วยกันแจ้งข่าวออกไป เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกการท่องเที่ยวไทยให้หันมาสนใจทองผาภูมิบ้าง

ทองผาภูมิ กาญจนบุรี มิใช่ ณ ชายแดนปิล๊อกบ้านป้าเกล็นแห่งเดียว( //www.parglen.com )แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเที่ยวได้ทั้งปี ตั้งแต่เขาเขตทองผาภูมิก็มีวัดท่านมิตสุโอะ น้ำตกผาตาด น้ำพุร้อนหินดาด น้ำตกผาสวรรค์ ขี่ช้างล่องแพลิ่นถิ่น มีโฮมสเตย์ของนักทำโป่งเทียม เป็นบ้านเรือนไทยที่สวยงามสร้างโดยไม่มีการเขียนแบบ มีของเก่าของโบราณมาตกแต่งไว้ให้เรียนรู้ ชื่อภูผาตาด โฮมสเตย์(www.panoramatown.com/phuphatat ) มีกิจกรรมนมัสการพระพม่าอายุ 90 ปี สวดมนต์แบบพม่า พาไปสำรวจน้ำตกใหม่ที่นักข่าวไทยพีบีเอสบอกว่าสู้ทีลอซูได้สบายมาก รายการทีวีไทยสุดสัปดาห์ยืนยันได้ในความงาม

ไปอีกนิดถึงเมืองทองผาภูมิ มีร้านแนวๆชื่อลูนู๋( //www.lunu.biz ) มีร้านทอง(แดงสดใส)ที่ดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของตลาดทองผาภูมิ มีตลาดนั่งยองในแบบชาวบ้าน มีขนมทองโย๊ะขนมแปลกแห่งทองผาภูมิ มีแม่น้ำข้ามได้ สะพานแขวน และศพไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สายที่ลือชื่อเรื่องปาฎิหาร มีพระเจดีย์คีรี ที่ดูวิวทองผาภูมิ 360 องศา ณ วัดท่าขนุน มีพระขาวภปร.องค์ใหญ่มากเป็น 1 ใน 10 และเป็นองค์สุดท้ายที่ในหลวงทรงสร้าง

ออกจากเมืองไปไม่ไกลชมวิวทิวเขื่อนและทะเลาะกับลิงที่เขื่อนเขาแหลม( //vrk.egat.com )ที่พักติดเขื่อนเขาแหลมที่ใกล้ๆอัธยาศัยดีและราคาถูกมากๆสร้างในแนวที่ฝรั่งชอบมากๆก็ได้แก่ บ้านเก็บตะวัน โฮมสเตย์ ( //keptawan.siam2web.com )บ้านของลุงยศ ไกด์ผู้บุกเบิกฝรั่งเดินป่าแห่งกาญจบุรี ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความงามของวิวทะเล กิจกรรมพายเรือคยัค แคนนูข้ามเขื่อน และความงามของพระอาทิตย์ตก บริเวณนั้นมีวิถีชาวบ้านของหมู่บ้านท่าแพ ใกล้ๆมีจุดชมวิวทะเลที่เหมือนวิวเกาะกลางทะเล

เลยไปอีกไม่กี่กิโลเมตร มีหมู่บ้านห้วยเขย่ง หมู่บ้านที่เคยเลี้ยงช้างเพื่อชักลากไม้ มีสวนป่า พุปลิง ปูราชินีที่เดียวของโลก ค้างคาวกิตติสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก ณ ถ้ำหินงอกหินย้อย ถ้ำ 28 มีบึงน้ำทิพย์ที่ป่าไม้เพิ่งจะไปบุกเบิกใหม่ ถ่อแพข้ามไป มีต้นไม้ยักษ์ น้ำตกสายรุ้ง มีหมู่บ้านพูดเหนือเหมือนเมืองเชียงใหม่ มีหมู่บ้านพูดลาวด้วย มีชาวกระเหรี่ยง พม่ามากมายอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีที่นั่งห้างดูช้าง หรือวันดีคืนดีเห็นตัวเป็นๆเย็นๆมากันเป็นโขลงก็พบกันอยู่บ่อยๆ

ในเขตหมู่บ้านนี้ยังมีบ้านไร่วิมานดิน ออร์แกนนิค ฟาร์มสเตย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยให้เข้าเยี่ยมชมและเข้าพัก( //www.vimandin.com )ขอบอกว่าที่นี่โรแมนติคมากๆ อยู่ติดกับลำน้ำห้วยเขย่งสถานที่สำหรับถ่อแพ ล่องแก่งกันมาหลายสิบปี มีโป่งพุร้อนที่อยู่ไม่ไกล ที่นี่ได้ยินเสียงช้างป่าและสัตว์ต่างๆร้องอยู่บ่อยๆ บนยอดเขาที่ใกล้กับวิมานดินมีวิวทะเลหมอก ทะเลสาป วิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก 4 อย่างในจุดเดียวกัน มีสระอโนดาตที่มีผู้ค้นพบใหม่ มีหอยโลกล้านปีแบริโอพอทที่มีอายุกว่า 280 ล้านปีที่หาดูยากมากๆอยู่บนยอดเขา แต่ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความสนใจปล่อยให้ชาวบ้านเก็บเอาไปขายทำเครื่องรางของขลังชิ้นละ 50 สตางค์น่าเสียดายมาก

เลยจากเส้นนี้ไปไกลสักนิดก็เป็นอช.ทองผาภูมิกับเจ้านกเงือกที่คอยต้อนรับ หรือจะขึ้นเขาช้างเผือกยอดเขาที่สูงที่สุดของทองผาภูมิ หรือจะไปไกลนิดลำบากหน่อยด้วยรถ4x4 สู่เหมืองปิล๊อก บ้านอีต่อง เนินเสาธง ถือว่ามาได้ไกลสุดเขตชายแดนพม่า-ทองผาภูมิเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่ามีสถานที่มากมายที่การท่องเที่ยวไม่เคยรู้ ไม่เคยไปดูและไม่รู้จัก ซึ่งอยู่ใกล้ๆกรุงเทพมากๆเพียง 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว แต่ไม่ได้ถูกประชาสัมพันธ์ให้คนไทยได้รับรู้ จึงอยากให้ช่วยกันแจ้งข่าวออกไป เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกการท่องเที่ยวไทยให้หันมาสนใจทองผาภูมิบ้าง

ท้ายสุด สำหรับผู้ที่ชื่นความหนาวเย็นข้อความข่าวนี้คงยืนยันได้ว่าความหนาวเย็นของทองผาภูมิว่าไม่แพ้เชียงใหม่แน่นอน

ข่าวโดยสำนักข่าวไทย 15 มกราคม " กาญจนบุรีเย็นจัดชายแดนทองผาภูมิ 4 องศาฯ "
//news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=244367&ch=lc2



โดย: Godgang IP: 203.144.144.165 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:52:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลายเส้นหลังเขา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




กี่โมงกันแล้วหน๋อ..... หลงเข้ามาแล้วอยู่นานๆ หน่อยนะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add ลายเส้นหลังเขา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.