|
|||
ราดหน้าหมูหมัก 2 สูตรเด็ด พร้อมเคร็ดลับการหมักหมูให้อร่อย
ราดหน้าหมูหมัก (Noodles in Thick Gravy) อีกหนึ่งเมนูอาหารจานดียวที่เป็นที่นิยม ด้วยความอร่อยนุ่มของเนื้อหมูหมักที่หมักมาเป็นอย่างดี ผนวกเข้ากับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่นุ่มหนึบหรือเส้นหมี่กรอบและน้ำราดหน้าอันกลมกล่อม ทานร้อนๆ อร่อยแซ่บเวอร์จนต้องขอเบิ้ลอีกจาน วันนี้ zabwer.com ก็ได้นำขั้นตอนและวิธีทำอย่างละเอียดของสูตรราดหน้าหมูหมัก 2 สูตร พร้อมเคล็ดลับความอร่อยมาฝาก ซึ่งทำง่าย และที่สำคัญรสชาติต้องอร่อยเด็ดแน่นอน สำหรับผักหลักๆ ที่มักปรุงเป็นราดหน้าหมูหมักนั่นก็คือผักคะน้า ซึ่งคะน้าเป็นผักที่มีวิตามินหลายชนิด เช่น มีเบต้าแคโรทีนสูง มีสรรพคุณช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่กระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคมีความแข็งแรงสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดูก นับว่าเป็นผักที่อุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย ใครที่ไม่ชอบกินผักคะน้าลองหันมารับประทานเมนูราดหน้าหมูหมักอร่อยๆนี้ดู ไม่แน่คุณอาจจะหลงรักผักคะน้าขึ้นมาก็ได้^^ อย่างไรก็ตามท่านที่ไม่ชอบผักคะน้า อาจใส่ผักอื่นแทนก็ได้ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง ผักหวาน ผักกาดขาว กวางตุ้ง ข้าวโพดอ่อน เป็นต้น อร่อยแถมได้สุขภาพที่ดีด้วย ทั้งนี้นทั้งนั้นควรเลือกใช้ผักที่ปลอดสารพิษ ปลอดยาฆ่าแมลงด้วยนะคะ ราดหน้าหมูหมัก สูตรที่ 1 ราดหน้าหมูหมักรสอร่อยเด็ดสูตรนี้ เป็นสูตรมาจากคุณ Pinang Malaysia สมาชิกเว็บบล็อกแกงค์ดอทคอมที่มีรสชาติราดหน้าหมูหมักออกเข้มข้นนิดหน่อย รสอร่อยกำลังดีแทบไม่ต้องเติมอะไรเลย ซึ่งได้บอกวิธีทำเอาไว้อย่างละเอียดตามนี้ ส่วนผสม
** ข้อควรระวัง อย่ากลัวหมูไม่นิ่มแล้วเพิ่มผงฟู (baking Soda) ไม่อย่างนั้นรสชาดจะเฝือนมากๆ หากไม่นุ่มโดนใจให้ลองเอามาต้มหรือผัดสักนิดก่อน ไม่พอก็ค่อยเพิ่มนะ ส่วนผสมน้ำราดหน้า (เข้มข้น)
1. ทำหมูหมักโดยเคล้าเนื้อหมูกับเครื่องปรุงทั้งหมดนวดให้เครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อ เสร็จแล้วใส่กล่องนำเข้าตู้เย็นหมักไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือถ้าแช่ข้ามคืนจะอร่อยมากขึ้น 2. หั่นมาเตรียมผัก เริ่มด้วยนำคะน้ามาปลอกเปลือกและหั่นเฉียง แล้วนำไปลวกและช็อกผักคะน้าพอกรอบ พักไว้...วิธีลวกผักให้กรอบอร่อยมี 2 วิธีคือ
4. ทำน้ำราดหน้า ให้ทำตามขั้นตอนที่บอกไว้โดยละเอียดด้านล่างนี้นะครับ^^ 5. จัดเส้นใหญ่ผัดใส่จาน วางคะน้า ราดด้วยน้ำราดหน้าโรยพริกไทยป่น เสิร์ฟร้อนๆกับเครื่องปรุงรส วิธีทำน้ำราดหน้า 1. เตรียมต้มน้ำ 1.5 ลิตรไว้ก่อน จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช เมื่อร้อนดีแล้วใส่กระเทียมลงไปไม่ต้องรอให้เหลืองตามด้วยเต้าเจี้ยวและเนื้อหมู ค่อยๆผัด ไม่ต้องลดไฟใช้ปานกลางค่อนไฟแรง หากข้างกระทะมีสีน้ำตาลอ่อน ให้ใส่น้ำที่ต้มไว้ลงไปทีละ ¼ ถ้วย ราดข้างๆกระทะ (เพื่อที่กระทะจะไม่ไหม้) ผัดจนหมูสุกประมาณ 30% 2. ใส่น้ำร้อนที่เหลือลงไปทั้งหมด ใส่เห็ดที่ลวกแล้วตามลงไป เติมเครื่องปรุงรส 3. เมื่อเดือดให้ค่อยๆใส่แป้งมันที่ละลายไว้แล้วลงไป คนแรงและเร็วเพื่อให้แป้งกระจายตัว ไม่เกาะกันเป็นก้อน (อย่าลืมคนแป้งมันที่ผสมไว้ในถ้วยให้ละลายดีก่อนเทลงกระทะนะคะ) 4. รอให้เดือดอีกครั้งใช้มือที่ไม่ถนัดยกชามไข่ที่ตีไว้ให้สูงเหนือกระทะ
เทลงไปเป็นสายเล็กๆ
ใช้มือที่ถนัดจับตะหลิวคนในกระทะเป็นวงกลมเร็วๆทำจนไข่หมด
คนให้ข้นเหนียว
รอให้เดือดอีกครั้งปิดไฟ
ยกลงพร้อมเสิร์ฟ (หากใช้น้ำธรรมดาที่ไม่ใช่น้ำเดือดหรือน้ำร้อน
จะทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าน้ำในกระทะจะเดือดอีกครั้งซึ่งจะทำให้หมูที่เราผัดไว้แล้วโดนเคี่ยวนานอาจจะกระด้างได้นะ) ราดหน้าหมูหมัก สูตรที่ 2 อีกสูตรราดหน้าหมูหมัก สูตรนี้ทำง่ายรสชาติอร่อยถูกปากแน่นอน มีสูตรและวิธีทำดังนี้ ส่วนผสม (สำหรับ 2 คน)
เคล็ดลับวิธีทำราดหน้าหมูหมักให้อร่อย1. การหมักหมูแต่ละแบบขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่ต้องการปรุง และเนื้อส่วนที่ใช้ และอาจจะมีกลิ่นหรือรสของสิ่งที่ใช้หมักอยู่จางๆ ดังนี้
3. เส้นราดหน้าก็มีเสน่ห์อยู่ในตัว ผัดเส้นใช้ไฟแรงๆ กระทะเหล็กหนาๆ ใส่น้ำมันปาล์มแค่ฉาบผิวกระทะ เอาเส้นใหญ่ที่คลี่ออกแล้วลงผัด ไม่ต้องใส่ซีอิ๊วดำ ให้หอมแค่กลิ่นเส้นที่ผัดด้วยไฟแรง (กลิ่นไหม้ของเส้นใหญ่) 4. แป้ง...ใช้ได้ทั้งนั้น แป้งมัน, แป้งข้าวโพด, แป้งท้าวฯ แป้งสองอย่างผสมกัน ลองทำดู มันจะมีข้อแตกต่างกัน 5. อีกอย่างที่น่าจะมีคือ พริกชี้ฟ้าดอง (ไม่ใช่พริกชี้ฟ้าแช่น้ำส้ม) ซอยพริกชี้ฟ้าเขียวเป็นแว่นๆ เคล้ากับเกลือป่น หมักทิ้งไว้1คืน รุ่งเช้าเทน้ำส้มสายชูใส่ (นี่ถึงจะเรียกพริกดอง) 6. ผักต้องลวกให้กรอบอร่อยและยังคงสีเขียวสดของผัก ด้วยการช๊อคผัก เราสามารถใช้ผักต่างๆได้ตามชอบในราดหน้า แต่ควรแยกลวกผักทีละชนิด (เพราะผักจะสุกไม่พร้อมกัน) หากใช้ กระหล่ำดอก และข้าวโพดอ่อน ให้ลวกทีหลังนะคะ เพราะหากลวกก่อนจะมีเศษเล็กๆไปเปื้อนผักอื่นๆได้ ทำให้ไม่สวย และผักที่ลวกแล้วสามารถจัดใส่จานเพื่อรอรับประทานได้เลย ขอขอบคุณข้อมูลจาก //www.zabwer.com/2015/12/noodles-pork-in-thick-gravy.html 3 สูตรหมูหวานเลิศรส ทานกับอะไรก็อร่อย
หมูหวาน (Moo Wan or Sweet Pork) อีกสูตรอาหารไทยที่ทำง่ายและอร่อย มีรสหวานกลมกล่อมตัดเค็มนิดๆ บวกกับความนุ่มอร่อยของเนื้อหมู ไม่ว่าเราจะทานกับข้าวสวย หรือข้าวต้มร้อนๆก็อร่อยจนไม่อยากวางมือเลย รับประทานแล้วก็อยากรับประทานอีก นอกจากนี้ หมูหวานสามารถรับประทานกับสาระพัดน้ำพริกก็อร่อยเข้ากันดี ทานกับแกงส้ม หรือกับสาระพัดอาหารได้แทบทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นเมนูข้าวคลุกกะปิยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าทำข้าวคลุกกะปิแล้วไม่มีหมูหวานนี่คงหาความอร่อยครบรสได้ยาก สำหรับหมูหวานแต่ละสูตรก็มีวิธีทำแตกต่างกันไป แล้วแต่ใครเห็นว่าสูตรไหนอร่อย สำหรับหมูหวานทั้ง 3 สูตรที่เรา zabwer.com นำมาฝากนี้ เป็นสูตรหมูหวานที่รับรองว่าอร่อยนุ่ม แต่มีขั้นตอนวิธีทำที่แตกต่างกัน จึงอยากนำมาฝากเผื่อใครที่กำลังสนใจหาสูตรหมูหวานอร่อยๆทำทานเองที่บ้าน ก็ตามไปดูกันเลย หมูหวานสูตรที่ 1หมูหวานสูตรนี้ เป็นการนำกระเทียมมาผัดพอหอม ตามด้วยหมูสามชั้นผัดพอสุก นำมาปรุงรสนู่นนี่นั่น แล้วก็เคี่ยวไปเรื่อยๆจนเนื้อนุ่ม จากนั้นถึงนำมาผัดกับน้ำตาลปี๊บจนเครื่องปรุงเข้าเนื้อ มีรสหวานกลมกล่อมตัดเค็มนิดๆ นุ่มอร่อย แต่ถ้าใครที่ ไม่ชอบทานเนื้อติดมันก็สามารถใช้เนื้อส่วนสันคอหมูแทนก็ได้ ให้ความอร่อยนุ่มเช่นกัน (ใครกลัวอ้วนยิ้มออกแล้วละซิ^_^)ส่วนผสมหมูหวาน (สำหรับ 4 ที่) หมูสามชั้น 400 กรัม หอมแดงปอกเปลือก 12 หัว น้ำมันถั่วเหลือง 4 ช้อนโต๊ะ ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊ป 200 กรัม ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 ถ้วย วิธีทำ 1. เตรียมวัตถุดิบต่างๆไว้ให้พร้อม ดังนี้
3. แล้วจึงใส่หมูสามชั้นตามลงไปผัดให้เข้ากันเกือบสุก 4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง ถ้าอยากให้หมูหวานมีสีเข้มขึ้นให้ใส่ซีอิ๊วดำลงไป ผัดทั้งหมดให้เข้ากัน 5. เติมน้ำเปล่าลงไป ผัดให้เข้ากัน ปิดฝาเคี่ยวประมาณ 10 นาที ให้น้ำซอสงวด (คือเมื่อน้ำเริ่มแห้ง) 6. จึงค่อยเติมน้ำตาลปี๊ปลงไป ผัดให้เข้ากัน จนกระทั่งน้ำตาลปี๊ปละลายหมด ปิดไฟ 7. ตักหมูหวานใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ จะทานกับข้าวสวย หรือข้าวต้มร้อนๆ ก็อร่อยทั้งนั้น ## หมูหวานควรใส่น้ำตาลปี๊บในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อไม่ทำให้หมูสามชั้นรัดตัวแข็งกระด้างเวลาทาน ## ขอขอบคุณรูปภาพและสูตรจาก:https://www.facebook.com/media/set/?set=a.182871331839223.36875.122876307838726&type=3) หมูหวานสูตรที่ 2ขั้นตอนวิธีทำหมูหวานสูตรนี้จะคล้ายกับสูตรที่ 1 แต่จะต่างกันที่ส่วนผสม รับรองสูตรนี้อร่อยไม่ผิดหวัง ยิ่งถ้านำไปทำเป็นเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิยิ่งอร่อยกลมกล่อมเข้ากันดีนัก เป็นสูตรจากเปิดตำราทำอาหารกับแม่อบเชย By Pakavadee Siriprasert ลองนำสูตรไปทำดูนะครับ เป็นอีกสูตรที่อยากแนะนำส่วนผสม (สำหรับ 6-7 ที่) สันคอหมู 700 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 3/4 ถ้วย หอมแดงซอย 3/4 ถ้วย เกลือ 3 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ รากผักชีกระเทียมพริกไทยตำละเอียด (1: 1: ¼) 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1. เตรียมวัตถุดิบต่างๆไว้ให้พร้อม ดังนี้
3. จากนั้นจึงใส่รากผักชีกระเทียมพริกไทยตำละเอียด และหมู ลงไปผัดให้เข้ากัน 4. แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วมหมู แล้วต้มหมูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเปื่อยนุ่ม 5. ใส่น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ปรุงรสด้วยเกลือ เคื่ยวไฟกลางไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลเข้าเนื้อหมู 6. ตักหมูหวานใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ ## หมูหวานควรใส่น้ำตาลปี๊บในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อไม่ทำให้หมูสามชั้นรัดตัวแข็งกระด้างเวลาทาน ## ขอขอบคุณรูปภาพและสูตรจาก: //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pookhakae&month=04-2013&date=01&group=11&gblog=98 หมูหวานสูตรที่ 3ส่วนผสมหมูหวาน (สำหรับ 8 ที่) หมูสามชั้น 850 กรัม หอมแดงซอย ½ ถ้วยตวง กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 300 กรัม ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง เกลือป่น เล็กน้อย ซีอิ๊วดำ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำหมูหวาน 1. เตรียมวัตถุดิบต่างๆไว้ให้พร้อม ดังนี้
3. ตามด้วยใส่เนื้อหมูสามชั้นลงไปผัดให้เข้ากัน จึงค่อยเติมน้ำเปล่าลงไปใส่แค่พอท่วมหมูเท่านั้น ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และเกลือป่น(ชิมรสดูตามชอบ) ถ้าอยากให้สีของหมูหวานเข้มขึ้น ให้ใส่ซีอิ๊วดำลงไปด้วย 4. จากนั้นจึงลดไฟลง ใช้ไฟอ่อนๆ ให้กระทะหมูหวานเดือดแค่ปุดๆ แล้วจึงเคี่ยวหมูไปเรื่อยๆและหมั่นคนหมูเป็นระยะๆ (เคี่ยวประมาณ 40-50 นาที) เพื่อให้หมูสุกทั่วถึงไม่ไหม้และน้ำตาลเข้าเนื้อหมู เคี่ยวไปจนกระทั่งหมูหวานเป็นประกาย สีเข้ม เงาใสสวย และน้ำแห้งลงโดยน้ำที่เหลือจะมีลักษณะเป็นยางมะตูม ก็เสร็จเรียบร้อย ปิดไฟพักไว้ 5. ตักหมูหวานใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ จะทานกับข้าวสวย หรือข้าวต้มร้อนๆ ก็อร่อยทั้งนั้น แนะนำเพิ่มเติม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก //www.zabwer.com/2015/05/3-moo-wan-or-sweet-pork.html สมาชิกในกลุ่ม
นางสาวรัชนีวรรณ หงส์ศิริ เลขที่ 9 นางสาวศิริรัตน์ โทคำเวช เลขที่ 10 นางสาวปิยวรรณ มาวัน เลขที่ 16 สูตรข้าวผัดหมู และวิธีผัดข้าวให้อร่อย
สูตรอาหารไทย ข้าวผัดหมู เมนูอาหารนี้อาจฟังดูเป็นอาหารพื้นๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะหาข้าวผัดหมูอร่อยๆถูกใจนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ปกติแล้วมักจะเจอแบบพอกินได้เท่านั้น ทั้งที่วิธีทำข้าวผัดหมูนั้นสามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากเลย แต่ทำไมความอร่อยและน่าทานจึงแตกต่างกัน วันนี้ครัว zabwer.com มีวิธีการทำข้าวผัดให้อร่อยมาฝาก...เคล็ดลับของข้าวผัดหมูนั้นอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ปรุง ว่าจะเพิ่มเสริมรสอย่างไรให้ถูกใจผู้บริโภค และที่สำคัญข้าวผัดจะต้องแห้งหมาด รสชาติเข้มข้น สีสันสวยงาม และสิ่งหนึ่งที่ชวนให้รับประทานนั้น ได้มาจากผักและเครื่องปรุงที่เสริมลงไป นอกจากแปลกใหม่ไม่เหมือนใครแล้วยังให้รสชาติเลิศถูกอดถูกใจได้ไม่ยากอีกด้วย เครื่องปรุง
วิธีทำ 1. เริ่มต้นด้วยการตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปพอเริ่มร้อนใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้เหลือง 2. จากนั้นจึงใส่หมูสับลงไปผัดพอสุกตามด้วยหมูแฮมและหมูยอลงไปผัด 3. เสร็จแล้วใส่ข้าวสวยลงผัดให้ส่วนผสมเข้ากันจึงใส่แครอทและมะเขือเทศลงไปผัด ปรุงด้วยซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาวผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน จากนั้นใช้ตะหลิวดันข้าวผัดขึ้นไปอยู่ข้างๆกระทะ เว้นที่ก้นกระทะไว้ตอกไข่ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวตีไข่ให้แตก จากนั้นตักข้าวที่อยู่ข้างกระทะกลบทับไข่ไว้ รอจนไข่สุกแล้วจึงช้อนกลับให้ไข่อยู่ด้านบน ใส่น้ำมันหอยลงไปผัดให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ 4. ตักใส่จาน จัดเรียงแตงกวาและมะนาวไว้ข้างๆจานเสิร์ฟได้ทันที เคล็ดลับวิธีทำข้าวผัดให้อร่อย
เรียบเรียงข้อมูลโดย: zabwer.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก //www.zabwer.com/2013/08/fried-rice-with-pork.html |
สมาชิกหมายเลข 3605390
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |