ขอบคุณนะคะที่เข้ามา ^^ ติดต่อเจ้าของบล๊อค pink_dandilion@hotmail.com
Group Blog
 
All blogs
 

แนะนำที่เรียนพิเศษ ตัวต่อตัว !!!

จริงๆพี่เป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษมา สามปีละค่ะ สอนรายไหนรายนั้นเป็นเกรดขึ้น พี่เลยรวบรวมเพื่อนๆ จากหลายสาขาและสถาบันมาเป็นติวเตอร์กัน

น้องๆที่สนใจจะติวตัวต่อตัว จากพี่ๆ สถาบันชั้นนำ ติดต่อมาเลยค่ะ แอดไลน์มาได้ Line ID:tutorinbkk
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ สถานที่สอนสามารถตกลงได้ ที่ห้าง ร้านกาแฟ หรืออื่นๆ

มั่นใจได้เลยว่าเข้าใจมากขึ้นแน่นอน เพราะเรียนตัวต่อตัว เรียนจากพื้นฐานจริงของน้องเสริมจุดด้อย แล้วค่อยๆสอนไปอย่างเข้าใจจริง ^^ติดต่อมานะ อ่อ พี่ชื่อมิวค่ะ ^^






 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2558 21:57:57 น.
Counter : 1088 Pageviews.  

ลูกคุณกำลังต่อต้าน ก้าวร้าว เพราะเครียดเรื่องเรียนอยู่รึเปล่า?

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทุกอย่างเป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ได้จากการเป็นติวเตอร์มา 3 ปี สอนเด็กประถมเป็นส่วนใหญ่


ในประสบการ์ณการเป็นติวเตอร์ จะพบทั้งเด็กที่น่าสงสาร และเด็กที่น่าอิจฉา

กลุ่มเด็กที่น่าสงสาร คือ เด็กที่แม่ให้เรียนอัดๆ เพราะอยากให้ลูกเก่ง อยากให้ลูกสอบได้ที่ดีๆ โดยมีความเชื่อว่าการเรียนพิเศษยิ่งเยอะ ยิ่งทำให้ลูกเก่ง

กลุ่มเด็กที่น่าอิจฉา คือ แม่ก็ให้เรียนเอาเกรดเหมือนกันนี่แหละ แต่ต่างกันที่ว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกของเขาจะต้องได้เกรดดีมากๆ หรือต้องได้ที่หนึ่ง คือเอาแค่ให้มันผ่านอย่างเข้าใจ สบายๆ ไม่เครียด 

ซึ่งเด็กกลุ่มที่น่าอิจฉา EQ จะดีมากจะช่างพูดช่างเจรจา มีเรื่องเล่าให้คนรอบข้างฟังตลอดเวลา มีเวลาผ่อนคลายเล่นเกมส์ 

**เกมส์ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดีนะคะ บางคนคิดว่าลูกเล่นเกมส์ไม่ได้ ไม่ให้เล่น จะบอกว่าเกมส์มันให้อะไรกับเด็กได้เยอะคะ ถ้าเล่นให้ถูกเกมส์ ถูกเวลา มันทำให้เด็กเก่งและมีระบบความคิดที่ดีได้เลยละคะ


คุณพ่อคุณแม่ของเด็กหลายๆ คนก็ตระหนักถึงความหนักความเยอะของวิชาเรียนเรียนลูก แล้วยังต้องมาเรียนพิเศษเสริม บางคนเรียนพิเศษเสริมที่โรงเรียนแล้วยังไม่พอ ต้องเรียนพิเศษที่บ้านกับติวเตอร์ตัวต่อตัวอีก 

ทุกคนรู้ว่าลูกเหนื่อยแต่ก็ยังไม่คิดวิธีที่จะทำให้ลูกหยุดเรียน เหมือนว่ามันทำไม่ได้เลย คือถ้าหยุดเรียนเกรดก็ตก เรียนตามเพื่อนไม่ทัน ร้ายที่สุดก็คงต้องถูกเชิญออกเพราะบางโรงเรียนมีเกณฑ์ว่าถ้าเด็กไม่ถึง เกรดเท่านี้ๆ อาจจะต้องออก หรืออาจจะเรียนต่อโรงเรียนเดิมไม่ได้ ฟังแล้วอึ้งไปซิ

อยากจะบอกคุณพ่อ คุณแม่ของน้องๆ ที่กำลังคิดว่าจะส่งให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆ ดีที่สุดแพงที่สุด สามภาษา ทั้งอังกฤษและจีน ค่าเทอมแพงๆ
อยากจะบอกว่าคุณคิดอย่างนี้คุณไม่ผิดหรอกคะ แต่คุณดูด้วยว่า ลูกคุณจะได้สิ่งเหล่านี้จริงๆ หรือเปล่า บางโรงเรียนห้องนนึงมีนัักเรียนอยู่ ห้าสิบหกสิบคน คุณคิดว่าคุณครูเอาอยู่หรอ ท่ามกลางเด็กที่มีพื้นฐานไม่เท่ากัน เด็กคนนี้เข้าใจ เด็กคนนี้ไม่เข้าใจ เขาก็ต้องรอ อธิบายคนที่ไม่เข้าใจก่อน แล้วถ้าอีกคนไม่สนใจตอนอธิบายแรก ๆ ก็ต้องมาอธิบายซ้ำ คือ บอกเลยค่ะ ว่ายาก!

ทางที่ง่ายที่สุด ที่จะทำให้ลูกคุณมีทั้ง IQ และ EQ ที่ดี คือคุณควรที่จะให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่ จำนวนนักเรียนต่อห้องไม่เยอะเกินไป พยายามหาที่มันเหมาะกับครอบครัวตัวเอง สังเกตพฤติกรรมลูก ไม่ต้องถึงขั้นห้องนึงว่า 10 คนก็ได้ เอา 20 หรือ 30 ก็ได้ ถ้ามันจะต้องอัดถึงสามภาษาขนาดนั้น มันไม่มีทางเลยที่จะเก่งได้พร้อมกันทั้งหกสิบ

ถ้าไม่ได้จะให้ลูกเรียนสามภาษาขนาดนั้น ก็อาจจะปรับมาเป็น โรงเรียนธรรมดาที่เด็ก 40 คน แต่เป็นโปรแกรมปกติไม่อินเตอร์ อาจจะมีการเรียนพิเศษเล็กน้อย แต่อยากให้เรียนพิเศษในเชิงสอนรวมทุกวิชา รวบตึง วันละ 1 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมงครึ่ง ดีกว่า เดี่ยวนี้ติวเตอร์ จะเรียนแต่ละวิชา ต้องเรียนสองชั่วโมง ถ้าเราอยากให้เด็กเก่ง อังกฤษ คณิต และวิทย์ ไม่ต้องเรียนเสริมกันให้วุ่นวายหรอ? เวลาไหนเด็กจะได้พัก? จะได้ตกตะกอน?

สแกนใจความสำคัญในเนื้อหาของการบ้าน มาสรุปอีกที ว่าวัตถุประสงค์ของแบบฝึกหัดเรื่องนี้ต้องการที่จะให้เด็กได้ในเรื่องอะไร เพราะถ้าไม่ฉะนั้นแล้วเด็กทำจบไป ก็ไม่รู้หรอก นี่กำลังทำอะไรอยู่หรอ ผุ้ใหญ่จะต้องย้ำใจความสำคัญ 

ถ้าพ่อแม่ ไม่สามารถทำได้ แนะนำให้จ้างติวเตอร์คะ เพราะจากประสบการ์ณจะเห็นพ่อแม่บางท่านยังเป็นวัยรุ่นไม่มีความรู้ความสมารถพอที่จะสอนการบ้านให้้ลูกได้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นดีกว่ามั้ย ให้คนติวเตอร์ที่มีความรู้ไปสอนจะดีกว่า (ไม่ได้ไทอินรู้สึกจากใจ)

สุดท้ายแล้วการศึกษาไทยอ่ะ เราไม่สามารถที่จะไปคอนโทรลระบบมันได้ เราก็ต้องมาปรับเปลี่ยนตัวเอง ทำให้ลูกเราแกร่งพอที่จะยืนอยู่ในระบบหรือสถานการณ์ที่มันไม่ได้สวยงามเลิสหรูตลอดเวลา เริ่มจากสถานบันครอบครัว ช่วยกับประคับประคองเด็ก เด็กเขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เรียนไปอันไหนอนาคตต้องใช้หรือไม่ต้องใช้ อะไรที่เขาชอบ ถ้าไปกดดันยัดๆ ใส่เขามากๆ สักวันเด็กก็เกิดการต่อต้าน 

ตอนนั้นแหละค่ะ คุณอาจน้ำตาตกได้เมื่อลูกของคุณ เริ่มก้าวร้าว เถียง และพูดในคำที่คุณคาดไม่ถึง!




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2558 15:42:53 น.
Counter : 3117 Pageviews.  

ทาส | วันปิยมหาราช 23/10/2557

ทาส หมายถึง บุคคลซึ่งถูกนับสิทธิเสมือนสิ่งของของผู้อื่น ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิต และมีหน้าที่รับใช้ผู้อื่นโดยมิได้รับการตอบแทนจากเจ้าของ (นายทาส) เช่น การรับใช้ทางด้านแรงงาน และหากไม่เชื่อฟังคำสั่ง อาจถูกลงโทษได้ตามแต่นายทาสจะกำหนด ยกเว้นเป็นการกระทำอันทำให้ถึงแก่ความตาย


◈ ชนิดของทาส

ในประเทศไทย ทาสได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด (ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา โดยในสมัยก่อนหน้านั้นยังเป็นข้อถกเถียงของนักวิชาการ) ได้แก่

  1. ทาสสินไถ่- เป็นทาสที่มีมากที่สุดในบรรดาทาสทั้งหมด โดยเงื่อนไขของการเป็นทาสชนิดนี้ คือ การขายตัวเป็นทาส เช่น พ่อแม่ขายบุตร สามีขายภรรยา หรือขายตัวเอง ดังนั้น ทาสชนิดนี้จึงเป็นคนยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวหรือตนเองได้ จึงได้เกิดการขายทาสขึ้น โดยสามารถเปลี่ยนสถานะกลับไปเมื่อมีผู้มาไถ่ถอน และทาสชนิดนี้ที่ปรากฏในวรรณคดีไทยคือนางสายทองซึ่งขายตัวให้กับนางศรีประจันนั่นเอง
  2. ทาสในเรือนเบี้ย-เด็กที่เกิดขึ้นระหว่างที่แม่เป็นทาสของนายทาส ทาสชนิดนี้ไม่สามารถไถ่ถอนตนเองได้
  3. ทาสที่ได้รับมาด้วยมรดก - ทาสที่ตกเป็นมรดกของนายทาส เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อนาย- - ทาสคนเดิมเสียชีวิตลง และได้มอบมรดกให้แก่นายทาสคนต่อไป
  4. ทาสท่านให้ - ทาสที่ได้รับมาจากผู้อื่น
  5. ทาสที่ช่วยไว้จากทัณฑ์โทษ - ในกรณีที่บุคคลนั้น เกิดกระทำความผิดและถูกลงโทษเป็นเงินค่าปรับ แต่บุคคลนั้น ไม่มีความสามารถในการชำระค่าปรับ หากว่ามีผู้ช่วยเหลือให้สามารถชำระค่าปรับได้แล้ว ถือว่าบุคคลนั้น เป็นทาสของผู้ให้ความช่วยเหลือในการชำระค่าปรับ
  6. ทาสที่ช่วยไว้ให้พ้นจากความอดอยาก - ในภาวะที่ไพร่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองให้ประกอบอาชีพได้แล้ว ไพร่อาจขายตนเองเป็นทาสเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากนายทาส
  7. ทาสเชลย - ภายหลังจากได้รับการชนะสงคราม ผู้ชนะสงครามจะกวาดต้อนผู้คนของผู้แพ้สงครามไปยังเมืองของตน เพื่อนำผู้คนเหล่านั้นไปเป็นทาสรับใช้


◈ การพ้นจากความเป็นทาส

การพ้นจากความเป็นทาสสามารถเกิดขึ้นได้ จากเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

  • โดยการหาเงินมาไถ่ถอน
  • การบวชเป็นสงฆ์โดยได้รับความยินยอมจากนายทาส
  • ไปการสงครามและถูกจับเป็นเชลย หลังจากนั้น สามารถหลบหนีออกมาได้
  • แต่งงานกับนายทาสหรือลูกหลานของนายทาส
  • ไปแจ้งทางการว่านายทาสเป็นกบฏ และผลสืบสวนออกมาว่าเป็นจริง
  • การประกาศไถ่ถอนจากพระมหากษัตริย์ ในช่วงของการเลิกทาส

และข้อสุดท้าย ... พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ตราพระราชบัญญัติขึ้น เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2417 ให้มีผลย้อนหลังไปถึงปีที่ พระองค์เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ จึงมีบัญญัติว่า ลูกทาสซึ่งเกิดเมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2411 ให้มีสิทธิได้ลดค่าตัวทุกปี โดยกำหนดว่าเมื่อแรกเกิด ชายมีค่าตัว 8 ตำลึง หญิงมีค่าตัว 7 ตำลึง เมื่อลดค่าตัวไปทุกปีแล้ว พอครบอายุ 21 ปี ก็ให้ขาดจากความเป็นทาสทั้งชายและหญิง




ข้าทาสในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งหลุดพ้นจากระบบดั้งเดิม ได้กลายเป็นราษฎรสยามและต่างมีโอกาสประกอบ อาชีพหลากหลาย พอถึงปี 2448 ก็ได้ออกพระราชบัญญัติเลิกทาสที่แท้จริงขึ้น เรียกว่า พระราชบัญญัติทาส ร.ศ.124 (พ.ศ. 2448)


Cr. เนื้อหา Wikipedia
Cr. ภาพ dmc.tv




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2557    
Last Update : 23 ตุลาคม 2557 9:56:05 น.
Counter : 699 Pageviews.  


pinkdandilion
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add pinkdandilion's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.