ก็ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้ ถ้าถามว่าหน้าตาเป็นแบบไหน ฉันคิดว่าคงหน้าตาเหมือน.....เธออ ^_^
Group Blog
 
All Blogs
 

บางสิ่งที่ได้มาจากการเดินทาง

ลองขับรถไปเชียงใหม่ครั้งแรก สนุกไปอีกแบบ ทำให้มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่าชีวิตในเมืองหลวงปัจจุบันต่างสับสนวุ่นวายถ้าเราวิ่งตามไขว่คว้าสิ่งที่อยากได้ไปเรื่อยๆ คงไม่มีวันสิ้นสุด เชียงใหม่คงเป็นอีกเมืองที่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสแล้วทำให้รู้สึกถึงความผสมผสานของความเป็นอยู่อย่างคนเมืองบวกกับวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างเรียบง่ายหากแต่ยังคงมีกลิ่นไอของความเป็นเมืองเข้าไปผสนผสานให้คนกรุงๆ อย่างเราไม่เหงานักเมื่อได้เข้าไปสัมผัสนับว่าเป็นอีกเมืองที่คนกรุงอย่างเราๆ ต่างใฝ่ฝัน ที่จะไปสูดอากาศของธรรมชาติได้อย่างเต็มปอด หากแต่การใช้ชีวิตที่เร่งรีบอย่างเราๆ ถ้าไปอยู่กับธรรมชาติที่เป็นสุดยอดธรรมชาติของแท้อย่างป่า เขา อาจอยู่ไม่ได้นาน ทำให้เชียงใหม่เป็นอีกตัวเลือกนึงที่นึกถึงเป็นอันดับแรกๆ เมื่ออยากไปพักผ่อนในระยะเวลานานๆ เพราะบางส่วนของเมืองเชียงใหม่นั้นยังแอบมีแสงสีเล็กๆ ที่ทำให้คนกรุงอย่างเราๆ หายเหงาไปได้เยอะ อิอิ
...ทริปเชียงใหม่ของเราในครั้งนี้ จริงๆ ไม่ได้นานอะไรนัก ไปกันแค่ 3คืน4 วันเท่านั้น แต่เมื่อไปถึงแล้วทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าทำไมเพื่อนที่ทำงานของเราต่างหลงรักเมืองนี้กันนัก อาจะเป็นเพราะว่าเมืองมีการผสมผสานของชีวิตความเป็นอยู่แบบคนกรุงเข้ากับชีวิตความเป็นอยู่อย่างคนพื้นเมืองชนบทได้อย่างลงตัว.......... ^_^














































 

Create Date : 15 ธันวาคม 2552    
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 15:05:39 น.
Counter : 801 Pageviews.  

2 วัน 1 คืน กับเกาะสีชัง

...2 วัน 1 คืนกับเกาะสีชัง หลังจากที่ได้รวมเหล่าเพื่อนพ้องในออฟฟิตที่สนใจมาเยี่ยมเยืยน เกาะสีชังครั้งนี้ได้สำเร็จ ก็ได้เวลาล้อหมุนเริ่มต้นออกเดินทาง จุดนัดพบของเราคือ เกาะลอย เพื่อนั่งเรือข้ามฟากไปยังจุดหมายของเรานั่นคือ...เกาะสีชัง ส่วนค่าเรือข้ามไปเกาะสีชังก็คนละ 35 บาท เรือออกทุกชั่วโมงตั้งแต่ 7.00-18.00 น. จะเป็นเรือ 2 ชั้น ชั้นล่างอากาศค่อนข้างร้อนนิดนึงเพราะไม่ค่อยมีลมพัดเข้ามาถึงเท่าไหร่นั่งไปเหงื่อแตกไป ลักษณะที่นั่งจะเป็นเก้าอี้พลาสติกซ้าย 3 ขวา 3 ด้านหลังของเก้าอี้แต่ละตัวก็จะมีเสื้อชูชีพติดไว้กับเบาะที่เรานั่ง ใครจะหยิบเสื้อชูชีพใส่เลยก็ได้ ปลอดภัยไว้ก่อน น่ารักไปอีกแบบ อิอิ ส่วนชั้นบน บรรยากาศจะดีกว่าด้านล่าง มีลมพัดมาตลอดเวลา อากาศสดชื่น และยังมีวิวสวยๆ ให้เราได้มองตลอดทาง แต่ถ้าอยากนั่งด้านบนคงต้องรีบไปขึ้นเรือเร็วนิดนึงไม่งั้นที่ด้านบนก็จะเต็ม....อย่างว่าของดีๆ ราคาเท่ากัน ก็ต้องแย่งกันนิดนึงเน๊อะ หุหุ (พอดีวันนั้นมัวแต่หาที่จอดรถ เพราะต้องจอดค้างคืนเลยเป็นห่วงนิดนึง เลยไปไม่ทันคนเต็มก่อน 55555)

• ถึงแล้วๆๆๆ เกาะสีชัง นั่งเรือข้ามฟากมาประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้ ลงจากเรือมา งงๆ นิดหน่อย มีมอเตอไซค์ รถสกายแลป รถสองแถวนำเที่ยวเข้ามารุมหาเรา เลือกไม่ถูกเอาไงดีหว่า....จากที่ถามได้ข้อมูลมาว่า
• มอเตอร์ไซค์ 1ชั่วโมง 80 บาท, เหมาทั้งวัน 250 บาท, ค้างคืน 300 บาท
• รถสองแถว เที่ยวรอบเกาะไม่จำกัดเวลา 500 บาท นั่งได้ไม่เกิน 15 คน
• สกายแลป เที่ยวรอบเกาะไม่จำกัดเวลา 250 บาท นั่งได้ไม่เกิน 6 คน จ่ายค่าโดยสารตอนขากลับที่ท่าเรือ

หลังจากยืนหน้ามึนกันได้สักพักก็ได้ข้อสรุปว่าจะนั่งรถสองแถวไปสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ ศูนย์ฝึกอบรมและสัมมนาที่พักสำหรับคืนนี้ของพวกเรา เพราะว่ามากันหลายคน


เหนื่อยมาก....ขอหม่ำๆ ก่อนละน๊า เป็นร้านอาหารที่อยู่ทางด้านหลังที่พัก เห็นว่าเป็นร้านประจำของเหล่าๆ นักศึกษาจุฬา ที่เข้ามาพักที่นี่กัน รสชาติอาหารอร่อยดี แต่ว่ารู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย เหมือนเค๊าโก่งราคาเรานิดๆ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าราคาอาหารของที่เกาะนี้ก็ค่อยข้างแพงอยู่แล้วด้วยส่วนหนึ่ง ไปกันเกือบสิบคนสั่งโค้กขวดใหญ่ 2 เค๊าบอกไม่มี มีแต่ขวดเล็กอย่างเดียว จะเอากี่ขวด ไปๆมาๆ ไม่รู้ท่าไหนก็ได้โค้กขวดใหญ่มากิน กินอิ่มเดินออกจากร้านมาด้วยความ งงๆ แต่ก็ยังไม่เข็ด มือเย็นกลับไปกินร้านเดิมอีก 555555555 เหมือนเดิม โค้กขวดใหญ่ 2 แล้วก็ได้คำตอบเดิมตามคาด ไม่มีมีแต่ขวดเล็กจะเอากี่ขวด แต่ไปๆมาๆ ก็ได้ขวดใหญ่มากิน -_________-" งงดี อิอิ


หลังจากท้องอิ่มก็เริ่มออกเดินทางมายังศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่นั้นอยู่ในถ้ำด้านบนจะต้องขึ้นบันไดไป 150 กว่าขั้น เดินขาเมื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน หุหุ อยู่บนยอดเขาคยาศิระ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวเกาะสีชัง ด้านบนจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมกับไทยปนๆ กัน


เค๊าให้เขียนคำอธิฐาน แล้วก็ติดไว้ อยากได้ไรจัดปายยย อิอิ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่จะอยู่ในถ้ำเล็กๆทาสีทองภายในถ้ำ ในช่วงตรุษจีนคนจีนจะมากันเยอะมาก โดยมีความเชื่อว่าใครมาไหว้ติดต่อกัน 3 ครั้ง ภายใน 3 ปีจะเจริญ ร่ำรวย


มองออกไปด้านจะมองเห็นท่าเรือและบ้านเรือนชาวเกาะสีชังได้อย่างชัดเจน ถ่ายรูปไว้สักหน่อยบรรยากาศมุมสูง ภาพที่ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยนัก ^_^



จากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เดินต่อขึ้นมาอีกนิดก็จะเจอกับ มณฑปรอยพระพุทธบาท ที่รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ จำลองจากรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อปี พ.ศ.500


จากประวัติที่อ่านมา เกาะสีชัง เป็นเกาะที่มีอากาศดี คนบนเกาะจะมีอายุยืน จากจดหมายเหตุตามเสด็จประพาสจันทบุรีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงพระเยาว์ได้เสร็จตาม ร.4 ประพาสมาที่เกาะสีชัง และทรงแจกทานแก่ผู้สูงอายุบนเกาะที่มีอายุเกิน 100 ปี ถึง 3 คน ในสมัยนั้นเกาะสีชังจึงเป็นสถานพักฟื้นที่นิยมของชาวไทยและชาวต่างชาติในสมัย ร.5 พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ทรงมีพระอาการประชวร แพทย์หลวงได้ถวายคำแนะนำให้พักรักษาตัวที่เกาะสีชัง ร.5 ทรงมีความห่วงใยก็เสด็จไปทรงอภิบาลพระราชโอรสเป็นการประจำเช่นกัน ท่านได้พระราชทานความเจิญให้กับเกาะสีชังด้วยการก่อสร้างสิ่งต่าง (เป็นที่มาของสิ่งก่อสร้างบนเกาะสีชังว่ามักจะมีคำว่า “อัษฎางค์”)
ในปี พ.ศ.2431 จึงได้สร้างตึกสามหลังขึ้นจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สำหรับเป็นที่พักฟื้นผู้ป่วยได้แก้ตึกวัฒนา ตึกผ่องศรี และตึกอภิรมย์ และในปีในปี พ.ศ.2435 ได้โปรดเกล้าให้สร้างพระราชฐานขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับเพื่อแปรพระราชฐานใน ฤดูร้อน พระราชทานนามว่า “จุฑาธุชราชฐาน” ตามพระนามของพระเจ้าลูกยาเธอที่ประสูติที่เกาะสีชัง เมื่อ 5 กรกฎาคม 2435 เมื่อสร้างพระราชฐานแล้วก็โปรดให้สร้าง ถนน ท่าเรือ บ่อน้ำจืด โรงเรียน สวนสาธารณะ และ ที่ทำการไปรษณีย์
ต่อมาใน ร.ศ.112 ฝรั่งเศสมารุกรานในขณะที่ยังก่อสร้างพระราชฐานยังไม่เสร็จ จึงไม่ได้เสด็จไปประทับแรมที่เกาะสีชังอีกและต่อมาโปรดให้รื้อพระที่นั่ง “มันธาตุรัตนโรจน์” ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ใหญ่ มาสร้างใหม่ที่พระราชวังดุสิต ปัจจุบันคือ พระที่นั่งวิมานเมฆ (พระที่นั่งไม้สักทองทั้งหลัง)

หลังจากลงมาจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็ตกลงกันว่าอยากไปดูพระอาทิตย์ตกดิน เลยได้ข้อสรุปกันที่ถ้ำเขาขาด เพราะจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก ใครมาสีชังห้ามพลาด อิอิ ... ถ้ำเขาขาดก็จะอยู่ทางด้านหลังของเกาะ เดินเล่นกินลมชมวิว มีลดเย็นๆ พัดมาตลอดเวลา สดชื่นจัง



ถ้ำเขาขาดจะมีจุดให้ตกปลาได้ด้วย เราจะเห็นชาวบ้าน มาตกปลากันเป็นหย่อมๆ เป็นภาพที่สวยงาม (แต่บาปแฮะ แหะๆ) ขอชมอย่างเดียวดีกว่า หุหุ


สักพักมีชาวบ้านแถวนั้นเดินผ่านมา แบกอะไรมาด้วยนั่น ตัวใหญ่ชะมัดเลย สอบถามได้ความว่า เพิ่งไปตกได้มา คุณลุงใจดี หยุดให้ถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น ^_^


..... ดูพระอาทิตย์ตกเสร็จก็เริ่มหมดแรง กลับที่พักดีกว่า พรุ่งนี้เจอกัน สีชังจ๋า ขออยู่อีก 1 วัน ยังไม่ไปไหนไกล อุอุ

เช้าแล้วจ้า อากาศสดชื่นจัง เดินจากที่พักมาหาอาหารเช้ากินกันแถวเรือนไม้ริมทะเล เพราะที่นี่จะมีขนมปังปิ้ง โอวัลติน กาแฟ Set อาหารเช้าขายให้เรามานั่งหม่ำๆ กานได้ด้วย


เป็นอาคารไม้สีเขียวอยู่ติดกับทะเลเลย อิอิ มองออกไปเห็นวิวทะเลสวยงามมากจากหน้าต่างด้านใน


ร้านกาแฟยามเช้า บรรยากาศริมทะเล ร้านไม่ใหญ่มาก แต่ได้ความโรแมนติกดีนะ จิบกาแฟไปได้ยินเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง เสียงที่เราไม่คุ้นหูนัก ใน กทม ^_^


ภาพด้านหน้าเรือนไม้ริมทะเล กับเหล่าเพื่อนพ้อง zurreal บางส่วน ...เรือนไม้ริมทะเลนี้สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 ได้รับการบูรณะมาจนถึงปัจจุบัน ข้างในจัดนิทรรศการข้อมูลเกาะสีชังจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ปรากฎเด่นชัดว่าเรือนไม้ริมทะเลสร้างขึ้นเมื่อใด สัณนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือนพักของชาวต่างชาติมาก่อน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ในคราวเสด็จมารักษาพระองค์ ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐาน ในพ.ศ. 2435


มีเก้าอี้ไม้ให้นั่งสูดกลิ่นไอทะเลกันที่ด้านหน้าเรือนไม้ริมทะเลสดชื่อปอดกันไปเลย
>

หลังจากท้องอิ่มก็เริ่มออกเดินทาง (ทางเท้า) ต่อ เดินไปไม่ไกลนักก็จะเจอกับเรือนสีขาวตัวอาคารทำด้วยปูน สร้างขึ้นในรัชการที่ 5 โดยพระราชทานนามตามพระนามสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี โดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นอาไศรยสถาน เมื่อ พ.ศ. 2432 เพื่อเป็นที่พักฟื้นสำหรับชาวไทยและต่างประเทศ ต่อมาก็ใช้เป็นที่ประทับของพระราชวงศ์ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐานในพ.ศ. 2435 ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการณ์เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นบนเกาะสีชัง ในสมัยรัชกาลที่ 5

ออกจากเรือนวัฒนาจะเห็นสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ เนื่องจากว่าบนเกาะสีชังนั้นไม่มีแหล่งน้ำจืด จึงจำเป็นต้องสร้างบ่อเพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเค๊าเอาไปทำอะไร ด้วยความซนเลยเดินไปโพสท่าถ่ายรูปกันอย่างที่เห็น 5555555555


พระจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับในฤดูร้อนของรัชการที่ 5 มีสถานที่สำคัญอยู่ในนี้หลายแห่งด้วยกัน บริเวณทางเข้าจะมีไกด์รุ่นเยาว์อาสาพาชมในพระราชวัง ใครสนใจสามารถเรียกใช้บริการได้ สนับสนุนเด็กได้บุญไปในตัว ^_^


แล้วก็ออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆๆ จนมาเจอกับ สะพานอัษฎางค์ เป็นเรือนไม้สีขาวยื่นไปในทะเลอยู่ทางซ้ายมือ เป็นมุมที่เหมาะกับการมาโพสท่าถ่ายรูปมากๆ ใครมาเกาะสีชังก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ อากาษก็เย็นสบายมีลมพัดเข้ามาเป็นระยะ นั่งนานๆ รู้สึกเคลิ้ม ง่วงนอนเลยเรา....


ท้องฟ้าเปิดแดดจ้ามากๆๆ วันนี้ แต่มีลมพัดมาเป็นระยะ เลยไม่ร้อนมากเท่าไหร่


และแล้วก็สิ้นสุดทริป รถสองแถวมารับพวกเรากลับขึ้นเรือ 2 วัน 1 คืน กับสีชัง ความรู้สึกดีๆ ที่จะไม่เลือนหายไปกับกาลเวลา....


แล้วจะแวะไปเยี่ยมเยืยนใหม่เมื่อมีโอกาสน๊า สีชังจ๋า


บรรยากาศภาพเก็บตก
...ขอสักนิดพยายามจะทำเป็นหัวใจหวานแหวว แต่ออกมาอย่างที่เห็น -*-


...อยากสวีทบ้าง จุ๊บๆ ก็ออกมาอย่างที่เห็นอีกนั่นแหละ -_-"


...พี่แมวกลับบ้านไปนั่งทำอะไรตรงนั้น วันลาหยุดของพวกเราหมดแล้วนะ


บันทึกการเดินทางบทส่งท้ายแถมให้นิดนึง อิอิ
....การเดินทางโดยรถยนต์ จากกรุงเทพฯสามารถใช้ได้ 2 เส้นทางคือ ถนนสุขุมวิท และ มอเตอร์เวย์(ทางหลวงหมายเลข 7) มุ่งหน้ามาทางบางแสน เมื่อถึงบางแสนใช้ถนนสุขุมวิทขับตรงไปทางพัทยา จากบางแสนประมาณ 10 นาทีจะเห็นป้ายทางขวามือเลี้ยวเข้าเกาะลอย สามารถจอดรถได้ที่เกาะลอย จอดฟรี ถ้ามาแต่เช้าจะมีที่จอดรถว่างเยอะมาก ถ้าหาที่จอดรถไม่ได้หรือต้องการจอดรถข้ามคืนให้ถามสามล้อหรือมอเตอร์ไซต์แถวนั้นให้พาไปที่ฝากรถแล้วนั่งสามล้อหรือมอเตอร์ไซต์กลับมา ค่าจอดรถค้างคืนประมาณ 150 บาท
....การเดินทางโดยรถประจำทาง ขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต(รถออกทุก 45 นาที) หรือที่สถานีขนส่งเอกมัย(รถออกทุก 20 นาที) ราคา 94 บาท ไปลงตรงข้ามโรบันสันศรีราชา ต่อสามล้ออีก 40 บาทไปท่าเรือเกาะลอย หรือนั่งรถเมล์ไปท่าเรือเกาะลอย 7 บาท
เรือโดยสารไปเกาะสีชัง
• จากเกาะลอยศรีราชาไปเกาะสีชัง รอบแรก 7.00 น. ถึง 20.00 น. เรือจะออกทุกชั่วโมง มี 4 บริษัทให้บริการ จะบริการสลับกัน ส่วนมากเรือที่ให้บริการจะเป็นเรือร้อน 2 ชั้นค่าโดยสาร 35 บาท และเรือปรับอากาศ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
• จากเกาะสีชังไปเกาะลอย รอบแรก 6.00 น. ถึง 18.00 น. เรือออกทุกชั่วโมง
เกาะสีชังเหมาะสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ ชอบธรรมชาติ ไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ไม่มีแสงสีเสียงในตอนกลางคืน เพราะช่วงกลางคืนจะเงียบเหงามาก สามารถมาเที่ยวได้ทั้งเช้าไป-เย็นกลับและค้างคืนก็ได้ ถ้าค้างคืนบนเกาะเราก็จะสามารถดูพระอาทิตย์ตกดินที่ช่องเขาขาดได้เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ทริป ^_^




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2552    
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 17:32:24 น.
Counter : 2329 Pageviews.  


PB_Love
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add PB_Love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.