|
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุ่งในดวงใจ บทที่ ๑๙ ๖.๕๐ น.
ตอนเช้าแม่ขับรถมาส่งพวกเราด้วยเพราะต้องหอบเอาชุดดรัมของพี่ษามาคืนครูด้วยข้าวของจึงมากเกินกว่าที่จะหอบเอามาด้วยรถมอเตอร์ไซด์
แม่พาฉันไปตามถนนเลียบแม่น้ำและสิ่งที่แม่บอกฉันเมื่อคืนเรื่องกระทงก็กระจ่างชัดให้เห็นอย่างง่ายดาย กระทงหลากหลายชนิดเกาะติออยู่ที่แก่งทรายกลางแม่น้ำมีต้นไมยราบยักษ์เป็นตัวกั้นกระทงไม่ให้ลอยไปไหนได้ไกลนัก
มีพนักงานของเทศบาลลอยเรือไปเก็บกระทงเหล่านั้นมาทิ้งไว้เรือ กระทงโฟมดูจะเก็บง่ายกว่ากระทงใบตองเพราะมันจม
ฉันเห็นขยะกระทงเต็มลำเรือไปหมดเห็นแล้วสงสารพนักงานเก็บขยะที่ทำงานอยู่ในแม่น้ำ และฉันก็คิดกับตัวเองไว้ว่าต่อไปนี้ฉันจะลอยกระทงพร้อมๆ กันทั้งครอบครัวใบเดียวไม่ลอยหลายอันอีกแล้ว และกระทงของฉันก็จะไม่ทำใบใหญ่โตมากนักเพราะจะเป็นขยะในแม่น้ำให้คนเก็บขยะต้องทำงานหนัก
เมื่อมาถึงโรงเรียนเราสามคนก็ช่วยพี่แสงอุษาหอบถุงคนละไม้ละมือเอาไปส่งคืนครูที่ห้องศิลปะ จากนั้นก็แยกย้ายไปเก็บกระเป๋าห้องใครห้องมัน มาถึงห้องดนตรีก็หยิบเอาเครื่องดนตรีของตัวเองลงมาข้างล่าง ฉันเห็นเครื่องดนตรีของภรณียังวางอยู่ก็เลยหยิบลงมาให้เธอด้วย
แต่เมื่อลงมาถึงชั้นสองฉันก็สวนกับภรณีและรมณตรงทางเข้าหอของเด็กหอประจำโรงเรียน
อ้าวไอ้ณีนี่เครื่องแกฉันเห็นว่าแกยังไม่ได้เอาลงมาก็เลยหยิบมาให้
ภรณีดูท่าทางจะสะดุ้งกับเสียงเรียกของฉัน
แค่นี้ก็ต้องตกใจด้วยไอ้ณีเหมือนฉันไม่เคยเรียกแกอย่างนั้นแหละ เออมณเราไม่ได้หยิบของมณลงมานะ เดี๋ยวมณไปหยิบสิเรารอตรงนี้กับณีก็ได้ ฉันบอกรมณที่มีท่าทางตกใจไม่แพ้กัน
งั้นเดี๋ยวเรามานะรอข้างล่างก็ได้มายืนขวางทางไม่ดีหรอก รมณบอกแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปหยิบเครื่องดนตรีของเธอ
ฉันเห็นสายตาของภรณีที่มองตามรมณไปเหมือนๆ กับจะมีอะไรปิดบังฉัน ระหว่างเดินลงบันไดไปข้างล่างฉันจึงถามภรณี
ทะเลาะอะไรกันเหรอไอ้ณี
เปล่าไม่ได้ทะเลาะ ภรณีส่ายหน้า
และสายตาของฉันก็เห็นชื่อที่เสื้อของภรณี มันไม่ใช่ชื่อของภรณี แต่เป็นชื่อของอีกคน
ไอ้ณีเมื่อคนแกไม่ได้กลับบ้านเหรอ
แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่ได้กลับบ้าน ภรณีหันมาถามฉัน
ก็แกไม่ได้ใส่เสื้อตัวเองเอาเสื้อไอ้มณมาใส่ จะไม่รู้ได้ไงว่าอกไม่ได้กลับบ้าน แล้วเมื่อคืนนอนที่ไหน
นอนห้องดนตรี ภรณีตอบเสียงอ่อย
อะไรนะแกนอนห้องดนตรีและนอนไปได้ไง ฉันตกใจกับคำตอบที่ได้รับ
เอาน่าไงก็นอนไปแล้วจะมาถามอะไรนักหนานะ
แล้วใครอยู่เป็นเพื่อนแก
ไม่มีเสียงตอบจากภรณีและภรณีก็เดินเลี่ยงไปหารมณที่กำลังเดินลงมาจากตึก สองคนดูสนิทสนมกันมากกว่าที่เคยเป็น
เออเว่ยไอ้สองคนนี้มันอะไรของมันวะ ฉันยกมือที่ว่างอยู่ขึ้นมาเกาศีรษะของตัวเอง
.......................
ในห้องเรียนวันนี้ก็มีอะไรแปลกๆ ให้ได้เห็น ภรณีนั่งมองมาที่รมณตลอดเวลา โดยที่รมณก็ก้มหน้างุดเรียนไปตลอดเช่นกัน
แล้วสายตาของฉันก็เห็นรอยอะไรบางอย่างที่คอของรมณ
ไอ้มณไปโดนอะไรกัดมาเอายาหม่องไปทาไหม ฉันหันไปถามรมณเพราะเห็นว่ารอยนั้นถึงแม้จะดูไม่ใหญ่มากนักแต่ว่ารมณคงคันน่าดูเพราะมันแดงไปหมด
รมณสะดุ้งเมื่อฉันทักถึงรอยที่คอของเธอ
อะไรกันวะสองคนนี้สะดุ้งกันเก่งจริงๆ อะนี้ยาหม่องทาซะหรือว่าจะให้เราทาให้
ไม่ๆ ไม่ต้องอาเราทาเอง รมณรีบปฏิเสธทันทีฉันก็ไม่รู้ทำไมเพราะปกติแล้วรมณไม่เคยเป็นแบบนี้
แต่เมื่อรมณเปิดคอเสื้อของเธอเพื่อที่จะทายาหม่องฉันก็ต้องตกใจเพราะบริเวณลำคอของเธอ มีรอยแบบเดียวกันเต็มไปหมด
ไอ้มณแกเป็นอะไรทำไมมันเต็มไปหมดแบบนี้หละหรือว่าเมื่อคืนไปนอนห้องดนตรีกับไอ้ณีแล้วโดยยุงกัรเยอะแบบนี้ แกคงแพ้ยุงมากเลยสิเพื่อน ฉันพูดเสียงดังจนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ยิน
รมณรีบปิดคอเสื้อของเธอกลับมาเหมือนเดิม
อย่าเอ็ดไปสิอาอายเค้า
อายอะไรแกไปให้ครูดูเถอะแกต้องแพ้อะไรมากๆ แน่ๆ เลย ฉันบอกรมรณด้วยความเป็นห่วง
อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหมอาขอร้องหละ แล้วก็เงียบไปซะ รมณตัดบทแค่นั้นฉันเองก็เลยต้องจ๋อยไปตามระเบียบ
เออขอโทษนะเรายุ่งไม่เข้าเรื่องเองหละ ฉันกลับมาสนใจเรื่องที่ครูสอนต่อไปเพราะแค่นี้ก็หน้าแตกมากพอสมควรแล้วที่ไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านโดยที่เขาไม่อยากให้ยุ่ง
......................
และในตอนเที่ยงฉันก็เห็นรมณกับภรณียืนคุยกันเหมือนจะทะเลาะกันอีกครั้งตรงมุมตึก ทั้งสองคนดูท่าทางจะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง และภรณีก็ลากรมณเข้าไปในซอกตึกหลบมุมผู้คน
ฉันเดินตามไปด้วยความหวังดีเพื่อที่จะห้ามเพื่อนไม่ให้ทะเลาะกัน แต่เสียงพูดคุยของทั้งสองคนทำให้ฉันต้องชะงักการก้าวขาของตัวเองไปโดยปริยาย
มณเราขอโทษเราว่าเราผิดและผิดมากๆ ด้วยแต่มณก็ต้องฟังเหตุผลของเราบ้างสิ เสียงภรณีพูดเหมือนกำลังจะง้องอนรมณ
เหตุผลของคนชุ่ยๆ แบบเธอนะเหรอณี เธอทำแบบนี้กับเราได้ไง ฉันได้ยินเสียงกระชากคอเสื้อของใครสักคนและฉันก็ชะโงกหน้าออกไปดูเพียงเพราะหวังว่าจะห้ามเพื่อนไม่ให้ทะเลาะกัน แต่ก็ต้องชะงักอีกหน
เห็นไม๊ว่ามันมีเต็มไปหมด แบบนี้เราจะไปทำอะไรได้
เห็นแต่เมื่อคืนเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเรานี่ เสียงภรณีอ่อยๆ จนฉันเริ่มคิดว่าสองคนนี้ทะเลาะอะไรกันนักหนานะ
ก็ใครจะไปรู้เล่าว่ามันจะมีเยอะขนาดนี้
เราเองก็ไม่คิดว่ามันจะเยอขนาดนี้เราขอโทษนะมณเราผิดไปแล้ว ภรณีคุกเข่าลงต่อหน้ารมณ
คราวต่อไปก็อย่าทำแบบนี้อีกแล้วกันนะณี รมณเสียงเบาลงไปแล้วและพยุงภรณีขึ้นมาให้ยืนขึ้นเหมือนเดิม
ภรณีไม่รอช้าจูบไปที่ริมฝีปากของรมณทันที ภาพนั้นทำเอาฉันที่ยืนดูอยู่ถึงกับสะดุ้ง
ตายหละหว่าไอ้สองคนนี้เป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ ฉันได้แต่พูดกับตัวเองในใจเพราะไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนสนิททั้งสองคนเลยจนนิดเดียว
ฉันรีบก้าวเท้าออกมาก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้ว่าฉันมายืนแอบฟังที่ทั้งสองคนคุยกัน และก็ไม่พ้นสายตาของพี่แสงอุษา
นั่นๆๆ ไปยุ่งอะไรกับเค้าอา พี่แสงทักฉันที่รีบวิ่งออกมาจากมุมตึก
แหะๆๆ แค่อยากรู้ว่าเค้าทะเลาะอะไรกันแค่นั้นเอง
เค้าทะเลาะอะไรกันที่ไหนเค้ารักกันต่างหากอา พี่แสงอุษาบอกฉันทำเอาฉันหันไปถามเธอทันที
พี่รู้ได้ไงว่าสองคนเค้ารักกัน
ทำไมจะไม่รู้ก็เมื่อคืนเพื่อนพี่ที่อยู่หอบอกมาว่าสองคนจู๋จี๋กัน
หาพี่ว่าอะไรนะ ฉันตกใจกับคำตอบอีกแล้วสิคราวนี้
อืมเค้าจู๋จี๋กันเมื่อคืนที่หอพักเด็กหอพูดกันให้แซด
จริงดิ ตายแล้วอาตกข่าวแบบนี้ไปได้ไงกัน
อานะเหรอตกข่าวไม่เห็นที่คอของมณเหรอ รอย Mark Kiss เต็มไปหมดเป็นพี่นะรู้ตั้งแต่เห็นแล้ว
ฉันพึ่งถึงบางอ้อว่ารอยที่คอของรมณไม่ใช่รอยแพ้ยุงกัดหรือแพ้อะไรแต่อย่างใด แต่เป็นรอยแห่งความรักที่ภรณีฝากไว้บนตัวของรมณนั่นเอง
ตายๆๆ อาคงต้องไปศึกษารายละเอียดเรื่องแบบนี้แล้วสิพี่
ไปศึกษาที่ไหนหละอา พี่แสงอุษามองหน้าฉัน
คงต้องหาครูดีๆ สักคนมาสอนแล้ว ว่าแต่ว่าพี่จะเป็นครูของอาได้หรือเปล่าหละ อิอิ ฉันส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับพี่แสงอุษาอีกครั้งและผลที่ได้ตอบรับมาก็คือฝ่ามือของพี่แสงอุษาฟาดมาที่ไหล่ฉันเต็มๆ พร้อมกับคำว่า
บ้าอาทะลึ่ง แล้วพี่แสงอุษาก็เดินหนีไปปล่อยให้ฉันลูบหัวไหล่ตัวเองปอยๆ แต่ก็สุขใจที่พี่แสงอุษาหน้าแดงเพราะคำพูดของฉันเอง
...............................
บรรยากาศการซ้อมดนตรีในช่วงกลางวันนั้นฉันว่าทั้งภรณีและรมณดูจะสดใสกว่าทุกครั้ง ทั้งสองคนซ้อมไปก็หัวเราะกันไป ต่อเพลงกันเองสองคน
ณีเล่นท่อนนี้สิเอาใหม่ รมณให้ภรณีเล่นเพลงท่อนดิมซ้ำอีกครั้งและตัวเธอก็เล่นตาม
ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าสองคนมีใจตรงกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เมื่อไม่นานมานี้ภรณียังอกหักเพราะรุ่นพี่ แถมยังไม่พอหลังจากนั้นภรณีก็อกหักเพราะครูจิณณพัตอีกรอบ และสองคนนี้ไปคบกันตอนไหน เป็นปัญหาที่ฉันต้องขบคิด
แต่ถึงจะไปคบกันตอนไหนก็ถือว่าเป็นข่าวดีของฉันที่ภรณีไม่ต้องอกหักอีก และรมณก็ไม่ต้องเหงาอีกต่อไป เพราะมีภรณีเป็นเหมือนเงาตามตัวตลอดเวลา หน้าที่ของเพื่อนแบบฉันก็คือสนับสนุนให้เพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ
ฉันว่าจะให้มณย้ายออกจาหอไปอยู่บ้านฉันแกว่าไงวะอา ภรณีถาฉันก่อนที่จะเข้าห้องเรียน
แล้วพ่อแม่แกไม่ว่าอะไรเหรอไอ้ณี พ่อแม่ของมณอีกหละ
เรื่องพ่อแม่ฉันมันไม่มีปัญหาหรอกเพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านส่วนพ่อแม่ของมณฉันก็จะช่วยพูดด้วย จะได้ไม่ต้องมาเสียเงินค่าหอเพราะไงเราก็ต้องมาเรียนที่เดียวกันอยู่แล้วนี่จริงไหมหรือแกว่าไงอา
ไม่รู้สิแกก็ลองคุยกับพ่อแม่ของแกกับพ่อแม่ของณีเองก็แล้วกันเพราะไงฉันก็ตอบแทนพ่อกับแม่พวกแกไม่ได้หรอกณี
ก็จริงของแกเน๊อะ ไว้วันนี้ฉันจะถามพ่อกับแม่ของฉันแล้วค่อยให้มณไปถามพ่อแม่เค้าแล้วกันคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ภรณีพยักหน้าหงึกหงัก และก็พูดเองเออเองไปเรื่อย
ความรักเข้าตาขนาดนี้เลยเหรอเพื่อน ฉันกระเซ้าภรณี
ใช่สิฉันมองข้ามคนใกล้ตัวมานานแล้วต่อไปนี้เมื่อฉันพบแล้วว่าใครที่รักฉันที่สุดฉันจะไม่ปล่อยเค้าไปง่ายๆ หรอกอา ภรณีตอนนี้ท่าทางขึงขังจริงๆ
ขอให้ไปกันรอดเกิน ๒ ปี นะเพื่อน ฉันอวยพรให้กับภรณี
ต้องเกินอยู่แล้วอย่างน้อยๆ ก็ต้อง ๔ ปี ขึ้นไปแหละแกเพราะไงซะมณก็ต้องอยู่ที่บ้านฉันจนกว่าจะจบมอหก ดูเหมือนความฝันของภรณีจะสวนหรูอยู่ไม่น้อยทีเดียว
หลังจากนั้นไม่นานรมณก็ย้ายออกจากหอของโรงเรียนและไปอยู่ที่บ้านภรณี ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของทั้งสองคนเห็นด้วยที่ลูกของทั้งคู่จะมีเพื่อนเรียนชั้นเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน รมณเป็นเด็กเรียนเก่งนิสัยดีสุภาพเรียบร้อย ส่วนภรณีถึงแม้จะดูกระด้างแข็งๆ ไปบ้างแต่ก็เอาการเอางาน งานบ้านทั้งหมดที่บ้านของภรณีเธอก็เป็นคนรับผิดชอบ ดูเหมือนว่าภรณีจะเก่งงานบ้านมากกว่าฉันอีกนะ
ภรณีมีน้องสาวอีกคนที่เรียนที่เดียวกับเราแต่น้องของเธอก็เรียนอยู่แค่ชั้นปอหนึ่งเท่านั้น บ้านของภรณีมีลูกที่ห่างกันมากๆ จนทำให้พี่น้องสองคนมีความห่างเหินกันมาก เพราะเด็กคนละวัยคนละความคิด
ฉันเสียอีกที่ดูจะสนิทกับน้องสาวของภรณีมากว่าภรณี เพราะฉันชอบเล่นกับเด็กๆ มากกว่าเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ฉันว่าเด็กมีจินตนาการสูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันและที่สำคัญเมื่อฉันเล่นกับเด็กๆ ฉันจะเป็นหัวโจกได้อย่างสบายๆ เป็นลูกพี่ที่มีลูกน้องเดินตามต้อยๆ สนุกดีออก
ภรณีเคยพาน้องออยน้องสาวคนเดียวของเธอมาทิ้งไว้ที่บ้านฉันให้เล่นกับฉันในสวนจนเย็นเราสองคนหมายถึงฉันกับน้องออยถึงได้กลับเข้าบ้าน อาหารของพวกเราก็ไม่พ้นผลไม้ในสวนเก็บกินกันไปเรื่อยตั้งแต่เช้ายันเย็น น้องออยเกาะหลังฉันเป็นลูกลิง
ฉันชวนน้องไปตกปลานั่งเล่นแถวๆ ริมน้ำเหมือง ตอนนั้นน้องออยยังอยู่ชั้นอนุบาลสามอยู่เลยแต่ก็ดูจะเล่นกับฉันได้ไม่รู้เบื่อ อายุของฉันกับน้องออยต่างกันตั้งเจ็ดปี น้องออยไม่รู้จักดาราจีน น้องออยไม่รู้จักอึ้งย้งแต่น้องออยรู้จักโดเรม่อน รู้จักอาราเล่
เรื่องที่เราเล่นกันก็เลยเป็นการ์ตูนเสียมากกว่า เล่นกับเด็กเมื่อเด็กง่วงก็ให้นอนกลางวันฉันก็นอนเล่นและหลับด้วยกัน
จนแม่ให้พี่ภามาเรียกฉันกับน้องออยเราสองคนก็งัวเงียเดินกลับเข้าบ้านและไปนอนต่อกันที่ห้องนอนของฉัน ฉันก็มีน้อยออยเป็นตุ๊กตานอนกอดไปจนภรณีมารับกลับบ้านน้องออยก็โวยวายว่าจะอยู่เล่นกับฉันต่อ
แม่ต้องบอกว่าไว้วันหยุดข้างหน้าน้องออยค่อยมาเล่นกับฉันใหม่ ถ้าน้องออยดื้อจะไม่ให้มาเล่นกับฉันอีก จากนั้นน้องออยก็เป็นแขกประจำบ้านฉันในทุกวันหยุดจนน้องออยขึ้นปอหนึ่งก็ไม่มาอีก
อาจเป็นเพราะช่วงปิดเทอมฉันไปอยู่บ้านปู่ก็เป็นได้ และอีกอย่างฉันก็มีพี่ษามานอนเล่นที่บ้านบ่อยๆ ภรณีคงจะเกรงใจที่จะเอาน้องของเธอมาฝากไว้ที่บ้านของฉัน
ฉันแวะไปที่บ้านของภรณีและก็อีกเช่นเคยไม่พบพ่อกับแม่ของภรณีเหมือนทุกครั้ง แต่เห็นน้องออยนั่งทำการบ้านอยู่กับรมณ ภรณีทำกับข้าวมาให้รมณกับน้องออยกินกัน ดูๆ ไปก็เหมือนครอบครัวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องระหว่างฉันกับพี่ษาว่าจะมีวันที่ได้อยู่ด้วยกันแบบเดียวกับภรณีและรมณหรือไม่
ฉันได้ยินสรรพนามที่ภรณีใช้เรียกรมณที่ฉันฟังแล้วก็อดขำได้นั่นคือเรียกรมณว่าป้า ส่วนรมณเรียกภรณีว่าลุง
เออนะช่างเข้าใจคิด
เรียกกันไปได้แก่ขนาดนั้น และน้องออยก็เรียกรมณว่าป้าตามที่ภรณีเรียก แถมยังเรียกภรณีว่าลุงเช่นเดียวกันกับที่รมณเรียก
สรุปว่าบ้านนี้มีทั้งพ่อ แม่ ป้าและลุง สำหรับน้องออยไปแล้ว
ฉันออกจากบ้านภรณีมาพร้อมกับรอยยิ้มและรับพี่แสงอุษาที่บ้าน ฉันยืนรออยู่ไม่นานพี่แสงอุษาก็ออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบโตอีกเช่นเคย
จริงๆ พี่ไม่ต้องเอากลับมาซักก็ได้อาซักให้พี่ได้สบายมาก ฉันมองกระเป๋าใบใหญ่แล้วก็เอ่ยขึ้น
ไม่ได้หรอกอาพี่เกรงใจแค่ให้ที่อยู่ที่กินพี่ก็เกรงใจจะแย่แล้ว
เกรงใจทำไมกันพี่ไหนๆ พี่ก็จะเป็นครูให้อาแล้วไม่ต้องเกรงใจหรอกนะจ๊ะ ฉันแกล้งเย้าให้เธอหน้าแดงและก็เป็นดังที่คาดไว้
เออพี่ษาพ่อทำบ้านเสร็จเร็จแล้วนะเร็วดีอาทิตย์เดียวก็เสร็จ ฉันคุยอวดห้องใหม่ให้พี่ภารู้เพราะพี่ภาไม่ได้มานอนที่บ้านของฉันสองอาทิตย์แล้วช่วงที่สอบกลางภาค
เหรอแล้วใครจะไปนอนบ้านนั้นหละ
ก็อาไงพี่อาจะไปนอนพ่อทาสีน้ำเงินออกฟ้าๆ ให้ด้วยนะ พี่ภามานอนด้วยสองคืนแล้ว เพราะห้องพี่ภาทาสีใหม่พี่ภาบอกว่ากลิ่นสีมันเหม็น
ภาทาสีห้องใหม่เหรอสีอะไรหละอา
สีชมพูน่ะพี่หวานแหว๋วจริงๆ เลย เหมือนพี่ภาเลยนะ วันนี้เห็นพี่ภาจัดห้องใหม่ดูโล่งขึ้นตั้งเยอะ แต่มีตู้หนังสือเพิ่มมาอีกสองตู้
ทำไมซื้อตู้หนังสือเยอะจัง
ไม่ได้ซื้อหรอกพี่พ่อบอกว่าไว้สำหนับอนาคต เพราะไม้มันเหลือเลยทำตู้หนังสือให้พวกอากับพี่ภาอีกคนละสองทาสีเดียวกับห้องของพวกเราด้วยนะ
อ่อเหรอดีจังแล้วตอนนี้อาไปนอนห้องใหม่แล้วตื่นสายหรือเปล่า
เปล่าพี่ แต่พรุ่งนี้วันหยุดอาจจะสายก็ได้ เออพ่อทำห้องน้ำให้อาในตัวด้วยนะพี่ไม่ต้องออกมาเข้าห้องน้ำที่บ้านใหญ่ด้วย สบายไปเลย
ดีจังอาจอมขี้เกียจก็เลยสบายไปเลยหละสิ
ใครว่าสบายพี่อาต้องทำความสะอาดห้องเพิ่มอีกห้องต่างหาก แถมห้องน้ำก็เพิ่มอีกห้องเล่นเอาเหนื่อยไปเลยนะไปเถอะพี่อาอยากอวดห้องใหม่จะแย่แล้ว
พี่แสงอุษานั่งซ้อนรถฉันอย่างว่าง่ายเธอกอดเอวฉันเหมือนเช่นเคยฉันคุยไประหว่างทางถึงเรื่องของภรณีกับรมณที่เรียกกันเป็นป้าเป็นลุง เล่าเรื่องของทั้งสองคนที่ฉันได้เห็นมาในวันนี้ให้พี่ษาฟังอย่างละเอียด
น่าอิจฉาสองคนนั้นนะอาที่เค้าได้อยู่ด้วยกัน
อิจฉาทำไมหละพี่ เราก็ได้อยู่ด้วยกันนี่นา
นั่นสินะ ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกัน แสงอุษาเงียบไปเมื่อพูดเท่านั้นและก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาจากปากของเธออีกเพราะว่าหากเธอพูดอะไรไปน้ำตาของเธอก็คงจะไหลออกมา
.........................
อาคิรา วุ่นวายกับการอวดห้องใหม่ของเธอ ที่แยกออกมาจากบ้านพ่อกับแม่ พ่อของอาคิราปลูกบ้านใหม่หลังน้อยให้อาคิราไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก ตัวบ้านถูกยกพื้นขึ้นมาต้องเดินขึ้นบันได้สามขั้น มีชานยื่นออกมาด้านหน้า
ต้นไม้ใหญ่ไม่ได้ถูกตัดทิ้งซ้ำยังใช้ร่มเงาของต้นไม้มาช่วยบังให้ตัวบ้านไม่ร้อนมากนัก ทั้งด้านหน้าบ้านและหลังบ้าน แถมยังใช้กิ่งไม้ใหญ่สำหรับผูกชิงช้าเล็กๆ ไว้ตรงหน้าระเบียงบ้านอีกด้วย
บ้านสีน้ำเงินออกฟ้านิดๆ ของอาคิราดูสวยงามเหมือนบ้านตุ๊กตา หน้าต่างบ้านมีเหล็กดัดและมุ้งลวดติดผ้าม่านสีขาวสะอาดตาตัดกับสีน้ำเงินของตัวบ้าน ประตูหน้าต่างก็ทาด้วยสีขาวเช่นกัน
ด้านในของตัวบ้านเล็กๆ มีห้องน้ำในตัวปูกระเบื้องสีน้ำเงินและมีลายวาดของปลาตัวน้อยๆ แหวกว่ายอยู่ในกระเบื้อง
เตียงนอนเล็กๆ น่ารักถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีฟ้าด้านข้างเตียงมี น้องจุ๊กจิ๊ก ที่แสงอุษาซื้อให้นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น และยังมีกีต้าร์ตัวโปรดของอาคิราที่ชื่อ เจ้าซ่า วางพิงไว้ข้างๆ ตุ๊กตาตัวนั้นอีกด้วย
ด้านข้างมุมหนึ่งของห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือหันหน้าออกไปทางด้านหน้าบ้านและสิ่งที่อยู่ข้างกันก็คือตู้หนังสือสีน้ำเงินสองตู้ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นตู้ที่ประกอบเองมีหนังสือวางอยู่ไม่มากนักโดยส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเรียนและหนังสือการ์ตูนบู๊ๆ มากกว่า
เมื่อมองไปที่เพดานห้องมีพัดลมตัวโตสีฟ้าติดไว้หนึ่งตัวแลดูโปร่งและสบายตา อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นที่วางตู้เสื้อผ้าและราวสำหรับพาดผ้าเช็ดตัวพร้อมกับตะกร้าผ้าใช้แล้ววางไว้คู่กัน
พี่ษาสนใจจะมานอนบ้านอาตลอดไปแบบรมณไปนอนบ้านภรณีหรือเปล่า
สนใจสิบ้านอาน่าอยู่มากๆ
งั้นต่อไปนี้พี่ษาก็มาอยู่บ้านอาตลอดไปเลยนะอายินดีต้องรับพี่ษามาอยู่บ้านสีน้ำเงินของอา อาคิราอ้าแขนรับร่างของแสงอุษาให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเธอ
แสงอุษาเหมือนมีแรงดึงดูดจากอ้อมแขนของอาคิราให้เธอเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างง่ายดาย
อาคิราแทบจะอดใจไม่ไหว เธอรู้สึกว่าเธอเกลียดริมฝีปากบางๆ ของแสงอุษาเหลือเกินเพราะเมื่อเธอเห็นครั้งใดเธอก็อยากที่จะบดขยี้ริมฝีปากนั้นให้ละลายไปด้วยริมฝีปากของเธอทุกครั้งไป
อาคิราพยายามที่จะหอมแก้มของแสงอุษาแต่เจ้าตัวกลับบ่ายเบี่ยงและซุกใบหน้าของตัวเองไปที่อกของอาคิราแทน
พี่รักอาจังเลยอาจ๋า แสงอุษารำพึงอยู่กับอกของอาคิรา
อะแฮ้ม!!! ยายอา ยายษาแม่ให้มาเรียกให้ไปกินข้าวได้แล้ว เสียงของอวภาส์ที่ส่งมาก่อนที่ตัวจะเดินมาถึงนั้นทำให้ทั้งสองคนรีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของแสงอุษาแดงไปเพราะความเขิน ส่วนอาคิราก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง
เร็วๆ กินข้าวกันแม่ทำกับข้าวไว้เยอะเลย พี่ภาเดินขึ้นบันไดมาก็บอกเราสองคน
จากนั้นก็เดินตามพี่ภาไปบ้านพ่อกับแม่ในตอนนี้เราเรียกกันว่าบ้านใหญ่กับบ้านน้ำเงิน
วงสนทนาของพวกเราก็ไม่พ้นเรื่องบ้านใหม่ของอาคิรา แล้วจู่ๆ แม่ก็ถามถึงเรื่องเรียนต่อของพี่ษาขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังโซ้ยข้าวเข้าปากอย่างเมามันเพราะความหิว
ษาลูกตกลงจะเรียนต่อที่เดียวกับภาหรือเปล่า
ษาเค้าจะไปเรียนต่อที่เชียงใหม่แม่พ่อของษาเค้าให้ไปเรียนที่โน่น อุ้ย พี่ภาเหมือนจะนึกขึ้นได้ก็เลยหยุดพูด
เหรอแล้วษาจะไปเรียนที่ไหนละไปติดต่อที่เรียนไว้แล้วเหรอลูก
ค่ะแม่ พ่อของษาเค้าไปติดต่อไว้แล้วเหลือแต่ให้ษาไปสอบตอนเดือนมกราที่จะถึงนี้ เพราะที่นั่นเค้ามีสอบโควต้าเข้าก่อนที่จะเปิดสอบทั่วไปค่ะ
ดีเลยษาเค้าว่าโรงเรียนที่นั่นเด็กเก่งมากๆ เลยนะ พ่อช่วยผสมโรงด้วยอีกคน
ฉันนั่งอึ้งที่ได้รับฟังคำสนทนานั้นเพราะฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ษาจะไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ข้าวมื้อนี้มันช่างฝืดคอสำหรับฉันเสียแล้ว
พี่ษาทำไมไม่เคยบอกอาเรื่องที่พี่จะไปเรียนต่อที่เชียงใหม่เลยหละ แล้วทำไมพี่ภาถึงรู้พวกพี่เห็นอาเป็นตัวอะไร ฉันระเบิดออกมากลางวงแบบไม่เป็นปี่เป็นขลุ่ยและลุกจากโต๊ะกินข้าววิ่งกลับไปที่บ้านของตัวเอง
เมื่อไปถึงบ้านฉันขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำร้องไห้ออกมาแบบหยุดไม่ได้
ภาไปดูน้องสิลูก พ่อบอกอวภาส์ทันทีที่เห็นอาคิราวิ่งออกไปจากบ้าน
อาคงเสียใจที่ษาจะไปเรียนต่อ แม่ออกความเห็น
ก็คงจะจริงนะเพราะอาเค้าติดษามากๆ จนแทบจะแยกไม่ออก พ่อเห็นคล้อยตามแม่
สักพักก็คงดีขึ้นเองแหละแม่ อาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนะแม่ถ้าเราบอกเหตุผลกับอาอาคงเข้าใจ อวภาส์บอกกับพ่อและแม่และลุกขึ้นจากโต๊ะเดินไปที่บ้านสีน้ำเงินของอาคิราพร้อมๆ กับแสงอุษา
อาออกมาคุยกันเถอะอา อวภาส์เคาะประตูห้องน้ำเรียกน้องสาวของเธอ
ออกมาเถอะอาเราต้องคุยกันนะ แสงอุษาช่วยอวภาส์ตะโกนเรียกด้วยอีกคน
อาไม่คุยกับคนหลอกลวงออกไปจากบ้านอานะไป ฉันตะโกนออกมาพร้อมน้ำตา
ได้อาพี่จะไปและไม่กลับมาอีกถ้าอาต้องการ ภาไปส่งเรากลับบานหน่อยสิที่นี่ไม่มีใครต้องการเราแล้ว แสงอุษาร้องไห้ออกมาและหันหลังเดินออกจากบ้านสีน้ำเงินหลังเล็กนั้นทันที
... จบบทที่ ๑๙ ...
Create Date : 06 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 6 มิถุนายน 2551 0:14:30 น. |
Counter : 327 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุ่งในดวงใจ บทที่ ๑๘ ๖.๔๕ น.
บทที่ ๑๘ ๖.๔๕ น.
หงส์หยกส่งรูปลูกชายของเธอมาให้พวกเราดูและแถมท้ายมาด้วยหนังสือปลุกใจเสือป่าแบบที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนและมันยังเป็นภาษาอังกฤษด้วยสิ
หนังสือเล่มนี้ฮือฮามากเมื่อฉันนำมันมาให้เพื่อนๆ ได้ดู
เฮ้ยไอ้หงส์ส่งมาทำไมวะมีแต่รูปผู้หญิงโป๊ทั้งนั้นเลย รมณถามฉันฉันเลยยื่นจดหมายของหงส์ให้รมณอ่าน
สวัดดีอาและเพื่อนๆ
เราส่งรูปลูกชายมาให้ดูน่ารักไหมหละกำลังน่ากินขาวจั๊วะเลยนะพวกเธอ แต่ลูกก็ยังตื่นไม่เป็นเวลา รู้ไหมตอนเราคลอดลูกนะเราน้ำหนักขึ้นมา ยี่สิบโลได้แต่ตอนนี้ลดไปมากกว่าตอนที่เรายังไม่ท้องอีกตั้งสองโล ม้าบอกเราว่าเพราะให้นมลูกเองเลี้ยงลูกเองก็เลยน้ำหนักลดลง
หมอบอกว่าน้ำนมแม่มีประโยชน์กับลูกของเราและเวลาที่ลูกดูดนมเราเค้าก็จะอยู่กับอกเราเป็นส่วนที่ทำให้ลูกได้รับความอบอุ่นจากแม่ เราว่าก็มีส่วนนะ ถึงแม้ว่าเวลาที่ลูกดูดนมเราเราจะรู้สึกเจ็บไปหมด แต่เราก็สุขใจที่ลูกได้กินนมเราและหลับไปในอ้อมกอดของเรา
ฉันนะแกตอนที่ต้องอยู่ไฟทรมารมากๆ ต้องมาประคบท้องให้มดลูกเข้าอู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอู่ของมดลูกมันอยู่ตรงไหนกัน เราต้องกินยาจีนเป็นหม้อๆ ม้าว่าไล่เลือดลม สระผมก็ไม่ได้ อาบน้ำก็ไม่ได้ ยุ่งยากจริงๆ เลยการเป็นแม่คน
แถมยังไม่พอนะเวลาลูกไม่กินนมเราเจ็บมากจนเป็นไข้ เจ็บยิ่งกว่าตอนจะมีประจำเดือนหลายร้อยเท่า ม้าบอกว่ามันคัดต้องเค้นออกมาเล่าแล้วยังเจ็บไม่หาย อะอะ อย่าคิดอะไรมากนะตอนนี้ดีขึ้นแล้วไม่ต้องห่วงไม่ต้องมาช่วยลูกเรากินหรอกนะใสเจียนะเพื่อนๆ
พูดไปพวกเธอก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าการเป็นแม่มันรู้สึกดีแค่ไหน เพราะอีกนานกว่าพวกเธอจะมีลูกเป็นของตัวเอง หรือไม่สำหรับบางคนโดยเฉพาะณีอาจจะไม่มีลูกเป็นของตัวเองเลยก็ได้จริงไหม อิอิ แซวเล่นนะเพื่อนอย่างโกรธกันหละ
เออฉันเห็นหนังสือเพลย์บอยที่นี่วางขายให้เกลื่อนก็เลยคิดว่าพวกแกจะชอบดูสาวๆ โป๊ๆ ก็เลยส่งมาให้ อีกเล่มก็เป็นเรื่ององเหม่ยหลินที่เล่นเป็นอึ้งย้งนะพวกแก ฉันเห็นรูปที่เค้าตายดูแล้วน่าสงสารจังเลย ฆ่าตัวตายตั้งแต่ยังสาว
โชคดีนะที่ฉันไม่ได้คิดสั้นแบบนั้น แค่แฟนทิ้งไม่เห็นต้องคิดมากขนาดต้องฆ่าตัวตายเลยนะเปิดแก๊สรมตัวเองตายในห้องน้ำดูน่ากลัวดีพิลึก คนสวยๆ ดังๆ ทำไมเค้าคิดทำอะไรแปลกๆ แบบนี้ก็ไม่รู้สิเราว่าสิ้นคิดชะมัดเลย
เราเคยคิดว่าถ้าเราฆ่าตัวตายในวันนั้นสองชีวิตก็ต้องจบลงไปและที่สำคัญลูกของเราก็ไม่ได้ลืมตามาดูโลก เราจะบอกว่าลูกเราน่ารักมากๆ เลยนะเพื่อนๆ
เด็กๆ บริสุทธิ์เกินกว่าจะต้องมารองรับอะไรที่เลวร้าย เราตั้งใจไว้ว่าจะเลี้ยงลูกของเราให้ดีสอนเค้าให้รักให้เป็น และไม่ทำร้ายผู้หญิงหรือไม่ก็สอนให้เค้าป้องกันหากจะไปมีอะไรกับใคร
คิดถึงเพื่อนๆ มาก หงส์หยก
หนังสือสองเล่ม เล่มหนึ่งสามารถเปิดเผยให้เพื่อนๆ ดูได้ถึงแม้ว่าจะเป็นภาษาจีนก็ยังมีคนนั่งดูรูปไปร้องไห้ไป แต่อีกเล่มเปิดเผยไม่ได้ มีเพียงฉันและเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่ได้เห็นหนังสือเล่มนั้น
ไอ้ณีแกดูสิทำไมต้องมานั่งถ่างแข้งถ่างขาให้ใครๆ เค้าถ่ายด้วยก็ไม่รู้ดูของตัวเองไม่พอใจยังเอามาโชว์ให้ชาวบ้านชาวช่องดูด้วย รมณนั่งดูไปก็บ่นไป ปิดตาบ้างเปิดตาบ้างด้วยความอาย
เอาน่าไอ้มณแกก็ดูเป็นขวัญตาก็แล้วกันแต่เรื่องนี้นะเพื่อนถึงไม่แปลกแต่ก็เร้าใจ ฮ่าๆๆ
ไอ้นี่วอนซะแล้ววันก่อนยังเห็นเศร้าๆ พอดูรูปโป๊เข้าหน่อยทำคึก รมณบ่นไปเรื่อย
ก็นานๆ ได้ดูทีขอดูให้ชื่นใจหน่อยแล้วกันเพื่อนของแบบนี้หาดูยาก หรือว่าแกจะให้ฉันดูก็ไม่ว่ากันนะเว่ยยินดีดูโดยไม่ปิดตา
ภรณียังพูดไม่ขาดคำรองเท้าของรมณก็เขวี้ยงไปที่หัวของภรณีจังเบ้อเริ่ม จนเจ้าตัวที่โดนรองเท้าถึงกับมึนและจับไปที่หัวของตัวเอง
ไอ้มณมากไปแล้วนะแก หัวฉันโนเลย ภรณียื่นหัวของเธอที่โนปูดมาให้ฉันจับ และมันก็โนเป็นลูกมะนาวจริงๆด้วยสิ
ก็แกมาปากมากพูดเรื่องแบบนี้ได้ไงวะไอ้ณีถึงแม้ฉันจะเป็นเพื่อนแกแต่เรื่องแบบนี้พูดเล่นได้ที่ไหนกัน รมณยังคงงอนไม่เลิก และดูเหมือนว่าจะโกรธภรณีเอามากๆ
ใจเย็นน่าไอ้มณไอ้ณีมันคงแซวแกเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก ฉันบอกรมณให้เธอใจเย็นๆ ลงอีกสักนิดอย่างไรเสียทั้งสองคนก็เพื่อนกัน
ใช่ฉันแซวแกเล่นไม่ได้คิดจะไปดูอะไรของแกหรอกเพื่อน ภรณีสำทับฉันอีกรอบ
แล้วไปถ้าแกคิดพิเรนมาขอดูของฉันจริงๆ เมื่อไหร่แกไม่ได้แต่หัวโนหรอกนะไอ้ณีแต่หัวของแกจะแตกเพราะเก้าอี้ที่ฉันนั่งมันจะทุบหัวของแกจำไว้ด้วย รมณคาดโทษภรณีจริงๆ จังๆ
ฉันไม่อยากจะบอกรมณว่าอย่าไปท้าทายภรณีเพราะฉันรู้ว่าภรณีชอบทำอะไรที่ใครๆ คิดไม่ถึงเสมอๆ แต่ก็ปากหนักไม่ได้พูดออกไป เพราะเห็นสองคนยังสร้างสงครามเย็นกันอยู่ อีกอย่างฉันเห็นว่ารมณอยู่หอเรื่องที่ฉันคิดไว้มันคงจะไม่เกิดแน่ๆ
ฉันจึงวางใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดและเลิกคิดถึงเรื่องนี้อีก
.............................
เรื่องหนังสือที่หงส์หยกส่งมาสร้างปัญหาให้กับฉันมากมาย จะเก็บไว้ที่บ้านก็กลัวจะโดนจับได้ว่ามีหนังสือโป๊อยู่ในมือ ครั้งจะเก็บไว้ที่โรงเรียนก็กลัวจะมีใครเอาไปฟ้องครู
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ปกปิดว่ามีหนังสือ แต่ก็ไม่อยากจะเปิดเผยอะไรมากนัก อีกอย่างฉันยังอ่านไม่จบเพราะพยายามแปลคำศัพท์บางอย่างแต่ในดิกชั่นนารีก็ไม่มีคำแปล ยิ่งทำให้ฉันอยากรู้อยากเห็นกับคำศัพท์มาขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อไหร่ที่เพื่อนถามฉันก็จะเอาหนังสือเล่มอื่นปิดหน้าปิดหลังและส่งให้เพื่อนเอาไปนั่งดูกัน
เฮ้ยแก นี้มันยี้ ขวัญหทัยดูรูปแล้วก็ร้องวี๊ดว๊ายไปตามเรื่องตามราว
เพื่อนๆ อีกหลายๆ คนก็มาขอดูบ้างโดยเฉพาะตุลาเพื่อนร่วมรุ่นข้างห้องของฉัน
อานี่มันรูปจริงๆ เหรอแก
เออก็ใช่สิรูปจริงๆ ฉันตอบ
แล้วทำไมมันถึงได้กล้าถ่ายแบบนี้หละ คำถามเดิมๆ ที่ฉันก็ตอบไม่ได้อีกเช่นกัน ฉันให้ตุลาและเพื่อนๆ ของเธอดูไปจนจบเล่มและเธอก๋ส่งกลับมาคืนฉัน
ขอบใจนะอามันก็แปลกดีแต่เราว่าอย่าเอามาให้ใครดูอีกเลยนะเพราะว่ามันเสี่ยง
เสี่ยงอะไรตุ
ก็เสี่ยงโดนครูจับได้ไงถ้าครูจับได้มันจะเป็นเรื่องไปมากกว่านี้ แต่ก็อย่างว่านะเราเองก็ยังอยากดูเลยพอได้ข่าวว่าอามีหนังสือเราก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะมาขอดู
แล้วทำไมวันนี้ถึงกล้ามาขอดูหละตุ
ก็นะความอยากรู้มันมีมากกว่าความกลัวไงก็เลยกล้าแฮะๆๆ แต่ไงเราก็ขอบใจนะเพื่อนที่ช่วยเปิดหูเปิดตาให้เรา เราคิว่าคงจะไม่ดูอีกแล้วหละรูปแบบนี้เพราะดูแล้วไม่ประเทืองปัญญาเลยไปนะเพื่อนแล้วเจอกันตอนซ้อมดนตรี ตุลายิ้มแหยๆ และเดินจากไปพร้อมกลุ่มเพื่อนของเธอ
และเรื่องที่ไม่เป็นความลับก็ไปถึงหูของเกวลีหัวหน้าห้องตัวแสบไม่รู้จบของฉันจนได้
เกวลีบอกฉันว่าขอดูหน่อยเพราะได้ข่าวว่าฉันมีฉันก็ไม่ได้ปกปิดอะไรยื่นให้เธอดูจากนั้นเกวลีก็วิ่งเอาหนังสือเล่มนั้นไปหาครูและบอกครูว่าฉันเป็นตัวเผยแพร่สิ่งลามกอนาจารในห้องเรียนทำให้เพื่อนๆ ไม่เป็นอันเรียนหนังสือ
ฉันโดนเรียกไปที่ห้องครูฝ่ายปกครองอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันยอมรับในความผิด ครูส่งหนังสือเรียกผู้ปกครองมาที่โรงเรียนอีกแล้ว พี่ภาเป็นคนเดินหนังสืออีกเช่นเคย
ฉันกลับมาสารภาพเรื่องทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อมองหน้าฉันสีหน้าขรึมๆ แต่ก็ไม่ได้ดุว่าอะไรฉันเหมือนเช่นเคย ส่วนแม่มองหน้าพ่อและมองหน้าฉันก่อนที่จะบอกว่า
ไปนอนได้แล้วอาทำการบ้านอ่านหนังสือแล้วก็นอนซะ
ฉันทำตามแม่บอกอย่างว่าง่ายเดินกลับเข้าห้องไปอย่างง่ายดาย แต่ก็อดที่จะยืนอยู่ที่ประตูห้องเพื่อแอบฟังพ่อกับแม่คุยกันไม่ได้
พ่อลูกทำไมถึงได้เล่นอะไรพิเรนแบบนี้
มันเป็นเรื่องปกติของเด็กๆ ที่อยากเรียนรู้นะแม่
แต่แม่ไม่เคยเป็นแบบลูกเลยนะพ่อ แม่ว่ามันชักจะทะแม่งๆ นะ
ทะแม่งตรงไหนกันเด็กสมัยนี้อยากรู้อยากเห็นมากว่าสมัยเรานะแม่ ตอนพ่ออายุเท่าลูกพ่อก็ดูเหมือนกันไอ้หนังสือโป๊เนี่ยะ
มันไม่เหมือนกันพ่อ เพราะพ่อเป็นผู้ชายแต่ลูกเราเป็นผู้หญิงมันจะเหมือนกันตรงไหน
แล้วแม่ว่าลูกผู้หญิงกับลูกผู้ชายมันแตกต่างกันเหรอ พ่อว่าเด็กก็คือเด็กจะหญิงหรือชายมันก็เหมือนกันอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน พ่อว่านะแม่ลูกไม่ได้ไปติดยาเสพติดยังเป็นลูกที่ดีสำหรับพ่อก็เพียงพอแล้ว
แม่ว่าที่ลูกเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อนั่นแหละสอนให้ลูกเล่นอะไรแบบผู้ชาย ความคิดก็เลยเป็นแบบผู้ชายดูสิลูกเราสวยๆ กลายเป็นลิงไปแล้วเฮ้อ
แม่ถอนหายใจเหมือนกับว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุในการนำเอาเรื่องความหนักอกหนักใจมาให้แม่
พ่อยากให้อาเป็นผู้ชายด้วยซ้ำไป อาจะได้ดูแลพี่ของเค้าได้ แม่ก็รู้ว่าภาเค้าดูเข้มแข็งก็จริง แต่จริงๆ แล้วภาอ่อนแอมากว่าเกราะภายนอกที่เค้าสร้างมาปกป้องตัวเอง แม่เองก็เคยอยากให้อาเป็นลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอตอนแม่ท้องพ่อยังจำได้เลยว่าแม่เรียกอาว่าไอ้ลูกชายอย่าเตะบอลในท้องแม่สิ
ก็ใช่พ่อแต่พ่อก็อย่างลืมว่าอาเป็นลูกผู้หญิงนะ
พ่อเดินมากอดแม่และบอกแม่ว่า
ลูกจะเป็นไงก็ช่างนะแม่ถ้าเราไม่ให้ความรักความอบอุ่นกับเค้าไม่ว่าจะเป็นภาหรืออาก็ตามเถอะ หากเค้าไปโหยหาความรักความอบอุ่นจากคนอื่นๆ และไม่เปิดใจที่จะคุยกับเรามันจะยิ่งแย่กว่านี้นะแม่
เอาเถอะแม่อย่างน้อยลูกก็กล้ามาสารภาพว่าลูกทำอะไรผิดลงไป อย่าไปซ้ำเติมลูกและเราก็ต้องช่วยกันดูแลและอธิบายให้ลูกเราเข้าใจ พ่อว่าแม่นั่นแหละต้องเป็นคนอธิบายให้ลูกเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น เพราะแม่เป็นผู้หญิงจะให้พ่อไปอธิบายมันก็คงลำบากหน่อย
จ๊ะพ่อแม่จะพยายาม
ฉันได้ยินคำสนทนาของพ่อกับแม่เต็มๆ สองหู พี่ภาเองก็ได้ยินเช่นกัน เราสองคนมองหน้ากัน พี่ภาส่ายหน้ากับฉัน ฉันรู้ว่าสิ่งที่พี่ภาแสดงออกนั้นคืออะไร เพราะฉันยังมีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังคงปกปิดพ่อกับแม่ไว้ หากพ่อกับแม่รับรู้เรื่องนั้นพ่อกับแม่จะรักฉันแบบที่ฉันเป็นอยู่หรือเปล่า
ความคิดยังคงวกวนอยู่ในหัวสมองน้อยๆ ของฉันตลอดเวลาที่ทำการบ้านและอ่านหนังสือ
สักวันหนึ่งฉันจะสารภาพความในใจของฉันให้พ่อกับแม่ได้รับรู้แต่ตอนนี้คิดว่ายังไม่ถึงเวลา
พ่อมาที่โรงเรียนของฉันอีกครั้ง และครั้งนี่แม่ก็มาพร้อมกับพ่อด้วย ฉันรู้สึกผิดที่ต้องทำให้พ่อกับแม่เสียเวลาในการทำงานและต้องมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของฉัน
ฉันยืนรออยู่ที่หน้าห้องครูฝ่ายปกครองพยายามจะฟังเรื่องที่ครูคุยกับพ่อและแม่แต่ก็ได้ยินไม่ถนัดนักพอจับใจความได้ว่าฉันเอาหนังสือโป๊มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันทั้งห้องจนหัวหน้าห้องทนไม่ไหวต้องเอามาให้ครู
ครูหยิบหนังสือเจ้าปัญหาเล่มนั้นส่งคือให้กับพ่อ
หนังสือนี้ไม่มีขายแถวบ้านเราเด็กบอกว่าเพื่อนที่ลาออกไปแล้วส่งมาให้จากเมืองนอก ก็เลยเอามานั่งดูนั่งอ่านกัน ครูบอกกับพ่อฉัน
เออดีนะเจ้าอาอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้ด้วยมันเก่งแฮะ พ่อยังอ่านได้งูๆ ปลาๆ เลย
คุณก็ไปเข้าข้างลูกแบบนี้ไม่ได้นะ
ก็หรือไม่จริงหละแม่ดูสิมีเขียนคำแปลศัพท์ไว้ด้วยไมเชื่อแม่ลองดูสิ
แม่ก้มลงอ่านหนังสือเล่มนั้นและก็เห็นลายมือขยุกขยิกของฉันอยู่ในหนังสือ เพราะฉันจะเปิดดิกและเขียนคำแปลไว้เมื่อคำไหนอ่านไม่ออก และแน่นอนมันอ่านและแปลไม่ออกเกือบทุกคำยกเว้น ไอกับยู
แม่อ่านไปก็ขำไปกับคำแปลของฉันในหนังสือ
เออจริๆงด้วยพ่ออาเขียนไว้ละเอียดเชียว แบบนี้ต้องสนับสนุกให้เรียนภาษาด้วยหนังสือโป๊แล้วมั๊งอิอิ แม่เริ่มจะคล้อยตามพ่อขึ้นมาบ้างแล้ว แถมยังขำที่ฉันเขียนอะไรลงไปในหนังสือเยอะไปหมด
ทางเราคิดว่าการที่เด็กสนใจอยากรู้อยากเห็นมันไม่ได้มีความผิดอะไร แต่สิ่งที่เด็กทำไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องแบบนี้ทางเราก็รับไม่ได้เหมือนกันค่ะ เพราะเรากลัวว่ามันจะเลยเถิดไปกันใหญ่ ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสอนเด็กให้รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนะคะ ครูบอกกับพ่อและแม่
ผมก็จะพยายามบอกลูกแล้วกันครับว่าสิ่งที่เค้าทำอยู่มันผิดศีลธรรมแต่คุณก็ต้องเข้าใจอะไรเหมือนกันว่าเด็กกำลังต้องการเรียนรู้ และเด็กในวัยนี้เพื่อนคือสิ่งที่สำคัญสุด คุณเองก็เคยผ่านการเป็นเด็กในวัยเดียวกับเค้าไม่ใช่เหรอคุณครู
อีกอย่างในฐานะที่ผมเป็นพ่อ ผมกลับคิดต่างกับครู ถ้าเราไปปิดกั้นความรู้หรือการเรียนรู้ของเค้า ถ้าเค้าไปทำอะไรนอกสายตาเรา เราเองหละที่จะเสียเค้าไปอย่างกู่ไม่กลับ มันไม่จำเป็นหรอกครับที่เราต้องไปตามดูเค้าทุกฝีก้าว
เพื่อผมคนนึงสมัยยังอายุเท่าเค้าเพราะพ่อแม่ปิดกั้นมากเกินไปบังคับทำโน่นทำนี่เสมอๆ สุดท้ายเค้าก็ติดยาหนีออกจากบ้าน คุณครูจะเชื่อผมไหมว่าผมพึ่งจะพบกับเค้าก็เมื่อสองสามเดือนก่อน สาเหตุที่พบก็คือเค้าไปเป็นโจรและผมไปเป็นคนจับเค้าเองกับมือของผม
มันออกจะดูเศร้าไปนิดนะครับแต่มันคือเรื่องจริงที่ผมเห็น แล้วผมจะไม่ทำอย่างเดียวกับพ่อของเพื่อนผมเด็ดขาด แต่ถ้าคุณจะทำโทษเด็กผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นกฎของโรงเรียนแต่อย่าลืมว่าอาคิราคิดอะไรที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไป ถ้าจะเกิดการต่อต้านจากเค้าผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้
ค่ะสารวัตรเราก็เข้าใจว่าอาคิราติดอะไรแปลกๆ เสมอ เราถึงได้เชิญคุณให้มาคุยกับพวกเราก่อนว่าจะให้ลงโทษอย่างไร
ตัดคะแนนความประพฤติสิคะ แค่นี้ขี้คร้านแม่อาจะกระโดดเหยงๆ เพราะไม่มีทางได้เกรดสีทุกวิชาแน่นอน แม่ยื่นข้อเสนอ
ทางเราก็กำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะทำแบบนั้น แต่ก็กลัวว่าหากตัดไปเกิดอาคิราไม่ตั้งใจเรียนอีกทั้งๆ ที่เคยเรียนดีมาก่อนทางเราก็รู้สึกเสียดาย การจะลงโทษเด็กแต่ละครั้งมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือนๆ กันทั้งนั้นหละคะ
พ่อกับแม่นั่งคุยกับครูอีกพักใหญ่โดยมีฉันยืนฟังอยู่ที่หน้าประตูและทั้งสองท่านก็ลาครูกลับพ่อเห็นฉันยืนอยู่ก็ทักทาย
ไงอาแอบฟังอีกแล้วเสียมารยาทมากนะลูก พ่อยกมือใหญ่ๆ ของพ่อขึ้นมาขยี้ผมฉันแรงๆ
โอ๊ยพ่ออาหมดสวยพอดีต้องไปมัดผมใหม่แล้วนี่ ฉันโวยวาย
เรื่องจิ๊บๆ แค่นี้ทำโวยวายไปได้ ไปเรียนได้แล้วไม่มีอะไรแล้ว คราวหลังถ้ามีอะไรบอกพ่อก่อนก็แล้วกันจะได้ช่วยกันรับมือครูได้ถูกฮ่าๆๆๆ พ่อหัวเราะแต่แม่ทำหน้ามุ่ย
สองคนพ่อลูกเข้ากันอย่างกับฉิ่งฉาบ แม่ประชดประชันในน้ำเสียง
เอ๊าก็เค้าพ่อลูกกันไม่ให้เข้าข้างกันจะไปเข้าข้างใครจริงไหมอา พ่อพยักหน้าให้กับฉันและฉันก็พยักหน้ารับเป็นการเข้าใจกันสองคน
ตกลงวันนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน เพราะครูไม่ได้ลงโทษอะไรฉันและฉันก็ไม่ได้ขุดคุ้ยเอาเรื่องกับเกวลีเพราะฉันรู้ตัวดีว่าเรื่องนี้ฉันผิดเต็มๆ
.................
วันลอยกระทงปีนี้ก็เหมือนกับปีที่ผ่านมาแต่จะต่างกันตรงที่ว่าพี่ภาเป็นคนคุมแถวน้องๆ ให้เดินเป็นระเบียบเพราะพี่ภาอยู่ชั้นมอสามแล้ว ส่วนพี่ษาก็เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของวงฉัน
พี่ษาสวยในชุดกระโปรงผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินบานๆ สั้นกุด รองเท้าบู๊ตทรงสูงมาถึงหัวเข่า หมวกเปเล่ที่ประดับไปด้วยขนนกเป็นพู่ เวลาเดินผ่านฝูงชนก็จะมีคนถ่ายรูปพี่ษากันให้แสงแฟลชเข้าตา ฉันแอบอิจฉาคนที่ได้ถ่ายรูปพี่ษาเพราะฉันเองก็อยากถ่ายรูปของเธอเช่นกัน
ฉันให้พี่ภาเป็นตากล้องคอยถ่ายรูปพี่ษาให้ฉันในอิริยาบถต่างๆ พี่ภาก็ดูเหมือนจะทำตามที่ฉันบอกอย่างว่าง่าย
ปีนี้ฉันไม่ได้เอารถมาเพราะแม่มาส่งพวกเราเป็นธุระรับส่งพี่ษาไปแต่งหน้าทำผมและไปส่งฉันกับพี่ภาที่โรงเรียน แม่นัดกับพวกเราว่าจะต้องมาเจอแม่ที่จวนเพราะแม่จะรออยู่ที่นั่น เนื่องจากแม่ไม่อยากให้พี่ษาใส่ชุดดรัมเดินไปเดินมา เพราะกลัวเหล่าพวกผู้ชายจะมาจีบและลวนลามพี่ษา
ฉันว่าดูแม่จะห่วงใยพี่ษามากว่าฉันกับพี่ภาเสียอีก จะว่าไปแม่ก็คิดถูกเพราะชุดของพี่ษาดูจะโป๊ไปหน่อยหากไม่ได้เดินนำหน้าวงโยของฉัน
แม่ยืนรออยู่แล้วที่ท่าน้ำข้างๆ จวน และก็เข้ามาประกบพี่ษาจากนั้นก็พาพี่ษาไปเปลี่ยนเป็นกระโปรงนักเรียนและรองเท้าแตะที่รถก่อนที่จะพามาที่ท่าน้ำ ปีนี้ฉันไม่ได้กลับไปโรงเรียนเพราะรมณบอกว่าจะเอาเครื่องดนตรีของฉันไปเก็บให้ ภรณีก็ตามไปเช่นกันเพราะเธอเอารถมอเตอร์ไซด์ไปจอดไว้ที่โรงเรียนเหมือนกันฉันก็เลยวางใจ
พวกเราสี่สาวลอยกระทงด้วยกันแม่บอกว่าสี่คนลอยไปกระทงเดียวไม่เปลืองและไม่เป็นขยะมากนัก กระทงของเราสี่คนโดนปล่อยไปได้ไม่นานก็มีเด็กมาเก็บเงินในกระทงเหมือนทุกปี
แม่จ๋าแบบนี้สิ่งที่เราขอไว้กับกระทงมันจะได้ผลเหรอก็มีคนมาเก็บของเราไปแล้ว ฉันถามแม่เพราะว่าฉันข้องใจมานานแล้วกับเรื่องการที่มีคนมาเก็บกระทงของฉันไป
ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยอาเรามาขอขมาเจ้าแม่คงคาที่ท่านให้เรามีน้ำได้กินได้ใช้มาทุกวันนี้ และเราก็ขอให้เจ้าแม่คงคาปกป้องคุ้มครองเรา เราก็ถือซะว่าสิ่งที่เราทำไปมันได้ทำถูกต้องตามหลักจารีตประเพณีแล้ว ใครเค้าจะมาเอากระทงเราไปไหนก็สุดแล้วแต่
อีกอย่างมันก็เป็นอาชีพของเค้า พอเค้าเอาไปเค้าก็เก็บให้มันจะได้ไม่เป็นขยะในแม่น้ำ อาดูสิกระทงของแต่ละคน บางคนก็เป็นกระทงโฟม บางคนก็เป็นกระทงใบตอง ถ้าทิ้งไว้เป็นขยะในแม่น้ำน้ำก็จะเน่าเสีย
ไหนครูบอกว่ากระทงใบตองไม่ทำให้น้ำเสียไงแม่
ทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะอา อย่างใบตองมีข้อดีคือย่อยสลายได้ แต่ถ้ามันมีปริมาณมากๆ กว่าจะย่อยก็อีกหลายเดือนเหมือนอาเอาใบไม้มาทำปุ๋ย ถ้าปริมาณน้อยๆ มันก็ย่อยได้เร็วแต่ถ้าปริมาณมากๆ ทำไมอาต้องเผาก็เหมือนกันแหละอา
ก็เพราะมันมีเยอะไงแม่มันจะรกบ้าน
เหมือนกันแหละอากระทงใบตองก็เหมือนกับใบไม้ที่มีเยอะๆ มันก็จะทำให้แม่น้ำสกปรก แต่ไม่ได้หมายความว่ากระทงโฟมจะดีกว่านะเพราะโฟมย่อยสลายไม่ได้ มันก็จะไปเกาะติดอยู่กับเกาะกลางแม่น้ำ ติดตามต้นไม้แต่ขอดีของ โฟมก็คือเก็บไปทิ้งได้ง่ายกว่าใบตองก็แค่นั้น
นี่แสดงว่ากระทงของพวกเราทุกคนไม่มีของใครลอยไปถึงทะเลได้เลยเหรอแม่
ไม่มีหรอกลูก ถ้าไปได้ไกลสุดๆ ก็เขื่อนที่ไหนสักแห่ง
แล้วทำไมต้องมีประเพณีลอยกระทงหละแม่ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ไม่ดีเลยสิทำให้แม่น้ำสกปรก
ก็เพราะมันเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมายาวนานแล้วสิลูก คนเรามีวัฒนธรรมของเราเอง และเราก็ต้องสืบสานวัฒนธรรมที่ดีงามของเราต่อๆ ไป อาลองคิดูนะถ้าไม่มีประเพณีชาติเราก็ไม่มีอะไรโยงยึดให้คนมาร่วมกิจกรรมกัน ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่านี่คือชาติ
อาไม่เข้าใจเลยแม่ทำไมต้องโยงยึดไว้ด้วยชีวิตใครใครก็ใช้ไปสิ มาโยงกันไว้ทำไม
อาคิดแบบนั้นก็ไม่ถูกลูก บ้านมีกฎบ้านเมืองมีกฎหมาย สังคมมีกฎของสังคม หากใครใช้ชีวิตแบบตัวใครตัวมันไม่มีความเอื้ออาทรกันและกันโลกก็คงจะไม่น่าอยู่จริงไหม
ค่ะแม่ ฉันรับคำแม่แต่ก็ยังคงเกิดความสงสัยในใจอยู่ดี
ภาน้องเธอขี้สงสัยแบบนี้เสมอเลยเหรอ แสงอุษาอึ้งที่อาคิราซักโน่นซักนี้แม่อยู่ตลอดเวลา
ใช่สิภาเราไม่ค่อยโดนถามเท่าไหร่นักหรอกแต่แม่กับพ่อต้องหาคำตอบมาตอบอาให้ได้ถ้าไม่ได้อาก็จะถามๆ อยู่อย่างนั้นจนพ่อกับแม่ปวดหัวไปเลยนะ
อืมเหรอพึ่งรู้นะนี่
สมัยยังเด็กนะอาไปถามแม่ว่าแม่อาเกิดมาได้ไงแม่อึ้งไปพักใหญ่บอกว่าอาก็เกิดมาจากท้องของแม่ไง แล้วรู้ไหมว่าอาทำไง อาจะเข้าไปดูให้ได้ว่าอาออกมาจากตรงไหนมุดกระโปรงแม่ทุกวัน อวภาพูดไปหัวเราะไปเมื่อนึกถึงภาพอาคิรามุดกระโปรงแม่สมัยเมื่อยังเด็ก
กว่าแม่จะอธิบายได้ก็ตอนที่น้าเราคลอดลูกและอาเห็นว่าท้องของน้ายุบลงและมีน้องออกมาตัวเป็นๆ อาก็เลยเลิกคิดเรื่องกลับเข้าไปในท้องแม่อีก
ฮ่าๆๆ เหรอ เออเข้าใจคิดนะเรายังไม่เคยถามแม่เลยว่าเราออกมาจากไหน แสงอุษาอดขำความคิดของอาคิราคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเธอไม่ได้
หลังจากนั้นพวกเราก็ปล่อยโคมด้วยกันสนุกอย่างสนุก นานๆ จะมีประเพณีแบบนี้ให้ได้เล่น ฉันซื้อพลุมายิงขึ้นฟ้าเล่นและก็เอาประทัดเม็ดมะยมมาปาเล่นไปทั่ว จนแม่ต้องเอ็ดว่าหนวกหู ฉันว่าถึงฉันจะไม่เล่นก็มีคนอื่นเล่นกันเยอะไปหมด
ฉันมีดอกไม้ไฟอยู่ในถุงหูหิ้วอยู่หลายชนิด ทั้งแบบงูที่พอจุดแล้วจะมีเลื้อยๆ ออกมาเป็นงูสีดำ ทั้งแบบโอ่งที่จุดเป็นดอกไม้ไฟพุ่งๆ แถมยังมีไฟเย็นอีกหลายห่อ แม่ปล่อยให้พวกฉันสามคนเล่นกันจนหนำใจก็พากันกลับบ้าน เพราะเห็นว่าดึกมากแล้วน้ำค้างก็ลงมาเยอะกลัวพวกเราจะไม่สบาย
กลับถึงบ้านแม่ไล่ฉันกับพี่ภาไปอาบน้ำนอนแต่ตัวแม่กับพี่ษายังคงช่วยกันล้างเครื่องสำอางค์ออกจากใบหน้าของพี่ษาจนฉันกับพี่ภาอาบน้ำเสร็จแม่ก็ยังล้างเครื่องสำอางให้พี่ษาไม่เสร็จ
แม่ทำไมล้างหน้านานจังเลยหละคะ พี่ภาถามแม่
ก็ถ้าล้างไม่ดีจะเป็นสิวได้ไงลูก อีกอย่างร้านนี้ใช้แบบกันน้ำเลยล้างออกยาก
ทำไมต้องกันน้ำหละแม่ พี่ภาซักแม่
ก็เพราะว่าเค้าคงเห็นว่าจะไปเดินแล้วก็กลัวเหงื่อออกก็เลยใช้เครื่องสำอางค์กันน้ำเวลาเหงื่อออกจะได้ไม่ไหลเยิ้มลงมาเปื้อนเสื้อผ้าไงภา
ยุ่งยากจังเน๊อะแม่ ฉันบ่น
ทำบ่นอีกหน่อยขี้คร้านจะแต่งหน้าไปทำงานทุกวัน
ไม่มีทางแม่อาไม่มีทางแต่งหน้าไปทำงานแน่ๆ เชื่ออาสิยุ่งยากจะตายไปกว่าจะวาดคิ้วเสร็จ กว่าจะทาปากเสร็จ โอ๊ยน่าเบื่อจะตาย ฉันทำท่าอ้าปากวาดคิ้วและทาปากให้แม่ดู
ว่าแต่แม่ทำไมเวลาที่แม่วาดคิ้วแม่ต้องอ้าปากด้วยหละไม่ได้ทาลิปซะหน่อย ฉันซักแม่เพราะเห็นเวลาแม่วาดคิ้วทีไรต้องอ้าปากกว้างๆ ทุกที
มันคงเป็นความเคยชินมั๊งก็เวลาที่อาป้อนข้าวคุณยายทำไมอาถึงต้องอ้าปากตามคุณยายด้วยหละ แม่หันมาถามฉันกลับ
ก็อาลุ้นคุณยายให้กินข้าวไงแม่กลัวข้าวจะติดคอคุณยายไง
ก็เหมือนๆ กันแหละแม่ก็ลุ้นกลัวเขียนคิ้วพลาดเหมือนอาไง
เหมือนตรงไหนแม่นั่นคิ้วนะแม่ไม่ไช่ปาก ฉันเถียงอีกแล้ว
บอกว่าเหมือนก็เหมือนสิไม่เชื่ออาลองดู แล้วแม่ก็จับฉันให้มานั่งหน้ากระจก ให้ฉันเขียนคิ้วเอง
แรกๆ ฉันก็ไม่อ้าปากหรอกคะ หลังๆ คงเพราะเกร็งก็เลยอ้าปากแบบแม่ พึ่งจะรู้เหมือนกันว่าการแต่งหน้าของผู้หญิงก็ต้องมีแทคนิคในการแต่งกับเค้าด้วยเหมือนกัน
แต่ที่สำคัญตอนนี้ฉันต้องมานั่งลบคิ้วที่ฉันเขียนเองเมื่อสักครู่ กว่าจะลบเสร็จก็เล่นเอาง่วงไปตามๆ กัน
และที่สำคัญฉันรู้ถึงสาเหตุของการล้างหน้านานๆ เมื่อต้องแต่งหน้าแล้วว่าเพราะอะไร ก็เพราะขั้นตอนในการล้างมีทั้งล้างและบำรงผิว
ชาตินี้อาคิราจะไม่แต่งหน้าถ้าไม่จำเป็นสาบานจริงๆ
... จบบที่ ๑๘ ...
Create Date : 05 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 6 มิถุนายน 2551 0:13:37 น. |
Counter : 310 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุ่งในดวงใจ บทที่ ๑๗
บทที่ ๑๗ ๖.๔๐ น.
ระหว่างการนอนเล่นนั่งเล่นด้วยกันในเต็นท์สร้างเอง อวภาส์กับแสงอุษาต่างชักชวนกันคุยเรื่องอื่นๆ ไปเรื่อยเปื่อย เพราะเจ้าเมืองตอนนี้นอนขึ้นอืดอยู่
ภาเล่าเรื่องของอาสมัยเด็กๆ ให้เราฟังหน่อยสิ เราอยากรู้ แสงอุษาวักชวนอวภาส์คุยไปเรื่อยๆ เพราะไม่อยากให้เกิดความเงียบ
ท่านเจ้าเมืองพอได้ยินคำกล่าวของแสงอุษาก็รีบลุกจากท่านอนอืดและแย้งขึ้นมาในทันที
โอ้ว ไม่นะพี่ท่าน พี่ท่านอย่างเล่าอะไรอันเป็นการมิบังควรแกบุคคลภายนอกเมืองเด็ดขาด
ท่านเจ้าเมืองจะเกรงกลัวอันใดฤา ข้าน้อยมิได้ใคร่ที่จักเล่าอันใดแก่บุคคลอื่นดอกท่าน
ก็เรื่องของข้านั้นมันช่างมีออกเกลื่อนไป หากท่านพี่จักนำมาเล่าต่อข้าก็จักมิให้ท่านพำนักในดินแดนแห่งข้าได้ดอก เจ้าเมืองเริ่มร้อยตัวขึ้นมาในฉับพลัน
ท่านทำเยี่ยงนี้เป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง ท่านไม่รู้เขารู้เรา ท่านจักรบแพ้ทุกคราไป
แล้วเหตุไฉนท่านมิปิดปากตนเองเล่า หากท่านปิดปากตนเองแล้วไซร้ เรื่องมิบังควรก็จักมิหลุดออกไปให้เหล่าประชาราษฏร์ได้รับรู้ ดูเหมือนว่าเจ้าเมืองกำลังจะติดสินบนบางอย่างแก่อวภาส์
ท่านจักติดสินบนข้าดอกรึท่านเจ้าเมือง
มิบังอาจดอกท่านพี่อันเป็นที่รักแห่งข้า สินบนใดจักทำให้ท่านพี่หยุดการเล่าขานถึงข้าได้ เพียงหากท่านมิได้รักและหมดเยื่อใยในตัวแห่งข้า ท่าก็จงเล่าไปเถิด ท่านเจ้าเมืองออกอาการน้อยใจเชษฐภคินีผู้ร่วมสายโลหิต
เรื่องของท่านมิบังควรที่จะเล่าดอกรึ แต่ข้าว่าหากเล่าขานออกไปจักสร้างความครื้นเครงให้กับพสกนิกรของท่านยิ่งนัก
ข้าก็อยากที่จะสดับรับฟังเรื่องอันเป็นวีรกรรมของท่านยิ่งนักท่านเจ้าเมืองผู้แสนประเสริฐ แสงอุษาที่นั่งฟังพี่น้องร่วมสายโลหิตคุยกันแล้วก็นึกอยากที่จะเล่นด้วย
งั้นพวกท่านก็ไปเล่าขานถึงข้า ณ.ที่อื่นที่มิใช่เมืองของข้าเถิดท่าพี่ เจ้าเมืองงอนเข้าแล้วสิ
แน่นะท่านเจ้าเมืองท่ามิกลัวข้าเล่าโดยใส่ความท่านดอกหรือ อวภาส์ทำหน้าตาเจ้าเล่กับน้องสาวของตัวเอง
เออจริงสิลืมไปเลย งั้นเล่าที่นี่ก็ได้ จะได้อยู่ฟังด้วย
ฮ่าๆ ลืมสำนวนลิเกเลยน้องฉัน
พวกเธอสองคนนี้น่ารักดีนะเราฟังแล้วเหมือนกับกำลังดูลิเกแถวตลาดเลย แสงอุษาออกความเห็น
ก็ยายอานะสิชอบเหลือเกินเล่นแบบนี้เราก็เลยต้องเล่นด้วยไม่ให้เล่นกับอาให้เราไปเล่นกับใครหละษามีกันสองคนพี่น้อง บ้านใกล้ๆ ก็มีแต่พี่ๆ ทั้งนั้น เราสองคนเหมือนถูกโดดเดี่ยวให้เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
พี่ภาก็พูดเกินไปอาไม่ได้ติดลิเกสักหน่อย
หรือไม่จริงพอเข้าสวนที่ไรอาน่ะก็เล่นแบบนี้ทุกที เป็นเจ้าเมืองบนต้นไม้บ้างหละ เป็นอัศวินปราบมารบ้างหละ เดี๋ยวก็เป็นจอมโจรจอมใจ เดี๋ยวก็เป็นลี้กิมฮวง บางที่ก็เป็นติงผงพระเอก พ่อยังต้องไปซื้อดาบพลาสติกมาให้เล่น ยายอาก็เอาไปเล่นฟันไม้จนดาบพลาสติดยับเยินไปหมด
พี่ภาหยุดเล่าเลยนะ
ภาอย่าหยุดนะ เรากำลังฟังเพลินเลย
พี่ภาจะเชื่อใครระหว่างน้องกับเพื่อน ฉันยื่นคำขาดคิดว่าพี่ภาคงกลัวอยู่บ้าง
ไม่เชื่อใครทั้งนั้นอยากเล่าก็จะเล่ามีไรมะ อวภาส์ท้าทายน้องคนเดียวของเธอ
โป้งพี่ภาแล้วโกรธร้อยปีอย่ามาดีร้อยชาติ
งั้นดีเลย เย็นนี้อารีดผ้าเองก็แล้วกัน เราโกรธกันแล้วนี้จริงเปล่าน้องรัก
ปากก็บอกว่ารักน้องแต่ใจช่างเชือดเฉือน
ลิเกมาเลยน้องฉัน
หรือไม่จริงหละพี่ภา ที่พี่ภาทำแบบนี้อาก็อายเป็นเหมือนกันนะ
อายทำไมอาน่ารักดีออก แสงอุษาเห็นท่าไม่ดีกลัวเกิดศึกสายเลือดระหว่างองค์หญิงก็เลยรีบแทรกขึ้นมา
นี่ๆๆ พูดถึงเรื่องอายตัวจำได้เปล่าเรื่องกรโปรงขาดของอาที่ใส่ไปโรงเรียน อวภาส์นึกขึ้นได้เรื่องกระโปงก็เลยหันไปถามแสงอุษาทันที
จำได้สิ เราหละอายแทนเลยใส่ไปได้ไงขาดขนาดนั้น
นั่นสิมีคนมาถามเราว่าน้องเธอจนมากๆ เลยเหรอถึงได้ใส่กระโปรงขาดๆ เราหละอายแทบแทรกแผ่นดินหนี จะว่าไปนะเรื่องหน้าด้านหน้าทนไม่มีใครเกินน้องเราหรอกษา ไม่รู้ไปเอาความด้านมาจากไหน พ่อแม่ก็ไม่เคยเป็น
เจ้าตัวคนที่ถูกกล่าวถึงตอนนี้นั่งหน้าแดงเป็นก้นลิงก้มหน้างุดเปิดชายเสื้อยืดตัวเก่าสีตุ่นๆ ขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง โชว์พุงที่ใกล้แตกของตนให้กับสองเพื่อนซี้ได้ยลเป็นขวัญตา
ดูท่าเค้าอายสิแบบนี้ยิ่งน่าอายหนักเข้าไปใหญ่ ปิดหน้าไม่ให้ใครเห็นแต่ดันมาโชว์พุงให้คนเค้าดู หน้าด้านซะไม่มีหละน้องฉัน
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะคิดได้เลยรีบลดชายเสื้อที่ปิดหน้าลงแล้วก็หันมามองสองเพื่อนซี้เต็มๆ ตา
ก็อาไม่เห็นพวกพี่อาปิดตาตัวเองไว้ อาก็ไม่รู้แล้วว่าพวกพี่เห็นอาหรือเปล่า อาก็ไม่อายแล้วไง ฉันรีบเถียงทันที
คิดเหรอว่าเราไม่เห็นพวกพี่แล้วพี่จะไม่เห็นเราด้วย บอกไว้เลยนะจากที่วับๆ แวมๆ กลายเป็นเห็นเต็มลูกตามันต้องไปหาน้ำยาล้างตามาแล้วกลัวเป็นกุ้งยิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
พี่ภาเนี่ย ฉันงอนพี่ภาจริงๆ จังๆ แล้วตอนนี้ ทนไม่ไหวแล้ว
พูดถึงเรื่องมองเห็นมองไม่เห็นนะภามีเรื่องจะเล่าวีรกรรมของอาให้ภาฟังด้วย พี่ภาเริ่มอีกแล้ว
เหรอไหนๆ เล่ามาสิอยากฟัง แสงอุษาทำหน้าตาตื่นเต้นทันทีที่อวภาส์เกริ่นนำขึ้นมา
พี่ภาหยุดเล่านะ ฉันตะคอกพี่ภาไปทันที
จะเล่ามีไรมะ อวภาส์ลอยหน้าลอยตาเล่นกับอาคิราอย่างท้าทาย
อาคิราไม่ได้ว่าอะไรแต่นอนลงเอาหมอนปิดหูไม่ยอมรับฟังเรื่องอะไรทั้งนั้น
เมื่อตอนเราไปเล่นกันที่บ้านปู่ของเรานะษา พวกเราก็เล่นหาแมลงมันในรูวันที่ฝนตก แมลงมันก็จะออกมาบินเล่นแสงไฟ พอขากลับพวกเราเด็กๆ ก็คุยกันเรื่องผีเปรตว่าตัวมันสูงเท่าต้นตาล แล้วน้องชายเราลูกของอาก็ชี้ไปที่ต้นตาล ในตอนนั้นเราก็เห็นต้นตาลเป็นผีกัน แล้วก็วิ่งๆ จากปลายนากลับมาที่บ้าน อวภาส์หยุดหัวเราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
แล้วไงต่อภาหัวเราะจนเราอยากรู้แล้ว
ก็ยายอานะสิไม่รู้ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน บอกพวกเราว่าดับตะเกียงซะผีจะได้ไม่เห็นพวกเรา
แล้วพวกเธอก็ดับตะเกียงกันเหรอ
ก็ใช่นะสิน้องๆ ก็เชื่อยายอากันไปหมดพากันดับตะเกียงเราท้วงว่าอย่าดับก็ไม่มีใครเชื่อเรา พอดับกันหมดก็มืดสิที่นี้เดินไปไหนไม่ได้ ไม่ขีดก็ไม่ได้พกติดตัวไป เพราะเราเอาตะเกียงกันไปหลายอัน
แล้วพวกเธอทำไงต่อ
จะทำไงได้ก็ต้องรีบวิ่งกลับบ้านกันสิ ทั้งมืดทั้งกลัวล้มลุกคลุกขี้โคลนกันเป็นแถว แมลงมันในถ้วยกระจาย พอย่าถามว่าเป็นความคิดของใครให้ดับตะเกียงทุกคนชี้ไปที่ยายอากันหมด สรุปวันนั้นไม่ได้กินหรอกแมลงมันกินไม้เรียวจากย่าแทน
ฮ่าๆๆๆ แสงอุษาอดหัวเราะดังๆ ออกมาไม่ได้ ผสมโรงไปกับอวภาส์อย่างสนุกสนาน
มีอีกๆ อย่าพึ่งรีบขำไป อวภาส์รีบห้ามแสงอุษาว่าอย่าพึ่งหัวเราะในตอนนี้เรื่องยังไม่จบ
ยังมีอีกเหรอ แค่นี้เราก็ขำแล้วดับตะเกียงหนีผี ฮ่าๆๆ คิดได้ไง
มีสิก็ที่บ้านปู่เรานะต้องปั่นไฟใช้เอง ทุกทีปู่จะดับเครื่องปั่นตอนสี่ทุ่มใช่ปะ แล้วยายอาเค้าก็ติดละครที่นี่นั่งๆ ดูกันอยู่ไฟเกิดดับยายอาก็โวยวายว่าปู่แกล้งเค้าเค้าจะดูละครมาดับไฟ ปู่บอกว่าน้ำมันเครื่องปั่นไฟหมดยายอาก็ไม่เชื่อยายอาทำไงรู้มั๊ย อวภาส์หันไปถามแสงอุษา
ออกไปซื้อน้ำมันให้ปู่เหรอ
โห่ คิดได้ไงไม่ใช่นะษาเธอนะคิดดีเกินไปยายอาทำยิ่งกว่านั้น
อาทำไงเหรอ
อาก็จุดเทียนเดินไปที่เครื่องปั่นไฟ แล้วก็เปิด ฝาถังน้ำมันเครื่องปั่นไฟดูว่าไม่มีน้ำมันจริงๆ เหรอ
เปิดฝาก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยก็ดูน้ำมันในถังมันก็ปกติดีนี่
ใครว่าดูเฉยๆ หละ ก็เพราะความมืดไงแม่อาเค้าก็ดูไม่เห็นที่ก้นถัง เอานิ้วล้วงๆ ก็ไม่เจอะน้ำมัน แล้วก็มืดๆ มองไม่เห็น เธอเลยเอาเทียนไปจ่อที่รูถังจ่กนั้นก็ก้มลงดู เหตุเกิดสิเพื่อนผมยายอาโดนไฟไหม้ไปเยอะเหมือนกัน รีบวิ่งกลับมากลิ่นไหม้เต็มหัว พวกเราก็งงว่าน้องไปทำอะไรมา วิ่งมาบอกปู่ว่าไฟไหม้ ปู่ได้กลิ่นไหม้แล้วก็เลยวิ่งตามยายอาไปดูว่าไหม้ที่ไหน อาวภาส์หยุดหัวเราะอีกรอบ
จากนั้นปู่ก็เลยรู้ว่ายายอาทำวีรกรรมอะไรไว้ โชคดีนะที่เครื่องปั่นไฟไม่มีน้ำมันจริงๆ ไม่อย่างนั้นไฟไหม้บ้านเราแน่ๆ อดนอนกันทั้งบ้านเพราะยายอาอยากดูทีวี แต่เราจะบอกอะไรให้นะว่าผมยายอาเหม็นไหม้ไปหลายวันเลยนะตัว จากนั้นมายายอาก็ไม่ยอมตัดผมอีกเลยเพราะเธอเคยเสียผมไปเป็นกระจุกเพราะไฟไหม้ ฮ่าๆๆๆ
สองเพื่อนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งแต่เจ้าตัวต้นเรื่องนอนเอาหมอนปิดหูอยู่ในเมืองตัวเองด้วยท่าทางโกรธแค้นอย่างแสนสาหัส
แค้นนี้ถ้าอาคิราไม่แก้แค้นก็ไม่ใช่อาคิราแล้วพี่อวภาส์สุดที่ร๊าก
***คำเตือน น้ำมันเป็นวัตถุไวไฟ ควรหลีกเลี่ยงให้พ้นจากเปลวไฟ อิสตรี เป็นวัตถุไปไว ควรเอาใจเข้าไว้จะได้อยู่กับเรานานๆ ลั๊นลา คริกๆๆ (ไม่เกี่ยวอะไรกันเล๊ยแต่ผิงดาวอยากเตือนไว้)
.................................
ตั้งแต่มีครูคนใหม่มาสอนในโรงเรียนภรณีดูจะตั้งใจเรียนมากขึ้น และมักไปด้อมๆ มองๆ แถวๆ ห้องพักครูเสมอๆ ภรณีอาสาครูไปซื้อข้าวให้ทุกวันและช่วยหอบหิ้วสุดการบ้านโดยที่ไม่ต้องให้เกวลีต้องออกปากใช้
ครูจิณณพัตหรือครูจิณของภรณีก็ดูเอ็นดูภรณีเป็นกรณีพิเศษเช่นกัน
ฉันว่าตอนนี้โลกของภรณีเป็นสีชมพูสวยอยู่แน่ๆ เพราะใครจะว่าจะด่าหรือจะดุอะไรภรณีก็ได้แต่ยิ้มรับไม่โต้เถียงแบบที่เคยเป็น ฉันเข้าใจภรณีดีเพราะเมื่อยามที่ฉันหลงรักพี่แสงอุษาฉันก็เป็นแบบเดียวกับที่ภรณีเป็น แต่ฉันก็แอบกลัวๆ ว่าภรณีจะต้องเสียใจอีกครั้งเพราะฉันเห็นความเป็นไปไม่ได้ในความรักของภรณีมีปรากฏอยู่
พวกเราพยายามเตือนภรณีไม่ได้นิ่งดูดาย เพราะภรณีเป็นคนที่เวลารักใครแล้วมักจะทุ่มทั้งกายทั้งใจให้กับคนที่ภรณีรัก เมื่อคราวก่อนที่ภรณีรักกับรุ่นพี่พวกเราก็เคยเตือนเธอ แต่เธออก็ไม่เคยที่จะเชื่อหรือฟังพวกเราสักนิด
ครั้งนี้ก็เช่นกัน พวกเราพยายามที่จะเตือนภรณี
ไอ้ณีแกเพลาๆ หน่อยไม่ดีเหรอเดี๋ยวครูเค้าก็โกรธแกหรอกไปยุ่งกับเค้ามาก รมณเตือนภรณีในชั่วโมงซ้อมดนตรี
ใช่ไอ้ณีแกใจเย็นๆ ช้าๆ ก็ได้แกยังไม่รู้เลยว่าครูเค้าเคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า หรือไม่เค้าก็อาจจะไม่ชอบแกแบบที่แกชอบก็ได้ รวิภาเองก็เอ่ยเตือนภรณีด้วยเช่นกัน
ไม่มั๊งแกครูเค้ามีแฟนก็ต้องเคยเห็นสิ ภรณียังไม่วายเข้าข้างตัวเอง
แล้วถ้าเกิดแฟนเค้าไม่ได้อยู่ด้วยกันหละเพราะแฟนเค้าอาจจะทำงาที่จังหวัดอื่นไม่ได้ทำงานที่นี่ก็ได้ใครจะรู้ ฉันพยายามเสนอความคิดอื่นๆ ให้กับภรณีบ้าง
เป็นไปไม่ได้หรอกแกถ้าครูเค้ามีเค้าก็ต้องเคยบอกฉันบ้างสิว่าเค้ามีแฟน แต่นี่ไม่เคยเห็นเค้าไปไหนมาไหน หรือไปกับคนอื่นเลย
แกอยู่กับครูเค้ายี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือไงถึงได้ไปรู้ว่าครูไม่เคยไปไหนมาไหนกับใครนะไอ้ณี นี่พวกฉันเตือนแกด้วยความเป็นห่วงนะเว่ย ไม่ได้เตือนเพราะอิจฉาแก เราเพื่อนกันไม่เตือนแกแล้วพวกฉันจะไปเตือนใคร รมณเริ่มหงุดหงิดที่ภรณีไม่ยอมฟังคำเตือนของเพื่อนๆ
ตามใจแกแล้วกันไอ้ณีแกจะเชื่อตัวเองมากว่าคำเตือนของเพื่อนๆ ก็ตามใจแกพวกฉันเตือนแกแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวพอแล้วไม่มีการเตือนซ้ำอีก แกไม่ต้องมาร้องไห้ฟูมฟายนะเว่ยถ้ามารู้ทีหลังว่าครูมีแฟนแล้ว รวิภาเริ่มโกรธด้วยอีกคน จะไม่ให้รวิภาโกรธภรณีก็ไม่ได้เพราะเธอพยายามเตือนภรณีมาหลายครั้งหลายหน
รวิภาเคยเห็นครูจิณณพัตนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ของผู้ชายคนหนึ่งที่เชียงใหม่และนั่งกอดเอวกันเหมือนกับคู่รัก เธอเคยมาบอกฉันว่าเธอเห็นแต่พวกเราก็ห้ามรวิภาไม่ให้บอกกับภรณีเพราะตอนนั้นภรณีกำลังหลงรักครูจิณณพัตหัวปักหัวปำ หากไปบอกภรณีก็คงทำให้ภรณีเสียใจอีกครั้ง
และแล้วภรณีก็ทนเสียงที่สั่งในสมองและหัวใจของเธอไม่ไหว
ลองดูสิไม่ลองไม่รู้บอกไปสิว่าชอบเค้าถามเค้าไปเลยหละว่าเค้าชอบเราหรือเปล่า หัวใจของภรณีพูดซ้ำๆ
อย่านะอย่าไปถามเค้าแค่นี่เราก็รู้สึกดีแล้วไม่ใช่เหรอ สมองของภรณีแย้งคำสั่งของหัวใจ
ถามไปเลยภรณีจะได้รู้ๆ กันไปว่าเค้ารักเราเหมือนที่เรารักหรือเปล่า
แล้วถ้าเกิดเค้าไม่ได้รักเราแบบที่เรารักเค้าหละเราจะทำไง
เสียงในหัวสมองและเสียงในหัวใจของภรณีส่งเสียงคัดค้านกันจนภรณีรู้สึกสับสนไปหมด สมองสั่งให้คิดแต่หัวใจสั่งให้ทำตามสิ่งที่ตนเองอยากจะให้เป็น
ในที่สุดภรณีก็ทำตามที่หัวใจของตนเองปรารถนารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เธอมีมายืนอยู่หน้าห้องพักครู
อ้าวภรณีมายืนทำอะไรแถวนี้ ครูจิณณพัตเห็นภรณีมาด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าห้องพักครูของเธอก็เอ่ยถามขึ้น
ภรณีเดินเข้าไปยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของครูจิณณพัตก่อนที่จะรวบรวมความกล้าครั้งสุดท้ายเอ่ยปากออกไป
หนูรักครูค่ะ
จิณณพัตได้ยินคำพูดจากปากของภรณีแล้วก็ถึงกับอึ้ง
ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเด็กคนนี้แอบชอบเธอและใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเด็กทื่นอยู่ตรงหน้าเธอนั้นหลงรักเธอมากแค่ไหน แต่ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นครูเธอไม่สามารถที่จะตอบรับหรือปฏิเสธคนที่ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ของเธอได้
เธอมีเพียงความรักและความเอ็นดูให้กับภรณีในฐานะศิษย์กับครูเท่านั้น
ตอนนี้เธอคงจะต้องบอกความจริงอะไรบางอย่างกับภรณี เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้
ภรณีฟังครูดีๆ นะ จิณณพัตถอนหายใจหนักๆ ออกมาหลายครั้ง
ครูเข้าใจสิ่งที่เธอกำลังเป็นอยู่และครูก็ขอบใจที่เธอรักครู แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะครูไม่ได้รักเธอแบบที่เธอกำลังรักครู ครูรักเธอในฐานะศิษย์กับครูเท่านั้น อีกอย่างอีกไม่นานักครูก็ต้องแต่งงานกับคู่หมั้นของครู เพียงแต่ตอนนี้เค้ายังเรียนไม่จบเมื่อเค้าเรียนจบโทเมื่อไหร่เราสองคนก็จะแต่งงานกัน ครูขอโทษที่ทำให้เธอเข้าใจผิดไปต่างๆ นานา ครูขอโทษจริงๆ จิณณพัตมองหน้าของภรณีที่ยืนเศร้าอยู่หน้าโต๊ะของเธอ
ใจหนึ่งก็อยากจะกอดปลอบแต่อีกใจหนึ่งเธอต้องวางตัวในฐานะครูที่ดี เท่าที่ผ่านมาเธอก็วางตัวผิดไปแล้วที่ยอมมาสนิทสนมกับภรณีจนทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่
แล้วทำไมครูไม่เคยบอกหนูว่าครูมีคู่หมั้นแล้ว เสียงภรณีสั่งจนแทบจับใจความไม่ได้
ก็เพราะเธอไม่เคยถาม อีกอย่างครูก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นตรงไหนที่ครูต้องบอกเรื่องครูมีคู่หมั้นแล้วกับใครๆ ก็ในเมื่อครูก็ไม่เคยที่จะถอดแหวนหมั้นออกจากนิ้วครูเลยสักวันเดียว
ทำไมครูต้องปิดบังหนู ทำไมครูต้องทำร้ายหนูหลอกหนูให้หลงรักครู
ครูขอโทษนะภรณีที่ทำให้เธอเข้าใจผิด ถ้าครูทำอะไรผิดไปครูก็ขอโทษด้วย กับการที่ครูรักเธอเหมือนน้องสาวและให้ความสนิทสนมด้วยถ้าเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงครูก็ขอโทษเธอ ด้วยแล้วกันภรณีและต่อไปนี้ครูจะวางตัวเป็นครูที่ดีของพวกเธอจะไม่มีความสนิทสนมมากไปกว่าการเป็นศิษย์กับครูอีกต่อไป ถ้าไม่มีอะไรแล้วเธอก็ไปเรียนได้แล้วภรณี จิณณพัตตัดบทเอาดื้อๆ เพราะเธอเองก็กำลังจะมีน้ำตาแห่งความสงสารไหลออกมา
ภรณียืนน้ำตาไหลโดยไม่มีเสียงสะอื้นออกมาให้ใครๆ ได้ยิน เธอนึกโกรธตัวเองที่ใจง่ายไปหลงรักคนที่มีเจ้าของแล้ว ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ก็คอยเตือนอยู่บ่อยๆ แต่ตัวของเธอก็ไม่เคยคิดจะฟังคำเตือนของเพื่อนๆ มีแต่จะทำตามที่ใจของตัวเองปรารถนาและสุดท้ายความเจ็บก็กลับมาครอบคลุมหัวใจเธอให้บอบช้ำอีกครั้ง
ฉันนั่งมองภรณีเดินออกมาจากห้องพักครูและเห็นเธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาก็รู้แล้วว่าคงต้องเกิดเรื่องอีกแล้วกับภรณี
ไอ้มลไปดูไอ้ณีกันหน่อยสิมันร้องไห้มาโน่นแล้ว ฉันบอกกับรมณที่นั่งติดๆ กันให้หันไปดูภรณี
ไม่อยากไปยุ่งกับมันเลยจริงๆ หวะอาเราเตือนแล้วเตือนอีกมันก็ไม่เคยจะฟัง แล้วเป็นไงเกิดเรื่องจนได้ รมณบ่นแบบเอือมระอาเต็มที
ไงมันก็เพื่อนเรานะมณ
เออก็ใช่นะสิก็เลยทำให้เราถึงต้องหน้าด้านไปช่วยมันไงทั้งๆ ที่มันไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากพวกเรา รมณลุกจากโต๊ะและลุกเดินไปทางห้องพักครูบริเวณที่ภรณียืนอยู่ ทำให้ฉันต้องเดินตามไปด้วยเช่นกัน
ฉันกับรมณเข้าไปโอบไหล่ภรณีและประคองปีกให้เดินกลับมาที่ห้องเรียน พวกเราไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปาก ทั้งๆ ที่อยากจะทับถมซ้ำเติมแต่ก็ทำไม่ได้
ภรณีนั่งซึมน้ำตาไหลจนครูที่เข้ามาสอนสังเกตเห็นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรสอนพวกเราต่อไป
เรื่องไม่ได้จบแค่ที่เรารู้เมื่อครูใหญ่เรีกยครูจิณณพัตเข้าไปพบ เพราะเรื่องของภรณีและครูจิณกลายเป็นเรื่องพูดติดปากของทั้งครูและนักเรียนในโรงเรียนถึงการวางตัวไม่เหมาะสมของครูจิณ
ฉันเข้าใจทั้งครูจิณณพัตและภรณีว่าทั้งสองคนก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ แต่เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วก็จะต้องหาทางแก้ ครูจิณไม่ได้มาสอนวิชาฝรั่งเศสเราอีกต่อไป และภรณีก็ไม่ได้เข้าใกล้ครูจิณแบบที่เธอเคยทำ
ทั้งสองคนหลบหน้ากันไปมายิ่งทำให้บรรยากาศอึมครึมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ภรณีก็เศร้าอยู่ได้ไม่นาน เพราะพวกเราต้องเริ่มต้นซ้อมดนตรีกันอย่างหนักอีกครั้งเพราะงานฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
..................
แสงอุษาหอบเอาตุ๊กตาตัวโตมาให้อาคิราที่บ้านอีกครั้ง เพราะเทอมที่ผ่านมาอาคิราทำเกรดได้ตามที่สัญญาไว้กับเธอ
ตุ๊กตาตัวโตที่เธอเลือกให้อาคิราตัวนี้ใหญ่กว่าตัวที่แล้วที่เธอให้กับอาคิรา เพราะเธอจะให้เจ้าตุ๊กตาตัวนี้เป็นตัวแทนของเธอเมื่อยามที่เธอไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กับอาคิราอีกต่อไป
เมื่อวานพ่อของเธอมาบอกอีกครั้งเรื่องให้ไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ และบอกอีกว่าปิดเทอมนี้เธอเองต้องไปเรียนกวดวิชาเพื่อสอบเข้าโรงเรียนที่เชียงใหม่ พ่อจัดการทุกอย่างไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว นั่นเท่ากับว่าเธอเองจะต้องย้ายไปอยู่เชียงใหม่แบบฐาวร
ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอเศร้าทุกครั้งไป เธอจะบอกอาคิราได้อย่างไรว่าเวลาของเธอสองคนที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกันมันกำลังจะหมดไปแล้ว
แสงอุษาปรับสีหน้าของตนเองให้ดีขึ้นเมื่อเธอจอดรถมอเตอร์ไซด์และเดินเข้าบ้านของอาคิรา
โหษาหอบตุ๊กตาตัวโตขนาดนี้มาเลยเหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นรางวัลให้ยายอาอีกแล้ว อวภาส์ทักทายเพื่อนที่อุ้มตุ๊กตาตัวโตเท่าคนอุ้มเข้ามาในบ้าน
ใช่สิ อายๆ เหมือนกันนะนี่ตอนเอาตุ๊กตาซ้อนท้ายมอไซด์มาคนมองกันจนเหลียวหลัง
ก็ใช่นะสิแล้วนี่คิดไงซื้อมาซะตัวโตขนาดนี้ อวภาส์เดินมาจับขนตุ๊กตาแล้วก็ทำท่าชื่นชม ตุ๊กตาลิงยักษ์ที่มีขนนุ่มปุยลื่นมือ ดูๆ ไปก็หน้าตาเหมือนอาคิราน้องสาวของเธอเหมือนกันนะนี่ แสงอุษาช่างเข้าใจเลือกลิงมาให้คิงคองเล่นจริงๆ
ตัวนี้ตั้งใจเอามาให้อานอนกอดโดยเฉพาะเวลาเราไม่อยู่ไงภา
โหขนาดนั้นเลยแล้วไม่มีมาให้เรากอดบ้างเหรอเผื่อเราคิดถึงษาไง อวภาส์กระเซ้าเพื่อน
ไว้เราจะไปจริงๆจะเอามาให้อีกตัว แสงอุษาที่ใบหน้าเศร้าอยู่แล้วยิ่งเศร้ามากขึ้นไปอีกเมื่อพูดถึงเรื่องการจากกันที่จะมาถึงในเร็ววัน
ไม่ต้องหรอกเรานอนกอดหมอนข้างของเราไปนะดีแล้วอย่าลำบากเลยเปลืองเปล่า
แล้วอาไม่อยู่เหรอ แสงอุษาชะเง้อคอมองหาเจ้านายคนใหม่ของตุ๊กตาในอ้อมกอดของเธอ
โน่นในสวนที่เดิมไปหาสิ
แสงอุษาพยักหน้ารับรู้และหอบตุ๊กตาตัวโตเดินไปที่บ้านเต็นท์กลางสวนของอาคิรา เห็นอาคิราจุดธูปไล่ยุงและมีกองเปลือกส้มจุดไฟไว้อยู่ที่หน้าเต็นท์เช่นเคย
จะว่าไปอาคิราก็เป็นเด็กเจ้าความคิดและช่างจดจำในสายตาของเธอ เพราะอาคิรารู้จักปกป้องตัวเองจากการโดนยุงในสวนกัดด้วยการเอาธูปมาปักและหาอะไรที่ยุงกลัวมาจุดไฟเผา โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องมาอดทนกลิ่นเหม็นๆ ของยากันยุง
เจ้านายคับเจ้านายอยู่หรือเปล่า เจี๊ยกๆๆ แสงอุษาส่งเสียงเรียกคนในเต็นท์
เจ้าเป็นใครวานบอกมาเจ้าลิงน้อย อาคิราทักออกมาจากในเต็นท์
ข้าเป็นสมุนตัวใหม่ของท่านที่แม่นางษาเอามามอบเป็นราชบันนาการชื่อน้องจุ๊กจิ๊ก
สิ้นเสียงของแสงอุษาอคิราก็โผล่อหน้าออกมาจากเต็นท์กำบังกายและเมื่อเห็นสิ่งที่แสงอุษาหอบหิ้วมาก็กระโดดโลดเต้นเข้าไปกอดแสงอุษาและรับเอาตุ๊กตาลิงตัวโตเข้าไปในถิ่นหลบภัยของตนเอง โดยไม่ลืมที่จะจูงมือของแสงอุษาเจ้าของตุณกตาลิงตัวโตเข้าไปในเต็นท์เช่นกัน
และสิ่งที่อาคิราจะขอบใจเจ้าของลูกสนุมตัวใหม่ได้ในเวลานี้ก็หนีไม่พ้นการหอมแก้มฟอดใหญ่ๆ หนักๆ กับเจ้านายเก่าของจุ๊กจิ๊กนั่นเอง
... จบบทที่ ๑๗ ....
เพลง แปรงสีฟัน แกรนอ็กซ์
ส่งมือมาก่อนสิ ส่งมาก่อนส่งมาสิ ส่งมือมาก่อนสินี่ไงแปรงสีฟัน ตอนเช้าและก่อนนอนนั้นต้องแปรงฟันทุกวัน
อีกเรื่องการอาบน้ำ ก็ต้องอาบทุกวัน ตอนเช้าและก่อนนอนนั้นก็ต้องทำทุกวัน ส่วนเรื่องการอ่านเรียนต้องพากเพียรสำคัญ ตอนเช้าและก่อนนอนนั้นท่องตำราทุกวัน ลองมาทำดูสิทำสิ่งเหล่านี้ด้วยกัน ทั้งเธอและฉันทุกวันเราจิตสดใส ลองมาทำดูสิถ้าดีควรทำเรื่อยไป แค่นี้ไม่ยากใช่ไหม
อีกเรื่องการสวดมนต์เพื่อให้ตนเชื่อมั่น ตอนเช้าและก่อนนอนนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนเรื่องสีหน้ายังต้องกระทำเหมือนกัน ตอนเช้าและก่อนหน้ายังพิจารณาทุกวัน ลองมาทำดูสิทำสิ่งเหล่านี้ด้วยกัน ทั้งเธอและฉันทุกวันเราจิตสดใส ลองมาทำดูสิถ้าดีควรทำเรื่อยไป แค่นี้ไม่ยากใช่ไหม
ส่วนเรื่องดูทีวี เอ๊าไม่ต้องดูทุกวัน หัวค่ำดูทีวีนั้นพอดึกหน่อยพลันทีวีดูเรา ถ้าเราจะดูทีวีดูให้ดีดูด้วยปัญญา ดูแล้วต้องพิจารณาถึงคุณค่าของความดี ฝึกฝนเสียแต่วันนี้ สิ่งไม่ดีไม่ควรจำ
//imusic.teenee.com/2/frame/722.php
Create Date : 03 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 3 มิถุนายน 2551 15:40:08 น. |
Counter : 433 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุี่่งในดวงใจ บทที่ ๑๖ ๖.๓๕ น. ความในใจของพี่ภาสุดสวย
บทที่ ๑๖ ๖.๓๕ น. ความในใจของพี่ภาสุดสวย
ฉันอวภาส์พี่สาวคนเดียวของแม่ลิงตัวแสบประจำบ้านค่ะ ฉันมีน้องคนเดียวแก่นแก้วจนฉันทนไม่ไหว จะว่าแม่ตัวแสบไร้สมองก็ไม่ได้แน่ๆ เพราะเธอช่างสรรหาเรื่องมาให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
แม่ตัวแสบของฉันชอบเล่นอะไรที่ผู้คนไม่เล่น หญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง ตอนเล็กๆ ก็ดูจะเป็นเด็กน่ารัก พี่อย่างฉันพูดอะไรก็เชื่อฟังอยู่หรอกคะ
แต่พอโตขึ้นนี่ฉันอยากจะจับกระดูกมาหักจิ้มน้ำพริกกะปิแทนกระถินริมรั้วจริงๆ นะคะ
ฉันชวนเล่นหม้อข้าวหม้อแกงเธอก็ไม่เล่นหาว่าฉันปัญญาอ่อน ฉันชวนเล่นตุ๊กตาก็ว่าฉันไร้สมองความคิดไม่พัฒนา
ทีตัวเองเล่นเป็นพระปิ่นทองงี้ เล่นเป็นติงลี่งี้ ฉันยังไม่เคยว่าอะไรเลย ยอมเล่นด้วยทุกครั้ง
มีอยู่ครั้งนึงค่ะแม่ตัวแสบไม่ยอมเล่นตุ๊กตากับฉัน บอกว่าปัญญานิ่มเล่นอยู่ได้ไอ้ตุ๊กตากระดาษโลกเค้าพัฒนาไปไหนต่อไหนแล้ว คุณเธอนะเหรอจับตุ๊กตาฉันไปฉีกทิ้งคะ ฉันอุตส่าห์ขโมยหนังสือสมุดโทรศัพท์เล่มเหลืองของแม่มาทำเป็นที่อยู่ของตุ๊กตา
ฉันวาดเองกับมือเลยนะฝีมือของฉันด้านวาดรูปถึงไม่เก่งแต่ก็ไม่เป็นรองใคร ทั้งแคนดี้ไวท์อันโดเรสุดสวย ทั้งมายะนักแสดงที่ฉันชอบ บางตัวฉันก็ไปตัดหน้าของดาราจีนที่ฉันโปรดมาแป๊ะที่กระดาษแล้วก็วาดรูปหุ่นลงไป สวยนะจ๊ะขอบอกไว้
ก็กว่าจะได้หน้าตุ๊กตาที่เท่าๆ กันกับหุ่นที่ฉันวาดมันหาได้ง่ายๆ ที่ไหกัน จะถ่ายรูปหันหน้าตรงๆ ก็ไม่ได้ ต้องเอียงข้างนั้นนิด ข้างนี้หน่อย
แต่แม่ตัวแสบกลับฉีกตุ๊กตากระดาษของฉันทิ้งเสียหายย่อยยับไม่มีชิ้นดี ฉันร้องไห้ไปหลายวัน ดีนะที่แม่เข้าข้างฉัน แม่ตีเจ้าแสบไปหลายที ดูไปแล้วก็น่าสงสาร
ครั้นจะบอกแม่ว่าเดี๋ยวฉันวาดใหม่ก็ได้ แต่แม่ก็ลงไม้ไปเรียบร้อยแล้ว จะสมน้ำหน้าหรือสงสารก็บอกไม่ถูกคะ
หลายวันถัดมาฉันมาเปิดสมุดหน้าเหลืองจะเอาตุ๊กตามาซ่อม แต่มันกลับถูกซ่อมไปเรียบร้อยแล้ว ฉันหันไปมองหน้าแม่ตัวแสบเป็นอันรู้กันว่าเธอซ่อมให้ฉันเรียบร้อยแล้ว จะบอกว่าไม่ต้องมาซ่อมได้ไหม ฝีมือทางด้านนี้ของแม่ตัวแสบไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
ปะก็ปุๆ กระโดกไปกระเดกมา ไม่แนบไม่เนียน แบบนี้ฉันทำเองดีกว่าเสียแรงสองต่อ นินทาน้องตัวเองนี่สนุกมากๆ เลยนะคะ ก็จะให้ไปนินทาใครได้หละคะฉันมีน้องคนเดียวก็ต้องนินทาน้องเป็นธรรมดา
สมัยเมื่อแม่ลิงหัดจะรีดผ้าใหม่ๆ ฉันหละนั่งขำ ครูคงไปสอนเธอว่าให้ลงแป้งที่กระโปรงกลีบจะได้แข็งๆ
แม่ลิงของฉันเธอทำอะไรรู้หรือเปล่า เดาไม่ถูกหละสิคะ จะนินทาเอ๊ยไม่ใช่จะเล่าให้ฟังคะ
เธอเอาแป้งมาโรยไปที่กระโปรงลงเลอะเทอะไปหมด แป้งที่ว่านี่ก็คือแป้งฝุ่นโรยตัว
โอ๊ย !!!
ฉันหละจะบ้าตาย แม่อาคิราคนเก่งสมองอิคคิวคิดไปได้ไงนี่
จนแม่กับฉันเดินมาเห็นเข้าแม่เลยถามเธอว่า
อาทำอะไรลูก
แม่ตัวแสบตอบหน้าตาเฉยว่า
ลงแป้งกระโปรงคะแม่ครูสอนอามาว่าลงแป้งที่กระโปรงแล้วกระโปรงจะกลีบคมกริบไม่กระดก
แม่กับฉันมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ก่อนที่แม่จะสอนแม่ลิงไปว่า
อาจ๋านี่ลูกรู้หรือเปล่าว่าที่อาทำนะมันผิดนะลูก
ผิดตรงไหนอะคะแม่ก็ครูสอนอาว่าลงแป้งแล้วกระโปรงจะเป็นกลีบสวยๆ จริงๆ นะคะแม่ แม่ลิงยังทำหน้ามีเครื่องหมายคำถามและยืนยันหนักแน่นกับความคิดของตัวเอง
ใช่จ๊ะอาที่อาบอกนะมันก็จริงอย่างที่ครูพูด แต่ที่อาทำมันไม่ได้ทำแบบที่ครูบอกนี่ลูก แม่พยายามจะอธิบาย
นี่อะไรคะแม่ แม่ลิงหยิบกระป๋องแป้งขึ้นมาถามแม่ทันที
แป้งไงถามทำไม แม่ตอบพร้อมกับหัวเราะ
ก็แป้งไงแม่อาก็เอาแป้งมาลงแบบนี้ ว่าแล้วแม่ลิงก็โรยแป้งลงบนกระโปรงอีกครั้ง
นี่อะแม่ลงแป้ง แต่อาว่าครูต้องโกหกแน่ๆ เลยอะแม่อารีดตั้งนานกระโปรงมันยังไม่เห็นเรียบเลยแม่ แม่แสบยังคงยืนกรานในหลักการเป็นมั่นเป็นเหมาะ
จะให้มันเรียบได้ไงลูกก็แป้งที่อาใช้มันไม่ใช่แป้งที่เค้าใช้ลงแบบที่ครูบอก อาต้องเอาแป้งมันผสมกับน้ำไม่ต้องมากนะน้ำเปล่าธรรมดานี่แหละ แล้วก็คนให้แป้งมันละลายไม่ให้เป็นก้อนแล้วเอาไปตั้งเตา ใช้ไฟอ่อนๆ แล้วต้องคอยกวนไม่ให้เป็นก้อน พอแป้งมันใสสุกแล้วเอาขึ้นมา ไปผสมน้ำเย็น แล้วค่อยเอากระโปรงลงไปแช่ สักพักให้ทั่ว จากนั้นก็เอาไปตากจนแห้ง เวลาจะรีดก็พรมน้ำให้ทั่ว แล้วม้วนไว้ให้ผ้ากระโปรงมันชุ่ม เวลารีดจะได้ไม่เป็นด่างๆ เพราะกว่าจะรีดเสร็จมันอาจจะด่างไปก่อนแล้วอาต้องให้กระโปรงชื้นๆ ไว้ แม่อธิบายอย่างละเอียดกับแม่ลิงของฉัน
ทำไมมันยุ่งยากงี้หละคะแม่งั้นอาไม่ทำแล้ว แม่ลิงล้มเลิกความตั้งใจไปในทันที
อ้าวเลิกง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอไม่ลงแป้งต่อหละ ฉันต้องแซวซะหน่อยแล้ว
ไม่เอาแล้วพี่ภาอารีดแบบเดิมดีกว่าสบายกว่ากันเยอะเลย แม่แสบตอบฉัน
แต่แม่ว่าตอนนี้อาต้องเอากระโปรงของอาไปซักใหม่ได้แล้วลูกแป้งเลอะขนาดนี้เอาไปใส่ไม่ได้แล้ว แม่ลิงทำหน้ามุ่ยเดินเอากระโปรงไปสะบัด แล้วก็เอาไปซักใหม่
สรุปว่ากระโปรตัวนั้นต้องซักสองรอบความผิดใครหละคะถ้าไม่ใช่เพราะแม่ลิงตะแบงจะลงแป้งกระโปรงนักเรียน
ฉันอยากจะขำให้โลกระเบิดแต่ก็ทำได้แค่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ แม่เท่านั้น
............
ยังจบเท่านั้นนะคะแม่ลิงยังมีอีกหลายเรื่องที่สำคัญก็เรื่องชอบเล่นเป็นจอมยุทธ์ในหนังกำลังภายในนั่นหละคะ
จะว่าไปแม่ลิงมีความสามารถในการจดจำเพลงในหนังจีนได้อย่างแม่นยำ เรื่องไหนเธอชื่นชอบเธอฟังไปสองสามรอบร้องได้เหมือนเป๊ะ
อยู่ๆ วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนแม่ลิงไปตัดใบกล้วยมาเล่น เอาก้านกล้วยมาทำเป็นกระบี่ เธอบอกว่าเธอคือฮุ้นโปยเอี้ยง ให้ฉันเป็นแม่นางโป่วเฮียงกุน แล้วยังสมมุติอากาศเป็นโต๊กโตบ้อเต๊ก ให้เธอเอาวิชาไหมฟ้ามาปราบมาร ให้ต้นกล้วยเป็นนางมารชมภู ฟาดฟันกันเข้าไป ปากก็ร้องเพลงประจำเรื่องไปด้วย หึหึ
โต่วจี่โจ่ยซานโป โก้วชวีเหม่ยซวีนโกว เหม่งหว่านโจ่ยหลานซิว งัมซีฉี่นโมวโลว เฝ่าหวั่นเหย่าซันปีนฝักเชิ้กเก๋งโกว งอโก้วซีฟูดโป่ว อ้าแม่นางโป่วเฮียงกุน เจ้านี่ไม่มาร้องเพลงร่ายรำไปกับข้าดอกรึ
ไม่หละท่านไชโป๊ว เราไม่อยากไปขัดความสำราญของท่าน
นี่พี่ภา เค้าเป็นโปยเอี้ยวไม่ใช่ไชโป๊วเรียกให้ถูกๆ หน่อยดิ
ก็พี่จำได้ว่าชื่ออะไรโป๊ๆๆ นี่นะจะบอกชื่อก็ไม่บอกใครจะไปตรัสรู้ได้หละ ฉันก็ต้องเถียงบ้างเป็นธรรมดาของคนที่เกิดก่อนและคนตามมาที่หลังเรียกว่าพี่
ฉะนั้นพี่ทำอะไรย่อมไม่ผิดเสมอ
ไม่ล่งไม่เล่นแล้วพี่ภานี่เชยก็เชยไม่ทันสมัยกับใครเค้าเลย จากนั้นแม่ลิงก็ปลีกวิเวกไปเล่นคนเดียวกับต้นกล้วยต้นไม้ไปตามเรื่องส่วนฉันก็เข้าไปอ่านหนังสือการ์ตูนดีกว่าเพราะสบายใจกว่าการมาเล่นเหงื่อไหลไคลย้อยกับแม่ลิงประจำบ้านเป็นไหนๆ
แล้วเรื่องก็เกิดอีกจนได้ เพราะท่านฮุ้นโปยเอี้ยงขณะฝึกวิชาไหมฟ้าได้มาขโมยผ้าตัดเสื้อชุดใหม่ของแม่ไปพันร่างกายจนเปื้อนดินเปื้อนยางกล้วยไปหมดทั้งผืน
เมื่อแม่มาเห็นเข้าลิงของฉันก็โดนตีไปหลายยก ร้องไห้ลั่นบ้านจนพ่อจะต้องมาช่วยไว้ แม่บอกว่าลิงต้องโดนตัดค่าขนมจนกว่าจะครบค่าผ้าของแม่ที่ซื้อมาเป็นการทำโทษ
ฉันอยากจะบอกแม่ว่าแม่อย่าไปตัดค่าขนมของไอ้แสบเลยนะ เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดในการตัดค่าขนมไม่ใช่ไอ้ลิง
แต่เป็นหูนนะแม่จ๋า
ทำไมนะเหรอคะก็ไอ้ลิงตัวนั้นเวลาอยากกินอะไรก็จะมาบอกฉันว่า
พี่ภากินนี่สิอร่อยน้าอาชอบ แล้วก็สั่งแม่ค้าหน้าตาเฉยแต่พอจะจ่ายตังกลับไม่มีเงินจ่าย
พี่ภาจ่ายสิอาไม่มีตัง ดูสิคะ ไอ้ลิงยักษ์ทำฉันเข้าแล้ว
ไหงงั้นหละอาอาสั่งอาก็จ่ายสิพี่ไปเกี่ยวไรด้วย ฉันแย้งเพราะฉันเองก็อยากกินขนมอื่นเหมือนกันแต่งเงินที่มีอยู่ก็ไม่พอจะได้กิน
ก็อาไม่มีตังนี่แม่ตัดงบอาไปหมดแล้ว พอรับของไปจากมือแม่ค้าก็เดินหายไปหน้าตาเฉยพร้อมกับขนมในมือที่จ่ายไปด้วยนเงินของฉัน
มันน่าตบสักฉาดและกระทืบซ้ำไหมหละนี่ (อุ้ยเสียภาพพจน์คนสาวอย่างอวภาส์หมดพอดี ทำลืมๆ ไปเถอะนะคะคุณๆ)
ความซวยมาเยือนฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งแต่กลับต้องเอากระดูกชิ้นโตของไอ้ลิงยักษ์มาแขวนคอ
ทำไมนะเกิดเป็นพี่ถึงได้ซวยแบบนี้อวภาส์
เมื่อตอนที่ไอ้ลิงแสบไปเข้าค่ายเนตรนารีหุงข้าวองคุลีแบบผิดๆ เอามาเล่าให้ฉันกับแม่ฟัง เรานั่งหัวเราะกันจนปวดท้องอีกครั้ง
ก็จริงนี่แม่ตุบอกว่าท่วมข้อมือนะ แม่ลิงยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
องคุลีนะลูกก็คือข้อนิ้ว ท่วมหนึ่งองคุลีก็คือถ่วมหนึ่งข้อนิ้วไงลูก อาจำเรื่ององคุลีมารที่แม่เคยเล่าให้ฟังได้หรือเปล่า
จำได้คะแม่
นั่นแหละองคุลีมารที่ได้ชื่อนั้นมาก็เพราะว่าเค้าจะตัดนิ้วคนที่เค้าฆ่ามาหนึ่งองคุลีแล้วเอามาแขวนคอตัวเองไว้
อ่อเข้าใจแล้วแม่อาเข้าใจแล้ว
กว่าจะถึงบางอ้อฉันว่าเพื่อนๆ ของอาคิราคงกินข้าวแฉะจนปวดท้องไปแล้วมั๊ง
ไม่รู้สิเป็นฉันไม่กล้ากินอะไรที่เป็นฝีมือของอาคิราแน่ๆ
เพราะฉันกลัวท้องเสียมากกว่ากลัวอดตาย
.............
พ่อมักพูดกับฉันเสมอว่าน้องฉลาด ฉันก็ว่าใช่ค่ะ น้องฉลาดมาก(แอบประชด) ไม่ฉลาดได้ไงหละคะ เรื่องเอาเปรียบพี่หละที่หนึ่งในบ้าน
งานอะไรหนักๆ นี่ฉันทั้งนั้น ซักผ้านี่ซักด้วยกันคะ ของใครของมันแต่พอเวลารีดฉันกลับต้องเป็นคนรีดเองเพราะเธอมักจะชอบทำผ้าไหม้เป็นประจำ และไม่เคยเล๊ยที่จะอับอายขายขี้หน้าประชาชี ใส่ไปได้กระโปรงขาดเป็นรูโหว่เพราะเตารีด
คนที่อายฉันนี่แหละคะอายจนแทบแทกแผ่นดินหนี เพราะเพื่อนๆ จะถามฉันว่า
ภาน้องเธอกระโปรงไปโดนอะไรมาเป็นรูโหว่เลย
ฉันมองไปที่แม่แสบที่ยืนโชว์ก้นมาทางฉันแถมยังเล่นเพลงชาติอยู่หน้าเสาธงอย่างไม่สนใจสายตาของใครๆ เมื่อเห็นกระโปรงแม่แสบฉันแทบสลบ รูไม่ได้เล็กๆ เลยคะเท่าฝ่ามือ แม่อาคิรายังใส่มาโรงเรียนได้ ช่างไม่อายฟ้าดิน
จนสุดท้ายแม่ต้องเอาผ้ากระโปรงตัวเก่ามาปะให้ อาคิรายังบอกใครๆ ว่าเธอเป็นอังชิกกงผู้เฒ่าพรรคกระยาจกในหนังเรื่องมังกรหยกไปซะงั้น แถมยังภูมิใจว่ามีเธอคนเดียวที่ได้ใส่กระโปรงนำสมัย เพราะเพื่อนๆ ไม่มีใครกล้าที่จะใส่ได้แบบเธอ
จะภูมิใจไปทำไมนักหนานะ ฉันหละอ๊ายอายแทนนะแม่คุ๊ณ
จะว่าไปอาก็ไม่ได้เป็นคนสกปรกอะไรหรอกนะคะ เธอรักความสะอาดมากๆ โดยเฉพาะกับตัวเธอเองอาบน้ำวันละหลายๆ รอบ ฉันจะชอบแซวว่าระวังเนื้อเปื่อย พ่อบอกว่าพ่ออยากกินอยู่พอดีเนื้อเปื่อยๆ กินง่ายดี ไม่ต้องเคี้ยว ยิ่งเนื้อเด็กตุ๋นจนเปื่อย เอาเข้าปากแล้วละลายเลยไม่ต้องเคี้ยวกลืนคล่องคอดี
นอกเรื่องซะแล้ว มาต่อกันเรื่องแม่แสบชอบเอาเปรียบกันดีกว่า เวลากวาดบ้านถูบ้าน ฉันมีหน้าที่กวาดบ้านจนเรียบร้อย แต่พอเวลาถูซึ่งเป็นหน้าที่ของแม่อาคิราตัวแสบกลับจะให้ฉันถูด้วย มาอ้างว่าถูคนเดียวไม่ไหวอีกแล้ว
เวลาทำกับข้าวแม่ให้ปลอกกระเทียมหอมแดง ตำน้ำพริกอย่าว่าแต่จะใช้เลยคะหาศีรษะไม่เคยเห็น แต่พอเวลากินมาถึงก่อนใครในบ้าน แอบกินข้าวก่อนคนทำที่กำลังอาบน้ำ มันน่าไหมหละนี่
มีน้องกับเค้าทั้งคนกลับเป็นลิงเป็นค่าง บ่างชะนี ดีนะไม่ร้องหาสามีเพราะเห็นว่าจะมาชอบหญิงด้วยกันเองซะแล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นปัฯหาหนักอกของฉันจริงๆ คะ เหมือนน้ำท่วมปากเล่าให้แม่กับพ่อฟังก็ไม่ได้ เพราะกลัวน้องจะโดนตี
จะไม่เล่าก็ไม่ได้กลัวน้องจะเดินหลงทาง
จะมีใครเชื่อฉันไหมว่าเมื่อวันที่แสงอุษามาบอกกับฉันว่าเธอชอบน้องของฉันไม่ได้ชอบแบบพี่น้องแต่ชอบแบบแฟน ฉันแทบจะฉุดน้องตัวเองกลับบ้านอยากจะบอกพ่อว่า
พ่อจ๋าเอาน้องออกจากโรงเรียนนี้เถอะก่อนที่จะบานปลายไปมากว่านี้
แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันทำหน้าที่พี่ได้แค่ยืนมองความเป็นไปของคนสองคนอยู่ห่างๆ คอยดูไม่ให้น้องทำอะไรที่แปลกๆ
จะว่าไปอาคิราก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบหรือไม่ชอบแสงอุษาเพื่อนของฉันออกมาอย่างโจ่งแจ้ง บางครั้งฉันก็คิดไปว่าฉันอาจจะคิดมากเกินไป จะให้ไม่คิดได้อย่างไรกัน
เพื่อนของฉันกรีดข้อมือตัวเองเพราะแฟนเธอไปมีคนรักใหม่ ฉันว่าในวัยของพวกเรายังไม่พร้อมที่จะริมีความรักกับใมครเขาหรอคะ ฉันอาจจะแก่เกินตัวหรืออาจจะคิดมากเกินไป แต่กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าปล่อยจนแย่แล้วจะแก้ไม่ทัน
เมื่อตอนที่อาคิรามาบอกฉันว่าเพื่อนของเธอท้องกับเด็กนักเรียนชายรั้วติดกัน ฉันอดใจหายไม่ได้ และแอบคิดเข้าข้างน้องว่า ดีนะที่น้องฉันมีแฟนเป็นผู้หญิงจะได้ไม่ท้องแบบเดียวกันกับหงส์หยกเพื่อนของเธอ
แต่สิ่งที่ฉันหนักใจก็คือ พ่อกับแม่จะรับได้หรือเปล่าหากรู้ว่าน้องชอบเพศเดียวกัน
..................
ฉันรู้ว่าเด็กอย่างเราต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และอยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกเรื่องเหมือนตาบอดคลำช้าง จับงวงช้างก็คิดว่าเป็นเหมือนเสาบ้าน จับหาช้างก็คิดว่าเป็นเหมือนแส้ จับตัวช้างก็คิดว่าช้างเหมือนผนัง สิ่งที่เด็กอย่างฉันต้องเรียนรู้ก็คือต้องมองช้างอย่างคนตาไม่บอดให้รู้ว่านี่คือช้าง
ตอนอยู่มอหนี่งพวกฉันทุกคนต้องเรียนเรื่องทาร์ในบุหรี่ว่ามันมีพิษสงแค่ไหน เอาบุหรี่มาจุดแล้วก็พ่นออกมาบนกระดาษชำระให้รู้ว่าสารทาร์มันจะออกมากับควันบุหรี่เป็นสีน้ำตาลติอยู่ที่นั่น
อาคิราเอากลับมาที่บ้านและแอบสูบในห้องน้ำ กลิ่นตลบอบอวลไปทั้งบ้าน แม่กับฉันนั่งมองหน้ากันและส่ายหน้าไปมา พ่อบอกว่าอย่าไปห้ามให้อารู้เอง
ฉันได้ยินเสียงไอค๊อกๆ แค๊กๆ ในห้องน้ำและท่าทางการเดินของอาคิราที่ดูเหมือนจะมึนๆ ออกมาจากห้องน้ำ ก็รู้แล้วว่าเธอคงจะไม่คิดริลองที่จะสูบอีกต่อไป
จริงอย่างที่พ่อบอกน้องมีความคิดและคิดได้ด้วยตัวเอง ฉันก็ยินดีที่น้องรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี คืนนั้นอาคิราพูดกับฉันว่า
พี่ภาบุหรี่นี่ไม่ดีเลยนะมันไม่เห็นจะอร่อยเลย
เราเคยสูบเหรอ ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเพื่อล้วงความลับจากอาคิรา
อืมเมื่อกลางวันครูเอามาสอนอากับณีแอบขโมยมาคนละตัว
อย่าบอกนะว่าไปแอบสูบมา ฉันแกล้งถาม
ใช่พี่เมื่อตอนเย็นอาแอบสูบในห้องน้ำสำลักแทบตายไม่รู้ว่าคนที่เค้าสูบกันทำไมเค้าโง่กันจังเลยนะเอาสารพิษเข้าร่างกายอยู่ได้ไม่อร่อยแถมยังเหม็นอีกด้วย นี่กลิ่นยังติดจมูกอาอยู่เลยพี่แปรงฟันเท่าไหร่ก็ไม่หาย อาคิราสารภาพกับฉันตามตรง จะว่าไปน้องก็ไม่ได้ทำตัวเลวร้ายอะไรมากนักเพียงแต่น้องต้องการเรียนรู้เท่านั้นเอง
.......................
ตั้งแต่น้องคบกับแสงอุษาน้องก็มีการเรียนที่ดีขึ้น ฉันเห็นน้องตั้งใจเรียนมากว่าเดิมไม่เล่นเหมือนอย่างที่เคยเป็น
ฉันรู้มาว่าแสงอุษาเอาตุ๊กตาตัวโตมาล่อให้อาคิราสอบได้เกรดดีๆ เพื่อที่จะเอามาแลกกับตุ๊กตา ดีนะที่พี่ตัวเองเคี่ยวเข็ญอย่างไรก็ไม่ทำตามแต่พอแฟนบอกเท่านั้นตั้งหน้าตั้งตาทำไม่คิดบ่ายเบี่ยง
วันที่พ่อรู้ว่าน้องได้ใบประกาศว่าเป้นนักดนตรีดีเด่นพ่อดูท่าทางดีใจมากๆ ดีใจมากกว่าฉันที่ได้ใบประกาศเรียนดีด้วยซ้ำไป
พ่อบอกว่าดีแล้วที่น้องหาทางเดินของตัวเองถูกดนตรีบำบัดได้ทุกสิ่ง ทำให้คนจิตใจอ่อนโยนลง ให้น้องไปหมกมุ่นกับดนตรียังดีกว่าไปหมกมุ่นกับอย่างอื่น
ฉันเริ่มเห็ด้วยกับพ่อ เพราะตั้งแต่น้องเริ่มที่จะเล่นดนตรีน้องมีอารมณ์ดีมาตลอดไม่ค่อยจะมาแกล้งฉันเท่าไหร่ ไม่คอยมารบกวนเวลาส่วนตัวของฉันมากนัก น้องน่ารักมาขึ้นเริ่มมีความคิดที่จะช่วยเหลือตัวเอง เริ่มที่จะไม่เห็นแก่ตัวช่วยฉันทำงานบ้านเวลาที่แม่ไปตรวจงานที่ต่างจังหวัด
หาหนังสือมาอ่านกับฉันและจินตนาการว่าตัวน้องเป็นนางเอกละคร ฉันเห็นน้องอ่านข้างหลังภาพอยู่สองสามรอบบอกว่าน้องเป็นคุณหญิงกีรติ ฉันยังเคยแย้งเลยว่า
เป็นได้ไงอามีคนที่รักอาเยอะไปหมดไม่ได้ตายโดยปราศจากคนที่รักสักหน่อย
เอ๊าพี่ภาติ๊งต่างไงไม่เคยเหรอ ดูน้องย้อนฉันสิคะ
เคยแต่อาอยากเป็นคุณหญิงเหรอพี่อยากเป็นปริศนามากกว่าได้แต่งกับท่านชายพจน์
ก็จริงเน๊อะเศร้าไปหน่อยแต่ก็หนุกดี อาชอบนะพี่อาเห็นในหนังสือบางเล่มเค้าบอกว่าเรื่องนี้เป็นโศกาฏกรรมที่ดีเรื่องหนึ่งของไทยเลยนะ
อืมตามใจจะชอบก็ชอบไป พี่ไม่เอาด้วยหละนอนดีกว่า ฉันตัดบทและล้มตัวลงนอนก็ทำให้อาคิราต้องนอนตามไปด้วยเพราะเธอกลัวผียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
พูดถึงเรื่องกลัวอาคิราเป็นคนที่กลัวจิ้งจกมากที่สุดในโลก ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้กลัวอะไรนักหนา
มีอยู่วันหนึ่งจิ้งจกที่ไต่อยู่บนเพดานห้องนอนของเราหล่นตุ๊บลงมาบนที่นอนของอาคิรา เธอร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้านไปหมด จนพ่อกับแม่ต้องรีบวิ่งมาดูว่าเธอร้องอะไร
จิ้งจกเจ้าปัญหาก็คงจะยังมึนๆ ที่อยู่ๆ ก็หล่นตุ๊บลงมาไม่ยอมไปไหนยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนผ้าห่มของอาคิราพอพ่อจับหางมันขึ้นมาจะเอาไปทิ้งไห้ จิ้งจกเจ้ากรรมก็ดันสลัดหางทิ้งเอาดื้อๆ หางอยู่ในมือพ่อ ตัวหล่นลงบนผ้าห่มของอาคิราอีกครั้ง
คราวนี้อาคิราร้องไห้ดังลั่นไปหมด พ่อก็พยายามไล่จับจิ้งจกตัวนั้นให้ได้แต่ก็ไม่เป็นผล จิ้งจกตัวเดิมวิ่งผลุบหายไปในกองหนังสือรกๆ ของอาคิราไปแล้ว
คืนนั้นไม่เป็นอันนอนกันทั้งบ้านอาคิราไปนอนห้องพ่อกับแม่ ทิ้งฉันให้นอนคนเดียว ถามว่าฉันกลัวจิ้งจกหรือเปล่า
เปล่าหรอกคะฉันไม่ได้กลัว แต่ฉันเกรงใจมัน ถ้าคิดจะตกลงมาอย่ามาตกที่ฉันเลยนะ
เจ้าประคุ๊ณไปตกหาอาคิราโน่นเถอะ
................
อยู่ๆ วันหนึ่งฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าผมของตัวเองที่เคยยาวปรกหน้าผากของฉันมันหายไปทั้งแผง ฉันร้องไห้จนแม่นึกว่าฉันฝันร้าย แต่เมื่อแม่เห็นหน้าฉัน แม่กลับขำที่เห็นฉันหน้าเป็นกะลาครอบ
พอฉันบอกความจริงไป แม่ก็ไปจัดการกับเจ้าแสบของฉันจนอยู่หมัด แต่ครั้งนี้นานคะกว่าฉันจะยกโทษให้เพราะฉันต้องคิดกิ๊ปเปิดหน้าผากไปโรงเรียนอยู่หลายวัน
จนผมฉันยาวเกือบจะเท่าเดิมฉันถึงได้อภัยให้เธอ พูดถึงเรื่องตัดผมแล้วก็นึกถึงเมื่อตอนที่เจ้าแสบเรียกร้องให้แม่ตัดผมให้เพราะว่าเธอไม่ยอมสูง
เธอตัดสินใจให้แม่ตัดผมที่ยาวถึงเอวออกไปอย่างง่ายดาย เพราะแม่บอกว่าจะทำให้สูงขึ้นอาหารไม่ต้องไปเลี้ยงผม จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้แต่เมื่อเธอตัดผมเอะสูงขึ้นภายในเทอมเดียวถึงสี่เซ็น ถ้ารู้ว่าตัดผมแล้วสูงได้ขนาดนั้นฉันตัดไปแล้ว เพราะตอนนี้อาคิราสูงแซงหน้าฉันไปแล้ว
เวลาเดินไปไหนมาไหนใครๆ ก็จะคิดว่าฉันเป็นน้องจนแม่ต้องมารีบแก้ให้ว่าฉันเป็นพี่ จะว่าไปฉันออกจะภูมิใจนะที่ใครๆ เห็นฉันเป็นน้องของอาคิราเพราะนั่นแสดงว่าฉันหน้าเด็กกว่าเธอเยอะ แม่อิคคิวหน้าแก่ อิอิ
..................
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันไม่กล้าจะบอกกับน้องสาวคนเดียวของฉันก็คือ แสงอุษาต้องไปเรียนที่เชียงใหม่ ฉันกลัวจังเลยคะ กลัวว่าเธอจะเสียการเรียน กลัวเธอจะไม่มีกำลังใจเรียนอีกต่อไป
แสงอุษามานอนที่บ้านของเราจนเหมือนจะเป็นลูกของบ้านฉันไปแล้ว อาคิราให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับแสงอุษามากเป็นพิเศษ เมื่อก่อนเธอเคยมีเพื่อนสนิทที่ชื่อติวเขียนจดหมายถึงกันอยู่ประจำ เป็นอาจารย์น้อยกับตุ๊กตาน้อย แต่ตอนนี้จดหมายห่างหายไป ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะเธอสองคนเรียนหนักหรือว่าลืมๆ กันไปแล้วว่าต้องเขียนจดหมายหากัน
จะว่าไปทั้งอาและติวก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาของฉัน (ฉันแอบอ่านจดหมายบ้างบางฉบับเพื่อไม่ให้ตกข่าว) ฉันได้รู้ความลับของอาคิราก็เพราะจดหมายที่เขียนถึงติวนั่นแหละคะ
เมื่อมีแสงอุษาเข้ามาติวก็ตกกระป๋อง อาคิราทำตัวเป็นปาท่องโก๋ติดกับแสงอุษาจนฉันเองก็ไม่สามารถไปแยกเธอออกมาได้ บางครั้งฉันยังคิดว่าฉันเป็นส่วนเกินระหว่างอิครากับแสงอุษาเมื่อยามที่สองคนอยู่ด้วยกัน
แสงอุษาประพฤติตัวดีไม่ได้ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกอะไร ฉันเองเคยบอกเรื่องอาคิรากับแสงอุษาให้พ่อฟัง พ่อก็รับรู้แล้วก็ยิ้มกลับ
ไม่เป็นไรลูกปล่อยน้องไป แล้วน้องจะรู้เองว่าน้องจะทำอะไรเราไปบอกน้องตอนนี้ก็คงไม่ได้ จะเป็นการยุเสียมากกว่า
พ่อบอกฉันให้เฝ้าดูน้องอยู่ห่างๆ และฉันก็ทำตามพ่ออย่างว่าง่าย เพราะฉันรู้ดีว่าเมื่ออาคิราโมโหหรือไม่พอใจเธอจะรั้นได้มากมายขนาดไหน ทุกคนในบ้านรู้ดี
ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่มีใครแนะนำทางเดินให้ใครได้ถ้าคนๆ นั้นไม่เลือกที่จะเดินตาม
.................
อีกไม่กี่เดือนแสงอุษาก็ต้องจากไปเรียนที่เชียงใหม่แล้ว ตอนนี้ฉันกับแสงอุษายืนมองอาคิราที่เล่นสร้างบ้านอยู่คนเดียว
ฉันมองภาพน้องที่เล่นกับตัวเองอย่างสนุกสนานและมองแสงอุษาที่มองน้องของฉันอย่างชื่นชม สองคนนี้มีจิตใจที่ตรงกันฉันรับรู้ได้ เพราะฉันอยู่กับอาคิรามาตั้งแต่เล็กจนโต น้องไม่เคยปลื้มใครเท่ากับแสงอุษามาก่อน ยอมแม้กระทั่งอดขนมเพื่อที่จะไปถ่ายรูปของแสงอุษาเก็บไว้ดู
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนการอดขนมสำหรับน้องเป็นเรื่องที่ยากมากๆ และน้องก็ไม่ได้มาเบียดบังเอาค่าขนมของฉันไปใช้เหมือนที่เคยผ่านมา ฉันเองเสียอีกที่คอยถามน้องว่าจะกินขนมอะไรหรือเปล่าเพราะกลัวว่าจะผอมโซไปมากว่านี้
ตั้งแต่น้องสูงขึ้นดูน้องจะผอมลงไปเรื่อยๆ เป็นเพราะความสูงหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ทำให้ฉันเห็นว่าน้องผอมลง เพราะน้องบอกฉันว่าน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลเหมือนกัน
วันไหนที่แสงอุษาไม่มานอนที่บ้านน้องก็จะเอารูปของแสงอุษามานั่งมองแล้วก็ยิ้มกับรูปนั้น
ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้มากมายอย่างนี้เลยเหรอ
ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือนิยายว่าอานภาพของความรักบันดาลได้ทุกสิ่ง หรือแม้แต่ร้อยกรองบทหนึ่งในเรื่องมัธนภาธากล่าวไว้ว่า
"ความรักเหมือนโรคา...บันดาลตาให้มืดมน ไม่ยินและไม่ยล...อุปสรรคใดใด ความรักเหมือนโคถึก...ผิจะคึกจะขังไว้ ก็โลดก็แล่นไป...บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง"
ฉันไม่อยากให้น้องเป็นแบบนั้นเลย ฉันอยากให้ชีวิตของน้องสวยงามเหมือนดอกไม้แรกบานยามรุ่งอรุณ
ถึงตอนนี้ใครจะว่าอย่างไรฉันไม่สนขอเพียงแค่น้องมีความสุขฉันจะทำให้น้องได้ทุกสิ่ง
ฉันชวนให้แสงอุษาออกไปเล่นกับน้องที่บ้านกลางสวนหลังใหม่ ให้น้องได้ใช้จินตนาการของน้องไปเรื่อยๆ และฉันเองนี่แหละจะช่วยน้องสร้างฝันและจินตนาการของน้องให้สำเสร็จลุล่วงด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของพี่ที่รักน้องสุดหัวใจ
... จบบทที่ ๑๖ ...
Create Date : 31 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2551 4:12:59 น. |
Counter : 309 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุี่่งในดวงใจ บทที่ ๑๕ ๖.๓๐ น.
บทที่ ๑๕ ๖.๓๐ น.
เทอมหน้าพี่ก็ต้องย้ายโรงเรียนแล้วนะอาใจหายจังเลย พี่ษาบอกกับฉันระหว่างที่เรานั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน
ไม่เห็นเป็นอะไรเลยพี่ษาเราก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกันได้นี่พี่ อาก็ไปหาพี่ที่บ้าน พี่ก็มาหาอาที่บ้านหรือว่าย้ายโรงเรียนแล้วพี่จะเปลี่ยนใจไม่รักอาเหมือนเดิม ฉันพูดผ่านสายลมที่ปะทะหน้าของตัวเอง
แสงอุษากอดเอวของอิคราไว้แน่นเธอไม่รู้ว่าตัวเธอจะได้อยู่ใกล้กัยอาคิราแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะเมื่อวั้นก่อนพ่อของเธอมาบอกให้เธอรู้ว่าเธอต้องย้ายโรงเรียนไปเรียนที่เชียงใหม่
ษาปีหน้าษาต้องไปเรียนที่เชียงใหม่
ทำไมหละคะพ่อษาเรียนที่นี่ก็ได้ไม่เห็นต้องย้ายโรงเรียนเลย แสงอุษาหน้าถอดสีเมื่อรู้ว่าพ่อของเธอมีวัตถุประสงค์อะไรในการเรียกตัวเธอมาคุย
ที่เชียงใหม่มันมีการเรียนการสอนที่ดีกว่านี้ อีกอย่างพ่อไม่อยากให้ษาเรียนโรงเรียนรัฐบาลมันไม่มีคุณภาพ
ไม่มีคุณภาพตรงไหนกันคะพ่อษาก็เห็นพวกรุ่นพี่ที่เรียนที่นี่ก็ติดหมอติดวิศวะกันเป็นแถว พ่อจะให้ษาไปอยู่ไกลๆ พ่อเหรอคะ พ่อไม่รักษาแล้วเหรอ แสงอุษารู้สึกน้อยใจพ่อของเธอจนอดกลั้นไว้ไม่อยู่
พ่อไม่ได้อยากให้ษาไปไกลตัวแต่ษาต้องเข้าใจพ่อนะลูก พ่ออยากให้ษาเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดได้สิ่งที่ดีที่สุดเชื่อพ่อเถอะษาพ่อรักลูกนะ
พ่อกอดแสงอุษาไว้กับอก เธอรู้สึกว่าโหยหาอ้อมกอดของพ่อแบบนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่แม่ออกจากบ้านไปพ่อไม่เคยกอดเธอ ไม่ค่อยจะมีเวลามานั่งคุยกับเธอ เธอเข้าใจว่าพ่อก็คงอยากให้เธอได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อจะให้ได้
แต่สิ่งที่จะตามมาก็คือเธอต้องไกลจากคนที่เธอรักทั้งพ่อทั้งอาคิรา เธอเสียแม่ไปไกลจากเธอแล้ว เธอจะต้องมาโดนพรากจากคนที่เธอรักและรู้สึกดีอีก จิตใจของแสงอุษารู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก
พี่ษาคะพี่ษาเป็นอะไรหรือเปล่าเงียบไปเลย ฉันไม่ได้รับเสียงตอบรับจากพี่ษาจับมือของเธอที่กอดเอวฉันและเรียกเธออีกครั้ง
อะไรนะอาเรียกพี่ทำไม
ก็อาถามพี่ว่าถ้าพี่ไปเรียนโรงเรียนอื่นแล้วพี่จะไม่รักอาแล้วเหรอพี่ษาก็ไม่ตอบ เอ๊ะหรือว่าพอย้ายโรงเรียนพี่ษาก็เลิกรักอาคิราคนนี้แล้ว ว้าแย่จังแบบนี้อาก็ไม่มีพี่สาวที่แสนดีแล้วสิ ฉันแกล้งเย้าพี่ษา
ใครจะเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆ หละอาถ้าพี่เปลี่ยนใจง่ายๆ พี่คงไม่ตามเทียวไล้เทียวขื่ออาอยู่ตั้งนานหรอก แสงอุษาพยายามอธิบายคนขี้ใจน้อยที่น่ารักของเธอ
จ้าอารู้แล้วจ้ารู้อย่างดีด้วยว่าพี่ษารักน้องสาวคนนี้ของพี่แค่ไหน ร๊ากจนเข้าข้างพี่ภาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเวลาแกล้งน้อง ร๊ากจนไม่เป็นอันอ่านหนังสือรวมหัวกันแกล้งน้องจนเจ็บไปหมด
ไม่มีเสียงตอบจากแสงอุษาเธอยังคงซบหน้าของเธอบนแผ่นหลังของอาคิราไปตลอดทางจนถึงบ้านของอาคิรา วันนี้เธอมานอนที่บ้านของอาคิราอีกครั้ง เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวอาคิรา ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ความรักของพี่ที่มีให้น้อง และความรักของน้องที่มีให้พี่ ความรักทั้งหมดอบอวลอยู่ในบ้านหลังไม่ใหญ่ของอาคิรา
พ่อของอาคิราเป็นข้าราชการที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แม่ของอาคิราเป็นพนักงานบริษัทที่ต้องออกไปต่างจังหวัดบ่อยๆ อวภาส์เคยเล่าให้เธอฟังว่าแม่เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ต้องไปตรวจบัญชีของสาขาอยู่บ่อยๆ และอวภาส์ก็ต้องคอยดูแลน้องและพ่อม่ตั้งแต่ยังเล็ก
แม่ของอวภาส์จะสอนให้เธอทำกับข้าวง่ายๆ กินกันเองในบ้าน สอนให้ทำความสะอาดบ้านซักผ้ารีดผ้า ช่วยเหลือตัวเองเมื่อยามที่แม่ไม่อยู่
เธอไม่แปลกใจเลยที่อวภาส์มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และไม่แปลกใจว่าทำไมอาคิราถึงได้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ก็เพราะว่าครอบครัวนี้ให้อิสระเสรีในการให้ลูกๆ คิดเองทำเองช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่ยังเยาว์
ผิดกับเธอที่พ่อและแม่ป้อนให้ทุกอย่างไม่เคยทำกับข้าวเองไม่เคยซักผ้ารีดผ้าเอง มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้ดีเรียนให้เก่งเพื่อให้พ่อกับแม่ได้ภูมิใจกับการเรียนของเธอ เธอรู้สึกว่าเธอโชคดีที่ได้รู้จักกับครอบครัวของอาคิรา
จากที่ไม่เคยทำอะไรเองตอนนี้เธอเริ่มที่จะซักผ้ารีดผ้าเป็น ทอดไข่เป็น แม้จะไหม้ไปบ้างก็ตามเถอะ อาคิราบอกเธอว่าใครทำอะไรก็รับผิดชอบอันนั้นทำให้เธอต้องกินไข่เจียวไหม้ครึ่งล่างและสวยครึ่งบนไปอย่างพะอืดพะอม
บางวันอาคิราพาเธอเดินไปหลังบ้านไปเก็บผักที่ครอบครัวของอาคิราปลูกเอง เอามีดไปตัดกันสดๆ จากแปลงปลูก และในวันหยุดอาคิราก็ไปยกแปลงผักใหม่ที่ตัดผักไปหมดแล้ว เธอได้แต่ยืนมองเพราะแม้กระทั่งการจับจอบที่จะขุดดินเธอยังทำไม่เป็น
บ้านของอาคิรามีต้นกระถินริมรั้ว มีแปลผัก มีต้นมะม่วงสองสามต้นที่อาคิราดูจะรักต้นมะม่วงเหล่านั้นมากๆ มีต้นกล้วยน้ำว้าริมรั้ว ต้นดอกแค ต้นขี้เหล็ก หลังบ้านก็มีไก่อยู่ฝูงใหญ่ที่คอยออกไข่ให้ครอบครัวนี้กินโดยที่ไม่ต้องออกไปซื้อมาจากตลาด
แสงอุษารู้สึกเหมือนกับว่าบ้านของอาคิราจะเป็นแหล่งรวมของอาหารการกินที่ไม่ต้องไปซื้อหามาจากไหน จะยกเว้นก็คงมีเพียงข้าวและเนื้อสัตว์เท่านั้นที่บ้านนี้ไม่มี
วันนี้อาคิรามาแปลกไปหยิบดอกไม้สีม่วงๆ ที่ขึ้นอยู่บนพื้นดินมาหลายดอก
ดอกอะไรนะอาสีสวยดี
ดอกอัญชันพี่ษา ฉันยื่นดอกอัญชัญในมือให้กับพี่ษา
แสงอุษารับดอกไม้นั้นมาดมแต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไร
ไม่เห็นหอมเลยอาเก็บมาทำไมกันนี่
วันนี้เราจะทำของกินสวยๆ กัน ฉันยืดอกพูดอย่างภาคภูมิ
จะกินได้ไหมนั่น จะท้องเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้
เอาน่าพี่ษาเดี๋ยวก็รู้เอง ฉันเดินนำพี่ษาเข้าบ้านเพราะวันนี้ฉันเห็นดอกอัญชันที่ขึ้นเต็มไปหมดแล้วอดใจไม่ได้
ฉันล้างดอกอัญชันจนสะอาด เอาไปต้มในน้ำเดือดใส่น้ำตาลลงไปจากนั้นก็พักเอาไว้ให้เย็น ที่ดอกที่เหลือฉันจับมาขยี้ๆ ให้เละและจัดการซาวข้าวจากนั้นก็เอาดอกที่ขยี้ให้เละนั้นมาละลายน้ำจะได้น้ำสีฟ้าๆ จากนั้นก็เอามาใส่หม้อข้าว (จะบอกว่าหลังจากวันเข้าค่ายเนตรนารีฉันรู้แล้วว่าองคุลีคืออะไรนะจะบอกให้ ฉันก็เป็นมือวางอันดับหนึ่งในการหุงข้าวของบ้านฉันด้วย ชิชิ)
หม้อน้ำหุงข้าวก็เป็นสีฟ้าๆ ตามไปด้วยวันนี้เราจะกินข้าวที่หุงด้วยน้ำดอกอัญชันและน้ำดอกอัญชันแก้กระหายน้ำ ยิ้ปปี้ เมนูอาหารของอาคิราสุดยอด ฟิ้ว...........
พี่ภาดูจะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่กับข้าวที่หุงแล้วออกมาเป็นสีฟ้าแต่พี่ษาสิท่าทางตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้เห็น
อาอย่าบอกนะว่าอาเอาดอกอัญชันมาหุงข้าว
ฉันพยักหน้าด้วยความภูมิใจกับฝีมือหุงข้าวสวยร้อนๆ สีฟ้าๆ อย่างภาคภูมิ
เยสมาดาม
ดูทำท่าเข้าจะกินก็รีบๆ กินเลยเล่นอยู่ได้อา พี่ภาดักคอฉันก่อนที่จะไม่ยอมกินกับข้าว ฝีมือเธอ
เล่นที่ไหนกันพี่ภาอากำลังจะแสดงมายากลต่างหาก
มายากลอะไรของเธอไม่เห็นจะได้เรื่อง พี่ภาที่รู้แกวฉันดักคอฉันอีกรอบ
พี่ภารู้แล้วก็เฉยไว้เถอะไม่ต้องพูดมาก ฉันรีบเบรกพี่ภาเพราะรู้ดีว่าพี่ภาชอบจะเผยไต๋ฉันให้พี่ษารู้อยู่เสมอๆ
แต่น แตน แต๊น ต่อไปนี้ อาคิราจะแสดงมายากลที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองไทยให้ท่านได้รับชมกันเป็นขวัญตา ตึน ตา ด๊า ดึน ตา ดา ดึน ตึน ตื๊น
ฉันยกน้ำดอกอัญชันที่ต้มไว้จนเย็นแล้วใส่แก้วใสๆ และมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบมะนาวมาหนึ่งลูก ฝานให้บางหย่อนลงไปในแก้วน้ำ และจัดการคนให้ทั่ว
บัดนี้เราจะจัดการเปลี่ยนสีน้ำจากสีฟ้าให้เป็นสีม่วงในบัดดล
น้ำในแก้วค่อยๆ กลายเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็ว พี่ษาจ้องมองอย่างตะลึง แต่พี่ภาส่ายหน้าแบบเอือมระอากับฉันเอามากๆ
เล่นเป็นเด็กจะกินยังจะเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้คนเรา พี่ภาบ่นฉันอีกแล้วเหรอนี่ ไม่ได้แล้วต้องเอาคืน
งั้นพี่ภาก็ไม่ต้องมากินน้ำของอาแล้วกัน ฉันขู่เพราะรู้ว่าพี่ภาชอบน้ำดอกัญชันมากๆ
งั้นก็ไม่ต้องมากินกับข้าวพี่แล้วกัน โดนไม้นี้ตอกกลับฉันถึงกับจ๋อย
ก็ได้ เช๊อะ วันพระไม่ได้มีหนเดียวนะพี่ภาจำไว้ๆ ฉันขู่ไปอีกรอบ
ใช่แล้วพี่ก็ไม่ได้ทำกับข้าวหนเดียวเหมือนกัน วันไหนถ้าพี่เห็นอามากินกับข้าวพี่พี่จะให้อาจ่ายค่าขนมให้เป็นการแลกเปลี่ยน แล้วไม่ต้องมาให้พี่รีดกระโปรงให้เลยนะ พี่จะรีดให้ษาเค้าคนเดียว อ้ออีกอย่างอย่ามาให้พี่สอนการบ้านด้วยเพราะต่อจากนี้ไปพี่จะให้อาทำการบ้านเอง
พี่ภาขู่กลับและฉันก็ต้องกระดั๊บกระดึ๊บเข้าไปใกล้พี่ภาเพราะสิ่งที่พี่ภาขู่ฉันมันช่างร้ายกาจจนฉันแทบรับไม่ได้
โด่แค่นี้ก็น้อยใจไปได้ไหนๆ มาดูสิว่าหัวล้านตรงไหนจะได้เอาอัญชันมาขยี้ใส่ผมให้ แต่ช้าแต่เค้าแห่ยายมาพอถึงศาลาเค้าก็วางยายลง
ฉันเอื้อมมือจะไปจับหัวแหม่งพี่ภา เพราะนั่นเป็นจุดอ่อนจุดเดียวของพี่ภาให้ฉันได้ล้อเลียนอยู่เกือบทุกวันที่เราแกล้งกัน พี่ภาไม่ได้หัวล้านถึงขนาดที่ว่าน่าเกลียดเพียงแต่พี่ภามีตีนผมที่ลึกกว่าฉัน พี่ภาเป็นเหมือนพ่อตีนผมลึกนิดๆ หน่อยๆ แต่เธอก็มักจะชอบบ่นว่าเธอหัวล้านและต้องการที่จะเอาผมมาปิดหน้าผากของเธอเสมอๆ
บางที่ฉันก็รำคาญเพราะเธอเอาผมมาปิดและก็ชอบยกมือขึ้นเสยจนติดเป็นนิสัย ฉันเคยแกล้งพี่ภาตอนนอนโดยการแอบเอากรรไกรมาตัดผมด้านหน้าของพี่ภาจนสั้นกุด และทำให้ฉันต้องโดนไม้เรียวของแม่ไปหลายเฟี้ยว จากนั้นฉันก็ไม่เคยแกล้งพี่ภาแบบนั้นอีกเลยเพราะกลัวไม้เรียวในมือแม่ที่จะมากระทบก้นสวยๆ ของฉัน
ก็มันเจ็บนี่นาใครกล้าก็ลองดูสิคะ ว่าไม่เรียวในมือแม่มันเจ็บแค่ไหน
ไม่เชื่อก็ลองดู อย่าหาว่าอาคิราไม่เตือนไม่ได้เน้อ คริกๆๆๆ
.........................
กว่าอาหารมื้อนั้นจะจบลงไปได้พี่ษาก็สำลักไปหลายหนเพราะการเล่นจำอวดของฉันกับพี่ภา ถ้าหากแม่อยู่แม่คนจะจับฉันมาตีอีกรอบเพราะแม่ไม่ชอบให้เล่นเวลากินข้าว
แม่บอกว่าเวลากินห้ามเล่นห้ามร้องเพลงจะได้สามีแก่ แต่พ่อก็อธิบายว่าไม่จริงหรอกเวลากินถ้ามัวแต่เล่นจะกินไม่ทันเพื่อนและจะทำให้เรารีบๆ กินจนข้าวติดคอสำลักข้าว หากข้าวติดคอหรือพลัดลงไปที่หลอดอาหารมันอันตรายถึงตายได้ ฉันว่าที่พ่อพูดก็มีเหตุผลมากว่าแม่
เพราะฉันไม่ได้กลัวการมีสามีแก่ฉันก็เล่นเวลากินข้าว ร้องเพลงเสียงเพี้ยนๆ เวลากินข้าวไปได้เรื่อยๆ แต่พอพ่ออธิบายฉันกลัวข้าวติดคอก็เลยหยุดเล่น ฉันเคยสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหลและวันนั้นฉันก็กินเผ็ดด้วยสิจนทำให้ฉันเข็ดขยาดการกินเผ็ดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ภาบอกเราหน่อยสิทำไมน้ำดอกอัญชัญถึงได้เปล่ยนสี พี่ษาถามพี่ภาระหว่างที่ยืนล้างจานอยู่ด้วยกัน
ก็เพราะอาเป็นนักมายากลนะสิพี่ษาสามารถเปลี่ยนสีน้ำได้ในพริบตา ฉันรีบชิงตอบไปก่อน
บ้าอาไปตอบแบบนั้นษาเค้าจะรู้เรื่องจริงเหรอ คืองี้ษาดอกอัญชันมันจะเป็นเหมือนตัวอินดิเคเตอร์จะเปลี่ยนสีตามความเป็นกรดด่าง ถ้าสภาพออกมาทางด่างจะให้สีน้ำเงินเข้ม ถ้าสภาพออกไปทางกรดจะให้สีออกแดง ที่เราเรียนเราจะใช้ทดสอบความเป็นกรดหรือด่าง แทนกระดาษลิตมัสไงษาจำไม่ได้เหรอ พี่ภาอธิบายพี่ษาตามที่เธอได้เรียนมา
เออจริงด้วยเราลืมไปเลยว่าเคยเรียนเหมือนกัน เหมือนเวลาที่เราจะทำสอบแป้งเราก็ใช้ไอโอดีนหยดลงไปแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเน๊อะลืมไปเลย ภานี่เก่งจริงๆ สมคำอวดอ้างของอาเลยจริงๆ พี่ษาดูเหมือนจะระลึกถึงเรื่องที่เรียนขึ้นมาได้และเยินยอพี่ภาจนฉันอิจฉา
โอ๊ยหมดกันมายากลของอา หมดกันๆ พี่ภานะมาเฉลยทำไมแบบนี้อาก็ไม่มีมายากลเล่นแล้วสิ ฉันสะบัดก้นหนีจากการล้างจานในทันที แต่ก็ไม่ทันที่ภาที่คว้าฉันไว้และดึงหูของฉัน
จะไปไหนแม่ตัวดีมาล้างจานให้เสร็จก่อนค่อยเปิดก้น จะมาทำงอนแล้วไม่ยอมล้างจานพี่รู้หรอกน่าว่าจะแกล้งโกรธแล้วไม่ยอมล้างจานมาซะดีๆ แม่ตัวแสบ
โอ๊ยพี่ภานี่ไม่รู้ทันอาสักเรื่องจะได้ไม๊ ฉันโอดครวญพี่สาวคนเดียวที่ต่อปากต่อคำกันมาตั้งแต่เล็กจนโต
รู้ไม่ทันอาพี่ก็เป็นพี่ของอาไม่ได้สิ มานี่เลยล้างให้เสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป
จริงๆ นะจะไปไหนก็ไปได้จริงๆ นะ
เออ จะไปไหนก็ไปรำคาญแล้ว
เย้ๆๆ อาจะไปเล่นน้ำที่ลำเหมืองนะพี่ ฉันรีบๆ ล้างจานจนเสร็จแล้วก็วิ่งผลุบออกประตูบ้านไป โดยมีพี่ภาและพี่ษายืนส่ายหน้าระอาใจกับฉันอยู่สองคน
รับมือไหวเหรอษาลิงตัวนี้ อวภาส์หันไปถามแสงอุษาที่ยืนอยู่ด้วยกัน
ไม่ไหวก็ต้องไหวทำไงได้ก็มันรักไปแล้วนี่ภา แสงอุษาพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง
................
ฉันมานั่งเล่นอยู่ริมตลิ่งที่น้ำเหมืองข้างบ้าน (น้ำเหมืองหมายถึงคลองชลประทาน) ฉันหยิบเอาเมล็ดต้อยติ่งมาโยนเล่นในน้ำไปเรื่อยๆ ให้เมล็ดต้อยติ่งแตกโป๊ะ แล้วก็กระเด็นไปไกลๆ เป็นกิจกรรมยามว่างที่ฉันชอบเล่นเมื่อเวลาที่ฉันอยู่คนเดียว
ฉันเกือบจะปีนขึ้นไปบนต้นมะม่วงต้นโปรด แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้เพราะยังเสียวๆ ที่ข้อเท้าไม่หาย ขืนปีนขึ้นไปแล้วตกลงมาอีกคราวนี้มีหวังอาคิราสิ้นชื่อไปจากโลกอย่างแน่นนอน
เล่นจนเบื่อก็เลยเดินลงไปในน้ำ น้ำเหมืองฤดูนี้มีน้อยให้พอเดินลงไปเล่นได้โดยไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะพัดไปไหน อีกอย่างพ่อก็ทำทางเดินลงไปให้เพื่อไปตักน้ำมารดต้นผักในแปลงอยู่แล้ว ก็เลยไม่ลำบากในการเดินลงไปมากมายนัก
ต้นผักบุ้งขึ้นเต็มไปหมดฉันเดินลงไปลุยน้ำได้สักพักก็เริ่มเบื่อและมีความคิดที่จะเล่นอะไรแปลกใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว
ฉันเดินไปหาผ้าใบที่พ่อพึ่งจะซื้อมาได้ไม่นานพ่อบอกว่าจะเอามาคลุมกองไม้หลังบ้าน พ่อไปซื้อไม้เก่ามาจากไหนก็ไม่รู้บอกว่าจะเอามาต่อเติมบ้านให้ฉันกับพี่ภาไปอยู่กันสองคน พ่อบอกว่าฉันกับพี่ภาโตแล้วต้องมีห้องเป็นของตัวเอง แต่จนแล้วจนร้อดพ่อก็ยังไม่ได้เอาช่างมาทำบ้านไม้ก็ยังกองไว้ที่เดิม
ฉันได้ผ้าใบมาเรียบร้อยแล้วก็หาเชือกฟางมามัดปลายผ้าใบ ทั้งสี่มุม เอาเชือกไนล่อนไปขึงต้นมะม่วงสองต้น เอาผ้าใบมาคลุมเชือกและตัดไม้มาค้ำเชือกไว้ วันนี้ฉันจะเล่นกางเต็นท์ในบ้าน ไหนๆ ก็ขึ้นไปบนต้นไม่ไม่ได้ ก็เล่นกางเต็นท์ใต้ต้นมะม่วงสุดโปรดเลยก็แล้วกัน
บริเวณที่ฉันเลือกเป็นบริเวณที่อยู่ใต้ร่มไม้ไม่ร้อนมาก ฉันรู้ว่าการที่กางเต็นท์อยู่กลางแดดในตอนกลางวันนั้นร้อนแค่ไหน เพราะฉันเคยเข้าไปหยิบของในเต็นท์ช่วงกลางวันเมื่อตอนเรียนเนตรนารีมาแล้ว เล่นเอาฉันแทบหายใจไม่ออกเพราะความร้อนที่อบอยู่ในนั้น
ฉันเกลี่ยดินให้เรียบมีหินก้อนโตๆ ในบริเวณที่ฉันจะสร้างบ้านหลังเล็ก กว่าการสร้างบ้านบนพื้นของฉันจะเสร็จก็เล่นเอาเหงื่อท่วมตัว ฉันขุดดินให้เป็นหลุมแล้วเอาก้อนหินมาวางเรียงให้ดูเหมือนจะก่อกองไฟ เอาใบไม้แห้งๆ มาวางไว้ที่ก้นหลุม แล้วก็เดินกลับไปในบ้านไปหาเสื่อเก่าๆ ของแม่มาปูอย่างน้อยแม่ก็ไม่ด่าฉันว่าเอาเสื่อมาทำเปื้อน
จากนั้นก็ไปหากล่องน้ำปลาของแม่กล่องเบีร์ของพ่อมาปูที่พื้นก่อน การที่มีกล่องปูรองพื้นก่อนที่จะเอาเสื่อมาปูฉันว่ามันนุ่มกว่าเสื้อผืนเดียวเป็นไหนๆ
พี่ษากับพี่ภามองตามฉันที่วิ่งเข้าวิ่งออกจากบ้านไปๆ มาๆ อยู่หลายรอบ แต่พี่สองคนก็ยังคงอ่านหนังสือกันต่อไป และไม่ได้สนใจฉัน
จนฉันอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเพราะเหงื่อที่ไหลย้อยไปทั้งตัวแล้วก็เดินมาหยิบหมอนใบเล็กและกระเป๋านักเรียนออกมาจากห้อง
จะไปไหนอา พี่ภาเรียกฉัน
ก็พี่ภาบอกว่าอาจะไปไหนก็ไปไงรำคาญอาก็จะออกจากบ้านไปอยู่ที่อาชอบไงหละจะได้ไม่ขวางหูขวางตาพี่ภาไง ฉันต่อปากต่อคำ
เออดีไปนานๆ เลยนะไม่ต้องกลับมานอนที่นี่เลยพี่กับษาจะได้สงบๆ กันบ้างไม่ต้องมาดูลิงทำหน้าทะเล้น ษาไม่ต้องไปสนใจอ่านหนังสือต่อกันดีกว่า พี่ภาบอกพี่ษาให้หันมาอ่านหนังสือต่อ
จำไว้ไม่สนใจอาอาจะเป็นเด็กมีปัญหาอาจะทำตัวเหลวไหลคอยดูแล้วกันเช๊อะ ฉันสะบัดหน้าให้พี่ภาแล้วก็เดินออกจากบ้านไป
สักพักฉันก็กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง มาหยิบธูปเทียนและไม่ขีด และไม่ลืมที่จะหยิบผลไม้ในกล่องที่แม่แช่ตู้เย็นไว้ให้ติดมือไปด้วย
ไหนว่าจะไปไม่กลับมาไง พี่ภาถามฉันก่อนที่จะวิ่งลงบันไดบ้าน
ก็เข้ามาเอาเสบียงก่อนไง จะไปแล้วมาเรียกไว้ทำไมเล่าเช๊อะ แล้วฉันก็วิ่งกระทืบเท้าลงบันไดบ้านไปบ้านบนดินแห่งใหม่ของฉันและหมกตัวอยู่ในนั้น เมื่อมีแมลงมากวนมากๆ ฉันก็จุดธุปไว้ที่หน้าเต็นท์ และจุดไฟเผาใบไม้แห้งๆ ที่เอามากองไว้ นิดๆ หน่อยๆ ให้ไม่มีแมลงมารบกวนเวลาอันสุทรีย์ของฉัน
..................
ดูอาสิษาเล่นเป็นเด็กๆ อวภาส์ยืนมองอาคิราที่นอนเล่นอยู่ใต้ต้นมะม่วงอย่างสบายอารมณ์
เราว่าน้องของภาน่ารักดีออกนะ แสงอุษาเปรยๆ และยืนขึ้นมองอาคิราจากหน้าตางบานเดียวกัน
น่ารักนะน่ารักหรอก แต่บางทีก็เซี้ยวจนฉุดไม่อยู่ อาเค้ามีโลกส่วนตัวของเค้าเองบางที่เราก็เข้าไปยุ่งมากไม่ได้ จะว่าไปอาก็เป็นน้องที่ดีนะษาถึงแม้ว่าจะดื้อไปหน่อยแต่ก็ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายอะไร อวภาส์ถอนหายใจ
แล้วษาจะย้ายไปเรียนเชียงใหม่ปีหน้าเลยเหรอ อวภาส์หันไปมองหน้าแสงอุษาที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน
อืมใช่เราคงต้องไปเพราะพ่อบอกให้ไป ทำไงได้เราเป็นลูก แต่ก็อย่างว่าโรงเรียนนั้นสอบเข้ายากจะตายไปภาก็รู้ แสงอุษาถอนหายใจอย่างหนักหน่วงกับเรื่องที่เธอจะต้องเผชิญในอนาคต
เราว่าษาทำได้นะเราเชื่อว่าษาต้องสอบเข้าไปเรียนได้แน่ๆ เราเป็นกำลังใจให้ อวภาส์ส่งรอยยิ้มที่จริงใจให้กับเพื่อนคนละห้องแต่มีใจรักอาคราเหมือนกันถึงแม้จะคนละฐานะก็ตามที
แต่เราไม่อยากสอบได้เลยนะภาเราอยากเรียนที่นี่เราไม่อยากไปจากที่นี่ แสงอุษาตอบด้วยสีหน้าที่เศร้ามากๆ จนอวภาส์ที่ยืนอยู่ข้างๆ สัมผัสได้
ลองถามตัวเองให้ดีๆ ก่อนแล้วกันษาว่าที่ตัวอยากอยู่ที่นี่เพราะสาเหตุไหน ถ้าเพราะว่าตัวอยากอยู่เพราะอา ตัวตัดประเด็นนี่ไปได้เลย ถ้าอารักตัวจริงๆ ต่อให้อยู่ที่ไหนอาก็รัก และถ้าหากว่าอาจะไม่รักตัว ต่อให้ตัวนอนอยู่กับอาทุกวันอาก็ไม่รัก และไปจากตัวได้ง่ายๆ เหมือนกัน อนาคตเป็นของตัว ตัวเลือกเองก็แล้วกันษา อวภาส์คิดว่าไม่มีอะไรที่เธอจะทำให้เพื่อนคนนี้ได้มากไปกว่าการให้กำลังใจ
ก็จริงของตัวนะภาต่อให้อยู่ไกลแสนไกลหากยังรักกันก็เหมือนอยู่ใกล้กัน ต่อให้ใกล้แสนใกล้หากไม่รักกันก็เหมือนไกลแสนไกล เหมือนเรารักแม่เราไงเค้าอยู่ไกลเราแต่เราก็รัก แต่กับพ่อใกล้เรามากว่าแม่แต่เราไม่มีความรู้สึกว่ารักพ่อมากเท่าแม่เลย
อืมไม่ต้องคิดมาหรอกษา นี่เบื่ออ่านหนังสือหรือยังเราไปป่วนไอ้ลิงตัวแสบกันไม๊ ท่าทางน่าเล่นนะเต็นท์ใต้ต้นไม้ อวภาส์จับมือของแสงอุษาและจูงมือให้เดินออกมาจากห้องด้วยกัน
ไปสิ เราก็รู้สึกเบื่อๆ แล้วเหมือนกัน แสงอุษาตอบตกลงอย่างง่ายดายและตามอวภาส์ไปที่อาคิรานอนเล่นอยู่เพียงคนเดียว
...............
เจ้านายมีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุกต๊อดๆๆๆ เสียงของอาคิราดังออกมาจากเต็นท์ผ้าใบ
จัดการผู้บุกรุกได้เลย เสียงอาคิราที่เปลี่ยนไปร้องสั่งเหมือนกับกำลังเล่นกับใครอีกหลายๆ คนทั้งๆ ที่เล่นอยู่คนเดียว
ฉับพลันนั้นเอง ลูกกระสุนใบไม้ที่ถูกปั้นให้เป็นก้อนเล็กๆ ก็ระดมยิงมาที่แสงอุษาและอวภาสืไม่ขาดระยะ
ยอมแพ้แล้วท่านเจ้าเมืองเราขอเข้าไปหลบภัยในเมืองของท่าได้หรือไม่ อวภาส์ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ให้กับอาคิรา
แล้วผู้ติดตามของเจ้าหล่ะยอมแพ้เราด้วยหรือไม่ เสียงในเต็นท์ดังออกมาถามแสงอุษา
แสงอุษายกมือขึ้นตามอวภาส์และพูดว่า ยอมค่ะท่านเราสองคนยอมแพ้ท่านเจ้าเมืองข้างนอนนี้มันช่างร้อนนักท่านเจ้าเมืองให้เราสองคนเข้าไปข้างในเมืองของท่านจะได้หรือไม่
ไม่ได้พวกเจ้าต้องมีเสบียงกรังพกติดตัวมาด้วยไม่อย่างนั้นเสบียงของเราจะไม่พอยาไส้ เอ๊ยไม่ใช่ ไม่พอเพียงกับพลเมืองในบ้านเมืองของเรา เจ้าเมืองอาคิราส่งข้อแม้ออกไป
ได้ๆ ท่านเราจะไปนำเสบียงมาให้ท่าน ณ.บัดนาว
แสงอุษายืนยิ้มกับการต่อรองของสองพี่น้องแล้วก็เดินตามอวภาส์ไปหยิบขนมและน้ำอีกหลายๆ อย่างใส่ตะกร้า
ทั้งสองคนกลับมาอีกครั้งและทำท่ายกมือยอมแพ้เช่นเดิม
ท่านเจ้าเมืองเรากลับมาแล้วพร้อมเสบียง อวภาส์ส่งเสียงบอกกับคนที่อยู่ในเต็นท์
ได้เจ้าเอาเสบียงของเจ้าวางไว้ที่หน้าเมืองของข้าก่อนแล้วถอยหลังออกไป อย่าตุกติกนะไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีทางได้เข้ามาในเมืองนี้เด็ดขาด นี่เจ้าออกไปดูสิว่าสองคนนั้นมาดีหรือมาร้าย อิคราทำเสียงดุๆ เหมือนสั่งการใครสักคน
ครับท่านเจ้าเมือง อาคิราเปลี่ยนเป็นเสียงเล็กเสียงน้อยพูดกับตัวเอง และสักพักอาคิราก็เดินออกมาหยิบตะกร้าที่วางอยู่ด้านหน้า และผลุบกลับเข้าไปด้านในเต็นท์อย่างรวดเร็ว
นี่ครับท่านเจ้าเมือง อาคิราทำเสียงเล็กเสียงน้อย
ดีมากไอ้ลูกน้อง เจ้าสองคนเข้ามาได้ อาคิราทำเสียงใหญ่ๆ อีกครั้ง
อวภาส์และแสงอุษาเข้ามาในเต็นท์ของอาคิราและนั่งลงบนเสื่อ
ท่านเจ้าเมืองข้าน้อยกับเพื่อนขอมาพักพิงกัยท่านเจ้าเมืองสักชั่วระยะถ้าท่านเจ้าเมืองอนุญาต อวภาส์เอ่ยขึ้นก่อน
ได้แล้วเจ้าสองคนก็มีหน้าที่หาอาหารมาให้ข้าก็แล้วกัน
เจ้าค่ะท่านเราสองคนจะจัดหารเสบียงมาให้ท่านไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย อวภาส์ส่งสายตาให้กับแสงอุษา
นั่นๆ พวกเจ้าจะมาตีเมืองข้าใช่หรือไม่ ใครส่งเจ้ามาเป็นไส้ศึกบอกมาดีๆ นะ อาคิราทำเสียงขู่ในลำคอ
ไม่นะเจ้าคะท่านเรามาด้วยมิตรไมตรีมิได้คิดจะมาเป็นไส้ศึกท่านแต่อย่างใด ท่านเจ้าเมืองสบายใจได้
จากนั้นอวภาส์ก็หยิบขนมขึ้นมาป้อนอาคิราโดยที่ข้างซ้ายของอาคิราคืออวภาส์ และด้านขวาเป็นแสงอุษา ต่างคนต่างผลัดกันป้อนจนเต็มปากของอาคิราไปหมด
แสงอุษาป้อนขนมให้อาคิราแต่อาคิราปฏิเสธเพราะยังเต็มปากอยู่
ไม่ได้นะเจ้าคะท่านเจ้าเมืองท่านจะลำเอียงกินแต่ของนางคนเดียวมิได้ท่านต้องกินของข้าด้วยไม่อย่างนั้นข้าจะไปผูกคอตายใต้ต้นถั่วงอกด้วยเส้นขนมจีน แสงอุษาแกล้งงอน
แต่ตอนนี้อาคิราไม่มีความสามารถในการต่อล้อต่อเถียงเพราะในปากเต็มไปด้วยขนม
อ่าอาเอ๊ะอานเอาอาอินไอ้อดเอย (อย่าทะเรากันเราจะกินให้หมดเลย)
อาคิราทำท่าผะอืดผะอมอย่างเห็นได้ชัดเพราะตอนนี้ท้องของเธอเต็มไปด้วยผลไม้และขนม จนแสงอุษาและอวภาส์หัวเราะกับท่าทางของอาคิราไปพร้อมๆ กัน
สมน้ำหน้าเจ้าเมืองชูชกตะกละนัก กินเข้าไปได้ ไม่ตายก็บุญแล้ว อวภาส์พูดไปหัวเราะไป
อาคิรารู้แล้วว่าเวลาชูชกตายเพราะกินเยอะจนท้องแตกตายเป็นเช่นไร
และต่อไปนี้อาคิราจะไม่กินอะไรเยอะแยะมากมายแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
อาคิราไม่อยากตายแบบชูชกจริงๆ นะ
สิบอกให่
..... จบบที่ ๑๕ .....
Create Date : 31 พฤษภาคม 2551 | | |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2551 4:11:58 น. |
Counter : 425 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
ปทุมธานี Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|