|
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุี่่งในดวงใจ บทที่ ๑๖ ๖.๓๕ น. ความในใจของพี่ภาสุดสวย
บทที่ ๑๖ ๖.๓๕ น. ความในใจของพี่ภาสุดสวย
ฉันอวภาส์พี่สาวคนเดียวของแม่ลิงตัวแสบประจำบ้านค่ะ ฉันมีน้องคนเดียวแก่นแก้วจนฉันทนไม่ไหว จะว่าแม่ตัวแสบไร้สมองก็ไม่ได้แน่ๆ เพราะเธอช่างสรรหาเรื่องมาให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
แม่ตัวแสบของฉันชอบเล่นอะไรที่ผู้คนไม่เล่น หญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง ตอนเล็กๆ ก็ดูจะเป็นเด็กน่ารัก พี่อย่างฉันพูดอะไรก็เชื่อฟังอยู่หรอกคะ
แต่พอโตขึ้นนี่ฉันอยากจะจับกระดูกมาหักจิ้มน้ำพริกกะปิแทนกระถินริมรั้วจริงๆ นะคะ
ฉันชวนเล่นหม้อข้าวหม้อแกงเธอก็ไม่เล่นหาว่าฉันปัญญาอ่อน ฉันชวนเล่นตุ๊กตาก็ว่าฉันไร้สมองความคิดไม่พัฒนา
ทีตัวเองเล่นเป็นพระปิ่นทองงี้ เล่นเป็นติงลี่งี้ ฉันยังไม่เคยว่าอะไรเลย ยอมเล่นด้วยทุกครั้ง
มีอยู่ครั้งนึงค่ะแม่ตัวแสบไม่ยอมเล่นตุ๊กตากับฉัน บอกว่าปัญญานิ่มเล่นอยู่ได้ไอ้ตุ๊กตากระดาษโลกเค้าพัฒนาไปไหนต่อไหนแล้ว คุณเธอนะเหรอจับตุ๊กตาฉันไปฉีกทิ้งคะ ฉันอุตส่าห์ขโมยหนังสือสมุดโทรศัพท์เล่มเหลืองของแม่มาทำเป็นที่อยู่ของตุ๊กตา
ฉันวาดเองกับมือเลยนะฝีมือของฉันด้านวาดรูปถึงไม่เก่งแต่ก็ไม่เป็นรองใคร ทั้งแคนดี้ไวท์อันโดเรสุดสวย ทั้งมายะนักแสดงที่ฉันชอบ บางตัวฉันก็ไปตัดหน้าของดาราจีนที่ฉันโปรดมาแป๊ะที่กระดาษแล้วก็วาดรูปหุ่นลงไป สวยนะจ๊ะขอบอกไว้
ก็กว่าจะได้หน้าตุ๊กตาที่เท่าๆ กันกับหุ่นที่ฉันวาดมันหาได้ง่ายๆ ที่ไหกัน จะถ่ายรูปหันหน้าตรงๆ ก็ไม่ได้ ต้องเอียงข้างนั้นนิด ข้างนี้หน่อย
แต่แม่ตัวแสบกลับฉีกตุ๊กตากระดาษของฉันทิ้งเสียหายย่อยยับไม่มีชิ้นดี ฉันร้องไห้ไปหลายวัน ดีนะที่แม่เข้าข้างฉัน แม่ตีเจ้าแสบไปหลายที ดูไปแล้วก็น่าสงสาร
ครั้นจะบอกแม่ว่าเดี๋ยวฉันวาดใหม่ก็ได้ แต่แม่ก็ลงไม้ไปเรียบร้อยแล้ว จะสมน้ำหน้าหรือสงสารก็บอกไม่ถูกคะ
หลายวันถัดมาฉันมาเปิดสมุดหน้าเหลืองจะเอาตุ๊กตามาซ่อม แต่มันกลับถูกซ่อมไปเรียบร้อยแล้ว ฉันหันไปมองหน้าแม่ตัวแสบเป็นอันรู้กันว่าเธอซ่อมให้ฉันเรียบร้อยแล้ว จะบอกว่าไม่ต้องมาซ่อมได้ไหม ฝีมือทางด้านนี้ของแม่ตัวแสบไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
ปะก็ปุๆ กระโดกไปกระเดกมา ไม่แนบไม่เนียน แบบนี้ฉันทำเองดีกว่าเสียแรงสองต่อ นินทาน้องตัวเองนี่สนุกมากๆ เลยนะคะ ก็จะให้ไปนินทาใครได้หละคะฉันมีน้องคนเดียวก็ต้องนินทาน้องเป็นธรรมดา
สมัยเมื่อแม่ลิงหัดจะรีดผ้าใหม่ๆ ฉันหละนั่งขำ ครูคงไปสอนเธอว่าให้ลงแป้งที่กระโปรงกลีบจะได้แข็งๆ
แม่ลิงของฉันเธอทำอะไรรู้หรือเปล่า เดาไม่ถูกหละสิคะ จะนินทาเอ๊ยไม่ใช่จะเล่าให้ฟังคะ
เธอเอาแป้งมาโรยไปที่กระโปรงลงเลอะเทอะไปหมด แป้งที่ว่านี่ก็คือแป้งฝุ่นโรยตัว
โอ๊ย !!!
ฉันหละจะบ้าตาย แม่อาคิราคนเก่งสมองอิคคิวคิดไปได้ไงนี่
จนแม่กับฉันเดินมาเห็นเข้าแม่เลยถามเธอว่า
อาทำอะไรลูก
แม่ตัวแสบตอบหน้าตาเฉยว่า
ลงแป้งกระโปรงคะแม่ครูสอนอามาว่าลงแป้งที่กระโปรงแล้วกระโปรงจะกลีบคมกริบไม่กระดก
แม่กับฉันมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ก่อนที่แม่จะสอนแม่ลิงไปว่า
อาจ๋านี่ลูกรู้หรือเปล่าว่าที่อาทำนะมันผิดนะลูก
ผิดตรงไหนอะคะแม่ก็ครูสอนอาว่าลงแป้งแล้วกระโปรงจะเป็นกลีบสวยๆ จริงๆ นะคะแม่ แม่ลิงยังทำหน้ามีเครื่องหมายคำถามและยืนยันหนักแน่นกับความคิดของตัวเอง
ใช่จ๊ะอาที่อาบอกนะมันก็จริงอย่างที่ครูพูด แต่ที่อาทำมันไม่ได้ทำแบบที่ครูบอกนี่ลูก แม่พยายามจะอธิบาย
นี่อะไรคะแม่ แม่ลิงหยิบกระป๋องแป้งขึ้นมาถามแม่ทันที
แป้งไงถามทำไม แม่ตอบพร้อมกับหัวเราะ
ก็แป้งไงแม่อาก็เอาแป้งมาลงแบบนี้ ว่าแล้วแม่ลิงก็โรยแป้งลงบนกระโปรงอีกครั้ง
นี่อะแม่ลงแป้ง แต่อาว่าครูต้องโกหกแน่ๆ เลยอะแม่อารีดตั้งนานกระโปรงมันยังไม่เห็นเรียบเลยแม่ แม่แสบยังคงยืนกรานในหลักการเป็นมั่นเป็นเหมาะ
จะให้มันเรียบได้ไงลูกก็แป้งที่อาใช้มันไม่ใช่แป้งที่เค้าใช้ลงแบบที่ครูบอก อาต้องเอาแป้งมันผสมกับน้ำไม่ต้องมากนะน้ำเปล่าธรรมดานี่แหละ แล้วก็คนให้แป้งมันละลายไม่ให้เป็นก้อนแล้วเอาไปตั้งเตา ใช้ไฟอ่อนๆ แล้วต้องคอยกวนไม่ให้เป็นก้อน พอแป้งมันใสสุกแล้วเอาขึ้นมา ไปผสมน้ำเย็น แล้วค่อยเอากระโปรงลงไปแช่ สักพักให้ทั่ว จากนั้นก็เอาไปตากจนแห้ง เวลาจะรีดก็พรมน้ำให้ทั่ว แล้วม้วนไว้ให้ผ้ากระโปรงมันชุ่ม เวลารีดจะได้ไม่เป็นด่างๆ เพราะกว่าจะรีดเสร็จมันอาจจะด่างไปก่อนแล้วอาต้องให้กระโปรงชื้นๆ ไว้ แม่อธิบายอย่างละเอียดกับแม่ลิงของฉัน
ทำไมมันยุ่งยากงี้หละคะแม่งั้นอาไม่ทำแล้ว แม่ลิงล้มเลิกความตั้งใจไปในทันที
อ้าวเลิกง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอไม่ลงแป้งต่อหละ ฉันต้องแซวซะหน่อยแล้ว
ไม่เอาแล้วพี่ภาอารีดแบบเดิมดีกว่าสบายกว่ากันเยอะเลย แม่แสบตอบฉัน
แต่แม่ว่าตอนนี้อาต้องเอากระโปรงของอาไปซักใหม่ได้แล้วลูกแป้งเลอะขนาดนี้เอาไปใส่ไม่ได้แล้ว แม่ลิงทำหน้ามุ่ยเดินเอากระโปรงไปสะบัด แล้วก็เอาไปซักใหม่
สรุปว่ากระโปรตัวนั้นต้องซักสองรอบความผิดใครหละคะถ้าไม่ใช่เพราะแม่ลิงตะแบงจะลงแป้งกระโปรงนักเรียน
ฉันอยากจะขำให้โลกระเบิดแต่ก็ทำได้แค่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ แม่เท่านั้น
............
ยังจบเท่านั้นนะคะแม่ลิงยังมีอีกหลายเรื่องที่สำคัญก็เรื่องชอบเล่นเป็นจอมยุทธ์ในหนังกำลังภายในนั่นหละคะ
จะว่าไปแม่ลิงมีความสามารถในการจดจำเพลงในหนังจีนได้อย่างแม่นยำ เรื่องไหนเธอชื่นชอบเธอฟังไปสองสามรอบร้องได้เหมือนเป๊ะ
อยู่ๆ วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนแม่ลิงไปตัดใบกล้วยมาเล่น เอาก้านกล้วยมาทำเป็นกระบี่ เธอบอกว่าเธอคือฮุ้นโปยเอี้ยง ให้ฉันเป็นแม่นางโป่วเฮียงกุน แล้วยังสมมุติอากาศเป็นโต๊กโตบ้อเต๊ก ให้เธอเอาวิชาไหมฟ้ามาปราบมาร ให้ต้นกล้วยเป็นนางมารชมภู ฟาดฟันกันเข้าไป ปากก็ร้องเพลงประจำเรื่องไปด้วย หึหึ
โต่วจี่โจ่ยซานโป โก้วชวีเหม่ยซวีนโกว เหม่งหว่านโจ่ยหลานซิว งัมซีฉี่นโมวโลว เฝ่าหวั่นเหย่าซันปีนฝักเชิ้กเก๋งโกว งอโก้วซีฟูดโป่ว อ้าแม่นางโป่วเฮียงกุน เจ้านี่ไม่มาร้องเพลงร่ายรำไปกับข้าดอกรึ
ไม่หละท่านไชโป๊ว เราไม่อยากไปขัดความสำราญของท่าน
นี่พี่ภา เค้าเป็นโปยเอี้ยวไม่ใช่ไชโป๊วเรียกให้ถูกๆ หน่อยดิ
ก็พี่จำได้ว่าชื่ออะไรโป๊ๆๆ นี่นะจะบอกชื่อก็ไม่บอกใครจะไปตรัสรู้ได้หละ ฉันก็ต้องเถียงบ้างเป็นธรรมดาของคนที่เกิดก่อนและคนตามมาที่หลังเรียกว่าพี่
ฉะนั้นพี่ทำอะไรย่อมไม่ผิดเสมอ
ไม่ล่งไม่เล่นแล้วพี่ภานี่เชยก็เชยไม่ทันสมัยกับใครเค้าเลย จากนั้นแม่ลิงก็ปลีกวิเวกไปเล่นคนเดียวกับต้นกล้วยต้นไม้ไปตามเรื่องส่วนฉันก็เข้าไปอ่านหนังสือการ์ตูนดีกว่าเพราะสบายใจกว่าการมาเล่นเหงื่อไหลไคลย้อยกับแม่ลิงประจำบ้านเป็นไหนๆ
แล้วเรื่องก็เกิดอีกจนได้ เพราะท่านฮุ้นโปยเอี้ยงขณะฝึกวิชาไหมฟ้าได้มาขโมยผ้าตัดเสื้อชุดใหม่ของแม่ไปพันร่างกายจนเปื้อนดินเปื้อนยางกล้วยไปหมดทั้งผืน
เมื่อแม่มาเห็นเข้าลิงของฉันก็โดนตีไปหลายยก ร้องไห้ลั่นบ้านจนพ่อจะต้องมาช่วยไว้ แม่บอกว่าลิงต้องโดนตัดค่าขนมจนกว่าจะครบค่าผ้าของแม่ที่ซื้อมาเป็นการทำโทษ
ฉันอยากจะบอกแม่ว่าแม่อย่าไปตัดค่าขนมของไอ้แสบเลยนะ เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดในการตัดค่าขนมไม่ใช่ไอ้ลิง
แต่เป็นหูนนะแม่จ๋า
ทำไมนะเหรอคะก็ไอ้ลิงตัวนั้นเวลาอยากกินอะไรก็จะมาบอกฉันว่า
พี่ภากินนี่สิอร่อยน้าอาชอบ แล้วก็สั่งแม่ค้าหน้าตาเฉยแต่พอจะจ่ายตังกลับไม่มีเงินจ่าย
พี่ภาจ่ายสิอาไม่มีตัง ดูสิคะ ไอ้ลิงยักษ์ทำฉันเข้าแล้ว
ไหงงั้นหละอาอาสั่งอาก็จ่ายสิพี่ไปเกี่ยวไรด้วย ฉันแย้งเพราะฉันเองก็อยากกินขนมอื่นเหมือนกันแต่งเงินที่มีอยู่ก็ไม่พอจะได้กิน
ก็อาไม่มีตังนี่แม่ตัดงบอาไปหมดแล้ว พอรับของไปจากมือแม่ค้าก็เดินหายไปหน้าตาเฉยพร้อมกับขนมในมือที่จ่ายไปด้วยนเงินของฉัน
มันน่าตบสักฉาดและกระทืบซ้ำไหมหละนี่ (อุ้ยเสียภาพพจน์คนสาวอย่างอวภาส์หมดพอดี ทำลืมๆ ไปเถอะนะคะคุณๆ)
ความซวยมาเยือนฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งแต่กลับต้องเอากระดูกชิ้นโตของไอ้ลิงยักษ์มาแขวนคอ
ทำไมนะเกิดเป็นพี่ถึงได้ซวยแบบนี้อวภาส์
เมื่อตอนที่ไอ้ลิงแสบไปเข้าค่ายเนตรนารีหุงข้าวองคุลีแบบผิดๆ เอามาเล่าให้ฉันกับแม่ฟัง เรานั่งหัวเราะกันจนปวดท้องอีกครั้ง
ก็จริงนี่แม่ตุบอกว่าท่วมข้อมือนะ แม่ลิงยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
องคุลีนะลูกก็คือข้อนิ้ว ท่วมหนึ่งองคุลีก็คือถ่วมหนึ่งข้อนิ้วไงลูก อาจำเรื่ององคุลีมารที่แม่เคยเล่าให้ฟังได้หรือเปล่า
จำได้คะแม่
นั่นแหละองคุลีมารที่ได้ชื่อนั้นมาก็เพราะว่าเค้าจะตัดนิ้วคนที่เค้าฆ่ามาหนึ่งองคุลีแล้วเอามาแขวนคอตัวเองไว้
อ่อเข้าใจแล้วแม่อาเข้าใจแล้ว
กว่าจะถึงบางอ้อฉันว่าเพื่อนๆ ของอาคิราคงกินข้าวแฉะจนปวดท้องไปแล้วมั๊ง
ไม่รู้สิเป็นฉันไม่กล้ากินอะไรที่เป็นฝีมือของอาคิราแน่ๆ
เพราะฉันกลัวท้องเสียมากกว่ากลัวอดตาย
.............
พ่อมักพูดกับฉันเสมอว่าน้องฉลาด ฉันก็ว่าใช่ค่ะ น้องฉลาดมาก(แอบประชด) ไม่ฉลาดได้ไงหละคะ เรื่องเอาเปรียบพี่หละที่หนึ่งในบ้าน
งานอะไรหนักๆ นี่ฉันทั้งนั้น ซักผ้านี่ซักด้วยกันคะ ของใครของมันแต่พอเวลารีดฉันกลับต้องเป็นคนรีดเองเพราะเธอมักจะชอบทำผ้าไหม้เป็นประจำ และไม่เคยเล๊ยที่จะอับอายขายขี้หน้าประชาชี ใส่ไปได้กระโปรงขาดเป็นรูโหว่เพราะเตารีด
คนที่อายฉันนี่แหละคะอายจนแทบแทกแผ่นดินหนี เพราะเพื่อนๆ จะถามฉันว่า
ภาน้องเธอกระโปรงไปโดนอะไรมาเป็นรูโหว่เลย
ฉันมองไปที่แม่แสบที่ยืนโชว์ก้นมาทางฉันแถมยังเล่นเพลงชาติอยู่หน้าเสาธงอย่างไม่สนใจสายตาของใครๆ เมื่อเห็นกระโปรงแม่แสบฉันแทบสลบ รูไม่ได้เล็กๆ เลยคะเท่าฝ่ามือ แม่อาคิรายังใส่มาโรงเรียนได้ ช่างไม่อายฟ้าดิน
จนสุดท้ายแม่ต้องเอาผ้ากระโปรงตัวเก่ามาปะให้ อาคิรายังบอกใครๆ ว่าเธอเป็นอังชิกกงผู้เฒ่าพรรคกระยาจกในหนังเรื่องมังกรหยกไปซะงั้น แถมยังภูมิใจว่ามีเธอคนเดียวที่ได้ใส่กระโปรงนำสมัย เพราะเพื่อนๆ ไม่มีใครกล้าที่จะใส่ได้แบบเธอ
จะภูมิใจไปทำไมนักหนานะ ฉันหละอ๊ายอายแทนนะแม่คุ๊ณ
จะว่าไปอาก็ไม่ได้เป็นคนสกปรกอะไรหรอกนะคะ เธอรักความสะอาดมากๆ โดยเฉพาะกับตัวเธอเองอาบน้ำวันละหลายๆ รอบ ฉันจะชอบแซวว่าระวังเนื้อเปื่อย พ่อบอกว่าพ่ออยากกินอยู่พอดีเนื้อเปื่อยๆ กินง่ายดี ไม่ต้องเคี้ยว ยิ่งเนื้อเด็กตุ๋นจนเปื่อย เอาเข้าปากแล้วละลายเลยไม่ต้องเคี้ยวกลืนคล่องคอดี
นอกเรื่องซะแล้ว มาต่อกันเรื่องแม่แสบชอบเอาเปรียบกันดีกว่า เวลากวาดบ้านถูบ้าน ฉันมีหน้าที่กวาดบ้านจนเรียบร้อย แต่พอเวลาถูซึ่งเป็นหน้าที่ของแม่อาคิราตัวแสบกลับจะให้ฉันถูด้วย มาอ้างว่าถูคนเดียวไม่ไหวอีกแล้ว
เวลาทำกับข้าวแม่ให้ปลอกกระเทียมหอมแดง ตำน้ำพริกอย่าว่าแต่จะใช้เลยคะหาศีรษะไม่เคยเห็น แต่พอเวลากินมาถึงก่อนใครในบ้าน แอบกินข้าวก่อนคนทำที่กำลังอาบน้ำ มันน่าไหมหละนี่
มีน้องกับเค้าทั้งคนกลับเป็นลิงเป็นค่าง บ่างชะนี ดีนะไม่ร้องหาสามีเพราะเห็นว่าจะมาชอบหญิงด้วยกันเองซะแล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นปัฯหาหนักอกของฉันจริงๆ คะ เหมือนน้ำท่วมปากเล่าให้แม่กับพ่อฟังก็ไม่ได้ เพราะกลัวน้องจะโดนตี
จะไม่เล่าก็ไม่ได้กลัวน้องจะเดินหลงทาง
จะมีใครเชื่อฉันไหมว่าเมื่อวันที่แสงอุษามาบอกกับฉันว่าเธอชอบน้องของฉันไม่ได้ชอบแบบพี่น้องแต่ชอบแบบแฟน ฉันแทบจะฉุดน้องตัวเองกลับบ้านอยากจะบอกพ่อว่า
พ่อจ๋าเอาน้องออกจากโรงเรียนนี้เถอะก่อนที่จะบานปลายไปมากว่านี้
แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันทำหน้าที่พี่ได้แค่ยืนมองความเป็นไปของคนสองคนอยู่ห่างๆ คอยดูไม่ให้น้องทำอะไรที่แปลกๆ
จะว่าไปอาคิราก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบหรือไม่ชอบแสงอุษาเพื่อนของฉันออกมาอย่างโจ่งแจ้ง บางครั้งฉันก็คิดไปว่าฉันอาจจะคิดมากเกินไป จะให้ไม่คิดได้อย่างไรกัน
เพื่อนของฉันกรีดข้อมือตัวเองเพราะแฟนเธอไปมีคนรักใหม่ ฉันว่าในวัยของพวกเรายังไม่พร้อมที่จะริมีความรักกับใมครเขาหรอคะ ฉันอาจจะแก่เกินตัวหรืออาจจะคิดมากเกินไป แต่กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าปล่อยจนแย่แล้วจะแก้ไม่ทัน
เมื่อตอนที่อาคิรามาบอกฉันว่าเพื่อนของเธอท้องกับเด็กนักเรียนชายรั้วติดกัน ฉันอดใจหายไม่ได้ และแอบคิดเข้าข้างน้องว่า ดีนะที่น้องฉันมีแฟนเป็นผู้หญิงจะได้ไม่ท้องแบบเดียวกันกับหงส์หยกเพื่อนของเธอ
แต่สิ่งที่ฉันหนักใจก็คือ พ่อกับแม่จะรับได้หรือเปล่าหากรู้ว่าน้องชอบเพศเดียวกัน
..................
ฉันรู้ว่าเด็กอย่างเราต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และอยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกเรื่องเหมือนตาบอดคลำช้าง จับงวงช้างก็คิดว่าเป็นเหมือนเสาบ้าน จับหาช้างก็คิดว่าเป็นเหมือนแส้ จับตัวช้างก็คิดว่าช้างเหมือนผนัง สิ่งที่เด็กอย่างฉันต้องเรียนรู้ก็คือต้องมองช้างอย่างคนตาไม่บอดให้รู้ว่านี่คือช้าง
ตอนอยู่มอหนี่งพวกฉันทุกคนต้องเรียนเรื่องทาร์ในบุหรี่ว่ามันมีพิษสงแค่ไหน เอาบุหรี่มาจุดแล้วก็พ่นออกมาบนกระดาษชำระให้รู้ว่าสารทาร์มันจะออกมากับควันบุหรี่เป็นสีน้ำตาลติอยู่ที่นั่น
อาคิราเอากลับมาที่บ้านและแอบสูบในห้องน้ำ กลิ่นตลบอบอวลไปทั้งบ้าน แม่กับฉันนั่งมองหน้ากันและส่ายหน้าไปมา พ่อบอกว่าอย่าไปห้ามให้อารู้เอง
ฉันได้ยินเสียงไอค๊อกๆ แค๊กๆ ในห้องน้ำและท่าทางการเดินของอาคิราที่ดูเหมือนจะมึนๆ ออกมาจากห้องน้ำ ก็รู้แล้วว่าเธอคงจะไม่คิดริลองที่จะสูบอีกต่อไป
จริงอย่างที่พ่อบอกน้องมีความคิดและคิดได้ด้วยตัวเอง ฉันก็ยินดีที่น้องรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี คืนนั้นอาคิราพูดกับฉันว่า
พี่ภาบุหรี่นี่ไม่ดีเลยนะมันไม่เห็นจะอร่อยเลย
เราเคยสูบเหรอ ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเพื่อล้วงความลับจากอาคิรา
อืมเมื่อกลางวันครูเอามาสอนอากับณีแอบขโมยมาคนละตัว
อย่าบอกนะว่าไปแอบสูบมา ฉันแกล้งถาม
ใช่พี่เมื่อตอนเย็นอาแอบสูบในห้องน้ำสำลักแทบตายไม่รู้ว่าคนที่เค้าสูบกันทำไมเค้าโง่กันจังเลยนะเอาสารพิษเข้าร่างกายอยู่ได้ไม่อร่อยแถมยังเหม็นอีกด้วย นี่กลิ่นยังติดจมูกอาอยู่เลยพี่แปรงฟันเท่าไหร่ก็ไม่หาย อาคิราสารภาพกับฉันตามตรง จะว่าไปน้องก็ไม่ได้ทำตัวเลวร้ายอะไรมากนักเพียงแต่น้องต้องการเรียนรู้เท่านั้นเอง
.......................
ตั้งแต่น้องคบกับแสงอุษาน้องก็มีการเรียนที่ดีขึ้น ฉันเห็นน้องตั้งใจเรียนมากว่าเดิมไม่เล่นเหมือนอย่างที่เคยเป็น
ฉันรู้มาว่าแสงอุษาเอาตุ๊กตาตัวโตมาล่อให้อาคิราสอบได้เกรดดีๆ เพื่อที่จะเอามาแลกกับตุ๊กตา ดีนะที่พี่ตัวเองเคี่ยวเข็ญอย่างไรก็ไม่ทำตามแต่พอแฟนบอกเท่านั้นตั้งหน้าตั้งตาทำไม่คิดบ่ายเบี่ยง
วันที่พ่อรู้ว่าน้องได้ใบประกาศว่าเป้นนักดนตรีดีเด่นพ่อดูท่าทางดีใจมากๆ ดีใจมากกว่าฉันที่ได้ใบประกาศเรียนดีด้วยซ้ำไป
พ่อบอกว่าดีแล้วที่น้องหาทางเดินของตัวเองถูกดนตรีบำบัดได้ทุกสิ่ง ทำให้คนจิตใจอ่อนโยนลง ให้น้องไปหมกมุ่นกับดนตรียังดีกว่าไปหมกมุ่นกับอย่างอื่น
ฉันเริ่มเห็ด้วยกับพ่อ เพราะตั้งแต่น้องเริ่มที่จะเล่นดนตรีน้องมีอารมณ์ดีมาตลอดไม่ค่อยจะมาแกล้งฉันเท่าไหร่ ไม่คอยมารบกวนเวลาส่วนตัวของฉันมากนัก น้องน่ารักมาขึ้นเริ่มมีความคิดที่จะช่วยเหลือตัวเอง เริ่มที่จะไม่เห็นแก่ตัวช่วยฉันทำงานบ้านเวลาที่แม่ไปตรวจงานที่ต่างจังหวัด
หาหนังสือมาอ่านกับฉันและจินตนาการว่าตัวน้องเป็นนางเอกละคร ฉันเห็นน้องอ่านข้างหลังภาพอยู่สองสามรอบบอกว่าน้องเป็นคุณหญิงกีรติ ฉันยังเคยแย้งเลยว่า
เป็นได้ไงอามีคนที่รักอาเยอะไปหมดไม่ได้ตายโดยปราศจากคนที่รักสักหน่อย
เอ๊าพี่ภาติ๊งต่างไงไม่เคยเหรอ ดูน้องย้อนฉันสิคะ
เคยแต่อาอยากเป็นคุณหญิงเหรอพี่อยากเป็นปริศนามากกว่าได้แต่งกับท่านชายพจน์
ก็จริงเน๊อะเศร้าไปหน่อยแต่ก็หนุกดี อาชอบนะพี่อาเห็นในหนังสือบางเล่มเค้าบอกว่าเรื่องนี้เป็นโศกาฏกรรมที่ดีเรื่องหนึ่งของไทยเลยนะ
อืมตามใจจะชอบก็ชอบไป พี่ไม่เอาด้วยหละนอนดีกว่า ฉันตัดบทและล้มตัวลงนอนก็ทำให้อาคิราต้องนอนตามไปด้วยเพราะเธอกลัวผียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
พูดถึงเรื่องกลัวอาคิราเป็นคนที่กลัวจิ้งจกมากที่สุดในโลก ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้กลัวอะไรนักหนา
มีอยู่วันหนึ่งจิ้งจกที่ไต่อยู่บนเพดานห้องนอนของเราหล่นตุ๊บลงมาบนที่นอนของอาคิรา เธอร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้านไปหมด จนพ่อกับแม่ต้องรีบวิ่งมาดูว่าเธอร้องอะไร
จิ้งจกเจ้าปัญหาก็คงจะยังมึนๆ ที่อยู่ๆ ก็หล่นตุ๊บลงมาไม่ยอมไปไหนยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนผ้าห่มของอาคิราพอพ่อจับหางมันขึ้นมาจะเอาไปทิ้งไห้ จิ้งจกเจ้ากรรมก็ดันสลัดหางทิ้งเอาดื้อๆ หางอยู่ในมือพ่อ ตัวหล่นลงบนผ้าห่มของอาคิราอีกครั้ง
คราวนี้อาคิราร้องไห้ดังลั่นไปหมด พ่อก็พยายามไล่จับจิ้งจกตัวนั้นให้ได้แต่ก็ไม่เป็นผล จิ้งจกตัวเดิมวิ่งผลุบหายไปในกองหนังสือรกๆ ของอาคิราไปแล้ว
คืนนั้นไม่เป็นอันนอนกันทั้งบ้านอาคิราไปนอนห้องพ่อกับแม่ ทิ้งฉันให้นอนคนเดียว ถามว่าฉันกลัวจิ้งจกหรือเปล่า
เปล่าหรอกคะฉันไม่ได้กลัว แต่ฉันเกรงใจมัน ถ้าคิดจะตกลงมาอย่ามาตกที่ฉันเลยนะ
เจ้าประคุ๊ณไปตกหาอาคิราโน่นเถอะ
................
อยู่ๆ วันหนึ่งฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าผมของตัวเองที่เคยยาวปรกหน้าผากของฉันมันหายไปทั้งแผง ฉันร้องไห้จนแม่นึกว่าฉันฝันร้าย แต่เมื่อแม่เห็นหน้าฉัน แม่กลับขำที่เห็นฉันหน้าเป็นกะลาครอบ
พอฉันบอกความจริงไป แม่ก็ไปจัดการกับเจ้าแสบของฉันจนอยู่หมัด แต่ครั้งนี้นานคะกว่าฉันจะยกโทษให้เพราะฉันต้องคิดกิ๊ปเปิดหน้าผากไปโรงเรียนอยู่หลายวัน
จนผมฉันยาวเกือบจะเท่าเดิมฉันถึงได้อภัยให้เธอ พูดถึงเรื่องตัดผมแล้วก็นึกถึงเมื่อตอนที่เจ้าแสบเรียกร้องให้แม่ตัดผมให้เพราะว่าเธอไม่ยอมสูง
เธอตัดสินใจให้แม่ตัดผมที่ยาวถึงเอวออกไปอย่างง่ายดาย เพราะแม่บอกว่าจะทำให้สูงขึ้นอาหารไม่ต้องไปเลี้ยงผม จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้แต่เมื่อเธอตัดผมเอะสูงขึ้นภายในเทอมเดียวถึงสี่เซ็น ถ้ารู้ว่าตัดผมแล้วสูงได้ขนาดนั้นฉันตัดไปแล้ว เพราะตอนนี้อาคิราสูงแซงหน้าฉันไปแล้ว
เวลาเดินไปไหนมาไหนใครๆ ก็จะคิดว่าฉันเป็นน้องจนแม่ต้องมารีบแก้ให้ว่าฉันเป็นพี่ จะว่าไปฉันออกจะภูมิใจนะที่ใครๆ เห็นฉันเป็นน้องของอาคิราเพราะนั่นแสดงว่าฉันหน้าเด็กกว่าเธอเยอะ แม่อิคคิวหน้าแก่ อิอิ
..................
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันไม่กล้าจะบอกกับน้องสาวคนเดียวของฉันก็คือ แสงอุษาต้องไปเรียนที่เชียงใหม่ ฉันกลัวจังเลยคะ กลัวว่าเธอจะเสียการเรียน กลัวเธอจะไม่มีกำลังใจเรียนอีกต่อไป
แสงอุษามานอนที่บ้านของเราจนเหมือนจะเป็นลูกของบ้านฉันไปแล้ว อาคิราให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับแสงอุษามากเป็นพิเศษ เมื่อก่อนเธอเคยมีเพื่อนสนิทที่ชื่อติวเขียนจดหมายถึงกันอยู่ประจำ เป็นอาจารย์น้อยกับตุ๊กตาน้อย แต่ตอนนี้จดหมายห่างหายไป ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะเธอสองคนเรียนหนักหรือว่าลืมๆ กันไปแล้วว่าต้องเขียนจดหมายหากัน
จะว่าไปทั้งอาและติวก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาของฉัน (ฉันแอบอ่านจดหมายบ้างบางฉบับเพื่อไม่ให้ตกข่าว) ฉันได้รู้ความลับของอาคิราก็เพราะจดหมายที่เขียนถึงติวนั่นแหละคะ
เมื่อมีแสงอุษาเข้ามาติวก็ตกกระป๋อง อาคิราทำตัวเป็นปาท่องโก๋ติดกับแสงอุษาจนฉันเองก็ไม่สามารถไปแยกเธอออกมาได้ บางครั้งฉันยังคิดว่าฉันเป็นส่วนเกินระหว่างอิครากับแสงอุษาเมื่อยามที่สองคนอยู่ด้วยกัน
แสงอุษาประพฤติตัวดีไม่ได้ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกอะไร ฉันเองเคยบอกเรื่องอาคิรากับแสงอุษาให้พ่อฟัง พ่อก็รับรู้แล้วก็ยิ้มกลับ
ไม่เป็นไรลูกปล่อยน้องไป แล้วน้องจะรู้เองว่าน้องจะทำอะไรเราไปบอกน้องตอนนี้ก็คงไม่ได้ จะเป็นการยุเสียมากกว่า
พ่อบอกฉันให้เฝ้าดูน้องอยู่ห่างๆ และฉันก็ทำตามพ่ออย่างว่าง่าย เพราะฉันรู้ดีว่าเมื่ออาคิราโมโหหรือไม่พอใจเธอจะรั้นได้มากมายขนาดไหน ทุกคนในบ้านรู้ดี
ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่มีใครแนะนำทางเดินให้ใครได้ถ้าคนๆ นั้นไม่เลือกที่จะเดินตาม
.................
อีกไม่กี่เดือนแสงอุษาก็ต้องจากไปเรียนที่เชียงใหม่แล้ว ตอนนี้ฉันกับแสงอุษายืนมองอาคิราที่เล่นสร้างบ้านอยู่คนเดียว
ฉันมองภาพน้องที่เล่นกับตัวเองอย่างสนุกสนานและมองแสงอุษาที่มองน้องของฉันอย่างชื่นชม สองคนนี้มีจิตใจที่ตรงกันฉันรับรู้ได้ เพราะฉันอยู่กับอาคิรามาตั้งแต่เล็กจนโต น้องไม่เคยปลื้มใครเท่ากับแสงอุษามาก่อน ยอมแม้กระทั่งอดขนมเพื่อที่จะไปถ่ายรูปของแสงอุษาเก็บไว้ดู
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนการอดขนมสำหรับน้องเป็นเรื่องที่ยากมากๆ และน้องก็ไม่ได้มาเบียดบังเอาค่าขนมของฉันไปใช้เหมือนที่เคยผ่านมา ฉันเองเสียอีกที่คอยถามน้องว่าจะกินขนมอะไรหรือเปล่าเพราะกลัวว่าจะผอมโซไปมากว่านี้
ตั้งแต่น้องสูงขึ้นดูน้องจะผอมลงไปเรื่อยๆ เป็นเพราะความสูงหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ทำให้ฉันเห็นว่าน้องผอมลง เพราะน้องบอกฉันว่าน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลเหมือนกัน
วันไหนที่แสงอุษาไม่มานอนที่บ้านน้องก็จะเอารูปของแสงอุษามานั่งมองแล้วก็ยิ้มกับรูปนั้น
ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้มากมายอย่างนี้เลยเหรอ
ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือนิยายว่าอานภาพของความรักบันดาลได้ทุกสิ่ง หรือแม้แต่ร้อยกรองบทหนึ่งในเรื่องมัธนภาธากล่าวไว้ว่า
"ความรักเหมือนโรคา...บันดาลตาให้มืดมน ไม่ยินและไม่ยล...อุปสรรคใดใด ความรักเหมือนโคถึก...ผิจะคึกจะขังไว้ ก็โลดก็แล่นไป...บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง"
ฉันไม่อยากให้น้องเป็นแบบนั้นเลย ฉันอยากให้ชีวิตของน้องสวยงามเหมือนดอกไม้แรกบานยามรุ่งอรุณ
ถึงตอนนี้ใครจะว่าอย่างไรฉันไม่สนขอเพียงแค่น้องมีความสุขฉันจะทำให้น้องได้ทุกสิ่ง
ฉันชวนให้แสงอุษาออกไปเล่นกับน้องที่บ้านกลางสวนหลังใหม่ ให้น้องได้ใช้จินตนาการของน้องไปเรื่อยๆ และฉันเองนี่แหละจะช่วยน้องสร้างฝันและจินตนาการของน้องให้สำเสร็จลุล่วงด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของพี่ที่รักน้องสุดหัวใจ
... จบบทที่ ๑๖ ...
Create Date : 31 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2551 4:12:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 310 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
ปทุมธานี Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|