It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : อรุณรุ่งในดวงใจ บทที่ ๓๓

บทที่ ๓๓ ๘.๐๐ น.

โรงเรียนเปิดแล้วฉันกลับไปหาเพื่อนๆ ที่ห้องอีกครั้งในวันลงทะเบียนเรียน เพื่อนๆ หลายๆ คน Entrance ติดลาออกไปเรียนบ้างไม่ลาออกไปเรียนบ้าง คงเหลือเพื่อนที่เรียนต่ออีกหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนสนิทของฉันนัยนา

ฉันไม่ได้หิ้วกระเป๋าอะไรมา มาแต่ตัวและชุดนักเรียน พร้อมกับการมายื่นใบลาออก และขอใบรบ.ที่ฉันจบแค่มอสี่ของโรงเรียนเท่านั้น

“อานี่เก่งนะทำได้ด้วยอา” นัยนาพุดกับฉันเมื่อฉันนั่งลงในห้องเรียนรอครูมาให้จ่ายเงินค่าลงทะเบียน

“ไม่หรอพี่ษาเก่งกว่านาก็เห็นว่าพี่ษาติวเรามากขนาดไหน” ฉันยกความดีให้กับพี่ษาคนดีของฉัน

“แล้วเรื่องพ่อพี่ษาเป็นไงบ้างอาไปถึงไหนแล้ว”

“เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปถึงไหน รู้แต่ว่าพ่อเรากำลังทำคดีอยู่”

“พี่ษาทนได้ไงเน๊อะพ่ออาก็เป็นคนทำคดี พ่อพี่ษาก็เป็นผู้ต้องหาเราไม่เข้าใจเลย”

“นั่นสิ”

ใช่!! นั่นสิพี่ษาทนได้อย่างไรที่เห็นพ่อของฉันพยายามทำทุกวิถีทางให้พ่อของเธอเข้าซังเต ถ้าเป็นฉันคงไม่ทนอยู่กับคนที่จะเอาพ่อของตัวเองเข้าคุกหรอก

ประเด็นนี้ฉันไม่เคยคิดมาก่อน ฉันเคยคิดแต่ว่าคนผิดก็ต้องเป็นคนผิดไม่เคยคิดในแง่ของพี่ษาเลยสักครั้งว่าเธอจะเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด ที่ต้องเห็นพ่อของฉันทำงานหนักเพื่อที่จะให้พ่อของพี่ษาไร้ซึ่งอิสรภาพในคุก

“อาๆ” นัยนาเขย่าตัวฉันที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกห้อง

“อะไรเหรอนา” ฉันได้สติและกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงหันไปถามนัยนา

“เปล่าเราเรียกอาตั้งหลายหนไม่เห็นตอบ เราก็เลยลองเขย่าตัวดูฝันกลางวันหรือไงเพื่อน”

“อืมเราคิดเรื่องของพี่ษาอยู่”

“นั่นสินะ เราเป็นอาก็คงต้องคิดมากเหมือนกันแหละ เรื่องแบบนี้มันเปราะบางจริงๆ ไปเถอะอาเราเสร็จแล้วเดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน” นัยนาหิ้วหนังสือแบบเรียนของเธอกับสมุดอีกตั้งใหญ่เตรียมตัวที่จะลงจากห้องเพื่อที่จะกลับบ้าน

ฉันช่วยนัยนาถือสมุดและเดินลงมาที่ใต้ถุนตึกระหว่างที่ยังเดินลงบันไดมายังไม่ถึงชั้นล่าง ฉันกับนัยนาก็ได้ยินเสียงของเพื่อนๆ ในห้องที่เดินลงมาก่อนพูดคุยกันจน

“แกว่าไอ้อามันจะทนได้เหรอวะที่แฟนมันมีพ่อเป็นโจร”

“นั่นสิวะฉันเองก็พึ่งรู้นะว่าเสี่ยนั่นขายยาด้วยแถมแถวๆ หลังวัดก็ซ่องของเสีย แล้วแบบนี้แฟนไอ้อามันไม่รู้เรื่องเลยหรือไงวะ”

“ไม่รู้เหมือนกันแต่ฉันว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวหรอกว่ะแก หรือไม่ก็เห็นมาเยอะก็เลยเบี่ยงเบนเว่ย”

“ข้าว่าข้อหลังมากกว่าแฟนไอ้อามันเห็นมาเยอะเลยกลัวก็เลยมาคบไอ้อาเป็นแฟน แม่งเสียดายวะสวยฉิบ ขนาดไอ้เป้อว่าหล่อๆ ยังไม่ได้กินแม่สองสาวนั่นเลย”

“นั่นสิวะแก่งก็แก่งสวยก็สวยไม่น่าเล๊ยอดว่ะงานนี้” เสียงเพื่อนผู้ชายในห้องฉันคุยกันเสียงดังจนฉันต้องหยุดฟังเรื่องทั้งหมดและกำหมัดแน่น ฉันจะก้าวขาเดินไปต่อว่าแต่นัยนาฉุนแขนฉันไว้

“อย่าเอาเพชรไปถูกระเบื่องเลยอาปล่อยหมามันเห่าไป เข้าตัวเปล่าๆ”

ฉันหยุดเดินและหันไปมองหน้านัยนา จริงอย่างที่นัยนาพูด เมื่อฉันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวก็ไม่ร้อนตัว เมื่อฉันทำหูทวนลมเรื่องก็ไม่เกิด

ฉันเดินไปส่งนัยนาที่รถ และวางตั้งสมุดใหม่ไว้ที่หน้าตระแกรงรถ

“โชคดีนะอา เราคงได้เจอกันอีก”

“อืมเหมือนกันนะนาโชคดี หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก”

“แล้วนี่อาจะไปเชียงใหม่เมื่อไหร่”

“คงรอให้พี่ภามาก่อนแต่พ่อบอกว่าพี่ภาจะต่อเครื่องไปลงเชียงใหม่เลยไม่ต้องไปรับ เห็นว่างั้น เราก็คงไปรอพี่ภาที่โน่นแล้วก็เข้าหอมั๊ง”

“งั้นเหรอโชคดีเพื่อนเรียนให้สนุกวิดวะมันโหดแต่ก็เลือกแล้วนี่นะ”

“นั่นสิบายๆ เพื่อน”

“บายๆ” นัยนาขี่รถมอเตอร์ไซด์ของเธอออกไปแล้ว ฉันก็ไปที่รถของฉันเหมือนกัน ธุระทั้งหมดที่ต้องทำในโรงเรียนแห่งนี้ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

มัธยมปลายเพียงปีเดียวของฉันได้จบลงอย่างรดวเร็ว ชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนของฉันหมดไปแล้ว จากนี้ไปคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของนางสาวอาคิรา เอื้ออังกูร อายุ สิบหกปีเศษน้อยๆ กับรั้วมหาวิทยาลัย

.................

ฉันขี่รถไปตามถนนและได้พบกับรมณที่เดินอยู่ริมข้างทาง ท่าทางของรมณดูจะโทรมลงไปถนัดตา ฉันจอดรถแอบริมถนนฝั่งตรงข้ามและตะโกนเรียกรมณ

“เฮ้ยไอ้มณ” เสียงตะโกนโหวกแหวกของฉันแข่งกันกับเสียงรถที่สัญจรไปมาบนท้องถนน ก่อนที่จะตีวงเลี้ยวโค้งกลับไปฝั่งตรงข้ามที่รมณเดินอยู่

เมื่อกลับรถได้ฉันก็ปลดขาตั้งจอดรถและลงไปกอดรมณ

“ไอ้มณฉันคิดถึงแกจังเลยวะ” รมณมองหน้าฉันสายตาเบลอๆ เหมือนเหม่อลอย

“อาเหรอไปไงมาไงถึงมาที่นี่ได้”

“เอ๊าไอ้มณฉันก็ขี่รถมาสิ ตัวร้อนหรือเปล่าไอ้มณ” ฉันยกมือขึ้นแตะหน้าผากของรมณเธอจับมือของฉันขึ้นมาพลิกดูไปมา

“หายแล้วไอ้มณไม่ได้เป็นอะไรมากฉันหายดีแล้ว” ฉันบอกรมณเพราะฉันรู้ว่าสิ่งที่รมณพลิกดูก็คือรอยแผลของฉันที่เธอได้ฝากเอาไว้

“แกไม่เป็นอะไรใช่ไหมอา แกปลอดภัยดีใช่ไหมอา”

“ไม่ได้เป็นอะไรปลอดภัยดีและสบายดีมากๆ ด้วยนะแก”

“ขอบคุณสวรรค์แกรู้ไหมว่าฉันกลัวแกจะพิการ ฉันกลัวไปหมดฉันกลัวฉันจะทำให้เพื่อนพิการ” รมณปล่อยโฮออกมาโดยไม่แคร์สายตาของผู้คนที่เดินกันขวักไขว่

“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ นะไอ้มณฉันปลอดภัยดีไม่ได้บุบสลายอะไรเลย ฉันขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดต่อกับแกเลย ฉันเรียนยุ่งมาก จนไม่มีเวลาได้แวะไปหาแกที่หอ”

“ขอบใจนะอาที่แกไม่เป็นอะไร” รมณมองหน้าฉันทั้งที่น้ำตายังคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องที่เกิดขึ้นคงทำให้รมณคิดมากจนไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งๆ ที่ฉันเองไม่ได้คิดอะไรเลย ฉันผิดเองที่ไม่ได้ติดต่อกับรมณทำให้เพื่อนต้องเป็นทุกข์

“ขอโทษนะมณที่ฉันไม่ได้ส่งข่าวอะไรให้แกได้รู้ฉันขอโทษนะเพื่อน” ฉันกอดรมณเพื่อแสดงว่าฉันยังรักเพื่อนเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“ไม่ต้องคิดมากมณเราไม่เคยโกรแกเลยเพื่อนเรารักแกนะ ไม่ต้อคิดมากนะเพื่อน” ฉันปลอบใจรมณอีกครั้ง

เราสองคนคุยกันอยู่ที่ข้างถนนอีกพักใหญ่ฉันก็ขอตัวกลับบ้านเพราะต้องเก็บของและเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเชียงใหม่ในวันมะรืนนี้

.........................

พ่อไม่ยอมให้ฉันไปรับน้องรถไฟ พ่อให้เหตุผลว่าเป็นการมากเรื่อง ฉันกับพี่ษาก็เลยไม่ได้ไปรับน้องรถไฟกับรุ่นพี่ๆ เรานั่งรถที่พ่อกับแม่พาเรามาถึงเชียงใหม่ และมารอรับพี่ภาที่สนามบิน เครื่องบินเสียเวลาไปหลายชั่วโมง เราก็ยังรอเพราะหากว่าพี่ภามาถึงแล้วไม่เห็นใครพี่ภาคงเสียใจ

ฉันเห็นพี่ภาเดินหัวเหม่งออกมาจากทางเดินออกของผู้โดยสารก็ตะโกนเรียกพี่ภาสุดเสียง

“ไอ้หัวแหม่งทางนี้พี่ภา”

แม่ตีฉันทันทีที่ได้ยินฉันเรียกพี่ภาแบบนั้น

“อาเรียกพี่เค้าดีๆ หน่อยเรียกแบบนี้ได้ไงพี่เค้าก็อายคนหมดสิ”

“เอ๊าก็อาชินนี่แม่”

“ชินก็ไปเรียกกันสองคนนี่มันสาธารณะชนแล้วพี่เค้าก็ไม่ใช่เด็กๆ ให้เรามาจิกเรียกได้แบบนั้น อะไรเป็นสาวเป็นนางทำกริยาแบบนี้ไม่สุภาพเลย ใครเค้าเห็นเค้าได้ยินเค้าจะมาบอกว่าพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน ทั้งๆ ที่แม่สอนจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วอาก็ไม่เคยจะฟังแม่สักครั้ง คราวหลังจะไว้เลยนะอย่าเรียกพี่เค้าแบบนี้อีก ถ้าแม่ได้ยินอีกครั้งแม่จะตัดเงินเราแล้วก็จะตีซ้ำเข้าใจไหม” แม่บ่นจนฉันหูชา

“เข้าใจคะแม่” จากยิ้มๆ ฉันเลยจ๋อยไปโดยปริยาย

พี่ภาเดินมากอดแม่กับพ่อ และกอดพี่ษาแต่ไม่กอดฉัน ฉันเอียงตัวเข้าหาพี่ภาแต่พี่ภาก็ไม่สนใจ

“จำไวเลยนะไอ้เหม่ง” ฉันบ่นพึมพำ

“อะไรนะอาเมื่อกี้เรียกพี่ภาว่าอะไรนะ”

“เปล่าแม่อาบอกว่าอะไรเหม็นๆ ไม่ได้เรียกใครเลยจริงๆ นะ” ฉันบุ้ยใบ้ไปเรื่อยก่อนที่เรื่องจะเข้าตัว

“ว่าไงไอ้แว่นสบายดีหรือเปล่า” พี่ภาทักฉัน

“แม่ดูสิพี่ภาเรียกอาว่าไอ้แว่นแม่ตัดเงินพี่ภาเลยนะ”

“แล้วไอ้แว่นมันไม่สุภาพตรงไหน” แม่กลับเถียงแทนพี่ภา

“เอ๊าทีอาเรียกพี่ภาว่าไอ้เหม่งแม่ยังว่าอาเลย” ฉันเถียงกลับ

“แล้วคำว่าเหม่งกับแว่นอันไหนมันไม่สุภาพกว่ากันไหนบอกแม่มาสิ” แม่คาดคั้นฉัน

“คำว่าเหม่งไม่สุภาพ” ฉันอ้อมแอ้มตอบ

“แล้วพี่ภาเรียกเราแบบนี้มันผิดตรงไหนหะไอ้แว่น” แม่เรียกฉันว่าไอ้แว่นตามพี่ภาไปแล้ว

“โอ๊ยจะบ้าตายใครๆ ก็ไม่รักอาจำไว้” ฉันเดินสะบัดก้นหนีพ่อมาพี่ภาและพี่ษามาที่รถโดยไม่สนใจใครอีก ก็คนมันน้อยใจนี่นาเช๊อะ

“แม่ดูสิแม่ลิงแว่นงอนป่องไปโน่นแล้ว” ฉันได้ยินเสียงพ่อบ่นให้แม่ฟัง

“ปล่อยไปเถอะขอให้งอนให้ตลอดรอดฝั่งเถอะพ่อ เดี๋ยวพอเห็นขนมนมเนยกับข้าวก็หายงอนไปเองแหละพ่อว่าไหม”

“นั่นสิแม่อย่างอาจะมีอะไรโกรธง่ายหายเร็ว”

จากนั้นพ่อก็พาพวกเราไปที่หอพัก พ่อเช่าหอพักให้เราสามคนอยู่ด้วยกันหลังมหาวิทยาลัย เพราะใกล้กับตลาด และเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ส่วนรถของพี่ษาพ่อก็ให้ลูกน้องของพ่อขับมาจอดรอเราที่หอพักเรียบร้อยแล้วพร้อมๆ กับขนกระเป๋าของใช้ของพวกเราขึ้นไปเก็บไว้อย่างเรียบร้อยอีกด้วย

หอพักนี้ไม่กว้างมากนัก วางเตียงใหญ่ได้หนึ่งเตียงชิดประตูทางเข้า และโต๊ะหนังสือเล็กๆ สามตัวอยู่ข้างๆ เตียง มีตู้เสื้อผ้าอยู่ชิดมุมหน้าห้องน้ำ และพ่อหาตู้เย็นไว้ให้เราอีกหนึ่งตู้ สิ่งที่ฉันชอบก็คือห้องนี้ทาด้วยสีฟ้าก็เป็นสีที่ฉันชอบนี่นาไม่ชอบสีฟ้าอาคิราจะไปชอบสีอะไร

“ชอบไหมลูกภา”

“ชอบค่ะพ่อแล้วนี่พวกเราจะนอนกันไงคะแบบนี้ภาก็โดนอาเตะตกเตียงพอดีสิคะพ่อ”

“ไว้พ่อให้เค้าหาเตียงเล้กๆ มาให้สักสามเตียงก็แล้วกัน เราจะได้รับผิดชอบของใครของมันไม่เกี่ยงกันทำความสะอาด” พ่อปรายหางตามาที่ฉัน

“ไหงมามองอาแบบนี้ล่ะพ่ออารับผิดชอบแล้วนะ”

“แล้วอย่าให้แม่รู้นะว่าให้พี่ภารีดผ้าซักผ้าให้อีกโตแล้วนะอารับผิดชอบตัวเองได้แล้ว”

“แม่อะว่าอาอีกแล้ว ใช่สิลูกสุดที่รักกลับมาแล้วนี่อาก็เลยตกกระป๋องใช่ปะเช๊อะ” ฉันสะบัดก้นอีกรอบเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันนี้ก็ไม่รู้แต่ก็ยังจะทำ ฉันหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าวางกระแทกลงกับพื้นและเอาเสื้อผ้าของตัวเองใส่ไว้ในตู้ เมื่อใส่เสร็จเรียบร้อยก็ปิดประตูตู้เสื้อผ้าเสียงดังโครมคราม ไม่สนใจอีกสี่คนที่มองฉันตาไม่กระพริบ

พี่ภาหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอที่มีป้ายบ่งบอกว่าได้รับการขนมาจากแดนไกล

“แม่ขานี่อะไรเอ่ย” พี่ภาเล่นกับแม่

“โหหมวกไวกิ้งกับมีดดาบของแท้หรือเปล่าลูก” แม่แกล้งทำเสียงตื่นเต้น ฉันปรายหางตาไปมองแต่ก็ยังนั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติง

“ของแท้สิคะแม่ นี่นะภาไปหาซื้อมาให้ลิงน่ะแม่ เดินจนขาลากกว่าจะได้ แต่สงสัยว่าลิงคงไม่สนแล้วแม่เอาไปให้น้องข้างบ้านสิคะเดี๋ยวจะเสียของเปล่าๆ”

“ได้ภาเดี๋ยวแม่เอาไปให้เจ้าตึกข้างบ้านเราเล่นก็ได้ ว้าเสียดายของเน๊อะภา แล้วนั่นอะไร”

“ช็อกโกแลคคะแม่มีหลยรสด้วยนะแม่เอาไปให้เจ้าตึกก็ได้คะ ภาไม่กินหรอกเดี๋วภาอ้วน”

“โหภามีรสส้ม สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ แล้วนี่อะไร Dark ด้วยเหรอ อันนี้ ตั้ง ๗๐ % พ่อต้องชอบแน่ๆ เลยเอาไปกินกับกาแฟดีไหมพ่อ” แม่หยิบช๊อกโกแลตออกมาจากกระเป๋าพี่ภาทีละอันสองอัน

“นี่ษาเรามีนี่มาให้ Postcard สวยๆ ทั้งนั้นเลย” พี่ภาหยิบของฝากออกมาให้พี่ษาด้วย

“อะแม่คะเอาถุงมาคะเอาของไปฝากเจ้าตึกแล้วกันแล้วเดี๋ยวแม่จะกลับเลยหรือเปล่าคะ”

“อืมพาภากับษาไปกินข้าวก่อนดีกว่าจะได้ไมหิวไงลูก”

“งั้นไปกันคะพ่อกับแม่ใครไม่ไปก็ไม่ต้องไป” จากนั้นทั้งสี่คนก็เดินออกจากห้องปล่อยทิ้งฉันไว้ในห้องคนเดียว ฉันแทบจะระเบิดเสียงร้องเพราะการทำสงครามเย็นของคนทั้งสี่กับฉัน

ท้องฉันร้องโครกคราก เพราะตั้งแต่ที่กินข้าวไปเมื่อเช้าฉันยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย นอกจากขนมปังอีกสองสามแผ่นที่สนามบินระหว่างรอเครื่องพี่ภาลงเท่านั้น ฉันรีบวิ่งตามคนทั้งสี่ออกไปและปิดประตูห้องกระแทกดังปัง แล้ววิ่งลงบันได แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ตรงบันไดหนีไฟ

“พ่ออะ” ฉันตะโกนเมื่อคนทั้งสี่ยืนหัวเราะฉันที่วิ่งเหมือนกับจะตามอะไรสักอย่างที่หลุดออกจากคอก

“เข็ดหรือยังอา” พ่อถามฉันแต่ฉันก็ไม่ตอบ ฉันกับพ่อตอนนี้คงเกือบจะสูงเท่ากันแล้วเพราะพ่อโอบไหล่ฉันเหมือนกับเป็นเพื่อนเล่นของพ่อได้อย่างสบายๆ

“สูงขึ้นแล้วนะอา เป็นสาวแล้วด้วยทำอะไรก็ใจเย็นๆ หน่อยสิลูก ไม่มีใครให้อภัยได้เท่าพวกพ่อแม่และพี่ๆ หรอกจำไว้นะลูก” ฉันเอนตัวไปซบไหล่พ่อ ผู้ชายคนเดียวที่ฉํนรักสุดหัวใจโดยไม่เคยมีเงื่อนไข

“ค่ะพ่อ”

“ไปได้แล้วแม่หิวตาลายแล้วพ่อลูกคู่นี้อ้อนกันอย่างกับเป็นแฟนกัน”

“โด่แม่หึงที่พ่อรักอามากกว่าแม่ก็ว่ามาเถอะ”

“นี่ยายอาปากแบบนี้นี่สิแม่ถึงไม่รักเรา” พี่ภาเริ่มบ่นแทนแม่อีกรอบ

“เอ๊าก็หรือไม่จริง”

“ก็ไม่จริงนะสิพี่ถึงได้ออกรับแทนแม่ ต่อให้พ่อรักเรามากแค่ไหนพี่ก็เชื่อว่าแม่ไม่มีทางหึงลูกของตัวเองได้หรอก”

“พี่ภารู้ได้ไง”

“รู้สิเพราะแม่ก็รักพี่มากกว่ารักพ่อ พ่อยังไม่เคยหึงแม่เลยสักครั้งจริงไหมคะพ่อ” ท่าทางของพ่อคงตอบอะไรไม่ได้ หากจะตอบว่าใช่ก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับว่าแม่รักพี่ษามากกว่าฉัน

“พอดีกว่าไปกินข้าวได้แล้ว” พ่อตัดบทฉันสองคนและเดินนำเข้าไปยังลิฟท์ที่เปิดรอเราทั้งห้าคนอยู่

………………….

ศึกสายเลือดที่พลัดพรากกันมานานแรมปีไม่ได้จบเพียงแค่สนามบินและที่ห้องเท่านั้นยังลามมาถึงร้านขายข้าวที่ตลาด

“กินอะไรดีภา”

“กินอะไรก็ได้คะแม่ภาเบื่ออาหารฝรั่งจะแย่แล้ว นี่ดีกว่าค่ะแม่ต้มยำกุ้ง ลาบ ตับ หวาน อุ้ยพูดแล้วน้ำลายสอ” อวภาส์บอกรายการอาหารที่เธอไม่ได้กินมานานมากแล้ว

“แต่อาจะกินสเต๊คหมู สลัดผัก ซุป อาไม่อยากกินลาบน่ะแม่อาเบื่อแล้ว” อาคิราเสนอเมนูของตัวเองบ้าง

“แล้วตลาดมันมีขายที่ไหนเล่าอา” แม่หันมาบ่นฉันที่เลือกกินอาหารเมนูที่ตลาดข้างถนนไม่มีขาย

“ก็อาอยากกินนี่แม่อาอยากกินอาหารฝรั่งนะๆ แม่นะ” อาคิราอ้อนแม่ของตัวเอง

“จะเรื่องมากอะไรนักหนานะอาเดี๋ยวก็แม่ก็ตีเลยนี่ พี่เค้าพึงกลับมาจากเมืองนอกก็เอาใจพี่เค้าหน่อยสิลูก”

“แต่อาไม่อยากกินที่พี่ภาอยากกินนี่แม่” อาคิราทำท่างอนแม่แก้มป่องเป็นอึงอ่างพองลม

“เอาๆ พ่อพาไปเองอา แม่กับภากินที่นี่แล้วกัน ษากินอะไรดีลูก”

“อะไรก็ได้คะพ่อ”

“อะไรก็ได้ไม่มีขายนะษาเอางี้ษาเลือกว่าจะกินอะไรดีกว่าจะได้เลือกถูก อาหารฝรั่งหรืออาหารไทย”

“งั้นษาขออาหารไทยดีกว่าคะพ่ออาหารฝรั่งมันเลี่ยนๆ ไงไม่รู้” แสงอุษาเลือกแล้ว

ดังนั้นพ่อกับอาคิราก็เลยต้องเดินไปกินอาหารฝรั่งที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนเลยไปจากตลาดไม่ไกลนัก ศึกแย่งชิงเมนูอาหารก็เลยจบลงอย่างง่ายดาย อาคิราเดินจนเหนื่อยหมดแรงเพราะกว่าจะถึงร้านอาหารหนทางไม่ใช่ใกล้ๆ แต่ด้วยอาคิรามีอารมณ์อยากจะเอาชนะ ก็เลยต้องอดทนเดินไปไกลๆ เพื่อกินอาหารที่ตัวเองเลือก

ร้านอาหารอิตาเลี่ยนก็มีคนรอต่อคิวเข้าไปกินจนล้นทะลักออกมา อาคิราหิ้วท้องรอจนลูกค้าที่ใช้บริการทยอยออกมากว่าจะถึงคิวของอาคิราและพ่อก็รอเกือบครึ่งชั่วโมง หิวก็หิว แต่ด้วยทิฐิและความดื้อรั้นของตัวเองอาคิราก็จำเป็นต้องรอต่อไป พนักงานของร้านออกมาเรียกชื่อลูกค้ารายต่อไปซึ่งเป็นชื่อของอาคิรา ในร้านนั้นมีเมนูอาหารมากมายหลากหลายอาคิราเองก็เลือกไม่ถูกเพราะไม่เคยจะกินอะไรแบบนี้ เธอมองๆ แล้วก็ชี้ไปที่รูปในเมนูที่พนักงานเอามาให้

กว่าอาหารจะมาถึงอาคิราก็รอจนตาลายหิวท้องร้องโครกคราก แม่ อวภาส์และแสงอุษาเดินมาที่หน้าร้าน เมื่อเห็นว่าพ่อกับอาคิรายังไม่ได้กินสเต๊คก็เลยเดินเข้ามาบอกกับทั้งสองคนว่า

“พ่อแม่พาษากับภาไปซื้อชุดนักศึกษาก่อนนะพ่อถ้าพ่อกินเสร็จแล้วตามแม่ไปแล้วกัน”

“ซื้อแถวไหนล่ะแม่ไม่รออาไปด้วยกันล่ะ”

“ไม่ดีกว่าพ่อ แม่อิ่มกันหมดแล้วจะไปเดินย่อยด้วยเดี๋ยวพ่อพาลูกตามไปก็แล้วกัน”

“ก็ได้แม่กินเสร็จแล้วพ่อจะตามไป”

จากนั้นแม่ก็เดินออกจากร้านพาแสงอุษาและอวภาส์ไปเดินซื้อเสื้อผ้ากันอย่างสนุกสนาน อวภาส์เลือกเสื้อนักศึกษามาแล้วสี่ตัว และกระโปรงทรงบานๆ อีกสี่ตัว ส่วนแสงอุษาเลือกกระโปรงบานสอง กระโปรงสอบสอง จากนั้นสามสาวก็ช๊อปกระจายตามแบบของผู้หญิงทั่วไป กว่าอาคิรากับพ่อจะมาถึงทั้งสามคนก็เดินกันจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว

“เสร็จแล้วเหรอแม่” พ่อถามเมื่อเห็นสามสาวหอบถุงหิ้วกันพะรุงพะรัง

“เสร็จแล้วพ่อ พ่อพาอาไปเดินดูเสื้อผ้าได้ร้านนั้นแม่ต่อราคาไว้แล้ว” แม่ชี้ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าชุดนักศึกษาหญิงที่อยู่เลยจากที่แม่นั่งไปไม่กี่เมตร พ่อกับอาคิราเดินดูไปเรื่อยๆ

“เอาตัวไหนอา”

“ไม่เอาล่ะพ่ออาไม่ชอบแบบนี้”

“เอ๊าก็นี่มันชุดนักศึกษาหญิงไม่ชอบแบบนี้แล้วอาจะเอาแบบไหน” พ่อเริ่มอารมณ์เสีย

“อาจะเอาเสื้อแบบมะๆ นะพ่อ”

“อะไรของอามะๆ”

“ก็แบบเท่ห์ๆ ไงพ่อ เสื้อเชิร์ตผู้ชายกับกระโปรงซิปหน้าสอบๆ นิดๆ ร้านนี้ไม่มีขาย”

“เออนะไอ้ลูกคนนี้มีไอ้นี่จะเอาไอ้โน่นมีไอ้โน่นจะเอาไอ้นี่ เดี๋ยวพ่อไปถามแม่ก่อน” พ่อเดินนำออกจากร้านและไปปรึกษาแม่จากนั้นแม่ก็พาอิคิราไปหาซื้อเสื้อผ้าอีกร้านหนึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยอาคิราดูเหมือนจะทำให้ทุกคนปั่นป่วนไปหมด

พ่อกับแม่เห็นอาคิราเดินดุ่มๆ กลับไปยังหอพักโดยไม่สนใจใคร ก็เลยหันมาบอกกับแสงอุษา เหมือนๆ เป็นการขอร้อง

“พ่อกับแม่คงต้องขอแรงษาเป็นกรรมการห้ามทัพของสองสิงห์กับเสือแล้วล่ะนะ” สารวัตรอนลบอกกับแสงอุษา

“สบายใจได้คะพ่อษาจะเป็นกรรมการห้ามศึกให้เองถ้าจำเป็น” แสงอุษารับคำอย่างง่ายดาย เพราะเธอก็พึ่งจะรู้ว่าสึกสายเลือดของอวภาส์กับอาคิราเป็นศึกที่ใหญ่หลวงยิ่งนัก การจะทำให้ทั้งสองเมืองหย่าศึกกันได้ คงต้องใช้จิตวิทยาขั้นสูงระดับปรมาจารย์ขงเบ้งแล้วกระมังนี่

เฮ้อ..เหนื่อยใจจริงๆ แสงอุษาคนสวย

... จบบทที่ ๓๓ ...



Create Date : 22 กรกฎาคม 2551
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 13:32:46 น. 4 comments
Counter : 403 Pageviews.

 
เห็นใจษาจังเลยนะคะที่ต้องมีอย่างอา เอาแต่ใจจัง


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.166.66 วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:59:20 น.  

 
สวัสดีคะคุณต้นรัง

เห็นใจษาเหมือนกันค่ะ อย่างอาต้องเอาให้แสบเน๊อะ คุณน๊อะ

อิอิ

แอบเอนเอียงไปทางษาที่สุดแล้วฉัน


โดย: รันหณ์ วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:05:10 น.  

 
ก็บอกแล้ว ให้ยกษาให้ไอดูแลซะก็สิ้นเรื่อง 5555


โดย: ไอ IP: 117.47.157.57 วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:40:30 น.  

 
โห คุณไอขา ยกให้ง่ายๆ ก็ดีสิค่ะ

วันนี้เมีเรื่องเล่า ไฟล์ของเรื่องนี้หายวับไปกับตา แทบร้องไห้ โชคดีที่ส่งให้น้องในเวปปิงอ่านไป ไม่อย่างนั้น ต้องร้องไห้บ้านแตกแน่ๆ เลยฉัน


เฮ้อ..............................


โดย: รันหณ์ วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:26:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.