It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุ่งในดวงใจ บทที่ ๒๗

บทที่ ๒๗ ๗.๓๐ น.

พี่ภาติดต่อกลับมาหลังจากที่ห่างหายไปอยู่เกือบเดือน พ่อกับแม่ดีใจมากๆ เมื่อตอนที่พี่ภาเดินทางไปถึงสวีเดน พี่ภาโทรกลับมาบอกว่าถึงเรียบร้อยแล้ว พวกเราดีใจกันแทบตาย ที่ได้ยินเสียงของพี่ภา และพี่ภาบอกว่าจะต้องไปเข้า Camp ก่อนที่จะถูกส่งตัวไป เข้า Family ที่รับตัวพี่ภาไปอยู่ด้วย

หลังจากนั้นเราก็รอจดหมายของพี่ภาอย่างใจจดใจจ่อ

“สวัสดีค่ะพ่อ แม่ และอาน้องรัก

ภาเดินทางมาถึงสวีเดนปลอดภัยดีค่ะ ก็อย่างที่ภาได้บอกพ่อกับแม่ไปทางโทรศัพท์แล้วว่า ภามาถึงสวีเดนอย่างสวัสดิภาพ มันช่างเป็นการเดินทางที่แสนจะยาวนานจริงๆ เลยค่ะ นั่งเครื่องบินนานๆ นี่ก็เมื่อยเหมือนกันแฮะ

แม่รู้หรือเปล่าว่าตอนภานั่งเครื่องมา มีฝรั่งขี้เมานั่งอยู่ข้างๆ ภาด้วยนะ ขอเหล้าดื่มตลอดทาง จนพี่แอร์ส่ายหน้ากันเป็นแถว ภาเองก็รำคาญเหลือเกินเหมือนกันค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ก็ภาไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องนี่นา

นั่งเครื่องสิบกว่าชั่วโมงก็มาถึง Stockholm แม่จะเชื่อไหมว่าสนามบินที่นี่ เงี๊ยบเงียบ ภาคิดว่ามาผิดเมืองนี่เหรอสนามบินเมืองหลวงของประเทศ มันช่างต่างกับสนามบินของบ้านเราลิบลับ ผู้คนบางตาจนคิดว่า เมื่อนี้ร้างหรือเปล่า

ตอนที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเค้าถามว่าภามาทำอะไร ภาก็ตอบไปว่าเป็นเด็กแลกเปลี่ยนของ AFS เค้าก็ให้ภาผ่านออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ได้ตรวจกระเป๋าหรืออะไรอย่างที่เราๆ กลัวกัน

ถ้าเค้าตรวจแล้วเอาน้ำพริกที่แม่เอามาให้ไปทิ้งภาคงเสียดายแย่เลย ที่นี่อากาศเย็นๆ ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงยังไม่ถึงหน้าหนาวภาคงทนได้อย่างแน่นอน ตอนแรกที่มาถึงเค้าก็พาภาไปที่ Camp ให้เข้ากลุ่ม เขาบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนะคติของเด็กๆ ที่มาแลกเปลี่ยน ภาก็เข้าไปตามเรื่องตามราว

แต่ที่เป็นปัญหาของภาก็เรื่องที่ภาฟังสำเนียงของบางชาติไม่ออกเลยค่ะแม่ บางคนพูดช้าๆ ก็รอดไป แต่บางคนพูดเร็วจนภาต้อง Pardon อยู่หลายรอบ ตอนนี้ภาก็เลยมีชื่อใหม่ว่า พาดอน ใครๆ ก็เรียกภาว่าพาดอนกันเป็นแถว ก็แหม มันเป็นประโยคฮิตติดปากภานี่คะแม่

หลังจากนั้นภาออกมาจาก Camp ภาก็เดินทางมาที่ Family ค่ะแม่ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหลวงเท่าไหร่นัก นั่งรถไฟแค่สี่สิบกว่านาทีก็มาถึง

แม่จะเชื่อไหมคะว่าที่นี่นะคนแทบไม่มี พ่อหมายถึงพ่อของครอบครัวนี้ใจดีมากๆ ค่ะ พวกเค้ามีอาชีพเป็นเกษตรกร แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะค่ะ เกษตรกรที่นี่อย่างหรู เครื่องมือเครื่องไม้พร้อม ไม่ต้องเดินตามควายไถนาแบบที่บ้านเรา ครอบครัวของที่นี่มีสวนผลไม้ และปลูกผัก อาหารหลักก็เป็นปลาค่ะ เมืองที่ภาอยู่เป็นเมืองไม่ใหญ่มากมีโรงเรียนมัธยมอยู่ไม่ไกลจากที่บ้าน

เวลาภาไปเรียนภาก็ขี่จักรยานไปค่ะแม่ ไม่ไกลมากแค่ สิบกว่ากิโลเอ๊ง จิ๊บๆ แต่กว่าจะไปถึงก็เล่นเอาหอบไปเหมือนกัน เด็กๆ ที่นี่ขี่จักรยานมาโรงเรียนกันค่ะแม่เป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็ขี่กันทั้งนั้น

อ้อลืมบอกไปว่าแม่ที่นี่เธอชอบของฝากของแม่ที่ฝากมาด้วยคะ แม่บอกว่าฝาก Thank you แม่ด้วย สรุปว่าของฝากของแม่เป็นที่ประทับใจของคนใน Fam นี้หมดทุกคน

ตอนนี้ภากำลังเรียนภาษาสวีดีส ค่ะแม่ ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เพราะคนที่นี่ดูเหมือนจะพูดภาษาอังกฤษได้กันเกือบทุกคน (อันนี้ภาว่าเองนะ) เพราะภาพูดภาษาอังกฤษไปเค้าก็ฟังออกแต่ไม่ยอมตอบเป็นอังกฤษ เค้าก็พูดสวีดีสกลับคืนมาทุกคน สงสัยจะเหมือนเวลาเราพูดไทยแล้วคนประเทศลาวตอบกลับเรามาเป็นภาษาลาวอะไรทำนองนั้น

ในวันหยุดภาออกไปช่วยที่บ้านนี้เก็บผลไม้ค่ะแม่ เค้าให้เงินภามาด้วยหลายโคนอยู่ พอให้เอาเงินเหล่านั้นมาใช้จ่ายได้บ้าง

ภาอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำตัวเปล่าประโยชน์หรอกค่ะแม่ ภาช่วยเค้าทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว คนที่นี่แปลกๆ ค่ะแม่ ภามาตอนแรกๆ ก็งง ก็ด้วยความที่ภามาไม่เห็นเค้าจะมีน้ำแช่ตู้เย็นแบบที่บ้านเราเป็น เค้าดื่มน้ำจากไหนแม่ทราบไหมค่ะ ฮั่นแน่ไม่ทราบล่ะสิโด่

เค้าดื่มน้ำจากก๊อกค่ะแม่ น้ำก๊อกที่ออกมาจากก๊อกน้ำนี่แหละ มันจะมีด้านซ้ายเป็นน้ำร้อน ด้านขวาเป็นน้ำเย็น ที่สำคัญดื่มได้ เน้นค่ะแม่ดื่มได้ น้ำที่นี่สะอาดมากๆ ไม่มีกลิ่นอะไรเลย เวลาเราหิวน้ำก็เปิดน้ำทิ้งไปนิดๆ แล้วก็เอาแก้วไปรองน้ำมาดื่ม แต่ต้องให้ฟองมันหายไปสักนิดก่อนนะคะ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ตอนแรกภาจะกระดกอึกๆ ลงไปเลย แต่แม่เค้าบอกว่าอย่างพึ่ง รอให้ฟองหมดไปก่อนค่อยดื่ม จากนั้นการดื่มน้ำก็เป็นเรื่องปกติสำหรับภา แต่ไงภาก็ติดน้ำต้มใบเตยของแม่สุดสวยของภาอยู่ดีแหละค่ะ แม่ไม่ต้องกลัวว่าภาจะลืมน้ำต้มใบเตยหอมๆ ที่แช่จนเย็นของแม่หนอกนะคะ ภายังคิดถึงกลิ่นของมันอยู่เลย

สุดท้ายนี้ขอให้พ่อ แม่ และยายอาสุดแสบสุขภาพแข็งแรง ภาอยู่ทางนี้ก็จะดูแลตัวเองเช่นกัน

รักมากที่สุดในโลก

อวภาส์สาวสวยที่สุดในสแกนดิเนเวีย อิอิ”

ฉันกับพ่อกับแม่อ่านจดหมายฉบับนั้นของพี่ภาแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เราอ่านกันคนละหลายๆ รอบ ฉันคิดถึงพี่สาวของฉันเหลือเกิน ป่านนี้พี่ภาคงพึ่งจะตื่น ตอนนี้บ้านเราเที่ยงแล้ว แต่ที่โน่นคงจะยังหกโมงเช้า พี่ภาจะตื่นมากินข้าวทำกับข้าวแบบที่อยู่บ้านของเราหรือเปล่านะ หรือว่ายังนอนห่มผ้าแก้หนาวอยู่

ฉันซื้อกระดาษเขียนจดหมายที่ส่งแบบพับๆ เค้าเรียกกันว่า Air mail มาไว้อยู่หลายแผ่นจากนั้นก็ลงมือเขียนลายมืออ่านไม่ออกส่งกลับไปให้พี่ภาได้อ่านบ้าง

“สวัสดีคนหลงตัวเอง

อะโด่บอกว่าสวยที่สุดในสแกนเช๊อะ ไม่เชื่อร๊อกแน่จริงส่งรูปมาให้น้องดูบ้างดิ เป็นการยืนยันว่าสวยจริงปะ

พี่ภาตอนนี้อาเริ่มสอบเทียบแบบที่พี่ทำแล้วนะ แต่มันยากจังเลยพี่อาพยายามทำตามที่พี่ภาบอกไว้ในสมุดจด ตอนนี้ไม่มีพี่ภาอาแคว้งน่าดูเลยพี่ภา ไม่มีที่ปรึกษาเหมือนอย่างที่เคยมี พี่ภารู้เปล่าตอนนี้มีเพื่อนผู้ชายมาจีบอาด้วย อากำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น

พี่ภาว่าอาจะรักพี่ษาต่อไป หรือว่าจะลองคบกับสุภนัยต่อไปดี เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่ามันเกิดเรื่องขึ้นในห้องตอนอาเรียนชีวะ แล้วเพื่อนๆ ก็ทำเรื่องดันไปเอา Sperm มาส่องในกล้องจุลทรรศน์ จากนั้นก็โดนตี อาดันเอายาหม่องไปให้

เรื่องไม่น่าจะเป็นเรื่องก็เลยเกิดขึ้น สุภนัยคงจะเข้าใจผิดว่าอาชอบเค้ามั๊ง จริงๆ ไม่ใช่เลยนะพี่ภาตอนนั้นที่ยื่นให้สุภนัยก็เพราะว่าเขาอยู่ใกล้อามากที่สุด อาไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ

พี่ภาก็รู้ว่าอาชอบผู้หญิงมากกว่าชอบผู้ชาย แต่หากอาจะไปบอกสุภนัยว่าอาไม่ชอบเค้าก็อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้ เพราะเพื่อนที่นี่ไม่มีใครรู้ว่าอาไม่ชอบผู้ชาย เรื่องมันสับสนยุงยากจริงๆ เลยพี่ภา

อ้อมีข่าวดีจะบอกอาสอบเทียบผ่านแล้วนะพี่ ลงแบบที่พี่ษาบอกมันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ก็แค่ผ่านแบบฉิวเฉียด ได้เกรดหนึ่งบ้างสองบ้างสามบ้างแล้วแต่วิชา ไม่มีสี่สักตัว เกรดไม่สวยแบบที่พี่ภากับพี่ษาทำได้ แต่ขอให้ผ่านก็พอแล้วเน๊อะ ไม่สวยหรูแต่ผ่าน อิอิ

เออพี่ภาครูชิงเธอกลับประเทศไปแล้วนะ ก่อนกลับเห็นเธอบอกว่าที่พม่ากำลังต้องการครูสอนเธอก็เลยเลือกที่จะกลับประเทศของเธอ

เธอยังบอกอาอีกว่าไม่มีที่ไหนอยู่แล้วเป็นสุขใจเหมือนกับประเทศแม่ของตัวเอง ต่อให้บ้านอื่นเมืองอื่นจะสุขสบายแค่ไหนก็ตามเธอก็ยังคงคิดถึงพม่าอยู่ดี จริงหรือเปล่าพี่ภา แล้วพี่อยู่ทางโน้นคิดถึงบ้านเราแบบที่ครูชิงเธอคิดถึงหรือเปล่า

แต่อาคิดถึงพี่ภาของอาจริงๆ นะ พี่ภาแค่นี้ก่อนนะกระดาษเขียนจดหมายมันหมดแล้ว ทำไมเค้าไม่ทำยาวๆ ก็ไม่รู้สิเน๊อะ

คิดถึงพี่สาวคนดีเสมอ

อาคิราสาวสวยที่สุดในบ้าน ณ ตอนนี้”

ฉันพับกระดาษเขียนจดหมายนั้นและจ่าหน้าซองถึงพี่ภา พร้อมๆ กับติดกาวเพื่อเตรียมส่งให้พี่สาวของฉัน พร้อมๆ กับจดหมายของฉันที่เขียนถึงพี่ษา ไม่สิฉันใช้วิธีพิมพ์ด้วยพิมพ์ดีดเพื่อส่งให้พี่ษาต่างหาก ไม่ได้ลงมือเขียนเองสักหน่อย

จากนั้นฉันก็เดินออกไปดูต้นไม้ใบหญ้า และก็เห็นหญ้าขึ้นจนรกสวนไปหมด ไหนๆ ไม่ได้ออกกำลังกายมานานแล้ว ฉันเดินไปที่โรงเก็บอุปกรณ์ทำสวน ลากเอารถตัดหญ้าคันเดิมของพ่อออกมาก่อนที่จะติดเครื่องและเข็นไปทั่วสวน ทำให้หญ้าที่ขึ้นสูงๆ ได้หายไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี

จากนั้นก็เอาคราดมาเกี่ยวหญ้าเอาไปกองรวมๆ กันไว้ อีกไม่กี่วันก็เผา การที่มีหญ้าเยอะๆ ในบริเวณบ้านมันก็ทำให้มียุงเยอะๆ ฉันเผาเปลือกส้มเท่าไหร่ก็ไล่ยุงไปไม่หมด ออกกำลังจนเหนื่อยได้ที่ เรียกเหงื่อได้มากพอสมควร อาบน้ำอาบท่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอ่านหนังสือต่อ แต่ไอ้แว่นเจ้ากรรมก็ทำเอาฉันเจ็บหูเมื่อต้องนอนอ่าน

ก็เลยต้องลุกมานั่งอ่านที่โต๊ะโดยปริยายแต่ก่อนที่จะอ่านจบฉันก็ให้หนังสือบนโต๊ะอ่านฉันแทน และก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีใครสักคนเอาผ้าห่มมาห่มให้ฉัน

“โอ๊ะ” ฉันอุทานและหันกลับไปมองต้นเหตุที่ทำให้ฉันตื่น

“พี่ษา ดีใจจังเลยพี่มาได้ไง” ฉันกอดเอวพี่ษาไว้แน่นๆ เธอเองก็กอดตอบฉัน

“ก็ขี่รถมาสิจะให้เดินมาหรือไง” พี่ษาเดี๋ยวนี้ชักจะเล่นลิ้นเก่งกว่าเมื่อก่อนมากๆ

“แหมพี่อาหมายถึงมาจากเชียงใหม่ได้ไงกัน นึกว่ามีเรียนพิเศษซะอีก”

“ก็คิดถึงอาเลยมาหา เห็นหายเงียบไปเลย”

“เงียบตรงไหนพี่อาก็เขียนจดหมายถึงพี่ทุกวันไม่มีวันไหนไม่ได้เขียนสักหน่อย”

“จริงเหรอ” พี่ษามองหน้าฉันเหมือนจะหาคำตอบ

“จริงสิพี่ นี่ไงอาพึ่งเขียนเสร็จไปอีกฉบับเมื่อตอนเที่ยงยังไม่ได้ส่งให้พี่เลย”

“แล้วทำไมพี่ไม่ได้จดหมายของอา”

“อ้าวพี่ษาไม่ได้จดหมายอาเลยเหรอตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ราวๆ เดือนกว่าๆ แล้วพี่ไม่ได้จดหมายของอาเลย”

“เฮ้ยจริงดิ อาก็เขียนจ่าหน้าซองถึงที่อยู่เดิมของพี่ไม่ได้เปลี่ยนที่อยู่ไปไหนสักที” ฉันยื่นจดหมายที่ฉันจ่าหน้าซองถึงพี่ษาให้พี่ษาดู แล้วพี่ษาก็อมยิ้ม

“นี่อา บ้านเลขที่ของพี่นะ ๗๑/๑๗ ไม่ใช่ ๑๗/๗๑ พิมพ์ก็ผิดแล้วมันจะถึงพี่ไหม”

“อ้าวเหรอ ตายๆๆ แล้วคนที่เค้ารับจดหมายไปเค้าจะรู้ไหมนี่ว่ามันไม่ใช่ของเค้าแล้วทำไมเค้าไม่ส่งกลับมาคืนอาล่ะพี่เค้าจะรับไปทำไมกันในเมื่อไม่ใช่ของตัวเอง”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คราวหลังอาก็อย่าเขียนผิดอีกล่ะ เบ๊อะจริงๆ แฟนใครนี่”

“ก็แฟนพี่ษาไงโด่ เบ๊อะแล้วรักปะล่ะ”

“ถามแบบนี้ตอบว่าไม่รักซะดีมะ”

“โอ๋ๆ แค่นี้ก็ทำเป็นงอนไปได้แก่ก่อนวัยตีนกาขึ้นไม่รู้ด้วยน้าขอบอก” ฉันทำท่าแก่ๆ ล้อเลียนพี่ษาจากที่พี่ษายิ้มๆ อยู่ก็หุบยิ้ม หันมาทำท่างอนฉันแทน

“ยังจะมาทะเล้นอีก คนอะไรทำผิดแล้วยังจะมากล้าแกล้งพี่อีกเหรอ”

ฉันกอดพี่ษาแน่นขึ้นไปอีก กลิ่นหอมๆ ของพี่ษายังติดอยู่ที่จมูกของฉัน ฉันซบลงที่อกของเธอ มันช่างลงตัวเมื่อยามที่ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้และเธอยืน

กลิ่นแบบนี้สิที่ฉันชอบ กลินแบบนี้นี่แหละที่ฉันหลงไหล ไม่ใช่กลิ่นเหม็นเขียวของสุภนัย กลิ่นนั้นฉันไม่ได้พิศวาสอะไรเลย มันไม่น่าจะได้กลิ่นเสียด้วยซ้ำไป

พวกผู้ชายชอบที่จะเล่นกีฬาและก็พกเอากลิ่นเหงื่อเหม็นๆ เข้ามาในห้องเรียนในภาคบ่าย แถมบางคนยังมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ปล่อยออกมาจากรองเท้าอีกต่างหาก

ได้กลิ่นครั้งใดฉันแทบอยากจะตายไปตรงนั้น แถมยาหม่องก็ยังโดนสุภนัยเอาไปใช้ทาก้น จะเอามาดมก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่าฉันพิศวาสกลิ่นก้นนายบ้านั่นอีก ยังโชคดีที่ยาดมของพี่ษายังมีให้ฉันพกติดตัวอีกขวด ดมกลิ่นที่พี่ษาเคยใช้ประจำยังจะดีกว่าไปดมกลิ่นสั่วๆ ของพวกเพื่อนผู้ชายเป็นไหนๆ

“คืนนี้ค้างที่นี่หรือเปล่าพี่”

“อืม”

“ดีเลยงั้นไปบอกแม่ว่าทำกับข้าวเพิ่มดีกว่าปะพี่” ฉันฉุดข้อมือพี่ษาให้เดินตามฉันกลับไปที่บ้านใหญ่

“แม่จ๋าวันนี้มีอะไรกินบ้างอาหิวแล้ว” ฉันตะโกนดังลั่นบ้านจนแม่ต้องตะโกนกลับออกมาจากครัว

“เบาๆ ก็ได้ยายอาผีบ้านผีเรือนกระเจิงหมดแล้วลูกคนนี้สอนเท่าไหร่ไม่รู้จักฟัง แล้วเจอษาหรือยังลูก เมื่อกี้ษามาถามหาอาที่นี่”

“เจอแล้วแม่นี่ไงพามากินข้าวด้วย” ฉันเดินไปถึงตัวของแม่ที่ยังง่วนอยู่ในครัว และกอดเอวแม่ทำท่าประจบแบบแมวที่ชอบอ้อนเจ้าของ ใบหน้าถูไถไปตามแผ่นหลังของแม่ที่ยังคงยืนทอดปลาอยู่ที่หน้าเตา

“นี่อาออกไปเลยเกะกะแม่จะทำกับข้าว”

“อ๋อใช่สิอาไม่ได้เป็นลูกรักของแม่แบบพี่ภานี่เข้าครัวมาเมื่อไหร่ก็เกะกะ ที่พี่ภาล่ะก็ให้ช่วยทำโน่นทำนี่เช๊อะ” ฉันแกล้งพูดงอนๆ แม่

“ขืนให้ช่วยสิครัวแม่ได้พังเป็นแถบ คราวก่อนก็ทำกระทะแม่ทะลุไปใบนึงแล้ว ไปไป๊ ออกไปเดี๋ยวก็ได้กินข้าวช้ามาร้องไห้ลั่นบ้านอีก” แม่ไล่ฉันทำท่ารำคาญอย่างเห็นได้ชัด

ฉันเดินจ๋อยออกมาจากครัวและมานั่งแปะลงข้างๆ พ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ชุดรับแขกหน้าบ้าน

“ไปกวนอะไรแม่เค้าอีกล่ะตัวยุ่ง”

“โห่พ่อไม่เข้าข้างลูกสุดที่รักเลยนะ มาหาว่าอายุ่งอีกแล้ว”

“เออแล้วเราคิดไงวันนี้ไปตัดหญ้าซะเตียนโล่งเลย”

“ว่างๆ น่ะพ่ออาก็เลยเข้าสวนไม่ได้เข้านานแล้วตั้งแต่พี่ภาไปเมืองนอก เออพ่อ พี่ภามีจดหมายมาอีกหรือเปล่า”

“ไม่มีทำไมเหรอ”

“เปล่าอะพ่อ เราโทรไปหาพี่ภาได้ปะอาอยากได้ยินเสียงพี่ภา”

“ได้สิแต่ต้องรออีกหน่อย สักเที่ยงคืนค่อยโทร ตอนนี้พี่เค้าคงออกไปข้างนอก”

“ต้องรอนานขนาดนั้นเลยเหรอพ่อ ว๊าอาคงหลับไปแล้วตอนนั้น”

“ษามาก็อยู่คุยกับษาเค้าไปก่อนสิ จะได้ไม่ต้องนอนเร็ว พรุ่งนี้วันอาทิตย์นี่ไม่ต้องตื่นเช้า”

“พ่อลูกมากินข้าวได้แล้ว ยายอายายษามาเร็วลูก” เสียงแม่ร้องเรียกพวกเราให้ลุกจากที่นั่งไปที่โต๊ะกินข้าว สามคนเดินเรียงหน้ากระดานไปที่โต๊ะและก็ต้องน้ำลายสอเมื่อเห็นกับข้าวที่แม่ทำ

“โหแม่วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรทำกับข้าวซะเยอะเชียว” พ่อถามแม่เพราะเท่าที่เห็นแม่ทำกับข้าวเหมือนกับจะฉลองอะไรสักอย่าง

“ก็เห็นษามาแม่ก็เลยทำกับข้าวของโปรดษาด้วยไง”

“แม่อะที่อาชอบกินแม่ไม่เคยคิดจะทำให้อากิน ที่พี่ษามาทำให้กินซะงั้น”

“ก็เรามันลิ้นจระเข้กินอะไรก็อร่อยไปหมด นั่นก็อร่อย นี่ก็อร่อย ทำอะไรก็กิน ยังจะมาเรียกร้องขอของโปรดอีกเหรอลูกคนนี้”

“แต่แม่คะที่อากินแล้ววอร่อยเพราะฝีมือแม่ต่างหากไม่ได้หมายความว่าลิ้นอาไม่รับรสอร่อยสักหน่อย” ฉันอ้อนแม่อีกแล้ว การประจบแม่เพื่อให้ได้มาซึ่งของโปรดเป็นเรื่องปกติสำหรับฉันและแม่ไปแล้ว

“พูดมากอยู่ได้กินๆ ไปซะ ษาลูกนี่ปลาทอดของโปรดลุกกินเยอะๆ นะผอมไปเยอะเลยเรา” แม่ตักปลาทอดให้พี่ษาชิ้นโตทีเดียว

“ค่ะแม่” พี่ษารับคกแม่แล้วก็ตักปลาชิ้นโตนั้นเข้าปากเคี้ยงงั้มๆ อย่างท่าทางอร่อย

ข้าวมื้อนั้นก็เลยเป็นข้าวมื้อที่มีแต่เสียงหัวเราะเพราะมีเรื่องใหม่ๆ ให้พูดคุย ไม่เงียบเหมือนเมื่อตอนที่พี่ภาไป เพราะหลังจากที่พี่ภาไปแล้ว บ้านนี้ก็เงียบเสียงทะเลาะของพี่น้องสองคน ที่หาเรื่องทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวัน

บ้านที่เงียบเหงากลับมาคึกครื้นอีกครั้ง ชีวิตชีวากลับมาเมื่อมีพี่ษาเข้ามาในบ้านหลังนี้ โดยเฉพาะฉันยิ้มกว้างกว่าใครๆ ในบ้าน อย่างน้อยฉันก็มีที่ปรึกษากลับมาอยู่ใกล้ๆ แม้จะเพียงชั่วครั้งชั่วคราวก็ตามเถอะ

เราอยู่ที่บ้านใหญ่ของพ่อกับแม่นั่งดูโทรทัศน์ ที่นานๆ ฉันจะดูสักครั้งพูดคุยกันด้วยเรื่องเรียนเรื่องเพื่อนของฉันกับพี่ษา และเมื่อถึงเวลาพ่อก็โทรไปหาพี่ภา

“Hello I’m Anoon Pa’s father. I want to call her.” พ่อบอกกับโทรศัพท์ไปและสักพักพี่ภาก็มารับสาย

“สวัสดีค่ะพ่อดีใจจังเลยที่พ่อโทรมาคิดถึงพ่อม๊ากมาก”

“ทำเป็นอ้อนมีคนอยากคุยด้วยแนะภาคิดถึงภาจะลงแดงตายอยู่แล้ว” พ่อบอกกับพี่ภาแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้กับฉัน

“พี่ภาคิดถึงที่สุดในโลกเลยพี่”

“ทำมาอ้อนจะเอาอะไรยะ”

“เอาตัวพี่ภากลับมาบ้านเราไง บ้านเหงามากเลยพี่ภา อาไม่มีคนทะเลาะด้วยเหงาจะตายอยู่แล้ว”

“อดทนหน่อยไอ้น้องอีกไม่กี่เดือนพี่ก็กลับบ้านแล้ว แล้วนี่ดื้อกับพ่อกับแม่หรือเปล่า”

“เปล๊าเค้าเป็นลูกที่ดีจะตายไป วันนี้เค้ายังไปตัดหญ้าในสวนให้พ่อเลย” ฉันอวดการทำงานของฉันให้พี่ภาฟัง จากนั้นสองพี่น้องก็คุยกันจนพี่ภาบอกว่า

“พอได้แล้วเปลืองเงินพ่อ แล้วพี่จะเขียนจดหมายไปหาทุกวันแล้วกันนะอาแค่นี้ก่อนนะน้องรัก Hej da”

“อะไรนะพี่ภา อะไรดัวๆ นะ”

“เฮดัว แปลว่า Good bye ไง ภาษาสวีดีส”

“อ่อๆ งั้น Hej da ด้วยคน” ฉันวางสายไปเรียบร้อย และเดินยิ้มแก้มปริกลับมาหาพ่อที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับแม่กับพี่ษา

“ขอบคุณค่ะพ่อที่โทรหาพี่ภาให้อาได้คุย ไม่อย่างนั้นอาคงขาดใจตายที่ไม่ได้ยินเสียงพี่ภา”

“พูดอย่างกับคนลงแดงอดเหล้าอย่างนั้นแหละอา” พี่ษาแซวฉัน

“ก็มันจริงๆ นี่พี่ษา ตั้งแต่พี่ภาไปอาไม่มีคนทะเลาะด้วยเลยต่อให้พี่ภาเขียนจดหมายก็เถอะมันก็ไม่เหมือนได้โต้ตอบกันแบบนี้” ฉันอธิบายให้พี่ษาได้เข้าใจ

“อืมเหรอ” พี่ษาพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด

“พี่ษาไปเถอะกลับไปนอนได้อาหลับสบายแล้วคืนนี้” อยู่ๆ ฉันก็ลุกขึ้นฉุดมือพี่ษาให้กลับไปบ้านน้ำเงิน

“เออไอ้ลูกคนนี้บทนึกจะไปก็ลุกพรวดพลาด” พ่อบ่นฉันที่เดินจ้ำอ้าวออกไปจากบ้าน ก่อนที่จะปิดประตูลงกลอนที่บ้านตามหลังฉันติดๆ

.....................

ฉันให้พี่ษาเปลี่ยนเป็นชุดนอนสีฟ้าลายโดเรม่อนของฉัน เพราะพี่ษาไม่ได้เอาชุดนอนมาด้วย ก่อนที่จะนอนคุยกันไปเรื่อยๆ

“พี่ษามาได้ไงคะ แล้วไม่มีเรียนเหรอ”

“อืมโรงเรียนพี่มีงานโรงเรียนปิดหนึ่งอาทิตย์”

“จริงๆ พี่ษาไม่ต้องไปเรียนอีกแล้วก็ได้นี่เน๊อะ เพราะพี่ษาสอบเทียบผ่านแล้ว”

“ก็ใช่”

“แล้วทำไมพี่ไม่เรียนเทคนิคการแพทย์ไปก่อนล่ะคะ ทั้งๆ ที่สอบติดแล้ว”

“พ่อพี่นะสิไม่ให้เรียนบอกเรียนต่อมอห้าไปก่อนถ้าไม่ได้หมอก็คงไม่ให้เรียนมั๊ง”

“งั้นพี่ก็เครียดแย่เลยสิถ้าสอบไม่ได้อีก”

“ก็คงงั้นมั๊ง”

“พี่ษา เกิดพี่ษาสอบไม่ได้อีกพี่จะทำไง”

“พี่ก็คงเรียนคณะที่พี่สอบติด”

“แล้วพี่เลือกที่ไหนอันดับหนึ่ง”

“ศิราราช”

“โห คะแนนสูงมากๆ เลยนะพี่ พอๆ กับจุฬาเลยอะ”

“ก็ใช่นะสิ”

“งั้นอาก็ต้องเลือกเรียนที่กรุงเทพสิคะ จะได้อยู่ใกล้ๆ พี่ษา”

“เอางั้นเลยเหรอ”

“ใช่แล้วอาอยากอยู่ใกล้ๆ พี่ทุกวันเลย อาคิดถึง” ฉันกอดพี่ษาแน่นมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมๆ กับหอมแก้มพี่ษาไปอีกฟอกใหญ่ เพื่อบ่งบอกว่าสิ่งทีฉันพูดนั้นเป็นเรื่องจริง

“อาทิตย์นี้พี่จะอยู่กับอาทุกวันไปรับไปส่งอาที่โรงเรียนด้วยดีไหม”

“ดีที่สุดในโลกเลยพี่ ดีมากๆ เลยด้วย” ฉันสนับสนุนความคิดของคนที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะหลับตาลงไปในอ้อมกอดของกันและกัน

ฉันไม่ได้หลับเต็มตาแบบนี้มานานมากแล้ว คืนนี้ขอหลับในอ้อมกอดของคนรักให้สบายๆ สักคืนเถอะ เหนือยเหลือเกินแล้วอาคิรา

.....................

เช้าวันจันทร์พี่ษาไปส่งฉันไปโรงเรียนถึงหน้าประตูโรงเรียน ฉันลงรถแล้วก็หอมแก้มพี่ษาไปหนึ่งฟอด เพื่อเป็นการขอบคุณที่พี่ษาตื่นเช้ามาส่งฉัน

“บ้าอาอายเค้าเซี้ยวใหญ่แล้ว” พี่ษาหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัดที่ฉันหอมแก้มเธอต่อหน้าธารกำนัล

“อายทำไมก็นี้แฟนอานี่ ใครๆ เค้าก็ทำกันเห็นปะนั่นไง” ฉันชี้ให้พี่ษาดูน้องคอซองที่กำลังหอมแก้มแม่ที่มาส่งที่โรงเรียน

“นี่อา นั่นเค้าแม่ลูกกันหอมแก้มกันมันจะแปลกตรงไหน แต่เราไม่ใช่นี่อาเราเอ่อ...”

“เป็นแฟนกันไงเอาน่าพี่ษาไหนๆ ก็ทำไปแล้วขี่รถดีๆ ล่ะ แล้วตอนเย็น บ่ายสามเป๊ะ มารับอาด้วยนะจ๊ะที่รัก” ฉันจับแก้มของพี่ษาทั้งสองข้างบีบเบาๆ ก่อนที่จะโบกมือบั๊ยบาย และเดินเข้าไปในโรงเรียนแต่ยังไม่ทันที่จะพ้นป้อมยามหน้าประตู ก็ปรากฏร่างของสุภนัยมาขวางทางของฉัน

“ใครนะอาพี่สาวอาเหรอ สวยจังเลย” สุภนัยถามฉันพร้อมกับคว้ากระเป๋าจากในมือของฉันไปถือเหมือนเช่นเคย

ฉันไม่ได้ตอบคำถามของสุภนัยแต่อย่างใด เดินตามสุภนัยไปที่ห้องสมุดเหมือนเช่นทุกวัน ในใจก็คิดว่าคงต้องบอกความจริงให้สุภนัยได้รับรู้ว่าฉันไม่เคยที่จะรักหรือชอบสุภนัยเลยสักนิดเดียว ฉันรู้ตัวแล้วว่าชาตินี้ฉันคงไม่สามารถรักผู้ชายคนไหนได้เลย

แต่จะบอกอย่างไรในเมื่อฉันไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ใครๆ ได้รับรู้ นัยนาโบกมือเรียกฉันอยู่ในห้องสมุดเหมือนเช่นทุกวัน

“เมื่อไหร่จะใจอ่อนล่ะอารับรักนายนั่นไปเถอะ”

“ไม่ไหวล่ะนาเราไม่รักเค้าจะให้รับรักได้ไง”

“อ้าวไหงเป็นงั้นไม่ใจอ่อนเลยสักนิดเลยเหรอ” นัยนาท่าทางจะอยากรู้เรื่องของฉันจริงๆ ตั้งคำถามที่ฉันเองก็ไม่อยากจะตอบ

“ไม่เลย”

“อามีคนรักอยู่แล้วงั้นสิ”

“ใช่” ฉันพยักหน้ารับ

“หาอะไรนะนี่เธอมีคนรักอยู่แล้วเหรอ ทำไมเราไม่เคยรู้มาก่อน เค้าเป็นใครรุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกับเรา” นัยนาถามฉันต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“รุ่นพี่ เป็นเพื่อนพี่ภา” ฉันตอบไปตามความจริงก็พี่ษาเป็นเพื่อนพี่ภาจริงๆ แต่ไม่ได้บอกแค่นั้นว่าพี่ษาเป็นผู้หญิง

“แบบนี้นายนั่นก็ต้องกินแห้วไปตามระเบียบ บอกๆ นายนั่นไปเถอะอาถ้าไม่กล้าบอกเราช่วยบอกให้ก็ได้” นัยนาเสนอตัวเป็นตัวช่วยฉันในการบอกปฏิเสธสุภนัย

“เย็นนี้เลยเป็นไงนัดนายนั่นที่สนามบาสบอกๆ ไปเลยอย่าให้นายนั่นคิดมากอีก” นัยนาเสนอและข้อเสนอนี้ฉันเองก็อยากจะรับแต่คิดได้ว่าฉํนนัดพี่ษาเอาไว้ให้มารับตอนหลังเลิกเรียน

“เย็นนี้คงไม่ได้เรานัดพี่ษาให้มารับ”

“อ้าวเหรอ เอองั้นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ไปเถอะไปรอเข้าแถวดีกว่ากริ่งดังแล้ว” นัยนาตัดบทเพราะเธอได้ยินเสียงกริ่งเรียกให้เข้าแถว ฉันเดินตามนัยนาไปที่สนามฟุตบอล

ปีนี้ฉันสูงขึ้นอีกแล้วฉันก็เลยกลายเป็นผู้หญิงแถวหลัง ยืนอยู่ใกล้ๆ กับแถวของผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ สักพักก็เหมือนมีอะไรดีดใส่หลังฉัน มันคงจะเป็นก้อนหินหรืออะไรสักอย่างแต่เมื่อหันหลังกลับไปมองก็ไม่เห็นต้นตอของสิ่งที่ดีดมาโดนฉัน แต่ที่พื้นเหมือนมีจดหมายหรืออะไรสักอย่างฉันเก็บมันขึ้นมาอ่าน

“เป็นแฟนกันนะอา เราชอบเธอ เป้อ”

ฉันขยำจดหมายนั้นจนแหลกคามือ เรื่องที่คุยกับนัยนาคงปล่อยเป็นพรุ่งนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว อาจจะต้องเป็นวันนี้ด้วยซ้ำไป ยิ่งพูดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

หลังเลิกแถวฉันตัดสินใจโทรเข้าบ้าน พี่ษาคงจะถึงบ้านฉันเรียบร้อยแล้ว รออยู่นานจนนัยนามาเคาะประตูตู้โทรศัพท์ ว่าให้ตามไปเรียนได้แล้ว ฉันทำไม้ทำมือบอกไปว่าเดี๋ยวตามไป

“พี่ษาค่ะเย็นนี้อาออกช้าหน่อยนะอามีเรื่องต้องเคลียร์ ถ้าพี่ษามาแล้วอายังไม่ออกไปพี่ษาตามมาที่สนามบาสเลยนะพี่ พี่จะได้ช่วยอาเคลียร์เรื่องนี้ด้วย แค่นี้นะคะอาต้องไปเรียนแล้วอย่าลืมนะคะพี่ษาตอนเย็นที่สนามบาส”

แสงอุษาเริ่มรู้สึกถึงเรื่องอะไรทะแม่งๆ ที่อาคิรากำลังจะทำ เพราะอาคิราไม่รอให้เธอได้ตอบกลับอะไรทั้งสิ้น แถมยังมัดมือชกเธอด้วย แล้วเรื่องอะไรที่อาคิราต้องเคลียร์ แถมยังต้องให้เธอไปเคลียร์ด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ

... จบบทที่ ๒๗ ...



Create Date : 13 กรกฎาคม 2551
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 1:33:53 น. 1 comments
Counter : 277 Pageviews.

 
เย้

ตื่นเช้าได้จองที่อ่านก่อนคนอื่นครับ


โดย: ธรรม (ห่วงใย ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:02:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.