Group Blog
 
All Blogs
 

วันนี้ไปปลูกต้นไม้ ปลูกใจมาค่ะ

เมื่อวานพี่ที่ทำงานบอกว่า ท่านผู้ว่า กทม. จะจัดให้มีการปลูกต้นไม้ คืนความสวยงามให้กรุงเทพ เพียงเท่านี้ ก็รีบค้นหาข้อมูลจาก หน้าหนังสือ ไม่ใช่ดิ facebook ในทันทีทันใด เจอแล้ว "โครงการคืนความสวยงามให้กรุงเทพมหานคร" แถมมีเพื่อนๆ บอกว่า ใส่เสื้อสีขาวและให้เอาพลั่วตักดินกับถุงมือไปด้วย งานจะเริ่มตั้งแต่ 7 โมง นี่ขนาดตื่นตั้งแต่ตี 5 ไปถึงหน้าเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ 7 โมงตรงเป๊ะ ก็ไปยืนเข้าคิวรับแจกเสื้อ ก็ยังอดเลย สงสัยงานหน้าคงต้องออกจากบ้านตอนตี 5 แทน หุหุ

คนใส่เสื้อสีขาวเยอะมาก มีทั้งไปแบบครอบครัว ไปกับเพื่อน ไปกับแฟน แต่ถึงเราจะไปคนเดียวก็สู้ไม่ถอย เพราะพกใจมาเต็มร้อยอยู่แล้ว (100 Pipers ไม่ใช่ M150) พิธีกรประกาศว่ามีทั้งหมด 6 จุดที่จะให้ปลูก มีตั้งแต่เซ็นทรัลชิดลม รร.โฟร์ซีซั่น อนุสาวรีย์ ร.6 เรื่อยไปจนถึงหน้า รพ.จุฬา ได้ยินเสียงคนบ่นเบาๆ ว่าไกล แต่เราก็ตั้งใจและว่าจะเดินไปให้ถึง รพ.จุฬา นี่แหละ ก็เดินมาเรื่อยๆ จนเจอกับพี่ๆ อีก 3 คน ก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ จากแยกราชประสงค์ จนถึง รพ.จุฬา จะมีป้ายรถเมล์สักกี่ป้าย ก็ไม่ได้สนใจจะนับ เดินมาจนถึง เราก็เริ่มปฏิบัติการ คืนพื้นที่สีเขียวให้ กทม. ทันที โดยการกระชับวงล้อม พี่สาวอีก 3 คน เราอีก 1 รวมเป็น 4 คน คนไหนมีแรงขุดก็ขุด คนที่เหลือก็ช่วยกันใส่ต้นไม้ ได้เหงื่อกันไป แต่ก็มีความสุข

ดีนะที่ซื้อถุงมือกับพลั่วเตรียมไป ไม่งั้นได้ขุดดินมือเปล่ากันแน่ๆ มีแต่คนบอกว่า ตา สอระยุด พูดว่าให้เตรียมแต่ตัวกับหัวใจไป ซะงั้น มีน้องผู้ชายคนนึงพาแฟนไปด้วย น้องผู้ชายก็ขุดดินไป แฟนเค้าก็ช่วยถือของให้ บางทีก็ซับเหงื่อให้ ดูแล้วน่ารักดีจัง ถ้าน้องผ่านมาอ่านเจอ ไม่ต้องแปลกใจ พี่คนใส่เสื้อยืดสีขาวลายโดราเอมอน เอง อิอิ (^_^)

พอปลูกต้นไม้เสร็จ ก็ล้างมือนั่งกินขนมที่มีคนใจดีนำมาแจก พร้อมกับนั่งฟังพี่สาวที่เพิ่งรู้จักกันอีก 3 คน คุยกันไป จนได้เวลาแยกย้าย เพราะเราก็ต้องกลับมาทำงาน

สรุป

ดีใจที่ 1 ที่ได้ไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ หลังจากพลาดจากงาน Big Cleaning Day

ดีใจที่ 2 ได้รู้จักพี่สาวใหม่เพิ่มอีก 3 คน แถมมีการแลกเบอร์โทร. กันไว้ด้วย เผื่องานหน้า หุหุ

ดีใจที่ 3 ได้ทำความดี 2 อย่างคือ ปลูกต้นไม้คืนความเขียวชอุ่มให้กรุงเทพ และแวะลงนามถวายพระพร ณ รพ.จุฬา

ดีใจที่ 4 ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย

เจอกันงานหน้านะ พ่อแม่พี่น้อง ฮิ้วววววววว

ปล. ได้เห็นพี่ผู้พันไก่อู ตัวเป็นๆ แล้ว คริคริ




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2553    
Last Update : 5 มิถุนายน 2553 16:24:32 น.
Counter : 394 Pageviews.  

5 ธันวา มหาราช

วันที่ 5 ธันวาคม 2552

วันนี้เราได้รับภารกิจฟิชโช่ จากพี่กรณิศ-4.00

ให้เป็นตัวแทนพี่เค้าไปเดินเทอดพระเกียรติ

ถึงแม้พี่เค้าจะไม่ให้เราไปแทน

เราก็ตั้งใจอยากจะไปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เราก็เลยนัดกับน้องๆ มี อัส วรรณ อ้อม ดา

ไปขึ้นเรือที่ท่าเดอะมอลล์ บางกะปิ

เห็นมีแต่คนใส่เสื้อสีชมพู รอเรือกันอยู่เล็กน้อย

แต่พอเรือเข้ามาจอด เสื้อชมพูเกือบเต็มลำเรือ

ดีนะที่ได้นั่ง ถ้ายืน สงสัยจะเมื่อย

เพราะกว่าจะถึงท่าผ่านฟ้ายังอีกตั้งหลายท่า

เรือแล่นไป คนก็ขึ้นมาเรื่อยๆ

สาวๆ ที่นั่งมา ไม่มีใครว่ายน้ำเป็นสักคน

เฮ้อ อัตราจะว่างทีเดียว 5 คนเลยไหมว้า

หันไปทางอ้อม ดมยาดมไปแล้วคับ พี่น้อง

หน้าตาซีดๆ สงสัยคงจะกลัว

ยิ่งเวลาเรือแล่นสวนกัน น้ำในคลองแสนแสบก็ยิ่งกระฉอก

ผ่านไปทีละท่า จนมาถึงท่าประตูน้ำ

เย้ เค้าให้เปลี่ยนเรือ ไปลงลำเล็ก

ค่อยหายใจหายคอคล่องหน่อย

และแล้วเรือก็มาถึงท่าผ่านฟ้า

เฮ้อ ถึงซะที รอดแล้วตู....อัตราไม่ว่าง หุหุ

แต่นั่นอะไรกัน ผู้คนมากมายมาจากไหนเนี่ย

มีแต่เสื้อสีชมพูเต็มถนนราชดำเนินไปหมด

เอ หรือจะเป็นม็อบสีชมพู อะจึ๋ย

ดีนะที่เค้าให้เปลี่ยนจากเสื้อขาว

ไม่งั้นคงได้เป็นแกะขาวในหมู่แกะชมพู อิอิ

เห็นขบวนพาเหรดแล้วอยากเดินตามพวกนักเรียนนายร้อยจัง

หล่อๆ ทั้งนั้นเลย แต่หมดสิทธิ์ เพราะเค้าให้ทำพิธี

ตรงลานมหาเจษฎาบดินทร์ เฮ้อ เสียดายจัง

อ๊ะๆ แต่เราก็ได้ถ่ายรูปกับท่านอธิบดีฯ เชียวนะ

ก็ทำพิธีกันไป ได้รับแจกเทียนสีชมพู

สีช้อกกิ้งพิ้งค์สีสวยมาก น่ามาปักเค้กวันเกิด อิอิ

เสร็จแล้วก็ได้เวลา... ..

แต่อนิจจัง มือถือใช้บ่ได้ เครือข่ายไม่ว่าง

แล้วจะหากันเจอไหมเนี่ย แต่เหมือนโชคช่วย พีซีทีใช้ได้ อิอิ

ก็เลยได้เจอพี่เค้า แถมยังพาเดินกลับมารับโปสการ์ด

หลังจากที่เราเดินมะงุมมะงาหรา ไปคนละทิศละทาง

แล้วก็ถึงเวลากลับบ้าน

เสร็จสิ้นภารกิจฟิชโช่....สำหรับวันนี้

"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ"




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2552    
Last Update : 7 ธันวาคม 2552 3:33:19 น.
Counter : 211 Pageviews.  

สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

เมื่อวานตอนเช้ารีบเดินเพราะนัดเพื่อนๆ ไว้
จะไปงานศพพ่อเพื่อนที่โคราชกัน
อยู่ดีๆ สร้อยคอที่ห้อยพระไว้หลุด
องค์พระพุทธหายไป
ใจหายแว้บเลย
เพราะพ่อกะแม่เช่ามาให้จากวัดหลวงพ่อโสธร
ที่แว้บเพราะเสียดาย
อีกใจก็กังวล เพราะกำลังจะเดินทางไกล
ก็เลยลองเดินกลับไปดูจากที่ลงรถประจำทาง
เดินมองไปเรื่อยๆ
ก็เจอ หลวงพ่อโสธร องค์เล็กเท่าใบมะขาม
ประมาณเหรียญ 50 สตางค์ แต่เป็นรูปวงรี
นอนสงบนิ่งอยู่กับพื้น

เดินเข้าไปหยิบ ดีใจมากๆ
เพราะได้ของรักกลับคืน
และคลายกังวลที่จะต้องเดินทางไกล
เพราะทุกครั้งเวลาไปต่างจังหวัดทีไร
จะห้อยหลวงพ่อโสธรองค์นี้ทุกครั้ง
ไปร่วมงานศพพ่อของเพื่อน
จนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย

บางครั้งคนเราก็ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ หรืออะไรก็ตามแต่
แต่เราเชื่อว่า ต่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ในสากลโลก
มาช่วยคุ้มครองหรือดลบันดาลให้เราสมปรารถนา
ก็คงไม่เท่ากับที่เรา คิดดี ทำดี
สิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง

สาธุ




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2551    
Last Update : 1 มิถุนายน 2551 22:58:55 น.
Counter : 246 Pageviews.  

3 วันแห่งความสงบ

ลมหายใจเข้า
ลมหายใจออก
ดั่งดอกไม้บาน
ภูผาใหญ่กว้าง
ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น
ดั่งนภากาศ อันบางเบา....

บทเพลงที่ไพเราะ
และการ์ตูนแอนิเมชั่น
ที่เพิ่งจะผ่านสายตาเราไป
เป็นเพลงของใครกันนะ
ช่างดูน่ารัก และน่ารื่นรมย์ซะนี่กระไร
เรายืนดูหน้าจอทีวี พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
จนไตเติ้ลเพลงขึ้นน่ะแหละ
ถึงได้รู้ว่าเป็นเพลงของเสถียรธรรมสถาน
นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็น....

จนเวลาผ่านไป........

ในวันหนึ่ง สภ.2 ได้มีหนังสือฝึกอบรมปฏิบัติธรรม
โดยที่ยังไม่รู้ว่า จะไปที่ใด
เราก็ลงชื่อ ขอสมัครไปด้วย
จนอาทิตย์ถัดมา เราถึงได้รู้ว่า
เป็นโครงการที่จะได้ไปปฏิบัติธรรมที่ เสถียรธรรมสถาน
ในใจเราแอบลิงโลดเล็กน้อย
อืม เป็นสถานที่ที่เราอยากไปมานานแล้ว


เช้าวันที่ 17 กรกฎาคม 2550
มีรถตู้จาก สำนักงาน พา 22 ชีวิตไปถึงยัง เสถียรธรรมสถาน
อย่างปลอดภัย แม้จะไปถึงช้าไปสักหน่อย
แต่ก็ยังทันเวลา ที่จะนั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวเห็ดหอมที่แสนอร่อย
เป็นอาหารมังสะวิรัติมื้อแรกที่เราได้ลิ้มลอง
พอทานเสร็จก็ต้องนำชามไปล้างให้สะอาดเรียบร้อย
แล้วตรงไปที่ ธรรมศาลา
มีแม่ชีให้คำแนะนำเบื้องต้นในการเข้าพักแรม

เรา พี่นา แจ๋ว ได้พักอยู่ด้วยกัน
ที่นอนพร้อมหมอนอีก 1 ใบ
หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อย
ก็ตรงไปที่ธรรมศาลากันเลย
เพื่อที่จะสวดมนต์ทำวัตรเช้า
พอ 11.30 น. ก็ได้เวลาพิจารณาอาหารมื้อเที่ยง
ข้าวกล้อง-ผัดผักรวม-แกงจืดเต้าหู้สาหร่าย-สัปปะรด
อืม ช่างเป็นอาหารที่อร่อยจริงๆๆ
หลังจากทานอาหารเสร็จก็พอจะมีเวลาพักผ่อนเล็กน้อย

พอ 13.30 น. ก็ถึงเวลาสวดมนต์อีกครั้ง
แต่คราวนี้มีการเดินจงกรมด้วย
เป็นการเดินจงกรมที่สบายๆ
เพราะเดินเท้าเปล่าๆ บนผืนทราย
และมีต้นไม้ล้อมรอบตัวเรา
นั่นต้นสาละ ต้นไม้ในพุทธประวัติ

เราพยายามสูดลมหายใจรับอากาศที่แสนจะบริสุทธิ์เข้าไปอย่างเต็มปอด
เดินเรื่อยๆ ไปมีต้นไม้นานาชนิด ใบเขียวๆ อ้อ มีน้องกิ้งกือเดินเป็นเพื่อนด้วย
เดินต่อไปเจอสระบัวขนาดใหญ่ บัวกระด้ง เกิดมาก็เพิ่งจะได้เห็นใบบัวที่ใหญ่มากๆ ขนาดนี้

ระหว่างทางมีรูปปั้นดินเผาหน้าตาน่ารักๆๆ เป็นรูปเด็กบ้าง แม่ชีน้อยบ้าง
แอบอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ คอยส่งยิ้มทักทายแขกรับเชิญอย่างพวกเราตลอดระยะทาง
จนเดินกลับมาถึง ธรรมศาลา เราก็ได้นั่งสมาธิต่อ
มีแม่ชีมาบรรยายธรรมให้เราฟังแบบสบายๆๆ เป็นกันเอง
จนถึงเวลา 16.00 น. ก็ได้เวลาดื่มน้ำปาณะ ก็คือน้ำเต้าหู้นั่นเอง
แปลกมาก เราไม่รู้สึกหิวเลย ทั้งๆ ที่ทุกทีจะต้องกินข้าวเย็น
เสร็จแล้วก็ไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นต่อ จน 21.00 น. ถึงได้กลับไปพักผ่อน
คืนแรกของการนอน เรานอนไม่หลับ
จะเป็นเพราะนอนแปลกที่ หรือเพราะหมอนที่หนุนสูงเกินไป เราก็ไม่รู้

วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 เวลา 04.00 น.
เรารู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงคนเดิน
บางคนเริ่มไปแปรงฟันกันแล้ว เราก็เช่นกัน
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย
เราก็เดินไปธรรมศาลากัน เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้า

พอ 06.00 น. เราก็ออกไปปูผ้ายางที่สนามหญ้าใต้ต้นโพธิ์
เพื่อที่จะทำโยคะสมาธิ โดยมีแม่ชีคอยให้คำอธิบาย
เป็นโยคะที่ใช้ลมหายใจเข้าและออก เป็นเครื่องมือในการทำ
และเป็นท่าโยคะที่ง่ายๆ ไม่ยากจนเกินไป
อากาศดีๆ ต้นไม้สีเขียวๆ พื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม
จะมีใครสักกี่คนที่จะโชคดีได้มาสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้บ้างหนอ
หลังจากทำโยคะเสร็จก็มีการทำความสะอาดธรรมศาลา
ช่วยกันเก็บใบไม้ที่หล่นจากต้น เพื่อไม่ให้ใบไม้กองทับถมกลายเป็นขยะ
เสร็จแล้วก็ไปพิจารณาอาหารเช้ากัน
วันนี้เป็นข้าวต้ม-ไข่เค็ม-ผัดถั่วงอก-เงาะ
เป็นอีก 1 มื้อที่สุดแสนจะอร่อย
พอกินเสร็จก็ไปสวดมนต์ทำวัตรเช้ากันต่อ

พอมื้อเที่ยง ก็เป็นข้าว-ยำวุ้นเส้น-ผัดผัก-สัปปะรด อร่อยอีกแล้ว ^_^
แล้วก็ไปสวดมนต์ ฟังบรรยายธรรมกันต่อ
แต่คราวนี้แม่ชีศันสนีย์เป็นผู้มาบรรยาย
มองดูจากที่ไกลๆ ท่านดูมีรัศมีของความเมตตากรุณามากๆ เลย
ท่านมาบอกเล่าถึงภารกิจที่มากมาย
แต่ท่านก็ดูมีความสุขที่จะได้ทำ
ท่านบอกว่า ท่านภูมิใจที่มีคนเห็นคุณค่าของท่านและให้ท่านทำสิ่งเหล่านั้น
ทำให้เราคิดย้อนถึงตัวเอง ที่ใครๆ ใช้เราทำงาน
เพราะเราคงจะมีความสามารถที่จะทำงานเหล่านั้นได้ดี เค้าถึงใช้

ได้ข้อคิดมา 1 ข้อและ ^_^

พอตอน 16.00 น. ก็ได้เวลาดื่มน้ำปาณะ กันอีกแล้ว อร่อยจริงๆ
เสร็จแล้วก็ไปสวดมนต์ เพื่อทำวัตรเย็นต่อ
อ้อ ได้ดูการ์ตูนแอนิเมชั่นแม่ชีน้อยด้วย
ก็เพลงเดียวกับที่เราเคยได้ดูจากทีวีที่บ้านน่ะแหละ

และแม่ชีได้สอนวิธีการออกกำลังกายจากเพลงนี้ด้วย
เป็นบทเพลงที่เข้าใจง่าย แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็สามารถทำตามได้โดยง่าย

แต่เรารู้สึกเบื่อแค่อย่างเดียว
คือ ในห้องพักเราพักรวมกัน 20 คน
และกลุ่มของพี่จิ๋มกับน้องๆ ก็ต้องส่งเสียงพูดคุยกันอึกทึก
ทำไมเค้าช่างไม่เกรงใจคนอื่นบ้างเลยนะ

แต่เราก็ไม่อยากให้จิตใจเราขุ่นมัว
เราก็เลยนอนอุดหู และเอาผ้าห่มคลุมซะ
และพยายามหายใจเข้าและออก จนเราหลับไปเอง


วันที่ 19 กรกฎาคม 2550 วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการปฏิบัติธรรม
วันนี้เราก็ตื่นตี 4 อีกตามเคย เราคงจะเริ่มเคยชินกับการตื่นเวลานี้
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ
เราก็ตรงไปที่ธรรมศาลาเหมือนเดิม
หลังจากนั้นก็ออกไปทำโยคะสมาธิ แต่จะมีท่าที่ต่างจากเมื่อวานบ้างเล็กน้อย
ซึ่งเป็นท่าที่ไม่ยากจนเกินไป

แล้วเราก็ไปพิจารณาอาหารเช้า เช้านี้เป็นราดหน้าเส้นหมี่-แตงโม
แล้วก็ไปสวดมนต์กันต่อจนถึงเวลาพิจารณาอาหารเที่ยง
มื้อสุดท้ายเป็นเส้นใหญ่ผัดซีอิ้วใส่ใข่-ลำไย
ทำให้เราเกิดความคิดว่า ครั้งต่อไปถ้าจะสั่งผัดซีอิ๊วจะให้ใส่แต่ไข่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ดีกว่า
พอทานเสร็จเราก็ไปเดินช้อปปิ้งกะพี่นาต่อ เราซื้อกระปุกออมสินแม่ชีน้อย
กับสมุดฉีกมา 6 เล่มเอาไว้ไปแจกน้องๆ ที่งานธุรการ

พอตอนบ่ายเราก็ได้ดูวีดีโอเรื่อง บัว กัน เราเกือบจะร้องไห้หลายครั้ง
แต่เรื่องของบัว ก็เป็นอุทธาหรณ์ให้เราได้เป็นอย่างดี
ดูวีดีโอเสร็จก็ถึงเวลาต้องไปปลูกต้นสาละเป็นที่ระลึก
แล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน
ตอนแรกพี่เล็กชวนเรากะพี่นากลับด้วย

แต่เราเห็นว่า พี่เล็กชวนพี่ยากะพี่นิดกลับด้วย
เราเลยขอแยกตัวกลับกะส่วนปัณฯ แทน

แต่ส่วนปัณฯ ก็ชวนโอ๊ะกะแอนกลับ
แล้วแถมน้องแอนยังซื้อต้นสาละกลับด้วย
คน 5 คนแถมกระเป๋าและของอีกพะรุงพะรัง
แถมพอบอกแท็กซี่ว่าจะมาบางนา ก็มีแต่คนส่ายหน้า
ก็แหม รามอินทรา-บางนา มันใกล้กันซะที่ไหนล่ะ

ระหว่างที่รอแท็กซี่เราเลยหันไปถามพี่ผู้หญิงที่ยืนรอรถอยู่เช่นกัน
ว่าเราจะไปต่อรถเมล์ได้ที่ไหนบ้างเพื่อที่จะไปบางนา
พี่เค้าก็ช่างใจดีเหลือเกินให้เรากะพี่นาติดรถไปลงที่โลตัส-อ่อนนุช
เรา 2 คนก็เลยโชคดีไม่ต้องเสียเงินค่ารถแท็กซี่กัน
แถมมาถึงได้เร็วกว่าด้วย

และเราก็เห็นกลุ่มพี่จิ๋มกะน้องๆ ขึ้นรถ 2 แถวออกมา

และเรามารู้ทีหลังว่า ที่พี่เล็กชวนพวกเพื่อนๆ เค้ากลับรถพี่นิด

โดยที่แย่งพวกเด็กๆ ช่างดูไม่ดีเอาซะเลย
ดีแล้วนะที่เรากะพี่นาไม่ได้กลับกะพวกเค้า


ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ทำให้เราประทับใจ
จนต้องเก็บมาเรียบเรียงและบันทึกไว้ในความทรงจำ

ขอขอบคุณสำหรับภาพทุกภาพที่นำมาจาก //www.sdsweb.org
ของเสถียรธรรมสถานค่ะ





 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2550 4:17:07 น.
Counter : 516 Pageviews.  

Come back to me

วัน เวลา ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จากวัน เป็นเดือน เคลื่อนไปสู่อีกปีหนึ่ง

ครบปีแล้วสินะ ที่เราเหมือนคนไม่รู้จักกัน

ไม่มีการพูดคุย ไม่มีเสียงที่เคยได้ยิน

ไม่มีความคิดถึง ไม่มีความรัก.....

เคยมีคนบอกว่า

เวลาจะช่วยเยียวยาบาดแผลของหัวใจได้

แต่ในใจลึกๆ แล้ว

ความรู้สึก ความคิดถึง ไม่เคยจางหายไปจากใจของเราเลย

Visions of ur lovely face
As I awake, I have this feeling
that you're here and beside me
how silly of me, I know

all the pain will go away
so I say it, here I am again
I gotta face another day
I'm so tired, I need u once again oh baby

How am I suppose to carry on,
I find myself singing the same old song
If you hear me, have it in ur heart
but please come back to me (oh baby)

ถึงจะฟังเพลงนี้สักร้อย สักพันครั้ง

มันก็คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

คนจะไป ต่อให้รักมากเพียงใด

ก็คงจะใช้หัวใจรั้งเขาไว้ไม่ได้

I'll be right here if you need someone
If you hold another I'll be moving on
As easy as said
Just hope that I can see the road Yeah, Yeah

Oh how it's been so long
It seems a lifetime passed
These memories that linger,
soon as I think they have gone

ชีวิต...คงยังต้องดำเนินต่อไป

อาจจะได้พบ ได้เจอผู้คนอีกมากมาย

แต่คุณจะเป็นเพียงคนเดียว

ที่ยังอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเสมอ.....ขอสัญญา




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2550 2:38:52 น.
Counter : 233 Pageviews.  

1  2  

pimsennam
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชื่อ พิม ค่ะ
Friends' blogs
[Add pimsennam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.