Group Blog
 
All Blogs
 
My Tear : Chapter 10 You're Beautiful Part I




แฮร์รี่มองรูปถ่ายของมัลฟอยที่ถ่ายได้จากบาร์ของมักเกิ้ลด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูกว่าเขาตกใจหรือประหลาดใจมากกว่ากันขณะที่ชายหนุ่มพูดออกมา
“นี่มัน.....เป็นไม่ไปไม่ได้!” แฮร์รี่พูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม้ด-อาย มู้ดดี้ ดวงตาสีเขียวของเขาดูพิศวงเป็นอย่างมาก ราวกับชายหนุ่มคิดว่าสิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่นี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ ในขณะที่รอนก็มีท่าทางไม่ต่างจากเขาซักเท่าไหร่นัก
เพราะทั้งแฮร์รี่และรอนต่างเชื่อเหมือนกันว่าการที่ เดรโก มัลฟอย พ่อมดเลือดบริสุทธิ์ที่แสนจะภาคภูมิใจในสายเลือดของตนเองไปนั่งอยู่ในบาร์ของมักเกิ้ลนั้นมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อพอ ๆ กับที่โวลเดอมอร์กลายเป็นคนดีเลยทีเดียว นี่ยังไม่นับเรื่องที่ทั้งสองคิดว่าเขาไม่น่าจะอยู่ที่อังกฤษในตอนนี้แล้วด้วย
แต่ก่อนที่สองหนุ่มจะได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น แม้ด-อาย มู้ดดี้ก็ชิงพูดขึ้นก่อน เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของแฮร์รี่กับรอนก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
“สายของเรายืนยันอย่างชัดเจนว่าเดรโก มัลฟอยไปปรากฎตัวที่ผับของมักเกิ้ลพร้อมกับแกร์รี่ มิลเลอร์จริง ซึ่งแน่นอนว่ามัลฟอยยังคงอยู่ในอังกฤษอยู่ในตอนนี้ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาคงอยู่ในอังกฤษในวันที่สายของฉันไปพบตัวเขาเข้าและถ่ายรูปนี้มา” มู้ดดี้พยักเหยิกไปยังรูปถ่ายในมือของชายหนุ่มผมดำ
“แต่ผมไม่คิดว่า ไม่ใช่สิ มันไม่มีทางที่คนอย่างมัลฟอยจะเข้าไปที่ผับของมักเกิ้ลแบบนี้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขารังเกียจพวกมักเกิ้ลแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกมักเกิ้ลเลย แค่คนที่เกิดจากมักเกิ้ลอย่างเฮอร์ไมโอนี่......” จู่ ๆ เสียงของแฮร์รี่ก็ขาดหายไปทันทีที่เขาเอ่ยคำว่าเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา ชายหนุ่มผมดำก้มลงมองรูปถ่ายในมือของตัวเองอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม้ด-อาย ดวงตาสีมรกตของเขามีแววสับสนก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นตกใจ
“คุณบอกว่ามัลฟอยไปปรากฏตัวที่ผับแห่งนี้พร้อมกับมิลเลอร์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มิลเลอร์ไม่เคยไปปรากฏตัวในที่สาธารณะเลยจนกระทั่งวันที่เขาไปทำร้ายผมใช่ไหมครับ” แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างรีบร้อนจนเสียงของเขาสั่นเทา ซึ่งตัวชายหนุ่มเองก็บอกไม่ได้ว่ามันเกิดจากความตื่นเต้นที่เขาได้รับรู้ความจริงหรือเกิดขึ้นเพราะความตกใจกลัวกันแน่
“ใช่” แม้ด-อายตอบกลับมา
“ถ้าอย่างนั้น.....” แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างร้อนรน และในคราวนี้ไม่ได้มีแค่เสียงของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่สั่น เพราะในตอนนี้มือของชายหนุ่มที่ถือแฟ้มซึ่งมีรูปของมัลฟอยอยู่ก็พลอยสั่นเทาไปด้วย
แฮร์รี่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากราวกับลำคอของเขาแห้งผากเกินกว่าจะเอ่ยคำพูดต่อไปออกมาได้
“มันจะเป็นไปได้ไหมครับว่ามัลฟอยเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ ทั้งเรื่องลอบสังหารผม รวมไปถึงเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกลักพาตัวไปด้วย” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แปลกแปร่ง และถ้าเขาฟังไม่ผิด แฮร์รี่แน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงรอนหายใจอย่างอึดอัดอยู่ข้างหลังเขา
“ฉันว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ แฮร์รี่ นายก็รู้ว่าคนอย่างมัลฟอยน่ะรังเกียจ เอ่ย คนที่เกิดจากมักเกิ้ลอย่างเฮอร์ไมโอนี่มากแค่ไหน แล้วทำไมเข......” ชายหนุ่มผมแดงเริ่มพูด แต่แฮร์รี่ไม่ฟังเขา ชายหนุ่มผมดำหันกลับไปหาแม้ด-อายอีกครั้ง
“คุณคิดว่ายังไงครับ” แฮร์รี่ถามขณะที่มู้ดดี้มีสีหน้าครุ่นคิด ตาวิเศษของเขาเลื่อนไปมองรูปในมือของชายหนุ่มก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย แต่ฉันสงสัยว่าอะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น พอตเตอร์” มู้ดดี้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้าวลึก น้ำเสียงที่บอกว่าเขาเองก็หนักใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“เหตุผลง่าย ๆ ครับ” แฮร์รี่ตอบอย่างรวดเร็วราวกับเขาไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย
“มัลฟอยมีความแค้นกับผม เขาแค้นผมมาตั้งแต่สงครามจบลงเพราะผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อแม่ของเขาต้องตาย และเขาก็ต้องการแก้แค้นผมแต่เขารู้ว่าเขาสู้ผมซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้อยู่แล้ว เขาจึงลักพาตัวเฮอร์ไมโอนี่ไป” น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูเจ็บปวดยิ่งนักเมื่อเขาเอ่ยชื่อของหญิงคนรักออกมา ผู้หญิงที่สำคัญมากกว่าชีวิตของเขาเอง แต่เขากลับปกป้องเธอไว้ไม่ได้ และที่สำคัญแฮร์รี่เองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคู่หมั้นของเขาตกอยู่ในสภาพไหนในตอนนี้!
ชายหน่มหลับตาลงอย่างปวดร้าวก่อนจะพูดต่อ
“เพราะเขารู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผม เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม และผมก็คงต้องเจ็บปวดอย่างที่สุดถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันแต่งงานของผมเอง และมัลฟอยก็ลักพาตัวไปจากผมเพราะเขาต้องการให้ผมเจ็บปวด เพื่อเป็นการตอบแทนที่ผมทำให้เขาสูญเสียครอบครัวที่เขารักไป” แฮร์รี่พูดพลางกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดของเขาปูดโปนออกมา ใช่แล้ว แค่ตอนนี้เขาก็เจ็บเจียนตายอย่างที่มัลฟอยต้องการให้เขาเป็นแล้ว เพราะทุกวันนี้แฮร์รี่ต้องทนอยู่กับความทุกข์ทรมานในการสูญเสียเฮอร์ไมโอนี่ไป ทุกวันเขาเอาแต่โทษตัวเองว่าทำไมเขาถึงไม่ปกป้องเธอให้ดีกว่านี้ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ว่ามีผู้เสพความตายเป็นจำนวนมากที่ลอยนวลอยู่ข้างนอกนั่น ถ้าหากเขาดูแลเธอให้ดีกว่านี้บางทีเรื่องแบบนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นกับเธอก็ได้ เธออาจจะไม่ถูกลักพาตัวไปและเขาก็อาจจะไม่ต้องสูญเสียเธอไปอย่างในวันนี้ก็เป็นได้!
ชายหนุ่มทรุดตัวพึงกำแพงห้องอย่างช้า ๆ ราวกับเขาไม่สามารถจะยืนได้อีกต่อไปถ้าไม่มีอะไรมาช่วยถ่ายเทน้ำหนัก ขณะที่รอนและแม้ด-อายมองเขาอย่างเห็นใจ แต่จู่ ๆ เสียงของมือปราบมารอาวุโสก็ดังขึ้นและปลุกแฮร์รี่ขึ้นจากภวังค์
“แล้วเหตุผลอื่นล่ะ พอตเตอร์ ฉันเชื่อว่าเธอคงมีเหตุผลอื่นที่เชื่อว่ามัลฟอยอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้มากกว่าแค่เขามีความแค้นกับเธอเท่านั้นใช่ไหม” แม้ด-อายพูดพลางมองแฮร์รี่ [ด้วยดวงตาทั้งสองข้าง] อย่างเป็นห่วง ขณะที่ชายหนุ่มผมดำพยักหน้าให้เขา
“ครับ” แฮร์รี่ตอบ พลางมองแฟ้มที่อยู่ในมือของเขาอีกครั้ง
“เหตุผลอีกข้อก็คือ ผมคิดว่าแกร์รี่ มิลเลอร์คนนี้น่าจะสนิทสนมกับมัลฟอยอยู่บ้างจากการที่เขาสองคนออกไปข้างนอกด้วยกันแบบนี้” ชายหนุ่มชี้ไปที่รูปของมัลฟอยกับแกร์รี่ที่อยู่ในมือ
“อีกอย่าง ผมคิดว่าการที่มัลฟอยกับมิลเลอร์ไปปรากฏตัวที่ผับของมักเกิ้ลด้วยกันน่าจะมีจุดประสงค์อื่นมากกว่าแค่ไปเที่ยวตามประสาผู้ชายเท่านั้น เพราะพวกเขาทั้งสองคนเคยเป็นผู้เสพความตาย อาจจะแค่ไม่ใช่เคยด้วยซ้ำ เพราะเราก็ทราบอย่างชัดเจนแล้วว่ามิลเลอร์ยังคงเป็นผู้เสพความตายอยู่ และไม่แน่มัลฟอยก็น่าจะเป็นเช่นนั้นด้วย แต่การที่ผู้เสพความตายสองคนเข้าไปในบาร์ที่มีแต่มักเกิ้ลมันก็ออกจะผิดวิสัยของพวกเขาอยู่มาก แม้ว่าไอ้มิลเลอร์คนนี้จะต้องการไปหานักเต้นที่เขาเป็นขาประจำอยู่ก็ตาม แต่มันจะเป็นไปได้เหรอที่คนอย่างมัลฟอยจะลดตัวลงไปเที่ยวสถานบันเทิงที่มีแต่มักเกิ้ลแบบนี้” เขาอธิบายให้แม้ด-อายรวมทั้งเพื่อนรักของเขาฟัง และดูเหมือนว่าครั้งนี้รอนจะไม่ขัดแฮร์รี่อีกต่อไป ตรงกันข้ามชายหนุ่มผมแดงกลับออกความเห็นไปในทางเดียวกับเขาอีกด้วย
“นายหมายความว่าที่ทั้งสองคนนี้ไปพบกันที่ผับของมักเกิ้ลก็เพื่อหลบสายตาของมือปราบมารเพราะพวกเขามีเรื่องที่ต้องปรึกษากันอย่างนั้นเหรอ” รอนพูดออกมา ขณะที่แฮร์รี่หันไปมองเขาและพยักหน้าให้
“ฉันคิดแบบนั้นแหละ รอน ลองสังเกตดูสิว่าในรูปมัลฟอยใส่สูทแบบมักเกิ้ลแทนที่จะสวมชุดแบบพ่อมด ซึ่งแสดงว่าเขาตั้งใจปลอมตัวเป็นมักเกิ้ล และนั่นเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาเป็นพ่อมด และถ้าถามผมนะว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น” เขาหันไปพูดกับแม้ด-อายที่มีท่าทีเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่
“ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้มีใครจำได้ว่าเขาเป็นใคร และที่เขาไม่เลือกนัดมิลเลอร์ในร้านของพ่อมดแม่มดก็เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนจำเขาได้อย่างแน่นอน มีใครในโลกเวทย์มนตร์บ้างล่ะที่จะไม่รู้จักเดรโก มัลฟอย ลูกชายของลูเซียส มัลฟอย อดีตมือขวาของโวลเดอมอร์น่ะ” แฮรรี่พูด ขณะที่แม้ด-อาย มองเขาด้วยแววตาเฉียบคมทันทีที่เขาเอ่ยชื่อลูเซียส มัลฟอยออกมา และจู่ ๆ ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของมือปราบมารอาวุโสคนนี้
“ฉันไม่แปลกใจเลยพอตเตอร์ว่าทำไมเธอถึงสามารถเอาชนะโวลเดอมอร์ได้ รวมทั้งกลายเป็นมือปราบมารอันดับหนึ่งของกระทรวงด้วย” แม้ด-อายพูดด้วยน้ำเสียงพออกพอใจ ขณะที่แฮร์รี่รวมทั้งรอนมองเขาอย่างแปลกใจ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองจะถามอะไรออกไปแม้ด-อายก็เฉลยข้อสงสัยของพวกเขาออกมาเสียก่อน
“ที่เธอบอกว่ามัลฟอยน่าจะรู้จักกับมิลเลอร์ดี รวมทั้งพวกเขาทั้งสองน่าจะมาพบกันใบบาร์ของมักเกิ้ลเพื่อพูดคุยเรื่องบางอย่างมากกว่าจะไปหาความสุขตามแบบผู้ชายทั่วไปนั้นฉันเห็นว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะก่อนหน้านี้สายของเราเคยรายงานมาว่ามิลเลอร์คนนี้ซึ่งเป็นผู้เสพความตายที่เคยอุทิศตนให้โวลเดอมอร์เป็นอย่างมากในสมัยสงคราม จนเขาได้เข้าเป็นสมุนระดับวงในของโวลเดอมอร์นั้นสนิทสนมกับตระกูลมัลฟอยอยู่มากทีเดียว จะเรียกว่าสนิทสนมก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะได้เข้าไปอยู่ในวงในของผู้เสพความตายก็ตาม แต่เขาเป็นลูกสมุนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าลูเซียสและเดรโกมากนัก ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือ มิลเลอร์คนนี้เคยรับใช้ตระกูลมัลฟอยมาก่อน ตอนสมัยที่โวลเดอมอร์ยังคงเรืองอำนาจ ในฐานะที่ลูเซียส มัลฟอยเป็นมือขวาของเจ้านายของเขา มิลเลอร์จึงปฏิบัติกับลูเซียสอย่างเดียวกับที่บ่าวปฏิบัติกับนาย และฉันเคยได้ยินมาด้วยว่าหลังจากที่สงครามจบลงใหม่ ๆ พวกผู้เสพความตายที่หนีรอดไปได้ได้พากันรวมตัวขึ้นเพื่อแก้แค้นให้เจ้านายของพวกมัน และตอนนั้นกลุ่มผู้เสพความตายที่นำโดยมิลเลอร์คนนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเชิญเดรโก มัลฟอยขึ้นมาเป็นเจ้านายของพวกมันในฐานะที่เขาเป็นลูกชายคนเดียวของลูเซียสที่เป็นอดีตมือขวาของโวลเดอมอร์” มู้ดดี้อธิบายขณะที่แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมผมถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยล่ะครับ” เขาถามออกมา ถ้าหากว่าแกร์รี่ มิลเลอร์คิดจะรวบรวมเหล่าผู้เสพความตายที่รอดชีวิตจากสงครามเพื่อกลับมาแก้แค้นให้โวลเดอมอร์รวมทั้งเชิญเดรโกขึ้นมาเป็นหัวหน้าของพวกมัน ทำไมเขาซึ่งตอนนั้นเปรียบเสมือนผู้นำชั่วคราวของเหล่ามือปราบมารในตอนที่สงครามเพิ่งจบลงใหม่ ๆ ไม่รู้เรื่องที่สำคัญแบบนี้เลยค่ะ
“เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้ตอบรับคำเชิญน่ะสิ ฉันหมายถึงเดรโก มัลฟอยน่ะ เท่าที่ฉันรู้มามัลฟอยไม่ได้ตอบตกลงไปเป็นหัวหน้าของพวกผู้เสพความตายที่มิลเลอร์รวบรวมขึ้นมา ตรงกันข้ามเขากลับหายหน้าไปจากโลกเวทย์มนตร์รวมทั้งหายตัวไปจากอังกฤษด้วย และเมื่อขาดผู้นำผู้เสพความตายพวกนั้นก็ยังคงลงมือทำอะไรไม่ได้มาก แต่ฉันก็ได้ข่าวมาว่ามิลเลอร์ยังคงพยายามรวบรวมผู้คนเพื่อแก้แค้นให้เจ้านายของมันอยู่ พวกมันมีการประชุมรวมทั้งแอบเคลื่อนไหวกันอย่างลับ ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่ แต่ก็ไม่เคยลงมือก่ออาชญากรรมอย่างจริงจังเลยซักครั้ง จนกระทั่งวันที่พวกมันรวมตัวกันมาลอบทำร้ายเธอ” เขาตอบ ขณะที่แฮร์รี่ก้มหน้าลง ชายหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด แน่นอนว่าเขานึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่คนอย่างมัลฟอยจะปฏิเสธการเป็นผู้นำของผู้เสพความตายแทนพ่อของเขา แต่ความสงสัยนั้นก็ไม่ได้รบกวนจิตใจของแฮร์รี่มากไปกว่าเรื่องการหายตัวไปของเฮอร์ไมโอนี่เลย
“แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว มัลฟอยกลับมาแล้ว แถมเขาน่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพวกผู้เสพความตายที่มาทำร้ายผมด้วย” ชายหนุ่มผมดำพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด มือของเขากำหมัดแน่นอย่างโกรธแค้น แต่การกระทำเช่นนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้โทสะของเขาจางลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามมันกลับทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้นด้วยซ้ำ!
แต่ถึงอย่างนั้นแฮร์รี่ก็ไม่สนใจความเจ็บปวดที่อุ้งมือไปมากกว่าความแค้นของเขา ชายหนุ่มแค้นทั้งตัวเองและมัลฟอยที่น่าจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ เขาแค้นมัลฟอยที่น่าจะเป็นคนลักพาตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปจากเขาพอ ๆ กับที่เขาแค้นตัวเองที่ปกป้องผู้หญิงที่เป็นคนรักของเขาไว้ไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนที่สำคัญที่สุดของเขา เธอกำลังจะมาเป็นภรรยาของเขา เป็นคุณนายพอตเตอร์ของเขา เธอเป็นคนสำคัญที่เขาควรจะปกป้องอย่างดีที่สุด แต่ชายหนุ่มกลับไม่สามารถปกป้องผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักไว้ได้!

…………………………………………………………..

แฮร์รี่นึกย้อนไปถึงคืนที่เขาได้รับบาดเจ็บ และสิ่งเดียวที่ปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดในความทรงจำของชายหนุ่มก็คือใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของผู้เสพความตายที่ปรากฏขึ้นอย่างเรือนลางภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องพร้อมกับน้ำเสียงแหบห้าวราวกับปีศาจร้ายที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเขา

[i]‘ ความจริงผมก็ไม่รู้อะไรมากซักเท่าไหร่นักหรอก ’
‘ ผมรู้แค่ว่าใครเป็นคนลักพาตัวคุณเกรนเจอร์ไป ’[/i]

แฮร์รี่ยังคงจำคำพูดในคืนนั้นของแกร์รี่ มิลเลอร์ได้เป็นอย่างดี และเพราะน้ำเสียงและท่าทางที่ดูมั่นใจของเขามันจึงทำให้ชายหนุ่มเชื่อได้ไม่ยากว่าสิ่งที่ผู้เสพความตายคนนี้พูดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก อย่างน้อย ๆ เขาก็ต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนลักพาตัวเฮอร์ไมโอนี่ไป และในตอนนี้แฮร์รี่ก็เพิ่งได้รู้ว่ามัลฟอยเองก็สนิทสนมกับแกร์รี่ มิลเลอร์อยู่พอสมควร และใครก็ตามที่จับตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปก็คงไม่ยอมให้คนที่ตนเองไม่ไว้ใจรู้เรื่องการลักพาตัวคู่หมั้นของแฮร์รี่ไปเป็นแน่ เพราะฉะนั้นที่เขาคาดการณ์ว่ามัลฟอยน่าจะอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็มีเหตุผลมารองรับเพิ่มอีกข้อหนึ่งแล้ว
เพราะนอกจากมัลฟอยจะมีเหตุจูงใจในการลักพาตัวเจ้าสาวของแฮร์รี่ในวันแต่งงานเพราะต้องการแก้แค้นเขาแล้ว แกร์รี่ มิลเลอร์ ผู้เสพความตายที่จงรักภักดีต่อตระกูลมัลฟอยและแน่นอนต่อตัวเดรโกด้วยก็พูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเขารู้ว่าใครลักพาตัวเฮอร์ไมโอนี่ไป และคน ๆ นั้นคงต้องเป็นคนที่เขารู้จักและสนิทสนมเป็นอย่างดี ซึ่งมันก็เป็นไปได้ที่คนที่มิลเลอร์พูดถึงนั้นจะเป็นเดรโก มัลฟอย ที่เปรียบเสมือนเจ้านายของเขา
ส่วนข้อสุดท้ายที่จะมาสนับสนุนข้อสัญณิฐานของแฮร์รี่ก็คือการที่กระทรวงระดมกำลังค้นหาเฮอร์ไมโอนี่มาเป็นเวลานานแต่ก็ไม่พบแม้กระทั่งเบาะแสของเธอ และนั่นจะมีสาเหตุมาจากอะไรได้ถ้าไม่ใช่เพราะหญิงสาวที่เขารักถูกพาตัวไปยังสถานที่ที่ไม่สามารถมีใครหาพบได้แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ที่ที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกพาตัวไปจะต้องเป็นสถานที่ที่มีมนตราโบราณปกคลุมอยู่และไม่ปรากฏบนแผนที่ซึ่งทำให้มือปราบมารไม่สามารถหาร่องรอยของเธอได้ และแฮร์รี่ก็แน่ใจว่าสถานที่แบบนั้นมีอยู่ไม่กี่ที่ในอังกฤษ ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นคฤหาสน์ของตระกูลเลือดบริสุทธิ์ที่เก่าแก่หรือแหล่งซ่องสุมของผู้เสพความตาย และชายหนุ่มแน่ใจว่าสถานที่แบบนั้นต้องมีคฤหาสน์มัลฟอยรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

เมื่อคิดถึงตรงนั้นใบหน้าของแฮร์รี่ก็ขาวซีดด้วยความหวาดกลัว ถ้าหากสิ่งที่เขาคิดเป็นจริงขึ้นมาป่านนี้เฮอร์ไมโอนี่จะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามัลฟอยที่เคียดแค้นเขามากกว่าอะไรทั้งหมดลักพาตัวเธอไปที่คฤหาสน์ของเขาจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แน่นอนว่ามัลฟอยคงแก้แค้นเธอด้วยการทรมานเธอแทนที่จะมาทำกับแฮร์รี่เป็นแน่ ชายหนุ่มอาจจะขังเธอไว้ในห้องใต้ดินในคฤหาสน์ของเขา และเสกคาถากรีดแทงใส่เธอจนกว่าเขาจะพอใจแบบเดียวกับที่เบลลาทริกซ์ป้าของเขาทำกับพวกลองบอตทอม ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่เสียสติไปเสียก่อนที่แฮร์รี่จะตามไปพบตัวเธอเข้าก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ถ้าหากวันหนึ่งมัลฟอยเบื่อที่จะทรมานเธอเสียแล้วล่ะ แน่นนอนว่าชายหนุ่มคงไม่ลังเลที่จะฆ่าเธอทิ้งไม่ต่างกับมดปลวกตัวหนึ่งหลังจากที่เขาทรมานเธอจนสาแก่ใจแล้ว แฮร์รี่คิดเช่นนั้น
ชายหนุ่มผมดำจินตนาการถึงภาพหญิงสาวที่เขารักถูกขังไว้ในคุกใต้ดินของคฤหาสน์มัลฟอยในสภาพที่ไม่ต่างจากนักโทษเท่าไหร่นัก เหนือร่างของเธอก็มีชายหนุ่มผมบลอนด์ผิวซีดคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาทางเธออย่างมุ่งร้ายโดยมีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือ เดรโกก็ชี้ไม้กายสิทธิ์ของเขามาทางเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับร่ายคาถา และสิ่งที่ตามมาก็คือหญิงสาวที่เขารักล้มลงไปกับพื้นและกรีดร้องอย่างเจ็บปวด!
ความคิดนั้นทำให้แฮร์รี่ถึงกับเข่าทรุด ชายหนุ่มเสียการทรงตัวไปชั่วขณะก่อนที่รอนจะเข้ามาประคองเขา
ชายหนุ่มผมแดงพาเพื่อนรักไปนั่งที่โซฟา เขามองใบหน้าขาวซีดที่มีแววหวาดวิตกของแฮร์รี่อย่างเป็นห่วง แต่เมื่อรอนเสนอว่าเขาจะไปตามผู้บำบัดมาดูอาการของชายหนุ่ม แฮร์รี่ก็ห้ามรอนไว้ก่อน ชายหนุ่มผมดำหันไปพูดกับแม้ด-อาย มู้ดดี้ ดวงตาสีมรกตของเขามีแววหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแม้กระทั่งตอนที่เขาต้องเผชิญหน้าโวลเดอมอร์ก็ตาม

“คุณว่ามันจะเป็นไปได้ไหมครับ ถ้ามัลฟอยจะลักพาตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปที่คฤหาสน์ของเขา” แฮร์รี่ถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ขณะที่แม้ด-อายมีท่าทีครุ่นคิด
“แฮร์รี่....” รอนครางออกมา แต่เพื่อนรักกลับยกมือห้ามเขาเสียก่อน
“คุณว่ายังไงครับ” เขาถามซ้ำและในคราวนี้มู้ดดี้ก็ตอบเขาออกมาด้วยที่แฮร์รี่ฟังออกว่าเขาก็กังวลไม่แพ้ชายหนุ่มเลย
“มันก็เป็นไปได้ พอตเตอร์ ฉันกำลังจะบอกเธอเลยว่าฉันเองก็คิดไม่ต่างจากเธอ” ใบหน้าของแฮร์รี่ซีดลงกว่าเดิมเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ราวกับว่าความทุกข์ทั้งหมดในโลกใบนี้กำลังมารวมอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว ชายหนุ่มยอมเผชิญหน้าผู้คุมวิญญาณนับร้อยตัวโดยไม่มีไม้กายสิทธิ์ยังดีเสียกว่าที่จะต้องมารับรู้ความจริงว่าคู่หมั้นของเขา ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักถูกเดรโก มัลฟอยศัตรูของเขาจับตัวไปทรมาน
แต่จู่ ๆ แฮร์รี่ก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่เขากำลังนั่งอยู่อย่างรวดเร็วราวกับเรี่ยวแรงของเขาฟื้นคืนมาอย่างฉับพลัน
“ผมจะออกไปตามหาเฮอร์ไมโอนี่ ผมจะไปช่วยเธอจากมัลฟอย” เขาพูดก่อนจะก้าวยาว ๆ ไปที่โต๊ะและหยิบไม้กายสิทธิ์รวมทั้งผ้าคลุมล่องหนของเขาขึ้นมา
“เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรหรอกนะ พอตเตอร์!” มู้ดดี้พูดเสียงดัง แต่ครั้งนี้แฮร์รี่ไม่ยอมฟังอีกต่อไปแล้ว
“ผมรู้ครับว่าผมกำลังจะทำอะไร และคุณก็ห้ามผมไม่ได้ด้วย!” ชายหนุ่มบอกขณะที่เขากำลังเดินไปยังประตู แต่มู้ดดี้กลับเคลื่อนกายไปยืนบังมันไว้อย่างรวดเร็วเท่า ๆ ที่ขาเพียงข้างเดียวของเขาจะพาเขาได้ไป
“เธอก็รู้นี่ว่าการกระทำแบบนี้มันจะนำความเสียหายขนาดไหนมาให้เรา! ชั้นขอร้องล่ะ พอตเตอร์ ใช้สมองคิดบ้างสิ!” แม้ด-อายเตือน ขณะที่แฮร์รี่มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ ‘ ใช้สมองคิดบ้าง ’ อย่างงั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มพูด “แล้วที่ผ่านมาผมไม่เคยใข้สมองคิดเลยงั้นเหรอ ก็อาจจะใช่นะ เพราะที่ผ่านมาผมปล่อยให้พวกคุณออกคำสั่งกับผมมาตลอด ผมถึงไม่มีโอกาสได้ใช้สมองของตัวเองเลย” เขาเอ่ยออกมาด้วยโทสะ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับแม้ด-อาย มู้ดดี้
“ผมยอมให้พวกคุณปล่อยข่าวว่าผมตายแล้วเพราะพวกคุณสัญญาว่าถ้าหากผมอยู่เงียบ ๆ จะเป็นการดีต่อการสืบข่าวของไอ้ผู้เสพความตายพวกนั้น แล้วยังไงล่ะ ที่คุณหามาให้ผมได้ก็มีแค่ข่าวของไอ้สารเลวที่ลอบทำร้ายผมเท่านั้น ที่ผมต้องการคือเบาะแสของคู่หมั้นของผม แต่พวกคุณก็หามาให้ผมไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมเลยต้องทำทุกอย่างด้วยตัวผมเองเสียที และผมก็จะไม่ฟังคำสั่งจากกระทรวงหรือแม้กระทั่งจากคุณอีกแล้ว เพราะในตอนนี้ผมเองก็แน่ใจแล้วว่ามัลฟอยเป็นคนจับตัวเฮอร์ไมโอนี่ไป ผมก็จะออกไปตามหาเขา ผมจะไปช่วยผู้หญิงที่ผมรักซักที!” แฮร์รี่ระเบิดอารมณ์ออกมา ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนจากขาวซีดมาเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ ราวกับความอัดอั้นตันใจที่เก็บมานานแรมเดือนได้ระเบิดออกมาในคราวเดียว!
ในชีวิตของเขาผ่านการสูญเสียมามากพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของเขา พ่อทูนหัวของเขา ดัมเบิลดอร์ และคนอื่น ๆ อีกมากมายที่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ที่สำคัญตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขาก็กำลังตกอยู่ในอันตราย และถ้าหากว่าเขาไม่สามารถปกป้องชีวิตของผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักเอาไว้ได้ ถ้าหากว่าเธอเป็นอะไรไปก่อนที่เขาจะไปช่วยเธอได้ทันล่ะก็ ชายหนุ่มคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นแฮร์รี่จึงเดินเลี่ยงร่างของมู้ดดี้ไปยังประตูห้อง แต่มือปราบมารอาวุโสกลับเข้ามาขวางเขาอีกครั้งพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ที่ยกขึ้น
ชายหนุ่มมองมู้ดดี้อย่างประหลาดใจเช่นเดียวกับเพื่อนรักของเขา
“คุณจะสาปผมหรือครับ” เขาถามขึ้นมา
“ฉันทำแน่ พอตเตอร์ ถ้าหากเธอไม่ควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้ แต่ก่อนที่ฉันจะทำแบบนั้น ฉันอยากจะถามเธอก่อนว่าเธอรู้หรือว่าเธอจะไปช่วยมิสเกรนเจอร์ที่ไหน” แม้ด-อายพูดอย่างมีเหตุผล และราวกับคำถามนั้นแทงใจดำของแฮร์รี่เข้าอย่างจังจนทำให้ชายหนุ่มนิ่งถึงกับอึ้งไป
“ฉันคิดว่าเธอคงไม่รู้หรอกใช่ไหมว่าคฤหาสน์มัลฟอยตั้งอยู่ที่ไหน” แม้ด-อายพูด และคราวนี้ชายหนุ่มผู้พิชิตจอมมารก็ตอบออกมา
“ใช่ครับ ผมไม่รู้” เขาสารภาพ “แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะหามันให้เจอ แม้ว่าผมจะต้องค้นบ้านทุกหลังในแถบวินเซียร์ก็ตาม” แฮร์รี่พูดออกมาอย่างหนักแน่น แน่นอนว่าในตอนนี้ที่ตั้งของคฤหาสน์มัลฟอยก็ยังคงเป็นความลับอยู่แม้กระทั่งกับกระทรวง และเพราะการที่ไม่รู้ที่ตั้งของคฤหาสน์ที่มีมนตราโบราณคุ้มครองอยู่หลังนี้จึงทำให้กระทรวงไม่สามารถเข้าไปยึดทรัพย์สมบัติรวมทั้งสิ่งของผิดกฏหมายที่เป็นอันตรายจากตระกูลมัลฟอยได้
“เธอคิดเหรอว่าเธอจะทำได้น่ะ” มู้ดดี้พูด
“ผมอาจจะไม่เก่งกาจเท่าคุณในตอนนี้หรอกครับ แม้ด-อาย แต่ผมเชื่อว่าผมจะต้องตามหาเฮอร์ไมโอนี่ให้พบและช่วยเธอออกมาให้ได้ ยิ่งถ้ามัลฟอยเป็นคนจับตัวเธอไปอย่างที่ผมคิดจริง ๆ ผมจะไม่ยอมหยุดจนกว่าผมจะหาตัวเธอเจอ” เขาตอบอย่างหนักแน่น
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นมือปราบมารที่มีความสามารถมาก พอตเตอร์ และฉันก็ขอพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเธอมีความสามารถเหนือฉันในหลาย ๆ ด้าน เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่คนที่เอาชนะโวลเดอมอร์ได้แบบเธอ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่ฉันกำลังจะพูดก็คือแม้ว่าเธอจะเก่งเรื่องป้องกันตัวจากศาสตร์มืดมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าในเรื่องของคาถาคุ้มครองนั้นเธอไม่ได้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมนตราโบราณแบบที่ปกป้องคฤหาสน์มัลฟอยอยู่” เขาพูดอย่างใจเย็น
“ตรงกันข้าม แม้แต่คนที่เก่งกาจในเรื่องนี้ที่สุดของกระทรวงก็ไม่สามารถระบุที่ตั้งของคฤหาสน์มัลฟอยได้ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่สามารถเข้าไปยึดสิ่งของศาสตร์มืดของครอบครัวนี้มาได้ตั้งแต่ตอนที่โวลเดอมอร์หมดอำนาจลง และที่ฉันพูดทั้งหมดนี่ออกมาเพื่อจะบอกเธอว่าการกระทำของเธอมันสูญเปล่า พอตเตอร์ เธอจะไม่มีวันหาคฤหาสน์มัลฟอยเจอตราบเท่าที่เจ้าของของมันไม่ปรารถนาให้เธอหามันพบ เพราะมันถูกคุ้มครองด้วยมนตราโบราณมานานนับศตวรรษซึ่งมันเป็นเวทย์มนตร์เก่าแก่เกินกว่าที่ฉันหรือคนของกระทรวงจะสามารถทำลายได้ และถ้าหากเธอยังจะดึงดันออกไปตามหาที่ตั้งของมันในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการไปตามหาใครซักคนโดยที่เขามีคาถาฟิลิเดลอัสคุ้มครองอยู่ เพราะเธอก็จะไม่มีวันหาเขาเจอจนกว่าผู้รักษาความลับของเขาจะเป็นคนบอกความลับกับเธอ” มู้ดดี้พูดอย่างมีเหตุผล และดูเหมือนกับว่าครั้งนี้ชายหนุ่มผมดำจะยอมรับฟังเขาแต่โดยดี
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะให้ผมทำยังไง” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ขณะที่แม้ด-อายมองเขาอย่างวิเคราะห์ด้วยดวงตาทั้งสองข้าง
“เราได้เตรียมแผนการต่อไปสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะทางกระทรวงก็คิดเหมือนเธอว่าเดรโก มัลฟอยน่าจะอยู่เบื้องหลังการลักพาตัวมิสเกรนเจอร์” มู้ดดี้อธิบายกับสีหน้าแปลกใจของแฮร์รี่
“แต่เนื่องจากเราไม่มีหลักฐานพอที่จะจับกุมเขาเช่นเดียวกับที่เราไม่สามารถส่งคนไปตรวจค้นคฤหาสน์ของเขาได้ เราจึงจำเป็นต้องใช้แผนอื่นในการที่จะได้เบาะแสของมิสเกรนเจอร์มา” มู้ดดี้พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของชายหนุ่ม เพราะแฮร์รี่มองเขาราวกับต้องการถามว่า ‘ แล้วแผนการที่คุณว่านั่นคืออะไรล่ะ ’ แต่มู้ดดี้ก็ตอบคำถามนั้นออกมาก่อนที่แฮร์รี่จะได้เอ่ยปากถามเขาออกไปจริง ๆ
“ในเมื่อเราไม่สามารถจะเข้าไปยังคฤหาสน์มัลฟอยได้ เราก็ต้องล่อให้เจ้าของของมันออกมา” มือปราบมารอาวุโสพูดเรียบ ๆ
“คุณหมายถึง…..” แฮร์รี่เอ่ยขึ้น
“เราจะล่อเดรโก มัลฟอยออกมาจากคฤหาสน์ของเขา พอตเตอร์ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่สามารถพาเราไปยังที่ที่เธอรวมทั้งฉันสงสัยว่าเขาลักพาตัวมิสเกรนเจอร์ไปซ่อนไว้ได้” มูดดี้อธิบาย
“คุณจะให้เขานำเราไปยังที่ซ่อนของคฤหาสน์ของเขาอย่างนั้นหรือครับ” ชายหนุ่มถาม แม้ด-อายพยักหน้า
“ใช่แล้ว เหมือนกับเราให้ผู้รักษาความลับเปิดปากพูดความลับของเขาเอง แต่การเข้าถึงตัวเดรโก มัลฟอยไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน และถ้าหากเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบทำร้ายเธอจริง ๆ เขาอาจจะไม่ออกจากคฤหาสน์ของเขาอีกเป็นเวลานานเลยก็ได้เพราะเขารู้ว่าในตอนนี้มีมือปราบมารจำนวนมากกำลังตามสืบเรื่องคนที่ลอบทำร้ายเธออยู่ ที่ฉันพูดนี่หมายถึงในกรณีที่เขายังอยู่ในอังกฤษในตอนนี้อยู่นะ” มู้ดดี้พูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องล่อเค้าออกมา” รอนพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน แม้ด-อายและแฮร์รี่หันมามองเขาก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถูกต้องวีสลีย์ แต่ทางเรากำลังวางแผนกันอยู่ว่าจะใช้วิธีไหนในการล่อมัลฟอยออกมา” แม้ด-อายพูดอย่างหนักใจ
“เรื่องนั้นก็ไม่ยากนี่ครับ” แฮร์รี่พูดขึ้น “ผมหมายความว่า ถ้าหากเราได้ตัวแกร์รี่ มิลเลอร์มาเราก็คงเข้าถึงตัวมัลฟอยได้ไม่ยาก เพราะเท่าที่คุณบอกมาสองคนนั้นก็สนิทสนมกันไม่น้อย”
“แต่ก็อาจจะไม่มากพอจะให้มัลฟอยไว้วางใจจนถึงกับบอกที่ตั้งของคฤหาสน์ของเขานะแฮร์รี่” รอนแย้งขึ้น
“ใช่ มัลฟอยอาจจะไม่ไว้ใจมิลเลอร์ขนาดนั้น แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็คงรู้วิธีที่จะติดต่อกับมัลฟอยได้ เพราะถ้าหากมัลฟอยเป็นคนสั่งให้ไอ้เศษสวะนี่ไปทำร้ายฉันจริง พวกมันสองคนนั้นก็คงต้องติดต่อกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อย ๆ มัลฟอยก็ต้องนัดมิลเลอร์ออกมาเจอเพื่อวางแผนลอบฆ่าฉันจริงไหม” แฮร์รี่พูดอย่างมีเหตุผล ขณะที่มู้ดดี้มองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย
“เธอหมายความว่าให้เราใช้มิลเลอร์ล่อมัลฟอยออกมา และให้ตัวเขาเองนำทางเราไปยังคฤหาสน์ของเขาน่ะรึ” แม้ด-อายถาม
“ใช่ครับ นั่นเป็นแผนที่ผมคิดไว้” แฮร์รี่พูดกับสีหน้าพอใจของมู้ดดี้ “และเท่าที่สายของคุณรายงานมาเราน่าจะเข้าถึงตัวมิลเลอร์ได้โดยผ่านผู้หญิงคนนี้” ชายหนุ่มชี้ไปยังรูปของเคย์ลีนที่อยู่บนแฟ้ม พลางเงยหน้าขึ้นมองแม้ด-อายอีกครั้ง
“ถ้าเขาไปหาเธอที่ผับในลอนดอนทุกคืนวันศุกร์จริง ๆ เราก็คงจะจับกุมเขาได้อย่างไม่ยาก คุณคิดว่าแผนการนี้เป็นยังไงบ้างครับ” แฮร์รี่ถามกับมู้ดดี้ที่มีสีหน้าพอใจมาก
“ดีมาก พอตเตอร์ เป็นแผนการที่แม้แต่ฉันเองก็คาดไม่ถึง สมแล้วที่เธอเป็นมือปราบมารมือหนึ่งของกระทรวง” เขาชมชายหนุ่มออกมาจากใจจริงซึ่งนับว่าหาได้ยากมากสำหรับคนอย่างแม้ด-อาย มู้ดดี้ที่จะพูดชมใครออกมาดัง ๆ แบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นเราควรลงมือกันเลยดีไหมครับ เราต้องเตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมสำหรับปลอมตัวเข้าไปในผับนั่นก่อนคืนวันศุกร์ รวมทั้งต้องจัดการร่ายคาถากันการหายตัวด้วย” รอนเสนอขึ้น ขณะที่แฮร์รี่มีสีหน้าเคร่งขรึม ชายหนุ่มมองไปยังแม้ด-อายก่อนจะพูดออกมา
“ผมขอมีส่วนร่วมในการจับกุมครั้งนี้ด้วยนะครับ” แฮร์รี่พูดขึ้น
“เธอก็รู้ว่าฉันอนุญาตเรื่องนั้นไม่ได้ พอตเตอร์ ถ้าหากมีคนเห็นเธอแผนที่เราวางมาตั้งแต่ต้นก็จะต้องพังลงทั้งหมด!” เขาพูดเสียงเข้ม
“แต่ผมมีผ้าคลุมล่องหนนะครับ ผมสามารถ....” ชายหนุ่มยังไม่ทันจะพูดจบ มู้ดดี้ก็แผดเสียงขึ้นอีกครั้งและคราวนี้มันดังก้องไปทั่งห้องพักจนรอนนึกดีใจที่แม้ด-อายร่ายคาถากันรบกวนไว้ก่อน
“ถึงมีผ้าคลุมล่องหนมันก็เสี่ยงเกินไป! เพราะมันมีสิทธิ์จะเลื่อนหลุดได้ระหว่างการต่อสู้ และฉันแน่ใจว่าเธอรู้เรื่องนี้ดีแล้วเสียอีกนะ!” แม้ด-อายพูด ขณะที่แฮร์รี่มีสีหน้านิ่งเฉยอย่างไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเขาเลย
“ถึงยังไงผมก็จะไปครับ และคราวนี้คุณก็ห้ามผมไม่ได้แล้วด้วย ไม่ว่าคุณหรือกระทรวงจะอ้างเหตุผลอะไรก็ตามพวกคุณก็ไม่มีทางหยุดผมได้ เพราะผมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรซักอย่างในขณะที่พวกคุณเองก็ไม่รู้ว่าคู่หมั้นของผมเป็นตายร้ายดียังไงอย่างในตอนนี้ และถ้าคุณต้องการจะหยุดผมล่ะก็คุณคงต้องส่งคนมาจับผมเท่านั้น” แฮร์รี่พูดหนักแน่น ดวงตาสีมรกตของเขาทอประกายเด็ดเดี่ยวอย่างที่แม้ด-อายหรือแม้กระทั่งรอนไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูมุ่งมั่นมากกว่าตอนที่เขาตัดสินใจไปตามหาฮอครักซ์เสียด้วยซ้ำ
มู้ดดี้มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่ว่าฉันจะพูดยังไงเธอก็คงไม่ฟังฉันใช่ไหม” เขาถามเรียบ ๆ
“ผมว่าผมพูดกับคุณให้เข้าใจแล้วนะครับ” ชายหนุ่มตอบกลับมาเพียงเท่านั้นขณะที่แม้ด-อายมองเขาด้วยดวงตาทั้งสองข้าง ก่อนที่ตาวิเศษของเขาจะหมุนกลับไปภายในศีรษะอีกครั้งเพื่อสำรวจบริเวณทางเดินนอกห้อง
“ดี” แม้ด-อายพูด “งั้นฉันเห็นทีจะต้องขอตัวก่อนล่ะ เพราะฉันต้องมีเรื่องที่จะต้องจัดการอีกเยอะรวมทั้งเรื่องของเธอด้วย พอตเตอร์ ฉันจะกลับไปที่สำนักงานเพื่อไปเตรียมการเรื่องการจับกุมในวันศุกร์นี้ ส่วนเธอก็อยู่ดูแลเพื่อนของเธอให้ดี ๆ ด้วยล่ะ วีสลีย์” เขาพูดพลางมองไปที่รอน
“อย่าให้พอตเตอร์ออกไปจากห้องนี้ได้จนกว่าฉันจะเอาน้ำยาสรรพรสมาให้เขาที่นี่เข้าใจที่ฉันพูดไหม” แม้ด-อายสั่งเสียงเข้มขณะที่แฮร์รี่เริ่มมีสีหน้าโล่งอก“ฉันถามว่าเข้าใจไหม วีสลีย์”
“เข้าใจครับ” รอนตอบอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“ดี แล้วเจอกันทั้งสองคน ระหว่างที่ฉันไม่อยู่นี่พวกเธอห้ามทำอะไรนอกเหนือจากที่ฉันสั่งด้วยเข้าใจไหม” แม้ด-อายพูดกับชายหนุ่มทั้งสอง และเมื่อพวกเขาตอบตกลงกลับมามือปราบมารอาวุโสก็หันหลังกลับและเดินขโยกเขยกไปยังประตู แต่ก่อนที่เขาจะออกจากห้องพักของแฮร์รี่ไปชายหนุ่มก็พูดขึ้นก่อน
“ขอบคุณครับ มู้ดดี้” แฮร์รี่กล่าว แม้ด-อายชะงักเล็กน้อยโดยไม่หันกลับมามองเขา แต่ชายหนุ่มแน่ใจว่าตาวิเศษของมู้ดดี้คงกลอกกลับมาด้านในของหัวและจ้องมองเขากับรอนอยู่แวบหนึ่งก่อนที่มือปราบมารอาวุโสจะนำร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นออกไปจากห้อง
หลังจากแม้ด-อายออกจากห้องไปแล้วรอนเองก็ไม่ลืมที่จะร่ายคาถาปิดห้องอย่างแน่นหนาตามคำสั่งที่ได้รับมา ขณะที่แฮร์รี่มองเพื่อนรักอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะหลังจากต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องพักของโรงพยาบาลมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มันทำให้แฮร์รี่เข้าใจความรู้สึกของซีเรียสขึ้นมาเลยทีเดียว
“นายก็รู้นี่นาว่าฉันต้องทำแบบนี้ นายยังออกไปไหนไม่ได้จนกว่า.....” รอนพยายามจะอธิบาย
“จนกว่าทุกอย่างจะจบลง จนกว่าเราจะจับกุมคนร้ายได้ หรือจนกว่าเราจะเจอเฮอร์ไมโอนี่ใช่ไหมรอน” ชายหนุ่มผมดำพูดขึ้น
“ซึ่งนายหรือแม้กระทั่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเธอในสภาพไหน” แฮร์รี่พูดด้วยสีหน้าทุกข์ระทม ภาพหญิงสาวที่เขารักถูกทรมานด้วยฝีมือของมัลฟอยแวบเข้ามาในหัวสมองของเขาอีกครั้ง น่าแปลกเหลือเกินที่มันดูหลอกหลอนเขามากกว่าตอนที่เขาเห็นภาพซีเรียสถูกทรมานที่กองปริศนาเสียอีก
รอนมีท่าทีอึดอัดใจ
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น แฮร์รี่ ฉันแค่ ฉันหมายถึงฉันเชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องปลอดภัย” เขาพูดให้กำลังใจเพื่อนรัก แต่น้ำเสียงของรอนเองก็ยังดูไม่มั่นใจกับสิ่งที่เขาพูดเสียเท่าไหร่เลย
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงบนโซฟาพลางหลับตาลงอย่างอ่อนล้า


*************************************************





Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 22:52:42 น. 6 comments
Counter : 5927 Pageviews.

 
funny!!!


โดย: night~hnon IP: 202.149.25.234 วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:12:36:21 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: piksi วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:21:46:41 น.  

 
ติดตามมานานแล้วค่ะ

อัพไวๆนะคะ :)


โดย: susie IP: 71.111.210.246 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:19:53 น.  

 
หายไปนานเหลือเกิน จะมีต่ออีกมั้ย...


โดย: veera IP: 58.64.51.193 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:15:15 น.  

 
แผนเยอะดี -.-


โดย: อาร์เอวาย?`ยูสมี IP: 125.24.50.245 วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:13:14:22 น.  

 

จะรอนะค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา


โดย: failhin123 IP: 101.51.51.77 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:13:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.