|
||||
Arrow Season 1 (2012)
Cast: Stephen Amell [Oliver Queen] Katie Cassidy [Dinah 'Laurel' Lance] Colin Donnell [Tommy Merlyn] David Ramsey [John Diggle] Willa Holland [Thea Queen] Susanna Thompson [Moira Queen] Paul Blackthorne [Detective Quentin Lance] Review: เรื่องราวของ โอลิเวอร์ ควีนส์ (Stephen Amell) เพลย์บอยหนุ่มที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายตามใจตนเองโดยไม่สนเรื่องราวใดๆ แต่ชีวิตของเขาก็ต้องพบกับจุดเปลี่ยนจนได้ เมื่อเขาเดินทางล่องเรือไปเที่ยวในมหาสมุทรแปซิฟิคกับพ่อของเขาและเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้พ่อของเขาและแฟนสาวของเขาเสียชีวิตในที่สุด ส่วนโอลิเวอร์หายสาบสูญไป ทุกคนคิดว่าโอลิเวอร์ตายไปในทะเลแล้วแต่หลังจากนั้น 5 ปี โอลิเวอร์กลับมาที่เมืองสตาร์ลิ่งซิตี้ บ้านเกิดของเขาอีกครั้ง พร้อมกับหน้าที่และความมุ่งมั่นที่จะทำให้เมืองนี้ดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงเริ่มต่อสู้กับเหล่าร้ายโดยปิดบังตัวตนโดยใส่ฮู้ดสีเขียวและปราบเหล่าร้ายด้วยธนู พบกับการต่อสู้ปราบเหล่าร้ายในเมืองสตาร์ลิ่งซิตี้และค้นพบทัศนคติของ โอลิเวอร์ ควีนส์ ที่เอาตัวรอดจากเกาะที่เต็มไปด้วยอันตรายตลอดจนทักษะการใช้ธนูอันเป็นเลิศได้ใน Arrow ครับ ผมห่างหายจากการเขียนรีวิวซีรีย์ไปนานมากเลยครับ แต่ผมก็ติดตามซีรีย์ฝั่งอเมริกาอย่างสม่ำเสมอนะครับ ก่อนอื่นที่ผมสนใจเรื่องนี้เพราะผมชอบตัวละครตัวหนึ่งในเรื่อง Smallville ครับ นั่นคือ Green Arrow นั่นเองครับ ผมแอบคิดว่าถ้ามีซีรีย์เดี่ยวๆของเขาคงดีครับ เหลือเชื่อมันดันมีจริงๆครับ ผมก็ไม่รอช้าที่จะหามาชมครับ ก็ขอบอกว่าไม่ผิดหวังจริงๆครับ เข้าสู่เนื้อหาการรีวิวกันเลยนะครับ ผมเริ่มดูซีรีย์เรื่องนี้ด้วยความรู้สึกตั้งความหวังไว้พอควรครับ เนื่องด้วยเป็นตัวละครที่ชอบคือถ้าไม่ดีก็คงไม่ดูแน่ๆครับ เนื้อหาในตอนแรกแน่นอนครับเป็นการปูพื้นให้เรารู้จักกับตัวละครครับ ซึ่งตอนแรกเป็นเนื้อหาหลังจากโอลิเวอร์กลับมาจากติดเกาะมาเริ่มใช้ชีวิตหลังจากหายจากสังคมเมืองไป 5 ปี ถึงแม้ว่าเขาจะเสียการใช้ชีวิตของคนเมืองไปแต่สิ่งที่เขาได้มานั้นคือสัญชาติญาณในการต่อสู้และเอาตัวรอดที่เขาซ่อนมันเอาไว้ ซีรีย์เล่าเรื่องพวกนี้ได้ดีครับ แต่สิ่งที่ผมชอบสุดๆเลยคือการเล่าเรื่องครับตัวซีรีย์เล่าเรื่องตัดฉากครับระหว่างฉากปัจจุบันกับช่วงที่โอลิเวอร์ใช้ชีวิตในเกาะครับ ซึ่งแต่ละฉากที่ตัดไปมาเด็ดมากครับเพราะมันแสดงถึงวิธีคิดของโอลิเวอร์ได้เป็นอย่างดีครับ ผมอยากบอกว่าเนื้อหาการเล่าคล้ายๆ Batman Begin เลยนะครับ ด้วยการเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้เราเหมือนได้เรียนรู้ร่วมไปกับโอลิเวอร์ได้เป็นอย่างดีครับ ถือเป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ขอแนะนำถ้าจะหามารับชมครับ มาที่เรื่องนักแสดงกันบ้างนะครับ ขอเริ่มที่พระเอกของเรื่องเลยนะครับ สตีเฟ่น แอมเมลล์ ผมขอสารภาพว่าไม่รู้จักเขามาก่อน เห็นครั้งแรกก็เรื่องนี้เลยครับ ส่วนตัวผมว่าเขาแสดงได้ดีนะครับบทโอลิเวอร์ ควีนส์ ที่ต้องแสดงความรู้สึกขัดแย้งในการกระทำและการแสดงออกทางแววตาผมว่าเขาทำได้ดีเลยครับ และอีกอย่างคือร่างกายครับพระเอกเรากล้ามสวยมากแสดงว่าก่อนมาเล่นบทนี้คงฟิตมาหนักครับ อีกคนหนึ่งที่ผมจะพูดถึงคือ เคธี่ แคสซิดี้ ถ้าใครเป็นแฟนซีรีย์ฝั่งอเมริกาน่าจะคุ้นกับเธอบ้างนะครับ ผมเคยชมผลงานเธอมา 2 เรื่องนะครับคือ Supernatural กับ Melrose Place มาเล่นเรื่องนี้เป็นนางเอกเต็มตัวเลยครับ เรื่องการแสดงทำได้ดีกว่าที่ผมคิดนะครับ ลืมภาพเซ็กซี่ของเธอที่เคยแสดงก่อนนี้ไปหมดเลยครับ ในเรื่องเธอเล่นไปอัยการสาวที่ดูฉลาดและมีแนวคิดที่ดีในการทำงานครับ ต้องมาลุนกันว่าสุดท้ายแล้วจะลงเอยกับพระเอกยังไงครับ ภาพรวมเป็นซีรีย์ที่ดีและมีแนวทางน่าติดตามครับแนะนำว่าควรหามาลองชมกันครับ Heroes Season 1 (2006)
Heroes Season 1 Cast Milo Ventimiglia [Peter Petrelli] Hayden Panettiere [Claire Bennet] Sendhil Ramamurthy [Mohinder Suresh] Jack Coleman [Noah Bennet] Masi Oka [Hiro Nakamura] Adrian Pasdar [Nathan Petrelli] Greg Grunberg [Matt Parkman] Ali Larter [Niki Sanders] Zachary Quinto [Sylar] Santiago Cabrera [Isaac Mendez] Review เรื่องราวของตนกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆ คนเหล่านี้มีพลังพิเศษซึ่งพลังของพวกเขานั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็รู้ตัวบางคนก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีพลังพิเศษ แต่บางคนก็ยังไม่รู้ตัวทำให้การใช้ชีวิตของแต่ละคนจึงแตกต่างกันไปด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างคนที่มีพลังพิเศษเหล่านั้นกลับถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และมีหน้าที่หยุดสิ่งร้ายที่จะเกิดกับโลกซึ่งมันจะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล ติดตามความสามารถของคนพิเศษแต่ละคน การนำไปใช้ตามแบบของแต่ละคน ตลอดจนทัศนคติของคนที่ใช้พลังพิเศษได้ใน Heroes แนะนำตัวละคร Peter Petrelli Claire Bennet Mohinder Suresh Noah Bennet Hiro Nakamura Nathan Petrelli Matt Parkman Niki Sanders Sylar [Grabriel Gray] Isaac Mendez สำหรับซีรีย์ชุดนี้นั้นตัวแสดงเยอะมากครับ ผมขอคัดมาแค่คนที่มีบทบาทมากๆในปี 1 เท่านั้นนะครับ เข้าสู่เนื้อหาการรีวิวกันเลยครับ ตอนแรกผมชมซีรีย์ชุดนี้ด้วยความคิดเดียวว่ามันน่าจะเป็นซีรีย์คล้ายๆ X - Men หรือ Mutant X คือประมาณว่าคนมีพลังพิเศษแล้วช่วยโลกอะไรประมาณนั้น แต่พอมาดู Heroes ต้องบอกว่าผมคิดผิดถนัดครับนักเขียนอย่าง Tim Kring เขียนเรื่องนี้ออกมาได้ดีชนิดที่เรียกว่าซับซ้อนซ่อนปมได้อย่างน่าติดตาม ช่วงแรกนั้นปูเนื้อเรื่องตัวละครได้อย่างกว้างจนดูไม่น่าเชื่อว่าจะนำมาเกี่ยวพันกันและให้ผลลัพธ์อย่างเหลือเชื่อ เรื่องพัฒนาการของตัวละครทำออกมาได้ดีมากครับทำให้ผมเองรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้พลังของตัวละครไปด้วยครับ แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคงเป็นประเด็นที่ซีรีย์ชุดนี้ตั้งคำถามกับผู้ชมครับว่า คนแบบไหนที่สมควรจะเป็นฮีโร่กันแน่ในชีวิตจริง เราจะเห็นตัวละครที่เป็นคนดีๆหลายคนแต่ใครล่ะคือฮีโร่ ปีเตอร์ ที่เป็นตัวละครที่เหมาะสมที่สุดทั้งความสามารถและเห็นใจผู้คนพยายามช่วยเหลือคนแต่ก็ด้วยความพยายามของเขาบางครั้งก็ทำให้สถานการณ์แย่ลงก็มี ผมดูจบแล้วผมยังตอบไม่ได้เลยว่าใครคือฮีโร่ แต่สิ่งที่ช่วยโลกไว้คือความร่วมมือของทุกคน เป็นซีรีย์ที่ดีมีการผูกเรื่องที่แน่นและการหักมุมของเนื้อเรื่องบ่อยแนะนำว่าควรหามาชมครับ Prison Break The Final Break : แผนลับแหกคุกครั้งสุดท้าย (2009)
Cast Wenworth Miller [Michael Scofield] Dominic Purcell [Lincoln Burrows] Robert Kneeper [Theodore Bagwell] Amaury Nolasco [Fernando Sucre] Sarah Wayne Callies [Dr.Sara Tancredi] William Fichtner [Alexander Mahone] Jodi Lyn O'keefe [Gretchen Morgan] Review กลับมาอีกครั้งครับกับไมเคิ่ล สกอฟิลล์และทีมงานหลังจากที่เราได้ดูเนื่อเรื่องในปี 4 จบแล้วนั้นหลายๆคนยังคงสงสัยในหลายประเด็นอยู่ ดังนั้นทางผู้ผลิตจึงได้ออกภาคพิเศษที่ชื่อว่า The Final Break ถ้าแปลกันตรงๆเลยคือ การแหกคุกครั้งสุดท้ายครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ เนื้อเรื่องในภาคนี้เป็นเหตุการณ์หลังจากที่พวกไมเคิ่ลจัดการกับเดอะคัมพานีได้แล้วและทุกคนได้รับการอภัยโทษหมดแล้วในความผิดที่ผ่านมา แต่มีอยู่ 1 คนที่ทำความผิดใหม่ๆ (ทำในภาคที่ 4) นั่นคือ ดร.ซาร่า เทนเครดี ทำให้โดนหมายจับและโดนขังคุก แน่นอนว่าพระเอกของเราย่อมไม่ยอมให้คนรักของเขาที่กำลังตั้งท้องลูกของเขานั้นไปลำบากในคุกแน่นอน ดังนั้นไมเคิ่ลและทีมงานจึงมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อวางแผนในการช่วยซาร่าออกจากคุก ติดตามการแหกคุกครั้งสุดท้ายของไมเคิ่ล สกอฟิลล์ ที่แสนจะยากลำบากและกดดันมากที่สุดครั้งหนึ่งตลอดจนตอนจบที่จะเรียกน้ำตาแฟนๆซีรีย์ชุดนี้อีกครั้งครับ แรกเริ่มเลยตอนผมดูปี 4 จบผมบอกตัวเองเลยว่าสนุกนะแต่รับไม่ได้อะทำไมมันต้องจบแบบนี้ด้วยวะ ผมอาจจะอินมากไปหน่อยยอมรับว่าเป็นซีรีย์ที่ผมคาดหวังไว้มากแต่จบแบบปี 4 นี่รับไม่ค่อยได้ แต่พอมี The Final Break ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยอยากดูเพราะเรารู้จุดจบของเรื่องดีอยู่แล้ว แต่สุดท้ายผมก็ดูครับแต่พอดีแล้วสิ่งที่ผมชอบมากๆในซีรีย์ชุดนี้ก็ยังคงอยู่ครับคือ วิธีการคิดและการอ่านเกมส์ตามแบบฉบับของสกอฟิลล์ สิ่งที่ผมเห็นมาตลอดคือการอ่านเกมส์แบบข้ามช็อตของพระเอกของเรามันอาจจะหายไปบ้างในปี 4 แต่ในภาคพิเศษนี้มันกลับมาโดยเฉพาะการหักมุมแทบทุกนาทีมาอีกแล้วครับ จะว่าไปซีรีย์ชุดนี้มันชือ Prison Break มันก็ต้องแหกคุกครับ ไปวิ่งไล่จับกันข้างนอกมันก็สนุกแต่มันก็ไม่เท่าในคุกครับ สำหรับผมแล้วถือเป็นภาคพิเศษที่โอเคมากๆนะครับ เพราะทุกอย่างเริ่มที่คุกและก็ต้องมาจบที่คุกครับ มันเป็นการปิดตำนานที่สมบูรณ์แบบ อย่างน้อยผมเองพอชมตอนพิเศษนี้จบก็บอกตัวเองได้ครับว่าทำไมตอนจบต้องเป็นแบบนี้มันเหมาะสมดีแล้วครับกับคำว่าตำนานแบบไมเคิ่ล สกอฟิลล์ สำหรับแฟนๆซีรีย์เรื่องนี้แนะนำว่าควรจะหามาชมเพื่อจะได้เข้าใจและปิดซีรีย์นี้ไว้ในดวงใจของทุกคนตลอดไปครับ Prison Break Season 4 : แผนลับแหกคุกนรก ปี 4 (2008)
Cast Wenworth Miller [Michael Scofield] Dominic Purcell [Lincoln Burrows] Robert Kneeper [Theodore Bagwell] Amaury Nolasco [Fernando Sucre] Wade williams [Bradley Bellick] Sarah Wayne Callies [Dr.Sara Tancredi] William Fichtner [Alexander Mahone] Jodi Lyn O'keefe [Gretchen Morgan] Review หลังจากหลบหนีออกมาจากคุกโซน่าได้สำเร็จ ไมเคิ่ล สกอฟิลล์ และพรรคพวกได้รับข้อเสนอให้จัดการกับ The Company เพื่อแลกกับอิสระภาพของพวกเขา เพื่อการนั้นสกอฟิลล์จะต้องร่วมมือกับพวกเพื่อนๆทีมงานแหกคุกฟ๊อกซ์ริเวอร์อีกครั้งเพื่อหาแผ่นการ์ดที่มีข้อมูลลับของ The Company อยู่ข้างในที่เรียกว่า "ซิลล่า" ซึ่งซิลล่าแต่ละชิ้นนั้นกระจายอยู่กับสมาชิกคนสำคัญขององค์กร ติดตามการไล่ล่าซิลล่าด้วยวิธีการอันชาญฉลาดตามแบบของไมเคิ่ล สกอฟิลล์และพรรคพวกได้ในปีสุดท้ายของซีรีย์ที่ว่ากันว่าดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงปีสุดท้ายแล้วครับกับ Prison Break ในปีนี้นั้นไมเคิ่ลและกลุ่มเพื่อนเก่าๆกลับมารวมกันทำงานใหญ่อีกครั้ง นั่นคือการล้มองค์กรอย่าง The Company การจะล้มองค์กรนี้ได้จำเป็นที่จะต้องได้การ์ดที่เรียกว่า ซิลล่า พวกของสกอฟิลล์จำเป็นที่จะต้องรวบรวมซิลล่าให้ครบเพื่อเปิดดูข้อมูลความลับเหล่านั้นซึ่งจะนำมาสู่การล่มสลายขององค์กรอย่างถาวร ในปีสุดท้ายนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดมากๆอย่างหนึ่งคือพัฒนาการของตัวละครแต่ละตัว บทของตัวละครแต่ละคนแสดงออกถึงมุมมองในแต่ละเรื่องที่เปลี่ยนไป ในระหว่างการตามหาซิลล่านั้นเราจะได้เห็นเรื่องพวกนี้อย่างชัดเจน ไม่เว้นแม้กระทั่งแบ็คเวลบางครั้งเราอาจจะได้เห็นแบ็คเวลในอีกมุมมองก็ได้ในปีนี้ครับ เนื้อเรื่องในภาคสุดท้ายนี้ยังคงมีการหักมุมให้เห็นอยู่บ้างครับ แต่ผมบอกตามตรงเลยครับมันยังหักไม่เท่าที่ผ่านๆมาครับ คือสามารถเดาได้ในหลายครั้งครับ เรื่องของตัวละครที่เพิ่มขึ้นนั้นแน่นอนว่าเพิ่มขึ้นมาพอสมควรครับแต่จะมีผลกับเนื้อเรื่องบ้างแค่บางคนเท่านั้นครับ ส่วนตัวผมแล้วภาคนี้ถือเป็นตอนจบที่ผมคิดว่าแค่พอใช้นะครับเนื้อเรื่องมันยังคงอารมณ์เดิมๆไว้ได้ แต่ท้ายสุดแล้วเหตุการณ์กลับจบลงง่ายๆได้เหมือนกัน และยิ่งมาพบกับฉากจบที่กระชากอารมณ์ด้วยแล้วก็เลยอดบ่นไม่ได้น่ะครับ แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังรักซีรีย์เรื่องนี้อยู่ดีล่ะครับ Prison Break Season 3 : แผนลับแหกคุกนรก ปี 3 (2007)
Cast Wenworth Miller [Michael Scofield] Dominic Purcell [Lincoln Burrows] Robert Kneeper [Theodore Bagwell] Amaury Nolasco [Fernando Sucre] Wade williams [Bradley Bellick] Sarah Wayne Callies [Dr.Sara Tancredi] William Fichtner [Alexander Mahone] Dania Garcia [Sofia Lugo] Jodi Lyn O'keefe [Gretchen Morgan] Review ปีที่ 3 Prison Break ในปีนี้เรื่องราวยังคงเข้มข้นเช่นเดิม เมื่อความผิดพลาดเล็กน้อยในภาคที่แล้วและแผนการของ The Company ทำให้ ไมเคิ่ล สกอฟิลล์ ต้องติดคุกที่สุดโหดที่หนึ่งในโลกคือ คุกโซน่าในประเทศปานามาซึ่งเป็นคุกไร้ซึ่งผู้คุมเป็นแหล่งรวมของเดนทรชนอย่างแท้จริง ในคุกนั้นสกอฟิลล์ได้รับการติดต่อจาก The Company ให้นำตัวคนๆหนึ่งแหกคุกออกมาด้วย ซึ่งคนๆนี้กุมความลับบางอย่างขององค์กรเอาไว้ เพื่อแลกกับความปลอดภัยของซาร่าและแอลเจ สกอฟิลล์จึงต้องใช้ความพยายามยิ่งกว่าที่ผ่านมาในการแหกคุก ติดตามการแหกคุกครั้งที่ 2 ของ ไมเคิ่ล สกอฟิลล์ที่แสนจะยากลำบากและประสบปัญหามากมาย เพราะทุกอย่างเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การทำตามแผนเช่นเคยอีกต่อไป แล้ว สกอฟิลล์จะแก้ปัญหาและเอาตัวรอดจากสถานการณ์และแหกคุกที่โหดสุดๆแบบนี้ได้ หรือไม่ติดตามทั้งหมดได้ในปีที่ 3 กับ Prison Break หลังจากการหนีเอาตัวรอดอย่างสุดความสามารถในปีที่ 2 กลับมาในปีที่ 3 สกอฟิลล์ติดคุกอีกแล้วครับแต่คุกคราวนี้ความเป็นอยู่ไม่ดีเหมือนฟ๊อกซ์ริเวอร์นะครับ เพราะคุกโซน่าเป็นคุกที่สกปรกประมาณว่าอยู่กันตามมีตามเกิดและไม่มีผู้คุมทำให้ในคุกผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ในคุกโซน่านั้นนอกจากสกอฟิลล์แล้วยังมีเพื่อนเก่าของเขามาติดด้วย 3 คนได้แก่ แบ็คเวล มาโฮน และ เบลิค เมื่อเขาไปในคุกได้ไม่นานสกอฟิลล์ได้รับการติดต่อจากเกรทเช่น มอร์แกน (Jodi Lyn O'keefe) ให้ช่วยคนๆหนึ่งออกจากโซน่า ซึ่งคนๆนี้กุมความลับสำคัญเอาไว้ คุกโซน่าเป็นคุกที่สุดโหดไม่มีใครเคยแหกได้มาก่อน กฎอย่างหนึ่งของคุกนี้คือฆ่าก่อนถามทีหลัง การจะหนีอกจากที่นี่เป็นเรื่องที่ว่ากันว่าเป็นไปไม่ได้ สกอฟิลล์จึงจำเป็นต้องวางแผนและหาทางออกจากโซน่าแต่ครั้งนี้ยากมากๆ เพราะสถานการณ์ค่อนข้างสดมากและปัจจัยต่างๆควบคุมได้ยาก สกอฟิลล์ต้องพยายามรวมตัวกับพวกเพื่อนเก่าเพื่อหาทางออกจากโซน่าด้วยวิธีการที่แสนชาญฉลาดอีกเช่นเคย พร้อมกับต้องพยายามทำตามเงื่อนไขเพื่อความปลอดภัยของซาร่าและแอลเจ สำหรับภาคนี้ผมว่าบทของหนังแสดงความเป็นอยู่ของคนในโซน่าได้ดีครับ ตลอดจนการปรับตัวเพื่อการเอาตัวรอดของตัวละครหลักแต่ละคนที่ต้องไปอยู่ในโซน่า คนแบบไหนจะใช้ชีวิตในโซน่าได้ดีกว่ากันในการเอาตัวรอด สิ่งที่ผมชอบในภาคนี้คือความสดของสถานการณ์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากและยากแก่การควบคุมรวมถึงความกดดันที่โถมเข้ามาทำให้สกอฟิลล์ต้องคิดภายใต้แรงกดดันที่มาก ตรงนี้ผมอยากให้หลายๆคนที่ชมลองดูงุฒิภาวะของสกอฟิลล์ให้ดีๆนะครับสุดยอดจริงๆ ลองดูการคิดภายใต้เงื่อนไขและความกดดันดูครับ เป็นอีกปีที่ทำออกมาได้ไม่ยาวมากแต่เนื้อเรื่องออกมาได้ดีตามมาตรฐานครับ ควรหามาชมดูครับ
|
Peach Silencer
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] Group Blog
All Blog
Friends Blog |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |