ความสุขเกิดได้ที่ตัวเรา..พบได้ที่ในใจ
Group Blog
 
All blogs
 
แท้จริง..เธอทำอยู่แล้ว

ถ้าพูดขึ้นมาว่า “เรามาปฏิบัติธรรมกัน”
เจ๊ : “ชั้นทำไม่ได้หรอก ชั้นกลัว”
หนูแป้ง : “อยากทำมากเลย แต่ไม่ค่อยมีเวลาเลยพี่”

เพราะ...
เจ๊ : “ชั้นยังละการทำบาปไม่ได้ แต่ชั้นไม่ทำผิดศีลข้อกามาเด็ดขาด”
หนูแป้ง : “ยังมีกิเลสอยู่ค่ะ แต่ก็พยายามไม่ให้ตัวเองทำบาปใดๆ”

แต่ที่เห็น...
ถ้ามีใครขับรถปาดหน้า จะได้ยินเจ๊พูดว่า “เค้ากำลังรีบบบ...บ ช่างเค้าาาา...า ให้เค้าไปก่อนเลย ไปเลยไป”
และเวลาที่ใครมาทำไม่ดีใส่ ก็จะเห็นหนูแป้งทำปากขมุบขมิบ สูดลมหายใจเข้าแรงๆ
“สัพเพ สัตตา................. เราจะไม่มีเวรกรรมต่อกัน เราจะไม่สร้างเวรกับใคร”
.
.
.
นี่คือ คำพูดและการกระทำที่เราพบจากคนใกล้ตัว และเราก็เชื่อว่ามีอีกมากมายหลายคนที่ปากก็บอกว่า ไม่ได้ปฏิบัติธรรม แต่แท้จริงแล้ว เขาทำอยู่แล้ว เขาได้ทำ..มานานแล้ว

การให้อภัยใคร มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ไม่ใช่ว่าคิดปุ๊บแล้วจะทำได้ เขาจะต้องฝึกบังคับตัวเอง (เจริญสติ) ให้ระงับความโกรธที่จะเกิดขึ้น (มีเมตตา) อันเกิดจากการกระทำของผู้อื่น (ตัดอุปาทาน) และทำจิตใจตัวเองให้สงบ (มีอุเบกขา) ไม่ปรารถนาร้ายกับผู้อื่น (มีกรุณา)

และการละการทำบาป ไม่ทำผิดข้อกามาฯ ไม่ว่าจะละเว้นเพียงหนึ่งหรือสองข้อ ล้วนเรียกว่า การมีศีล ทั้งสิ้น

สิ่งต่างๆ ที่เจ๊และหนูแป้งทำอยู่นั้น นั่นคือขั้นต้นของ การปฏิบัติธรรมแบบวิธีธรรมชาติ

หลวงพ่อเทียน กล่าวไว้ในหนังสือ แด่เธอ..ผู้รู้สึกตัว ว่า “วิธีการเจริญความรู้สึกตัวทั่วพร้อมที่สามารถสิ้นสุดทุกข์ได้ ตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจและที่ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น คือการปฏิบัติในชีวิตประจำวันนี้เอง”

นั่นคือถ้าหากเจ๊และหนูแป้ง ทำการเจริญสติอยู่เสมอ มีพรหมวิหาร4 เป็นคุณธรรม ฝึกจิตให้หลุดพ้นจากอุปาทานได้ การถึงซึ่งนิพพานก็อยู่ไม่ไกล

ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ในหนังสือ คู่มือมนุษย์ฉบับสมบูรณ์ ว่า
“พระพุทธเจ้าทรงระบุความหมายของนิพพาน ในลักษณะที่เป็นภาวะอันปราศจากความทิ่มแทงร้อยรัดแผดเผาของกิเลสและความทุกข์ เพราะการได้เห็นโลก เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง จนดับกิเลสตัณหาและอุปทานเสียได้ดังนี้

เพราะฉะนั้น เราจึงควรจะมองเห็นคุณค่าอันใหญ่ยิ่ง ของการเห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงถูกต้องตามที่เป็นจริง ที่เรียกว่า
ยถาภูตญาณทัสสนะ ควรพยายามทำให้เกิดมีขึ้นทางใดทางหนึ่งใน ๒ ทาง เท่าที่เราจะพึงทำได้ คือ ทางที่จะเป็นไปเองตามธรรมชาติโดยการประคับประคองให้ดี ในการทำจิตให้มีปีติปราโมทย์ เป็นการอยู่ชอบ เป็นการอยู่บริสุทธิ์ ทุกลมหายใจเข้าออกทั้งกลางวันกลางคืนอยู่เสมอ จนกระทั่งเกิดคุณธรรมต่างๆ ตามลำดับที่กล่าวมาแล้วนี้ได้ตามธรรมชาติ นี้วิธีหนึ่ง. ส่วนอีกวิธีหนึ่งนั้น เป็นการเร่งรัดเอาด้วยกำลังบังคับ คือไปศึกษาและปฏิบัติตามวิธีเทคนิคโดยเฉพาะ ในการทำสมาธิ หรือการเจริญวิปัสสนา เมื่อมีอุปนิสัยและอินทรีย์ต่างๆ เหมาะสมในตนก็สามารถทำให้ก้าวหน้าไปได้โดยเร็ว ในเมื่อถูกวิธี และถูกสิ่งแวดล้อมอื่นๆ

แต่อย่างไรก็ดี โอกาสที่เปิดไว้สำหรับทุกคน มีอยู่ตรงที่ว่าอย่างน้อยก็อาจทำตามวิธีธรรมชาติ จงอย่าละเว้น จงอย่าได้คิดว่าต้องแก่ๆ เฒ่าๆ จึงค่อยไปเข้าวัดไปทำ หรือต้องลาราชการไปบวชสามเดือนสี่เดือนก่อน จึงค่อยทำ เราต้องพยายามทำทุกๆ โอกาส ทุกลมหายใจเข้าออก ... ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ก็จะใกล้ชิดพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงได้ ตั้งแต่บัดนี้ไป”

.
.
.
.
“พร้อมปฎิบัติธรรมกันหรือยังคะ”







Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2549 10:35:26 น. 0 comments
Counter : 333 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าอาภา
Location :
พระนครศรีอยุธยา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




พุทธะ รู้ ตื่น เบิกบาน
ปล่อยวาง เรียบง่าย คือ เซน
Friends' blogs
[Add ฟ้าอาภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.