เมื่อ "นักเลง" ไม่ใช่ "อันธพาล"
"สำหรับพวกเรา คำว่านักเลงมีความหมายมากกว่าที่ใครคิด มันไม่สำคัญ ว่าเราจะไปถล่มใครได้มากน้อยแค่ไหน ถึงใครๆจะเรียกเราว่าอันธพาล แต่สำหรับผมนักเลงกับกุ๊ย มีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง คำว่านักเลง มันมีความหมายกับเรามากเพราะมันคือ "ครอบครัว"
ผมไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากมายนักก่อนที่จะดูเรื่องนี้ และคิดว่าคงเป็นภาพยนตร์ ที่คล้ายๆกับ 2499 อันธพาลครองเมือง ในยุคที่มีนักเลงหัวไม้ชื่อดังอย่าง แดง ไบเล่ ปุ๊ ระเบิดขวด หรือ ดำ เอสโซ่ แต่ก็เลือกที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้ จากเพียงแค่เห็นพี่น้อย วงพรู และพี่เต๋า สมชาย ยืนถือปืนประกบข้างกันในโปสเตอร์หนัง
หนังเล่าถึงยุคสมัย 2499 ที่ขณะนั้นทั่วทั้งพระนครถูกแบ่งเป็นเขตน้อยใหญ่ ปกครองโดยกลุ่มแก๊งอันธพาล มาเฟียต่างๆ (เหมือนหนังฮ่องกง) พวกบรรดาเจ้าพ่อซุ้มต่างๆก็มีรายได้มาจากการเก็บค่าต๋ง บ่อน ยาบ้า ค่าคุ้มครอง จิปาถะสารพัดที่จะเรียกเอาได้ หนึ่งในบรรดาแก๊งค์ที่ดังที่สุด ก็คือแก๊งค์ของ "แดง ไบเล่" "จ๊อด เฮาดี้" "ปุ๊ ระเบิดขวด" และ "ดำ เอสโซ่" โดยตัวหลักอย่าง จ๊อด เฮาดี้ และ และแดง ไบเล่ นั้น บางคำบอกเล่าในหนัง กล่าวว่าทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันเพราะแดง เคยช่วยจ๊อด จากการถูกพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งไล่ตีมา จึงสนิทกันตั้งแต่นั้น และแดงก็เป็นคนชวนจ๊อด ให้เข้าร่วมกับแก๊งค์เฮียหลอ เจ้าพ่อที่ทำงานให้กับมาเฟียในดงมังกรที่ชื่อ "มาสิเกา"
ในมุมมองผู้ชมคนหนึ่ง ผมคงไม่สามารถวิจารณ์แบบนักวิจารณ์อาชีพ แต่ผมก็ไม่ได้ยกย่องว่าการกระทำตัวเป็นคนเย้ยกฎหมายบ้านเมืองแบบนั้นเป็นเรื่องถูกแต่ข้อคิดที่ได้จากหนัง คือเรื่องของมิตรภาพ เพื่อน และการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวในบางขณะก่อนที่พวกเขาจะฆ่าใครสักคน ก็ยังคงมีจิตใต้สำนึกที่ละอายต่อบาปอยู่เหมือนมนุษย์ปุถุชนทั่วไป หากแต่นั่นเป็นวิถีทาง เสมือนอาชีพการงานก็ว่าได้ มันเหมือนกับคำพูดที่แดงได้พูดกับจ๊อดว่า "จะไม่มีการขูดรีดเงินใคร เราจะเก็บเฉพาะคนที่เต็มใจจะให้ ส่วนคนหาเช้ากินค่ำ หรือผู้หญิง จะไม่ถูกกดขี่รังแก" คงเป็นคำจำกัดความแล้วว่า "นักเลง" ต่างจาก "อันธพาล" ตรงที่ไม่ได้หาเรื่องระรานชาวบ้านไปทั่ว แต่นักเลงจะไม่ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน และแยกแยะถูกผิดได้ ว่าสิ่งไหนควร หรือไม่ควรใช้กำลัง
Create Date : 25 มกราคม 2556 |
Last Update : 25 มกราคม 2556 22:03:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 12567 Pageviews. |
|
|