Bloggang.com : weblog for you and your gang
ความรู้ในโลกนี้เรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด
Group Blog
แนะนำตัวกันหน่อย
ห่าว ชือ
เกร็ดจีน
Inside China
เผ่าพันธุ์มังกร
กระแสธารจีน
กระจุกกระจิก
All blogs
ละครจีนในความทรงจำ
5 ทศวรรษ กับ 5 นางเอกของ "ฉงเหยา"
" กิมย้ง " จอมยุทธ์พู่กันเหล็ก # 2
" กิมย้ง " จอมยุทธ์พู่กันเหล็ก # 1
ย้อนอดีตถึงนางเอก TVB ในความทรงจำ
แจ๊ค หม่า แห่ง Alibaba.com
"จูหรงจี" แมวดีที่จับหนูเก่ง
"จูหรงจี" แมวดีที่จับหนูเก่ง
จูหรงจี ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ
จูหรงจี นายกรัฐมนตรีจีนคนที่ 5 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
1 ในผู้นำจีนรุ่นที่ 3 สมัยประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมินเป็นแกนนำ เขาโด่งดังในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี
ผู้มาพร้อมกับความมหัศจรรย์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่
ที่ทั้งชาวจีนและต่างชาติยอมรับในฝีมือ
เขายังเป็นนักการเมืองแห่งประเทศฝ่ายคอมมิวนิสต์
ที่ผู้นำประเทศใหญ่ๆ ในโลกอยากจะพบปะสนทนาด้วย
หรือแม้แต่ข้อกังขาน่าอัศจรรย์ที่ว่า
จูหรงจี สืบสายเลือดมาจากปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง หมิงไท่จู่ จูหยวนจาง !
จูหรงจี เป็นคนตรงไปตรงมา เปิดกว้างและยึดถือความซื่อสัตย์
ยังเป็นนักการเมืองที่แปลกจากผู้นำจีนรุ่นเก่าๆ คือ บ่อยครั้งที่ปราศรัยต่อหน้าฝูงชน
เขามักจะกล่าวสดโดยไม่อาศัยร่าง และที่สำคัญยังเป็นคนมีอารมณ์ขันและเป็นกันเอง
ซึ่งกิตติศัพท์เรื่องนี้เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวาง
โดยเขามักปล่อยมุกกับสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวและการสัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้ง
จึงอาจนับได้ว่าเขาเป็นนักการเมืองระดับผู้นำของจีนคนแรกที่ใกล้ชิดกับสื่อ
โดยเฉพาะสื่อในฮ่องกง ไต้หวันและตะวันตกกล้าเล่นกล้าแซวเขาโดยมีการตั้งฉายาให้ว่า
จูหน้าเหล็ก (หมายถึงเป็นผู้อยู่บนความเที่ยงธรรม ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม)
พระเจ้าซาร์เศรษฐกิจ หรือแม้แต่ กอร์บาชอฟแห่งประเทศจีน
มือดีทางเศรษฐกิจ ทายาทที่ถูกวางตัวโดยเติ้งเสี่ยวผิง
นับตั้งแต่ผู้นำรุ่นที่ 2 ซึ่งมีเติ้งเสี่ยวผิงเป็นแกนนำ
ได้ริเริ่มแนวคิดเปิดประเทศและผลักดันการปฏิรูปศรษฐกิจขึ้น เมื่อปลายทศวรรษที่ 70 (ศตวรรษที่ 20)
ในช่วงเริ่มต้นที่ล้มลุกคลุกคลานนั้นเป็นเวทีพิสูจน์ความสามารถของคนทำงานทั้งหลาย
จูหรงจีก็เป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสเข้าไปร่วมงานในหน่วยงาน
ด้านเศรษฐกิจทั้งระดับท้องถิ่นและคณะกรรมการระดับประเทศ และได้แสดงฝีมือให้ผู้ใหญ่ได้เห็นหลายครั้ง
ในสายตาของรัฐบุรุษเติ้งเสี่ยวผิง จูหรงจี คือ คนเก่งด้านเศรษฐกิจที่มีไม่มากนักในเมืองจีน
เขาจึงได้รับการวางตัวจากเติ้งเสี่ยวผิงให้มาช่วยงานด้านปฏิรูปเศรษฐกิจในทีมผู้บริหารประเทศรุ่นที่ 3
ปี ค.ศ.1991 จูหรงจี ข้าราชการจากหน่วยงานวางแผนงานด้านเศรษฐกิจแห่งชาติ
ผู้ที่ได้ชื่อว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจดีในวัย 63 ปี ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในฐานะอดีตนายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ที่อยู่ในตำแหน่งมา 3 ปี
ผู้นำความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลมาสู่มหานครแห่งนี้ ผู้คนยกย่องว่า เขา คือ
ผู้พลิกศักยภาพของเซี่ยงไฮ้ให้กลับมาเป็นศูนย์กลางการเงินและอุตสาหกรรมการผลิตชั้นแนวหน้าของประเทศสำเร็จ
และยังฝากผลงานเป็นโฉมหน้าใหม่ของเมืองผู่ตงที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการขยายเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคม
ตลอดจน การรุกคืบของโครงการก่อสร้างในแถบชานเมืองเซี่ยงไฮ้
ทำให้ชื่อของจูหรงจีเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกประเทศ
และยังเป็นความหวังในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังร้อนแรง
ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและการเงินในขณะนั้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการขานรับแนวคิดการปฏิรูปเศรษฐกิจของเติ้งเสี่ยวผิงอย่างเป็นรูปธรรม
ของเหล่าผู้นำระดับท้องถิ่น อาทิ การผุดขึ้นของเขตเศรษฐกิจอย่างคึกคัก
การกู้เงินจากธนาคารกลางเพื่อการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
รวมถึงการร่วมทุนกับต่างชาติอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ตลอดจนการฉวยโอกาสจากตำแหน่งหน้าที่กระทำการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้บริหารท้องถิ่น
ตลอดจนเอื้อประโยชน์ต่อเครือญาติของบุคคลในพรรคฯ
และอีกหลายประการที่ส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างไร้ระเบียบและขาดสมดุล
ขณะเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของปวงชนชาวไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2001
รองนายกฯ จูหรงจีผู้นั่งอยู่ในตำแหน่งดูแลรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ได้เสนอ หลักปฏิบัติ 16ประการ
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ ควบคุมการขยายตัวและคลายความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ
ควบคู่กับการปราบปรามการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง
ทั้งนี้....เมื่อหลักการดังกล่าวได้รับการเห็นชอบจากประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมิน
จูหรงจี ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีบารมีในพรรคฯ ก็สามารถผลักดันหลักปฏิบัติ 16 ประการออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม
และถึงแม้ในระยะแรกจะต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาเรื่องคน และความขัดแย้งกับกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม
แต่จูหรงจีก็ใช้ความโปร่งใสและการเป็นระบบอย่างของข้าราชการที่มีประวัติขาวสะอาดเข้าต่อสู้
ความพยายามของจูส่งผลให้บรรดาเศรษฐีใหม่ทั้งหลายเสียผลประโยชน์ ถึงกับโกรธแค้นจูหรงจี
และหมายมาดว่าจะเอาชีวิตกันเลย แต่จูหรงจีก็ลั่นวาจาว่า
คราวนี้เรามุ่งปราบเสือ ขอให้เตรียมโลงศพไว้ 100 โลง สำหรับเก็บศพพวกนั้น 99 โลง
และอีกโลงเผื่อตัวผม ผมพร้อมจะดับไปกับพวกนั้นเพื่อความสุขนิรันดร์ของประเทศชาติและประชาชน
จูหรงจี ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำงานตรงไปตรงมาอย่างไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหม
พระเจ้าซาร์แห่งเศรษฐกิจ
ในระหว่างที่นายกฯ จูนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำรัฐบาล (มีนาคม ค.ศ.1998-2003)
ประเทศจีนต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ทั้งในและต่างประเทศที่เหนี่ยวรั้งการก้าวเดินของงานปฏิรูปเศรษฐกิจ
อาทิ วิกฤตการณ์การเงินที่เกิดขึ้นในประเทศแถบเอเชีย การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ความขัดแย้งของโครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ การว่างงานของเจ้าหน้าที่ในรัฐวิสาหกิจ
และการประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ถึง 2 ครั้ง
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ประเทศชาติก็ได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญๆหลายเรื่อง อาทิ
- การเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO)
- กรุงปักกิ่งได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกในปี 2008
- การฟื้นฟูอธิปไตยแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเหนือเกาะมาเก๊า
พร้อมๆ กับการเริ่มดำเนินการโครงการพัฒนาเขตตะวันตกอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงความเจริญทางวัตถุ
ที่มีให้เห็นตามเมืองใหญ่ๆ อาทิ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นตามท้องถนน ฯลฯ
ขณะที่นายกฯ จูหรงจีบริหารเศรษฐกิจประเทศจีน ในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
การลงทุนจากทั่วโลกลดลงครึ่งหนึ่งในปี 2000 เขาสามารถกระตุ้นการลงทุนในประเทศให้สูงขึ้นได้ถึง 10%
และในช่วง 9 เดือนแรกของปี ค.ศ.2002 ประเทศจีนมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP)
ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ เท่ากับ 7.9% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงในธุรกิจเอกชน
โดยกระตุ้นอัตราค่าแรงให้เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ศักยภาพในการบริโภคเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ปี 2002 มูลค่าการค้าของจีนก็ทะยานสูงขึ้น 18% โดยมูลค่าการส่งออกสูงกว่าการนำเข้า
และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศก็ยังเพิ่มสูงขึ้น 22.6% เช่นกัน
ภารกิจนายกรัฐมนตรี
ภาพที่เกิดขึ้นภายหลังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขาสิ้นวาระลง คือ
สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ
ต่างปรบมือยอมรับรายงานสรุปผลงานของเขากันอย่าง
พร้อมพรัก
........ ตัวเลขเศรษฐกิจประชาชาติของจีนปี ค.ศ.2003 เติบโตเฉลี่ย 7.7% เศรษฐกิจระบบตลาด
บนพื้นฐานการปกครองแบบสังคมนิยมของจีนเริ่มสร้างฐานขึ้นอย่างเป็นปึกแผ่น
และพร้อมจะเติบโตขึ้นต่อไปในอนาคต คือบทสรุปที่เป็นทางการที่สุด
ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่เบนเข็มไปสู่แนวทางปฏิรูปและพัฒนาเศรษฐกิจของจูหรงจี ที่เขายอมรับว่า
สามารถบรรลุผลสำเร็จในงานใหญ่ที่หลายปีก่อนหน้านี้ไม่คาดคิดว่าจะทำได้สำเร็จ ........
งานใหญ่ ที่ประสบผลสำเร็จดังคำสรุปข้างต้นคงหนีไม่พ้น เรื่องเศรษฐกิจ ที่เป็นความชำนาญเฉพาะตัวของนายกฯ
ผู้ซึ่งได้รับคำยกย่องจากชาวจีนว่าเป็น
แมวดีที่จับหนูเก่ง
คนนี้
นักวิจารณ์ของจีนเคยกล่าวไว้ว่า ผลงานเรื่องเศรษฐกิจในช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี
ยังไม่โดดเด่นเท่าสมัยที่เป็นรองนายกฯ ดังนั้นจึงต่างยกย่องผลงานในช่วงนั้นที่ทำให้เขาได้รับฉายา
พระเจ้าซาร์เศรษฐกิจ
ผู้รู้ดีว่าเมื่อไหร่จะ จับ หรือ ปล่อย โอกาส
ในขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี จูหรงจีโดยการสนับสนุนจาก เติ้งเสี่ยวผิง
และประธานาธิบดี เจียงเจ๋อหมิน สามารถใช้อำนาจ จอมทัพเศรษฐกิจ ได้อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาสำคัญๆ อาทิ
การเสนอทางออกเพื่อสางหนี้ที่เกิดขึ้นในระบบการเงินระหว่างรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่และ
กลางทั่วประเทศที่หมักหมมมานานกว่า 500,000 ล้านหยวน
โดยการอัดฉีดเงินเพื่อพยุงกิจการในเบื้องต้น และกำหนดเส้นตายในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่
เพื่อจับตาขั้นตอนการสางหนี้อย่างใกล้ชิด ถึงแม้ปัญหาดังกล่าวจะไม่สามารถกำจัดไปได้หมดสิ้น
และยังส่งผลมาถึงสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งก็ตาม
ทว่าหลังดำเนินงานตามแนวทางของจูหรงจีไปได้หนึ่งปี ก็สามารถสางหนี้ได้กว่า 300,000 ล้านหยวน
หรือตัวอย่างการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างร้อนแรง การปั่นราคาที่ดิน และตลาดหุ้น
ธนาคารปล่อยกู้มากเกินไปจนเริ่มมีหนี้เสีย จูหรงจีได้เสนอให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น
รวมถึงเสนอ หลักปฏิบัติ 16 ประการ
ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมระบบเศรษฐกิจมหภาค (หงกวนเถียวค่ง) เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเบ็ดเสร็จ
ถึงแม้ในเบื้องต้น นายหลี่กุ้ยเซียน ผู้ว่าการธนาคารกลางขณะนั้น
จะไม่เห็นด้วยในแนวคิดและนำหลักการของเขามาปฏิบัติ
แต่ภายหลังเมื่อจูหรงจีได้รับอำนาจจากกรมการเมืองให้เข้าดำรงตำแหน่งแทนหลี่ในปี 1993
เขาก็ได้เข้ามาดำเนินการกู้สถานการณ์หนี้เสียของธนาคารกลาง
สามารถบรรเทาปัญหาหนี้เสีย ปริมาณเงินล้นระบบ และจัดการกับตลาดเงินที่ไร้ระเบียบ
ที่โดยส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรได้สำเร็จ
จูหรงจีทำงานในรัฐบาลภายใต้การสนับสนุนจากแกนนำพรรค นายเจียงเจ๋อหมิน
จากความสำเร็จของจูหรงจีและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในงานปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ
ตลอดจนการปฏิรูประบบการเงิน การคลัง การจัดเก็บภาษี การลงทุน และระบบการค้ากับต่างประเทศ
โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในธุรกิจขนาดกลางและย่อม
เพื่อวางรากฐานการเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ของประเทศจีน
ทำให้ปี ค.ศ.2003 คณะกรรมการสมาพันธ์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งทวีปยุโรป
ได้พิจารณามอบรางวัลอันทรงเกียรติที่เคยมอบให้กับอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แห่งสหรัฐฯ มาแล้ว
แก่อดีตนายกฯ จูหรงจีของจีน ซึ่งเขาได้บริจาคเงินรางวัลทั้งหมดให้กับมหาวิทยาลัยชิงหัว
สถาบันศึกษาที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่เขาเมื่อวัยหนุ่ม
>> ประวัติส่วนตัว <<
จูหรงจี เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1928 ที่ฉางซา ในมณฑลหูหนัน กำพร้าพ่อและแม่มาตั้งแต่เล็ก
จูหรงจี จึงอยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของคุณลุง จูเสียว์ฟาง
เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหัว คณะวิศวกรรมศาสตร์ เอกวิศวกรรมไฟฟ้า เมื่อธันวาคม ค.ศ.1948
ที่นี่จูหรงจีได้ศึกษาเรียนรู้ด้านวิชาการและเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อมาในหน้าที่การงาน
เขาจึงรำลึกในบุญคุณของสถาบันศึกษาแห่งนี้เสมอมาว่า
ได้หล่อหลอมเขาขึ้นจนเป็นปัญญาชนที่เข้มแข็งของชาติ
และถึงแม้จะจบการศึกษาไปแล้วจูก็ยังหาโอกาสไปบรรยายประสบการณ์ต่างๆ ในการทำงานเล่าสู่รุ่นน้องอยู่บ่อยๆ
ระหว่างปี ค.ศ.1947-1951 ขณะศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชิงหัว
จูหรงจีได้เข้าเป็นสมาชิกของสันนิบาตเยาวชนลัทธิประชาธิปไตยแผนใหม่
และก่อนเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อตุลาคม
ค.ศ.1949 จูหรงจีก็เคยร่วมงานกับพรรคฯ มาบ้าง ปี ค.ศ.1951
เข้าทำงานในส่วนงานด้านการวางแผนการผลิตเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือในกระทรวงอุตสาหกรรม
ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นสู่หน่วยงานด้านการวางแผนงานระดับประเทศ
และยังเป็นวิศวกรแห่งสำนักงานประมวลเศรษฐกิจแห่งชาติ
ราวปีค.ศ.1955 จูหรงจีได้สมรสกับ นางเหลาอัน
เพื่อนนักศึกษาชาวหูหนันที่จบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวคณะเดียวกัน
นางเหลาอัน เคยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมแห่งชาติจีน
ทั้งคู่มีบุตร 2 คน เป็นหญิงชื่อ จูเอี้ยน และชาย จูเต๋อเหมี่ยว
จูหรงจีและนางเหลาอัน
จูหรงจียังเคยทำงานในสำนักงานด้านเศรษฐกิจแห่งบัณฑิตยสภาด้านสังคมศาสตร์
และอยู่ในคณะกรรมการเศรษฐกิจแห่งชาติ รวมถึงในกรมการเมืองแห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ มหานครใหญ่
ซึ่งเป็นแกนหลักทางเศรษฐกิจของประเทศ
จูหรงจีเข้าดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
และเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านเศรษฐกิจและการค้าในคณะรัฐมนตรี เมื่อปี ค.ศ.1991
และยังควบตำแหน่งแกนนำสำคัญในคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีน
ปีค.ศ.1993 รองนายกฯ จูหรงจีควบตำแหน่งสำคัญ คือผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (จงกั๋วเหรินหมินอิ๋นหัง)
ต่อมาในปี 1997 ก็เข้าเป็นกรรมการถาวรของพรรคฯ และกรรมการด้านบริหารในกรรมการกลางพรรคฯ
กระทั่งเดือนมีนาคม ค.ศ.1998 เขาก็ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
กุมบังเหียนงานปฏิรูประบบเศรษฐกิจแห่งชาติเต็มตัว
รวมถึงเป็นประธานคณะกรรมการโครงการก่อสร้างเขื่อนซันเสียของคณะรัฐมนตรี
ซึ่งเป็นโครงการระดับชาติในสมัยนั้นด้วย
นายกรัฐมนตรีจูหรงจี มีบุคลิกการทำงานที่รวดเร็ว เน้นการปฏิบัติงานภาคสนาม
ระดมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการระดับสูง และแก้ปัญหาที่จุดเริ่มต้น
ตลอดจนการเรียนรู้งานจากผู้มีประสบการณ์มาปรับใช้ในงานของตน
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จูหรงจีเข้าถึงปัญหาและสามารถหาทางแก้ไขได้ตรงจุดจนประสบความสำเร็จ
จูหรงจี ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมการกลางพรรคฯ จวบถึงปี ค.ศ.2003
โดยอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนครบวาระ 5 ปี (นายเวินเจียเป่าเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนในสมัยต่อมา )
หลังจากนั้นเขาก็วางมือจากวงการการเมือง
และใช้เวลาว่างเพลิดเพลินไปกับอุปรากรปักกิ่งที่เขาชื่นชอบ
เขาคือผู้นำจีนคนแรกที่มีความเป็นกันเองกับทุกคน
มีอารมณ์ขันและแสดงออกอย่างเปิดเผย แตกต่างจากผู้นำรุ่นก่อนๆ
"หลักปฏิบัติ 16 ประการ (หงกวนเถียวค่ง)"
ด้านการเงินการธนาคาร
1. ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เงินกู้ และพันธบัตรที่ออกใหม่ของรัฐ
ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.1993 เป็นต้นไป
2. ให้ธนาคารพิเศษเรียกคืนสินเชื่อที่ปล่อยกู้เกินวงเงินตามที่ธนาคารประชาชนจีน
ได้กำหนดเอาไว้กลับคืนมาได้ก่อนวันที่ 25 สิงหาคม 1993
3. ให้ธนาคารพิเศษทำการตรวจสอบกลไกระบบการเงินในการปล่อยสินเชื่อของตน
แล้วเรียกเก็บหนี้สินที่ปล่อยกู้ไปอย่างผิดระเบียบกลับคืนมา
4. ให้ธนาคารพิเศษแยกนโยบายการปล่อยกู้ของตน
กับนโยบายการปล่อยกู้ที่ให้แก่กลุ่มธุรกิจการค้าออกจากกัน
5. เพิ่มความแข็งแกร่งในการปฏิบัติงานให้แก่ธนาคารประชาชนจีน
โดยให้มีภาระหน้าที่สอดคล้องกับบทบาทในฐานะธนาคารกลาง
6. ให้ตลาดหลักทรัพย์ปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐ
เกี่ยวกับการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในตลาดฯ อย่างเคร่งครัด
ด้านการคลัง
7. ให้ดำเนินการปรับลดงบประมาณลงร้อยละ 20
8. ขอให้พื้นที่ต่างๆทั่วประเทศร่วมมือกันขายพันธบัตรของรัฐให้หมดภายในวันที่ 15 ก.ค.1993
ด้านโครงการลงทุน
9. ให้ทำการไต่สวนใหม่กรณีที่ผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆ
ในพื้นที่เศรษฐกิจที่ประกาศเปิดด้วยตัวเอง
10. ให้ลดการลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ลง
11. ให้เพิ่มการลงทุนทางด้านการคมนาคมและการท่าต่างๆ
ด้านอื่นๆ
12. ดำเนินการปฏิรูประบบอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ
13. ให้ยุติการใช้ใบยอมรับสภาพหนี้ หรือ "ไป๋เถียวจื่อ"
แทนการจ่ายเงินในการรับซื้อผลผลิตจากชาวนาโดยเด็ดขาด
14. ให้รัฐบาลท้องถิ่นยุติการใช้อำนาจในการเรียกเก็บภาษีพิเศษต่างๆ
หรือค่าฤชาธรรมเนียม ในการทำกิจกรรมอื่นใดจากผู้ใช้แรงงานในวิสาหกิจต่างๆ
ทั้งทางภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมโดยเด็ดขาด
15. ให้องค์กรตรวจสอบวินัยในท้องถิ่นทำการตรวจสอบวินัย
ทางด้านการเงินการคลังของมณฑลและเขตปกครองตนเอง
16. ดำเนินการปฏิรูประบบราคาสินค้าขึ้นมาใหม่ให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปี 1993
เพื่อไม่ให้สินค้าขึ้นราคาโดยขาดการควบคุม
*หมายเหตุ :
- หลักปฏิบัติ 16 ประการ (หงกวนเถียวค่ง) คัดจากหนังสือ "เศรษฐกิจการเมืองจีน"
หน้า 260-261 เขียนโดย วรศักดิ์ มหัทธโนบล
**เรียบเรียงจาก :
- ไชน่าเดลี่ / ยูพีไอ / รอยเตอร์ส / ไวคิพีเดีย / ซินหัวเน็ต
***หนังสืออ้างอิง :
- อะเมซิ่ง จูหรงจี โดย สันติ ตั้งรพีพากร
- บูรพาแดงเปลี่ยนสี โดย วรศักดิ์ มหัทธโนบล สำนักพิมพ์มติชน และ
- "เศรษฐกิจการเมืองจีน" วรศักดิ์ มหัทธโนยล
จัดพิมพ์โดย ศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
****ขอบคุณ (Thank You) ที่มาข้อมูล ข้อความและภาพประกอบ
- คนจีนเรียกเขา "จูหรงจี พระเจ้าซาร์แห่งเศรษฐกิจ"
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 สิงหาคม 2548
Create Date : 03 มิถุนายน 2550
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 22:20:40 น.
2 comments
Counter : 997 Pageviews.
Share
Tweet
บล๊อกยู้นี่ ป้าสุให้ 5 ดาวสำหรับความรู้เรื่องจีนจ้ะ
โดย: ป้าสุ (
Munro
) วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:21:33:12 น.
ขอบคุณสำหรับการรวบรวมข้อมูลและภาพประกอบค่ะ ชอบ
โดย: หนูนีล (
นางน่อยน้อย
) วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:12:26:07 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
peijing
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
More Cool Stuff At POQbum
.com
Friends' blogs
prncess
blueberry_cpie
D_jang
ไวนิล
Chadada
๏๏กะปอม๏๏
U Know Me a Little Go
Logetus
WonDerFulSumMer
ชากีร่า
ป้ามด
รำเพย
แม่โบนัส
นกน้อยในไร่ส้ม
Munro
*revolniar*
แพรวขวัญ
นกขมิ้น_mommam
เนยสีฟ้า
Naomichan
monkeynumber4
เอ๊กกี่
OH! MY...กล้วย
[OO] SULAI JAI MARNNN
แมลงวันตาโต
Yushi
esprit_pawin
lozocat
neaq
นางมารร้าย
Mrs.Bear
alinada
ริมยมนา
ตองเจ็ด
พนอจัน
Paradijs
Hawaii_Havaii
kayook
เด็กหัดเดิน
mintny_n
หลั่มหมั่นเหม่ง
กิน ๆ เที่ยว ๆ
ลูกไหน
wbj
Goret
rosepinkbutterfly
หน่อยอิง
แพนด้ามหาภัย
fifty-four
ซอร์บอนน์
bench
หม๋องแหม๋ง
พลังชีวิต
เค้กลั้ลลา
ผ้าไหมไทย
กั้งกระดาน
Febie
ลูกสน
wee_nong
โกโก้คุง**
ปูขาเก เซมารู
miragery
pepsakoy
ceacar salad
แม่สลิ่ม
Beebie
ความรักทำให้โลกอ่อนหวาน
iTiMiTi
ญามี่
joo
สาววิเศษ
dailydelicious
IyadA
Thai-SkY
babali
นางฟ้าของชาลี
Baked by PonG
ตาโตสุดสวย
แม่เฮือน
nescoffee
alisabeth
Pastel pied
Tristy
ฟันคุดน้อยซี่ที่7
มัชชาร
yanisa2536
bake@home
vanillaorchid
Tiny Bakery
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน
Webmaster - BlogGang
[Add peijing's blog to your web]
Links
ป้ามด
umasa_ib
Jitti Wedding & Event Design
บ้านไร่ข้าวโพด
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.