space
space
space
space

pic




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2558   
Last Update : 8 ธันวาคม 2558 15:51:54 น.   
Counter : 460 Pageviews.  
space
space
ระยะนี้
ชีวิตระยะนี้ ในสถานการณ์ที่ต้องอยู่ลำพังชั่วคราวเจ็ดวัน  เช้าหลังจัดการท้องตัวเอง และไม่ลืมจะจุนเจือกระเพาะเจ้าเหมียวคู่ใจ อาจก่อนหรือหลังดูแลตัวเองยามเช้า   เสื้อผ้ารอให้เยอะก่อนค่อยซัก ถ้วยชามไว้ล้างมื้อเที่ยง อยู่คนเดียวไม่ค่อยเยอะแล้ว

สายๆขึ้นบ้าน เข้าห้องทำงาน นั่งหน้าจอ นิยามให้ห้องนอนเล็กฝั่งทิศเหนือที่อยู่ด้านหลัง คือห้องทำงาน  อันประกอบไปด้วย คอมพิวเตอร์เก่าแก่สุดในบ้าน รุ่นหกปีที่แล้ว ที่อัพเกรดไว้จนพอเหมาะกับการทำงาน เท่าที่รุ่นนี้จะอัพเกรดได้  หลังจากห้องนี้ร้อนขึ้นเรื่อยๆตามการเคลื่อนตัวของดวงอาทิตย์ จึงจะยักย้ายถ่ายเทไปยังอีกห้อง ที่ติดเครื่องปรับอากาศ แต่หากพอทนได้ จะยื้อเวลาการเปิดแอร์ออกไปเรื่อยๆ ยิ่งถึงเย็นได้ยิ่งดี ยกเว้นระยะนี้ ร้อนมาก หากยอมเสียค่าแอร์แล้วงดอาหารสักมื้อ ก็พอค่าแอร์ที่เพิ่มขึ้นมารายวันได้แล้ว

อันที่จริงแล้ว มีงานจรที่อยากจะทำอยู่หลายอย่างทีเดียว แต่ยังอยู่ในโหมดผลัดวันประกันพรุ่ง อาทิ

-ล้างฟิลเตอร์แอร์  ว่าจะล้างเดือนละครั้ง หรือเดือนละสองครั้ง แต่เกินเดือนไปหน่อยแล้ว แฮ่ะๆ เห็นว่าไม่ค่อยได้เปิดหน้าต่าง ฝุ่นคงไม่เยอะ .. มั้ง  
-ล้างระเบียงชั้นบนติดห้องนอนใหญ่  อย่างน้อยก็ได้ซื้อสายยางใหม่มาแล้ว เพราะอันเก่าแตกรั่วหลายจุด
-ซักผ้าม่านที่ไม่ได้ซักมาหลายปีมาก
-ขัดมุ้งลวด อันนี้งานใหญ่ เพราะถ้าจะขัดทั้งบ้าน หนักหนาสาหัสอยู่เหมือนกัน
-จัดบ้านใหม่  รอให้อยู่ลำพังถาวรก่อนละกันโนะ

พูดถึงเรื่องจัดบ้านใหม่ .. เหตุที่ยังทำไม่ได้ เพราะมีสมาชิกอีกคนยังอยู่ด้วยและเจ้าตัวไม่ชอบให้เปลี่ยนแปลงย้ายที่ย้ายทาง เนื่องจากถนัดที่ถนัดทางแบบเดิมอยู่แล้ว แต่อีกไม่นานนัก เขาต้องย้ายเข้าหอพักของคณะแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกในการเรียนแพทย์ปีสี่ ที่ต้องมีการเข้าเวรบน รพ. และต้องขึ้นวอร์ดราวด์วอร์ดกันแต่เช้า   อาจได้กลับเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่ติดเวรวันหยุด   ถึงตอนนั้นจึงจะจัดบ้านใหม่ ก็คงเป็นงานใหญ่เลยทีเดียว และคาดว่า จะทำตามคติที่ว่า .. กรุงโรม ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว .. เปล่าผลัดวันนะ แค่ค่อยๆทำไปทีละนิดทีละน้อย สลับกับพักผ่อนและเพลิดเพลินบ้าง .. น่ะ .. ฮ่ะๆๆ  แมะ พูดว่าจะทำอะไรเนี่ย เหมือนได้ทำไปแล้วครึ่งนึง แต่ทำด้วยคำพูดเนี่ย ผลงานไม่ออกนะตัวเอง ฮ่าๆๆๆ แมะ ยังอุตส่าห์มีคติ เฮอะๆ

อย่างไรก็ดี   แต่ละงานคงให้เวลากับมันพอสมควร ทำแบบไม่เร่งรีบ การพยายามทำให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดมันไม่สนุก  ให้เป็นไปในรูปแบบความสนุกบันเทิง จะน่าทำมากกว่า

อย่างการรีดผ้าก็เหมือนกัน

เป็นอะไรที่ เบื่อ ไม่ชอบอย่างมาก .. แต่ต้องทำ และชุดนักศึกษารวมทั้งกราวน์สั้นแขนยาวของสมาชิกท่านนี้ ก็รีดยากพอควร  ยิ่งหน้าร้อน ยิ่งน่าหงุดหงิด  จึงตัดสินใจ รีดอาทิตย์ละครั้งไว้ทั้งหมด เปิดแอร์รีดเอา นั่งหน้าทีวี ดูทีวีไปแอร์เย็นๆก็เพลินดี คลายความหงุดหงิดใจเวลาผ้ารีดยากทำพิษ ฮ่าๆๆ สะใจดี จากที่ไม่ชอบไม่อยากทำ เปลี่ยนเป็นวิธีนี้  ได้ผลดี

แต่เมื่อเขาย้ายเข้าหอ ใช้รูปแบบการจ้างซักรีดไปเลย ทีนี้ก็หมดไปอีกหนึ่งงาน  เสื้อผ้าตัวเอง นานๆจะรีดสักที เพราะส่วนใหญ่ ใส่เลยไม่ต้องรีด ฮ่าๆๆๆ

สำหรับงานนั่งโต๊ะ ที่กำหนดจะให้ตัวเองโปรแกรมใส่สมองไว้ว่า จะทำงาน โดยมีเวลากำหนดแบบเดียวกับการทำงานประจำ   8.30-12.00 น.และ 13.00-16.30 น.   

พูดถึงเรื่องการกำหนดตารางเวลาให้ทำกิจกรรมที่ถูกแยกย่อยลงมาจากเป้าหมายใหญ่  อันที่จริง เคยทำมาแล้ว ครั้งนั้นเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดม พญาไท ขณะที่ตัวเองจบมัธยมต้นจากโรงเรียนแถวบ้าน .. เรียกบ้านนอกคงได้ ไม่ต่างกัน เรียนไม่ได้เก่งมาก แต่เผอิญคนเก่งที่โรงเรียนแถวบ้านมีไม่มาก  ตัวเองนั้นได้ที่ 3-4 มาตลอด มีเพื่อนชายคนนึงหญิงคนนึง เอาที่ 1 ที่ 2 กันไป กระทั่ง ปีสุดท้ายของมัธยมต้น ฮึกเหิมอะไรขึ้นมาก็ไม่อาจทราบได้ พยายามจนตีตื้นขึ้นมา กระทั่งสอบปลายภาค ผลสอบได้ที่ 1 ของโรงเรียนซะอีกแน่ะ แต่เทียบกับระดับอำเภอหรือจังหวัดก็ไม่แน่ใจนัก รู้แค่ว่าสมัยนั้นมีการสอบปลายภาคด้วยข้อสอบจังหวัด แม้ได้ที่ 1 ของโรงเรียน แต่ได้ที่ 4 ของจังหวัด
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่หมายมั่นปั้นมือว่า จะเป็นหนึ่งในผู้ไปแข่งขันสอบเข้า รร.เตรียมอุดม

การจัดตารางเวลาก่อนไปสอบแข่งขันจึงเกิดขึ้น

ไล่เลียงตั้งแต่การตื่นแต่เช้ามืด  ออกกำลังกาย นั่งฝึกสมาธิ กำหนดเป็นนาทีนาทีไปเลย อาบน้ำหรือแค่ล้างหน้าล้างตา แล้วเริ่มอ่านหนังสือ ทำอย่างนี้ทุกวัน อาศัยเวลาช่วงเช้ามืด ทั้งเย็นสบายและเงียบสงบ สมองได้รับการพักผ่อนมาแล้ว  

การนอนก็นอนแต่หัวค่ำ ซึ่งตามปกติแล้ว พ่อจะให้ขึ้นนอนเวลาสองทุ่ม  เกินหน่อยก็ไม่มาก สมัยนั้น โทรทัศน์ไม่ค่อยมีอะไรมาก  จะบอกว่าสามสิบปีที่แล้ว ก็จะกลายเป็นการแฉวัย แต่ประมาณนั้นแหละ ฮ่ะๆๆ  

ถ้าเป็นสมัยนี้นะเรอะ  สงสัยกว่าจะได้นอน นู่น สี่ทุ่มห้าทุ่ม เผลอๆเที่ยงคืน  เช้ามืดคงไม่มีโอกาสเจอหน้าค่าตา ฮ่ะๆๆ ยุคสมัยแตกต่างกันไป  ปรับตัวให้ทันกับยุคกับสมัย ก็ไปได้โรด

วันนี้เป็นวันที่สองของการอยู่เพียงลำพัง

อันที่จริง เดิมน่ะ อยู่กันสี่คน สมาชิกแต่ละคน แยกย้ายกันไปตามภารกิจและหน้าที่  คนแรกย้ายไปทำงานสาขาที่จังหวัดไกลหน่อย เดือนนึงกลับบ้านสักครั้ง บางเดือนมากกว่าครั้งแล้วแต่โอกาส   คนที่สองไปเรียนต่อต่างประเทศ อันนี้ไกลมาก คนที่สามกำลังจะเข้าหอคณะ เพื่อความสะดวกในการฝึกงานบน รพ.   คนเดียวที่ต้องอยู่โยงเฝ้าบ้านหลังนี้ ก็คือ .. ข้าพเจ้าเอง .. อ่ะแน่ะ  มิจฉาชีพ ห้ามแอบสะกดรอยล่ะ เค้ายังมีแรงฮึดสู้นะตัวเอง แถมด้วยยามหมู่บ้านที่แสนจะขึงขัง .. อ้ะๆๆ ไม่ได้ท้าทายสักหน่อย แค่อธิบายให้ฟัง ที่สำคัญคือ คนไม่รวยเนี่ย ไม่ค่อยจะล่อตาล่อใจเท่าไหร่  จะบอกว่า เราน่ะจนซ้า  เพราะมีเท่าไหร่ทุ่มให้ลูกๆโม้ด ที่ตัวเลยมีแค่พอกินไปวันวัน กับเจือจานให้แมวมั่งไรมั่ง ตามประสา .. นะ ..  เอิ๊กๆๆ 




 

Create Date : 23 เมษายน 2557   
Last Update : 23 เมษายน 2557 11:17:58 น.   
Counter : 810 Pageviews.  
space
space
กาแฟกาแฟกาแฟ

สายตาจดจ้องอยู่เฉพาะหน้าจอคอมพิวเตอร์  กำลังพิมพ์บางอย่างลงไปบนหน้าว่างๆของโปรแกรมสร้างเอกสาร   ระหว่างพิมพ์ได้ยินเสียงโทรทัศน์บนเน็ตที่เปิดทิ้งไว้    ได้ยินแต่เสียงก็เพียงพอ    พัดลมเป่าจ่อผิวกายอยู่ที่พื้นข้างๆไม่ห่างตัวเท่าไหร่นัก   อากาศยามเช้าตรู่ยังไม่ร้อน   หน้าต่างเปิดไว้ทั้งสองด้านคือหน้าต่างด้านหลังบ้านแต่เป็นข้างๆเยื้องไปด้านหลังที่นั่ง ขณะนั่งหันหน้าเข้าจอเพราะคอมพิวเตอร์หันเข้าหาผนังห้อง  และหน้าต่างด้านข้างห้องแต่เป็นด้านหลังของที่นั่งหน้าจอ    เพียงเท่านี้ก็สามารถอยู่ในอุณหภูมิห้องได้อย่างไม่ต้องอาศัยเครื่องปรับอากาศชนิดไหนท่ามกลางอากาศเมืองร้อนที่ย่างเข้าฤดูร้อนอย่างเมืองไทย

ข่าวเครื่องบินMH370ของมาเลเซียที่หายไปอย่างลึกลับส่งเสียงออกมาจากช่องเนชั่นแชนแนลที่เปิดเอาไว้บนบราวเซอร์ไฟร์ฟอกซ์   แต่นั่นไม่ใช่ธีมหลักของเรื่องในวันนี้

เสียงคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ไม่เบาเลย  แต่ไม่ถึงกับดังมากจนปวดประสาทหู  อย่างไรก็นับว่าดังเมื่อเทียบกับเครื่องใหม่ในห้องนอนใหญ่   จะเรียกว่าห้องนี้คือห้องนอนเล็กอาจยังไม่ถูกต้องนักเพราะส่วนใหญ่แล้วจะนอนในห้องนอนใหญ่ที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ   ห้องนี้เป็นเพียงห้องทำงานที่ไร้แอร์  ว่าจะตั้งชื่อให้มันว่าห้องแห่งความพอเพียงแม้จะเคยคิดอยากติดแอร์สัก9000บีทียูราคาหมื่นเศษ   แต่ ณ ปัจจุบัน  ยังคงไม่ได้ติด…  เสียดายเงินมากกว่า

สายตาที่จดจ้องเฉพาะหน้าจอแบบนี้  ทำให้ไม่อาจสัมผัสถึงสิ่งอื่นด้วยอยาตนะที่1 จากคือตา  ส่วนที่เหลือคือ  หู  จมูก  ลิ้น  ผิวกาย   มีเพียงหู  ยังคงได้ยินเสียงรอบข้างอยู่บ้าง  แม้เสียงคอมพิวเตอร์จะทำงานดังไปหน่อย  หรือเสียงข่าวเนชั่นแชนแนลจะยังดังให้ได้ยินได้ฟังอยู่  แต่เสียงนกร้องยามเช้าตรู่ยังคงเข้ามาให้รื่นรมย์ได้ แม้แต่ผิวกายก็ยังสัมผัสได้ถึงอากาศยามเช้า   จมูกได้กลิ่นไอของมันครบทุกเม็ดอณู   หายใจเข้าลึกๆยิ่งสดชื่น

สมองยังคงปริ่มไปด้วยคาเฟอีนพอๆกับโลหิตในร่างกายเพราะเสพกาแฟไปเมื่อหนึ่งชม.ที่ผ่านมา  ทั้งหมดนี้เป็นการทำงานของสมองที่อิ่มตัวด้วยคาเฟอีน.. ล้วนๆ

คาเฟอีนคือ  สารที่อยู่ในกาแฟ  มีผลกระตุ้นสมอง และหัวใจ  กลไกลึกๆคงต้องเรียนด้านการแพทย์จึงจะเช้าใจ  เพียงความเข้าใจผู้เสพก็แค่ว่ารู้สึกได้ถึงความคล่องตัวของการทำงานของสมองทั้งส่วนรับความรู้สึกและส่วนสั่งการให้ทำตามคำสั่ง หรือแม้แต่การจินตนาการต่างๆ  คิดว่าการไหลเวียนของกระแสเลือดที่คล่องตัวขึ้น  ที่เป็นผลอย่างหนึ่งของการกระตุ้นสมองและหัวใจ  ทำให้คล้ายๆกับการออกกำลังกายมาใหม่ๆ  สังเกตได้อีกประการคือ อาการโล่งจมูก เป็นประโยชน์ต่อการหายใจได้คล่องขึ้น

สำหรับอาการหลังหมดฤทธิ์คาเฟอีน  สังเกตร่างกายตัวเองพบว่าสมองล้า ตอบสนองช้าลง ถ้าได้นอนจะรู้สึกดีขึ้น  แต่ถ้ายังคงอดนอนต่อไป  สมองจะยิ่งรู้สึกเฉื่อยชามากขึ้น  หากไม่ได้พักอาจมีอาการปวดไมเกรน  และนี่อาจเป็นเหตุผลที่คุณหมอบางท่านเตือนไว้  สำหรับผู้เป็นไมเกรนบ่อยๆ  ให้หลีกเลี่ยงชากาแฟ น้ำอัดลม  เพราะทั้งหมดนั้นมีคาเฟอีน ที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้มากขึ้น

ใช่แล้วถูกต้อง  ทั้งหมดที่เล่ามา คาเฟอีนคือประเด็นหลัก แต่ไม่ใช่ประเด็นเชิงวิชาการ  มันเป็นประเด็นในส่วนของผู้ได้รับผลจากมันเป็นประสบการณ์ตรง เท่านั้น


      ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยมัธยมต้นไม่ชอบกาแฟอย่างมาก เพราะเพื่อนคนหนึ่งเหมือนจะติดกาแฟ ชอบกาแฟเย็นเป็นชีวิตจิตใจ  เหตุผลคือ  กลิ่นกาแฟที่มาจากปากเพื่อนช่างไม่น่ารื่นรมย์ และตนเองช่างอ่อนไหวกับกลิ่นที่ไม่ชอบ  เพื่อนเองก็ชวน  แต่ปฏิเสธมาตลอด

กระทั่งมีครอบครัว กระทั่งมีลูก และจำเป็นต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูกเอง ความเครียด ทำให้ติดกาแฟมาแต่ครั้งนั้น และไม่เคยคิดจะนำเสนอให้ลูกติดกาแฟตาม ปัจจุบันลูกไม่แตะกาแฟโดยสิ้นเชิง  ถือว่าแม่ประสพความสำเร็จในการรณรงค์ให้ลูกไม่ติดกาแฟ ฮ่ะๆๆๆ

ถ้าให้ตอบคำถามที่ว่า  ติดกาแฟไหม  หรือไม่   บอกได้คำเดียวว่า ไม่ติด แต่ถ้าไม่ดื่ม จะง่วงหงาวหาวนอนทั้งวัน บางครั้งมีไมเกรน   ไมเกรนขึ้นทีก็ได้ข้ออ้างจิบกาแฟพร้อมพาราเซตามอลตามคำแนะนำในการบรรเทาอาการไมเกรนและก็ได้ผลจริงตามนั้น

ครั้งหนึ่งป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องรักษาตัวเอง  งดกาแฟไปสามวันไม่มีผลร้ายแรงอันใด  เพียงแต่ว่าพอไข้หาย  ก็กลับมาดื่มกาแฟอีก  ไม่รู้ว่าใช้ข้ออ้างอะไรเหมือนกัน

จะว่าไปแล้ว  จริงๆก็ใช่ว่าไม่มีประโยชน์หรือมีแต่โทษเท่านั้น  เพราะยังคงคิดว่า มันทำให้ความคิดนึกและการเขียนงานเขียนคล่องตัวขึ้น  หากจะแต่งกลอนแต่งเพลงก็ได้ผลเหมือนกัน   นี่ละมั้งจึงมักจะได้ยินว่า ศิลปินมักจะติดบางอย่างเช่น  สุรา  กาแฟ  ดูอย่างสุนทรภู่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน  หรือแม้แต่กัญชาที่นักร้องบางคนโดยเฉพาะฝรั่งชอบใช้กันนัก บ้างก็ใช้เพื่อหนีจากโลกความจริงที่ต้องฝืนต้องทน หรือต้องทนทุกข์ทรมาน อย่างคนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายบางราย ยังต้องการมอร์ฟีน เพราะทนต่อความเจ็บปวดไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากมันรุนแรงขั้นสุดท้ายแล้ว

ยาเสพติดน่ะเหรอ..  แน่นอนว่ากาแฟไม่ถึงกับเป็นยาเสพติดหรอก แม้จะเสพแล้วติดใจก็ตามเถอะ..  คุณว่าไหม ฮ่ะๆๆๆ

      ปอลอลิง  คงมีคนสงสัยว่า แล้วกลิ่นปากที่เกิดขึ้นล่ะ ..  แน่นอนว่า  ต้องซื้อหมากฝรั่งดับกลิ่นปากตัวเองทุกเดือนเลยล่ะคร๊าบบบบ







 

Create Date : 09 เมษายน 2557   
Last Update : 10 เมษายน 2557 4:29:04 น.   
Counter : 616 Pageviews.  
space
space
ระวังฟรีไวไฟ99บาทต่อเดือนด้วยนะถ้าไม่ต้องการใช้
บริการเสริมของ เอ ไอ เอส .. ไวไฟเดือนละ 99บาท รวมแวตก็จะราวๆ104บาทเศษ

จะรับได้ทั้ง เอไอเอสไวไฟและสามบีไวไฟ ..

เขียน ว่า  ฟรีไวไฟไม่จำกัด  

เทคนิคการเขียนทำให้เข้าใจผิดคิดว่า เป็นส่วนเสริมให้ฟรีสำหรับแพคเกจของเรา 

เราผิดเองก็ได้ ... ฟระ   คุณไม่ผิดหรอก เรียกว่า โง่เองก็ได้  เข้าใจผิดแบบสนิทใจ 

มาเอะใจก็ตอนขึ้นไปอ่านบนพันทิปมีคนเขียนถาม สงสัยว่า ฟรีแล้วทำไมเก็บค่าบริการ

เราจึงเข้าไปดูรายการย้อนหลังของตัวเองบ้าง  

มิน่าเล่า เดือนที่เพิ่งจ่ายไปทำไมสูงขึ้น นึกว่าเราใช้เพลินอะไรสักอย่าง ไม่ได้ดูรายละเอียด

ที่ไหนได้ เก็บค่าบริการ อัตรา99บาทต่อเดือนจริงๆ .. ไวไฟฟรีไม่จำกัด ฮ่าๆๆๆ  ขำ

เอาผิดใครไม่ได้ นอกจากตัวเองตีความผิด

บริษัทคงไม่มีเจตนาจะให้เข้าใจผิดหรอกมั้ง  ซื่อสัตย์ซะปานนั้น ...

ประชดไหม ก็นิดหน่อย คนโง่มันก็เจ็บนิดๆไง ฮ่าๆๆ

loyalty ต่อ แบรนด์  ลดลงไปหน่อยแล้วนะ




 

Create Date : 06 เมษายน 2557   
Last Update : 6 เมษายน 2557 11:41:52 น.   
Counter : 750 Pageviews.  
space
space
แต่งนิยายเนี่ยไม่ใช่ง่ายๆเลย
  เดี๋ยวนี้การเขียนนิยาย กลายเป็นฝันของหลายคนไปแล้ว 

สมัยสาวๆเราก็อยากเป็นนักเขียนนิยายเหมือนกัน แต่ไม่มีทักษะพื้นฐานใดใดเลยได้แต่ฝันและรอไปก่อน 

แต่จังหวะเวลาใกล้เข้ามาแล้ว  เวลาที่เหมาะสำหรับการนั่งปั้นเรื่อง

หลายวันมานี้ พยายามลองเขียนดูแต่ไม่มาก แค่เริ่ม แต่ไปๆมาๆ ก็เป็นไปเสียอย่างนี้ .. ลองอ่านดู

เรื่องแต่ง ..

แม่มีฉันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ พ่อเอาแม่ไปขังไว้เพราะรัก  แม้แม่จะไม่ตอบสนอง  แต่ผลจากการกระทำของพ่อ  ทำให้แม่จำต้องแต่งงานกับพ่อและมีฉันเป็นผลิตผลของเหตุการณ์ในครั้งนั้น ขณะที่พ่อกับแม่ของฉันยังเป็นเพียงนักเรียนประถมปลายปีสุดท้าย

ฉันเองก็ไม่แน่ใจในความรักของพ่อที่มีต่อแม่เท่าใดนัก  ไม่แน่ใจและไม่ค่อยเข้าใจ  ทำไมผู้ชายที่รักใครสักคนถึงต้องทำเรื่องอย่างนั้นกับคนที่ตนรัก  หรือพ่อจะยังอายุไม่มากการกระทำมาจากฮอร์โมนพลุ่งพล่านล้วนๆ

นั่นคือที่มาของฉัน ..

ไม่ว่าฉันจะมีที่มาอย่างไร  ไม่ว่าฉันจะกลายเป็นใคร  ฉันคงไม่ใช่คนเดียวในโลกที่เกิดมาแบบนี้  อยากรู้ไหม  ว่าตอนนี้ฉันเป็นยังไงบ้าง

แม่คลอดฉันแล้วก็กลับไปเรียนต่อ  พ่อด้วย  ส่วนฉันอยู่ในความดูแลของตากับยาย  แต่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับฉันหรอกนะพวกเขาไม่อยากอยู่  โดยเฉพาะแม่  แม่ของฉันอายเพื่อนๆหากว่าจะกลับไปเรียนที่เดิม  บ้านตายายอยู่ต่างจังหวัด คนในหมู่บ้านพูดกันมากเรื่องนี้  แต่เมื่อพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วพวกเขาก็เริ่มซาๆและเลือนๆกันไป  แค่มองดูฉัน ด้วยความเอ็นดูรักใคร่

ตากับยายมีร้านขายของชำในตลาดและพักที่ร้าน  ฉันจึงคุ้นเคยกับร้านของตายาย โตขึ้นหน่อยก็ได้ช่วยงานที่ร้านมาตลอด  พ่อกับแม่เหรอ มีมาเยี่ยมบ้างเหมือนกันแต่ไม่บ่อย สักปีละครั้งสองครั้งไม่เกินนั้น  แต่ฉันไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร  แค่มีตากับยายที่แสนดี  ผู้คนรอบข้างที่ใจดีมีเมตตา  เพียงแค่นี้ฉันก็พอใจกับชีวิตอย่างมากอยู่แล้ว

ไม่รู้สินะ มันอบอุ่นมันสนิทใจกับตายายมากกว่าพ่อแม่เสียอีก  ความรักที่ได้รับ  มันเพียงพอ ไม่เคยขาดเลยจริงๆ  เห็นรึยังว่า ฉันน่ะ มีชีวิตที่ดีแม้จะมีที่มาที่ไม่ปกติก็ตาม



ด้านล่างไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่เป็นการพูดกับตัวเอง ..

เอ.. แต่ว่า เราไม่เคยเป็นคนที่ไม่ขาดนี่นา... 

ตัวละครตัวนี้จะรู้สึกยังไงบ้างนะ

เราไม่เข้าใจตัวละครแล้วจะคาดเดาการกระทำและพฤติกรรมได้ถูกต้องเหรอ ..

จริงด้วย เพราะเราขาด 

มีแม่เหมือนไม่มี  ไม่สนิทกับแม่อย่างที่ลูกสาวควรเป็น  แม้จะสนิทกับพ่อจนใครๆว่าเป็นคู่หู  แต่ความต่างเพศทำให้ไม่สนิทลึกซึ้งอะไรมาก  ยังมีความแปลกเพศ เข้ามาเป็นกำแพงกั้นให้ไม่ค่อยเข้าใจลึกซึ้งมากนัก  เราเลยอาจดูขาดๆไปในเรื่องจิตใจลึกๆที่เกี่ยวกับความรักความผูกพันกับแม่ของตัวเอง อันมีผลให้ก่อเกิดพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดที่ต่างออกไปจากคนที่มีที่มาแบบตัวละครตัวนี้

งั้นคงแต่งต่อไม่ได้แล้วสินะมันจะไม่สมจริง


บทรำพึงกับตัวเอง

เอ..รึว่า ..เราจะดูจากพฤติกรรม ความรู้สึกนึกคิด ของลูกสาวเราเอง ที่พูดได้เลยว่าเค้าไม่ขาดอย่างเรา  เพราะเราหมั่นเติมเต็มให้เค้าอย่างที่เราเคยต้องการได้รับจากแม่ จนเค้าสนิทใกล้ชิด และไม่ต้องพูดก็รู้ว่า รักและผูกพัน  มีเรื่องอะไรก็เล่าให้ฟัง ผิดกับตัวเราและแม่ ต่างกันอย่างมาก

นั่นสินะ .. ยังไงดี 

ยากนะ การแต่งนิยายหรือเรื่องสั้นสักเรื่อง แต่อยากทำให้ได้เหมือนกันนะ




 

Create Date : 11 มีนาคม 2557   
Last Update : 11 มีนาคม 2557 3:27:19 น.   
Counter : 635 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  

จันทร์เกตุ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add จันทร์เกตุ's blog to your web]
space
space
space
space
space