ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ มีนามเดิมว่า “เงิน” เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 10 ปีฉลู ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2348 บิดาชื่อนายอู๋ มารดาชื่อนางฟัก เป็นชาวบ้านตำบลบางคลาน จังหวัดพิจิตร มีพี่น้องร่วม บิดาเดียวกันทั้งหมด 6 คน คนที่ 1 ชื่อ พรม คนที่ 2 ชื่อทับ คนที่ 3 ชื่อ ทอง คนที่ 4 ชื่อ เงิน คนที่ 5 ชื่อ หล่ำ คนที่ 6 ชื่อ รอด (ในหนังสือประวัติของท่านมีผู้เขียนไว้เป็น ๒ กระแส แต่ต่างยืนยันว่าท่านเกิดปีฉลู กระแสแรกว่าท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2348 อีกกระแสท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2360)

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” เป็นชาวบ้านบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรคนที่ 4 บิดาของท่านชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาของท่านชื่อฟัก เป็นชาวบ้าน จังหวัดกำแพงเพชร ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งรัตนโกสินทร์ มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คนด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2356 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 5 ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นครูของท่าน ได้พา หลวงพ่อเงิน ไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่ง หลวงพ่อเงิน เติบโตเข้าศึกษาเล่าเรียนได้ จึงได้นำ หลวงพ่อเงิน ไปฝากไว้ที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือที่วัดชนะสงครามตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2363 หลวงพ่อเงินอายุได้ 12 ปีจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดชนะสงคราม ฉายา พุทธโชติ แล้วหลวงพ่อเงิน ท่านได้จำพรรษา เพื่อปฏิบัติธรรมวินัยเรียนทางวิปัสสนากรรมฐานอยู่ได้ 3 พรรษาขณะที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดชนะสงคราม ท่านได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาศิลปวิทยาคมตลอดจนเรียนวิปัสสนาธุระ ในทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี จากเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒจารย์(โต) พรหมรังสีวัดระฆังโฆสิตาราม

พอ อายุได้ ๒๐ ปี บิดา-มารดาและบรรดาญาติมีความประสงค์จะให้อุปสมบทแต่ “หลวงพ่อเงิน” ไม่ยอมเพราะเกรงว่า อายุของท่านจะไม่ครบบริบูรณ์จริง บรรดาญาติก็อนุโลมตามกระทั่งหลวงพ่ออายุได้ ๒๒ ปี ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๓ ได้กำหนดวันอุปสมบทไม่ทราบว่าอุปัชฌาย์ชื่ออะไรเช่นกันได้ฉายาว่า “พุทธโชติ” หลังจากอุปสมบทแล้วได้ศึกษาเล่าเรียน ธรรมะจนแตกฉาน แล้วทำการฝึกฝนวิปัสสนาจนมีญาณสมาธิแก่กล้า จึงมุ่งศึกษาพุทธาคมจาก “หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า” จนมีความชำนาญทางพุทธาคมมาก มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เล่าลือกันในบรรดาชาวบ้านมากมายพอได้อุปสมบทแล้ว ท่านก็ยังศึกษาวิปัสสนากรรมฐานต่ออีกด้วย ต่อมาอีก 3-4 ปี โยมปู่ของท่านป่วยหนัก ท่านจึงได้เดินทางกลับมายังอำเภอโพทะเล ท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดคงคาราม ประมาณ 1 พรรษา แล้วจึงย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ท่านเป็นพระเรืองวิชา ชอบเล่นแร่ แปลธาตุ แต่ หลวงพ่อเงิน ท่านเคร่ง ธรรมวินัย ชอบความสงบ ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่หมู่บ้านวังตะโก ลึกเข้าไปทางลำน้ำเก่า และต่อมาก็ได้สร้างวัดหิรัญญาราม (วัดวังตะโก) “วัดวังตะโก” เกิดขึ้นเป็นพระอาราม “หลวงพ่อเงิน” ได้เป็นผู้สร้างไว้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2377 ต่อมาวัดวังตะโก หรือวัดหิรัญญารามก็เจริญอย่างรวดเร็ว มีผู้คนเคารพนับถือและถวายตัวเป็นศิษย์ ขอมาฟังธรรมขอเครื่องรางของขลัง และขอให้หลวงพ่อช่วยรักษาโรคให้ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์และสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณฝ่ายวิปัสสนา

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) จ.พิจิตร ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น มีผู้คนมาให้ท่านช่วยรดน้ำมนต์ให้ไม่ขาดสาย ลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงินวัดบางคลานที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่อมาก็มีหลายท่าน เช่น หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ที่มีชื่อเสียงในด้านตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อน้อย วัดคงคาราม ผู้สร้างตะกรุดหนังปลากระเบน และตะกรุดหนังอีเก้ง ปลัดชุ่ม วัดท้ายน้ำ หลวงพ่อหอม วัดหลวง หลวงพ่อนวล วัดหาดมูลกระบือ หลวงพ่อฟุ้ง วัดปากน้ำ หลวงพ่อขำ วัดโพธิ์เตี้ย หลวงพ่อไป๋ วัดท่าหลวงพล ผู้สร้างเหรียญหล่อหลวงพ่อเพชรจำลอง หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ เป็นต้น นอกจากนี้ศิษย์ฆราวาสก็คือเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท้ายที่สุด หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับสมณศักดิ์เป็นท่านเจ้าคุณ ฝ่ายวิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อเงิน ท่านได้มรณภาพ ด้วยโรคชรา เมื่อวันศุกร์เดือน 10 แรม 11 ค่ำ ปีมะแมเวลา 5.00 น.ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2462รวมอายุได้ 111 ปีพรรษา 90 ณ วัดวังตะโก ตำบลบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร คงทิ้งไว้แต่เรื่องราวอันเป็นปาฏิหาริย์มากมาย นับว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีอายุยืนนานมากที่สุดรูปหนึ่ง ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร พระเครื่องหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานนับเป็นอีกหนึ่งในจำนานของวงการพระเครื่องไทย

ราคาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งพระที่ท่านได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลไว้ เช่น ตะกรุด (ปัจจุบันหาได้ยาก ราคาพระเครื่องหลวงพ่อเงิน สูงมาก) พระเครื่องหลวงพ่อเงิน พระเครื่องรูปเหมือน เนื้อทองเหลืองที่นับเป็นงานใหญ่และเป็นมาตรฐาน ได้แก่ พระรูปเหมือนพิมพ์นิยม สามารถแยกเป็นแม่พิมพ์ต่างๆ ได้ดังนี้คือ รูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์ชายติด พิมพ์ชายห่าง พระรูปเหมือนพิมพ์ขี้ตา แยกแม่พิมพ์เป็นพิมพ์สามชาย พิมพ์สี่ชาย พิมพ์ห้าชาย และเหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ เหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก ซึ่งก็แยกออกเป็นพิมพ์แข็งตรง พิมพ์แข็งติด พิมพ์เท้ากระดก และพิมพ์ตาขีด นับเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทุกพิมพ์ถ้าอยู่ในสภาพสวยสนนราคาขึ้นหลักล้านทั้งสิ้น ปัจจุบันหาพระแท้ๆ ได้ยากครับ พุทธคุณของท่านนั้นเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และโชคลาภ
ประวัติพระเครื่องยอดนิยม ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่นิยมกันสุดๆ มี ๔ พิมพ์ คือ รูปหล่อพิมพ์นิยม รูปหล่อพิมพ์ขี้ตา เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ และ เหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก อายุการสร้างถึงวันนี้ประมาณ ๑๐๐ ปี นับว่าเก่าพอสมควร ตามตำรากล่าวว่า พระหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา กับ พิมพ์จอบเล็ก สร้างขึ้นก่อน โดยฝีมือชาวบ้านส่วน พิมพ์นิยม กับ พิมพ์จอบใหญ่ สร้างขึ้นทีหลัง ในเวลาไม่ห่างกันมากนัก โดยว่าจ้างช่างมืออาชีพจากบ้านช่างหล่อ ธนบุรี ไปทำพิธีเททองหล่อที่วัด (บางกระแสก็ว่าเททองหล่อที่บ้านช่างหล่อ) ในส่วนของ พิมพ์ขี้ตา ๓ ชาย มีจุดจุดสำคัญที่ต้องศึกษา คือ มีก้อนเนื้อที่ขอบตาล่างด้านซ้าย มีเส้นจีวร ๓ เส้น ล่างสุดเป็นเส้นหนา เฉียงจากหน้าอกลงมาจรดแขนขวา เส้นจีวรที่แขนซ้ายเป็นเส้นคว่ำ เส้นสังฆาฏิโค้งนูน ไม่แบนราบ

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านสามารถรู้วาระจิตผู้มาเยือนด้วยญาณวิเศษได้อย่างมหัศจรรย์ และยังเป็นหมอเชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ชาวบ้านได้อย่างชะงัด อีกด้วย เคยมีผู้ไปลองดีกับท่าน ท่านก็แอ่นอกให้ยิง แต่กระสุนไม่ยอมออกจากลำกล้อง ความศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงอัจฉริยะของ หลวงพ่อเงิน บางคลาน นับว่าร่ำลือกันไปไกลมาก จนถึงขนาดเสด็จในกรม “กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์” ก็ยังเสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์ด้วย
พระเครื่อง หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปี 2515 ถึงเป็นพระใหม่ที่ไม่ทันท่านปลุกเสกแต่ก็พุทธคุณสูงเป็นที่นิยมอย่างมาก ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ประวัติหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้
…………………………
คำบูชา คาถาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
พระคาถาบูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ตั้งนะโม ๓ จบ
อะกะ อะธิ อะธิ อะกะ ธิอะ กะอะ วันทามิ 
อาจาริยัญจะ หิรัญญะ นามะกัง ถิรัง 
สิทธิ ทันตัง มหาเตชัง อิทธิ มันตัง วะสาทะรัง
หรือ 
สิทธิ พุทธัง กิจจัง มะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลี ติ 
สิทธิ ธัมมัง จิตตัง มะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลี ติ 
สิทธิ สังฆัง จิตตัง มะมะ เงินทองไหลมา นะชาลี ติ 
ฉิมพลี จะ มหาลาภัง ภะวันตุ เม

ที่มา : THE AMULET THAILAND




Create Date : 05 มีนาคม 2559
Last Update : 5 มีนาคม 2559 14:49:39 น.
Counter : 1442 Pageviews.

0 comment
ไปถวายเพลมา ในวันมาฆะบูชา


วันนี้มีจิตเผลอไผลไปตอนที่กำลังประเคนอาหาร ด้วยว่าคนมากกว่าปกติ อาหารก็มาก แต่ดิฉันคล่องค่ะ ทำประจำเลยคุ้นเคยกับพิธีกรรม และหลายๆวัดในบริเวณบ้านไม่เกิน 15 กม. เดี้ยนไปมันแทบทุกวัดแหละ จึงรู้จริต โรงครัว ที่เก็บถาดที่ตั้งแถวตักบาตร รู้พิกัดเป็นอย่างดี โยมแยกออกด้วยนะว่าสายนี้ ปฏิบัติแนวแบบนี้จะนิยมหลวงช่วง แบบนี้นิยมพุทธวจนสายพระป่า ... แบบวัดหลวงธรรมยุตร ... สังเกตุเห็นหมด 

จิตอกุศลไม่ได้เกี่ยวกับสายไหนๆ หรอกค่ะ แต่เกี่ยวกับน้อยอก น้อยใจ พอคนเยอะมีบางคน นาน นาน ท่านจะเข้าวัดที กลัวบุญตกหล่น รีบร้อน พอเข้าไปเรียงหน้ากันประเคน ถวายแล้วก็ไม่ถอย เก้กังๆ คือ งง ว่าเห้ยเสร็จแล้วยัง .. จะเอาอีกว่างั้น โยมพี่คนนี้ ก็รอจะประเคนอาหารเรามั่ง 

ผู้ชายนั้นประเคนง่ายส่งตรงมือพระได้ พอถึงดิฉัน ก็ต้องชะงักรอ ให้พระท่านวางผ้า ถึงประเคนได้ แล้วพอไปแออัด โยมยืนกันค่ะ ค้ำหัวพระเลย รู้สึกไม่ดีเลย เศร้าใจชาวพุทธ ไปวัดวันสำคัญตามไบเบิ้ลเลยเนี่ย ... หาได้รู้ธรรมเช่นใดเลย พ่อแม่ทำให้บุตรหลานดู แบบหยาบๆ สืบต่อกันไปหมด ... 

ด้วยต้องรอพระวางผ้าเพื่อสตรีมีสิทธิ์ประเคน พระทำท่าจะฉวยผ้า โยมผู้ชายยื่นถ้วยแกงพรวดจ่อหน้าท่าน พระท่านหันมามองหน้าดิฉัน อมยิ้มน้อยๆ เหมือนจะบอกว่า "รอหน่อยนะโยม" ดิฉันพยักหน้านิดนึง เหมือนจะบอกว่า "เอาที่สบายใจพี่บ่าวเขาแล้วกัน" ต้องรอจนกว่าพระว่างหันมาหยิบผ้าวางให้ประเคนได้... แต่โยมเห็นว่าท่าจะยาว จะถอยก็ไม่สะดวกอัดอยู่ข้างหลังก็เยอะ จึงนั่งคุกเข่า ต่ำกว่าพระรอท่านพร้อมวางผ้า และนั่นคือเป็นการบอกว่า "คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้" ฮาๆๆ.... จึงรอสิทธิ์อย่างมีศรัทธา

ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะพอโยมตัดสินใจคุกเข่าเอาทางถูกจริตสบายใจเท่านั้นละ ทางสูงก็โล่ง มีการยื่นแกงข้ามหัวมาเลย รีบประเคนพระ เสียวจิ้ด กลัวแกงราดหัวโยม... แอบคิด #อกุศลจิต เนี่ย...อยากเป็นผู้ชายจังเลย ถวายอะไรก็ง่ายดาย เกิดเป็นหญิงจะทำบุญ ต่อหน้าพระสงฆ์องค์เจ้ายังยากเลย..

เสร็จสิ้นแล้ว มาอุทิศบุญกันเถอะ อันนี้เราคล่องกว่าเยอะหละ...

อุทิศบุญ
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ ไปให้ทุกรูปทุกนาม ทั้ง 20 ชั้นพรหมโลก 6 ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลกมารโลกยมโลก อบายภูมิทั้ง4 มีนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลภิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาน อรูปวิญญานและสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งที่เป็นมิตรและเป็นศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนามจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงโมทนาในส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกันกับที่ข้าพเจ้าพึงได้รับ ณ. กาลบัดเดี๋ยวนี้เทอญ. สาธุ...



Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2559 18:57:25 น.
Counter : 482 Pageviews.

0 comment
คำสอนของพระพุทธเจ้า


คำสอนของพระพุทธเจ้า 

"สัตว์โลก เมื่อเกิดมา ย่อมนำทุกข์ติดตัวมาด้วย ตราบใดที่เขายังไม่สลัดความพอใจในสังขารออก ความทุกย่อมติดตามไปเสมอ เหมือนโคที่ยังไม่ปลดแอกเกวียนครอบคออยู่ 

ล้อเกวียนย่อมติดตามไปทุกฝีก้าว" 

สาธุ สาธุ สาธุ




Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2559 19:20:32 น.
Counter : 621 Pageviews.

0 comment
บุญแต่ชาติปางก่อน

 ผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้ แต่ชาติก่อน 
ความสมหวังของผู้นั้น ย่อมไม่มี 
ย่อมแคล้วคลาด แห่งสมบัติหลายประการ 

ทำนาข้าวตาย ค้าขายขาดทุน
หาคนค้ำจุนไม่ค่อยได้ ป่วยไข้ไปหาหมอ
ก็ขัดข้องรักษาไม่ได้ ให้ตกกับทุกหน้าที่
นั่น เป็นเพราะ ไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติก่อน

ฉะนั้น ขอให้บุคคลทั้งหลาย 
จงพากันให้ทาน รักษาศีล 
บำเพ็ญภาวนา ให้เต็มไม้ เต็มมือ
เพื่อ ความสุขในอนาคตข้างหน้า 
และ เป็นอริยทรัพย์ ที่ติดตามตัวเราไปได้


(พระธรรมคำสอน...หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ)
หนึ่งในพระอาจารย์องค์สำคัญของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค




Create Date : 25 กันยายน 2556
Last Update : 25 กันยายน 2556 15:04:19 น.
Counter : 854 Pageviews.

0 comment
วิธีการ “โอนบุญ”
การ “โอนบุญ” เป็นการส่งผลบุญในลักษณะที่รวดเร็ว (3 วินาที) และส่งถึงฉพาะเจาะจงกับกลุ่มสิ่งลี้ลับที่เราต้องการจะให้บุญเค้าโดยตรง 

โดยบุญที่เราจะโอนให้นั้นมีด้วยกันหลายประเภทดังนี้

1.) บุญที่เกิดจากการทำทานด้วยการ “ให้” (ทุกอย่างที่เรียกว่าการให้) เช่น ใส่บาตร ถวายสังฆทาน บริจาคเงินเพื่อทำบุญ ให้เงินช่วยเหลือคน ให้สิ่งของต่อกัน ให้อาหารสัตว์ ให้ธรรมทาน เป็นต้น


 2.) บุญที่เกิดขึ้นเมื่อคิดดี พูดดี กระทำดี (ทุกอย่างที่ดีไม่ว่าจะเป็นการคิด การพูด หรือการกระทำ) เช่น อนุโมทนาบุญกับผู้ที่ทำความดี ช่วยเหลือคนในทุกรูปแบบ (เช่น บอกเส้นทาง ตักน้ำให้ดื่ม ช่วยแนะนำงาน ลุกให้คนแก่นั่ง ฯลฯ) การนั่งสมาธิ เป็นต้น บุญจากการ “ให้” และ “การคิดดี-พูดดี-ทำดี” นี้จะเกิดภายใน 3 วินาทีเท่านั้น


ดังนั้นเมื่อให้ทานหรือเมื่อคิดดี-พูดดี-ทำดีเมื่อไหร่ จึงต้องรีบส่งต่อผลบุญทันที (ไม่ต้องกล่าวก่อนให้ หรือไม่ต้องกล่าวขณะให้ แต่ให้กล่าวเมื่อเสร็จสิ้นการให้แล้ว) ยกตัวอย่างเช่น เมื่อส่งของถึงมือผู้รับแล้วเมื่อไหร่ค่อยกล่าวโอนบุญเมื่อนั้น ก่อนที่บุญของเราจะวิ่งขึ้นไปถูกเก็บไว้เบื้องบน


โดยการส่งต่อผลบุญนั้นกล่าวได้ดังนี้


“บุญนี้ข้าพเจ้าขอให้กับ …….(เหล่าภูตผี ปีศาจ เปรต อสูรกาย ยักษ์ คนธรรม์ นาคา ครุฑ กุมพัน มาร เงือก กินรา สัตว์ที่เคยฆ่า เชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย จุลินทรีย์ ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว เทวดา-พรหมทั้งที่ดีและไม่ดี ยมบาล ยมฑูต (การกล่าวโอนบุญให้กับสิ่งลี้ลับทั้งหมดในเวลา 3 วินาทีคงจะไม่ทันแน่นอนดังนั้นจึงควรเลือกกล่าวให้สิ่งลี้ลับอย่างใดอย่างหนึ่ง ทยอยไปเรื่อย ๆ จนครบจะดีกว่า).…..ประจำตัวของ……(ข้าพเจ้า)…...หรือ…….(พ่อ แม่ พี่ น้อง ฯลฯ) จะระบุเป็นชื่อหรือไม่ก็ได้)……”


ตัวอย่าง


“บุญนี้ข้าพเจ้าขอให้กับ ….นายเวรและเทวดา…ประจำตัวของ…ข้าพเจ้า….”

 “บุญนี้ข้าพเจ้าขอแปลงเป็นอาหารให้กับ ….ภูตผี ปีศาจ เปรต...ประจำตัวของ…นางสาว…(ระบุชื่อ)...” 

“บุญนี้ข้าพเจ้าขอให้กับ…...เทวดาและพรหม…ประจำตัวของ…พ่อแม่ข้าพเจ้า….”


หมายเหตุ : กรณีโอนบุญให้กับภูติผี ปีศาจ เปรต อสูรกาย ยักษ์ นั้น ต้องบอกนิดนึงว่าขอแปลงบุญนี้เป็นอาหารให้กับ…(ระบุ)…. ตัวอย่าง “บุญนี้ข้าพเจ้าขอแปลงเป็นอาหารให้กับ ภูตผี ปีศาจ เปรต อสูรกาย ยักษ์ ประจำตัวของข้าพเจ้า” เป็นต้น


* การ “โอนบุญ” บุญจะเกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว (3 วินาที) จึงต้องรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว และควรกล่าวเมื่อ “การให้หรือการคิดดีทำดีเสร็จสิ้นแล้ว” ไม่ต้องกล่าว “ก่อนให้” หรือ “ขณะที่ให้” การโอนบุญจะ เหมาะอย่างยิ่งกับสิ่งลี้ลับที่อยู่ภพภูมิต่ำ ๆ เช่น ภูตผี ปีศาจ เปรต อสูรกาย ยักษ์ นายเวร เป็นต้น





Create Date : 03 กันยายน 2556
Last Update : 3 กันยายน 2556 22:53:08 น.
Counter : 806 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

Changixmas
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



คนเรามี 2 ถูก คือ ถูกต้องและถูกใจ
ในการใช้ชีวิตมันมี 2 ถูกนี้เสมอ ถ้ามันทั้งถูกต้องและถูกใจ ดีสุด แต่ยามใดมันสองแพร่ง ระหว่างถูกต้อง กับถูกใจ นี่จะโคตรกระอักกระอ่วนเลย และมันมักอยู่ในลำดับถูกใจ แล้วไปหา ความถูกต้อง
ถ้าเรามองหาความถูกต้อง มักจะอดถูกใจ




New Comments
MY VIP Friends