ตอน 3 - เปิ่นสาหัส นอกบ้านนอกเมือง
  วกกลับมาที่ เมืองโรบินฮู๊ดส์ กันต่อ อยู่ทางตอนเหนือไปจากลอนดอน (Central England) ที่ คอลเลจน์ ที่อิฉันเลือกเรียน และพยายามดันอกตัวเองเข้าไปทำหน้าเจี่ยมเจี้ยม ได้เป็นเด็กเรียนภาษา อยู่ที่นั่นแหละ และในเมื่ออิฉันคอยรถสาย 8 ไม่ได้ ก็เริ่มไพล่ความคิดไปเทียบเคียงบรรยากาศเอากับ กทม. จึงรีบพรวดพราดขึ้นสาย 7 ไปตอนรถจะออก และตอนจะทอนตังส์ คนขับรถบัสก็พยายามอธิบายเราว่า รถสายนี้ไม่มีคอลเลจน์ คือไม่ผ่านคอลเลจน์นั่นเอง แต่อิฉันไม่เข้าใจภาษาเลยค่ะ เลยไม่เข้าใจคำว่า "ไม่มี" (There will be no college on this way) จับประเด็นได้คำเดียว no college ...ทีเหลือ..ลอดช่องหู ปิ๊ว ปิ๊ว ฉิ๊ว ฉึก !! ไม่เก็ทสักคำเลย! 

 ...แต่อิฉันมั่นใจมากว่า ที่ลุงแกว่า ไม่มีคอลเลจน์ ก็ไม่นะ ไม่เอา ไม่ยอม ไม่มีได้ไง งงแหระอีตาลุงคนนี้ ...คิดใหม่แบบ "ไทยจริต" ว่า..ถึงไม่มี..ผ่านไกล้ๆ ก็ยังดี จะเดินต่อเอา (ก็ได้วะ) แต่สภาวะการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่า...พอรถเริ่มออกจากตัวเมืองไป ...สองข้างทาง กลายเป็นป่าน้อยๆ ขมุกขมัว..อากาศอันทึมเทา หนุนอารมณ์หดหู่เพราะตกรถมากขึ้น และยังกำลังจะเข้าคลาส์สาย ก่อความขายขี้หน้านานาชาติอีก รถวิ่งไปเรื่อย ดูเหมือนจะเข้าป่าเข้าพง อันเย็นเยือกมากขึ้นเลยค่ะ สองข้างทางมีแค่ทุ่งหญ้า นานๆ จะมีบ้านสักหลัง เฮ้ยยยยยยยยย!!!

เป็นคุณๆ จะทำยังไง แต่อิฉันทำอย่างนี้ค่ะ ...พรวดพราดไปที่คนขับรถ (ทางลงก็อยู่ตรงนั้น) และกล่าวอย่างตกใจว่า... ยูๆๆๆ พลีส สต๊อบบบบบ (น้ำเสียงอย่างสูง) ไอว้อน ทูเก็ทออฟ ไอ แอม ลอส์ท...หน้าตาคงหมองจัด คนขับรถอยากจะด่า ก็คงด่าไม่ลง...รู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง พ่อลุงคงเดาออก...เกิดอะไรขึ้นกับนางเปิ่นคนนี้ ...ก็แกเตือนแล้ว อิฉันก็เพิ่งเข้าใจความหมายว่าแกหมายถึงอะไร ...บรรยากาศที่ว่ายังไง เทียบเคียงบรรยากาศเปลี่ยนสายรถแล้ว..เมื่อเทียบกับกทม...ทำไม่ได้เอาเสียเลย ตาลุงคนขับรถก็พูด ชั้ว ชั้ว ชั้ว อีกสองสามคำ อะไรสักอย่าง ประมาณว่าอย่าลงเลย ไม่มีรถกลับมาหรอก หรือรถห่างๆ นานๆจะมีมาสักคัน เพราะเป็นถนนที่มีรถสายเดียวที่่ผ่านทางนี้ หรืออะไรสักอย่าง...ไม่ทราบเลย เพราะภาษาและ ผนังหู แข็งแรงมาก..ได้แค่นั้นแหละค่ะ!! 
Yes, No, OK, and....Siam smile !

เมื่อพรวดพราดลงจากรถได้ กะว่าจะเดินกลับ ดีกว่าไปไกลๆ ไปกว่านี้ แต่ไม่ได้รู้เลยว่า "ลงผิดที่" เป็นที่อันไม่ควรลง ลุงห้ามก็ไม่ฟัง (เพราะฟังไม่รู้เรื่อง)..เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีรถมาเลย มีก็รถยนต์ส่วนตัว นานๆ จะมาสักคัน เวลาเขาผ่านมา ก็เหลียวมองเรา ...เดินโทงๆ อยู่ข้างทาง ในใจก็นึกว่า มองทำไม ทำไมไม่จอดถามเราสักคำ อิฉันนั้นขาดความมั่นใจที่จะสบตาใครๆ เพราะถ้าเขาจอดเพราะเราโบก แล้วเราพูดเท่าไร เขาก็ไม่เข้าใจภาษา เข้าใจเสียง หรือสำเนียงของเรา ...มันก็เท่านั้น !!

ยิ่งเดินก็ยิ่งหนาว ยิ่งมองอากาศ ดูมันมืดไปหมด...นึกถึงข่าวเร็วๆนี้ ต้นสัปดาห์เอง...มีรถส่วนตัว จับชาวต่างชาติขึ้นรถไปแล้ว ไปฆ่าปาดคอทิ้ง เพราะโรคจิตกำเริบ...ไม่ชอบต่างชาติ ฮือๆๆๆๆๆ ความกลัว (ไปเอง) จ่อหัวใจเต็มแรง...เริ่มสั่น....

ถนนมันเงียบสงัด เสียงรถผ่านมาแบบ วืดดด อื้อออด...แคว๊บ ผ่านไป ... หมดใจจะต่อสู้เดินก้มหน้า...ทนหนาว ทันใดนั้นมองไปเห็นบ้านกลางทุ่ง ด้วยความหนาว ...ดีใจคิดว่าจะแวะไปหา จะไปขอเขาใช้โทรศัพท์ เพื่อโทรกลับบ้านที่พัก...บอกเพื่อนๆ ร่วมบ้านว่า ทำไงก็ได้ มารับหน่อย ...หนาวเยี่ยวแทบเล็ดแล้ว....

ไว้มาต่อกันใหม่นะคะ...



Create Date : 09 มกราคม 2557
Last Update : 9 มกราคม 2557 21:38:37 น.
Counter : 279 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Changixmas
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



คนเรามี 2 ถูก คือ ถูกต้องและถูกใจ
ในการใช้ชีวิตมันมี 2 ถูกนี้เสมอ ถ้ามันทั้งถูกต้องและถูกใจ ดีสุด แต่ยามใดมันสองแพร่ง ระหว่างถูกต้อง กับถูกใจ นี่จะโคตรกระอักกระอ่วนเลย และมันมักอยู่ในลำดับถูกใจ แล้วไปหา ความถูกต้อง
ถ้าเรามองหาความถูกต้อง มักจะอดถูกใจ




New Comments
MY VIP Friends