|
My love, in my heart...1
แสงแดดเปรี้ยงกลางเดือนเมษายนเดือนที่ร้อนที่สุดของปี ร่างเล็กบางยืนชะเง้อชะแง้มองตามทางเดินอย่างกังวล พรางยกมือขึ้นดูนาฬิกาอีกครั้งเริ่มหงุดหงิด ปกติฉันเป็นคนใจเย็นหรอกนะแต่คนใจเย็นอย่างฉันน่ะเกลียดอากาศที่ร้อนอบอ้าวนี่จับใจ และจะกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนตามปรอทวัดอากาศขึ้นมาทันที ยายเปรี้ยวนะยายเปรี้ยวนัดทีไรไม่เคยมาตรงเวลาเลยเดี๋ยวถ้าไปไม่ทันอาจารย์นะจะเฉ่งซะให้เข็ดเลย ฉันนึกอย่างเข็ดเขี้ยวฟัน ก๊อ ก๊อ เสียงใส ๆ ปนหอบ ๆ ดังขึ้นข้างหลัง ฉันหันไปมองทันทียายเปรี้ยวหรือปรียากรวิ่งหน้าตั้งมามือหอบหนังสือตั้งใหญ่มาด้วย โอ๊ย ขอโทษทีนะก๊อ พอดีฉันออกมาแล้วครึ่งทางดันลืมหนังสือซะได้เลยต้องวิ่งกลับไปเอาใหม่ เหนื่อยชะมัด ร้อนก็ร้อน เปรี้ยวพูดไปก็หอบไป ฉันส่ายเบา ๆ อย่างระอ่ารับหนังสือมาช่วยถือไปไว้ครึ่งหนึ่ง ช่างเถอะ แต่ว่าเรารีบไปกันดีกว่าเดี๋ยวก็ไปไม่ทันอาจารย์ ฉันพูดแล้วก็เดินนำเข้าไปในอาคารเรียนเพื่อไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอให้ท่านช่วยเซ็นเอกสารเรื่องขอทุน สองสาวเดินแกมวิ่งไปยังห้องอาจารย์ที่ปรึกษาของตนทันกับอาจารย์ที่กำลังเดินออกมาจากห้องพอดี อาจารย์คะ อาจารย์ เปรี้ยวตะโกนเรียกเสียงดังจนฉันต้องสะกิดให้เบาเสียงลงหน่อย แต่อาจารย์ทำท่าจะไม่ได้ยินยายเปรี้ยวเลยจัดการวางหนังสือที่ตัวเองถืออยู่ลงมาให้ฉัน ก๊อ เดี๋ยวฉันวิ่งไปตามอาจารย์ก่อนแกถือหนังสือไปรอหน้าห้องแล้วกัน ยังไม่ทันที่ฉันจะว่าอะไรยายเปรี้ยวก็วิ่งออกไปฉันส่ายหน้าเบา ๆ พรางเดินหอบหนังสือตั้งใหญ่ไปรอที่หน้าห้องอาจารย์ที่ปรึกษา แป๊บเดียวยายเปรี้ยวก็วิ่งกลับมาโดยไม่มีอาจารย์กลับมาด้วย ฉันเลิกคิ้วถาม อาจารย์บอกว่ามีสอนให้เราใส่เอกสารไว้ในล็อกเกอร์ของอาจารย์แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเอา ฉันถอนหายใจ ไม่ทันจนได้ ฉันขอโทษนะเพราะฉันเองเลยมาไม่ทันอาจารย์เลย เปรี้ยวเอ่ยอย่างสำนึกผิดใบหน้าจ๋อย ๆ ของเพื่อนทำให้ฉันหายเซ็งขึ้นมาหน่อย ช่างเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเอาก็ได้เราไปห้องสมุดกันดีกว่า อืมไปสิ ติ๊ด ๆ ๆ เปรี้ยวชะงักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองหน้าฉันนิดนึ่งแล้วเดินห่างออกไปเพื่อรับโทรศัพท์ ฉันรู้ทันทีว่าใครเป็นคนโทรมาปกติเปรี้ยวก็คุยโทรศัพท์ต่อหน้าฉันนี่แหละ ยกเว้นคนเดียวที่เปรี้ยวต้องเดินไปคุยที่อื่น เปรี้ยวคุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินกลับมามีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ฉันทำหน้านิ่ง ก๊อ คือว่านนจะมาทำรายงานที่ห้องสมุดน่ะ ฉันเลิกคิ้วขึ้นทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วไงล่ะ มาบอกเราทำไม เปรี้ยวอยากจะยกมือเกาหัวตงิด ๆ มองผู้เป็นเพื่อนอย่างรู้ทัน นนจะขอมาทำกับเราด้วย ฉันนิ่งไปคิดถึงหน้านายนนแฟนของเปรี้ยวขึ้นมา ที่จริงฉันก็ออกจะชอบแฟนของเปรี้ยวคนนี้ไม่น้อยทีเดียวแต่ติดนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ มาคนเดียวหรือเปล่า ถามอย่างระแวง เปรี้ยวหัวเราะขึ้นมาทันทีมองฉันอย่างขำ ๆ ฉันไม่ขำนะยายเปรี้ยว งานกลุ่มก็ต้องมาทำเป็นกลุ่มสิแต่นนจะขอแยกมานั่งทำกับเรา อ้าว แยกมานั่งกับเราแล้วจะเรียกว่าทำงานกลุ่มเหรอ ฉันเอ่ยกวน ๆ เปรี้ยวส่ายหน้ายิ้ม อย่ามาโยกโย้เลยน่า นะก๊อนะ แค่นนคนเดียว ประโยคหลังย้ำอย่างชัด ๆ และเป็นประโยคที่ทำให้นายนนมานั่งหน้าแป้นจู๊จี๋กับยายเปรี้ยว โดยฉันไม่เห็นสักนิดเลยว่าไอ้งานกลุ่มที่ว่าน่ะมันงานอะไร นน ไหนนายบอกว่ามาทำงานไง ฉันยังไม่เห็นนายหยิบงานอะไรขึ้นมาทำเลยนะ นายนนหันหน้ามาทำตาปริบ ๆ อย่างงงแล้วนึกขึ้นได้ ยิ้มแหะ ๆ แล้วทำท่าวุ่นวายเปิดหนังสือที่ฉันเห็นมันหยิบมาด้วยแล้ววางกองสุ่ม ๆ ไว้ข้างตัว แล้วแป๊บเดียวก็กลับไปเป็นอย่างเดิมอีก เฮ้อ ตกลงมันมาทำไมเนี่ย อ้าว ไอ้ขัน กว่าจะมาได้นะมึง เสียงโต๊ะข้าง ๆ ดังขึ้นฉันจำได้ว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของนายนน ฉันหันไปมองตรงปากประตูทางเข้าเห็นร่างสูง ๆ เดินเข้ามาก็ตวัดสายตาไปมองยายเปรี้ยว ยายเปรี้ยวก็ตวัดสายตาไปมองนายนนอีกต่อหนึ่ง นายนนทำหน้าแหยแบบว่าช่วยไม่ได้เลยโดนยายเปรี้ยวแหนบไปทีหนึ่ง เปรี้ยวหันมามองหน้าฉันอย่างขอลุขอโทษ ฉันส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ฉันน่าจะรู้นะว่านายขันทีเพื่อนนายนนคนนี้น่ะเจ้าเล่ห์ขนาดไหน! ฉันไม่รอให้นายนั่นเข้ามาทักลุกพรวดหอบสัมพาระรวมทั้งหนังสือทั้งหมดแล้วเดินไปนั่งอีกมุมหนึ่งมองห้องสมุดชนิดที่เรียกว่าไกลสุดกู่เลยที่เดียว เปรี้ยวมองอย่างเข้าใจทำท่าจะลุกตามฉันมาด้วยแต่นายนนจับมือไว้แล้วพยักหน้าไปทางร่างสูง ๆ ที่เดินเห็นหลังไว ๆ มาทางฉัน นนนะนน หาเรื่องให้เปรี้ยวแล้วไหมล่ะ เปรี้ยวบอกอย่างกังวลชะเงอชะแงไปทางที่ผู้เป็นเพื่อนย้ายไปนั่ง ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเปรี้ยว ท่าจะโดนไอ้ขันก็โดนเยอะกว่าเราแหละ แต่นี่มันห้องสมุดนะ นนหัวเราะฮึฮึ ก็ห้องสุมดน่ะสิ ก๊อคงทำอะไรได้ไม่มากไงล่ะ เปรี้ยวตาโตแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพื่อนนนนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ ด้วย แล้วทั้งสองคนก็กลับเข้ามาอยู่ในโลกของสองเราต่อโดยไม่รู้เลยว่ากำลังจะเกิดพายุขึ้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องสมุด ตรงนี้มีคนนั่งหรือเปล่าครับ เสียงห้าวดังขึ้นใกล้ ๆ ตัวไม่ต้องเงยหน้ามองฉันก็รู้ว่าเป็นใครเสียงกวนประสาทแบบนี้น่ะมีไม่กี่คนหรอก ว่าไงครับ ผมขอนั่งด้วยคนได้รึเปล่า คำถามที่ดูเหมือนสุภาพธรรมดาแต่คนพูดคงมีคุณสมบัติพิเศษเพราะฉันกำลังรู้สึกว่าเลือดร้อน ๆ กำลังวิ่งขึ้นหน้า มฆวันมองคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมามองผมสีดำสนิทยาวตรงถึงกลางหลังที่เด่นสะดุดตาเขาในครั้งแรกที่เจอกัน กชมน เหมือนกับเป็นเกมวัดใจกันมฆวันยืนนิ่งไม่ขยับตัว ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีความอดทนมากแล้วนะแต่มากของฉันมันจะลดลงพรวดเลยทีเดียวถ้ามาอยู่กับคนตรงหน้า ฉันเงยหน้ากวาดสายตาไปรอบตัวเป็นโชคร้ายของฉันที่โต๊ะทุกตัวมีคนนั่งหมดทุกตัว พรางถอนหายใจเบา ๆ อย่างเซ็ง ๆ เหลือบตาค้อนตาบ้าที่ยืนนิ่งอยู่นิดก่อนจะขยับหนังสือที่วางอยู่มาไว้อีกด้านหนึ่งแล้วนั่งเงียบก้มหน้าทำงานต่อ มฆวันยิ้มออกมาอย่างโล่งใจนึกเสียวอยู่ในใจเหมือนกันว่าจะถูกปล่อยให้ยืนค้างอยู่อย่างนี้ซะแล้ว ขอยืมยางลบหน่อยซิ เสียงห้าว ๆ เอ่ยขึ้นเบา ๆ ฉันชะงักทำเป็นไม่ได้ยินแล้วก็ต้องหันขวับตาโต คุณ ๆ ผมขอยืมยางลบหน่อยได้ไหม โต๊ะนี้มีแต่คนแล้งน้ำใจแค่ขอยืมยางลบยังไม่ให้เลย โต๊ะนี้ที่ว่าจะมีใครล่ะในเมื่อฉันนั่งอยู่กับตาขันทีบ้าสองคน คนแล้งน้ำใจหน้าแดงเมื่อคนทั้งโต๊ะหันมามองเป็นตาเดียวแล้วเสียงตาบ้านี่เบาซะเมื่อไหร่(นี่มันห้องสมุดนะ) โต๊ะข้างหลังและข้าง ๆ ก็ดันได้ยินแล้วพากันหันมามองฉันอีก ฉันแทบจะก้มหน้ามุดลงใต้โต๊ะ กัดฟันกรอด ๆ เมื่อได้ยินเสียงคนนั่งข้าง ๆ ดังขึ้นอีก ขอบคุณมากครับ คุณนี่มีน้ำใจจริง ๆ ผิดกับคนบางคนลิบลับเลย เสียงห้าว ๆ เอ่ยอย่างร่าเริงฉันอยากจะหยิบหนังสือเล่มหน้าแปดร้อยกว่าหน้าที่วางอยู่ข้าง ๆ กระแทกปากนายนั่นนัก มฆวันดูเหมือนจะรู้ตัวว่าความอดทนของคนนั่งข้าง ๆ กำลังจะหมดลงเลยทำตัวสงบเสงียมลง แต่ก็แค่พักเดียวเท่านั่นแหละ คุณ ๆ ผมขอยืมดินสอหน่อยซิ ฉันนั่งนิ่งยังแค้นเรื่องเมื่อกี้ไม่หายแล้วก็ต้องรีบหันขวับไปทีทันเห็นมฆวันกำลังอ้าปากขอยืมดินสอจากโต๊ะเดิมที่ยืมยางลบเมื่อกี้ นี่นายขัน นายจะทำอะไร ฉันร้องออกมามือจับที่ชายเสื้อของมฆวันโดยอัตโนมัติ มฆวันหันมาทำหน้าซื่อแต่ตาพราวระยับ ก็กำลังจะขอยืมดินสอไงก็ก๊อไม่ยอมให้ยืมนี่นา ฉันถอนหายใจเฮือก ก็ได้ ๆ ยกนี่นายชนะ แล้วเปิดกระเป๋าใบเล็กที่ใส่พวกอุปกรณ์เครื่องเขียนหยิบดินสอออกมาทำท่าจะส่งให้แล้วนึกขึ้นมาได้ เดี๋ยวนายไม่มีดินสอเหรอ คิ้วเริ่มขมวดมองหน้ามฆวันนิ่ง ก็ไม่มีน่ะสิถึงได้ขอยืม มฆวันตอบออกมากวน ๆ นายไม่มีดินสอแล้วเมื่อกี้นายขอยืมยางลบไปทำไม ฉันกัดฟันพูด มฆวันหน้าเผือดลงอย่างนึกไม่ถึงยิ้มออกมาในใจคิดหาข้อแก้ตัวด่วนจี๋ เอ่อ คือ ฉันจ้องมองหน้านายขันทีนิ่ง ดูซิจะแก้ตัวว่ายังไง
Free TextEditor
Create Date : 10 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 10 ตุลาคม 2552 23:24:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 89 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|