อาการแสดงของการขาดวิตามิน

เอ
มองไม่เห็นในที่มืด เยื่อบุตาขาวแห้ง มีรอยย่น บางครั้งมีเกล็ดกระดี่ที่ตาขาว ถ้าเป็นมาก กระจกตาทะลุและตาบอดในที่สุด ที่ผิวหนังจะแห้ง ลอกหลุดเป็นแผ่นๆ คล้ายหนังคางคก

บี 1
ผู้ใหญ่มักมีอาการชามือและเท้าทั้ง 2 ข้าง แขนขาไม่มีแรง เจ็บกล้ามเนื้อน่อง ทารก มักมีอาการเหนื่อยหอบ ร้องเสียงแหบ มีอาการคล้ายโรคหัวใจวาย

บี 2
แผลที่มุมปาก ริมฝีปากอักเสบ บวม ซึ่งเรียกว่า ปากนกกระจอก

ไนอาซีน
ผิวหนังเป็นแผล อักเสบ เป็นจ้ำๆ สีม่วง ลิ้นสีแดงจัด อุจจาระร่วง และอาจมีอาการทางประสาทด้วย

บี 6
เลือดจาง อ่อนเพลีย แผลที่มุมปาก ริมฝีปากอักเสบ ชาที่ปลายมือปลายเท้า

กรดโฟลิก
เลือดจาง อ่อนเพลีย ลิ้นอักเสบ

บี 12
เลือดจาง อ่อนเพลีย ซี แผลหายช้า ฟันร่วงหลุดได้ง่าย เลือดออกตามไรฟัน

ดี
ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ปวดข้อ กระดูกอ่อน

อี
เลือดจาง อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อไม่มีแรง

เค
เลือดแข็งตัวช้า โรคเลือดออกไม่หยุดในเด็กแรกเกิด






Create Date : 03 พฤษภาคม 2550
Last Update : 3 พฤษภาคม 2550 14:09:06 น.
Counter : 1107 Pageviews.

2 comment
เคล็ดลับหลับสบาย
คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าคะที่อยากนอนแต่นอนไม่หลับ กว่าจะหลับได้ปาไปค่อนคืน ส่งผลให้ตอนเช้าไม่อยากตื่น หรือตื่นมาแบบงัวเงีย ๆ ตาบวม ตาคล้ำ ไปทำงานแบบไม่สวย ขืนปล่อยไว้นานสุขภาพพลอยแย่แน่ ๆ อย่างนี้ต้องหาวิธีค่ะ ลองปรับเปลี่ยนกิจวัตร วิถีชีวิตบางอย่างของคุณดู บางทีอาจช่วยให้หลับง่ายหลับสบายยิ่งขึ้น



สำรวจว่าห้องนอนอากาศถ่ายเทสะดวกหรือเปล่า อันนี้เป็นตามหลักสุขศึกษาเบื้องต้นเลย ถ้าเปิดแอร์อุณหภูมิควรอยู่ที่ 20-25 องศาเซลเซียส แน่นอนค่ะว่าถ้าอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้เรานอนไม่หลับกระสับการะส่าย



ก่อนเข้านอนให้อาบน้ำร้อน เพราะจะช่วยผ่อนคลายร่างกายและใจที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวัน ถ้าที่บ้านมีอ่างอาบน้ำให้หยดลาเวนเดอร์หรือคาโมไมล์ลงไปสักหน่อย จะช่วยให้หลับสบายขึ้น เมื่ออาบเสร็จอย่าลืมทาโลชั่น เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว และหาชุดนอนนุ่มสบายมาใส่



หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ในตอนเย็นหรือหัวค่ำ ให้มาเลือกดื่มชาสมุนไพรย่างชาคาโมไมล์ หรือชาลาเวนเดอร์แทน หรือจะเป็นนมอุ่น ๆ ช็อกโกแลตร้อนสักแก้วก็จะทำให้หลับง่ายขึ้น



ไม่ควรรับประทานอาหารเย็นแบบใกล้เวลาเข้านอนมากเกินไป เพราะจะทำให้กระเพาะคุณทำงานหนัก ถ้าเป็นได้คืออย่ารับประทานมื้อเย็นหลัง 1 ทุ่มเลยค่ะนอกจากนั้นขอแนะนำให้เลือกอาหารเบา ๆ ย่อยง่าย จำพวกปลานึ่งผักนึ่ง หลีกเลี่ยงพวกอาหารไขมัน เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ และเครื่องปรุงรสจัด ๆ ค่ะ



ก่อนเข้านอนสัก 3 ชั่วโมง พยายามตัดเรื่องคร่ำเคร่งออกจากตัวจากใจ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะขนงานมาทำหรืออ่านหนังสือประเภทตื่นเต้น ลึกลับ เพราะนอกจากทำให้คุณวางหนังลือไม่ลงแล้ว ยังทำให้เกิดความตื่นเต้นก่อนนอนอีกแต่ให้หาเพลงเบา ๆ ฟังแทน อาจเป็นเพลงพวกนิวเอจ เพื่อการผ่อนคลาย ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกเยอะทีเดียว



แต่ละคนมีนาฬิกาชีวิตของคุณเอง ลองสังเกตดูดี ๆ สิว่าคุณหิวข้าวตอนไหน และง่วงนอนตอนไหน ถ้าเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน หนังตาหย่อน แสดงว่าคุณต้องนอนแล้วละ ให้รีบนอนทันที เพราะถ้าเลยเวลานอนไปคุณอาจนอนไม่หลับเลย และเมื่อได้ เวลาทองของตัวเองแล้ว ก็โปรดจำไว้ และพยายามทำให้เป็นกิจวัตร



หากระดาษโน๊ตไว้ที่หัวนอนสักแผ่น เพื่อจดว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้คุณนอนไม่หลับ และมีอะไรบ้างที่ทำให้คุณหลับสนิทดี เพื่อจะได้นำมาแก้ไขและปรับใช้กับตัวเอง

sanook.com



Create Date : 05 มกราคม 2550
Last Update : 5 มกราคม 2550 5:20:10 น.
Counter : 408 Pageviews.

0 comment
ตารางดื่มน้ำเพื่อสุขภาพดี
หากคุณคิดว่าการดื่มน้ำเป็นเรื่องไม่สำคัญ คุณไม่ผิดหรอกครับที่คิดอย่างนั้น แต่หากคุณอยากมีสุขภาพที่ดี ลองทำตารางนี้ก็คงไม่เสียหายใช่มั้ยครับ

น้ำที่ควรดื่ม ควร เป็นน้ำธรรมดาไม่เป็นน้ำที่ร้อนมากหรือที่เย็นจัด แต่ถ้าเป็นน้ำอุ่นๆ เล็กน้อย ก็ควรดื่มในตอนเช้าเพราะจะให้การขับถ่ายของคุณ ดีขึ้น ลำไส้สะอาด หากไม่เชื่อลองทำดูสิครับ

ระยะเวลาที่ดื่มน้ำ ใน 1 วัน อาจจะเปลี่ยนแปลงตารางให้เหมาะกับคุณเอง แต่ไม่ควรเปลี่ยนมากนะครับ เพราะอาจจะทำให้ตัวคุณเองสับสน

ตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้ว
ตอนสาย ดื่มน้ำ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น)
ตอนบ่าย ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น)
ตอนเย็น ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาร 19.00 – 20.00 น)
ก่อนเข้านอน ดื่มน้ำ 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะช่วยให้หลับสบายดีขึ้น รวมแล้วให้สามารถดื่มน้ำเปล่าได้วันละ 10 แก้ว นอกเหนือจากนั้น ท่านสามารถดื่มน้ำผลไม้, น้ำนม ฯลฯ ได้อีกไม่จำกัด

ข้อควรจำ

ไม่จำเป็นต้องดื่มครั้งละ 2 – 3 แก้วติดต่อกันทันที ดื่มตามปรกติสบายๆ ผู้ที่ทำตามครั้งแรก ๆ อาจรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย เป็นอาการปรกติธรรมดา ทั้งนี้เพราะผนังลำไส้ และกระเพาะอาหารขยายตัวขึ้น หากทำติดต่อกันเป็นประจำก็จะไม่มีอาการอีก สามารถดื่มได้ง่ายและเกิดความเคยชิน สดชื่น สบายที่ได้ดื่มน้ำมากๆ
ระยะแรก จะเกิดการปัสสาวะบ่อย ครั้งแรกๆ จะมีสีเหลืองข้นขุ่นกลิ่นฉุน เนื่องจากน้ำที่ดื่มไปชะล้างไตให้สะอาด ซึ่งไตเป็นเสมือนเครื่องกรองน้ำของร่างกาย ขจัดสิ่งตกค้างให้ออกไป
อย่าดื่มน้ำมากก่อนหน้าที่จะรับประทานอาหาร ( ควรงดดื่มน้ำมากสักครึ่งชั่วโมงก่อนรับประทานอาหาร) และหลังจากรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ก็ไม่ควรดื่มน้ำมากๆ ทันที ในระหว่างการรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำตลอดเวลา เพราะการดื่มน้ำมากในระหว่างรับประทานอาหารจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง การย่อยเป็นไปได้ไม่ดี
การทานอาหารในแต่ละมื้อไม่ควร อิ่มจนแน่นท้องเกินไปควรให้อิ่มพอดีแล้วรับประทานผลไม้สดจะทำให้สะอาดคอ แล้วจิบน้ำตามนิดหน่อยท่านจะรู้สึกสบายท้องหลังจากนั้นสักครึ่งชั่วโมง จึงดื่มน้ำตามปรกติ

หากคุณผู้ชายคนไหน ลองทำตามเป็นประจำแล้วรู้สึกมีสุขภาพที่ดีขึ้น ร่างกายสดชื่น
กระปรี้กระเปร่าแข็งแรง ก็ทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ เพื่อประโยชน์แก่ตัวของคุณเอง



Create Date : 05 มกราคม 2550
Last Update : 5 มกราคม 2550 5:17:29 น.
Counter : 1039 Pageviews.

0 comment
วิธีกำจัดสิวอย่างถูกวิธี
สาเหตุสิว

หากการทำงานของฮอร์โมนผิดปกติจะส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป และเร่งการหลุดลอกของเซลล์ผิวบริเวณผิวชั้นบน

และในรูขุมขนซึ่งสิ่งตกค้างเหล่านี้จะขัดขวางทางเดินของต่อมไขมัน และอุดตันรูขุมขนด้วย ซึ่งสภาพแบบนี้ช่วยให้แบคทีเรียชนิดโปรฟิโอแบคทีเรีย แอ็คเน่ส์ที่แอบอยู่ในต่อมไขมันเจริญเติบโต และก่อให้เกิดตุ่มอักเสบระคายเคือง หรือสิวนั่นเอง

และอีกเหตุผลที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ทำให้เกิดสิวได้ก็คือ การระคายเคืองและการแพ้เครื่องสำอาง หรือยาและอาหารบางชนิด (แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่า อาหารใดก่อให้เกิดสิว)


ทำไมหัวขาว ทำไมหัวดำ
น้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวเก่าที่มีมากผิดปกติจะรวมตัวกันเป็นสารสีขาวนิ่มๆ อุดรูขุมขนไว้ ถ้าส่วนบนของรูขุมขนถูกปิดด้วยผิว ก็จะเรียกว่า สิวหัวขาว (Whitehead/Milia)

ถ้าไม่มีอะไรขวางรูขุมขน ส่วนบนของสารขาวๆ ที่ก่อตัวจะถูกอากาศจนกลายเป็นสีดำ เรียกว่า สิวหัวดำ (Blackhead)

สิวหัวขาวและหัวดำจะกลายเป็นสิวอักเสบเมื่อแบคทีเรียเติบโตในส่วนที่อุดตัน การอักเสบและน้ำมันส่วนเกินจะทำให้กำแพงของต่อมไขมันรั่ว และน้ำมัน เซลล์ผิวเก่า แบคทีเรียจะกระจายตัวไปทั่วเนื้อเยื่อผิวโดยรอบ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงต้องเข้าไปต่อสู้ซ่อมแซมผิว จึงทำให้บวมเป็นตุ่มสิวอย่างที่เห็น


วิธีปราบสิว
ถ้ามัวแต่แก้ไขเฉพาะสิวที่เห็นภายนอกโดยไม่สนใจรักษาที่ต้นเหตุซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง การรักษาใดๆ ก็ไม่ได้ผล เช่นใช้ผลิตภัณฑ์ทำให้หัวสิวแห้งเพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากสิวจะไม่ยุบและไม่สามารถดูดซับความมันบนหัวสิวแล้ว ยังระคายผิว และอาจก่อให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย

ฉะนั้น วิธีปราบสิวที่ดีที่สุดคือ การขัดผิวเพื่อลดการสะสมตัวของเซลล์ผิวที่ตายทั้งบนผิวและในรูขุมขน การฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การดูดซับความมันและสร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมัน

ล้างหน้า :
ควรใช้เคลนเซอร์ที่ละลายน้ำและไม่ผสมสารที่ทำให้ระคายผิว เช่น สบู่ สครับ เพื่อเลี่ยงการกระตุ้นต่อมไขมัน ลดการอักเสบของผิว และความแห้งกร้าน ส่วนเคลนเซอร์ที่ผสมสารขัดลอกเซลล์ผิว สารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียหรือดูดซับน้ำมันส่วนเกินจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เนื่องจากก่อนที่สารเหล่านี้จะออกฤทธิ์คุณก็ล้างออกเสียแล้ว


ขจัดเซลล์ผิว :
เพราะสิวเกิดขึ้นภายในรูขุมขน และเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดซาลิไซลิกซึ่งละลายในไขมัน จึงสามารถเข้าขัดลอกเซลล์ผิวเก่าในรูขุมขนได้อย่างอ่อนโยน แนะนำให้ใช้ประเภทเจลหรือโลชั่นเนื้อเบาๆ ซึ่งไม่ผสมสารสร้างความหนืดหรือสารให้ความชุ่มชื่นอันจะอุดตันรูขุมขน ส่วนสครับหรือกรด AHA มักไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากตัวช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเฉพาะภายนอก ไม่สามารถลงลึกถึงรูขุมขนได้


ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย :
แอลกอฮอล์หรือซัลเฟอร์เป็นสารฆ่าเชื้อที่ดีแต่ทำให้ผิวแห้งและระคายจนทำให้เกิดสิวให
ม่ คุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมีทีทรีหรือเบนซอยล์เพอร๊อกไซด์ ที่มีความเข้มข้นประมาณ 2.5% 5% หรือ 10% ส่วนการกินยาแอนตี้บอดี้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อสิวได้จริง แต่จะทำลายแบคทีเรียตัวที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไปด้วย


เพิ่มการสร้างเซลล์ผิว :
คุณหมออาจใช้สารจำพวกเตรตินอยน์ ดิเฟอรีนและกรดอะเซลาอิก ซึ่งช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี จนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของรูขุมขน และช่วยให้การขับน้ำมันสะดวกราบรื่น


ที่พึ่งสุดท้าย :
ถ้าหากสิวยังคงอยู่ทนแม้คุณจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบแล้วก็ตาม คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะยังมียารับประทานอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่าสามารถรักษาสิว
ได้ผลดีเยี่ยม นั่นก็คืออัคคูเทน ซึ่งเป็นวิตามินเอปริมาณสูง มักใช้ในกรณีที่เกิดสิวรุนแรงและยังช่วยทำให้ผิวเนียนกระชับสวยขึ้นด้วย

แต่ยาตัวนี้ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ก่อให้เกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์และปัญหาทางจิต



Create Date : 05 มกราคม 2550
Last Update : 5 มกราคม 2550 4:54:23 น.
Counter : 320 Pageviews.

6 comment
โรคผื่นไขมันอักเสบ(Seborrheic Dermatitis)
เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง พบบ่อยมาก ลักษณะคล้ายรังแค (Seborrheic) แต่ต่างกันตรงที่
รังแคเป็นสะเก็ดเฉพาะที่ศีรษะและไม่มีอาการอักเสบของหนังศีรษะส่วนโรคผื่นไขมันอักเสบจะมี
อาการอักเสบ ของหนังศีรษะร่วมด้วย
ถ้าเผลอไปแกะหรือเกาอาจจะมีน้ำเหลืองเยิ้ม หรือถ้าทิ้งไว้นานๆไม่รักษา สะเก็ดจะหนา
มากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ผมร่วงได้ โรคนี้มักจะพบการอักเสบของผิวหนังที่อื่นร่วมด้วย เช่น ที่โคนคิ้ว,
ข้างจมูก, หลังหู, กลางอก, กลางหลัง หรือ ขาหนีบ ลักษณะเป็นผื่นแดงๆ และมีสะเก็ดบางๆ เป็นๆหายๆ
มักเป็นตอนที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือช่วงที่เจ็บป่วย ไม่สบาย
โดยเฉพาะผู้ที่นอน โรงพยาบาลมักจะพบเรื่องนี้เกือบทุกคน

สาเหตุของโรค
ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มักจะพบเชื้อราแบบยีสต์ (yeast) ลักษณะเหมือนเชื้อเกลื้อนอยู่เป็นประจำ
ทำให้สันนิษฐานว่า โรคนี้อาจจะมี สาเหตุจากเชื้อราที่เป็น yeast ได้ เพราะว่าใช้ยาแก้เชื้อราทาแล้วหายได้ 50%

การรักษา
มากกว่า 90% ใช้ยาแก้แพ้ทาแล้วหาย แต่โรคนี้มักเป็นๆหายๆ ถ้าใช้ยาแก้แพ้แรงเกินไปในเวลานานๆ (โดยเฉพาะที่หน้า) จะทำให้สิวขึ้น ผิวหน้าบางลง เส้นเลือดฝอยขยายตัว ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ และแก้ไขลำบากมาก
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือ แสงแดดจัด และ แอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผื่น เห่อขึ้นได้

สรุป
โรคผื่นไขมันอักเสบพบได้ทุกคนเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ เพียงแต่ว่า จะเป็นมากหรือน้อยเท่านั้น
ถ้าเป็นมากหรือเป็นบ่อยควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรใช้ยาเอง อาจเกิดผลข้างเคียงของยาได้ถ้าใช้นานๆ

โดย นพ.ไพรัตน์ สุรีย์พงษ์ แพทย์ผิวหนัง
//www.thaiclinic.com/seborrheic.html

ผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic Dermatitis)
ผิว หนังอักเสบแบบนี้ชอบเกิดบริเวณกลางใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความมันมาก อาการอักเสบถ้าเป็นน้อย ๆ หรือ เพิ่งเริ่มเป็นจะมีลักษณะเป็นขุยลอกเป็นหย่อมๆ ถ้าคันมากจะเป็นผื่นแดงกว้างขึ้น มีขุยหนา ลอกเป็นสะเก็ดอาจมีอาการคันร่วมด้วย

บริเวณ ที่ชอบเป็นบ่อยได้แก่ เหนือคิ้ว หัวคิ้ว ข้างจมูก ซอกจมูก ถ้าเป็นมากอาจลามไปขึ้นตามไรผม จอน หลังหู ต้นคอ และลงไปเกิดที่หน้าอกและหลังได้ด้วยเป็นผื่นแดง และเป็นขุยหรือสะเก็ดหนา บางคนเป็นผื่นและขุยที่ศีรษะเหมือนรังแค

ทำไมจึงมีการอักเสบที่ผิวมัน
โดยปกติแล้ว ผิวที่อักเสบง่ายมักจะเป็นบริเวณผิวที่แห้ง เช่น ผิวด้านข้างของใบหน้า ซึ่งมีต่อมไขมันทำงานน้อยกว่า แต่ในกรณี SEBORRHEIC DERMATITIS กลับตางข้าม คือ เป็นผื่นอักเสบตรงบริเวณที่เป็นผิวมัน ซึ่งปกติแล้วไม่ควรจะอักเสบ จากการศึกษาพบว่าผิวบริเวณดังกล่าวจะแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ ทำให้เซลผิวหนังที่ยังไม่เจริญเต็มที่ เคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนของผิวหนังเร็วเกินไป เซลที่ยังไม่แข็งแรงเหล่านี้จะไวต่อการรบกวนต่างๆ ทำให้เกิดการ บวมแดง เห่อ อักเสบ และหลุดลอกเป็นขุยได้ง่าย
สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วนั้น มีผู้สันนิษฐานว่า เกิดจากสิ่งรบกวนจากภายในผิวหนังเอง 2 อย่าง ด้วยกันคือ

1. การ รบกวนจากยีสต์ ยีสต์ (YEAST) เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่คล้ายเชื้อรา ชอบอาศัยอยู่ในรูขุมขนบริเวณที่มีผื่น SEBORRHEIC DERMATITIS พบว่ามียีสต์พันธุ์หนึ่งชื่อ PITYRIASIS OVALE มากกว่าปกติ เข้าใจว่ายีสต์เป็นตัวการปล่อยสารที่รบกวนผิว ทำให้อักเสบได้ง่าย
2. กรดไขมัน (FATTY ACID) เป็นสารที่เปลี่ยนแปลงจากไขมันธรรมชาติที่สร้างจากต่อมไขมันระบายสู่รูขุม ขนบริเวณผิวมัน จะมีการสร้างไขมันอกมามาก และกลายเป็นกรดไขมันมารบกวนผิว ทำให้เกิดผื่นอักเสบขึ้น
3. แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งว่า ตรงบริเวณผิวมันของทุกคนก็พบเชื้อ P. Ovole และกรดไขมันมากกว่าปกติอยู่แล้วแต่ทำไมจึงเกิดผื่นอักเสบ SEBORRHEIC DERMATITIS ในบางคนเท่านั้น เรื่องนี้มีผู้อธิบายว่า ในคนที่เป็นผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน ผนังรูขุมขน และเซลผิวหนังขาดความแข็งแรงจึงไม่สามารถทนต่อการรบกวนของเชื้อยีสต์ P. Ovale และกรดไขมันได้และสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังไม่แข็งแรงนั้น มักจะพบในคนที่ขาดสารชนิดหนึ่ง คือ LINOLEIC ACID ซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบของเซลผิวหนัง

การเกิดผื่นอักเสบ
SEBORRHEIC DERMATITIS เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงแต่เข้าใจว่า เริ่มต้นจากการที่ผนังรูขุมขนและเซลผิวหนังไม่แข็งแรง จึงถูกรบกวนโดยเชื้อ P.OVALE และกรดไขมันในรูขุมขนได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณ ผิวมัน ผลก็คือ เซลแบ่งตัวเร็วขึ้นและเมื่อได้รับสิ่งรบกวนซ้ำเติมจากภายนอก เช่น แสงแดด ความร้อน รังสี ความแห้งจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ความเป็นด่างของสบู่ ฟองครีมล้างหน้า โฟมล้างหน้า เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ฯลฯ ก็เลยทำให้อักเสบแดง เห่อ และลอกเป็นขุยตรงบริเวณที่ถูกรบกวนนั้น นอกจากนั้นเวลาสุขภาพร่างกายทรุดโทรม พักผ่อนน้อย เครียดวิตกกังวล ก็พบว่าผื่นอักเสบบริเวณผิวมันนี้มักจะกำเริบได้ง่าย
การรักษา

1. รักษา การอักเสบในระยะที่มีผื่นอักเสบ เห่อและแดง แพทย์จะใช้ ตัวยาทาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ให้ติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้เกิดการอักเสบที่เป็นผื่นแดง และคันยุบลง
2. ยาปฏิชีวนะป้องกันเชื้อโรคแทรกซ้อน และยาที่ช่วยลดและควบคุมเชื้อยีสต์ โดยใช้ภายใต้พิจารณาของแพทย์
3. ใช้ยาช่วยลดการแบ่งตัวของเซล หลังจากลดยาระงับการอักเสบแล้ว เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดผื่นแดงและการลอกเป็นขุย
4. ยาลดอาการคัน เช่น กลุ่ม ANTIHISTAMINES

การป้องกัน

1. หลีก เลี่ยงสิ่งรบกวนต่าง ๆ จากภายนอก เช่น สบู่ที่เป็นด่าง ฟองจากโฟมและครีมล้างหน้า เครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แสงแดด ความร้อน
2. คนที่เป็น SEBORRHEIC DERMATITIS ควรใช้น้ำเปล่าหรือสบู่อ่อนเป็นพิเศษ ใช้ครีมกันแดดร่วมกับ MOISTURIZER เพื่อป้องกันการรบกวนจากรังสีในแสงแดด และให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และระคายเคือง
3. ในบางรายอาจต้องใช้อาหารเสริมหรือวิตามินบางชนิด เช่น LINOLEIC ACID เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวหนัง

SEBORRHEIC DERMATITIS เป็นปัญหาผิวพรรณที่ค่อนข้างจะเรื้อรัง แต่ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ระมัดระวังอย่าให้ผิวถูกรบกวน ก็สามารถควบคุมให้ผิวกลับเป็นปกติได้ ในกรณีที่ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์รักษาป้องกันปัญหาผิวพรรณอื่นๆ เช่น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย ที่เกิดร่วมด้วย การใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ
//www.rcskinclinic.com/knowledgezone/readarticle.asp?id=28



Create Date : 22 ธันวาคม 2549
Last Update : 22 ธันวาคม 2549 18:01:29 น.
Counter : 3211 Pageviews.

1 comment

นพรัตน์ดารา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]