BORN TO WRITE
|
|||
เมื่อเอา Predator (ปี 1987) กลับมานั่งดูใหม่ในปัจจุบัน... ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ Predator ปี 1987 ของจอห์น แมคเทียแนน (Die Hard) และมีอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์เป็นพระเอกนั้น จริงๆมันคือหนังดวงใจของผม ดูมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ หลายๆครั้งก็ยังรู้สึกทึ่งอยู่เหมือนเดิม แต่วันนี้พอกลับเอามาดูใหม่ ยิ่งเวลาได้ดูต่อจาก Terminator 2 : Judgment Day ทันทีด้วยแล้ว รู้สึกเลยว่า หนังเรื่องมันเก่าและเชยไปตามกาลเวลาเสียแล้ว ใช่ เชยไปในทุกๆด้าน ทั้งตัวละคร มุมกล้อง และการตัดต่อ จากที่เคยรู้สึกว่ามันเจ๋งก็เริ่มรู้สึกว่า มัน... เอ่อ แปลกๆว่ะ แทนเสียแล้ว ในขณะที่ T2 หรือ Mad Max : The Road Warrior ทุกวันนี้เอากลับมาดูอีกรอบยังรู้สึกว่ามันเวิร์กในหลายๆด้าน แต่กับ Predator มันไม่ใช่ ฉากที่พรีเดเตอร์อยู่ในโหมดอำพรางตัวแล้วก็ล่าพวกตัวเอกไปเรื่อยๆนั้น ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่ามัน ชักช้า การเคลื่อนไหว มุมกล้อง และจังหวะการตัดต่อมันชวนให้ขัดใจแบบแปลกๆ บางทีคงถึงเวลาที่ต้องยอมรับว่า ผมมองหนังเรื่อง Predator ผ่านมุมมองแบบ nostalgia (รำลึกอดีต) มันไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์หรือดีมากนัก แต่ก็ยังมีอะไรที่ยังรู้สึกเจ๋งๆอยู่เหมือนเดิมหากคิดว่ามันเป็นหนังยุค 80 อันดับแรก : ผมยังชอบที่ไอเดียของเรื่องอยู่ Predator เป็นส่วนผสมของหนังแอ็กชั่นยุค 80 หลายเรื่องอย่าง Rambo หรือ Commando บวกเข้ากับหนังสยองขวัญสไตล์ Alien, Nightmare on Elm Street หรือหนังนักเชือดอย่าง Halloween เพียงแต่เปลี่ยนเหยื่อจากตัวละครวัยรุ่นหรือสาวๆ กลายมาเป็นทหารกล้ามโตแทน พวกดัทช์ (อาโนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์) เปิดฉากให้เป็นพวก สุดแกร่ง พูดจาหยอกล้อกันเชยๆ กวนโอ๊ยกันเชยๆ สู้รบปรบมือกับศัตรูโดยไม่หวาดกลัวอะไร พกปืนกระบอกโตยิงใส่อย่างเมามัน แต่ไปๆมาๆเหล่าทหารผู้ทะนงตนกลับถูกตามเชือดทีละคนสองคนจนเหลือเพียงแค่คนเดียวเสียอย่างนั้น! เรียกว่าความอวดดีในตอนต้นเรื่องหายไปหมด อันดับสอง : วิธีการซ่อนตัวของพรีเดเตอร์ทำให้ได้ผลเหมือนกับ Alien หรือ Halloween ภาคแรก เราแทบไม่เห็นตัวพรีเดเตอร์แบบชัดๆเลยจนกระทั่งตอนไคลแม็กซ์ของเรื่องที่จะได้เห็นแบบเต็มตัว เพราะซ่อนไว้ตลอดทั้งเรื่อง ตอนเปิดตัวแบบเต็มๆตาครั้งแรกมันถึงได้คลาสสิค อีกอย่าง Predator เท่ตรงที่มันเป็นมนุษย์ต่างดาววายร้าย แต่มันก็แค่ชอบ การล่า เป็นจิตใจ เหมือนกับที่มนุษย์ล่าสัตว์แล้วเอาหัวไปทำเป็นรางวัลหรือของประดับ มันจะทำร้ายแค่พวกที่ถืออาวุธ และไม่ฆ่าผู้หญิงที่ไม่ถืออาวุธหรือสู้ไม่เป็น ทำให้พรีเดเตอร์เป็นวายร้ายที่ "แมน" มาก มันเลือกเหยื่อ และถือว่าการได้สู้กับเหยื่อคือกีฬาประเภทหนึ่ง อันดับสาม : ฉากไคลแม็กซ์ยังคงคลาสสิคอยู่ อาร์โนลด์ถูกไล่ต้อนจนมุม แต่กลับพบจุดอ่อนของพรีเดเตอร์ที่คาดไม่ถึง คือสายตาอินฟราเรดของมันมองไม่เห็นดัชที่ถูกปกคลุมไปด้วยโคลน! เขาจึงตัดสินใจหันมาสู้กับพรีเดเตอร์โดยตรงด้วยการวางกับดักครั้งสุดท้ายบวกกับการใช้จุดอ่อนด้านการมองเห็นของพรีเดเตอร์ให้เป็นประโยชน์ ทำให้ Predator เป็นหนังแอ็กชั่น,ไซไฟ,เขย่าขวัญ (สยองขวัญ) ที่ดูมีสมองขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่แค่หนังโหดๆที่มีสัตว์ประหลาดไล่เชือดไปเรื่อยๆ หรือหนังชายกล้ามโตยิงปืนใส่ผู้ร้ายไม่เลี้ยงเพียงอย่างเดียว ถึงฉากที่อาร์โนลด์กับพรีเดเตอร์สู้กันแบบตัวต่อตัว มันจะดูเชยไปแล้วทั้งเรื่องมุมกล้องและจังหวะการตัดต่อ ตอนที่ดวลหมัดกันมีการใช้มุมมองของพรีเดเตอร์ที่เป็นสีแดงเกือบทั้งหมดจนทำให้ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง (รู้แต่อาร์โนลด์โดนต่อยท่าเดียว) แต่มาถึงปัจจุบันนี้ ผมยังนึกหนังแอ็กชั่น,ไซไฟ,สยองขวัญที่มีฉากตัวเอกวางแผนสู้ตัวต่อตัวเพื่อเอาชีวิตรอดกับศัตรูที่เป็นวายร้ายต่างดาวแบบนี้ แล้วทุกอย่างมันยังออกมาเจ๋งจนขึ้นหิ้งคลาสสิคแบบนี้ไม่ค่อยออกเลยแฮะ อาจจะมีแต่ก็คงไม่รู้สึกว่ามันน่าจดจำเท่ากับของ Predator กระมัง ถึงนึกไม่ค่อยออก เพราะอย่างนี้ผมถึงยังยกให้ฉากไคลแม็กซ์ของ Predator เป็นฉากคลาสสิคตลอดกาลอยู่ยังไงละ! |
หมาหัวโจก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |