The Peninsula Bangkok


ถ้าจะให้นับว่ามีโรงแรม 5 ดาวย่านริมน้ำในกรุงเทพฯที่ไหนบ้างที่เทพๆ ผมเชื่อว่า 1 ในคำตอบนั้น ต้องมีที่นี่อยู่ด้วยแน่นอน The Peninsula Bangkok หลายๆคนอาจมองว่าที่นี่ดูแก่ ดูเก่า ดูไม่น่าสนใจ (ซึ่งตัวของผมเองในตอนแรกก็มองว่าอย่างนั้นเช่นกัน 55555 ) แต่ภายใต้หน้ากากคุณยายที่เพนนินซุล่าสวมไว้นั้น ความเป็นจริงทุกอย่าง Luxury อย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่าง ในห้องพัก เครื่องเสียงที่นี่ใช้ก็ใช้ของดี เสียงกระหึ่มมากกกก ทีวีก็มีรีโมทปรับหันซ้ายขวาได้ ผ้าม่านก็มีรีโมทกดเปิดปิด ในห้องน้ำก็มีทีวี โซฟาเตียง ดูดวิญญาณมากกกก และที่สำคัญเป็นโรงแรมที่สะอาดมากกกกกกกกกก

มาครับ เรามาดูกันดีกว่า ว่าภายใต้หน้ากากคุณยายนี้ ที่นี่จะมีรอะไรให้น่าสนใจ จะแก่แล้วแก่เลยกะโหลกกะลา หรือจะแก่ลายคราม เลอค่าน่าสะสม เราไปพิสูจน์กันครับ

มาเริ่มจากแผนที่กันก่อน โรงแรมตั้งอยู่ตรงไหนน้ออออ บอกเลย ตรงข้ามโอเรียลเต็ลเป๊ะ พอดี้ พอดี  เราสามารถนั่งทั้งรถและเรือมาได้นะครับ



รูปทรงอาคารจะเป็นเหลี่ยมๆแท่งแบบนี้ครับ โดยรวมายนอกไม่ค่อยมีอะไรว้าวสักเท่าไหร่ เน้นความเรียบหรู (รึเปล่า)



เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับลอบบี้ที่เน้นโทนสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก ขาว ครีม น้ำตาล เน้นการตกแต่งด้วยงานไม้บ้าง บอกเลย งานนี่ฝรั่งมีกรี้ดแน่นอน แต่คนไทย อาจจะรู้สึกไม่ว้าวสักเท่าไหร่ ถ้ามาในจุดนี้เราควรทำอะไร บอกเลย ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการนั่งทานไฮทีที่นี่แล้วครับ ไฮทีที่นี่มีสองแบบ แต่แนะนำให้ทานแบบฝรั่งครับ ผมว่าน่าจะถูกจริตกับคนไทยมากกว่า





ถ้าถามว่าในเซ็ตไฮที อะไร อร่อยสุด ขอตอบเลยครับว่าเป็น "สโคน" อันสี่เหลี่ยม ตั้งแต่ทานสโคนมาในชีวิตนี้ ขอบอกเลยว่า ตายที่นี่หมด เทพจริงๆ



The River Cafe & Terrace

ห้องอาหารหลักของที่นี่ เช้า สาย บ่าย ค่ำ หาทานอาหารได้ที่นี่แหละครับ อยู่ถัดจากลอบบี้ไปนิดเดียว

อาหารเช้า เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ สรุปโดยรวมใช้ของดี วัตถุดิบดี แต่รสชาติ กลางไปหน่อย และไอเทม ก็อยู่ในระดับมาตรฐาน 5 ดาว แต่ไม่มีเมนูชวนว้าวสักเท่าไหร่ โยรวมอของห้องอาหารนี้ ผมชอบบรรยากาศริมน้ำมากที่สุดฮะ











ส่วนอาหารเที่ยงเป็นอลาคาร์ต สั่งเป็นเมนูๆ ราคาก็ไม่ได้มิตรภาพสักเท่าไหร่นะครับ โดยรวมใช้วัตถุดี สด แต่รสชาติติดปรุงรสกลางๆไปนิด ผมคิดว่าอาจจะถูกปากฝรั่งมากกว่าคนไทย











ห้องอาหารจีนจะอยู่ใต้ลอบบี้ครับ ถ้าถามผม ว่าถ้าถามผมว่าอะไรอร่อยเลิศเลอ เลอค่าที่สุด ในโรงแรมนี้ คำตอบคือ ห้องอาหารจีน เหมยเจียง นี่แหละครับ



ไม้ตายของที่นี่คือ ติมซำครับ รับประกันความพอใจ





ห้องอาหารไทย ยังไม่เคยได้ลองเลยครับ ไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่บรรยากาศดีอยู่ครับ







หมดในส่วนห้องอาหารมาดูในส่วนเอาเล็ทที่ใหย่ที่สุดของที่นี่กันครับ สปา ที่นี่ให้ความสำคัญกับเรื่องสปาไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวยฝั่งตรงข้ามเลยครับ









(น้ำส้ม น้ำมะพร้าวนี้ สำหรับ คนที่บุ๊คทรีดเม้นท์ห้องวิวแม่น้ำครับ )





ห้องนี้คือห้องรีแล๊กซ์สำหรับผู้ที่ทำสปาเสร็จแต่ยังอยากพักผ่อนต่อครับ





ไม้ตายของที่นี่คือทรีดเม้นท์สำหรับดูแลสุขภาพผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้คือ biologique recherche จากประเทศฝรั่งเศส เป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าท๊อประดับบนๆของผลิตภัรฑ์ดูแลผิวหน้าครับ ที่สำคัญแพงมากกกกกก



ทรี้ดเม้นท์ที่ป๊อปปูล่าสำหรับทรี้ดเม้นท์ดูเลผิวหน้าคือ ตัวนี้ครับ เป็นบุฟเฟ่ต์ เซรั่ม อัดวิตตามินเข้าผิวโดยตรงโดยใช้เครื่องนวดชนิดพิเศษเลยครับ อีกตัวคือการยกหน้าขึ้นภายใน 1 ทรี้ดเม้นท์ ถามว่าโอมั้ย มันก็โอนะ แต่แอบชอบ บุฟเฟ่ต์วิตตามินมากกว่า





เอาล่ะครับ มาดูส่วนที่ผมชอบที่สุดของที่นี่กันดีกว่า สระว่ายน้ำครับ เมนพูล เป็นสระ 2 สระลากต่อกันยาวทะลุไปถึงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลยครับ







มาปิดท้ายกันที่ห้องพักกันนะครับ บอกเลยครับ ถึงแม้รูปจะดูไม่มีอะไร ดูโบไปสักนิด แต่บอกเลยครับ ว่ามันเป็น สิ่งที่เขาจงใจทำให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าได้มาสัมผัสจริงๆจะรู้ได้เลยครับ

1. เป็นห้องพักที่สะอาดและเนี้ยบมากกกก
2. อยู่สบาย โซฟานุ่ม เตียงนุ่ม วิวจากห้องพักเทพ
3. ซ่อนความลักซูรี่ไว้ในภายในห้องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงแสนกระหึ่ม ทีวีในห้องน้ำ ฯลฯ













สรุปปิดท้ายรีวิวกันสักนิด

ถ้าถามผม ผมรู้สึกอย่างไรกับที่นี่ บอกเลยครับ ตอนแรกก่อนจะเข้าพักเฉยๆมากกกกกกกกก รู้สึกว่าที่นี่ไม่มีอะไรที่จะเรียกเสียงว้าวได้เลย แต่ผมคิดผิดครับ บางทีภาพลักษณ์ภายนอกก็หลอกเราได้จริงๆ ภายใต้หน้ากากคุณยายที่เพนนินซูล่าสวมเอาไว้นั้นกลับซ้อนความลักซูรี่เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวที่ไหนๆแน่นอนครับ ถ้าคุณชอบโรงแรมสไตล์โอเรียลเต็ล ผมว่าที่นี่น่าจะทำให้คุณประทับใจได้อย่างแน่นอน (ที่นี่จะมาโทนครึมกว่าโอเรียลเต็ลสักนิดครับ)



ขอบคุณน้องชายแสนดีคนนี้ที่มาเป็นแบบให้  ฝาก Follow น้องซันด้วยนะครับ https://www.facebook.com/suntaclaus?fref=ts



Create Date : 13 เมษายน 2558
Last Update : 4 ตุลาคม 2558 21:30:29 น.
Counter : 6764 Pageviews.

154 comment
Novotel Suvarnabhumi Airport
ลุ้นรับบัตรกำนัลโรงแรมในเครือ Accor Mercure Pattaya Ocean Resort 2  คืน พร้อมอาหารเช้า
กติกาง่ายๆ

คุณต้องเป็นแฟนเพจของที่นี่ Novotel Bangkok Suvarnabhumi Airport

คุณต้องเป็นแฟนเพจของที่นี่ Mercure Pattaya Ocean Resort

จากนั้นก็คอมเม้นท์สวยๆใต้รีวิวนี้
"เมื่ออ่านรีวิวนี้จบ คุณประทับใจอะไรใน
Novotel Suvarnabhumi Airport บ้าง"
(เริ่มนับคอมเม้นท์ตั้งแต่วันที่ 5 พค - 14 พค )

ประกาศผลวันที่ 15 พค โดยการจับเลขผู้โชคดี

กดแชร์รีวิว ท้ายรีวิว ออกไปด้วยนะครับ



- คำตัดสินของแอดมินถือเป็นคำตัดสินสุดท้าย ในกรณีที่ผู้ได้รับรางวัลเกิดอาการ "เยอะได้อีก" แอดมินมีสิทธิชอบธรรมในการยกเลิกรางวัลโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

- ขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ทำต้องถูกกติกาครบทุกข้อเท่านั้น




ถ้าถามผมว่า "โรงแรมสนามบิน"โรงแรมไหนดีที่สุดในประเทศไทย ผมขอตอบให้เลยครับว่าที่นี่ Novotel Suvarnabhumi Airport เท่านั้น แล้วโรงแรมในสนามบินเป็นยังไง ต่างกับโรงแรมธรรมดายังไง สงสัยกันใช่มั้ยครับ มาครับมากับผม ผมจะพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับโรงแรมสนามบินกัน

โรงแรมสนามบิน คือโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆกับสนามบิน โดยภายนอกและการตกแต่งแล้วค่อนข้างจะไม่ต่างกับโรงแรมธรรมดาเลย แต่ที่จะต่างไปคือ บริการภายในโรงแรมครับ ไม่ว่าเป็นบริการรถรับส่งสนามบิน บริการอาหารเช้า และการเช็คอินเมื่อเข้าพัก ที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ ฯลฯ

และที่นี่ เราสามารถใช้สิทธิของบัตร Accor Advantage Plus เข้าพักฟรีที่นี่ได้ครับ  เพียงแต่ต้องทำการจองโดยใช้สิทธิล่วงหน้า



ใครสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

//mycard.accoradvantageplus.com/?lang=th

สำหรับ Novotel Suvarnabhumi Airport แล้ว ถือเป็นโรงแรมที่จัดว่าเป็นโรงแรมสนามบินอย่างเต็มรูปแบบกันเลยทีเดียว มาครับ เรามาดูกันที่นี่มีอะไรน่าสนใจกับบ้าง

1 ทำเลที่ตั้ง

-โรงแรมอยู่ในบริเวณใกล้กับอาคารจอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดรถ มากมายมหาศาล เกินจะนับได้

- จากอาคารผู้โดยสารมีรถรับส่งมายังโรงแรมทุก 15 นาที หรือ สำหรับผู้เดินทางมาจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้ง ก็สามารถเดินจากชานลามายังตัวโรงแรมได้เลย (สถานีสุวรรณภูมิ) โดยใช้ทางออก 2







เมื่อเข้ามาถึงตัวโรงแรมเราจะเจอกับมหาลอบบี้ครับ ที่ทำลอบบี้ให้ใหญ่อลังขนาดนี้เพราะต้องการเอาไว้รองรับกับผู้โดยสารในกรณีที่ผู้โดยสารมาใช้บริการเต็มอัตรา ( เพราะที่นี่ถือเป็นโรงแรมเครือแอคคอร์ ที่มีจำนวนห้องพักที่มากที่สุดในประเทศไทย น่าจะประมาณ 6xx ห้องกันเลย )









เนื่องจากเป็นโรงแรมสนามบิน ที่ลอบบี้จะมีตารางการบินอัพเดทแบบเรียลทามเหมือนที่อาคารผู้โดยสารขาออกเลยล่ะครับ





2.ห้องอาหาร
มีมากมาย มาตรฐานโรงแรม แต่ราคาไม่หนี ร้านอาหารในสนามบินสักเท่าไหร่ และะสามารถใช้บัตรลดราคา 50 % ได้ด้วย


รอบๆตัวลอบบี้จะประกอบไปด้วยห้องอาหาร 4 ห้องอาหารและ 1 บาร์ครับ (อาหารของที่นี่ราคาไม่ต่างจากในสนามบินเท่าไหร่นะครับ แถมมีบัตรลดราคาได้ด้วย )

ห้องอาหารห้องแรก ห้องอาหารญี่ปุ่น KINSEN  มีเมนูเป็นอลาคาร์ต สำหรับผู้มีบัตร Accor Advantage Plus จะได้สิทธิลด 50 % เมื่อมาทาน 2 ท่าน







เมนูไม้ตายของที่นี่ ก็คงหนีไม่พ้นปลาดิบและข้าวห่อสาหร่ายไส้เทมปุระ แต่ที่คุ้มค่าสุดจะเป็นเซ็ตลันช์ครับ (ราคาเริ่มต้นประมาณ 4xx บาท)





ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ THE SQUARE  อาหารที่นี่จะเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลบุฟเฟ่ต์ เช้า เที่ยง เย็น จะเป็นบุเฟ่ต์ฮะ นอกเหนือจากเวลานี้จะเป็นอลาคาร์ต ห้องอาหารนี้ ผมถือว่าเป็นร้านอาหารที่ควรจะมาลองที่สุด ถ้ามีคนถามว่าใครถามว่าบุฟเฟ่ต์ที่ไหนดีสุดในสนามบินสุวรรรณภูมิ ผมแนะนำที่นี่เลย (สำหรับผู้มีบัตร Accor Advantage Plus จะได้สิทธิลด 50 % เมื่อมาทาน 2 ท่าน)

สำหรับแขกที่เข้าพักที่นี่ สามารถเลือกบุฟเฟ่ต์ ได้ 1 มื้อเป็นอาหารเช้า แล้วแต่เลยครับว่าจะทานกันมื้อไหน ส่วนสำหรับแขกที่มาทานอาหารไม่ตรงกับบุฟเฟ่ต์ทำไงล่ะ แขกสามารถเลือกเมนูแบบอลาคาร์ตได้ในราคา 700 บาทครับ

ป.ล. เมื้อเช้าที่นี่เปิดเช้ามากกกก ตี 4 เลยคร้าบบบบบ




ป.ล. ภาพที่ถ่ายมาเป็นไลน์อาหารจากบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นฮะ (ราคา 9xx++ใช้สิทธิมา 2 จ่าย 1 กับบัตร A+ ได้)  ซึ่งแน่นอน เราสามารถใช้คูปองอาหารเช้ามาทานในมื้อนี้ได้ด้วยนะขอรับ










ส่วนห้องอาหารไทย SALA THAI  อยู่ติดกับห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ ผมยังไม่เคยทานครับ ชมบรรยากาศห้องอาหารไปแทนล่ะกันเนอะ





บาร์ของที่นี่ครับ ATRIUM TERRACE  ไม่ได้ลองอะไรทั้งนั้น เพราะบอยไม่ดื่มฮะ





ร้านคาเฟ่ LE GOURMET  สำหรับคนที่ชอบทานขนม กาแฟ จุดนี้จะอยู่กลางลอบบี้เลยครับ เหมาะสำหรับการมานั่งพัก นั่งรอ สบายๆ ภายในบริเวณลอบบี้







ห้องอาหารสุดท้าย ห้องอาหารจีน GOLDEN VILLAGE  เป็นห้องอาหารที่ผมว่าอร่อยที่สุดในโรงแรม

สำหรับผู้มีบัตร Accor Advantage Plus จะได้สิทธิลด 50 % เมื่อมาทาน 2 ท่าน








เมนูไม้ตายของห้องอาหารนี้คือ "เป็ดปักกิ่ง" ฮะ เป็ดที่นี่ตัวใหญ่ใช้ได้เลยล่ะ  แถมรสชาติก็โอเคด้วย







เนื้อเป็ดก็มาทำอาหารได้ 1 อย่าง เนูนี้ที่เลือกทำ เป็นบะหมี่ผัดเนื้อเป็ด บอกเลยว่าเยอะและอร่อยมากกกกกกก กินไม่หมด ห่อกลับบ้านโลดดดด



ส่วนเมนูอื่นๆที่น่าสนใจ ผมว่าน่าจะเป็นพวกติ่มซำครับ รสชาติใช้ได้เลยล่ะครับ ส่วนซุปที่นี่จะเน้นเป็นพวกซุปล้างพิษพวก ซุปผักน้ำ ซุปรากบัว ครับ




Club Lounge  สำหรับผู้ซื้อสิทธิคลับมา สำหรับแขกนอกก็มาจอยได้ครับแต่จ่ายเป็นมื้อๆไป มื้อที่ควรมาจอยคือ มื้อค่ำครับ เพราะจ่ายประมาณ 700++ ก็โซ้ยเหล้ายาปลาปิ้งฟรีไม่อั้น ในเวลา 2 ชั่วโมง









**** ส่วนผู้ที่ไม่อยากทานอาหารโรงแรม เราสามารถเดินหาอาหารทานได้ภายในอากาศผู้โดยสารของสนามบินสุวรรรภูมิ มีทชั้ง ฟู้ดเว็นเตอร์ ราคาประหยัด ร้านอาหารแบรนด์หลากหลายแบรนด์ และร้านสะดวกซื้อมากมาย เพียงเดินทะลุ จากทางสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิงไปเท่านั้น


ถัดจากห้องอาหารออกไปรอบๆตัวตึก ก็จะเป็นห้องประชุม ห้องสัมนาครับ จุดขายหลักของที่นี่อีกอย่างคือ ห้องประชุมสัมนาครับ

ป.ล. ภาพนี้เป็นห้องประชุมแบบใหม่ที่เพิ่งเสร็จครับผม



มุมนี้จะเป็นคิดคอนเนอร์ อยู่ในบริเวณลอบบี้นี่แหละครับ สำหรับพ่อแม่ที่เด็ๆมาด้วยก็สามารถมาใช้บริการที่นี่ได้ด้วยครับ



เอาล่ะครับเราขึ้นไปดูชั้น 2 กันบ้าง มีอะไรน่าสนใจ

อย่างแรกเลยคงหนีไม่พ้นสระว่ายน้ำครับ ถึงจะเป็น ซิตี้โฮเทล แต่สระว่ายน้ำก็อารมณ์รีสอร์ทนะครับ จะว่ายอออกกำลัง ว่ายจริงจัง ว่ายเล่น ว่ายไปเรื่อย ได้หมดครับ สร้างกว้างโอเคอยู่

ใครที่มารอเครื่องบิน แต่อยากชิลล์กับอารมณ์รีสอร์ท ผมขอแนะนำให้มาหาอะไรเย็นๆทานที่ริมสระว่ายน้ำที่นี้













ใกล้ๆสระว่ายน้ำก็จะมีฟิตเนสอยู่ด้วย กว้างขวางทีเดียว



ส่วนสุดท้าย ในชั้นนี้คือ สปาครับ

สำหรับคนที่มารอต่อเครื่อง แต่ไม่รู้จะไปไหนดี จะหาอะไรกินก็ไม่เบื่อๆ ผมแนะนำสปาที่นี่เลยครับ เปิดถึงเที่ยงคืนกันเลยล่ะ

ไม้ตายของสปาที่นี่คือ "เจ็ท แล็ค" (Jet Lag) ทรี้ดเม้นท์  เป็นการนวดผสมผสานความเป็นไทยกับการนวดอโรมา  จากที่ได้ทดลองทรี้ดเมนท์มา ผมค่อนข้างชอบนะครับ เพราะมันไม่เบาจนเกินเหตุ แต่ก็ไม่ได้หนักจนเกินไป โดยรวมค่อนข้างสบาย คลายเมื่อยได้ดีทีเดียว











3. ห้องพัก

มาปิดท้ายในเรื่องของห้องพักกันดีกว่า ข้อดีหลักของห้องพักที่นี่คือ เช็คอินตอนไหนก็ได้ครับ มาตี 2 เช็คอินตี 2  มาตี 4 เช็คอินตี 4 แล้วนับไปเลยครับ 24 ชั่วโมงเช็คเอาท์ ห้องพักเริ่มต้นก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง อยู่สบาย วิวส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีอะไรฮะ แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศรีสอร์ท แนะนำขอวิวสระว่ายน้ำครับ

ป.ล. จากภาพแรกจะเห็นได้เลยครับว่าโรงแรมติดกับอาคารผู้โดยสารเลย แต่ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากการขึ้นลงของเครื่องบินเลยครับ





และ ห้องน้ำดีมากกกกกกกกกกก ห้องเริ่มต้นก็มีอ่างแล้ว แยกโซนเปียกโซนแห้งอย่างชัดเจน และห้องน้ำใหญ่มากกกกกกกกกกก  (แต่ทำมั้ยไม่มีทีสายชำระ ไม่ผ่านนะเรื่องนี้)





ส่วนห้องอื่นๆผมก็ว่าการตกแต่ง ความงดงงามไม่ต่างจากห้องเริ่มต้นเท่าไหร่นะครับ แค่มีขนาดเพิ่มขึ้นเท่านั้น ถ้าจะให้แนะนำแล้ว ผมแนะนำเลยว่า ห้องเริ่มต้นก็เพียงพอแล้วครับสำหรับ 2 คน









มาสรุปข้อดี ข้อเสียกันดีกว่า ที่นี่มีอะไรเจ๋งบ้าง

ดี้ดี เป็นปลื้มมมมม

1. เช็คอินตอนไหนก็ได้ครับ มาตี 2 เช็คอินตี 2  มาตี 4 เช็คอินตี 4 แล้วนับไปเลยครับ 24 ชั่วโมงเช็คเอาท์

2.ห้องอาหาร มาตรฐานโรงแรม แต่ราคาไม่หนี ร้านอาหารในสนามบินสักเท่าไหร่ และะสามารถใช้บัตรลดราคา 50 % ได้ด้วย

ป.ล.THE SQUARE  ผมถือว่าเป็นร้านอาหารที่ควรจะมาลองที่สุด ถ้ามีคนถามว่าใครถามว่าบุฟเฟ่ต์ที่ไหนดีสุดในสนามบินสุวรรรณภูมิ ผมแนะนำที่นี่เลย (สำหรับผู้มีบัตร Accor Advantage Plus จะได้สิทธิลด 50 % เมื่อมาทาน 2 ท่าน)

3.
โรงแรมอยู่ในบริเวณใกล้กับอาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรรภูมิ สะดวกในการเดินทางมากกกก ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารมากมาย จะเข้าเมืองก็เพียง ครึ่งชั่วโมงด้วยนรถไฟฟ้า

ไม่ปลื้มเอาซะเลย

1.ราคาแอบแรงทีเดียว ราคาค่อนข้างแพงกว่าโนโวเทลที่อื่นๆพอตัว

2.ห้องน้ำไม่มีสายชำระ ไม่ปลื้มมมมมนะคร้าบบบบบ



Create Date : 07 มีนาคม 2558
Last Update : 5 พฤษภาคม 2558 9:50:32 น.
Counter : 18748 Pageviews.

319 comment
Le Méridien Suvarnabhumi, Bangkok Golf Resort & Spa


วันนี้ผมนายพัก...สบายจะขอพาเพื่อนๆมาสัมผัสโรงแรมน้องเล็กล่าสุดจากเครือ SPG กันครับ "เลอ เมอริเดียน สุวรรณภูมิ" ครับ ขอบอกเลยว่า เมื่อปลายปีที่แบรนด์"เลอ เมอริเดียน" ได้ทำการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้มีความสดใสขึ้น คอนเซ็ปเดิมของเลอคือ  อาร์ทๆ ขาว ดำ เท่า และ ติสแตก พอรีเฟรสแบรนด์ใหม่ ลดความติสแตกลงบ้าง ใส่ลูกเล่นสีลูกกวาดให้แบรนด์นี้ เลอ เมอริเดียนยุคใหม่จะไม่ใช่ ขาว ดำ เทา อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเลอ เมอริเดียนที่มีสีสัน ในสไตล์ ที่ไม่เหมือนใคร (ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่สีสันมันจะออกแนวไปทางอินตราแกรม นั้นแหละ เอาเป็นว่าเข้าใจตรงกันนะจ๊ะ)

เรามาพูดถึงทำเลที่ตั้งกันก่อน

ถึงที่นี่จะชื่อ เลอ เมอริเดียน สุวรรณภูมิ แต่เอาจริงๆ ไม่ได้อยู่ใกล้สุวรรณภูมิเลยนะฮะ โน้นนนนน ออกไปทางกิ่งแก้ว บางนา ผมไม่รู้จะอธิบายไง เอาเป็นว่าถ้าโบกแท๊กซี่จากสถานีรถไฟฟ้า ลาดกระบัง คุณจะต้องจ่ายประมาณ 100 บาท ถึงจะมาถึงที่นี่ได้ เพราะฉะนั้น เรื่องทำเลสำหรับผมแล้ว ผมไม่ปลื้มฮะ


แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ สำหรับแขกที่มาพักกับที่นี่ ฟรี ชัตเตอร์บัส รับส่งระหว่าง โรงแรม สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข และ เมก้าบางนา  ( ทำมั้ยไม่มีชัตเตอร์บัสฟรีรับส่ง สนามบินสุวรรณภูมิกันน้อออออ ตัดเมก้าบางนากับอุดมสุขไปน่าจะดีกว่าน้า แล้วเปลี่ยนเป็น ฟรีชัตเตอร์บัสรับส่งสนามบิน เชื่อผมนะเลอ เมอที่รัก...แล้วคุณจะรุ่ง)



เอาน่ะ เรื่องทำเลผ่านไป เรามาเข้าเรื่องตัวรีสอร์ทกันดีกว่า คอนเซ็ปหลักๆของที่นี่คือสนามกล๊อฟจะ จะวิว จะกิจกรรมอะไร มองไปตรงไหน ก็มีแต่สนามกล๊อฟ  ใครชอบเล่นกล๊อฟก็ฟินไปนะ ส่วนใครชอบดูวิว ก็นะ วิวสนามกล๊อฟอ่ะ ชอบกันมั้ย แต่สำหรับผมๆก็....นะ



งั้นมาเข้าเรื่องคอนเซ็ปของโรงแรมกันเลยดีก่า เนื่องจากในสมัยก่อนบริเวณ สมุทรปราการ (บริเวณปากน้ำ (จังหวัดที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม)  นั้นมี "เรือเอี้ยมจุ๊น" จอดอยู่มากมายทางโรงแรมจึงได้นำเอาแรงบันดาลใจนั้นมาเติมเต็มความฝันใส่ไว้ในลอบบี้ เวลาเราเข้ามาที่ลอบบี้นี้ ก็เหมือนเราลงมาในเรือเอี้ยมจุ๊นที่แสนหรูหรูหราในโลกของ "Le Méridien" กันล่ะ











Latitude13-39 ชื่อบาร์ของเลอเมอลิเดี้ยนทั่วโลกนั้นคือ ละติจูดฮะ จะต่างกันแค่เลขลงท้าย จะเป็นที่อยู่จริงๆของเลอเมอลิเดี้ยนที่นั้นๆ อย่างที่นี่ในแผนที่โลกจะพิกัดอยู่ที่ ละติจูด 13-39  การตกแต่งก็ออกมาแนวเดียวกับลอบบี้  ครับ









ไม้ตายของนี่นี่นอกจากเครื่องดื่มที่สารพัด สาระเพ  แล้ว ก็คงหนีไม่พ้นเจ้านี่ "แอแคลร์" ครับ แอแคลร์ คือขนมซิกเนเจอร์ของ เลอเมอลิเดี้ยนทั่วโลก ไส้ที่เป็นไม้ตายของ Le Méridien Suvarnabhumi คือ แอแคลร์ ดอกบัว รสชาติเป็นยังไงนะเหรอ? รสชาติเอแคลร์ของตัวนี้จะออกหวานหอมแบบไทยๆ มีกลิ่นควันเทียนที่ไส้คสตาร์ดด้วย ส่วนหน้าที่เป็นรากบัวก็ทำจากรากบัวจริง กลีบเกสรบัวที่ตกแต่งก็ทานได้ด้วยครับ



จุดที่อยู่ถัดมาคือบิสซิเนสเซ็นเตอร์ฮะ  โดยรวมก็ไม่มีอะไรมากกก ตามรูปฮะ



นี่คงเป็นอีกจุดที่เพื่อนๆหลายคนคงอยากเห็นกัน สระว่ายน้ำครับ มีสระเดียว แอบเล็กกว่าที่ผมคิดไปสักนิด น่าเสียดายจัง หลังจากที่ได้ลองใช้บริการ สระโอเคเลยฮะ ว่ายเอาจริงจัง จะออกกำลังกายหรือ  ฝึกชิงแชมป์ไปซีเกมส์ได้อยู่นะ









เรามาสำรวจห้องพักกันบ้างดีก่า เลอเมอลิเดี้ยน ยังไงก็ยังเป็น เลอครับ ไม่ทิ้งความอาร์ท เน้นดีไซด์ และดูหรูหรา แต่แฝงไปด้วยความเรียบง่าย ( เออ... เหมือนจะขัดๆกัน ดูเข้าใจยากเนอะ)





ห้องน้ำ แยกโซนเปียกโซนแห้ง ได้เป็นอย่างดี ผมค่อนข้างรู้สึกโอเคกับห้องพักที่นี่นะครับ แต่ทำมั้ยไม่รู้ ผมรู้สึกเพดานมันเตี้ยไปหน่อยอ่ะ หรือผมรู้สึกไปเองหว่า



ของเด็ดของห้องนี้คือเจ้านี่ครับ ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบครบทุกหัว อาจจะดูไม่อล้าอลังเท่าที่โซ สิงคโปร์ แต่มันใช้ได้เลยนะครับ เป็นอีกหนึ่งอย่างเลยที่ผมอยากให้มีทุกโรงแรมเลย



และในส่วนที่ผมว่า นี่แหละคือไม้ตายของโรงแรมนี้ (ในตอนนี้) ตัวโรงแรม ห้องพัก สระว่ายน้ำ อาจมีขาดๆเกินๆ ยังไม่ลงตัวไปบ้าง แต่อาหารที่นี่เป๊ะได้อีกครับ ไม่ว่าจะมื้อไหนก็ต้องกราบกันเลยล่ะครับ

ขอเริ่มจากอาหารเช้ากันก่อนเลย



หลายๆเมนู ไม่น่าเชื่อเลยครับว่าจะมาโผล่ในไลน์อาหารเช้า

1 ยำสาหร่าย ยำแมงกระพรุน ซูชิปูอัด ไชท้าวดอง(ไอ้เนี้ยะ จำได้เลยผมซื้อกินที่ญี่ปุ่นทุกเช้าเลย 55555

2 เมนูไม้ตายของที่นี่คือ ครัวซองลาบปลาแซลม่อน กับออมเล็ตผัดไท ขอบอกเลยครับ เป็นเมนูที่ลงตัวมากกกก ประนมมือก้มกราบสวยๆกันเลยที่เดียว

3 วันที่ไปพักมีสตูว์เนื้อวัวตุ่นจนเปื่อย ปอเปี้ยะกุ้งทอด



ส่วนมื้อที่เป็น บุฟเฟ่ต์จะมีช่วงเย็นของวัน พฤหัส ศุกร์ เสาร์ ราคา 1500++ แต่เดี๋ยวก่อนครับ ใจเย็นๆ จากที่ได้ชิมมาทั้งมื้อเย็นและซันเดย์บลันช์ ผมขอกราบให้มื้อซันเดย์บลันช์แบบหมดใจเลยครับ 1800++ ใครที่เคยทานซันเดย์บลันช์ช่วงแรกๆของเซนรีจีส แล้วประทับใจ ผมยืนยันเลยครับว่าคุณจะประทับใจที่นี่แน่นอน เพราะเชฟใหญ่มาจากเซนรีจีส(ตอนช่วงเปิดบุฟเฟ่ต์ใหม่ๆเลยครับ)

เอาล่ะครับเราไปดู ไฮไลท์ของซันเดย์บลันช์ดีก่า ดูไลน์ ดูเชฟไปพลางๆกันก่อน











รวมซอฟดริ้งด้วยคร้าบบบบ มันดีตรงเน้ๆๆ



ไฮไลค์แรก หมูหัน ใครชอบทานบ้างครับ อ้วนๆกันไป



อาหารร้อนก็หน้าตาแอบไฮโซนะครับ



ซีฟู้ดเย็น ขอบอกเลยว่าสดมว้ากกกก กราบบบบบ



หอยนางรมจากฝรั่งเศส กินเดี๋ยวนั้น แกะเดี๋ยวนั้น



กริล ซีฟู้ด มีปลาหิมะ มีลอบเตอร์ด้วย (ได้คนล่ะครึ่งตัว) ซีฟู้ดสดมากกกกกกกกกกก  กราบกันเลย สดทุกอย่างจริงๆ ไม่ได้อวยนะ



เนื้อวากิว เนื้อแกะ ของคุณภาพเยี่ยม เกรดพรีเมี่ยม ส่วนหมู ไก่ ก็โอเคนะ



ฟรัวกราคือไม้ตาย อีกอย่างที่ห้ามพลาด ชอบที่นี่ให้ทานกับผลไม้สด หลากหลาย วันที่ไปผลไม้ที่ทานด้วยเป็นกล้วย และเหล่าเบอรี่แสนอร่อย





ส่วนปลาดิบก็ไม่น้อยหน้า เพราะใช้ปลาแซลม่อนสด แถมมีหอยเชลสด โฮตาเตะจากฮอกไกโดให้ด้วย แซ่บบบบบ



ส่วนไอศครีมมีทั้งโฮมเมด และ ของนิวซีแลนด์ อย่างในภาพคือ ไอศครีมโฮมเมดโกจิเบอรี่



ปิดท้ายกันทีขนมเบอเกอรี่แสนอร่อยจากเชฟเอ๋ ขอบอกเลยว่าอร่อยทั้งรสชาติ และ การตกแต่งขนม ส่วนคนทำขนมก็แซ่บได้ทีอยู่นะ




เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในราคา 2100++ (ฟรีโฟลต้องจ่ายเพิ่มอีกนิด)



ส่วนใครไม่ค่อยอยากจัดหนัก แนะนำให้ลองเมนูอลาคาร์ต กันดีกว่า ถ้าไม่กินบุฟเฟ่ต์ทานอะไรดี ?



ขอบอกเลยว่าอาหารที่นี่หน้าตาไฮโซและอร่อยมากกกกกก การจัดจานเหมือนร้าน fine dining มิมีผิดเพี้ยน เมนูนี้ สเต็กแกะครับ เมนูนี้ผมเฉยๆฮะ เนื้อแกะไม่มีกลิ่นนะ แต่เนื้อวัวที่นี่อร่อยกว่า 55555



จานนี้ปลาซาบะกับตับห่าน จานนี้เล่นเอากราบกันเลยครับ อร่อยลงตัวมากกกกก ทานกับมะม่วงสด อร่อยแบบเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม



ธรรมดาเมนูนี้ธรรมดาที่อื่น จะติดจืดๆมันๆ แต่ที่นี่มีรสชาติจากตัวซอสและงาช่วยเสริมรสชาติให้จานนี้



มิวเฟย สตรอเบอรี่ เมนูอาจจะดูต่างจากมิลเฟยที่อื่น เพราะ ตัวครีมเป็มูสรสสตรอเบอรี่ ข้างบนเป็นครีมเลม่อน อร่อยมากกกก



ปิดท้ายที่คุกกิ้งคลาสที่ไม่เหมือนใคร เพราะที่นี่สอนทำขนมคร้าบบบบ มีใครอยากเรียนทำขนมบ้างยกมือขึ้น





ช่วงหน้าร้อนนี้จะมีเอแคลร์รสใหม่มาให้ลองทำ ลองชิม กันด้วยครับ สามตัวนี้คือเมนู เอแคลร์คอกเทลครับ ถึงจะชื่อว่า คอกเทล แต่แอลกอฮอ ก็โดนเผาไปหมดแล้ว จึงเหลือแต่กลิ่นครับ ใครกลัวจะเมา ไม่ต้องกลัวนะคร้าบบบบ

สีขาว พีนาโคลาด้า ไส้จะเป็น คัสตาร์ดกะทิ กับสัปะรด

สีเขียว โมฮิโต้ ไส้จะเป็น คัสตาร์ด กับใบมินท์

สีเหลือง มาลิบู แพชชั่นฟรุ๊ต ไส้จะเป็น คัสตาร์ด และกลิ่น เสาวรส



ส่วนการจองที่ จะไปพักที่ Le Méridien Suvarnabhumi ช่วงนี้อโกด้ามีโปรลดราคาอยู่นะครับ มีใครสนใจก็ลองเสริชหาข้อมูลดูกันนะ






Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 26 กันยายน 2558 23:08:37 น.
Counter : 16966 Pageviews.

492 comment
ที่สุดของนายพัก...สบาย กับ 5 โรงแรมในพระนคร
1.โรงแรมที่หรูหราและทำเลดีที่สุดสำหรับการชอปปิ้ง

Siam Kempinski Hotel

คือโรงแรม 6 ดาว ที่ตกแต่งได้หรูหราอลังการดาวล้านดวง หรูและอลังจนมีข่าวลือกันว่า โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมเดียวในประเทศที่ใช้กรมศิลป์ตกแต่ง ทุกย่างก้าวที่เดิน เหมือนประหนึ่งเดินอยู่ในพระราชวังสักที่นึง.... เรื่องย่านทำเลที่ตั้ง ก็คงไม่มีที่ไหนดีกว่าที่นี่อีกแล้วครับ ใจกลางย่านสยามสแควร์เลย เพียงแค่ 1 นาที สำหรับการเดินข้ามไปเดินลั้นลาที่สยามพารากอนครับ จะเอาอะไรล่ะ สารพันบันเทิง สารพันของกิน สารพันแหล่งชอปปิ้งที่เรียกว่าผนึกไปกับโรงแรมเลยก็ว่าได้

ป.ล. ใครอยากรู้ว่าทำมั้ยที่นี่ถึงดู อลังการประหนึ่ง พระราชวังของพระราชา ได้ขนาดนี้ ลองถามอากู๋ ดูครับว่า หุ้นส่วนใหญ่คือใคร













2.โรงแรมริมแม่น้ำที่วิวดีที่สุด

sala rattanakosin

ถ้าพูดถึงวิวริมแม่น้ำ เชื่อว่าคงไม่มีที่ไหนจะสวยกว่าวิวที่เป็นดั่งซิกเนเจอร์ของพระนคร "วัดอรุณ" แล้วที่ศาลารัตนโกสินทร์นี่ก็อยู่ตรงข้ามวัดอรุณ พอดี้ พอดี คงไม่ต้องบอกนะครับว่าวิวจะสวยงามขนาดไหน

ศาลารัตนโกสินทร์ ถือเป็น 1 ใน 3 คอลเลคชั่นของ ศาลาบูทิค โฮเทล คอนเซ็ปของโปรเจคนี้ถูกวางไว้ 3 ที่ 3 อณาจักร 3 วัฒธรรมที่แตกต่างแต่ทั้งหมดจะถูกเชื่อมด้วยแม่น้ำสายหลักของสยามประเทศ

ศาลารัตนโกสินทร์ ถูกนำมาตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาย่านพระนคร สื่อถึงความรุ่งเรืองแห่งราชธานีล่าสุดของสยามประเทศ

ศาลาล้านนา ถูกนำมาตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำปิง สื่อถึงความงดงามอ่อนช้อย ความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและวัฒนธรรมที่น่าหลงไหลของอณาจักรล้านนา

ศาลาอยุธยา ถูกนำมาตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง สื่อถึงความยิ่งใหญ่กับราชธานีที่เคยเปรียบดังพยัคฆ์แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา











3.โรงแรมแฟชั่นโฮเทลที่มีวิวสวยทีสุด

So sofitel

ถือเป็นโรงแรมแฟชั่นโฮเทลเต็มรูปแบบจริงๆด้วยคอนเซ็ปของตัวโรงแรมที่เปรียบดั่งต้นไม้ของโลกใบนี้ ต้นไม้ต้นนี้ถูกสร้างขึ้นด้วย 5 ธาตุศักด์สิทธิ์ ดิน น้ำ ไฟ โลหะ และ ไม้ โดย กระจายธาตุต่างๆไปเป็นแรงบรรดาลใจของห้องพักต่างๆโดยใช้สถาปนิกที่มีชื่อเสียงถึง 4 บริษัท เพื่อไม่ให้รูปแบบของห้องออกมาซ้ำแบบกันเลย ส่วน 1 ธาตุที่เหลือ เป็นแรงบรรดาลใจของ ห้องอาหาร คือธาตุไฟนั้นเอง นอกจากไอเดียของโรงแรมจะบรรเจิดเพริดพริ้งแล้ว วิวจากห้องพักและสระว่ายน้ำ ก็เรียกว่าฆ่าโรงแรมอื่นกันได้เลยทีเดียว















4.โรงแรมที่มีวิวจากสระว่ายน้ำสวยที่สุด

Sofitel So  &  hotel indigo

ขอควบตำแหน่งนี้ให้ So sofitel ด้วยนะครับ เพราะความงามของวิวจากสระว่ายน้ำเรียกว่ากินกันไม่ลงจริงๆ



hotel indigo

โรงแรมน้องเล็กล่าสุดในเครือ IHG เอาตรงๆนะครับคอนเซ็ปของที่นี่จะออกไปทางแฟชั่นโฮเทลนั้นแหละ แต่ ยังไม่สุดทางเท่าที่ Sofitel So ที่นี่ปรับลงมาให้ซอฟลงเพื่อจะรองรับกับทุกกลุ่มตลาดที่เพศทุกวัยมากกว่า คอนเซ็ปของโรงแรมคือต้องวการสื่อออกมาให้แขกที่มาเข้าพักได้สัมผัสกับเรื่องราวของถนนวิทยุในสมัยก่อน อะไรคือถนนวิยุ ถนนวิทยุมีดีอะไร ส่วนตัวโรงแรมเองก็สวยดีครับ แต่ถ้าเทียบลูกเล่นกับที่ Sofitel So ผมว่ายังเทียบกันไม่ได้นะ แต่ถ้าเทียบวิวจากสระว่ายน้ำของที่นี่กับ Sofitel So ขอบอกเลยว่ากินไม่ลงทีเดียว แต่วิวของที่นี่จะดูเป็นซิตี้วิวหรือป่าตึกที่ดูใกล้ชิดมากกว่า โดยเฉพาะกลางคืน งดงามเกินบรรยายทีเดียว











5.โรงแรมที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปที่สุด

บ้านดินสอ 2

ด้วยทำเลที่ตั้งกับราคาที่เริ่มต้นไม่ถึง 1000 บาท และห้องทีอยู่ในรีวิวก็ราคาเพียง 1900 บาท วิวแบบนี้เมื่อเทียบกับราคาไม่มีอะไรจะคุ้มกว่านี้แล้วครับ แถมตัวโรงแรมยังอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับ อารามหลวงชั้นพิเศษถึง 7 แห่ง (วัดราชประดิษฐ์ วัดราชบพิธ วัดโพธิ วัดสุทัศน์ วัดสระเกต วัดอรุณ วัดบวรนิเวศ ) วัดพระแก้ว พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ โลหะปราสาท พิพิธภัณฑ์รัตนโกสินทร์  หรือแม้แต่ ถนนข้าวสารก็อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ส่วนเรื่องที่กินแถบนี้ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้ที่อื่นๆ มีทั้ง ร้านอาหารดังๆหลายร้านบริเวณศาลาว่าการกรุงเทพฯ ย่านสามแพร่ง ย่านท่าพระอาทิตย์ ท่าพระจันทร์ บางลำภู ฯลฯ (แถมไม่ไกลจากย่านเยาวราชมากนักอีกด้วย) 














Create Date : 30 ธันวาคม 2557
Last Update : 5 มกราคม 2558 21:32:55 น.
Counter : 6260 Pageviews.

1 comment
Eastin Grand Hotel Sathorn Bangkok



กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องผองเพื่อนพักสบายทุกคนนนนนน วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งโรงแรมในกรุงเทพฯกัน โรงแรมแรมนี้อาจไม่ใช่โรงแรมแบรนด์ห้าดาวหรูหราจากเชนเมืองนอก แต่จากที่ผมได้สัมผัสมาขอบอกเลยว่าโรงแรมนี้มีอะไรดีไม่แพ้เชนเมืองนอกอย่างแน่นอน เอาล่ะครับอย่าไปเสียเวลาเลย เราไปดูกันดีกว่า ที่นี่มีอะไรน่าสนใจ



ขอเริ่มเรื่องจากทำเลกันก่อนเลย ในความร้สึกผม ทำเลโรงแรมนี้ถือว่าโอเคมั่กๆ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่กลางเมืองอย่างย่านสยาม สีลม หรือสุขุมวิท แต่ทำเลตรงนี้ก็ถือว่าเป็นย่านธุกิจกลางเมืองอีกจุดที่สามารถเชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆได้ โรงแรมตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดื์เลย แถมยังมีทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมต่อเข้ามาที่ตัวโรงแรมอีกด้วย สะดวกมากมายจริงๆ



ถ้าใครพักที่นี่ จะไปไหนมาไหนนั้น ก็สะดวกมากมายเพราะรถไฟฟ้าช่วยท่านได้เสมอ ไปสีลม 7 นาที ไปสยาม 15 นาที ไปอโศก 25 นาที ไปสะพานตากสิน 7 นาที ผมว่า โอเคมั่กๆเลยนะ



เอาล่ะครับเราเข้าไปสำรวจ จุดต้อนรับแรกกันก่อนเลย รักโรงแรมเมืองไทยก็ตรงเนี้ยะ ลอบบี้เวอร์วังอลังการได้อีก เพดานสูงโปร่ง ประดับประดาด้วยโคมไฟคริสตัลสวยหรู ขอบอกเลยครับว่า ดูดีมีสกุลรุนช่องเป็นที่สุด



ที่ลอบบี้จะมีบาร์อยู่หนึ่งบาร์ชื่อ สวิซเซิลส์ ผมยังไม่ได้ใช้บริการนะ ไม่รู้ขายอะไรบ้าง แต่ดูจากบรรยากาศแล้วขอบอกเลยว่า อล้าอลังได้อีก ชอบโคมระย้าคริสตัลที่เป็นเหมือนดาวระยิบระยับข้างบนนั้น






เอาล่ะครับเวลามีน้อยไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบเช็คอินแล้วเอาเป๋าไปเก็บบนห้องดีกว่า เอาตรงๆห้องที่นี่ก็มีอยู่ไม่กี่แบบหรอกครับ เราไปดูรูมไทพ์แรกกันก่อน

SUPERIOR
ซูพีเรีย (ราคา 2889++)

ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่โตอะไร มีวิวให้เลือก 2 แบบวิวนึงฝั่งแยกช่องนนทรี วิวอีกฝี่งเป็นริเวอร์วิว(ลิบๆ)เห็นพระอาทิตย์ตกครับ

ฝั่งนี้คือวิวทางถนนสาธร มองไปทางช่องนนทรีครับ
SUPERIOR
SUPERIOR



ห้องระดับเดียวกันฝั่งนี้คือวิวทางสะพานตากสิน เป็นวิวพระอาทิตย์ตกด้วยครับ



ส่วนห้องน้ำเล็กกระทัดรัด แต่ไม่อึดอัด แบ่งสัดส่วนการใช้งานอย่างชัดเจน ชอบตรงเนี้ยะ



แต่ที่คัดใจ ไม่มีสายชำระ เคืองงงงงงงง



Premium Deluxe มันคือห้องหัวมุมตึกแหละครับ หลายๆอย่างดูลงตัวนะ ห้องใหญ่แบ่งสัดส่วนการใช่งานอย่างดี



มีมุมห้องทำงานที่แยกส่วนไปจากห้องนอน อันนี้ขอบอกว่าเริ่ดมากก



ส่วนห้องน้ำกว้างได้โล่ห์ โล่งได้ใจ น่าชวนเพื่อนๆมาตั้งวงทบทวนคณิตศาสตร์จริงๆ



ห้องน้ำห้องนี้ยังเป็นจุดชมอาทิตคย์อัสดงด้วยครับ อาบน้ำไปดูพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป สุขไหนจะฟินเท่า แต่ก็ยังเคืองเหมือนเดิม คือ ห้องน้ำไม่มีสายชำระ เคืองงงงงงงงง



ส่วนชุดอเมนนิตี้จากห้องน้ำนี้ให้มาเยอะมากกกกก  มีทั้งเกลือสปามีทั้งมิลล์บาธ (ไม่เคยเจอจากโรงแรมไหน) ฟินนนน จ้าาาา





เอาล่ะครับเราไปดูสระว่ายน้ำกันบ้าง ถึงสระจะไม่ได้มีขนาดใหญ่แต่วิวนี่เรียกว่า ฟินเวอร์ๆ ถือเป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกดินของโรงแรมเลยก็ว่าได้





ห้องฟิตเนสชั้น 14 ชั้นเดียวกับที่สระว่ายน้ำนี่แหละ ใครอยากฟิตเชิญครับ



เอาล่ะครับ มาถึงเรื่องเด่นของที่นี่กันบ้างนั้นคือเรื่องของอาหาร ห้องอาหารที่ดังที่สุดของที่นี่คงหนีไม่พ้นห้องอาหารจีนของเชฟแมนแน่นอน ดังไปถึงเมืองนอกเมืองนา ดังไม่เกรงใจโรงแรม 6 7 8 ดาว ถ้าจะมากินอาหารจีนที่นี่ มีเงินอย่างเดียวไม่ได้กินนะจ้าาาา ต้องจองคิวกันเป็นเดือนๆเลยล่ะงานนี้

ป.ล. และเป็นแน่นอน ผมยังไม่มีโอกาสได้ชิม เพราะคิวมันแน่นมว้ากกกกก กำตังไปจ่ายยังไม่ได้กินเลยจ้าาา




เมนูไม้ตายของที่นี่คือซาลาเปาลาวาแสนขึ้นชื่อ ลือกันไปสามบ้านแปดบ้าน



และเป็ดปักกิ่งที่แยกการหั่นมาสามแบบ ได้ข่าวว่า เครื่องย่างเป็ดราคา 800000 ฟังแล้วจะเป็นลม



ห้องอาหารกลาสเฮ้าส์ ห้องอาหารบุฟเฟ่หลักของที่นี่ บรรยากาศโดยรวมดีนะ แต่วิวไม่ค่อยจะมี





อาหารเช้าเราก็ทานที่นี่แหละครับ



โดยรวมแล้วสำหรับคุณภาพอาหารเช้าผมให้ผ่านนะ เรื่องรสชาติ ก็สไตล์โรงแรม4-5 ดาวอ่ะครับ ส่วนใครหวังจะมาชิมซาลาเปาลาวาที่นี่ ขอบอกเลยนะว่าไม่มีจ้า เชิญไปต่อแถวที่ห้องอาหารเชฟแมนเหมือนเดิมล่ะกันครับ




ส่วนบุเฟ่ต์มื้อ Grand Weekend Buffet  ของ Eastin Grand Bangkok อาจไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ที่ดีที่สุดในสายตาผม แต่ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งบุฟเฟ่ต์ที่เรียกว่าคุ้มค่าที่จะมาลองครับ ยิ่งเป็นวันอาทิตย์ด้วยแล้วผมว่าคุ้มมากกกก เพราะโรงแรมอื่นราคาไปไกล 2500 - 3000 กันแล้ว

ด้านวัตถุดิบ ยอมรับครับเลือกไอเทมมาลงไลน์ได้ดีทีเดียวถึงเมนูจะไม่ได้เยอะมากล้น แต่ทุกอย่างดูเป็นเมนูที่ทานได้จริงและน่ากินมากๆ 

ด้านรสชาติและความสดของอาหาร  อาจไม่ได้ถูกปากผมทุกอย่าง แต่ผมให้ผ่านครับ โดยรวมรสชาติดี และ ความสดของอาหารโอเคเลยครับ

เชิญทัศนาที่ลิงค์นี้




ห้องอาหารสุดท้ายชื่อห้องอาหาร ลูเช่ เป็นห้องอาหารอิตตาเลี่ยน (ซึ่งเป็นอาหารที่ผมไม่ถนัดเลย) เปิดเฉพาะมื้อค่ำ บรรยากาศสลัวๆ







ขอเริ่มจากของฟรีครับ มีเสริฟทุกโต๊ะ ดูธรรมดาๆ แบบนี้อร่อยนะจ๊ะ ขนมปังโฮมเมดคุณภาพเยี่ยม



เมนูไม้ตายของห้องอาหารนี้ได้แก่ เนื้อแกะครับ เป็นอีกโรงแรมที่ทำแกะได้อร่อยมว้ากกกกกก ไม่สาปสักนิด ขอกราบบบบบ



ส่วนเมนูนี้กุ้งมังกรกับแฮมที่ทำจากมันหมูล้วนๆ ตัวกุ้งก็อร่อยอยู่แล้วครับ แต่แฮมมันหมูนี่จิ ผมว่าเลี่ยนไปนะ T__T โดยรวมผมไม่ค่อยถูกปากกับเมนูนี้



ส่วนห้องอาหาร คลับเอกครูซีฟเลาจน์ เปิดบริการสำหรับแขกที่เข้าพักเท่านั้น สำหรับผู้ที่ต้องการอภิสิทธิเหนือระดับ เชิญซื้อคลับเบเนฟิตครับ สิ่งที่จะได้คือ

1.ห้องในฟลอสูง วิวสวย
2.สิทธิในการเข้าคลับเอกครูซีฟเลาจน์
3.อาหารเช้า ขนมเครื่องดื่มแบบไม่อั้นระหว่างวัน อาหารเย็นแบบมินิบุฟเฟ่ต์พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมาย
4.ซักเสื้อพรี 3 ชิ้น

พาชมบรรยากาศคลับเอกครูซีฟเลาจน์ กันนะครับ







วิวจากคลับครับจะเป็นวิวนี้ งามอลังแท้ๆ



ส่วนไลน์มินิบุฟเฟ่ต์มื้อเย็น ดูไว้ประกอบการตัดสินใจ







สรุปปิดท้ายกันสักนิด

สำหรับผมแล้ว Eastin Grand Hotel Sathorn Bangkok อาจไม่ใช่โรงแรมที่ดีที่สุดในพระนครเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ แต่ด้วยราคา ทำเล และเรื่องความสะดวกการเดินทางแล้ว ถ้าใครสะดวกเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้ว ผมว่าที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่ากับเงินที่จะจ่ายไปพักอย่างแน่นอน เพราะห้องดี วิวสวย สระว่ายน้ำก็วิวสวย อาหารเช้าคุณภาพ ส่วนเรื่องร้านอาหาร คงไม่ต้องพูดถึงเพราะความดังของห้องอาหารจีนเชฟแมนนั้นดังไปถึงเมืองนอกเมืองนา ตอนนี้ก็เล่นเก้าอี้ดนตรีแล้วอ่ะ ส่วนห้องอาหารที่ผมว่าคุ้มที่สุดคงจะเป็นที่ห้องอาหาร กลาสเฮาส์ Grand Weekend Buffetครับ เพราะเมื่อเทียบกับซันเดย์บลั้นช์โรงแรมอื่นๆที่นี่ ราคาเต็มจะอยู่1650บาทเน็ต แต่เห็นเคยมีเปิดโปรอยู่ที่ 999 บาทรวมน้ำ (หาซื้อได้จากงานท่องเที่ยว) ผมว่าคุ้มค่าคุ้มราคาที่จะไปทานมว้ากกกก

ข่าวประชาสัมพันธ์

ดื่มด่ำกับไวน์สัญชาติอิตาเลียนระดับตำนาน และอาหารอิตาเลียนขนานแท้ กับ LUCE'S 5 SENSES WINE DINNER


ห้องอาหารอิตาเลียน ลูเช่(LUCE)โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร จับมือ ไร่ไวน์ลูเช่ เดลลา วิเต้ ไร่ไวน์ระดับตำนานแห่งอิตาลี เสนอ “ลูเช่ ไวน์ดินเนอร์”

คืนเดียวเท่านั้น ให้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของคุณได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งอิตาลี ผ่านอาหารชั้นเลิศที่คัดสรรและปรุงโดย เชฟชาวอิตาเลียน เอโดอาร์โด้ โบนาโวลต้า เชฟผู้มากด้วยพรสวรรค์ 5 จาน คู่กับไวน์ชั้นดีจากอิตาลี เคียงคู่อาหาร 5 แก้ว

 ในวันพฤหัสที่ 20 พฤศจิกายน 56 เวลา 19.00 .

ท่านละ 7,500 บาท สำหรับอาหารและไวน์ 5 คอร์ส

***พิเศษ ทุกท่านที่ร่วมงานจะได้รับ ไวน์ลูเช่ กลับบ้าน เป็นของขวัญจากทางโรงแรมฯ ท่านละ 1ขวด(มูลค่า 9,500บาท)



Create Date : 24 ตุลาคม 2557
Last Update : 22 ธันวาคม 2557 11:57:31 น.
Counter : 9324 Pageviews.

201 comment
1  2  3  4  

Paksabuy
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 340 คน [?]



free counters
Free counters