L'appart @sofitel sukhumvit Bangkok

วันนี้นายพักสบายจะพาเพื่อนๆมาทานอาหารหรูย่านใจกลางถนนสุขุมวิทกันนะครับ ถ้าพูดถึงอาหารที่หรูหราที่สุดในโลกใบนี้เพื่อนๆคิดถึงชาติไหนครับ สำหรับผม อาหารที่หรูหรา ไฮโซววววว มีชาติตระกูล และ ดูเป็นผู้ดี้ผูดีที่สุด คงหนีไม่พ้นอาหารฝรั่งเศสแน่นอนครับ Bonjour ( บง ชูร์ ) มาครับเรามาเติมชีวิตด้วยความหรูหราแบบ Life is magnifique กับที่นี่กันดีกว่าครับ Sofitel Bangkok Sukhumvit


จากแผนที่นำร่องแล้ว โรงแรมนี้พิกัดจะอยู่ใกล้กับแยกอโศก เพราะฉะนั้นไปมาง่ายเสมอด้วย BTS หรือ MRT ได้หมดครับ



โรงแรมไม่ได้อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินนะครับ ต้องเดินมานิดหน่อยเท่านั้น



มาถึงแล้วเราก็ดุ่ยๆๆเข้าไปเลยครับ กดลิฟชั้น 32 โลดดดดดด ปิ้งป่องงงงงงง ลิฟเปิดแล้วครับ ห้องอาหารL'appartจะเปิดให้บริการช่วงเย็นเท่านั้น เวลาเปิดก็จะประมาณ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป มาๆๆๆ มากับผม เดี๋ยวพาเดินชมบรรยากาศรอบๆก่อนนะครับ ห้องอาหารนี้แปลกไม่เหมือนห้องอาหารที่ไหนแน่นอน เพราะห้องอาหารออกแบบเป็นอพาตเม้นท์หรูหราสไตล์ฝรั่งเศส แบ่งสัดส่วนการตกแต่งได้อย่างกิ๊บเก๋ยูเรก้าไม่ซ้ำใคร



ขอเริ่มจากจุดแรก บาร์ บาร์ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ้านเพื่อน หรือ อพาตเม้นท์อันแสนหรูหราขอเศรษฐีสักคน บรรยากาศที่บาร์นี้ว่าเริ่ดแล้ว แต่ความเริ่ดมันไม่ได้จบแค่ที่บาร์เพราะว่า วิวจากระเบียงที่บาร์นี้ก็เรียกได้ว่า อลังไม่แพ้ ข้างในบาร์เลยครับ ใครชอบวิวพระนครจากมุมสูง ผมว่าคุณคงปลื้มที่นี่แน่ๆ เครื่องดื่มที่นี่เริ่มต้นที่ 280 บาทเน็ต







เดินถัดมาสักนิดไปยังห้องลีฟวิ่งรูมของที่นี่กันดีกว่า ห้องรับแขกที่นี่ถูกจัดเป็นห้องอาหารเล็กๆน่ารักๆ  ตามสไตล์ฝรั่งเศส  ขอดีของห้องอาหารส่วนนี้คือการวางโต๊ะที่ไม่แออัดกันจนเกินไป บรรยากาศร้านออกแนวห้องรับแขกของบ้านเพื่อนเศรษฐีแสนไฮโซวววว







ส่วนนี้คือห้องสมุดของที่นี่ครับ แต่ความเก๋อยู่ที่มุมนี้เป็นห้องอาหารในห้องสมุดครับ ใครที่เป็นหนอนหนังสือ ชอบบรรยากาศห้องสมุดแบบคลาสสิคๆ และฝันอยากทานอาหารมื้อพิเศษกับคนรู้ใจในบรรยากาศแสนคลาสสิคแบบนี้ ฝันเป็นจริงแล้วครับ









ส่วนสุดท้าย ห้องอาหารในห้องครัว ใครที่ชื่นชอบการนั่งทานอาหารไปพร้อมนั่งชมเชฟปรุงทำอาหารกับเตา Le cornue (เตาอบสไตล์ฝรั่งเศส) ไปตามสไตล์เชฟเทเบิ้ล ผมว่าจุดนี้คุณได้หลงแน่ๆ





ภาพเดินชมมาซะรอบเราเข้าฐานที่ตั้ง ทานอาหารกันดีกว่าครับวันนี้ผมมีเมนูใหม่มานำเสนอด้วยครับ เป็นเมนูใหม่เพิ่งออกได้ไม่นานนี้เอง



จานแรก เริ่มกันด้วยของเบากันก่อน จานนี้ King Crab Decrination ตามลักษณะทางกายภาพของมันแล้วมันคือ สลัดปูอลาสก้า ปูอลาก้าต้ม และราวิโอลี่ปูอลาสก้า รสชาติ แจ่มมากทั้งสามตัว สามารถสื่อถึงความสดของปูอลาสก้าได้เป็นอย่างดี 900++
เริ่มจากปูอลาก้าต้ม ถึงแม้จะติดเค็มไปนิด แต่รสปูยังไม่หายไปไหน รับรู้ได้ถึงความอร่อยของปูอลาสก้าได้ดีจริงๆ (ตั้งแต่กินปูอลาก้ามา ยังไม่มีที่ไหนไม่เค็มเลย อย่างน้อยก็ต้องติดเค็มนิดๆมาอยู่ดี)

สลัดปูอลาสก้า รสจัดจ้าน เปรี้ยวหวานหอมขึ้นมาสักนิด ปรุงปูได้ดีครับ ไม่เสียรสปูไปเลย แถมชูรสด้วยไข่ปลาแซลม่อน ทานคู่กับครีมสลัดหมึกดำที่มาในรูปแบบมูส แปลกใหม่ทีเดียว

ราวิโอลี่ปูอลาสก้า คงต้องยอมรับในสามตัวนี้ผมทึ่งตัวนี้ที่สุด ตามทำธรรมดาไม่ค่อยปลื้มกับเจ้าเกี้ยวฝรั่งเศสนี่สักเท่าไหร่ แต่อันนี้หลังจากเอาเข้าปากเคี้ยวหมับๆไปแล้ว ต้องหันกลับไปส่องดูไส้เลยครับ ปูเป็นปูจริงๆครับ อร่อยมาก

ป.ล. ตั้งแต่ทานอาหารฝรั่งเศส อาหารอิตเลี่ยนมา ผมให้ที่นี่แหละครับเป็นร้านอาหารที่พรีเซนท์จานอาหารได้สวยที่สุด ถึงแม้บางอย่างจะกินไม่ได้ แต่มันชวนว้าวมากๆๆๆ สมเป็นอาหารฝรั่งเศสเลยครับ





จานถัดมา Porcini Veloute bacon foam & cream cheese tartine ตามลักษณะทางกายภาพของมันแล้วมันคือ ซุปเห็ดเบคอนกรอบจ้า จานนี้มัน Wowwwwwมากกกกกกกกก เริ่มตั้งแต่ตอนเสริฟเลยครับ มันสวยเวอร์อีกล่ะ เชฟบอกว่านอกจาชามและหญ้าเทียมนอกนั้นทานได้หมดครับ ต่อหลังหลังจากตักซุป ลักษณะของซุปค่อนข้างข้นมากทีเดียว ไม่เหมือนที่ไหนๆ หลังจากตักเข้าปากแล้ว โอ้วววววว แม่เจ้า นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าซุปเห็ดในตำนาน มันเข้มข้น กลมกล่อม อูมามิเหลือเกิน ยิ่งทานคู่กับเบคอนกรอบที่โรยมาด้วยแล้วนั้น ขอบอกว่า ที่สุดจริงๆครับ ปลื้มมมมมมมมมม 500++





จานนี้ steamed snow fish king crab  black ink risotto & tom kha Flavoured ตามลักษณะทางกายภาพของมันแล้วมัน ตามชื่อเลยครับ ปลาหิมะนึ่งกับปูอลาสก้า ทานกับ รีซอตโต้หมึกดำ รสต้มข่า ใช่ครับ ต้มข่า อ่านไม่ผิดหรอกครับ ขอพูดประโยคยอดฮิตของผมหน่อยนะครับ "ตั้งแต่ทานปลาหิมะมา ยังไม่เคยมีที่ไหนเลยทำปลาชนิดนี้ไม่อร่อย" รสชาติความอร่อยปลาหิมะจึงไม่ต้องเอ่ยถึง นึ่งมาได้สุกกำลังดี  ข้าวรีซอตโต้ต้มข่าหมึกดำนี่สิ แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร รีซอตโต้หมึกดำก็ว่าแปลกแล้ว เจอต้มข่าเข้าอีก ไอเดียบรรเจิดดีแท้ รสอาจจะไม่ต้มข่าแบบไทยสักทีเดียวเพราะแอบขาดรสเผ็ดนิดๆไป แต่รับรองคำแรกที่คุณชิมคุณต้องอุทานออกมาว่า นี่มันต้มข่านิน่า 1100++





ปิดท้ายที่ขนมหวานจานนี้  ขอบอกว่าไม่ค่อยปลื้มอะไรนะครับกับจานนี้ ธรรมดาจะปลื้มพวกเบอรี่และ ชอคโกแลตมากกว่า จานนี้ ตามลักษณะทางกายภาพของมันแล้วมันคือ คุกกี้ซินนามอนกับลูกฟิคเชื่อมน้ำผึ้ง ทานกับไอศครีมมาชเมลโล่โฮมเมดและสตอเบอรี่ซอส คุกกี้ให้อารมณ์คล้ายๆ คุกกี้พริกของภูเก็ตอ่ะลักษณะคล้ายๆกัน แต่ไม่แข็งเท่า ไม่เผ็ดและมีกลิ่นอบเชยอ่อนๆ ลูกฟิกที่ชอบเสริฟมาพร้อมกับชีสต่างๆน่าๆ งานนี้เอาไปเชื่อมกับน้ำผึ้งโครงการหลวง หวาน หอม อร่อย ทีเดียวครับ ไอศครีมมาชเมลโล่โฮมเมด อร่อยแบบไม่ต้องสืบอะไรเพิ่มเติม (แต่รสแอบเหมือนไอติมวนิลลานะ) ส่วนซอสตอเบอรี่ ก็ซอสสตอเบอรี่อ่ะ ไม่มีอะไรว้าวเป็นพิเศษ 380++



แถมมอคเทล ให้สองแก้วครับ รสชาติออกเปรี้ยวหวาน ชื่นใจ สองแก้วนี้ผมชอบ สีแดงแรงฤทธิ์มากกว่าคงไม่ต้องบอกนะว่ามีส่วนผสมหลักเป็นอะไร ส่วนอีกแก้วก็แอปเปิ้ลมินท์อ่ะครับ



ส่วนใครที่ได้นั่งในโซนห้องครัว Le cornue จะได้เห็นเชฟรูปหล่อคนนี้ลงมือปรุงอาหารเองกับมือ อารมณ์เหมือนเชฟเทเบิ้ล ด้วยครับ ขอบอกว่าดูโปร เนี้ยบ  และละเอียดอ่อนกับการปรุงและตกแต่งอาหารมากครับ ยอมรับเลยครับ เห็นแล้วทึ่งจริงๆ







สรุปสักเล็กน้อยก่อนจากกัน

เอาสั่นๆง่ายๆ การจัดจานชวนว้าว อาหารอร่อยเริ่ด บรรยากาศหรูหรา ราคาแอบแรง ดั่งคุณค่าที่คุณคู่ควร

ไว้พบกันใหม่ทริปหน้านะครับ แล้วมาดูกัน นายพักสบายจะพาไปลั้นลาที่ไหน

Create Date : 17 กันยายน 2556 Last Update : 26 กันยายน 2556 20:35:24 น. Counter : 12347 Pageviews.		1 comments
Share Tweet