[HOW TO] Strawberry Yogurt mousse แบบไม่ต้องตีวิปครีม

 [HOW TO] Strawberry Yogurt mousse




จุดเริ่มต้นของเมนูนี้ คือ อยากทำเมนูที่ใช้สตอเบอรี่เป็นส่วนผสม ทำได้ไม่ยาก และก็เป็นเมนูที่ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ทำได้

หลังจากลองหาหลายๆเมนู หลายๆสูตร 

สุดท้ายก็มาลงตัวที่ Strawberry Yogurt Mousse สูตรของ Ochikeron ค่ะ (เสิร์ชดูในยูทูป)

ที่เลือกสูตรของคนนี้ เพราะใช้แค่เครื่องปั่น และส่วนผสมทั้งหมดในสูตรก็มีพร้อมแล้ว


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ส่ ว น ผ ส ม


สตอเบอร์รี่ที่เราใช้เป็นแบบแช่แข็ง ใช้ครึ่งถุง (ประมาน250กรัม) 











ขั้ น ต อ น 




ปั่นสตอเบอร์รี่ให้ละเอียด 




ตักแยกไว้ส่วนหนึ่งไว้ราดตกแต่งและเพิ่มรสชาติ



นำวิปครีมส่วนหนึ่งไปอุ่น (เพื่อนำมาเป็นตัวละลายน้ำตาลและเจลาติน)





ใส่น้ำตาล และเจลาตินแผ่นที่แช่น้ำแล้ว และคนให้ละลาย




จากนั้นใส่วิปครีมในสตอเบอรรี่ที่ปั่นแล้ว (รวมถึงวิปครีมส่วนที่ใส่น้ำตาล+เจลาตินด้วย)




ปั่นจนเนื้อเข้ากันดี




เทใส่ภาชนะ แล้วเเช่เย็นจนส่วนผสมจับตัว




เมื่อมูสเซทตัวดีแล้ว

นำสตอเบอรี่ที่ปั่นแล้วที่เราตักแบ่งไว้ เทด้านบนเพื่อตกแต่งให้สวยงาม






หรือจะทานแค่ตัวมูสเปล่าๆ










ทานกับคอร์นเฟลกก็อร่อยมากๆ

ด้วยความที่มีรสเปรี้ยวและไม่หนักจนเกินไป เราว่าเหมาะที่จะเป็นเมนูที่ทานหลังอาหารคาวมากๆเลยค่ะ








Create Date : 21 มกราคม 2558
Last Update : 21 มกราคม 2558 17:33:31 น.
Counter : 1555 Pageviews.

2 comment
[Photo] My Homemade Classic Scone
[Photo] Classic Scone

สำหรับสูตรของสโคนนั้น เราเสิร์ชหาในกูเกิ้ลค่ะ

เเละได้เลือกใช้สูตรของคุณบ่งบ๊ง

ชอบที่ขนมออกมากรอบนอก นุ่มใน

ตอนเช้าเอาไปอุ่นในไมโครเวฟ ก็อร่อยเหมือนเพิ่งอบใหม่ๆ






























Create Date : 19 ตุลาคม 2557
Last Update : 19 ตุลาคม 2557 22:49:04 น.
Counter : 1507 Pageviews.

4 comment
[Review] บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Chapaghetti (บะหมี่ดำ)

[Review] CHAPAGHETTI



บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Chapaghetti ยี่ห้อ Nongshim

Korean Black Spaghetti with roasted black bean sauce.

ราคา ประมาณ 40-50 บาท

ซื้อที่ Tops












เทียบขนาดกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไปของไทย
















ซองปรุงรส มีทั้งหมด 3 ซอง















ตอนต้มเส้น ใส่ Flake ลงไปด้วย แต่มันน้อยมากจนไม่รู้สึกถึง Flake เลย



เราลวกผักแช่แข็งใส่เพิ่ม



ใส่ผง และน้ำมันลงไป



คลุกให้เข้ากัน ผงปรุงรสละลายง่าย ไม่จับเป็นก้อน




- R E V I E W -

รสชาติ : รสจะออกเค็มๆ เราว่ามันควรจะมีรสหวานมากกว่านี้

ห่อนี้เรากิน 2 คน คาดว่าถ้ากินคนเดียว ต้องกินไม่หมดเพราะเยอะเกิน และเลี่ยนแน่

เส้น : มันก็คือเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ไม่รู้ทำไมหน้าซองถึงบอกว่าเป็นสปาเก็ตตี้ 555

ต้มแล้วเส้นไม่อืด ไม่พองไปกว่าเดิมเท่าไร  เส้นหนึบดี

ความอร่อย : เฉยๆกับรสชาติ เราว่าจาจังมยอนที่ร้าน Sukishi อร่อยกว่า

ซื้ออีกไหม : ไม่





ในรูปต่อไปคือ เป็นปริมาณที่แบ่งครึ่งแล้ว









Create Date : 28 กันยายน 2557
Last Update : 28 กันยายน 2557 18:32:50 น.
Counter : 9780 Pageviews.

1 comment
[HOW TO] Panna Cotta ขนมหวานอิตาเลี่ยน ทำง่าย อร่อย ดูดี

[HOW TO] Panna Cotta


เราได้ลองทานพันนาคอตต้าครั้งแรกคือตอนไปทานอาหารเซ็ทมื้อกลางวันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ZEN

ซึ่งเป็นขนมหวานที่มีมาให้พร้อมกับเซ้ทอาหารกลางวัน

ซึ่งพอเราทานแล้ว ชอบมากกกก และก็คิดไว้ว่า ต้องกลับบ้านไปหาสูตรมาลองทำ

แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ทราบว่ามันคือพันนาคอตต้า เพียงแต่เดาว่า มันคือ milk pudding 

กลับมาลองเสิร์ช milk pudding ในกูเกิ้ล แต่มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เราตามหา 

และเมื่อหาไปเรื่อยๆ ก็เจอ Panna Cotta พอได้เห็นรูปของพันนาคอตต้าเท่านั้นแหละ ! ใช่เลย! นี่แหละที่ตามหา  

วิธีทำก็ไม่ยาก ส่วนผสมบางอย่างก็มีอยู่แล้วในครัว บางอย่างที่ไม่มีก็หาซื้อได้ง่าย 

เพราะฉะนั้น ... ทำเองเลย Smiley




ส่ ว น ผ ส ม

วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยครึ่ง
นมสด(จืด) 1/2 ถ้วย
เจลาตินแผ่น 4 แผ่น
สตอเบอรี่แช่แข็ง 250 กรัม
สตอเบอรี่สด หรือ ใบสาระแหน่ สำหรับตกแต่งเพิ่มเติม











ขั้ น ต อ น ก า ร ท ำ


นำแผ่นเจลาตินไปแช่ในน้ำเย็น ประมาณ 5-7 นาที จนแผ่นเจลาตินนิ่ม





ใส่วิปปิ้งครีมในหม้อ



ใส่นมสดในหม้อ




ใส่น้ำตาลทราย (น้ำตาลทรายขาวที่บ้านไม่พอ เลยผสมกับน้ำตาลทรายแดงค่ะ)

และใส่แผ่นเจลาติน (ก่อนใส่ บีบน้ำออกจากแผ่นเจลาตินก่อน)

เมื่อทุกอย่างละลายเข้ากันดี ก็ปิดแก๊ส แล้วพักให้ส่วนผสมเย็นค่ะ







มาที่ส่วนซอสสตอเบอรี่

นำสตอเบอรี่ไปปั่นจนละเอียด

** ในส่วนนี้ ขึ้นอยู่กับรสชาติตามความชอบของแต่ละคน

ถ้าใครคิดว่าสตอเบอรี่เปรี้ยวไป ก็นำสตอเบอรี่ที่ปั่นแล้ว ใส่หม้อ ตั้งไฟ แล้วเติมน้ำตาลปริมาณตามชอบ

ถ้าใครพอใจรสชาติสตอเบอรี่แล้ว ก็ไม่ต้องตั้งไฟ เติมน้ำตาลค่ะ





เมื่อส่วนผสมส่วนสีขาวเย็นแล้ว ก็นำไปเทใส่ภาชนะ 
(ขั้นตอนนี้เราลืมถ่ายรูปไว้)

เข้าตู้เย็น รอให้ส่วนผสมเริ่มแข็ง แล้วจึงนำส่วนซอสสตอเบอรี่ไปราดค่ะ

หากใครมีสตอเบอรี่สด หรือใบสาระเเหน่ก็สามารถนำมาตกแต่งได้ตามชอบ










Create Date : 18 มิถุนายน 2557
Last Update : 14 กรกฎาคม 2557 15:59:48 น.
Counter : 1086 Pageviews.

0 comment
[How to] ซุปฟักทอง
 [How to] ซุปฟักทอง

วัตถุดิบ Smiley
1. ฟักทอง  Smiley
2. แครอท
3. หอมหัวใหญ่
4. เกลือ
5. พริกไทย
6. นมสดหรือวิปปิ้งครีม
7. เนย







วัตถุดิบเราไม่ได้ใช้ปริมาณที่แน่ชัดนะคะ กะๆเอาตามความชอบค่ะ Smiley
แต่ฟักทองแนะนำให้เลือกดีๆค่ะ ความอร่อยจะขึ้นอยู่กับฟักทองเลย
เราเคยทำแล้วฟักทองไม่ค่อยหวานอร่อย พอนำมาทำซุปแล้วไม่อร่อยเท่าครั้งก่อนๆเลยค่ะ

ขั้นตอนการทำ Smiley Smiley
1. นำฟักทอง หอมหัวใหญ่และแครอทมาปลอกเปลือก ล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
(ชิ้นเล็กทำให้สุกง่าย)  



2.นำฟักทอง หอมหัวใหญ่ แครอท ไปผัดกับเนยสักครู่ ให้หอมหัวใหญ่สุกเล็กน้อย
(ฟักทองกลบผักอื่นหมดเลย555)




3.เติมน้ำเปล่าให้ท่วมผัก (หรือจะใช้น้ำสต็อกไก่ก็ได้นะคะ เพื่อความเข้มข้น)
เราเคยลองใช้น้ำซุปต้มกระดูกหมู แต่เราว่ารสชาติไม่แตกต่างจากใช้น้ำเปล่านะคะ
หรือเราแยกรสชาติไม่ได้เองก็ไม่รู้ 555 



4. ต้มให้น้ำเดือด พอน้ำเดือด ก็ตั้งไฟอ่อนไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือจนกว่าผักจะนิ่ม

5. นำซุปไปปั่นในเครื่องปั่นจนเนื้อละเอียด (เราแบ่งปั่นสองครั้ง)





6. เทซุปกลับลงหม้ออีกครั้ง ตั้งไฟอ่อน คนๆสักพัก



ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ชิมตามความชอบเลยค่ะ




7. ใส่วิปปิ้งครีมหรือนมสดตามความชอบ Smiley


8. คนให้เข้ากัน.... แล้วก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ
ซุปฟักทองแสนอร่อย กินคู่กับขนมปิ้งกรอบๆตอนเช้าอร่อยมากๆค่ะ SmileySmiley



นี่เป็นซุปฟักทองที่เราทำครั้งก่อนค่ะ ใช้ฟักทองญี่ปุ่นทำ
สีเลยออกมาส้มกว่า





Create Date : 30 พฤษภาคม 2557
Last Update : 14 กรกฎาคม 2557 15:59:36 น.
Counter : 1137 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  

แมมโม่
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



Welcome to http://www.paanporstyle.bloggang.com

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

Twins girl who love makeup

and enjoy eating

♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡

Thank you so much for visit our blog

✿ ❀ ✿ ❀ ✿ ❀ ✿ ❀ ✿