เที่ยวโพรวองซ์ ( Provence ) ที่ ... LOURMARIN
สวัสดีครับ เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว (เหมือนเคย) ที่ไม่ได้พาเพื่อนๆไปเที่ยวที่ใหม่ๆในโพรวองซ์ วันนี้มีเวลาว่างประกอบกับคิดถึงเพื่อนๆด้วย (ดูดีจริงๆ) จึงจะพาเพื่อนๆ เที่ยวไปในโพรวองซ์กันอีกครั้ง...

วันนี้มีความภาคภูมิใจนำเสนอ Lourmarin อ่านว่า ลู-มา-คัง (เหมือนเดิมนะครับ r ของผมนี่จะต้องออกเสียง เคาะๆในลำคอด้วย) หมู่บ้านซึ่งได้คัดเลือกให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส...ในบล็อกที่ผ่านๆมาของผมก็มีหลายหมู่บ้านเหมือนกันนะครับที่ได้รับเกียรตินี้...วันนี้ก็ถึงคิวของที่นี่ Lourmarin


Lourmarin อยู่ทางด้านเหนือของ Aix en Provence ขับรถขึ้นไปประมาณ 42 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียงประมาณ 42 นาทีเท่านั้นเองครับ เกือบสิบโมงเข้าผมและคณะก็มาถึงที่หมาย




ภาพแรกที่เห็นเด่นเป็นสง่าอยู่นั่นคือ Château de Lourmarin (ชา-โต้-เดอ-ลู-มา-คัง) ซึ่งเป็นประสาทเก่าแก่สร้างขึ้นโดย Foulques d'Agoult ขุนนางของโพรวองซ์ในยุคนั้น โดยส่วนที่เก่าที่สุดนั้นเริ่มสร้างมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 15 สร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของป้อมปราการเก่า

สำหรับสนนราคาค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 5.5 ยูโร, นักเรียนและคนตกงาน (Chômeurs) 3 ยูโร เท่านั้น...เด็ก 10-16 ขวบ 2.5 ยูโร และสำหรับเด็กน้อย ต่ำกว่า 10 ขวบ เข้าฟรีครับ

โชคไม่ค่อยดีประกอบกับเวลาไม่เอื้อ วันนั้นเลยไม่ได้เข้าชมด้านในครับ...เข้าไปเดินเล่นในตัวหมู่บ้านดีกว่า


เห็นมั้ยครับ จุดบริการนักท่องเที่ยวของหมู่บ้านนี้ มีเครื่องหมายยืนยันด้วยครับ L’un des plus Beaux Villages de France


Lourmarin เป็นหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ในเขตการปกครอง le département de Vaucluse และ la région Provence-Alpes-Côte d'Azur ที่นี่เป็นหมู่บ้านโพรวองซ์ขนาดเล็กๆ มีประชากรพันกว่าคนเท่านั้นเองล่ะครับ




ช่วงที่ไปนั่น มองไปทางไหนก็จะเห็นเถาองุ่นเลื้อยเต็มไปหมด อย่างที่เห็นด้านบน และด้านล่างนี่ล่ะครับ


ผมชอบมุมด้านบนนี้มากเลยครับ เห็นแล้วมันได้บรรยากาศแบบโพรวองซ์ดี แถมไอเดียสร้างสรรค์ดีด้วย..เป็นของตกแต่งร้านขายของเค้าน่ะครับ...ดึงดูดใจดีครับ ดึงดูดจนลืมดูตัวร้านไปเลย


ผมมาที่นี่เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เองครับ พอดีว่ามีน้องสาวที่สนิทกันและเคยเรียนที่ Aix en Provence เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว...เธอกลับมาโพรวองซ์อีกครั้งเพื่อมาฮันนีมูน...เป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งผมจึงขันอาสาพาน้องและแฟนเค้าเที่ยวโพรวองซ์เป็นของขวัญแต่งงาน...โรแมนติกเป็นที่สุด

วันนี้อากาศดีมาก ปลายเดือนกันยายนอย่างนี้โดยส่วนตัวผมว่าเป็นช่วงที่ดีของการท่องเที่ยวนะครับ อากาศกำลังเย็นสบายเพราะใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ยิ่งในโพรวองซ์นี่ตอนกลางวันๆแดดจะดียิ่งทำให้การเดินท่องเที่ยวสบายยิ่งขึ้น

หมู่บ้านนี้ ร้านค้าจึงค่อนข้างเยอะเพื่อเอาใจ และเอาตังค์บรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย รู้สึกว่าในโพรวองซ์นี่ การไปเที่ยวไม่ว่าจะเมืองใหญ่หรือแม้แต่หมู่บ้านเล็กขนาดไหน ก็ล้วนแต่มีร้านให้ Shopping ทั้งสิ้น ..จึงเตือนไว้สำหรับใครที่จะมา ก็ต้องเก็บหอมรอมริบกันไว้ให้ดีๆล่วงหน้าครับ


และขาดไม่ได้อีกเช่นกัน ไปที่ไหนก็มีร้านกาแฟให้ได้นั่งสบายใจทุกที่ไป




Lourmarin โดยรวมๆ ผมว่าสวยงามนะ เดินไปทางไหนบ้านเรือนก็มีสีสัน โดยเฉพาะบรรดาประตู หน้าต่าง หลากสีฉูดฉาดในแบบ โพรวองซ์หนอโพรวองซ์ จริงๆครับ ..สมกับที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น "หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส" เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบเดินเล่นสบายๆ ไม่วุ่นวายมากนัก...




ด้านบน ขวามือ L’église de Lourmarin เป็นโบสถ์ประจำหมู่บ้าน มีขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เก่าแก่ไม่เบา..

แต่ว่าเดือน ก.ย.ที่ไปนี้ สำหรับฝรั่งเองเค้าจะเลิกเที่ยวกันแล้ว เพราะพวกเค้าเที่ยวกันอย่างเมามันไปหมดแล้วตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. และ ส.ค. จึงเป็นผลดีต่อเราที่คู่แข่งในการท่องเที่ยวจะไม่มากนัก...เดินสบาย ถ่ายรูปสบาย กินก็สบาย





ด้านบนสังเกตดีๆจะเห็นว่า หมู่บ้านนี้ บรรดาป้ายร้านต่างๆจะมีลักษณะไม่เหมือนที่อื่น มีศิลปะ สวยงาม เอาเป็นว่าเอาไว้จะเอามาให้ดูกันจะๆ ในคราวต่อๆไปนะครับ

ส่วนที่เห็นด้านล่างนี้ เป็นเจ้าถิ่นที่แอบติดตามเรามาสังเกตการณ์





พอเห็นน้องหมา น้องแมว น่ารักๆแล้วก็ทำให้หิวขึ้นมาทันที...เชื่อมั้ยครับว่าฝรั่งเนี่ยะชอบหาว่าเรา(คนไทย)กินหมากับแมว !!...ล้อเล่นนะครับ...เดินเล่นจนหมดหมู่บ้านก็บ่ายกว่าๆแล้ว ..แวะไปทานกลางวันเป็นการปิดทริปนี้ด้วยกันนะครับ









Create Date : 29 ตุลาคม 2551
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2552 3:09:30 น.
Counter : 6194 Pageviews.

80 comment
ดิน..แดน..แดง แห่ง Provence
คราวก่อนเมื่อเกือบ 2 เดือนมาแล้ว พาเพื่อนๆไปเที่ยว Roussillon ชมสีสันสวยงามของหมู่บ้าน Provence ที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส « un des plus beaux villages de France » หวังว่าคงจะสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนๆที่ตามไปเที่ยวด้วยกันบ้างนะครับ ไม่มากก็มากที่สุดเนอะ.....

หลังจากหายไปนานวันนี้กลับมาอีกครั้งจะเรียกว่ามานำเสนอเรื่องเก็บตกจากวันนั้นก็ไม่ใช่นะครับ เพราะไปมาใหม่อีกครั้ง...อย่างที่บอกก็สวยนี่ครับก็ต้องไปหาบ่อยหน่อย Roussillon ....


ยังมีอีกมุมหนึ่งของหมู่บ้านนี้ซึ่งไปมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเข้าไปเดินเลย หนนี้เหมาะเจาะครับเลยได้เข้าไปเดินเล่นเก็บภาพมาให้เพื่อนๆดูกันครับ...

ตรงมุมนี้ถูกเรียกว่า « Sentier des ocres » อ่านว่า ซอง-ติ-เย่-เด- ซ้อค(เคอะเบาๆ) ซึ่งหมายถึง ทางเดินแห่ง Ocres ส่วน Ocres คืออะไรนั้น ใครยังไม่ทราบ ขอเชิญชวนกลับไปดูตอนที่แล้วนะครับ... “ สีสัน (สีแดง) แห่งโพรวองซ์ ที่ Roussillon ”







บริเวณนี้ทางหมู่บ้านเก็บอนุรักษ์ไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมความงามอันมีสีสันของธรรมชาติ และ Ocres จากตรงนี้ล่ะที่ในอดีตเคยถูกนำไปใช้ทำเป็นสีทาบ้านและทาอื่นๆ มองๆไปเหมือนดินลูกลังบ้านเราเลย แต่ทำไมมันสวย...







ที่นี่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดินเล่นกันเป็นจำนวนมากครับ อย่างที่เห็นนั่นมีทั้งพวกที่เดินขึ้นและพวกที่เดินลง....เข้ามาเดินในบริเวณนี้ก็จะใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างน้อยครับ เน้นว่าถ้าฟิตๆนะ ..เส้นทางก็จะเป็นแบบเดินขึ้นเดินลงเขาสลับกันไป และมีเส้นทางให้เดินทั้งแบบสั้นและแบบยาวครับ...ก็เลือกกันตามความฟิตล่ะครับ





มองไปทางไหนก็ออกจะแดงๆส้มๆ ไปหมดนะครับ แม้แต่ต้นไม้ก็พลอยจะแดงไปด้วยเลย

....การเข้าไปเดินลุยฝุ่น Sentier des ocres แห่งนี้ก็ สนนราคาอยู่ที่ 2.50 ยูโร ต่อหนึ่งคนครับ...แต่ถ้ามากันเกิน 15 คน ก็จะได้ราคากลุ่ม เป็นเพียงคนละ 1 ยูโร เท่านั้นเอง...ถูกดีเนอะ...ไปเที่ยวไหนก็พยายามชวนเพื่อนไปเยอะๆนะครับ





มีข้อห้ามหลายอย่างที่ผู้มาเยือนต้องไม่ฝ่าฝืนตามที่เห็นนี่ล่ะครับ บางอย่างก็เหลือเกินจริงๆ ใครหว่าจะไปไถลเล่น สีคงติดเต็มตัว...ทุกอย่างคงเคยมีกรณีเกิดขึ้นแล้ว เลยมีการทำป้ายมาติดห้ามเอาไว้ครับ...อย่างพวกมือบอนชอบเขียนชื่อตัวเองทิ้งเอาไว้...ไม่รู้(มัน)ภาคภูมิใจตรงไหน.....





อย่างที่ได้ยินกันบ่อยๆครับ..ไปเที่ยวไหน ”เก็บมาแต่ภาพถ่าย ทิ้งไว้เพียงความทรงจำ” ..ก็พอครับ







Create Date : 28 กรกฎาคม 2551
Last Update : 11 ตุลาคม 2551 2:27:33 น.
Counter : 1272 Pageviews.

29 comment
สีสัน (สีแดง) แห่งโพรวองซ์ ที่ Roussillon
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Bloggang ทุกท่านครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หวังว่าทุกๆคน จะสบายกันดีนะครับ แม้ว่ายามนี้หากมองไปรอบๆตัวของเราๆท่านๆ ก็จะเห็นว่าทำไม ...ปัญหามันเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยธรรมชาติ การเมืองการปกครอง ข้าวยากหมากแพง อันหลังนี่แน่นอนล่ะครับ ผลที่ตามมาก็คือเรื่องของอาชญากรรม ฉก ชิง วิ่งราว...แล้วเดี๋ยวนี้มีแปลกๆกันอีกเยอะ...ก็ระวังๆตัวกันให้ดีนะครับ

เริ่มต้นดูเคร่งเครียดไปนิด...มีวัตถุประสงค์ครับ...เพียงต้องการจะบอกว่า วุ่นวายอย่างนี้...หากเหนื่อยนักก็พักกันซะบ้างนะครับ... “นาย Pompier” อยากจะมีส่วนช่วยเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเพื่อนๆ ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจกันบ้างครับ..เผื่อว่าจะดีขึ้น..ไม่มาก..ก็น้อย..ซักนิดนึงละเนอะ..

เอาครับ..ไปเที่ยวกันดีกว่า วันนี้ผมมีความภาคภูมิใจที่จะนำเสนอ (หลังจากหายหน้าหายตาจากวงการไปนาน) หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุด (อีกแล้ว) อีกแห่งหนึ่งของฝรั่งเศสครับ... Roussillon (ผมอ่านว่า คูส-สิ-ยง)

Roussillon อยู่ในเขตการปกครองที่เรียกว่า โว-คลูส ( Département du Vaucluse) มีประชากรเพียงแค่ ประมาณ 1200 คน สูงจากระดับน้ำทะเล 345 เมตร






ด้านบนนี้..เป็นนาฬิกาแดดครับ...สามารถบอกได้ละเอียด นอกจากเวลาแล้ว ยังบอกวัน เดือน ปี ได้ด้วยนะครับ...ยืนดูอยู่ครู่หนึ่งครับ



การเดินทางไปก็เหมือนเดิมครับ ผมก็เช่ารถเล็กๆขับกันไปกับเพื่อนๆ โดยออกเดินทางจาก Aix en Provence มีทางเลือก 2 ทางครับ รักสบายก็ขึ้นทางด่วนไปเลยครับ แต่จะอ้อมหน่อย ประมาณ 90 กม.ได้ล่ะครับ...หรืออาจจะไปทางธรรมดาก็ได้ครับ แค่ 58 กม.เท่านั้นเอง..หากเลือกแบบหลังนี่จริงๆแล้วก็มีข้อดีหลายข้อนะครับ...แน่ๆไม่ต้องเสียค่าทางด่วน...

ไปถนนสายธรรมดา (La Route Nationale) นี้ เพื่อนๆจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ท้องไร่ ท้องนา สวนเกษตร บ้านเรือน แบบโพรวองซ์ๆ เห็นแล้วก็จะสบายตา สบายใจครับ...มีข้อเสียนิดเดียวคือเมื่อเลือกไปทางนี้ ขับรถไปจะต้องเจอกับวงเวียน (Round Point) จำนวนมากมีไปตลอดทาง ขับๆวนไปเรื่อย อีกทั้งความเร็วก็ได้มากที่สุด 90 กม./ชม. ทางนี้ก็จะต้องขับผ่านหมู่บ้านต่างๆไปเรื่อยๆ พอเข้าหมู่บ้านก็ได้แค่ 50 หรือไม่ก็ 30 จึงเป็นเหตุให้อาจจะไปถึงที่หมายได้ช้าหน่อยน่ะครับ...เอาเป็นว่าจาก Aix en Provence ก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ ก็จะมาถึงยังหมู่บ้าน Roussillon






Roussillon เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ ภูเขาแถวๆนี้จะเป็นสีแดงๆครับ อันเนื่องมาจากว่าภูเขาเหล่านั้นมีแร่ธาติธรรมชาติ คือ Ocre (อ่านว่า อ๊อค(เคอะเบาๆ)) ที่เป็นส่วนประกอบของดินเหนียว แมงกานีสหรือออกไซด์เหล็ก ทำให้มันออกมาเป็นสีแดงๆ ส้มๆ เหลืองๆ อย่างที่เห็นด้านบนนั่นล่ะครับ







ปกติแล้วหมู่บ้านนี้มีประชากรประมาณพันสอง...แต่ที่นี่มักจะเต็มไปด้วยผู้มาเยือนครับ...จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวยิ่งช่วงอากาศดีๆนะครับ






ประตูนี้..เป็นพระเอกครับ..ทำไมหรือครับ..สงสัยมีปรากฎอยู่ในโปสการ์ดของหมู่บ้านนี้ครับ..ใครผ่านไปผ่านมาก็เลยต้องขอชักภาพซะหน่อย






เมื่อเดินเข้ามาในหมู่บ้านนี้..สองข้างทางก็จะเป็นบ้านเรือน..ที่มีสีสันออกโทนสีแดงๆ เป็นไปในแนวทางเดียวกันตลอดทั้งหมู่บ้านครับ








หลายๆหมู่บ้านในฝรั่งเศสมักจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมักจะเหลือร่องรอยประวัติศาสตร์เหล่านั้น ให้เป็นที่เก็บเงินนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราที่ดั้งด้นไปดูกัน แต่หมู่บ้าน Roussillon นี้ ไม่ได้มีเรื่องราวและร่องรอยสำคัญๆให้ดูเหมือนที่อื่นๆ สำหรับที่นี่แนะนำให้ไปดูความสวยงาม สีสันอันได้มาจาก Ocre ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง






รูปนี้เป็นศิลปะนะครับอย่างคิดมาก






ประวัติศาสตร์จะว่าไม่มีเลยซะทีเดียวก็ไม่ได้ครับ เมื่อปี ค.ศ.1780 นาย Jean Etienne Astier ได้ค้นพบว่าที่นี่มี Ocre ที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนประสมทำสี ใช้ผสมปูนทาบ้านเรือน และอื่นๆได้อย่างสวยงาม และทางการก็ได้อนุญาตให้นาย Jean Etienne Astier เป็นผู้ผลิต Ocre รายแรก ต่อมาในปี ค.ศ.1810 การขยายตัวของการผลิต Ocre ก็มีมากขึ้น โรงงานใหญ่ๆก็เกิดขึ้นตามมา ทำให้เกิดมลภาวะโดยเฉพาะฝุ่นสร้างความเดือนร้อนให้กับชาวบ้านที่นี่อย่างมาก อย่างไรก็ตาม Ocre จึงเป็นสมบัติอันล้ำค่าและกลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านนี้จนถึงปัจจุบัน








ด้านบนนี้ก็เป็นหอระฆัง มีนาฬิกาด้วย...เป็นประตูเมืองเก่าแก่ ช่วงศตวรรษที่ 19 ก็ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นมุมหนึ่งของโบสถ์ประจำเมืองด้วยครับ






อันนี้ผมชอบครับ...นอกจากบ้านเรือนมีสีสันสวยงามแล้ว...รถแถวๆนั้นก็คันเล็กๆ (เหมาะกับหมู่บ้านเล็กๆ ขับสะดวก) และสีสันก็สวยงามไม่แพ้กัน








ช่วงที่ผมไป พร้อมกับเก็บภาพมานี้ เป็นต้นเดือน พ.ค.ครับ อากาศกำลังดีครับไม่ร้อนจนเกินไป ท้องฟ้าก็ฟ้าใสเชียวล่ะครับ ลมพัดเบาๆกำลังสบายจริงๆ...และแน่นอนครับช่วงนี้ล่ะเป็นช่วงที่เราจะได้เห็นดอกไม้สวยๆเต็มไปหมดครับ






ป้ายด้านบนนี้...เค้าเตือนน่ะครับว่า..อันตรายนะ จุดนี้อยู่สูง 35 เมตรนะ ให้ระวัง..โดยเฉพาะเด็กๆน่ะครับ...ก็สูงน่ะครับ มองไปรอบๆก็เห็นภูเขารอบๆเป็นสีแดงๆอยู่ครับ






ว่ากันว่ามาเที่ยวยุโรป หากเป็นคนไม่เข้าวัดเข้าวา (รวมทั้งเข้าโบสถ์ด้วย) แล้วล่ะก็ ท่านจะขาดที่เที่ยวไปกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวครับ...ก็แหงล่ะครับไปที่ไหนเค้าก็มีโบสถ์ประจำเมือง..และมักจะสวยงาม เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง..ที่นี่ก็อีกเช่นกันครับ พลาดไม่ได้






โบสถ์แห่งนี้ชื่อว่า Eglise St Michel เริ่มมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ครับ..ก็เก่าใช้ได้นะผมว่า...ขนาดกระทัดรัดเหมาะกับจำนวนคนดีครับ









เป็นอย่างไรครับ สีสัน แดงอย่างที่บอกมั้ยครับ..ผมชอบบ้านที่เป็นหินอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ แบบตั้งใจไม่ต้องฉาบปูน..ที่นี่ยิ่งสวยเมื่อมันออกเป็นสีแดงๆอย่างนี้ล่ะครับ...แถมมีสีต้นไม้เขียวๆมาตัดอีก






เดินมานานแล้ว เริ่มเหนื่อยและกระหายน้ำ...นี่ครับ EAU POTABLE เป็นป้ายที่แสดงว่าน้ำนี้..ดื่มได้..ไม่ต้องห่วงครับ..น้ำใส..ไม่แดงอย่างที่คิดหรอก






และที่ขาดไม่ได้ครับ สำหรับที่ที่มักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว...ก็บรรดาร้านค้าต่างๆ ซึ่งมักจะแข่งขันกันตกแต่งร้านให้ น่ารักๆมีสีสัน เต็มไปด้วยของพื้นเมืองและของกระจุกกระจิกสวยๆเพียบ..









หากไม่มั่นใจน้ำจากก็อกเมื่อสักครู่ล่ะก็ ..เดินมาอีกนิดเดียว ก็มีร้านที่บรรยากาศน่านั่ง..สั่ง Pastis (ปาส-ติส คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยอดนิยมแถวนี้) สักแก้ว..ชื่นใจล่ะครับ





Ocre ยังสามารถนำไปทำสีต่างๆได้อย่างสวยงาม ไม่ใช่เพียงแต่สีแดง ส้ม เหลือง ลองดูสิครับ เพียบเลย ...








ทั้งหมด..เริ่มต้นมาจากธรรมชาติที่ให้สิ่งดีๆกับเรามา ความเก่งกาจของมนุษย์เรานี่เอง ก็นำมาพัฒนาต่อยอดจนได้สีสวยๆมาใช้กัน ทำให้มีบ้านเรือนสวยๆ อย่างที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นต้น






อย่างที่บอกไปแล้วครับว่า หมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส เพื่อยืนยันความงามของที่นี่ ปิดท้ายกันด้วยภาพบรรดาศิลปินจำนวนมากที่กำลังตั้งใจถ่ายทอดความงามเป็นภาพเขียนอยู่....หวังว่าภาพเหล่านั้นคงงดงามไม่แพ้ของจริงนะ



ประกาศครับ : เพื่อนๆที่สนใจจะมาเที่ยวชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในโพรวองซ์ ต้องเตรียมตัวได้แล้วนะครับ...อย่าลืมว่าช่วงที่ดีที่สุดจะเป็นปลายเดือน มิถุนายน นะครับ...ใครที่จะมาดูล่ะก็จองตั๋วได้แล้วนะครับ...และกลับไปทบทวนความงามกันก่อนได้ที่...เที่ยวงาน "ลาเวนเดอร์" ที่ Valensole...







Create Date : 22 พฤษภาคม 2551
Last Update : 11 ตุลาคม 2551 2:31:31 น.
Counter : 3195 Pageviews.

74 comment
เที่ยวเมือง Gordes และหมู่บ้านหิน 3,300 ปี "le Village des Bories"
สวัสดีครับ วันนี้ "นาย Pompier" จะพาเพื่อนๆ เดินทางต่อจาก Fontain de Vaucluse ไปทางทิศตะวันออก 13 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็จะถึงหมู่บ้าน Gordes อ่านว่า ก็อก(เดอะ) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ภูเขา โดยมีบ้านเล็กใหญ่ตั้งลดหลั่นกันไป

Gordes อยู่ในเขตเทือกเขา Luberon (อ่านว่า ลู-แบ-คง) แรกเริ่มเดิมที Gordes มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ พอมาในสมัยโรมันก็ได้มีการสร้างบ้านเรือนบนยอดเขา เน้นนะครับว่า "ยอดเขา" ต่อมาในสมัยยุคกลางประชาชนก็ย้ายกันมาอยู่ และสร้างบ้านเรือนเพิ่มเติมจนเต็มภูเขาอย่างที่เห็น
ในปี ค.ศ.1944 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หมู่บ้าน Gordes ได้ถูกทำลายเป็นส่วนใหญ่จากกองทหารเยอรมัน หลังจากนั้นก็ได้มีการสร้าง ซ่อมแซมขึ้นใหม่เป็นหมู่บ้าน Gordes ในยุคปัจจุบันนี่ล่ะ...ซึ่งเค้าว่ากันว่า มีข้อดีเหมือนกัน..คือได้มีการจัดวางผังเมืองใหม่ได้อย่างสวยงาม




ก่อนถึงตัวหมู่บ้านจะมีจุดชมวิวซึ่งผมเชื่อว่าไม่ว่าใครจะมาคงต้องแวะที่จุดนี้...และจากจุดนี้เองที่สามารถมองเห็นหมู่บ้าน Gordes ในมุมที่สวยงาม อีกทั้งทิวทัศน์บริเวณรอบๆหมู่บ้านด้วย










ภาพด้านล่างนี้ ใกล้จุดชมวิวครับ เป็นบ้านคน ที่เห็นยื่นออกไปนั้น เป็นระเบียงบ้านเป็นหินวางยื่นออกมา มุมนี้วิวดีทีเดียวครับ







เสร็จจากตรงจุดชมวิวก็ขึ้นรถไปต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงตัวหมู่บ้าน สามารถขับรถขึ้นไปได้ถึงด้านบน แต่ต้องแน่ใจว่าวันนั้นไม่ได้มี "ตลาดนัด" เหมือนครั้งที่ผมไปล่าสุดก็เลยไม่มีที่จอดรถ ในกรณีไม่มีตลาดนัดที่ว่า จะมีที่จอดรถด้านบน

...ลงรถมาเราก็จะเห็น Château de Gordes ซึ่งสร้างมาครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ.1031 และทำใหม่อีกครั้ง ค.ศ.1525 เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันเมือง ปัจจุบันภายในมี "le Musée Musée Pol Mara" แสดงผลงานของ Pol Mara ศิลปินชาวเบลเยียมครับ ค่าเข้าชมแค่ 4 ยูโรเท่านั้นเอง อันนี้ยังไม่ได้เข้าเลยครับ ...เอาไว้คราวต่อๆไป










...เดินถัดมาไม่ไกล ไม่น่าจะเกิน 50 ก้าว ก็จะพบกับ Eglise Saint-Firmin เริ่มแรกมีมาแต่ยุคโรมัน ศตวรรษที่ 12 แต่มาทำใหม่เป็นอย่างที่เห็นนี่ก็ในศตวรรษที่ 18 ภายในมีรูปวาดฝาผนัง เป็นรูปพระแม่มารี และบรรดา Saint ต่างๆ สวยเชียวล่ะครับ













ป้าย "Monument historique" แสดงไว้เพื่อหมายถึงสถานที่ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สำหรับตรงนี้เป็นทางเข้า "les Caves du Palais Saint Firmin" เป็นห้องใต้ดินเก่าแก่ที่ใช้เก็บของ ปกติจะเป็นจำพวกไวน์ และน้ำมันมะกอกครับ




ต่อไปจะพาไปเดินเล่นดูบ้านดูเมือง ของชาวบ้านหมู่บ้าน Gordes กันครับ ...หน้าเดิน..






















...ก่อนออกจากหมู่บ้าน ขอแวะตลาดสักหน่อยครับ ที่นี่จะมีตลาดนัด ทุกวันอังคารช่วงเช้า ครับ ร้านที่นี่ส่วนมากจะขายผลิตภัณฑ์พื้นเมืองโพรวองซ์ครับ ผลไม้ ผัก มีให้เลือกกันสดๆ

ที่เห็นด้านล่างนี้เป็นมะกอกดองแบบต่างๆ หลากรส ทานเป็น apéritif อร่อยดีครับ







ร้านนี้ขายผ้าโพรวองซ์สีสรรสดใส




ส่วนนี้เป็นเทียนหอมครับ ไอเดียดี รูปร่างแปลก ราคาก็กระถางละ 15 ยูโรครับ




กลิ่นอายลาเวนเดอร์ยังไม่หายจากโพรวองซ์...







...เสร็จจากเดินตลาดที่เมือง Gordes ผมก็กลับขึ้นรถเดินทางกันต่อ ห่างไปอีก 4 กิโลเมตร ผมก็ขับรถเรื่อยๆ สบายๆ ชมทิวทัศน์ประมาณ 10 นาทีก็ถึงเป้าหมาย "หมู่บ้านหิน 3300 ปี le Village des Bories" อ่านว่า เลอ วิล ลาจ เด โบ คลี่..(ค.ออกเสียงเคอะในลำคอนะครับ)




...ที่ว่า 3,300 ปีนี้ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หมู่บ้านหินที่นี่เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (Préhistorique) ซึ่งอยู่ในยุคที่เรียกว่า l’Âge du bronze ( ช่วง 3,000 ถึง 750 ปี ก่อนคริสตศักราช ) อยู่กันมาต่อเนื่องเป็นเวลา 3,000 ปี จนมาถึงที่ใหม่สุดของหมู่บ้านนี้ สร้างในสมัยสตวรรษที่ 18 ..ใหม่มาก (อ้างอิงจาก www.gordes-village.com) ...โดยแรกเริ่มเดิมที การสร้างบ้านแบบนี้มีอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี และทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส

...ลักษณะของ Borie เป็นการนำหินมาเรียงตั้งขึ้นไปป็นกระท่อม โดยไม่ได้ใช้วัสดุยึดใดๆ จินตนาการนะครับว่าหินหนักๆแบบนี้มาเรียงรายกันอยู่ให้เราดูจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร วิศวกรสมัยนั้นเค้าเก่งจริงๆครับ




เพื่อให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ผมก็เลยตีตั๋วเข้าไปชมราคา 5 ยูโรครับ ด้านในหมู่บ้านนี้จะประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวต่างๆของชาวโพรวองซ์ที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ในอดีต และแน่นอนเราต้องไปดูว่ากระท่อมหินเหล่านี้ด้านในมีอะไรบ้าง ตามผมมาครับ...




...เริ่มต้นที่ห้องเก็บเอกสาร (Maison des documentations) หลังนี้ค่อนข้างใหม่มาสร้างเพิ่มเติมในสมัยศตวรรษที่ 17 ลักษณะเลยแตกต่างจากกระท่อมอื่นๆ








...หน้าตาเอกสารยุคศตวรรษที่ 18 จากซ้ายไปขวา พาสปอร์ต บัตรประจำตัวประชาชน ใบคำสั่ง และใบรับรองจบการศึกษาครับ

ด้านล่างนี้เป็น Passport ประเภท 1 ปี สมัยนั้นยังไม่มีรูปติดสวยงามแบบตอนนี้ ดังนั้นทางราชการจึงต้องเขียนรูปร่าง ลักษณะอย่างละเอียด แต่ว่าลายมือค่อนข้างอ่านยาก Passport ใบนี้เป็นของคุณลุงท่านหนึ่งอายุ 92 ปี ลงวันที่ 18 กรกรฎาคม 1826




ออกจากห้องเอกสาร เดินกันต่อครับ... พบกับเตาอบแบบโบราณ (Four) ซึ่งจะเห็นล่องรอยการใช้งานเป็นเขม่าสีดำติดอยู่บนเพดานกระท่อมครับ







...กระท่อม Borie แบบดั้งเดิมจะมีอยู่ชั้นเดียว ซึ่งจะแยกส่วนต่างๆออกจากกัน บ้านหนึ่งครัวเรือนก็อาจจะมีกระท่อมที่นอน กระท่อมคร้ว กระท่อมเก็บสัตว์และพืช กระท่อมเก็บไวน์ etc.. มาเดินดูบริเวณรอบๆกันต่อครับ













...ประชากรในหมู่บ้านนี้อาศัยอยู่ที่นี่จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นก็มีการซ่อมแซม ปรับปรุงกระท่อมมาเรื่อยๆ













...เข้ามาดูในบ้านกันครับ ว่ามีอะไรบ้าง หลังนี้ซ่อมแซมมาเลยมีร่องรอยฉาบผนัง เป็นกระท่อมเดียวทั้งหมู่บ้านที่มีลักษณะนี้ครับ




...หากสงสัยว่า เค้าเอาหินมาวางเรียงๆกันเป็นกระท่อมแล้วมันอยู่ได้อย่างไร?

ภาพด้านล่างนี้เป็นคำตอบส่วนหนึ่ง หินพวกนี้ได้สกัดเพื่อนำมาเข้ามุมในการสร้างบ้านครับ







รูปด้านล่างเป็นภายในกระท่อมเก็บผลผลิตทางการเกษตร และนี่เป็นเครื่องมือการเกษตรครับ







...เดินเข้ากระท่อมโน้น กระท่อมนี้ 20 กว่ากระท่อม รู้สึกเย็นสบาย ไม่ร้อนเลยครับ อาจเนื่องจากว่า เค้าได้ทำทางระบายลมไว้อย่างดี ไม่อบอ้าว จนไม่อยากออกมาสู้แสงแดดด้านนอกเลยทีเดียว







...มาเดินเล่นในหมู่บ้าน le Village des Bories เหมือนได้ย้อนเวลาไป 3,000 ปีที่แล้ว ถึงเวลาต้องขึ้น Time Machine กลับสักที...







Create Date : 15 สิงหาคม 2550
Last Update : 16 เมษายน 2553 19:56:37 น.
Counter : 5611 Pageviews.

75 comment
"Fontaine de Vaucluse" หนึ่งต้นน้ำ..ในโพรวองซ์






...ช่วงนี้ยังคงอยู่ในช่วงเวลาแห่ง Vacances ชาวฝรั่งเศสหยุดงานพักผ่อน ออกเที่ยวกันไปในที่ต่างๆ ผมก็เช่นกันต้องปฎิบัติตนตามสถานการณ์ ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าหาว่าไม่เข้าพวก

อากาศยังร้อนอยู่สมกับเป็นหน้าร้อน ที่ชอบๆที่ควรไปก็หนีไม่พ้น แหล่งน้ำซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความร้อนทั้งกายและใจให้เราได้ วันนี้จึงออกเดินทางจากบ้าน แน่นอนที่สุด Aix-en-Provence เดินทางมุ่งหน้า Le département de Vaucluse ซึ่งเป็น département หมายเลย 84 ของฝรั่งเศส (ฝรั่งเศสมีเขตการปกครองที่เรียกว่า département โดยกำหนดให้มีเลขกำกับไว้ด้วย...เช่น Bouches-du-Rhône ซึ่งมี Aix-en-Provence อยู่ในนั้นด้วย เป็นหมายเลขนำโชค 13 , ส่วน Paris หมายเลข 75 เป็นต้น)




สำหรับเมืองเป้าหมายของผมในวันนี้ได้แก่ Fontaine de Vaucluse อ่านว่า ฟง-แตน-เดอ-โว-คลูส ห่างจาก Aix 85 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 5 นาที




เมื่อเข้าถึงตัวเมืองสิ่งทีเราพบเป็นอย่างแรกคือ la colonne de Pétrarque สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1804 เพื่อเป็นเกียรติและฉลองแก่การครบรอบ ปีที่ 500 วันคล้ายวันเกิดของ Pétrarque (Francesco Petrarca ou Pétrarque) เป็นนักมนุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเคยอยู่อาศัยที่ Fontaine de Vaucluse เมื่อ ค.ศ.1337-1353







ห่างเพียงไม่กี่เมตรจาก la colonne de Pétrarque ก็เป็นธารน้ำใสไหลเย็น (อันนี้ภายหลังได้ลองสัมผัสก็เย็นจริงๆครับ) ...สังเกตดีๆมีความแตกต่างภายในภาพระหว่างภาพบนกับภาพล่างนี้นะครับ (เอาไว้เฉลยท้ายเรื่องครับผม)










เนื่องจากที่นี่เป็นธารน้ำ ที่น้ำเยอะใช้ได้และไหลดี...จึงกลายเป็นที่หนึ่งที่ใช้ในการเล่นเรือด้วยครับผม...เห็นน้ำอย่างนี้นึกถึงหากได้ลงเล่นบ้างคงจะสนุกไม่เบา..







ด้านล่าง..ไอ้ที่เห็นเป็นไม้สีขาวสลับเขียว หรือขาวสลับแดงนั่น เค้าไว้บังคับให้เรือพายผ่านน่ะครับ...แต่ตอนไปไม่เห็นใครเล่นอยู่เลยน่ะ..สงสัยไม่ใช่เวลาของเค้าครับ







เดินมาไม่ไกลนักจาก la colonne ก็จะพบกับโรงผลิตกระดาษจากพลังน้ำ Vallis Clausa "Moulin à Papier" ( Moulin à Papier คำนี้น่าจะหมายความได้ว่า "กังหันที่ผลิตกระดาษ")










เก่าแก่มากครับทำกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ได้พลังจากน้ำมาหมุนกังหันให้ขับเคลื่อนเครื่องจักรในการผลิตกระดาษ







การผลิตกระดาษก็ได้กระทำเรื่อยมา จนศตวรรษที่ 19 ก็เริ่มทำน้อยลงเนื่องจากการพัฒนาของเครื่องจักรผลิตกระดาษสมัยใหม่ที่เข้ามาแทนที่...ลดลงๆ จนกระทั่งปิดตัวลงไปเมื่อ ค.ศ.1968







หลังจากออกจากโรงผลิตกระดาษก็อยากรู้ขึ้นมาว่าน้ำไหลมาจากไหน..ก็เลยว่าเดินขึ้นไปดู ซึ่งก็ได้ทราบมาว่าเมื่อเดินไปเรื่อยๆตามทางจะไปพบกัน "la Source" หรือ "ตาน้ำ" (ตาน้ำ คือ บริเวณที่น้ำผุดขึ้นมา) ก่อนออกไปก็แวะร้านน้ำซะหน่อยเลือกสีตามชอบใจ




ใกล้ๆกันมีร้านอาหาร ที่บรรยากาศเป็นอย่างที่เห็นครับ...อยู่ริมธารน้ำ...นั่งจิบกาแฟ..เสียงน้ำที่ไหล ใส เย็นชื่นใจอย่างนี้...เห็นอย่างนี้ได้นั่งก็คง..ไม่ยอมลุกล่ะครับ...




แต่ยังนั่งไม่ได้ตอนนี้ จะต้องไปหา "ตา" ก่อน ...ภาพที่เห็นต่อไปนี้ เป็นระหว่างทางที่ผมเดินเพื่อมุ่งหน้าไปหา "ตาน้ำ"
















ธารน้ำที่นี่ ถือเป็นแหล่งที่น้ำแรงที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส โดยปีหนึ่งกำเนิดน้ำถึง 630ล้าน ลูกบาศก์เมตร ...ที่นี่แหล่ะครับเป็นต้นทางของแม่น้ำ la Sorgue (ลา-ซอคก์) ที่ไหลผ่านหลายๆเมืองในโพรวองซ์แถบนี้ และน้ำในธารน้ำสีเขียวมรกตที่เห็นนี้ มีอุณหภูมิคงที่ ที่ 12-13 °C ครับ เย็นสบายนะครับ












เดินมาเรื่อยจนมาชนกับตีนเขามองขึ้นไปก็เห็นเป็นหน้าผาอย่างนี้...แล้วไหนล่ะ.."ตาน้ำ"




เมื่อมองลงไป พบแล้วครับ "la Source" หรือ "ตาน้ำ" บอกตามตรงผมก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกันครับ



ถ้าไม่มีใครบอกก็คงไม่รู้ว่านี่หรือคือ..ตาน้ำ...ลองกะประมาณขนาดดูนะครับก็ไม่ใหญ่มาก มองไปไม่เห็นด้านล่างเลยครับ มืดเชียว..และก็ไม่รู้ว่าน้ำมากมายที่เห็นมาจากไหนกัน..ธรรมชาตินี่ช่างแปลกดีนะครับ

...สงสัยใช่ไหมครับว่า ไอ้เจ้าตาน้ำนี่ มันมีความลึกเท่าไหร่ ?
คำตอบคือ...ไม่ทราบครับ เนื่องจากว่ามีนักประดาน้ำมาพยายามวัดความลึกของตาน้ำนี้หลายต่อหลายครั้ง ในครั้งแรกทำเมื่อปี 1879 และต่อมาหลังนักประดาน้ำที่สามารถวัดได้ลึกที่สุดในปี 1983 ได้ทำสถิติเอาไว้ที่ 205 เมตร
...จากนั้น สถิติสุดท้ายทำโดย หุ่นยนต์ประดาน้ำ สามารถวัดความลึกได้ที่ 318 เมตร แต่ก็ยังไปไม่ถึง ก้นของตาน้ำ...อยู่ดีครับ

จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถวัด และยืนยันได้ว่า "ตาน้ำ" ที่เราเห็นนี้มีความลึกเท่าไหร่กันแน่ ???


เดินย้อนกลับมา เพื่อกลับขึ้นรถเห็นมีร้านค้า ขายของสไตล์โพรวองซ์ก็เลยแวะดูซะหน่อย มีหลายอย่างสวยดีครับ พอมีอะไรให้ติดไปเป็นที่ระลึกซักหน่อยครับ...










หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ...อ้าว!...ลืมกินกาแฟเลย!...




เฉลยคำถามประจำ Blog : ความแตกต่างมีด้วยกัน 2 จุด คือ 1. รูปล่างไม่มี"ต้นไม้ห้อย" ตรงระเบียงสีเขียวๆ 2. รูปบนไม่มี"น้ำไหล" ตรงขอบหินเหมือนรูปล่าง.. ทั้งนี้เนื่องจากภาพล่างถ่ายไว้เมื่อครั้งก่อนๆครับ ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นดังรูปบน..ขอบคุณที่ร่วมสนุกนะครับ






Create Date : 11 สิงหาคม 2550
Last Update : 11 ตุลาคม 2551 2:43:58 น.
Counter : 3026 Pageviews.

115 comment

pompier
Location :
Provence-Alpes-Côte d Azur  France

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



+






หนาวนี้ที่โพรวองซ์ ตอน 1 : หิมะหลงทางที่ Aix en Provence 12/01/09
Le Pont du Gard มรดกโลก 2,000 ปี 09/11/08
เที่ยวโพรวองซ์ ( Provence ) ที่ ... LOURMARIN 29/10/08
ดิน..แดน..แดง แห่ง Provence 28/07/08
สีสัน (สีแดง) แห่งโพรวองซ์ ที่ Roussillon 22/05/08






web counters


MY VIP Friend